" พี่เทียน..เดี๋ยวพี่เจนมา.. "เสียงห้ามแผ่วเบา พลางเอียงหน้าหลบเล็กน้อยทั้งๆที่ใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อ
"เจือบอกพี่ว่า เจนจะไปนานไม่ใช่เหรอ..." ว่าพลางขยับเข้าหาอีกฝ่ายอีกนิด นี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าเจนสุดากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ข้างบน แต่ก็อยากจะสัมผัสอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ปลายจมูกโด่งได้รูปนั้นฝังลงที่ข้างแก้มของจุนเจือ
" ก็ใช่..แต่..อื้อ " ริมฝีปากที่ห้ามแผ่วๆนั้นถูกปิดด้วยริมฝีปากของพี่เขย ปลายลิ้นควานค้นหยอกเย้า จนเคลิบเคลิ้ม
สองมือแกร่งของทินกฤตยกร่างของจุนเจือขึ้นนั่งบนเคาท์เตอร์ ก่อนจะเลื่อนมาไล้สัมผัสที่แผ่นอกบางนั้นผ่านผิวผ้าโดยที่ริมฝีปากองตัวเองก็ยังไม่ได้ละหนีไปไหน
มือเรียวที่เกาะกับพื้นเย็นๆของเคาท์เตอร์จิกแน่นเพื่อห้ามตนเองแต่ที่สุดแล้วก็ยกมือทั้งสองข้าเกาะไหล่แกร่ง ลากไล้ไปเรื่อย ร่างเพรียวแอ่นรับสัมผัสจากมือแกร่ง พยายามอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงใดๆออกไป
มือของทินกฤตค่อยเลื่อนลงต่ำสอดขึ้นจากชายเสื้อเชิ๊ตที่ถูกดึงออกมานอกกางเกงของเด็กหนุ่มเข้าสัมผัสผิวเนื้อแท้อย่างยั่วเย้า ริมฝีปากพลางละจากความหอมหวานนั่นละเรื่อยลงมาที่ผิวเนียนที่ลำคอของอีกฝ่าย จูบไล่เรื่อยราวกับจะชิมรสให้ได้ทุกตารางนิ้วบนผิวกายของเด็กหนุ่มโดยที่ไม่คิดจะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้
สัมผัสร้อนตามผิวกายปลุกเร้าอารมณ์ที่ไม่ควรจะเกิดที่นี่ให้คุกรุ่น เสียงหอบหายใจแรงจนต้องยกมือข้างหนึ่งปิดปากของตนไว้ มืออีกข้างลูบผิวหน้าขาวของพี่เขยไปมา อย่างห้ามตนเองเอาไว้ไม่ได้
ทินกฤตกลั้นลมหายใจ เขารู้สึกเหมือนจะขาดใจ เช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายในตอนนี้ อยากจะสัมผัสให้ทั่วท้วนแต่ความคิดที่ว่าเจนสุดาจะเดินกลับลงมาเมื่อไรก็ยิ่งหลอกหลอน ชายหนุ่มทรุดตัวลงบนเข่าทั้งสองข้างตรงหน้าของอีกฝ่าย มือแกร่งปลดเข็มขัดออกจากเอวของอีกฝ่าย ตามด้วยกระดุมเม็ดเล็ก ซิปถูกดึงร่นลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่คมสบตาของเด็กหนุ่มนิ่ง ใบหน้าสวยของจุนเจือนั้นแดงก่ำและเต็มไปด้วยความต้องการ
" พี่..จะทำ..อะไรน่ะ? " เสียงนุ่มสั่นเพราะไม่คุ้นเคย ดวงตาคู่สวยฉ่ำเยิ้มมองไปที่บันไดสลับกับดวงตาที่มีแต่ความต้องการ
"พี่ไม่อยากให้เจือ ทรมาน" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงด้วยเสียงแหบพร่า รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าทรมานแค่ไหน กลัวแค่ไหน แต่อีกครั้ง..เขาก็รู้ดีว่าร่างกายตรงหน้านี้อ่อนไหวเพียงใด ปลายนิ้วขยับไล้กับสิ่งที่อยู่ใต้ผิวผ้า ก่อนปลดปล่อยให้แก่นกายร้อนของเด็กหนุ่มได้ออกมาพ้นจากการรัดรึงของผ้าผืนบาง ริมฝีปากของทินกฤตรับเอาความต้องการของอีกฝ่ายเข้าไปก่อนขยับปรนเปรอให้จุนเจือ สองมือที่ยึดขาของอีกฝ่ายเอาไว้นั้นรู้สึกได้ว่าร่างบางของคนรักนั้นกระตุกรุนแรงด้วยความตกใจ
" อ๊ะ! " ร่างบางกระตุกร่างอย่างรุนแรง พลางร้องออกมาเมื่อริมฝีปากร้อนดูดรัดความต้องการของตน มือเรียวข้างเดิมถูกยกขึ้นปิดปากตนเองแน่น พยายามเหลือเกินที่จะไม่ให้ตนเองส่งเสียงใดๆออกไปได้อีก หากแต่ริมฝีปากร้อนที่ช่ำชองนั่นกลับเร่งเร้าจนเขาทนไม่ได้
ทินกฤตเร่งเร้าร่างของเด็กหนุ่ม ด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนและปลายนิ้วช้ำชอง ดวงตาคมเหลือบมองปฏิกิริยาของจุนเจือที่แสนจะยั่วยวนนั้นพลางพยายามอดกลั้นความรู้สึกของตน ตรงกันข้าม เขากลับเร่งเร้าอีกฝ่ายมากขึ้นอีก จนสุดท้ายร่างบางนั้นก็กระตุกปลดปล่อยตนเองออกมา ทั้งๆที่ยังยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าตนอย่างอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เลย เขากลั้นอมเอาของเหลวนั้นเอาไว้ก่อนจะลุกเดินไปที่ซิงค์น้ำแล้วคายออก เปิดน้ำล้างปากและคราบสีขาวขุ่นนั้นให้หายไป
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดหลังริมฝีปากก่อนจะเดินกลับมาหาจุนเจือที่ยังหอบหายใจแรงที่บนเคาท์เตอร์ ท่อนล่างเปลือยเปล่า กางเกงนักศึกษาและขั้นในกองอยู่ที่ข้อเท้าที่ยังใช้ทรงตัวให้ยืนเอาไว้ได้อยู่ ร่างสูงทรุดตัวลงค่อยดึงกางเกงขั้นในขึ้นใส่ให้เด็กหนุ่มตามด้วยกางเกง
จุนเจือค่อยๆขยับตัวลงจากเคาท์เตอร์ มือสั่นๆนั้นพยายามแต่งตัวให้ตัวเองไปด้วย ใบหน้าสวยยังคงแดงก่ำด้วยอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นมา และเร่งเร้าจนเขาต้องปลดปล่อยออกมาในที่ๆไม่สมควร
แต่อีกฝ่ายล่ะ?
คิดได้แบบนั้น คนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงหันมาจับมือของคนรักให้หันมาหาตน ..ความร้อนของผิวกายนั่นคงเป็นคำตอบให้เขาได้อย่างดีแล้ว แต่ก็ยังถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
" แล้วพี่..ไม่เป็นไรเหรอ? "
ทินกฤตยิ้มพลางส่ายหน้า พลางยกมือแกร่งขึ้นไล้ผิวแก้มที่ยังร้อนผ่าวและชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย
"พี่ทนได้...ขอโทษนะที่เอาเปรียบเราอีกแล้ว"
ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะพยักเพยิดให้อีกฝ่ายไปจัดการกับไก่ที่เจนสุดาสั่งให้เรียบร้อยเสียที
"เจือ...." มือแกร่งยังคงจับปลายนิ้วของอีกฝ่ายเอาไว้เหมือนลังเลที่จะบอกลา
" ไปดูทีวีไป เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง"
+++++++++++++++++
ทินกฤตจัดการทุกอย่างที่เจนสั่งไว้ก่อนจะขึ้นไปโทรศัพท์อย่างเงียบๆ ขณะลงมีดหั่นไก่ไปก็พยายามที่จะไม่นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะกระทำกับจุนเจือไปในห้องครัวแห่งนี้ ร่างสูงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกสงบสติของตัวเองให้ได้มากที่สุดแม้มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตามที
"มาแล้ว เทียนไก่เป็นไงบ้าง..." พลันร่างเล็กของเจนสุดาแทบจะกระโดดลงมาจากด้านบน
"อ่ะ...เอ่อ...ก็ใกล้เรียบร้อยแล้วเนี่ย หมักไก่อยู่" ว่าพลางก็ออกแรงคลุกเคล้าเนื้อไก่เข้ากับเครื่องปรุงที่เตรียมเอาไว้
เสียงของพี่สาวที่ดังมาจากในห้องครัวทำให้คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่เงียบๆต้องสะดุ้ง จุนเจือถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาตัวโปรดของทินกฤต
" เจือหิวแล้ว..ทอดเลยๆ อยากกินแล้ว "เด็กหนุ่มเรียกร้องจะเอานั่นนี่เหมือนเด็กๆ .. พยายามอย่างยิ่งที่จะทำตัวอย่างทุกที
"เจือ...ร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมหน้าแดงขนาดนั้น ปรับแอร์ไหม?" เจนสุดาหันไปมองหน้าน้องชายที่ดูจะแดงกว่าทุกครั้ง ผิวขาวของจุนเจือนั้น หากตื่นเต้น หรือ ไปออกกำลังกายมาจะเห็นได้ชัดทีเดียว
"เอ่อ...เจน ทอดไก่เถอะ ผมหิวแล้วเหมือนกัน" เมื่อเห็นเจนสุดาจะเดินเข้าไปใกล้น้องชาย ทินกฤตรีบส่งเสียงเรียกเอาไว้ก่อน
"อ๊ะ...อ้อ ขอโทษทีนะ เจือ ร้อนก็ไปปรับแอร์เอาเองนะ..." ปลายนิ้วเรียวชี้ไปอีกทาง วันนี้ดูเจนสุดาจะยุ่งกับการรับโทรศัพท์มาทั้งวัน และสายจากฝรั่งเศสก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เด็กหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะหาเรื่องต่อว่าอีกฝ่ายเช่นเดิม
" ร้อน..ร้อนก็เพราะพี่เทียนมาอยู่แถวนี้นั่นแหละ ..หงุดหงิดชะมัดเลย พี่เจน..เจือไปเดินเล่นในสวนนะฮะ .. รีบๆทอดไก่ด้วย เจือหิวมากๆๆๆ "ว่าแล้วก็รีบเดินหนีออกไปนอกตัวบ้าน เด็กหนุ่มนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่ม้านั่งในสวนสวยนั้น
เจนสุดาโบกมือไล่น้องชายส่วนตัวเองก็ชวนสามีตามเอกสารของตัวเองมาช่วยทอดไก่
"แปลกเนอะเทียน...ร้อยวันพันปี เจือมาที่บ้านไม่เห็นอยากจะไปเดินสวน"
ทินกฤตสะอึก รู้สึกกระอักกระอ่วน เขาไม่แน่ใจว่าทำไมเจนสุดาถึงพูดแบบนั้น เพราะสำหรับตัวเองแล้วเขารู้ดีว่าคำพูดของจุนเจือนั้นเป็นเพียงแค่การหลีกเลี่ยงเพื่อที่จะไม่ให้ เจนสุดา "จับได้" เท่านั้น
"เหรอ...ไม่ได้แปลกอะไรนี่...." ทินกฤตเอ่ยอย่างอึกๆอักๆ
"เหรอ...อืม ...เจนคงไม่ค่อยได้เจอน้องมั้งช่วงนี้ เห็นเขาทำอะไรก็แปลกหูแปลกตาไปหมด...เขินเหมือนกันนะไปสังเกตสังกาน้องแบบนั้น เทียนล่ะ ไม่ได้เจอถังนานๆ รู้สึกแปลกบ้างไหม" เจนสุดาค่อยๆทอดไก่ไปเรื่อย ชวนสามีคุยไปพลาง ซึ่งทินกฤตก็เลี่ยงชวนคุยเรื่องของรถถังน้องชายแท้ๆจนพาลเนื้อเรื่องออกทะเลไปถึงไหนต่อไหน ในใจก็นึกเจ็บปลาบที่เขายังพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างเป็นปรกติ ทั้งๆที่เพิ่งจะทำอะไรกับน้องชายของคนตรงหน้าไปเมื่อครู่
+++++++++++++++++
ช่วงมื้ออาหารเป็นไปอย่างเงียบๆ เพราะจุนเจือดูจะไม่ค่อยพูดจาอะไรซักเท่าไรนัก และดูจะเกร็งๆเสียด้วยซ้ำ ทินกฤตก็ได้แต่พยายามแก้สถานการณ์ และบทสนทนาไปเรื่อยในแบบที่ตัวเองก็เรียกได้ว่า ดูร้อนรน และประหม่ามากเสียจนเขาต้องมากลัวซ้ำสองว่าเจนสุดาจะจับอาการของคนใดคนหนึ่งได้
" เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เจือจะกลับเลยนะ พี่เจน " จุนเจือพูดขึ้นมาหลังจากรวบช้อนเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่ไก่ทอดของเจนสุดาเป็นขอโปรด แต่วันนี้เด็กหนุ่มกลับทานไม่มากอย่างที่บอกว่าหิวซักนิด
"อ้าว...จะกลับเหรอ...เอาไง เทียนไปส่งน้องไหม? เจนขับรถกลางคืนไม่ไหว"
" เอ๊ะ..ไม่ต้องหรอก เจือมาเองก็กลับเองได้ นั่งแอร์พอร์ตลิ้งกลับแป๊บเดียวเอง " จุนเจือรีบปฏิเสธ ทั้งๆที่กำลังดีใจ .. ในเมื่อบทที่ต้องเล่นมันเป็นแบบนี้ ก็ต้องหลอกลวงคนรอบข้างต่อไป
"เออน่า ให้พี่ไปส่งนั่นล่ะ เจนก็บอกแล้ว" ทินกฤตเองก็แสดงบทบาทนั้นตอบไป
" จะได้ไปเที่ยวต่อเลยใช่ไหมล่ะ? .. จะใช้ผมเป็นข้ออ้างไปเที่ยวล่ะสิ " เด็กหนุ่มพยายามที่จะหาเรื่องพี่เขยอีกครั้ง พยายามอย่างมากที่จะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิมต่อหน้าพี่สาว
"ไม่ต้องหาเรื่องเลย จะไปไม่ไป" ทินกฤตยกมือขึ้นขยี้ผมของจุนเจืออย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ
"ไว้เดี๋ยวผมโทรมาบอกเจนอีกทีนะ" ทินกฤตหันไปมองหน้าของภรรยา ปรกติถ้าเขาจะออกไปเที่ยว เขาก็จะรู้สึกเกรงใจเจนสุดาอยู่แล้วที่จะต้องกลับเข้าบ้านมาดึกๆดื่นๆบางครั้งก็เมาไม่น้อยส่งเสียงดังรบกวนเวลานอนของอีกฝ่ายอยู่เรื่อย แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป...นอกจากจะรู้สึกเกรงใจแล้วยังรู้สึกผิดอย่างมาก
"ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก เจนอยู่คนเดียวได้" เจนสุดายิ้มพลางมองไปยังซีรีย์หนังฝรั่งกองใหญ่หน้าทีวี บางทีเธอก็นึกอยากจะมีเพื่อนช่วยดูซีรีย์พวกนี้เหมือนกัน ...แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ...
"โอเค งั้น...เดี๋ยวผมโทรมาละกัน...ไปเจ้าตัวยุ่ง" ไม่พอมือแกร่งคว้าแขนของจุนเจือให้เดินตามด้วยลืมตัว
เด็กหนุ่มสะบัดมือออกโดยอัตโนมัติ เขาตกใจไม่น้อยที่จู่ๆอีกฝ่ายทำแบบนี้ต่อหน้าพี่สาว
" มะ..ไม่ต้องมาจับเลย "
ท่าทีที่สะบัดออกนั้นทำให้ทินกฤตมองหน้าของจุนเจือด้วยตกใจเช่นกัน
...ทั้งที่อีกฝ่ายสะบัดสัมผัสของตัวเอง...
...และที่ตัวเองเผลอทำแบบนั้นออกไปต่อหน้าเจนสุดา ....
ดวงตาคมตวัดมองหน้าของภรรยาทันที
แต่ก็เห็นแต่ใบหน้าสวยของเจนสุดายืนหัวเราะคิกคัก
"ดีจังนะ...สองคนนี้ช่วงนี้สนิทกันดี..."
"ก็...ครอบครัวเดียวกันนี่...ไป เจือพี่ไปส่ง" ทินกฤตนิ่งไปนานกว่าจะสรรค์หาคำมาพูดได้ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปที่รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่ของตัวเองทันที
เด็กหนุ่มหันมากอดพี่สาวก่อนจะบอกลาอย่างลวกๆ แล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายไป
+++++++++++++++++
ทันทีที่เขาเปิดประตูรถเข้ามานั่งด้านใน ริมฝีปากบางก็เอ่ยออกมาแทบจะทันที
" ผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจจะ..สะบัดพี่ "
"ไม่เป็นไรหรอก...พี่ผิดเอง..." ทินกฤตตอบทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย ร่างสูงยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเท้าเบาะที่นั่งข้างคนขับพลางค่อยๆถอยรถออกจากบ้าน แสงสะท้อนจากแสงไฟหน้ารถที่สะท้อนเข้ากับกระจกหน้าบ้านสาดสะท้อนลงบนใบหน้าด้านข้างของทินกฤต
ร่างสูงขับรถออกไปตามถนน มุ่งตรงไปยังคอนโดของเด็กหนุ่มที่อยู่กลางเมือง ชายหนุ่มยื่นมือไปกุมมือของจุนเจือเอาไว้ เพราะตั้งแต่เมื่อครู่เขาทั้งสองก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันไปมากกว่านั้น
เด็กหนุ่มที่มักจะชวนทินกฤตพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน วันนี้กลับยิ่งเงียบ ทั้งๆที่รู้สึกอบอุ่นกับมือที่กอบกุมกันไว้ ใบหน้าสวยแอบมองใบหน้าด้านข้างของคนรักที่ต้องหลบซ่อนเป็นระยะๆ จนกระทั่งทินกฤตได้ขับรถมาถึงคอนโดกลางเมืองของเขา
+++++++++++++++++
ทินกฤตก้าวลงจากรถเดินตามอีกฝ่ายจากลานจอดรถด้านล่างไปยังประตูทางเข้าคอนโด แต่ชายหนุ่มกลับหยุดเมื่อจุนเจือกำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ ดวงตาคมสบตาของเด็กหนุ่มนิ่ง
" มีอะไรเหรอ? " จุนเจือถามอย่างแปลกใจ กับท่าทางของชายหนุ่ม
"ถ้าพี่ขึ้นไป...พี่คงต้องโทรบอกเจน...ว่าพี่จะกลับดึก" ทินกฤตสบตาของเด็กหนุ่มนิ่ง
"พี่ขึ้นไปได้ไหม..."
คำว่า"กลับดึก"นั้น เข้าใจได้ไม่ยากว่า ชายหนุ่มตรงหน้าต้องการจะอยู่กับเขาเพียงไม่นานแล้วก็จะกลับไป แต่ถึงแบบนั้น เขาก็ยินยอมที่จะเลือกหนทางนี้เอง คำตอบของคำถามนี้มีตั้งแต่ตอนที่เขาตัดสินใจจะกลับมาอยู่คอนโดนี้แล้ว
" อื้ม.. "
ทินกฤตพยักหน้าลงน้อยๆก่อนจะยื่นมือออกไป จับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้แล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน
+++++++++++++++++
ประตูห้องถูกเปิดด้วยคีย์การ์ด ระบบไฟฟ้าทำงานทันทีที่การ์ดเสียบที่ข้างประตู จุนเจือเดินเข้าไปด้านในแล้วเปิดตู้เย็น
" ดื่มอะไรดี .. มีกาแฟเย็น น้ำผลไม้ แล้วก็โค้ก "
"โค้ก...ก็ดีนะ" ทินกฤตว่าพลางกดโทรศัพท์หาเบอร์ของเจนสุดา
โค้กกระป๋องถูกหยิบออกมาจากตู้เย็นตามมาด้วยเสียงเปิดกระป๋องเบาๆ เด็กหนุ่มเดินมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วยื่นน้ำอัดลมกระป๋องนั้นให้
" อะ..โค้ก "
แต่ทินกฤตกลับยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปาก เป็นเชิงห้ามไม่ให้อีกฝ่ายปริปากพูดอะไรต่อ
"ฮัลโหลเจน...อืม...ส่งแล้ว...คืนนี้ขอออกไปดื่มซักหน่อยนะ ไม่เมาหรอกนิดหน่อยเอง ครับ คงกลับไปดึกๆน่ะ โอเคนะ " แต่เมื่อเบนสายตาด้วยอยากจะมองหน้าเจ้าของห้องอีกครั้งก็พบกับอากาศธาตุ จุนเจือวางกระป๋องโค้กเอาไว้แล้วเดินหายไปแล้ว
"อ่ะ เจนไฟเขียวแล้ว งั้นผมวางก่อนนะ" ทินกฤตยังคงเล่นละครต่อจนตัดสาย โทรศัพท์มือถือโดนโยนไปอีกทาง ก่อนที่จะรีบลุกเดินตามเด็กหนุ่มเข้าไปในห้อง
"เจือ....เป็นอะไรไป" เห็นเด็กหนุ่มเดินหนีออกมาแบบนั้นก็อดใจหายไม่ได้ กลัวว่าเด็กหนุ่มจะคิดมากกับการที่เขายังใช้คำโกหกกับเจนสุดาต่อไป
" เปล่า..ผมแค่จะอาบน้ำ พี่จะเล่มเกมส์ที่ห้องเหรอ ถึงบอกว่าจะกลับดึก .. เครื่องWii อยู่ใต้ทีวี เอาออกมาเล่นสิ " ร่างสูงเพรียวที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำก้มลงเก็บเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้าที่มุมห้องทำเป็นไม่สนใจคนที่ตามเข้ามาในห้องนอน
ช่วงขาขาวเพรียวโพล่พ้นสาบเสื้อคลุมอาบน้ำออกมานั้นทำให้ทินกฤตต้องสูดลมหายใจเข้าลึก เขาพยายามจะทนมาตั้งแต่เมื่อตอนหัวค่ำ แต่ในตอนนี้สติของเขากำลังถูกหยอกเย้าจากร่างของเด็กหนุ่มที่ก็ไม่ทราบนักว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายตั้งใจหรือไม่
"เอ่อ...ไม่หรอก พี่...ไม่เล่นเกมส์หรอก เล่นไม่เป็น "น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นแหบพร่าสิ้นดี
" อือ..งั้นก็ดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวค่อยออกมาคุยกันต่อ " คนที่หันหลังเก็บนั่นนี่ให้เป็นระเบียบบอก ทำเป็นไม่สนใจเสียงแหบพร่าจากปกตินั้น
แล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำไป
"พี่อาบด้วยได้ไหม..." เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นพร้อมกับมือแกร่งที่คว้าข้อมือเรียวของอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตาคมที่สบตาของเด็กหนุ่มนั้นดูสับสนกับการกระทำของตัวเอง หากแต่มีประกายเร่าร้อนแฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้น
คำถาม คำขออนุญาตแทบจะทุกครั้ง ไม่เคยฝืนใจนั้น ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าตอนนี้ตนเองสามารถมีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายได้..หากปฏิเสธ... ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆ
" ไม่เอาหรอก..ผมไม่ชอบทำในห้องน้ำ ปวดหลัง " มือข้างว่างแกะมือของพี่เขยออกช้าๆ
"อ่ะ...ขอโทษ..." เมื่อเจออีกฝ่ายปฏิเสธเยี่ยงนั้นทินกฤตก็เอ่ยออกมาเบาๆ มือแกร่งปล่อยมืออีกฝ่ายออก
"พี่ให้เราไปอาบน้ำก่อนก็ได้....พี่...เอ่อ...พี่นั่งรออยู่....แกวๆนี่ล่ะ " ว่าพลางชี้นิ้วสะเปะสะปะ ทินกฤตรู้สึกได้เลยว่า ตัวเองกำลังแสดงท่าทีหวั่นไหวจนอาจจะเรียกได้ว่างุ่นง่าน อย่างบอกไม่ถูก
ร่างขาวเนียนด้านหลัง ปรากฏตรงหน้าของทินกฤตเมื่อจุนเจือปลดชุดคลุมอาบน้ำลงกับพื้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสะกดกลั้นความต้องการ ก็ยิ่งอยากจะยั่วให้ร้อนรน งุ่นง่าน ราวกับเป็นการทำโทษเรื่องโค้กเมื่อครู่
...ใช่ เขารักทินกฤต และยอมอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ...
.. ในเมื่อเขายอมเป็น"ชู้"ของพี่เขย แล้ว การยั่วเย้าแบบนี้ก็คงจะไม่แปลกอะไร
…จะไม่พอใจ จะเอาแต่ใจอย่างไร.....
...ก็เป็นแค่เมียน้อยอยู่ดี..
+++++++++++++++++
talk : ยังคงไม่รู้จะว่ายังไงเช่นกันค่ะ รีดเดอร์คะ .. ขอกำลังใจให้พี่เทียนกะน้องเจือด้วยนะคะ^^