=============
ตอนที่ 29“เอามาจากไหนน่ะ?” เลลาห์ถามคิ้วขมวด
ซะ …ซวยแล้ว ผมรีบพลิกหน้ากระดาษคว่ำแล้วลุกขึ้นยืน เลลาห์เอาหม้อมาบังทางเต็มๆ
“เห็นยังงี้ อย่าคิดว่าข้าอ่านภาษาไม่ออกนะ….ตอบมา นากัล เจ้าเอามาจากไหน?”
ผมยิงฟัน “เอ่อ …เขียนบน ..ผ้าอะฮะ ผ้าคนงานซักรีด” ผมพยายามทำเสียงแนบเนียนที่สุด
เลลาห์หรี่ตาไม่เชื่อ “แน่ใจหรอ นากัล” น้ำเสียงเธอแหลมสูง
“แน่ใจฮะ” ผมเหงื่อตก ไอร้อนในหม้อของเลลาห์พวยพุ่งออกมาบังใบหน้าผมจางๆ
อาจจะเป็นเพราะไอน้ำทำให้เลลาห์จับโกหกผมไม่ได้ถนัด เลลาห์ถอนหายใจแล้วก็เดินไปวางหม้อที่โต๊ะ “มา!..กินได้แล้ว”
ผมเดินไปที่โต๊ะ ทานอาหารกับเอลลี่ พลางมองแผ่นหลังเลลาห์ เปียแมงป่องที่ผมแสนชอบแกว่งไกว….นี่ ผมก็ต้องจากเลลาห์ไปแล้วงั้นสิ
เจ้าเอลลี่และแฝดด้วย…
… …
คำว่า เสรีภาพ ภาษาเปอร์เซียถูกสักไว้บนหลังของท่านเซอซัส …ท่านเซอซัสเป็นอะไรกับเปอร์เซียนะ? หรือว่าท่านเป็นคนเปอร์เซีย แล้วถ้าเปอร์เซียเป็นศัตรูกับพวกคาลเดียน ยังงี้ ท่านเซอซัสมาเป็นแม่ทัพได้ยังไง ??
- - เว้นแต่ว่าพวกเขาไม่รู้
…………………..
แล้วช่วงเวลากลางคืนก็มาถึง เอลลี่ไปนอนกับท่านดันชิ เลลาห์นั่งคุยกับสาวใช้อีกคนที่โต๊ะอาหาร ผมวิ่งปรู้ดผ่านประตูครัว และออกจากหอสนม
ผมต้องไปพบกิล ที่อุโมงค์ใต้ดินตอนคาบหนึ่ง นี้ก็คงใกล้เวลาแล้ว ผมเดินย่องๆผ่านความมืดมิดของโถงใหญ่ เดินผ่านบันใดหน้าพระราชวัง เข้าซอกเล็กๆซึ่งเป็นปากอุโมงค์
ไฟบนจุดประทีบบางอันก็ดับไปแล้ว ผมยืนค้างอยู่หน้าปากทาง….
น่ากลัวจัง กิลจะรออยู่อีกฝั่งหนึ่งหรอ? ผมมองไปรอบๆไม่มีใครอยู่เลย แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
..ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของผมสะท้อนไปมาในอุโมงค์สลัว
..
.
ผมมาถึงปากทาง กิลรอยู่ตรงนั้นเอง มือถือจุดประทีบ ใบหน้าของเขาแช่มชื่นเมื่อเห็นผม
“ขอบคุณพระเจ้า” กิลพึมพำอย่างดีใจ เดินพรวดเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะกอดผม …แต่เขินขึ้นมาพอดี เขาเอามือลงอายๆ
“เจ้ามีอะไรจะบอกข้า? ” ผมถาม “รีบๆหน่อยนะ ข้าต้องกลับไปที่หอ”
“ไม่นานหรอก” กิลบอก ยิงฟัน…ผมอยากจะคิดว่ากิลคือพี่โจมาร์ อย่างน้อยมันก็ดับความคิดถึงพี่ไปได้บ้าง
ผมเดินตามกิลมาที่ห้องส่งของ เราเดินขึ้นบันใดเพื่อออกไปด้านนอก
กิลหันมาปิดประตูให้ผม ยกประทีบสูงขึ้น
“นี่เรากำลังจะไปไหนหรอ?”
“พวกเขาอยากพบเจ้า” กิลกล่าว คว้าข้อมือผมแล้วเดินไปตามทาง
“ใคร?”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ข้าไม่มีทางทำอะไรไม่ดีกับเจ้า” กิลพูดอย่างแข็งขัน “แค่จะพาไปแนะนำตัว”
เราออกมาจากด้านของพระราชวัง คูน้ำสะท้อนระยิบระยับ เรือลำเล็กแกว่งช้าๆ อากาศยามค่ำคืน ทำให้ผมชื่นปอดมาก พระราชวังยามกลางคืนสวยขนาดนี้เลยหรอเนี่ย? ยอดซิกกูแรทเปล่งแข่งกับดาว ที่นี้เหมือนสวรรค์เลย
..อาทิตย์หน้าผมก็ต้องจากมันไปแล้ว
กิลเดินเลาะไปตามทางคูน้ำ มีทหารเดินวนเวียนอยู่รอบๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกเรา คงเพราะกิลเป็นคงงานกระมัง
กิลเลื่อนจากจับข้อมือ ลงมาที่มือ ไม่กล้าหันมามองผม…ผมหัวเราะคึ่ด!
พวกเราเดินผ่านสวยลอย เลี้ยวไปทางโรงเก็บอาวุธ เดินเท้าเปล่าบนถนนดินทราย จนกระทั่งมาถึงโรงทาส
กิลอ้อมไปเข้าประตูด้านหลัง หันมามองหน้าผมเหมือนไว้เนื้อเชื่อใจมาก ก่อนจะปล่อยมือ และวาดประตูออก ให้ผมเดินเข้าไปก่อน
ภาพด้านใน คือเตียงไม้ผุๆเรียงกันมากมาย ร่วมห้าสิบได้ แล้วยังมีบันใดไปยังชั้นสองอีก ทาสชาวยิวกำลังนั่งรวมกลุ่มกันอยู่กลางห้อง เหมือนปรึกษาอะไรซักอย่าง ไม่เว้นแต่เด็กยิวตัวเล็กๆและผู้หญฺิงก็อยู่ที่นี้ด้วย
แล้วตอนนี้ ทุกสายตาจับจ้องมาทางผม
“อะ- -” ผมหันมาหากิลงงๆ
กิลตามเข้ามาและปิดประตูปึง เขาพูดกับทุกคน “ข้าพาเขามาแล้ว”
เกิดเสียงหึ่งๆเหมือนฝูงผึ้งดังโดยรอบโรงทาส คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมา คนที่ยืนอยู่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ ทุกสายตาพิจารณาผม กระซิบกระซาบ
ผมถอยไปชนกิล “นะ- -นี่มันอะไรกันน่ะ กิล?!”
“ทำใมทุกคนถึงรู้จักข้า?”
“เงียบ!!” มีเสียงหญฺงชราดังขึ้น ณ มุมห้อง เธอกำลังขโยกเขยกมาทางผม ชายหนุ่มชาวยิวเดินเข้ามาจับใหล่ผม มีสีหน้าดีใจ เขาคุกเข่าลง
ผมตาเปิดโพลงกว้างด้วยความฉงน
หญิฺงชราขโยกเขยกมาถึง ชายหนุ่มชาวยิวหันไปบอกเธอ “ใช่เขาครับ….ใช่แน่ๆ”
“เปิดแขนดูซิ” เธอสั่ง กิลเลิกแขนเสื้อผมขึ้น ผมหันไปหันมา
ทุกคนในห้องดูเปล่งเสียงราวคนดีใจออกมา ผู้หญิงบางคนกระโดดโลดเต้น
“เจ้าหนูงงใหญ่แล้ว” หญิงชราเอ่ย “พาเขาเข้ามานั่งก่อนเถอะ !! พวกเรา นี่คือ เนอร์กาลของเรา”
ผมทำจมูกย่น นั่นไม่ใช่ชื่อผมซะหน่อยฮะ กิลเดินตามมาจับมือผม และพาไปนั่ง พร้อมๆกับชาวยิวคนอื่นๆ
“ฟังนะ นากัล” กิลโน้หน้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาดำขลับจดจ้อง “พี่โจมาร์ขึ้นเรือไปกับพวกเปอร์เซียแล้ว”
“ห๋า?”
“ใช่…พี่ไม่ได้อยู่ที่ท่าเรือแล้ว พี่ขึ้นเรือไปกับพวกเปอร์เซียเมื่ออาทิตย์ก่อน”
ขณะนี้ทุกคนเงียบสนิทยิ่งกว่าผี ผมอ้าปากหวอ “ทำใมล่ะ?”
กิลยืดตัวขึ้น สบตาชายหนุ่มยิวข้างผม
“มันมีคำทำนาย / พวกเปอร์เซียระดมพลแล้ว” หญิงชรากับชายยิวพูดพร้อมกัน
“เนอร์กาล” กิลเอ่ย
“อ่า…ข้าชื่อ นากัลนะกิล” ผมยิ้มบางๆให้เขา
“ไม่ ข้าหมายถึง ชื่อในตำนาน….เนอร์กาล คือชื่อ เทพแห่งสงคราม เจ้ารู้หรือไม่?”
จริงหรอ? ผมไม่เคยรู้เลย ทำใมชื่อผมกลายเป็นแบบนั้นไปได้ ผมส่ายหัว “แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะฮะ?”
ตอนนี้ชาวยิวเข้ามาล้อมผมกันเต็ม อีกทั้งบ้างก็ร้องให้ บ้างก็ยิ้มกว้างให้ผม
หญิงชราจับข้อมือผม “ในคำทำนายของชาวเรา เมื่อใดที่ เนอร์กาลได้สถิตอยู่ใกล้กษัตริย์ ยุคนั่นจะเกิดสงครามมหาวิปโยค และด้วยเหตุนั้นแล มนุษย์จะได้ครองเสรีภาพ”
ผู้คนรอบห้องต่างพยักหน้า เด็กตัวเล็กๆ หน้าตาเปื้อนโคลนวิ่งเข้ามานั่งยองๆที่เท้าผม
“ตะ…แต่” ผมอ้ำอึ้ง สีหน้าของทุกคน- -มัน - -ทุกคนกำลังเข้าใจอะไรผิด “แต่ ผม ไม่ไช่- -เนอร์กาล --นะฮะ”
“ตามคำทำนาย เนอร์กาลจะเป็นเด็ก มีเอกลักษณ์สะดุดตา และมาจากแหล่งอบา - -”
กิลหันไปพึมพำกับชายยิวที่กำลังพูด เขาหยุดไป
กิลห้มลงมากระซิบใส่หูผม “เขาหมายถึง เรื่องอาชีพเก่าของเจ้าน่ะ”
“ผม ” ถ้อยคำถูกกลืนหายไป โสเภนีงั้นหรอ? ตามคำทำนาย คือต้องเป็นโสเภนี?
กิลคุกเข่าลงตรงหน้าผม ดึงมือไปจับ
“ช่วยพวกเราด้วยเถอะ นากัล” แววและน้ำเสียงของเขาเด่นชัด ทุกคนรอบกายผมพยักหน้า ยามที่เขามองผม เหมือนฝากความหวังยิ่งใหญ่ไว้ อยู่ๆคอผมก็แห้งผาก
“แต่ผม- -” ผมก้มหน้าลง เพราะทนสายตาไม่ไหว “ผมเป็นแค่นากัล…..แค่ นากัล”
“ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว…” หญิงชรากล่าว น้ำเสียงเธอกังวาลไปทั่วห้อง
…“นากัล เจ้าจะเป็นผู้ปลดปล่อยชาวยิว”
=======================
ผมช็อคและพูดอะไรไม่ออก ทุกคนประชุมกันเสียงดัง เถียงอะไรกันที่ผมไม่ได้ยินด้วยซ้ำ ผมกำลังดิ่งลงสู่ความมึนงง เหวลึกที่ดูไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องนี้มันมากเกินไปที่ผมจะรับได้ภายในค่ำคืนนี้ กิลกล่าวบางอย่างกับหญิงชรา เธอพยักหน้า หลังจากนั้นกิลก็ เดินมาหาผม
“ข้าจะพาเจ้ากลับวังก่อน ประเดียวเลลาห์เอ็ด”
ผมพยักหน้า ครั้งนี้เป็นฝ่ายดึงมือกิลมาจับก่อน ผมเดินก้มหน้าเงียบๆไปตลอดทาง ผ่านความสวยงามของวังบาบิโลน
จุดประทีบของกิลสว่างไสวนำทาง เขาบีบมือผมแน่น ตอนเรามาถึงหน้าอุโมงค์
“นากัล” เขาหยุดเดิน “ข้าขอโทษ ” กิลหันหน้ามา เสยผมดำขลับ “มันเป็นความเชื่อน่ะ ข้าไม่ได้จริงจังมาก แต่พวกเขา- -”
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมยิ้มมุมปาก
“แต่ข้ารู้ว่าข้าคือใคร ” ผมรับประทีบมาจากกิล ชี้ไปที่ข้อมือลวกน้ำร้อนของเขา “และ กิล ขอบใจนะ”
ใช่ ผมรู้ว่าผมคือใคร และ ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร
คืนนี้ ผมได้รู้เรื่องราวมากมายจากชาวยิว
เปอร์เซียจะยกทัพมาในไม่ช้า และ พวกเขาก็แข็งแกร่งมาก
ท่านเซอซัส ก็มีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ด้วยแน่นอน เพราะ เขากรีดแผลให้ผม ไหนจะรอยสักเรื่องเสรีภาพนั่นอีก
ท่านบาลิธ…ผมเป็นห่วงท่าน และ ผมสัญญาไปแล้วต้องทำให้ได้
แล้วก็ เรื่อง เนอร์กาล…ชายยิวต้องการให้ผมทำบางอย่าง บางอย่างที่ผมเกรงว่าจะน่ากลัว พวกเขาอาจจะยังไม่ขอผมตอนนี้ แต่อีกไม่นานหรอก ผมดูออกฮะ
สิ่งที่ผมคิดตอนนี้…ระหว่างวิ่งขึ้นหอสนม คือ ขอให้ผมได้นอนหลับ ขอให้ผมฝันดีในคืนนี้ด้วยเถอะ
==========================
เกร็ดประวัติศาสตร์
ชื่อ Nergal, Nirgal, or Nirgali (Hebrew: נֵרְגַל, Modern Nergal Tiberian Nērḡál) หมายถึง เทพหนึ่งในเจ็ด ของบาบิโลน Nergal(เนอร์กัล)ได้กล่าวถึงไว้ในคำภีร์ฮิบรู ว่าเป็นเทพของ Cuth (Cuthah)เป็นบุตรแห่ง Enlil และ Nihlil.
ในบางตำรากล่าวว่า เนอร์กัลเป็นเทพแห่งสงครามและปกครองนรก
ในบางตำรากล่าวถึงเนอร์กัลในแง่ของปิศาจ เทพแห่งเพลิง เป็นด้านร้ายของดวงอาทิตย์ ส่วนมากจะถูกใช้ แทนคำว่า satan