ตอนที่
18ผ้าม่านสีดำของรถม้าปลิวสบัดอยู่ข้างนอก …
…
ผมรู้สึกว่ามีเสียงคนคุยกัน
…
“นากัล….”
….
“ฮื้ม…”
…..
เหมือนว่าร่างกายถูกยกขึ้นอย่างง่ายดาย
….
เสียงลมบาดแก้วหูผม ผมกำลังถูกแกว่งไกว - -
พอสติกลับมา ผมก็ลืมตาตื่น …บรรยากาศรอบตัวมืดสลัว ผมเห็นเงาพระอาทิตย์ค่อยๆลับหุบเขากว้างไป ผมกำลังอยู่บนหลังของบางคน ถูกอุ้มในท่าเดิม พาดหลังหัวห้อยเล็กน้อย ..ไม่รู้ทำใมผมมาอยู่ท่านี้ได้น๊า? แต่กลิ่นเหงื่อของท่านเซอซัสเป็นแบบนี้เองหรอ… เหมือนท่านเซอซัสจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว
“ถึงทุ่งซูซาร์แล้วนะ เจ้าเด็ก” เขาพูดเสียงต่ำ “ท่านบาลิธไปรับกษัตริย์เนบูนิดัสอยู่ ข้ามีหน้าที่ต้องพาเจ้ามาที่เต้นท์” ผมชะเง้อมองรอบๆ มีทหารตามมาหลายคน
ผมซุกหน้าลงกับ เรือนผมเขา ท่านเซอซัสขยับเหมือนจักจี้คอ
“เจ้าเป็นเด็กชอบฉวยโอกาศเหมือนกันนะ นากัล” เขาพูดแกมขำ วางผมลงที่พื้น
รอบๆตอนนี้ นี้กลุ่มทหารกำลังใช้มีดฟันหญ้าให้โล่ง คนงานและสาวใช้ช่วยกันตั้งเต้นท์ขึ้นตามจุดต่างๆ
เรากำลังอยู่ในหุบเขารกร้าง หินผาคดเคี้ยวตีโอบรอบทุ่งนี้ไว้…ตามเนินเขามีต้นไม้หนาทึบปกคลุม แต่ที่ๆผมยืนอยู่เป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา…ปกคลุมไปด้วยสีน้ำเงินอ่อนๆของยามสนธยา
“ฟึ่บ!” ผมสะดุ้ง มีไฟลุกโชติช่วงข้างๆหู ท่านเซอซัสจุดไฟบนด้ามไม้ หันไปตะโกนใส่กลุ่มทหาร
“เฮ้ย เตนท์ท่านบาลิธอยู่ไหนวะ?”
“ทางนู้น!” คนงานชี้ไป ท่านเซอซัสเดินนำผม บนพื้นหญ้าช่างเฉอะแฉะอะ เท้าผมเปื้อนหมดแล้ว
นายทหารบัท เดินตามมาร้อง
“เฮ้ย เซอซัส! นายทำสนมฝ่าบาทเปื้อนโคลนหมดแล้วนะโว้ย อุ้มต่อสิวะ!”
“อ่าว เวร”ยักษ์เซอซัสหยุด มองเท้าเปื้อนโคลนเน่าของผม ก่อนจะคว้าผมไปอย่างง่ายดายด้วยแขนข้างเดียว เดินตึงๆเข้าเต้นท์ใต้ต้นไม้
ภายในเต้นท์เงียบสนิท ผมเห็นเมยายืนจัดเตียง ก่อนจะถือถังน้ำเปล่าสวนออกไป…
ในเต็นท์ของท่านบาลิธถูกจัดลวกๆ ถึงกระนั้นบนพื้นก็อุตสาห์มีพรมให้พวกกษัตริย์ และโต๊ะไม้สักรอบห้อง
ท่านเซอซัสวางผมในที่สุด ผมมองหน้าเขาตาแป๋ว…
“เดี๋ยวสนมคนอื่นก็เข้ามาช่วยแต่งตัว…เสร็จแล้วเจ้าต้องไปเสริฟอาหารที่ลาน มีงานแสดงต่อหน้าทั้งราชวงศ์ ”
“ท่านเซอซัสฮะ”
“หึ๊?”
ผมอยากจะพูดอะไรกับเขา แต่ก็นึกไม่ออก…
เกิดความเงียบ
“ฮ่ะฮ่ะ!” ท่านเซอซัสหัวเราะคึก หรี่ตามองผมยิ้มๆ ก่อนจะวางมือที่ศีรษะ
“ตั้งใจทำงานนะ เจ้าเด็กนากัล..”
เขาขยิบตาให้ผมยิ้มๆแล้วเดินจากไป ผมไม่เข้าใจเขาเลย…เขาบอกว่าจะไม่ยุ่งกับผมแล้วไม่ใช่หรอ แต่ทำใมเขาชอบทำท่าทางแบบนี้ล่ะ? ผมยืนลอยๆคนกระทั่งเมยาเข้ามาบอกให้ไปล้างตัว ข้างๆเต้นท์
…
เสาไฟถูกปักไปรอบๆบริเวณ ทหารถางหญ้าจนเตียน และเอาม้ามาจอด เต้นท์เรียงรายหลายหลังตอนที่ผมกับสนมคนอื่น เรียบเรียงอาหารออกมา ผมแต่งตัวใหม่ มีผ้าคาดเอวและสร้อยทองหนักอึ้งห้อยคอ คาดเชือกพันใบไม้บนหัว…เมยาราดน้ำหอมใส่แผ่นหลังผม ฉุนจังเลยอ้ะ! ผมเดินตามเด็กสาวคนอื่นๆไปตามทางเฉอะแฉะ มีทหารนั่ง หรือ ยืน โดยรอบ …สงสัยจัง ว่าท่านเซอซัสนอนที่ไหน?
พวกเรามาถึงลานแล้ว ตรงลานเป็นพื้นดินทรายโล่ง มีโขดหินใหญ่ตั้งอยู่ …คนเป็นฝูง ทั้งยืนทั้งนั่งเป็นวงรอบลาน มีกระถางไฟมหึมา ตั้งอยู่ตรงกลาง สว่างโชติช่วง…ถ้าผมเดาไม่ผิด คนที่นั่งเก้าอี้ทองอยู่ใต้โขดหินคือ กษัตริย์เนบูนิดัส ผมอยากเห็นหน้าใกล้ๆจังเลย!!!
ผมเบียดเสียดกับทหารโดยรอบ หว้า! เมยาเดินนำลิ่วไปแล้วอะ ผมพยายามถือถาดน้ำให้สูง
มีเสียงดนตรีดังขึ้น แล้วนางระบำสี่คนก็ออกมา ทุกคนปรบมือดัง ผมถูกคนงานผลัก…
อ้ะ!!ผมถูกกระแทกแขน
“นากัล!” เอลลี่กระโดดเข้ามา
“เดี๋ยวบากีส บากอสจะออกมาแสดงดาบล่ะ…ตามข้ามา ! ท่านบาลิธนั่งอยู่กับท่านดันชิ”
“อ้ะ!!เยี่ยมเลย”
ผมยิ้มแฉ่ง วิ่งดุ้กๆตามเจ้าเอลลี่ไป…พวกเราเดินอ้อมหลังโขดหิน ที่มีคนงานขนนวมเดินเพ่นพ่าน…เบียดเสียดกับคน จนไปถึงข้างหน้า
“นั่นไง ท่านดันชิของข้า…นู้นท่านอะดัท!”
ผมกับเอลลี่มาโผล่ตรงข้างๆโขดหิน เห็นทุกพระองค์นั่งดูการแสดงอยู่
ท่านดันชิกำลังยืนคุยกับท่านบาลิธ หน้าเก้าอี้ ผมสีน้ำตาลมัดรวบด้านหลัง…หน้าตาท่านหนุ่มมาก น่าจะอายุเท่าพี่โจมาร์ “ท่านเป็นน้องแม่เดียวกับท่านบาลิธหรอ” ผมถาม
“ช่าย ”
“ข้าต้องเอาน้ำผลไม้ไปเสริฟล่ะ ของเจ้าคืออะไร?” ผมถาม
“ข้าไม่รู้ มันคือแป้งเหม็นๆ” เอลลี่ย่นจมูกใส่ ของในถาดตัวเอง
ดนตรีงานแสดงดังต่อเนื่อง ผมกับเอลลี่ลัดเลาะทางไปหาฝ่าบาท
เอลลี่รีบวิ่งเข้าไปหาท่านดันชิ ทั้งสองพระองค์หยุดสนทนา ท่านดันชิหัวเราะใส่เอลลี่ “ว้า ไอ้แป้งนี่ไม่อร่อยเลยจริงๆนา ชิมสิ เอลลี่”
“ไม่เอาคับท่าน มันเหม็นอะ” เอลลี่เบนหน้าหนี มือท่าน
ผมเดินช้าๆไปหาท่านบาลิธ รู้สึกเขินแปลกๆ ท่านบาลิธยิ้มให้ผมบางๆ หยิบน้ำไปสองแก้ว ท่านยื่นให้น้องชาย
“อ้้า!! นี่หรอนากัล” ท่านดันชิย่อตัวลงมาทำตาโตใส่ผม จับที่คาง “นี่ เจ้ามันรสนิยมพี่ข้ามากๆเลยรู้มั๊ย!”
ท่านบาลิธจิบน้ำ หันมาพูด “พรุ่งนี้ เจ้าจะขี่ม้าตัวไหน?”
ท่านดันชิทำหน้าเบี้ยว หันไปตอบ “อย่าพูดเรื่องล่าสิงโตให้เด็กๆฟังได้มั๊ยพี่ …น่าเบื่อๆ ” ท่านดันชิอุ้มเอลลี่ขึ้นมา เขย่าเหมือนลูก
“เมียคนที่สามของเจ้ากำลังมองนะ ดันชิ”
“ปล่อยหล่อนไปสิ นางมีชู้” ดันชิทำหน้าบูด “ท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าฆ่านางทิ้ง…ถ้าเป็นพี่คงจัดการได้เลย…เด็ดขาด โชะ!ตาย เหอะๆ”
ท่านบาลิธมีบางอย่างบนใบหน้า ที่สลดขึ้นทันที
“ข้าขอโทษ ท่านพี่ ข้าไม่ระวังปาก” ท่านดันชิรีบพูด ท่านบาลิธหันมาสั่งผมที่ทำหน้าสงสัยบทสนทนาทันที
“ไปเอาปลามาเสริฟพ่อข้าที นากัล” ผมพยักหน้า รีบวิ่งออกมา แว้บนึงนั่น ผมหันไปสบตาเอลลี่ที่กำลังถูกท่านดันชิหอม หมอนั่นส่งสายตาสงสัยใส่ผมเหมือนกัน
ใช่…เรากำลังสงสัยเรื่องเดียวกัน ท่านดันชิหมายความว่าไง เรื่องฆ่าเมียทิ้ง? ผมคิดว่าท่านพูดเล่นนะ แต่สีหน้าท่านบาลิธไม่ได้เป็นอย่างเดียวกัน
บางที ท่านบาลิธอาจจะเคยฆ่าเมียมาก่อน?
หรือ….สนม? มาก่อน…
งั้นหรือ???
…
…..
เมยาให้ปลาผมตัวใหญ่เกินไป ตอนผมเดินเข่าไปหน้า ฝ่าบาทเนบูนิดัส ผมรู้สึกว่าปลาในมือสั่นหงึก
ใบหน้าของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นบาบิโลน ดุจัง…ท่านมีบางอย่างคล้ายท่านบาลิธ คือดวงตา....เรียวเล็ก ผมเขยิบไปใกล้ๆ ท่านมองลงมา ก่อนจะรับไปวางที่โต๊ะตรงหน้า
เท่านั้น ช่องท้องผมก็โล่งสบาย ผมเลิกสั่น รีบเดินออกมาอีกด้าน - -
“เดี๋ยว! เจ้าหนู” ชายที่นั่งห่างจากกษัตริย์ไม่มาก ดึงแขนผม ผมเงยหน้าขึ้นมา
พบใบหน้าของชายหนุ่ม ดูดุร้ายเหมือนพ่อ ผมดำยาวถึงเอว…จมูกโด่งยังกะพวกปีศาจ เขาขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ย
“นากัล…สนมใหม่ของบาลิธใช่มั๊ย- -เจ้าน่ะ?”
ผมกลืนน้ำลาย ชายคนนี้…คือท่านเนนันตาร์รึเปล่านะ นั่งเอาขาขึ้นมาบนเก้าอี้ ท้าวแขนอาดๆ ผิวออกแดดเล็กน้อย ที่สำคัญ เด็กหัวส้มคุ้นตาก็โผล่มาข้างๆเขา แน่นอนเลย
“ใช่ครับ!! เจ้านี่แหละ ” เคอร์เหยียดสายตา “ยิวสกปรก!...ขายังมีคราบโคลนติดขาอยู่เลย - -ท่านเนนันตาร์ครับ ผมว่า- -”
“หุบปาก!!!” ผมสะดุ้งโหยง ท่านเนนันตาร์ตะคอกใส่เคอร์
เคอร์ห่อใหล่ “ข้าสั่งให้เจ้าทำอะไร เคอร์!? นวดหลัง…? ไม่ใช่พูด! ถ้าปากว่างมากนัก ก็อมให้องค์รักษ์ข้าซะ” เขาหันไปกวักมือ “เดส คืนนี้เคอร์เป็นของเจ้า…อยากทำอะไรเชิญ”
“ไม่นะ!! ฝ่าบาท ผมขอโทษ!!อ้ะ!”
องค์รักษ์ทำหน้า หื่นกระหายใส่เคอร์ ก่อนจะคว้าตัวเขาลอย เคอร์ทำท่าจะร้องให้… “ได้โปรด!!ท่านเน - อ้ะ!! ไอ้ - -”องค์รักษ์ดูดปากเคอร์อล่างฉ่างตรงนั้น พวกทหารคนอื่นๆขำ แล้วก็พากันเดินไปหลังโขดหิน
ผมยืนอึ้งตัวเเข็ง….
“ที่นี้ ข้าก็คุยกับเจ้าได้แล้วล่ะ นากัล… เป็นไง น้องชายข้า บาลิธ…ดีกับเจ้ามากรึเปล่า?”
วินาทีนั้น ไม่รู้เลยฮะว่าจะตอบว่าไง… แต่ถ้า ท่านเนนันตาร์เป็นศัตรูกับท่านบาลิธ ผมควรจะแกล้งดีด้วยก่อน
“พระองค์ดีกับผมมากครับ ท่านเนนันตาร์” ผมคุกเข่าก้มหัว
“อืม…แน่นอนสิ เจ้าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ที่สำคัญนะ เจ้าเข้ามาใกล้ๆซิ- -” เขากวักมือเรียก ผมเดินเข่าเข้าไป รู้สึกกังวล “เส้นผมสีนี้” ท่านเกี่ยวผมของผม “บาลิธฝังใจมาก..”
ผมทำปากเจ่อ สงสัย…อะไรกันอีกทีเนี่ย?
“ให้ทาย…เจ้าอายุสิบสองสินะ …น้องชายข้าโตมากับสนมวัยเดียวกับเจ้า แต่ข้าว่า- -” ท่านเนนันตาร์ถอยเก้าอี้ออกไป ดึงตัวผมไปประชิด “เจ้าน่ารักกว่า เจ้า ‘อโดนิส’ นั่น เยอะเลย”
“ขอประทานอภัยฝ่าบาท!!” เสียงแหบลึกที่ผมชอบที่สุดดังขึ้น
หมุนตัวกลับไป ท่านเซอซัสกำลังโค้งอยู่
“ท่านบาลิธเรียกตัวนากัลแล้วพะยะค่ะ”
“ฮ่า - -!ทหารจรเซอซัส…เสือโคร่งแห่งกองทัพ” ท่านเนนันตาร์หัวเราะหึ ยืนขึ้นพรวด
“ยังคงจงรักภัคดีกับน้องข้า ไม่เหมาะสมกับต้นกำเนิดของเจ้าเลยนะ”
ท่านเซอซัสยืนตัวตรง ยิ้มมุมปาก “กระหม่อมขอเรียกตัวนากัลนะพะยะค่ะ…”
ผมถอยกรูดไปโดนขาท่านเซอซัส รู้สึกดีใจบอกไม่ถูก
“ฮ่า!ฮ่า! ” ท่านเนนันตาร์หัวเราะเสแสร้ง “แน่นอน…เซอซัส แต่ตอบข้าก่อนสิ ทหาร! เมื่อไหร่แม่ทัพคนนี้จะน้อมรับข้อเสนอของข้าเสียที? หึ๊?”
“เกร็งว่าจะมิได้พะยะค่ะ หากพระองค์ประสงค์ต้องการองค์รักษ์ใหม่ กระหม่อมแนะนำ บัทเธอลิน ทหารคนสนิทของกระหม่อม- -”
“ม่ายๆ เซอซัส” เนนันตาร์ ย่นหน้าคล้ายเคอร์ โบกมือไปมา “ช่างมันเถอะ! ตราบใดที่เจ้าอยากกลับมา ตามหาสัญชาตญาณดิบอย่างที่เจ้าเคยเป็น…เนนันตาร์จะให้เจ้าเป็นหัวหน้ากองทัพที่ใหญ่ที่สุดในบาบิโลน” เขากอดอก สบตาท่านเซอซัสเขม็ง
“เราจะได้เริ่มกวาดล้างเปอร์เซีย”
แววตาดุร้ายของท่านเนนันตาร์ กับ ท่านเซอซัส มีบางอย่างไม่เหมือนกัน…ของท่านเนนันตาร์เหมือนพวกคนเล่ห์เหลี่ยมจัด ราวงูเหลือม
แต่ของท่านเซอซัส เหมือนสิงโตป่า ที่เวลาต่อสู้จะมีประกายรุ่งโรจน์ออกมา
..
แต่แล้ว ท่านเซอซัสก็กระชับมือผม ก้มหัวให้ท่านเนนันตาร์อีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกมา
ผมจับมือเขาแน่น เงยหน้ามองระหว่างทีก้าวเท้าดุ่ยๆ
“ข้าว่าแล้ว ว่าวันนี้ต้องมีเรื่องไม่ดี…ข้าสังหรณ์ไม่เคยผิด”
“ใครคือ อโดนิส หรอฮะ?” สิ้นเสียงผม ท่านเซอซัสก็หยุด ถอนหายใจ
“นากัล…มันเป็นเรื่องไม่รื่นหูเอาซะเลยว่ะ มานี่! ข้ากับเจ้ามีเรื่องต้องพูดกัน”
ผมแอบยิ้มตอนที่ท่านเซอซัส บอกผมแบบนั้น ผมบีบมือเขาไม่ยอมปล่อย…วันนี้ท่านเซอซัสสวมเกราะเต็มตัว ดูเท่มากๆเลยฮะ เขาพาผมมาหลังโขดหิน เสียงดนตรีในงานเบาลง
“ฟังนะ นากัล” เขาเสยผม
“เรื่องที่เจ้าได้ยินจากปากของเนนันตาร์- -”
“อ้ะ!!อ๊าาา ปล่อยข้านะ!! อ้อย! ฮึก…”
เสียงอันคุ้นเคยในซ่องของมาดาม เข้าหูเราสองคน ต้นเสียงมาจาก ข้างโขดหินเล็กอันหนึ่ง
ภาพที่ผมมั่นใจว่าต้องเห็น คือ เคอร์กำลังถูกองค์รักษ์ทำแบบนั้นอยู่…แล้วก็จริงฮะ
ร่างผอมของเขา ถูกทาบทับบนพื้น นายทหารขยับใส่อย่างเร่งเร้า…ขาเรียวพาดบ่าทั้งสองข้าง ผมสีส้มของเคอร์ชุ่มเหงื่อ เขากรี้ดแล้วกรี้ดอีก …
“ร้องดังๆสิ เคอร์น้อย!!? หึ้” เขาบีบปากให้อ้า แล้วถุยน้ำลายใส่ “ขยะแขยงข้านักใช่มะ?! วันนี้ข้าเป็นผัวเจ้าแล้วนะ นี่!นี่!”
เจ็บแน่ๆ…กระแทกกระทั้นแบบนั้น ผมสยองแทนทันที
“เอ่อ….เอิ่ม” ท่านเซอซัส จ้องไม่กระพริบ “เป็นภาพที่หาดูยาก ในการล่าสิงโตนะ…”
เคอร์เริ่มร้องโหยหวน ปนกับเสียงสะอื้น …
ท่านเซอซัสพยายามหันมาพูดกับผม “เรื่องที่เจ้าได้ยินมา เจ้าควรจะ- -”
“อ้าาาาา!!! อย่า!! อ๊าาาาาา!!! ละ…ลึกไปแล้วว โอ้ยยย!!อา”
“โว้ย!!!!!”ท่านเซอซัสตะโกนใส่ “เสียงเมียเจ้าดังไปลั่นทุ่งแล้ว!! ไอ้เดส ข้าพยายามจะคุยธุระนะโว้ย”
นายทหารหอบแฮ่กๆ หันมาอย่างไม่ละอาย “ร่วมด้วยมั๊ย เซอซัส!!?เจ้ากะหรี่เด็กนี่มันเยี่ยมชะมัด!! อย่าข่วนสิโว้ย!!” เคอร์พยายามตบหน้าทหารเดส น้ำตาไหลพรากๆ เขาเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
สีหน้าเคอร์ดูตกใจกะทันหัน…ผมไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี แต่วินาทีนั่น ผมก็นึกออก
ผมมองเคอร์นิ่งๆ…เฉยๆ…เหมือนเวลาเห็นเฟร็ดทำกับลูกค้า เขาก็ไม่ต่างอะไรจากผม จากพวกเรา..เพื่อนๆที่เพิง เราต่างถูกกระทำโดยผู้ใหญ่ แล้วก็ไม่มีใครแก้ใขอะไรได้… ไม่รู้เขาจะดูถูกคนอื่นทำใม เพราะเสียงครางเขาแหลมน่ารำคาญจะตายชัก~
เคอร์หน้าแดงจัด…ความอายท่วมท้นขึ้นมาจากใบหน้าเขา นายทหารก้มลงไปจูบ ฟัดกับใบหน้า
เขาต้องเคียดแค้นผมมากแน่ๆ ที่ยืนมองเขาหน้าตาเฉยแบบนั้น ฮะๆๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่า
“อื้อๆ อื้อ ๆๆๆๆๆอะ”
“นา…กัล” ท่านเซอซัสหน้าเคลิ้ม “ ข้ากับเจ้าไปคุยกันที่อื่น ที่เงียบกว่านี้เหอะว่ะ…”
ผมพยักหน้า ตลกนิดหน่อย
ท่านเซอซัสเดินนำไปที่โขดหินอีกฝากที่ไกลกว่าเดิม เขาต้องเอามีดมาฟันหญ้า เพื่อเดิน…พอถึง เขาก็นั่งลงบนหินเหนื่อยๆ
“เอาล่ะ ไอ้หนู…ข้ารู้ว่าซักวันเจ้าก็ต้องรู้”
“พูดมาเลยฮะ ท่าน” ผมเอ่ย
“อโดนิส ที่ท่านเนนันตาร์พูดถึง คือ สนมของท่านบาลิธ…”
“ฮะ…เขามีผมสีทองเหมือนผมใช่มั๊ยฮะ?”
“ถูก” ยักษ์เซอซัสพยักหน้า ท้าวเข่า “เรื่องมันคือ เนนันตาร์เกลียดฝ่าบาทของเจ้า…และข้าก็ไม่ชอบเขา จะเจ้าชงเจ้าชายห่าอะไรก็เหอะ- -ข้าเกลียดแม่ง! แต่- -”
“มันเป็นหน้าที่ของเจ้า ที่ห้ามถาม ท่านบาลิธ เรื่อง อโดนิสเด็ดขาด…แต่ไม่ว่า จะมีพวก สนมของเนนันตาร์มาเป่าหูอะไรเจ้า ว่าท่านบาลิธทำอย่างนั้นอย่างนี้ในอดีต…อย่าได้เชื่อเด็ดขาด แค่นั้นหล่ะ!”
“ท่านบาลิธฆ่า อโดนิสหรอฮะ?” ผมหลุดปากถามสิ่งที่คิดออกไป ช่วยไม่ได้นี่ฮะ มันสงสัยนี่หน่า
ท่านเซอซัสเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ…แล้วท่านก็…ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าประเมินนะ นากัล…เหอะๆ” เขายืนขึ้น ปัดฝุ่นที่ขา แล้วเดินมาหน้าผม
“งั้นนากัล…เจ้าคิดเองละกันนะ ว่าอย่างท่านบาลิธที่เจ้ารับใช้เนี่ย - - เจ้าก็รู้” ท่านเซอซัสทำท่านิ่งๆ ล้อเลียนท่านบาลิธ “ถ้าเจ้าคิดว่า ท่านบาลิธฆ่าใครได้ละก็….เจ้าก็รู้จักพระองค์น้อยไปแล้ว” แววตาคมหรี่ใส่ผมอย่างเอ็นดู
แย่จัง…ผมชอบท่านเซอซัสเหลือเกิน
แต่ผมก็ยังสงสัย
“แล้วตอนนี้ อโดนิส ไปอยู่ไหนละฮะ?”
ท่านเซอซัสมองภูเขา ก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า
ตายแล้วงั้นหรอ…
“หายข้องใจแล้วนะ ทีนี้ก็ตกลงกับข้า ว่าเจ้าจะไม่พูดเรื่องอโดนิสให้ฝ่าบาทได้ยินอีก”
ยักษ์เซอซัสจับแขนผม ก้มประชิดจนลมหายใจสัมผัส
ผมคิดอะไรได้บางอย่างแฮะ “ผมจะตกลงฮะ…แต่ผมขออะไรท่านก่อนได้มั๊ยฮะ?”
ท่านเซอซัสหัวเราะ เขี้ยวโผล่ “ทำใมวะ? อยากให้ข้าจูบเจ้าอีกหรือไง”
ใบหน้าผมร้อนขึ้นมาทันที ท่านเซอซัสรู้ด้วย…แน่สิ นายแสดงออกขนาดนั้นนี่ นากัล ผมรู้ตัวว่าหน้าต้องแดงแน่ๆ อาจจะแดงกว่าเคอร์ด้วยซ้ำ ผมไม่หลบสายตาเขาเลย…รอบตัวเรามืดสลัว เสียงจิ้งหรีดร้องไกลๆ
“งั้น…คำเดาของข้าก็ถูกสินะ” ยักษ์เซอซัส ยกมือขึ้นมาจับใบหน้าผม สอดมือใต้ท้ายทอย เราเลื่อนหน้ามาใกล้กันมากขึ้น ผมอดใจสัมผัสหนวดสากของเขาไม่ได้
ผมประคองใบหน้าหยาบของเขาทั้งสองข้าง…รู้สึกว่าท้องน้อยตัวเองร้อน ท่านเซอซัสโน้มเข้ามา
ริมฝีปากเราสัมผัสก่อนที่จะถูกทาบทับอย่างรุนแรง ท่านล็อคตัวผมไปแนบอก จนต้องเขย่ง ดูดริมฝีปากเน้นๆ ลิ้นเปียกรุกล้ำเข้ามา…ควานทุกมุมซ้อนเร้น ก่อนจะไล่วนที่เพดาน
ผมหายใจติดขัด ขาหมดแรง…มันเหมือนวันนั้น ที่สนามฝึก กลิ่นเหงื่อของท่านเซอซัสทำให้ผมมีอารมณ์ ผมดูดปากล่างท่านกลับ
มือลูบไปทั่วหน้าอก…สอดเข้าไปใต้เกราะหนา ผมเจอสะดือท่านด้วยแหละ- - ถ้าผมเลื่อนมือลงไปข้างล่าง- -
ท่านเซอซัสจับไหล่ผม ขยับตัวออก ผมอ้าปากหวอ- -ยังไม่อยากหยุดเลยอะ ในความมืด ผมมั่นใจว่า ใบหน้าใต้ผมรุงรังมีสีแดงนิดๆ ไอ้นั่นของท่านเซอซัสตุงออกมาด้วยแหละ- -
เขาพูดเสียงหอบ “เจ้าไม่สงสารข้า ก็สงสารน้องชายข้าหน่อยก็ได้นะ นากัล…เมื่อกี้เราก็เพิ่งเห็นฉากทหารจิ้มสนมมา แล้ว- -”
ผมหัวเราะคิก “ฮะๆๆๆๆ”
“..อะไรวะ?”
ผมโผไปกอดเอวเข้า รู้สึกจั๊กจี้ไปหมดเลย หรือว่านี่คือความสุขนะ…มันแล่นไปทั่วตัว ตั้งแต่หน้าอก กระจายไปหมดเลย
“ตกลงฮะ…ท่าน ผมจะไม่พูดเรื่อง อโดนิสเด็ดขาด” ผมเงยหน้าจากท้องท่านเซอซัส ยิ้มแฉ่ง
“เออ…ตกลง…….นากัล!! เจ้าเป็นตัวปัญหามากกว่าที่คิดว่ะ โอ้ย!” ท่านเซอซัสก็บ่นต่อไป
เขาพาผมเดินออกมาจากโขดหิน
ผมยิ้มไม่หยุด นี้ มันอาจจะผิด…ไม่สิ…ผิดเลยแหละ
แต่ผมกลับมีความสุขเหลือเกิน
================
ขอบคุณท่านผู้อ่านอย่างสุดซึ้งค่ะ
คำผิดอาจจะเยอะเพราะง่วงอะคะ่ ขอโทษด้วยจริงๆ