เด็กหนุ่มพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่กลางเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่พักของพี่สาวกับคนรักของเธอ เจนสุดาเรียนต่อด้านดีไซน์ ส่วนอลิสก็วิ่งรอกเดินเดินแบบทั้งในญี่ปุ่นเองและประเทศแถบเดียวกัน ถึงแม้จะเหนื่อยแต่อลิสก็แสดงความเป็นห่วงเป็นใยจุนเจือไม่ต่างจากพี่สาวแท้ๆ แม้ว่าในตอนแรกที่ได้รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะด่าทอทินกฤตอย่างหนักจนจุนเจือต้องโต้เถียงจนเกือบจะทะเลาะกันก็ตาม
นั่นทำให้เจนสุดารับรู้ได้ถึงความรักที่น้องชายของตนมีต่ออดีตสามี รวมถึงเสียงโทรศัพท์ที่โทรมาหาเธอเพื่อฝากฝัง"คนรัก" ซึ่งเป็นน้องชายให้เธอดูแลอย่างดีอีกด้วย
...ผมขอโทษนะเจน ฝากเจือด้วย แล้วผมจะไปรับเขากลับมาอยู่ด้วยกันให้ได้..คำมั่นสัญญาที่ทินกฤตให้มานั้น แสดงถึงความจริงใจที่มีต่อจุนเจือได้เป็นอย่างดี แม้จะผ่านโทรศัพท์แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความหนักแน่นมั่นคง สิ่งที่เธอทำได้จึงได้แต่หันไปพูดกับอลิสให้ช่วยลดทอนความชิงชังที่มีต่อผู้ชายเจ้าชู้ลงไปบ้าง เธอรู้ว่ามันคงลดทอนไปไม่มากเพราะอดีตของครอบครัวของอลิสที่ต้องแตกแยกนั้นทั้งหมดก็เป็นเพราะความเจ้าชู้ประตูดินของผู้เป็นพ่อ มังฝังรากลึกเกินกว่าเธอหรือแม้แต่ใครจะเยียวยา ซึ่งอลิสก็ได้แต่รับคำแกนๆไปแบบนั้น
+++++++++++++++
หลังจากพักผ่อนรักษาบาดแผลในจิตใจอยู่เกือบเดือน เมื่อปรับตัวให้เข้ากับอากาศและเริ่มคุ้นกับภาษาญี่ปุ่นบ้างแล้ว จุนเจือจึงเข้าชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการศึกษาต่อไปพลางๆ
---แช๊ะ—
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นข้างๆขณะที่เด็กหนุ่มร่างบางกำลังนั่งทำแบบฝึกหัดจากโรงเรียนสอนภาษาอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
"พี่เจน..ถ่ายรูปเจือทำไมเนี่ย เครียดงานเหรอ? "เด็กหนุ่มเงยหน้าจากกองแบบฝึกหัด แล้วมองพี่สาวผ่านแว่นสายตา ลองเจนสุดามาทำอะไรแปลกๆแบบนี้คงไม่พ้นความเครียดเป็นแน่ ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะได้รู้อีกอย่างว่านอกจากตัดเสื้อผ้าคอสเพลย์แล้ว เจนสุดายังสนใจเรื่องการถ่ายภาพ พี่สาวของเขาเห่อกล้องถ่ายรูปตัวใหม่นี้มากเสียเหลือเกิน มันเหมือนกับเป็นงานอดิเรกที่ใช้ทำยามว่าง...เวลาที่อลิสไม่ค่อยจะอยู่ด้วย
"ไม่ได้เครียดซักหน่อย พี่เห็นเจือกำลังตั้งใจเรียน น่ารักมากๆ เดี๋ยวจะถ่ายรูปลงบลอคซักหน่อย ฮะ ฮะ " ว่าแล้วก็ถ่ายรูปน้องชายอีกรอบ ที่จริงแล้วจุนเจือที่ใส่แว่นสายตาแบบนี้มันน่ารักมากจนอดใจที่จะถ่ายรูปไปอวดใครไม่ได้ต่างหาก
+++++++++++++++
และแล้ว ด้วยความเห่อกล้องถ่ายรูปของเจนสุดานี่แหละที่เป็นเหตุ เมื่อรูปถ่ายแบบแคนดิดหรือรูปถ่ายทีเผลอของจุนเจือในชีวิตประจำวัน ได้ถูกเผยแพร่ออกไปในบล็อกของเธอ โดยที่เจนสุดาเองก็นึกสนุกด้วยการให้ข้อมูลเพียงอย่างเดียวว่านายแบบคนนี้ว่าชื่อ Jun .. ทำเอาฮิตที่เข้ามาชมบล็อกเธอนั้นมีเพิ่มมากขึ้นๆ จนหญิงสาวมีแรงที่จะตัดชุดคอสเพลย์ให้น้องชายอีกครั้ง
“นี่เจือ....” เจนสุดาเข้ามากระแซะในคืนหนึงที่เห็นน้องชายกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นไปพลางเปิดดิคชันนารีไปพลาง
“ครับ...?”
“ไม่สนใจจะแต่งคอสเพลย์แล้วถ่ายรูปบ้างเหรอ...เนี่ยไหนๆก็มีน้องมาอยู่ใกล้ๆพี่ก็อยากตัดชุด ถ่ายรูปน้องลงบล็อกบ้างอ่ะ นะ...นะ...” เจนสุดาทั้งอ้อนทั้งขอร้องให้น้องชายทำตาม เมื่อมีจุนเจืออยู่ด้วยก็ช่วยดึงเธอออกจากความเหงาที่ต้องรอให้อลิสกลับมาจากเดินแบบได้บ้าง
นายแบบ Jun ที่ตามใจพี่สาวอยู่ตลอดคนนั้น สุดท้ายก็ต้องตกลงที่จะถ่ายรูปคอสเพลย์ลงในบล็อกของเจนสุดาอีกครั้งยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดังในอินเตอร์เน็ตยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยกัน ยังเคยเปิดบล็อกที่ตัวจุนเจือเองเป็นนายแบบอยู่ในนั้นให้ดู พร้อมทั้งพร่ำเพ้อชื่นชมตัวนายแบบเสียจนเขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางขยับแว่นตาสายตาให้ปิดหน้าเอาไว้ยิ่งกว่าเดิม
+++++++++++++++
ความสนุกสนานของเจนสุดายังคงมีต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเริ่มรู้สึกกลัวกับความโด่งดังของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องทำตัวให้ธรรมดาที่สุดเวลาอยู่นอกบ้าน แต่เมื่อเห็นพี่สาวมีความสุขกับสิ่งที่ทำขนาดนั้น เขาเองก็เต็มใจจะให้มันเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ จุนเจือถอนหายใจขณะที่นั่งทำแบบฝึกหัดอยู่หน้าโทรทัศน์ ก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเจนสุดา
"กรี๊ด~ เจือ มาดูสิ มีคนติดต่อพี่ขอเอารูปที่เจือคอสลงบล็อกไปทำหนังสือภาพแหละ "
"หา?! หนังสือภาพอะไร พี่เจน..มันจะเลยเถิดไปใหญ่แล้วนะ " จุนเจือได้แต่ท้วง เมื่อเดินมาอ่านข้อความแสดงความเห็นในบล็อกของพี่สาว
" ไม่เป็นไรหรอกน่า .. เจือรู้ไหม นี่น่ะเป็นความฝันของพี่เลยนะที่จะได้เห็นเจืออยู่ในหนังสือซักเล่ม โอย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วๆ ... ต้องรีบตอบแล้วล่ะ " ดูเหมือนเจนสุดาจะตื่นเต้นจนไม่สนใจคำทัดทานจากน้องชายเช่นเคย
"เอ...แต่ เขาจะมาไม้ไหนก็ไม่รู้นี่นะ รู้แล้ว เดี๋ยวเอาชื่อ กับเบอร์โทรไปให้อลิสไปถามที่โมเดลลิ่งให้ก็แล้วกัน ถ้าชัวร์ยังไงค่อยมาหาโลเคชั่นถ่ายรูปกัน" เจนสุดาว่าพลางยิ้ม ดูท่าทารื่นเริงอยู่ไม่น้อยพลางกดรูปในกล้องดูอย่างสนุก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำอาหารเย็นเลย
" เจือ! เดี๋ยวพี่เอารูปเจือลงก่อนนะ เจือทำข้าวเย็นหน่อยซี่ " ดวงตาคู่สวยมองหน้าน้องชายอย่างขอร้อง ตั้งแต่เปิดบลอคถ่ายรูปเลเยอร์คนนี้มา เธอก็ต้องคอยอัพเดทบล็อกเสมอจนทำให้ต้องมอบหน้าที่ทำกับข้าวให้น้องชายไปโดยปริยาย จนหลายเดือนมานี่ จุนเจือต้องทำกับข้าวเป็นไปโดยปริยาย
เจนสุดาไม่ฟังคำทัดทานเบาๆของจุนเจืออีกตามเคย สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่นี่ที่ญี่ปุ่น หากว่าคนที่คลั่งไคล้ตัวเขาที่เป็นนายแบบในบล็อกนี้สืบรู้ขึ้นมาได้ว่าตัวจริงเป็นใครทำอะไรอยู่ ก็คงไม่เป็นอันได้ทำอะไรกันอีกพอดี .. คนพวกนี้น่ากลัวใช่ย่อยเสียที่ไหนกัน
กับข้าวในวันนั้นเป็นอาหารง่ายๆ อย่างแกงกะหรี่ที่เต็มไปด้วยผักแบบที่เจนสุดาชอบ หมูชุบแป้งทอดชิ้นโตถูกหั่นวางบนข้าวสวยราดด้วยแกงกระหรี่ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันไปจัดการกับสลัดน้ำใสให้คนรักของพี่สาวที่คงจะกลับมาดึกๆนี้ด้วยการ เตรียมผัก และทำน้ำสลัดรอเอาไว้
"เจือ เดี๋ยวนี้ทำกับข้าวเก่งนะ" เสียงเจนสุดาชม เคี้ยวหมูทอดพลางยิ้ม "เทียนรู้คงดีใจมากกกกกกกก"
" อย่าเพิ่งบอกพี่เทียนนะ..เจือยังทำไม่เก่งเลย " จุนเจือรีบบอกพี่สาว เพราะคิดว่าเจนสุดาเองก็คงได้ติดต่อกับอดีตสามีเช่นกันก่อนจะตักสลัดมันฝรั่งใส่จานของตัวเอง แล้วตักเข้าปาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผักผลไม้อะไรของทางนี้ก็ทำให้รู้สึก"เหม็น"น้อยลง จนเริ่มจะหัดกินผักได้บ้างแล้ว ประกอบกับโดนอลิสบังคับให้ทานผักอีกนั่นแหละ
"โอ้ย แค่นี้ก็เก่งแล้ว แต่ก่อนนะ เราทำอะไรเป็นที่ไหนกัน ก็ดีนะ มาอยู่ที่นี่....ได้ทำอะไรเองบ้าง "เจนสุดาว่าพลางยิ้มให้กับน้องชาย เธอรู้หมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่ทั้งเจือและเทียนต้องเจอส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเธอด้วย ....บางทีคนที่ "หนีรอด" มาแล้วอย่างเธอก็อาจจะถึงคราวที่จะต้องทำอะไรให้มันถูกต้องบ้างแล้วก็ได้ ...อย่างน้อยก็ดีกว่าจะต้อง "หนี" แบะพยายามทำให้มัน “รอด” ต่อไปเรื่อยๆแบบนี้
+++++++++++++++
ตกดึกคืนนั้น อลิสกลับมาถึงห้องพักที่อยู่ด้วยกันสามคนมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจนสุดาปรึกษาคนรักในเรื่องหนังสือรวมภาพของจุนเจือ ซึ่งอลิสก็ได้ให้คำแนะนำว่าควรจะเช็คดูอีกทีว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า หญิงสาวรับปากว่าจะลองเลียบๆเคียงๆถามคนในวงการหนังสือดูว่ามันจะปลอดภัยสำหรับจุนเจือไหม หากว่าจะรับงานนี้
ซึ่งกว่าจะเช็คว่าเชื่อถือได้ รวมถึงนัดวันเวลาที่ทุกคนซึ่งยังเป็นมือสมัครเล่นกันอยู่ได้ ก็ใช้เวลานับเดือนเลยทีเดียว ที่จริงแล้ว คนที่ติดต่อเจนสุดานั้นเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพและทำวารสารของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยากจะได้จุนเจือเป็นนายแบบให้เพื่อทำโปรเจคใหญ่ก่อนจะเรียบจบ
ตกลงกันได้ว่า จุนเจือเป็นนายแบบ ส่วนเจนสุดาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่สไตลิสต์และเจ้าของชุดทั้งหมดที่น้องชายจะใส่สำหรับถ่ายภาพ ส่วนช่างภาพคือนักศึกษาวิชาเอกเกี่ยวกับการถ่ายภาพและทีมงานทั้งหมดซึ่งยังคงเป็นนักศึกษาใกล้จบและไฟแรงกันทั้งนั้น ทำเอาสองพี่น้องเองก็รู้สึกคึกคักไปด้วย พวกเขามีข้อตกลงระหว่างกันว่าข้อมูลของนายแบบจะเป็นความลับมีเพียงชื่อ Jun และ ที่มาจากบล็อกเท่านั้นเป็นข้อมูล
+++++++++++++++
"เจือ มาดูนี่ซิ่" เป็นเวลาหลายวันที่เจนสุดาแทบจะเรียกได้ว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำ พร้อมๆไปกับการผลัดแบ่งเวลาการไปเรียนภาษาและเรียนดีไซน์พื้นฐาน เพราะในเวลาอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาอีก.... หญิงสาวทำชุดออกมาได้สามชุด เก็บรายละเอียดไปได้ส่วนหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเรียกน้องให้เดินมาดู
ผลงานเสื้อผ้าของเจนสุดาในคราวนี้ ไม่ได้เป็นเสื้อผ้าแนวคอสเพลย์เหมือนอย่างทุกครั้ง กลับเป็นเสื้อผ้าที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์แบบแฟชั่นชั้นสูงที่ผสมผสานความเป็นแฟนตาซีออกมาได้อย่างลงตัว สีสันเน้นความสดใสผิดแผกแตกต่างไปจากบรรยากาศอึมครึมของฤดูหนาวไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็เห็นแต่เสื้อผ้าสีทึม
" ไปถ่ายรูปโปรเจคให้นักศึกษาเนี่ย...พี่เจนจัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? " จุนเจือที่กลับมาจากการเรียนภาษาเดินเข้ามาดูชุดที่สวมอยู่บนหุ่นกลางห้องทำงานของพี่สาว
"มันก็เป็นโอกาสของพี่เหมือนกันนี่นะ" เจนสุดายิ้ม
"ชุดของพี่ กับ ความสามารถของเจือ...มันคงได้มากกว่าสิ่งที่เรียกว่าคอสเพลย์ก็ได้...อาจจะได้แฟนๆเพิ่มก็ได้นะ"หญิงสาวว่าพลางทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าหุ่นทั้งสามตัว ยอมรับว่าเหนื่อยกับมันมาก แต่กระนั้นก็มองด้วยสายตาที่ชื่นชม
" เจือจะพยายามเต็มที่เลยนะ พี่เจนต้องช่วยเจือด้วยล่ะ " เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะกอดร่างบอบบางของพี่สาวเบาๆ แล้วผละออกเมื่อนึกได้ว่า วันนี้เจนสุดาคงยังไม่ได้ทานอะไรอีกเช่นเคยเพราะโหมตัดชุดให้เขา
" พี่เจนยังไม่ได้กินข้าวอีกเหรอ?..เดี๋ยวเจือหาข้าวให้กินก่อนนะ "
"จ้า...ขอหนักๆเลยนะ" หญิงสาวยิ้ม น้องชายของเธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เพราะใครกันนะ....
+++++++++++++++
รูปข้าวผัดไข่แบบง่ายๆ ใส่จาน ถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์ของจุนเจือ โดยส่งให้กับคนรักโดยเฉพาะ
@Tein_krit เย็นนี้กินข้าวผัดไข่ไหม^^เพียงไม่นานก็มีข้อความตอบกลับเชิงตัดพ้อ
@Jun_J กินยังไงยังไม่เลิกงานเลย (--"--) ทินกฤตเผลอยิ้มออกมาเขายังอยู่ในห้องประชุมอยู่เลย นึกโทษนิสัยชอบประชุมตอนเย็นของตัวเองนี่ล่ะทำให้ต้อพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้แทบตาย ที่รู้ว่าจุนเจือเริ่มหัดทำกับข้าวกับปลาเป็นบ้างแล้ว
และข้อความสั้นๆผ่านเครื่องมือสื่อสารเล็กๆนั่นคงเป็นเพียงไม่กี่อย่าที่ทำให้เขาพอจะยิ้มได้ในตอนนี้ ..แต่ละวันมันไม่ง่ายเลยที่จะพยายามสะกดกลั้นความรู้เหงาของตัวเองเอาไว้ และพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เพราะรู้สึกว่ากำลังมีสายตาจับจ้องมาที่ตัวเองอยู่ตลอดโดยเฉพาะสายตาของพ่อแม่ที่เหมือนจะรอคอยให้เขาพลาด และซ้ำในความผิดพลาดของเขาอยู่เสมอ แต่ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็สร้างผลกำไรจากโปรเจคน้อยใหญ่เข้ากองคลังของทั้งสองบ้านไปไม่มากก็น้อย
@Tien_Krit ส่งรูปแฟนใครก็ไม่รู้มาให้ดู http://plixi.com/ahsGYhTFY786 หลังจากนั้นไม่นานก็มีข้อความปรากฏขึ้นมาอีก ทินกฤตกดตามลิงค์นั้นไปดูก็พบกับภาพของเด็กหนุ่มผอมสูงในเสื้อสเวตเตอร์ยืนถือจานข้าวผัดยิ้มอยู่
@Jane_Suda555 ขอบใจเจน แต่ห้ามให้ใครดูเยอะนะ หวง "เจือ...เทียนเขาว่าหวงแน่ะ" ว่าพลางก็ยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู
จุนเจือยื่นหน้ามองโทรศัพท์ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
" ให้จริงเถอะ .. นี่ไม่ใช่ว่าแอบเล่นในห้องประชุมนะ เดี่ยวลูกน้องก็นินทาเอาหรอก " เขาว่าพลางตักข้าวผัดใส่จานให้ทั้งตัวเองและพี่สาวแล้วคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมาส่งข้อความกลับไป
@Tein_krit แอบเล่นในห้องประชุมใช่ปะเนี่ย แอบยิ้มด้วยใช่ไหมล่ะ?
@Jun_J ไม่ต้องทำเป็นรู้ดีเลย...จะกินข้าวก็ไปกิน แล้วก็อย่าทำหน้าตาน่าจูบตอนถ่ายรูปด้วย...หวง
คำพูดตอบกลับนั้นราวกับเด็กๆ ทินกฤตอมยิ้ม ก่อนจะถูกลูกน้องเรียกให้หันกลับไปฟังการประชุมต่อ
"นั่นๆ ส่งอะไรกัน ไหนว่าบอกจะกินข้าว อีกคนบอกให้ไปทำงาน พอๆ......อิจฉานะ"เจนสุดาแซวเมื่อเห็นน้องชายเขินพลางชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของเด็กหนุ่ม
" พอ..พอแล้ว ห้ามดูด้วย พี่เจนอะ~ " ข้อความสุดท้ายของทินกฤตตรงไปตรงมาเสียแบบนี้ จนดูไม่สนใจใครอีกแล้ว แรกๆจุนเจือก็ยังไม่ค่อยชินนัก แต่หลังๆมานี่ก็สามารถส่งข้อความกลับไปด้วยคำเดียวกันได้เช่นกัน แค่คำว่า แฟน ก็ทำให้รู้สึกมั่นคงในตัวของอีกฝ่ายได้แล้ว
+++++++++++++++
talk : ไม่ได้อัพเสียนาน ต้องขอโทษด้วยนะคะ .. ช่วงนี้ไอ้ที่เร่งๆทำอยู่ก็คลายลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าจะยังเรียนไม่จบเสียทีเดียว แต่ถ้าทิ้งเอาไว้นานกว่านี้ก็กลัวว่าจะลืมพี่เทียนกับน้องเจือกันค่ะ ก็เลยพาทั้งคู่มาเจอกับทุกเสียเสียก่อน