ตอนที่
5วันนี้ผมถูกปลุกตอนเช้า ลุกนั่งอย่างงัวเงีย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนมันดึกนี่หน่า มาดามบ่นอีกแล้ว น่าเบื่อจริงๆเลย ผมหน้ามุ่ยลุกขึ้น มาดามเดินกระฟัดกระเฟียดลงไปข้างล่าง
“วันนี้เดี๋ยวจะมีขบวนแห่นักกีฬา ผ่านมา…แล้วพวกเจ้าหน้าที่บ้าบออะไรนั่นอีก พวกแกต้องทำร้านให้สะอาด แล้วก็แต่งตัวให้ดีกว่านี้” ผมเดินตามเด็กคนอื่นๆลงมา
รีบหนีมาหลังร้าน เดินย่ำโคลนไปอยู่ใต้ต้นสน ถอดกางเกง นั่งลงแล้วทำธุระ พอเสร็จ ผมเดินเปลือยกลับมาที่อ่างน้ำ นี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะต้องทำแบบนี้ที่นี่รึเปล่าน๊า ผมคิดพร้อมกับเทน้ำมันสมุนไพร สอดนิ้วเข้าไปล้างก้นด้านในด้วย ผมล้างมือล้างตัวให้สะอาดที่สุด
ผมกลับเข้ามาในครัว เห็นถุงบนโต๊ะ มาดามไปซื้อผักและขนมปังจากตลาดมาแล้ว มีเด็กผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักเดินเข้ามาเบียด เธอโตกว่าผมนิดนึง เธอหยิบกะหล่ำออกมาจากถุง เอื้อมหยิบหม้อบนตู้ที่ผมเขย่งไม่ถึง
ซักพักนึงมาดามก็เดินมา “ต้มให้เปื่อยก่อนนะ มิลล์…เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วยใหญ่นั่น เดี๋ยวเด็กๆจะแบ่งกินกันเอง”
อ๋อ ผู้หญิฺงคนนี้เป็นนี้เด็กใหม่หรอกเหรอ…
“นากัล ไปเช็ดตัวซะ วันนี้แกใส่แค่สร้อย รีบไปยืนหน้าร้านซะ เร็วเลย”
มาดามชอบให้ผมแก้ผ้าจังเลย เฟร็ดกับโจนัสไม่เห็นต้องเปลือยเรียกลูกค้าบ่อยเท่าผมเลย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเบื่อมาดาม ผมก้าวตึงตัง พอถึงห้อง ผมก็เอาผ้ามาเช็ดตัวลวกๆ คว้าเครื่องประดับสีเงินหม่นๆ ดูไร้ราคามาสวมคอ เดินไปยืนหน้ากระจก
ผมผิวซีดจัง พวกขุนนางจะชอบผมหรอ? ผมหมุนหลังใส่กระจก มีรอยแดงๆที่ต้นคอผม รอยนิ้วมือ พี่โจมาร์ตรงก้นผม เขาจะไม่รู้จริงๆหรอว่าผมทำอาชีพอะไร
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้บานกระจก
แต่ตาผมเป็นสีฟ้า ไม่เหมือนเด็กอื่นๆ…บางทีนั่นอาจจะเป็นเรื่องดี ใช่ ต้องเป็นเรื่องดีแน่ๆ งั้นเวลาพวกขุนนางมองผม ผมจะทำตาโตๆแล้วกัน แต่ปากผมแห้งอะ แตกนิดๆเป็นรอยเลือดสีแดงด้วย ผมแลบลิ้นทาน้ำลายที่ริมฝีปากล่างเยอะๆ ผมเคยเห็นมาดามเอาผงอะไรไม่รู้ทาปาก ผมเป็นเด็กผู้ชายคงไม่ต้องใช้มั๊ง
ผมสางเส้นผมด้วยมือ ….ฮือ… ผมไม่มั่นใจเลยแฮะ
“นากัล ลูกค้ามาแล้ว!!”
“ฮะ มาดาม จะลงไปแล้วฮะ”
… เอาไงเอากัน ผมเบื่อเพิงซอมซ่อที่นี้เต็มทน
===============
เวลาค่ำมาถึงไวมาก หัวใจผมเต้นระส่ำชนิดที่แมร์รี่อาจจะได้ยินด้วยซ้ำ ผมกวาดห้องอยู่ข้างๆเธอ สายตาสอดส่อง มาดามเดินผ่านไปมา คอยชี้นิ้วสั่งเด็กๆให้ทำงาน ก่อนที่เธอจะออกจากร้าน
“มิลล์ ฝากด้วยนะ” แว่วเสียงจากห้องข้างๆ ผมเอาหูไปแนบกำแพง แมร์รี่ยืนมองงงๆ
“เดี๋ยวฉันต้องกลับไปหาสามีที่บ้าน ตื่นแล้วก็เปิดร้านไว้เลย พรุ่งนี้ฉันกลับมาเช้าๆ”
“ค่ะ มาดาม”
“อ่อ แล้วก็คอยระวัง เด็กนากัลนั่นด้วยล่ะ …ฉันเห็นมีเก้าอี้ไปอยู่ใต้หน้าต่าง ตอนเช้า แต่ขี้เกียจถามอะไรมัน เจ้าเด็กนั่นมันกระหรี่แท้ ชอบนัวเนียกับพวกคนเรือยิวสกปรก พวกยิวก็ยังงี้ล่ะ …เธอก็ล็อกประตูครัวด้วยนะ ฉันไปละ ”
ผมได้ยินเสียง กริ๊กหลายทีข้างล่าง มาดามสั่งให้ล็อกประตูครัวด้วย แย่แล้ว…พอมิลล์เดินขึ้นมาด้านบน ผมพยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ข่มตาหลับ
.
.
ผ่านไปนาน…จนผมเริ่มง่วง ท่านอ้วนนัดไว้ก่อนตะวันขึ้น คงจะประมาณ สามคาบสินะ…ผมจะเงี่ยหูฟังนกร้องแล้วกัน
ผมพลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่ม แอบลืมตามอง มิลล์ ก็เห็นว่าเธอนิ่งสนิท
“จิ๊บ จิ๊บ” อ้ะ!!!
ผมแหงนมองหน้าต่าง เหมือนฟ้าจะอ่อนกว่าตอนตะกี้ ถึงเวลาแล้วสินะ ผมค่อยๆคลานออกมาจากผ้าห่มให้เบาที่สุด ทุกอย่างเงียบจนน่ากลัว ผมกลั้นหายใจ แล้วเขย่งข้ามแมร์รี่ มองผ่านความมืดไปที่เธอเป็นครั้งสุดท้าย ลาก่อนนะ แมร์รี่ ผมรีบคว้ากังหันพี่โจมาร์บนโต๊ะ
พอมาถึงชั้นล่าง ผมเพ่งตามองประตูหน้าร้าน เก้าอี้ถูกเอาไปเก็บแล้ว ผมเดินไปที่ครัว ผลักประตู แล้วก็อย่างที่คิด ผมเปิดไม่ออก ผมกำลังจะหันกลับไปหาอะไรซักอย่างมา - -
เงาของมิลล์เดินลงบันใดมาอย่างช้าๆ
“เธอจะทำอะไรน่ะ!??”
ผมถอยไปติดผนัง…จบแล้ว ผมถูกจับได้ พรุ่งนี้มาดามต้องโยนผมใส่กรรมกรสร้างวิหารแน่ๆ
“เธอดื้อแบบที่มาดามบอกจริงๆด้วย ฉันจะฟ้องหล่อนพรุ่งนี้”
ผมเหลือบเห็นไม้กวาดอยู่แค่เอื้อม
ผัวะ!!!
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง มารู้อีกที คือผมกำลังถือไม้กวาด แล้วด้ามของมันก็ฟาดลงที่ใหล่ของมิลล์พอดิบพอดี !!
“โอ๊ยย!!” มิลล์เซไปทางซ้าย ผมไม่เห็นสีหน้าตอนนี้ เพราะมีแค่แสงลอดจากใต้ประตูร้าน แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ผมก็ฟาดมันอีกครั้งที่คอเธอ!!
ผมรู้สึกเหมือนฉี่จะราด ขาผมสั่นไปหมด ทุกอย่างมืด! มืดเกินไป! แล้วก็มีเสียงตุบ เงาของมิลล์ฟุบลงกับพื้น ผมมือสั่นปล่อยด้ามไม้กวาดร่วง
ย…ยัยบ้าเอ๊ย ทำใมต้องตื่นมาเจอด้วยนะ ผมก้มลงไปยึดเข่าตัวเอง ไม่ให้สั่น
ที่นี้ยังไงต่อล่ะ … ผมมองรอบๆไม่มีอะไรมาใช้ต่อตัวได้เลย
โอ้ย ผมจะร้องให้แล้ว… แต่กลั้นเสียงเอาไว้
ผมมองเงามิลล์ในความมืด…
ผมลากร่างสลบของมิลล์มา มันถูกับพื้นเกิดเสียงเล็กน้อย มิลล์น่าจะโตกว่าผมสามสี่ปี เพราะตัวเธอหนักมาก ผมลากเธอข้ามห้องอย่างลำบากลำบน คาบกังหันของพี่โจมาร์ไว้ในปาก หันมองหน้าต่างซึ่งมีแสงจางๆ
ผมวางหลังเธอชนกำแพง สูดหายใจเข้าลึก…เหยียบเท้าเล็กๆบนใหล่เธอ แล้วกระโดดคว้าขอบปูน
ผมดึงตัวเองขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ข้างนอกนั้นเริ่มมีแสงแล้ว…ผมต้องทำได้
“ผลั่ก!!!”
แล้วผมก็ทำได้จริงๆ ร่างกระแทกบนพื้นทรายข้างนอก ฝุ่นตลบเข้าหน้าผม ผมไอออกมาอย่างมีความสุข
เอาล่ะ ท่านอ้วน ….ไหนล่ะ จตุรัส ข้างนอกไม่มีวี่แววอะไรเลย ผมปัดฝุ่นออกจากสะดือ
ผมวิ่งมาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้จตุรัส คนก็เริ่มออกมามากขึ้น เมื่อมาถึง ผมเห็นกลุ่มเด็กกับพ่อแม่ วิ่งข้ามถนนมา ผมหลบอยู่ตรงมุมหน้าพุรูปนกเหยี่ยว… ท่าทางเลิกลั่ก ตอนนี้ทุกอย่างสว่างขึ้นแล้ว เป็นสีฟ้าอ่อนกันหมด
หัวใจผมเต้นตึกๆฮะ พี่โจมาร์บอกว่าจะมาส่งผม …ผู้ชายตัวสูงตรงมุมตึกก็คล้ายๆ แต่คงไม่ใช่
พี่บอกว่าจะไม่ปรากฎตัวให้เห็น แต่ผมเชื่อว่าพี่อยู่ที่ไหนซักแห่ง
กังหันลมอยู่ในมือผม พี่ฮะ…
!!!!
ทันใดนั้นเสียงม้าควบก็ใกล้เข้ามา พื้นจตุรัสปูด้วยกระเบื้องสีแดง สะท้อนกับเสียงกีบเท้า รถม้าของท่านอ้วนวิ่งตัดผ่านถนน เหมือนกับคนขี่ม้าจะจำผมได้ เขาควบเข้ามาจอดข้างน้ำพุ
“ใช่…นี่แหละ อุ้มเด็กขึ้นมาเลย ทำใมมอมแมมอย่างงี้ล่ะ”
คนงานเดินเข้ามาช้อนตัวผมอย่างรวดเร็ว เขาบรรจงวางผมบนเบาะ ปิดประตูเสียงดัง
ท่านอ้วนแก่อยู่ในชุดผ้าคลุมย้วยๆสีเขียวอื๋อ ผมสีน้ำตาลใกล้ร่วงโรยของท่านถูกหวีเรียบแปล้ ท่านใส่เครื่องทองวิบวับเต็มตัวไปหมด มีชายผมทองที่ผมเคยบริการนั่งอยู่ด้วย
“สวัสดี นากัล!” ท่านอ้วนอุ้มผมขึ้นไปนั่งบนตัก “เจ้าตัดสินใจถูกที่สุด…ฉลาดสมเป็นเจ้าจริงๆ”
“แต่มอมแมมเหลือเกินนะ นากัล” ชายหนวดขาวติง รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้า
“เดี๋ยวข้าจะพาเจ้า กลับไปล้างเนื้อล้างตัวใหม่เสียก่อน…”
ผมกำกังหันลมในมือแน่น หันไปมองหน้าต่างข้างๆ พยายามหาใบหน้าของพี่ที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่เห็นเลย ผมอยากกอดพี่โจมาร์ก่อนไป ผมรู้สึกแย่จังฮะ
รถม้าสั่นคลอนแคลนเมื่อข้ามสะพาน แล้วเราก็ออกจากย่านที่เคยเป็นของผม ของแมร์รี่ ของชาทรัช ของพี่โจมาร์ โดยไม่รู้ตัว ผมก็น้ำตาแตก และร้องให้เสียงดัง
“ฮือๆๆๆ ฮือ” ท่านอ้วนที่ผมนั่งตักอยู่ตกใจ
“เป็นอะไร นากัล! ”
ผมสะอึกสะอื้นไม่หยุด ผมกลัวจังเลย
“นากัล แกไม่ต้องร้องเลย แกรู้มั๊ยว่า ในวังมันสบายขนาดใหน ข้าก็เล่าให้แกฟังแล้วไม่ใช่รึ” ท่านอ้วนเอามือมาปัดๆน้ำตาผมออก
“หยุดร้อง ประเดี๋ยวหน้าแดงกันหมด นากัล…”ชายหนวดขาวบอก ผมร้องโฮอย่างควบคุมไม่ได้ ผมอยากกอดพี่โจมาร์นี่หน่า ผมไม่รู้อะไรแล้ว
มารู้ตัวอีกที คือชายหนวดขาว อุ้มผมไปกอด แล้วก็ลูบหลังใหญ่เลย เขาดูดปากผมด๊วบๆแล้วก็กอดอีก ลูบหลังจนกว่าผมจะหยุด แต่ก็จูบปากผมสลับไปด้วย ไม่รู้ว่าทำใมเขาต้องทำยังงั้น เพราะตอนผมร้องให้ น้ำลายจะยืด ตอนนี้มันเปื้อนหน้าผมกับเขาไปหมด แต่ชายหนวดขาวดูจะชอบใจมาก พิลึกจริงๆเลย
“เดี๋ยวไปที่บ้าน ข้าจะให้เจ้ากินเนื้อแกะอย่างดีเลย แล้วนี่ เจ้าเคยดื่มไวน์มั๊ย?? ในวังมีไวน์และเหล้าชั้นเยี่ยม …เจ้าจะได้เรียนหนังสือด้วยนะ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ ปรัชญา กีฬา การเกษตร การเต้นรำ”
“ฮะ…ฮึก…ร..เรียนหนังสือหรอฮะ ?”
ท่านอ้วนกับชายหนวดขาวพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้า เนบูคัดซาร์ ได้รับใช้เชื้อพระวงศ์ของท่าน ที่ที่มีทุกอย่างเข้าไปประเคน เจ้าจะได้ว่ายน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่เจ้าต้องเลิกร้องให้ ไม่งั้นหน้าตาเจ้าจะน่าเกลียด และทุกอย่างที่พูดมากก็จะพังหมด”
ผมรีบปาดน้ำตา “ฮึก ….ฮะ..ไม่ร้องแล้วฮะ ”
ผมสูดหายใจลึก ตั้งสติอีกครั้ง… ผมจะงอแงไม่ได้แล้วนะ ผมเข้ามาอยู่ในรถม้าแล้ว และมันจะพาผมไปการคัดตัว สู่วังพระราชา ผมอ่อนแอไม่ได้แล้ว
===========================
สาวใช้กุรีกุจอ เข้ามาอุ้มผมลงจากรถม้า เหมือนทุกคนในบ้างจะรู้หน้าที่หมดว่าต้องทำอะไรกับผมบ้าง และพวกเขาก็ทำอย่างรวดเร็ว
สาวใช้พาผมไปห้องน้ำใหญ่ จุ่มผมลงบ่อน้ำ จับผมถูด้วยพืชไปทั้งตัว แล้วเขาก็เอาอะไรมาทา ทำให้ตัวผมลื่นๆ ผมได้กลิ่นใบเตย เขาให้ผมอ้าปากอมหญ้าชนิดนึง แล้วบ้วนทิ้ง มันซ่าๆหอมๆ สาวใช้ไม่พูดอะไรกับผมเหมือนครั้งแรกเลย คิดว่าเพราะ มีคนงานอื่นในห้องด้วย
เธอบอกให้ผมสีฟัน ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย มีอยู่ตอนนึงที่เธอขุกเข่าลงไปล้างก้นให้ผม ขัดต้นขาผม แล้วคงเห็นรอยแดง เธอทำหน้าเจ็บปวด ประคองหน้าผมไว้ ทำท่าเหมือนจะร้องให้ เธอสูดน้ำมูกหนึ่งที แล้วก้มหน้าก้มตาล้างตัวต่อ
ทั้งวันนั้นผมแทบไม่ได้เดินเลย ทุกคนอุ้มผมราวกับเป็นแจกันชิ้นนึง ซึ่งมีกฏห้ามแตก ผมไม่เคยถูกปฎิบัติแบบนี้มาก่อนในชีวิต
พอมาที่ห้องๆหนึ่ง ความเศร้าเรื่องพี่โจมาร์ผมก็น้อยลงไป ห้องนั้นเป็นสีทองทั้งห้อง มีลายอักระอยู่ตามกระจก มีรูปปั้นผู้หญิงผมหยิกยาวออกมาจากฝาหอย และโต๊ะหินอ่อนอยู่ตรงกลาง
ท่านอ้วน ชายหนวดขาว และสาวใช้อีกสองคนเดินเข้ามาพร้อมกล่องกำมะหยี่
ท่านอ้วนเปิดกล่องกำมะหยี่ แล้วหยิบสร้อยเพชร มากางหน้าผม
“แกว่ามันสวยไหม นากัล”
ผมยืนงง มีให้สาวใช้ เข้ามาประคองผม ช้อนขาขวาผมขึ้นข้างนึง
“มันเป็นของเจ้าแล้ว” ท่านอ้วนร้อยมันเข้าที่ต้นขาผม ท่ามกลางความงงงัน เพชรเย็นๆก็แนบเนื้อผม ให้ความรู้สึกประหลาด
“ท่านให้ผมหรอฮะ??!!”
“ใช่น่ะสิ แกต้องบอก พวกกรรมการด้วยนะ ว่าแกรับใช้บ้านท่านเอ็ด พ่อค้าเพชรประจำราชวงศ์ มาตั้งแต่เกิด”
ผมก้มลงมองสร้อยเพชร พอผมขยับขา มันก็เหวี่ยงเบาๆ ทอแสงระยิบระยับ
“ขอบคุณฮะ ท่าน”
“ที่นี้จะทำยังไงกับรอย พวกนี้ละ ท่าน”ชายหนวดขาวชี้มาที่ต้นคอผม
“จัดการซิ” ท่านอ้วนสั่งสาวใช้ พวกเธอพาผมขึ้นไปนอนบนโต๊ะ เธอเปิดกล่องกำมะหยี่อีกอัน หยิบแปรง จุ่มลงในแป้งสีเนื้อ ปัดกลบรอยต่างๆบนตัวผม ต้นขา หน้าท้อง พอพวกเธอจับผมพลิกตัวผมกลบรอยด้านหลัง
“ท่านเอ็ด แล้วตรงนี้ล่ะ”ชายหนวดขาวทิ่มนิ้วเข้ามาด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือก
“เรื่องความฟิตไม่ต้องกังวลหรอก” ท่านอ้วนรีบท้วง ”เจ้าคิดว่าข้าถ่อไปที่ร้านซอมซ่อเพราะอะไรล่ะ ข้าไม่เคยเจอเด็กที่ไหน มีเสน่ห์ส่วนนั้น เท่านากัลอีกแล้ว ฮ่าๆๆ”
ท่านอ้วนเดินเข้ามาบีบเคล้นสะโพกผม “ข้าคงจะคิดถึงเจ้าน่าดูเลย นากัล ”
==========
พอเที่ยง ท่านอ้วนก็เรียกผมเข้าไปกินอาหารร่วมด้วย เขาพรรณาเรื่อง ความยิ่งใหญ่ของเพชรที่เขาขาย เรื่องที่เขาเดินทาง ข้ามทะเลไปติดต่อกับช่างขุดแร่ด้วยตัวเอง แล้วก็เรื่อง ที่เขาเกลียดพวกเปอร์เซียมากเพียงใด
พวกเปอร์เซีย แน่นอนว่าผมจำคำพูดของพี่ได้ ผมไม่ได้เอ่ยอะไร ท่านอ้วนแค่ต้องการให้ผมยิ้ม และ ยิ้ม และ ครางเมื่อจำเป็น นั่นคือทั้งหมดที่ท่านอ้วนต้องการ แต่ขณะนี้ เขาตั้งความหวัง เรื่อง กำไล จากผมด้วย
เขาปล่อยให้ผมเดินเล่นในบ้านของเขาตลอดบ่าย ผมได้เห็นอะไรสวยๆเยอะเลย ท่านอ้วนรวยมากเหลือเกิน จนกระทั้งตกเย็น สาวใช้เดินพาผมไปในห้องแต่งตัว
ให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ พวกเธอเริ่มหวีผม เกิดมาไม่เคยมีใครหวีผมให้ผมเลย พวกเธอทาอะไรมันๆที่ขนตาผม มันเป็นสีใสๆ พอหวีผมเสร็จ เธอเอากรรไกรมาเล็มส่วนที่ลุ่ยนิดหน่อย เป็นอันจบ
พวกเธอพาผมไปที่กระจก ผมสีทองของผมเป็นหน้าม้าปัดข้าง หวีอย่างเรียบร้อย เหมือนขนตาจะยาวขึ้นด้วย ได้ยังไงนะ? แล้วปากผมก็ถูกทำให้บวมเจ่อ พวกขุนนางชอบหน้าตา แบบเด็กขี้แยเองหรอกหรอ??
พอมาถึงรถม้า ท่านอ้วนก็โพลงเสียงดัง “ฮ๊า…นากัล ! ข้ามองแกไม่ผิดเลยจริงๆ ขึ้นมาๆ” สาวใช้ช้อนแขนผมลอย
“เขาเหมือนเจ้าชายน้อยๆเลย ว่ามั๊ย” ท่านอ้วนถามความคิดเห็น สาวใช้พยักหน้า มีสาวใช้คนนั้นที่ผมเจอครั้งก่อน ยิ้มให้ ผมยิ้มแฉ่งกลับ ก่อนที่ประตูรถม้าจะปิด
“พร้อมนะ นากัล”
“ฮะ”
“ไปที่งานคัดเลือก หน้าพระราชวังเลย”
…………………..
=======================
สวัสดีค่ะทุกคน ตอนหน้าจะเข้าสู่ เรื่องเมนหลักแล้ว
ตอนแรกที่คิดแต่งเรื่องนี้ ก็กลัวเหมือนกันว่า เนื้อหาจะแรงไปรึเปล่า เพราะตัวเอกเป็นเด็กน้อยด้วย
แต่ด้วยความที่ รู้สึกจริงๆว่า ยุคสมัยก่อน โดยเฉพาะ กรีก,บาบิโลน เด็กๆนี่แหละ จะถูกกดขี่และจับไปเป็นทาศอารมณ์มากที่สุด
ถึงขนาดมีกฎหมายอนุญาติให้ มีเมียเป็นเด็กชายอายุ 12 ได้เลยด้วยซ้ำ ไว้จะแปลข้อมูลเอามาโพสภายหลังนะคะ
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณผู้อ่านและกำลังใจมากๆเลยค่ะ รักคนอ่านสุดๆไปเลยล่ะค่ะ โค้งงามๆค่ะ :L2:อิอิ-cloud9