My Baby by j-muay
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Baby by j-muay  (อ่าน 230225 ครั้ง)

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #30 เมื่อ04-06-2007 13:13:00 »

เศร้าอ่า  แต่แอบลุ้นคุณพ่อแฮะ :impress: :impress: :impress: :impress:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #31 เมื่อ04-06-2007 16:38:45 »

ง่า  เมื่อไหร่ คุณพ่อ กะ ป๊ะป๋า จะดีกานนะนี่ หุหุ น่ารักดีเนอะ  คุณพ่อ กับ ป๊ะป๋า  o14


ว่าแต่นึกว่ามีหนุ่มๆหน้าตาดีล้อมหน้าล้อมหลังโยธินแล้ว หุหุ อิจฉา เอิ๊กๆๆ :o8:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #32 เมื่อ04-06-2007 20:16:59 »

แอบลุ้นคู่พ่อด้วยคน อิอิ  :laugh3:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #33 เมื่อ04-06-2007 20:27:51 »

 o15 

เจ๊หมวยมาช่วยต่อให้ค่ะ คุณพูห์


*******************


คืนนี้เจนนี่ได้มีโอกาสมานอนกับพ่ออีกครั้ง ในขณะที่เจ้าหนูเจมส์น้องชายถูกปล่อยให้นอนคนเดียวตามลำพัง ภากรจ้องมองลูกสาวตัวน้อยๆ ด้วยความอาลัย เขาก้มลงจูบเบาๆ ที่พวงแก้มสีชมพูของหนูน้อยและสวมกอดไว้ด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว

“ทูนหัวของพ่อ หนูจะต้องจากพ่อไปแล้วรู้มั้ย หนูจะต้องอยู่คนเดียวไม่มีน้องเจมส์เป็นเพื่อน พ่อไม่รู้ว่าหนูจะอยู่ได้มั้ย เจนนี่.. พ่อรักหนูนะลูก ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง พ่อก็ยังเหมือนเดิม หนูจะเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ เป็นลูกสาวที่พ่อรักตลอดไป..”

ภากรผละจากลูกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อคงความเป็นพี่น้องของแฝดน้อยทั้งสองไว้ และเพื่อคงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเขากับเจนนี่ไว้ด้วย
 

**************************


ภาพที่เห็นในห้องพักผ่อนของบ้าน “พัฒนะไพศาล” ทำให้ทนายพิทักษ์ต้องหยุดชะงักที่หน้าประตูและส่ายหน้าด้วยความระอาใจกับพฤติกรรมของลูกความเขา นึกในใจว่าถ้าศาลสั่งให้เลิกพฤติกรรมที่เป็นอยู่นี้แลกกับสิทธิความเป็น “พ่อ” โยธินจะทำได้ยังไง

โยธินนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาร์ มีหนุ่มน้อยรูปร่างกำยำหน้าตาดีนั่งนวดเฟ้นให้อยู่ข้างๆ ขณะที่ทนายพิทักษ์กำลังจะก้าวเข้ามา เด็กหนุ่มกำลังโน้มตัวเข้าไปจะหอมแก้มโยธินที่นอนตาปรือทำท่าจะเคลิ้มหลับอยู่พอดี พิทักษ์จงใจขัดจังหวะด้วยการส่งเสียงกระแอม เจ้าหนุ่มสะดุ้งรีบผละออกทันที

โยธินลืมตาและขยับตัวขึ้นนั่งเมื่อเห็นทนายพิทักษ์เดินตรงเข้ามา เขายิ้มให้อย่างมีอัธยาศัย ไม่ได้รู้สึกขัดเขินใดๆ กับพฤติกรรมของตัวเอง

“หวัดดีคุณพิทักษ์ ไหนว่าจะเข้ามาบ่าย”

“งานผมเสร็จก่อนครับ ก็เลยแวะเข้ามา”

“เชิญนั่งครับ”

โยธินหันไปบอกเด็กหนุ่มให้จัดเครื่องดื่มมาให้พิทักษ์

“ขอโทษที่มาขัดจังหวะกวนเวลาพักผ่อนของคุณครับ ผมมีเรื่องจะต้องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อยๆ ของคุณ "

ทนายพิทักษ์ได้รับข้อเสนอจากประวิชในฐานะทนายของภากร เรื่องการเลี้ยงดูหนูน้อยเจนนี่ของโยธิน เขาขอความร่วมมือให้โยธินพาแฝดพี่สาวกลับไปเยี่ยมหนูน้อยเจมส์แฝดน้องชายทุกสุดสัปดาห์ เพื่อคงสถานภาพและความผูกพันของหนูน้อยทั้งสองไว้

โยธินขมวดคิ้ว

“ศาลสั่งมาหรือคุณพิทักษ์”

“เปล่าครับ เป็นข้อตกลงที่คุณภากรเสนอให้คุณ”

“ข้อตกลงเหรอ.. แลกกับอะไรล่ะ”

“เอ่อ.. แลกกับการที่คุณจะไปรับลูกสาวมาอยู่ด้วยในวันพรุ่งนี้”

“อะไรนะ พวกเขามีสิทธิอะไรมากำหนดกฎเกณฑ์ผม คุณเป็นทนายให้ใครกันแน่ พิทักษ์.. คุณเห็นด้วยกับข้อเสนอของพวกเขายังงั้นเหรอ”

“ใจเย็นซีครับคุณโยธิน.. ผมเพียงแต่ประเมินตามรูปการณ์แล้วเห็นว่าคุณควรยอมรับข้อเสนอ เพราะถ้าให้เรื่องกลับไปที่ศาล ศาลก็ต้องเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น”

“งั้นก็ให้ศาลสั่ง ผมไม่ยอมให้นายโจมาออกคำสั่งกับผมหรอก”

“คุณประวิชอยากให้คุณตกลงกับคุณภากรด้วยดี ไม่เช่นนั้นหากยื่นเรื่องกลับไปที่ศาลใหม่ ครั้งนี้คุณภากรจะร้องขอเป็นผู้ปกครองเด็ก ในฐานะที่เขาเป็นพ่อของแฝดน้องชายและเป็นผู้ที่เลี้ยงดูแฝดพี่สาวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งผมไม่คิดว่าคุณอยากจะมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลอีก โดยเฉพาะถ้าจะต้องพัวพันกับเรื่องส่วนตัว ครั้งนี้พวกเขาคงเล่นคุณหนักเลย”

โยธินนิ่งอึ้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโกรธและไม่พอใจภากรที่เอาพฤติกรรมส่วนตัวของเขามาตัดสินความเป็น “พ่อ” ของลูกเช่นนี้ แต่ก็จริงอย่างที่ทนายพิทักษ์ว่า ถึงเขาจะไม่ได้ปิดบังและยอมรับกับสังคมว่าเป็นเกย์ แต่คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ถ้าต้องไปยืนให้การและถูกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวในศาล

“ก็ได้ พวกเขาต้องการอะไร”

“ก็แค่ให้คุณพาลูกสาวไปส่งที่บ้านธีรวัฒน์ในวันสุดสัปดาห์ ให้เด็กๆ ได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันบ้าง จะเป็นเย็นวันศุกร์หรือเช้าวันเสาร์ก็ได้ และให้คุณไปรับกลับในเย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์ แต่ผมเห็นว่าทุกสุดสัปดาห์เป็นข้อเสนอที่มากไป เราจะขอต่อรองเขาเป็นสัปดาห์เว้นสัปดาห์ คุณว่าดีมั้ยครับ คุณโยธิน..”

โยธินแค่นหัวเราะและอดค้อนทนายตัวเองไม่ได้ พิทักษ์เพิ่งทำหน้าที่ทนายให้เขาก็ตรงข้อเสนอสุดท้ายนี้แหล่ะ


***********************


ภากรไม่ยอมรับข้อต่อรองของพิทักษ์ ระยะเวลา 2 สัปดาห์นานเกินไปกว่าที่แฝดน้อยทั้งสองจะได้พบกัน ประวิชจึงเสนอให้พบกันทุก 3 สัปดาห์เว้นสัปดาห์ ทั้งสองจึงยอมตกลงด้วยดี แต่กว่าจะยอมตกลงกันได้ก็มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

“นายมีปัญหาอะไรกับการที่จะให้เด็กๆ ได้พบกัน” ภากรกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเครียด

โยธินยิ้มอย่างอารมณ์เย็นตามนิสัย

“ผมไม่มีปัญหาหรอก โจ.. ผมเห็นด้วยที่จะให้เด็กๆ ได้พบกัน แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายพายัยหนูมาที่นี่ คุณพาเจ้าหนูเจมส์ของคุณไปหาเจนนี่ที่บ้านผมซี”

“ว่าไงนะ! แค่เจนนี่ต้องย้ายไปอยู่กับนาย ฉันก็เป็นห่วงมากเกินพอแล้ว อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมให้ลูกชายฉันไปเหยียบบ้านนายอีกคน ”

โยธินขมวดคิ้ว แม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ยังใจเย็นถามเหตุผลกลับไป

“ทำไม บ้านผมเป็นยังไงหรือ โจ..”

“หึ! จะต้องให้บอกหรือว่าบ้านนายเป็นยังไง โยธิน.. ถึงตาหนูเจมส์ของฉันจะยังเป็นทารก แต่ฉันก็ไม่ไว้ใจคนในบ้านนายทุกคน เพราะไม่ใช่แค่นายเท่านั้น เด็กที่นายเลี้ยงไว้แต่ละคนก็คงวิปริตพอๆ กับเจ้าของบ้าน”

ประวิชสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน พิทักษ์ทำหน้าเหรอยิ้มแห้งๆ กับประวิชในขณะที่โยธินสะอึกกับถ้อยคำต่อว่านั้น เขาลุกพรวดขึ้นยืนใบหน้าหวานงอเง้าแดงจัดด้วยความโกรธ

“ว่าไงนะ โจ !!.” เป็นครั้งแรกที่โยธินตะคอกใส่อีกฝ่ายด้วยอารมณ์โกรธ

“คุณเห็นผมเป็นตัวอะไร!!  คำก็วิปริต สองคำก็วิปริต เพียงแค่ผมมีพฤติกรรมรักชอบผู้ชายด้วยกันอย่างงั้นเหรอ ผมมีความรู้สึกนึกคิด มีหัวใจ มีความรักที่แท้จริงเหมือนชายแท้ทั้งแท่งแบบพวกคุณ และวันนี้ผมก็มั่นใจว่าผมรู้จักความหมายของคำว่า “พ่อ” แล้วด้วย เจนนี่ทำให้ผมรู้จักคำนั้น ความเป็นพ่อของผมคงไม่ต่างจากความเป็นพ่อของคุณหรอก ความรู้สึกที่ผมมีให้เจ้าหนูเจมส์ที่คลานตามหลังเจนนี่ออกมาแค่ 11 นาที มันไม่ได้แตกต่างและน้อยกว่ากันเลย แต่คุณกลับคิดว่าบ้านผมไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ คุณดูถูกผม เห็นผมเป็นพวกบ้ากาม จิตใจต่ำทรามข้างถนนยังงั้นเหรอ..”

โยธินน้ำตาคลอ โกรธและเสียใจอย่างมากที่ภากรพูดจาดูถูกเขาอย่างแรงประวิชเห็นท่าไม่ดีและรู้สึกว่าภากรพูดจาดูถูกอีกฝ่ายเกินไปจริงๆ

“ใจเย็นๆ คุณโยธิน โจไม่ได้หมายความตามที่พูดหรอก ผมรู้จักนิสัยเพื่อนดี”

ภากรเมินหน้าหนีและลุกขึ้นเดินผละไป เหมือนไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายและไม่สนใจที่จะโต้ตอบใดๆ อีก แต่ประวิชรู้ว่าภากรกำลังรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึกคือตกใจกับอารมณ์โกรธของโยธิน และเสียใจกับคำพูดที่ออกไป



*********************

วางสายจากภากรโยธินรีบบึ่งรถไปรับลูกสาวทันที ภากรให้เขารีบมาก่อนที่เจ้าหนูเจมส์จะตื่นไม่เช่นนั้นก็เลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้ เขาจำเป็นต้องรีบไปเพราะถูกผลัดมาสองวันแล้ว ยังไงซะ วันนี้เขาต้องรับเจนนี่กลับบ้านให้ได้

“นายแน่ใจนะว่าดูแลเธอได้” ภากรถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ไม่ต้องห่วง โจ.. ผมมีพี่เลี้ยงดูแลยัยหนูโดยเฉพาะ คุณวางใจได้”

ภากรพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวที่มากับโยธินด้วยคงเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เขาเอ่ยถึง เธอมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว สวมชุดขาวเหมือนพยาบาล คงมีความชำนาญในทางเลี้ยงเด็กโดยเฉพาะ เพราะเป็นคนแปลกหน้าคนแรกที่สามารถอุ้มเจนนี่ได้โดยที่หนูน้อยไม่ร้อง เห็นเช่นนี้แล้วภากรก็รู้สึกหายห่วง

โยธินเดินไปรับลูกสาวจากพี่เลี้ยงมาส่งให้ภากร

“ลาลูกสาวคุณซะ โจ.. กว่าจะได้เจอกันอีกก็เสาร์หน้า”

“ทำไมล่ะ เริ่มตั้งแต่เสาร์นี้เลยซี นายจะเบี้ยวเหรอ”
“อะไรกัน โจ.. นี่มันวันพฤหัสเข้าไปแล้ว คุณจะให้ผมพาแกมาส่งวันเสาร์นี้เลยเหรอ.. ไม่เอาน่า แค่สองวันเองมันไม่ทำให้คุณขาดใจตายหรอก คุณคิดถึงเจนนี่เมื่อไรก็กอดเจ้าหนูเจมส์ของคุณไว้ซี ความรู้สึกของฝาแฝดเค้าถ่ายทอดถึงกันได้ไม่ใช่เหรอ..”

ภากรอึ้งไป เขากอดเจนนี่ไว้แน่นและจูบด้วยความรัก ถึงจะทำใจได้แล้วแต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยกำลังจะจากไป

“คิดดูแล้วก็โชคดีที่เจนนี่เป็นลูกผม ถ้าเป็นเจ้าหนูเจมส์ผมเอาไม่อยู่แน่ บ๊ายบายคุณพ่อของหนูซะ เจนนี่.. คืนนี้หนูจะไปนอนกับปะป๊าที่บ้านแล้ว อย่าดื้อนะจ๊ะเด็กดี”

ภากรลอบยิ้มในใจ ทุกครั้งที่ได้ยินโยธินใช้สรรพนามเรียกตัวเองอย่างนั้น เขาส่งเจนนี่คืนให้และเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายขึ้น

“นายมีเชื้อจีนหรือโยธิน ถึงเรียกตัวเองว่าปะป๊า”

“คุณปู่ผมเป็นคนจีน แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหรอกนะ ที่จริงผมก็อยากเรียกตัวเองว่า "พ่อ" อยู่หรอก แต่กลัวลูกสับสนไม่รู้ว่าพ่อคนไหน อ้อ! หรือว่าให้เจนนี่เรียกคุณว่าพ่อ แล้วเรียกผมว่าแม่ ก็ไม่เลวนะ โจ..”

พูดจบก็รีบผละออกเดินไปที่รถ ตามด้วยเสียงหัวเราะไล่หลังที่ได้กระเซ้าอารมณ์ของอีกฝ่าย ในขณะที่สีหน้าของภากรซึ่งฉาบด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที


***************************




ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #34 เมื่อ04-06-2007 20:34:23 »

บทที่ 6

****************


5 คืนแล้วที่ภากรแทบจะไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน ไม่ใช่เพราะคิดถึงลูกสาวตัวน้อยจนนอนไม่หลับ แต่เพราะเจ้าหนูเจมส์ร้องไห้โยเยตลอดคืน เขาไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร รู้แต่ว่าไม่ได้ปวดท้องหรือไม่สบายแน่ เพราะพออุ้มซบอกก็จะหลับปุ๋ยอย่างสบายใจ แต่พอปล่อยลงที่นอนได้สักพักก็จะตื่นขึ้นและร้องไห้อีก เป็นแบบนี้มา 5 คืนติดต่อกันแล้วตั้งแต่เจนนี่ไม่อยู่ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาเขาต้องใช้วิธีให้นอนเบียดอยู่ข้างๆ ตัว ถึงจะดีกว่าอุ้มแต่พอเจ้าหนูขยับเขาก็ผวาตื่นทุกครั้ง เล่นเอานอนไม่หลับทั้งคืนเหมือนเดิม แต่ช่วงกลางวันเจ้าหนูน้อยตัวยุ่งกลับเล่นและ หัวเราะได้ เขาคิดว่าอาจเป็นผลมาจากการที่เจนนี่ไม่อยู่ หนูน้อยเจมส์แม้จะยังไม่ประสาแต่คงรับรู้ได้ด้วยความรู้สึกและความผูกพันกันเป็นพิเศษของเด็กแฝดที่คลานตามกันมา

วันนี้ภากรไม่ได้เข้าไปที่ร้านอาหาร เพราะเพลียเกินกว่าจะไปยืนสั่งงานได้

“คุณหนูขา คุณพ่อนอนหลับอย่าเข้าไปกวนค่ะ”

สาวใช้ละเอียดกระซิบกับคุณหนูตัวน้อยที่กำลังคลานกระดึ๊บๆ เข้าไปหาภากรซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา เจมส์ไม่สนใจกับเสียงกระซิบ จุดหมายคืออกอุ่นๆ ของพ่อ...

ละเอียดรีบตามมาพาคุณหนูออกจากห้อง แต่แค่จับถูกตัวก็ต้องรีบปล่อย เพราะหนูน้อยส่งเสียงร้องขึ้นอย่างขัดใจทันที

“จุ๊ย์... อย่าเสียงดังซีคะ เดี๋ยวคุณพ่อตื่น”

หนูน้อยคลานมาถึงหน้าโซฟาก็ขยับตัวขึ้นนั่ง แหงนหน้ามองดูพ่อและส่งเสียงเรียกในลำคอ เรียกเท่าไรพ่อก็ไม่ยอมตื่นจนเจ้าหนูเริ่มหงุดหงิด สาวใช้นั่งสังเกตอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปกวนใจ กลัวคุณหนูส่งเสียงดังทำคุณผู้ชายตื่น

เจ้าหนูเจมส์เอื้อมมือเล็กๆขยุ้มชายเสื้อของภากร และค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืน สาวใช้ตาโตด้วยความดีใจและตื่นเต้นที่เห็นพัฒนาการของคุณหนูวัย 9 เดือน ซึ่งกำลังเกาะยืนได้เป็นครั้งแรก แถมยังเป็นการลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองซะด้วย ความดีใจทำให้ละเอียดลุกขึ้นวิ่งไปเรียกพรรคพวกในครัวมาดูคุณหนู

เจมส์ลุกขึ้นยืนเกาะตัวพ่อได้แล้ว เจ้าหนูเอาศีรษะซบที่ท้องพ่อและส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ครั้งนี้ได้ผลภากรรู้สึกตัวและขยับเปลี่ยนท่านอน เจ้าหนูเจมส์ซึ่งยืนซบอยู่ที่ตัวพ่อด้วยขาสองข้างที่มีแรงเพียงน้อยนิด เมื่อพ่อขยับตัวเจมส์จึงเสียหลักล้มลงก้นกระแทกพื้น และหงายหลังตามไปอีกที เพียงอึดใจเสียงแผดร้องก็ดังขึ้น

ภากรสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว เขามองไปรอบๆ ห้องหาที่มาของเสียง รู้สึกว่ามันใกล้มากจนต้องก้มลงมองที่พื้นข้างโซฟา

“โอ!..”
ภาพที่เห็นคือหนูน้อยนอนหงายส่งเสียงร้อง ภากรคว้าร่างน้อยๆ ขึ้นมาปลอบ เขาคิดว่าลูกโยเยตามนิสัยไม่ได้คิดว่าเจ้าหนูร้องเพราะเจ็บ

“ไม่ร้องน่า เจมส์.. อีกไม่กี่วันเจนนี่ก็จะกลับมาเยี่ยมแล้ว อย่างอแงซีลูก”


ละเอียดวิ่งหน้าตื่นเข้ามา แม่บ้านและเพื่อนสาวใช้วิ่งตามมาติดๆ

“ไหนล่ะ ละเอียด.. คุณหนูยืนได้ เหลวไหลจริงเชียวแก”

“จริงๆ นะป้า หนูเห็นกับตา”

ป้าหวานไม่สนใจเดินกลับเข้าไปในครัวเพราะกำลังเตรียมอาหารค้างไว้ สาวใช้ศรส่ายหน้าเดินกลับไปทำงานต่อ

“อะไรกันน่ะ ละเอียด.. มาเอาเจมส์ไปหน่อย”

ภากรเรียกสาวใช้มารับลูกไป เพราะอยากจะนอนพักต่ออีกสักครู่

หนูน้อยเจมส์กำลังซบไหล่พ่ออย่างสบาย หลังจากที่ส่งเสียงร้องไห้พอหอมปากหอมคอ แต่แล้วเจ้าหนูก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของพ่อ จึงส่งเสียงร้องอย่างไม่สบอารมณ์ มือข้างหนึ่งคว้าแขนเสื้อภากรไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“คุณหนูขา ไปเดินเล่นที่สวนกันนะคะ ไปหาเจ้าซูซูกันเถอะค่ะ”

ละเอียดช้อนร่างคุณหนูตัวน้อยไว้ในวงแขนได้แล้ว แต่ยังผละออกจากคุณผู้ชายไม่ได้เพราะคุณหนูไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังตะเบ็งเสียงร้องอย่างขัดใจ

ภากรแกะนิ้วมือน้อยๆ ที่จับแขนเสื้อเขาไว้ออก เจ้าหนูก็เปลี่ยนมาจับนิ้วมือเขาแน่นพร้อมกับยื่นมืออีกข้างมาข้างหน้า เหมือนกับจะบอกให้เขาอุ้มหน่อย เสียงสะอื้นฮักๆ น้ำตาหยดแหมะลงที่มือเขา ทำให้ภากรหายง่วงทันที

“โอเค.... พ่อไม่นอนแล้วก็ได้ ปล่อยเถอะละเอียด มีงานอะไรก็ไปทำเดี๋ยวฉันดูเอง”

ภากรรับเจ้าหนูจอมอ้อนเข้ามาซบที่ไหล่ หนูน้อยสวมกอดพ่อแน่นหยุดสะอื้นทันที

“เอ่อ.. คุณผู้ชายคะ เมื่อสักครู่คุณหนูลุกขึ้นยืนเองได้ค่ะ เธอเกาะชายเสื้อคุณผู้ชายแล้วลุกขึ้นค่ะ”
สาวใช้รายงานพัฒนาการของคุณหนูตัวน้อยให้ภากรรับทราบก่อนจะเดินกลับออกไป คนอื่นไม่เชื่อก็ช่างแต่คุณผู้ชายต้องเชื่อแน่นอน

“จริงหรือเจมส์.. ลูกลุกขึ้นยืนได้เองจริงเหรอ... ทำให้พ่อดูหน่อยซิ คนเก่ง”

ภากรจับลูกชายวางลงที่พื้นห้องห่างออกไปจากโซฟาเล็กน้อย และกวักมือเรียก

“มาเร็วลูก.. ลุกขึ้นยืนให้พ่อดูอีกทีซิ”

อีกครั้งที่เจ้าหนูเจมส์ต้องรู้สึกหงุดหงิด อยากจะนอนซบกับอกพ่อช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน เจ้าหนูคลานกระดื๊บเข้ามาที่เท้าพ่อและนั่งนิ่งรอให้พ่ออุ้ม พ่อก็ไม่ยอมอุ้มซะที

ภากรรู้ว่าลูกรอให้เขาอุ้ม เมื่อเห็นเขานิ่งเฉยเจ้าหนูก็ขยับเข้ามากอดขาเขาและยันตัวลุกขึ้นยืน เขาหัวเราะด้วยความดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการของลูก ตอนนี้เจ้าหนูน้อยขี้อ้อนยืนอยู่ระหว่างขาเขาแล้ว และเริ่มส่งเสียงด้วยความหงุดหงิด สองมือป่ายไปมาที่หน้าเขา

“เก่งจังเลย เจมส์.. พ่อจะให้รางวัลอะไรดีน้า...”

ภากรคุยกับลูกแต่ยังนั่งนิ่งไม่ยอมอุ้มเจ้าหนูขึ้นมา นี่ถ้าเจมส์ฟังพ่อรู้เรื่องและพูดได้ รางวัลที่อยากได้คงขอให้พ่อช่วยอุ้มซบกับอกเร็วๆ ซะที....


*************************


ภากรยกหูโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ไปได้แค่สามตัวก็หยุดชะงักและวางหูลง เขาผ่อนลมหายใจออกราวกับจะคลายความอัดอั้นลง ไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อยมา 7 วันเต็มๆ แล้ว ทั้งคิดถึงและเป็นห่วง แม้ว่าจะทดแทนความคิดถึงด้วยการกอดเจ้าหนูเจมส์แทนแต่มันก็ไม่สามารถทดแทนได้อย่างจริงจัง เหลืออีกแค่ 2 วันเท่านั้นเขาควรจะอดทนให้ได้ หมอนั่นได้ลูกสาวไปอยู่ด้วยก็เงียบหายไปไม่ยอมส่งข่าวคราวมาเลย เหมือนจงใจจะแกล้งให้เขาเป็นฝ่ายโทรไปหา ฝันไปเถอะ...


**************************


ภากรผละจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลสาวเท้าอย่างรวดเร็วจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง หัวใจไม่อยู่กับตัวเพราะมันนำหน้าไปที่จุดหมายปลายทางก่อนแล้ว

แผนกผู้ป่วยเด็กอ่อนในยามดึกสงบเงียบ นานๆ ครั้งจะมีเสียงทารกร้องแทรกผ่านความเงียบขึ้นมา เขาตรงไปที่ Ward พยาบาลและผละออกทันทีเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ

ภากรยืนนิ่งทำใจอยู่หน้าห้องชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป

....โอ! พระเจ้า ทารกน้อยวัย 9 เดือน นอนหลับสนิทบนเตียงคนไข้ ดูแล้วคงไม่ปวดร้าวจนหัวใจแทบจะสลาย ถ้าหนูน้อยไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้....

ภากรถลาไปที่เตียง ภาพที่เห็นตรงหน้าลางเลือนจนต้องกระพริบตาปรับภาพให้ชัดขึ้น เขายกเท้าเล็กๆ ขึ้นจูบ ไม่กล้าแตะต้องส่วนอื่นของร่างกาย กลัวหนูน้อยจะตกใจตื่นและร้องไห้

“หวัดดี โจ.. ผมเสียใจ.. ผมขอโทษ..”

ภากรรู้สึกตัวเมื่อมีเสียงทักเบาๆ ดังขึ้นด้านหลัง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการข่มความรู้สึกให้เย็นลง และบอกตัวเองว่าจะใช้ความรุนแรงในห้องนี้ไม่ได้ เขาวางเท้าเล็กๆ ลงก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงและฝืนยิ้มให้

“คุยกันข้างนอกหน่อย”    เขาเดินออกไปนอกระเบียงห้องพัก อีกฝ่ายเดินตามมาและยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไม่แม้แต่จะสบตากับเขา

“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันจะถามว่า ทำไม!!.... ทำไม โยธิน..”

โยธินนิ่ง เพราะกำลังคิดว่าคำตอบของเขาต้องไม่เป็นที่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่หารู้ไม่ว่าอาการนิ่งเฉยของเขาทำให้ภากรยิ่งโกรธจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก

ภากรคว้าคอเสื้อร่างบางกว่ากระแทกเข้าที่ผนังห้องไม่รุนแรงนัก เพราะไม่อยากให้เสียงรบกวนใครและทำให้ลูกตกใจตื่น แต่ความรุนแรงอยู่ตรงน้ำหนักของมือที่กดลงตรงลำคอของอีกฝ่ายต่างหาก

“โอ๊ะ !.. ผมเสียใจ โจ.. ผม อึ๊ก ... “  :sad5:

โยธินไม่สามารถพูดอะไรได้อีกใบหน้าเนียนขาวซีด แขนขาหมดแรงเพราะรู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังจะขาด ภากรรีบคลายมือออกเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย ทันทีที่ปล่อยมือร่างบางก็ทรุดฮวบลงอย่างหมดแรง แม้จะรู้สึกว่าตัวเองกระทำรุนแรงเกินไป แต่ภากรก็สะใจมากว่าเสียใจ เขาทรุดตัวตามลงไปกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ทำไม!! โยธิน.. แกปล่อยให้ลูกป่วยหนักอย่างนี้ได้ยังไง แกไม่รู้หรือว่าเด็กเล็กๆ ไม่สบายมีอาการยังไง แกปล่อยให้ลูกไม่สบายอยู่กี่วัน หา!.. ตอบฉันซี...”  :angry2:

ประโยคสุดท้ายเขาต้องเค้นถามด้วยอารมณ์อีกครั้ง อีกฝ่ายจึงอึกอักตอบ

“ผมไม่รู้ว่าลูกไม่สบาย ผมคิดว่าเธองอแงธรรมดา”  :impress:

“งอแงเหรอ ให้ตายเถอะ! โยธิน แกรู้มั้ยว่าเจนนี่เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายที่สุดในโลกแล้ว เธอเป็นเด็กอารมณ์ดี ร่าเริง ไม่งอแง ไม่เคยร้องโยเย ยกเว้นเวลาหิวเท่านั้น แกโชคดีขนาดไหนแล้วที่ได้เจนนี่เป็นลูก แต่แกกลับไม่มีปัญญาดูแลปล่อยให้ลูกป่วยหนักขนาดนี้ แค่ลูกเป็นไข้ตัวร้อนธรรมดาฉันก็ทุกข์ใจมากแล้ว แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันเจ็บหัวใจขนาดไหน..”  o7

ภากรทรุดตัวลงที่พื้นระเบียงในสภาพที่แสดงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ จนทำให้โยธินรู้สึกละอายใจ แม้จะอยู่ในฐานะ “พ่อ” เหมือนกันแต่ความรู้สึกที่มีให้กับลูก เขาเทียบภากรไม่ได้เลย

 

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #35 เมื่อ04-06-2007 20:38:18 »

“ผมขอโทษ โจ.. ผมผิดเอง ผมให้พี่เลี้ยงเด็กออกไป เพราะเธอดูแลเจนนี่ไม่ได้และยังพาลว่าเจนนี่เป็นเด็กเหลือขอ ”

“เจนนี่น่ะเหรอ.. เด็กเหลือขอ..” ภากรนึกถึงท่าทีที่อ่อนโยนของพี่เลี้ยงสาวแล้วไม่อยากเชื่อคำพูดของโยธิน

“ตั้งแต่คืนแรกที่เจนนี่ไปอยู่กับผม เธอเริ่มโยเยตั้งแต่หัวค่ำ ยิ่งดึกก็ยิ่งร้อง เธอร้องไม่หยุด พี่เลี้ยงเอาเธอไม่อยู่ ผมก็ทำให้เธอเงียบไม่ได้ ผมคิดว่าเธอแปลกที่และเธอก็ไม่คุ้นชินกับทุกคนที่นั่น คิดว่าคงจะเป็นแค่คืนแรกแต่ไม่ใช่.. เธอร้องไห้งอแง 3 - 4 คืนติดกันไม่ยอมนอนทั้งคืน ....

....ผมโมโหพี่เลี้ยงและต่อว่าเธอที่คุยนักคุยหนา ว่ามีประสบการณ์ดูแลเด็กเล็กๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เธอก็ดูแลเจนนี่ให้ผมไม่ได้ เธอโกรธผมและพาลว่าเจนนี่เป็นเด็กเหลือขอ ผมเลยไล่เธอออกไป ผมไม่กล้าโทรบอกคุณ ผมคิดว่าในเมื่อคุณเลี้ยงลูกได้ผมก็ต้องเลี้ยงได้ แต่ผมคิดผิด โจ..”

ภากรนั่งตะลึงกับเรื่องราวที่โยธินบอกเล่า นึกไม่ถึงเลยว่า 7 วันที่ผ่านมา ลูกสาวตัวน้อยๆ ของเขาต้องตื่นตกใจกับสภาพแวดล้อมใหม่และคนแปลกหน้าถึงขนาดไม่ยอมหลับนอน เอาแต่ร้องไห้ทั้งคืน มิน่าล่ะ!... เขารู้เหตุผลที่เจ้าหนูเจมส์ตื่นขึ้นมาโยเยกลางดึกตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว

“.... 3 คืนหลังจากนั้น เจนนี่ไม่ร้องไห้แล้ว เธอแค่โยเยเท่านั้น ผมคิดว่าลูกคงเริ่มคุ้นชิน แต่ไม่ใช่.... ลูกเริ่มไม่สบายและผมก็เป็นพ่อที่โง่มาก ไม่รู้เลยว่าอาการเงียบหงอยของเด็กเล็กๆ มันหมายถึงความผิดปกติอะไร...”

ภากรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“แกคิดว่าแกเป็นพ่อที่แท้จริงของเจนนี่ แล้วหมายถึงแกมีสิทธิในตัวเธอคนเดียวยังงั้นหรือ โยธิน.. ทำไมแกไม่โทรบอกฉันสักคำว่าลูกไม่สบาย แกเงียบหายไป 7 วันเต็มๆ และโทรมาหาฉันกลางดึกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เพื่อจะบอกฉันว่า เจนนี่ป่วยหนัก แกจะให้ฉันรู้สึกยังไง โยธิน.. ชีวิตน้อยๆ ที่ฉันเลี้ยงดูทะนุถนอมมาอย่างดีกว่า 9 เดือนที่ผ่านมา ถูกพ่อโง่ๆ อย่างแกละเลยจนบอบช้ำภายในเวลา 7 วัน ให้ตายเถอะ! โยธิน... รู้มั้ย ถ้าเจนนี่เป็นอะไรไป ฉันไม่มีวันยกโทษให้แก”

“ถ้าลูกเป็นอะไรไป ผมก็จะไม่ยกโทษให้ตัวเองเหมือนกัน”   

น้ำเสียงสั่นเครือแต่หนักแน่นของโยธินทำให้ภากรคลายอารมณ์ลงเล็กน้อย

“ผมอยากโทรหาคุณตั้งแต่คืนแรกแล้ว.. แต่ผมกลัวคุณหัวเราะเยาะว่าผมไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก ผมคิดถึงแต่ตัวเอง ผมอยากเอาชนะคุณโดยไม่ได้สนใจจิตใจของลูกเลยว่าเธอร้องไห้งอแงเพราะอะไร ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเจนนี่ร้องไห้คิดถึงพ่อของเธอ ลูกคิดถึงคุณ โจ..”

ความในใจที่ระบายออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ทำให้ภากรรู้สึกละอายใจ หากจะโทษว่าใครผิด เขาเองก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน เขาควรจะเป็นฝ่ายโทรหาโยธินเพื่อถามทุกข์สุขของลูก แต่เขาก็ไม่ทำ รอแต่จะให้อีกฝ่ายโทรมาเพียงเพื่อเขาจะได้ไม่เป็นฝ่ายถูกหัวเราะว่า ทนคิดถึงลูกไม่ไหว....

...ให้ตายเถอะ!.. เขาต่างหากที่ผิด เขาต่างหากที่ควรรับผิดชอบเรื่องนี้...


โยธินพาเจนนี่ไปหาหมอที่คลีนิคหน้าหมู่บ้านเมื่อเช้าแล้ว 1 ครั้ง เพราะหลังจากที่เงียบซึมไป 2 วัน เช้าวันนี้หนูน้อยเริ่มมีอาการไอ หมอว่าเด็กเป็นหวัดธรรมดาและสั่งยาให้ทาน เขาพาลูกกลับบ้าน ตกเย็นเจนนี่ไอมากจนอาเจียรและหายใจเหนื่อยหอบ เขาตกใจมากจึงรีบพาลูกไปโรงพยาบาล หมอที่โรงพยาบาลรับ
เด็กไว้ด้วยความตกใจและต่อว่าเขาที่ปล่อยให้ลูกอาการหนักขนาดนี้ หมอไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายสักคำเลยว่า ก็เพราะไอ้หมอที่คลีนิคหน้าบ้านรักษาโรคเด็กไม่เป็นน่ะซี ทำให้ลูกสาวของเขาอาการหนัก

เขายืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ไม่กล้าโทรหาภากรในเวลานั้น ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกสาวตัวน้อยๆ ปลอดภัย เขาโล่งอกเมื่อหมอออกมาบอกว่าเจนนี่ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูน้อยมีอาการหลอดลมอักเสบ ไม่รุนแรงนัก แต่เนื่องจากเด็กยังเล็กมากจึงเหนื่อยหอบเพราะหายใจลำบาก หมอจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกับเด็ก

โยธินนั่งเฝ้าดูลูกสาวตัวน้อยๆ นานกว่า 5 ชั่วโมง รอจนเจนนี่อาการดีขึ้นแล้วจึงตัดสินใจโทรหาภากรตอน 5 ทุ่ม



***************************


ภากรนั่งอยู่บนโซฟาในท่าสบาย เขาอุ้มลูกสาวตัวน้อยซบที่ไหล่และตบที่ก้นเบาๆ เป็นท่ากล่อมเด็กน้อยที่ใครเห็นแล้วคงรู้สึกว่าการกล่อมเด็กนอนเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้เหมือนเขา ขนาดแม่บ้านและสาวใช้ยังนั่งเฉยไม่ได้ต้องอุ้มเดินไปมาแฝดน้อยทั้งสองถึงจะยอมนอน แต่ถ้าได้ซบกับอกพ่อแล้ว แค่นั่งเฉยๆ ทั้งเจนนี่และเจมส์ก็พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

ภากรขยับขาหนีบร่างน้อยๆ ของเจ้าหนูเจมส์ที่คอยนัวเนียอยู่ระหว่างขาจะให้เขาอุ้มด้วยให้ได้

“ให้เจนนี่หลับก่อน พี่เค้าไม่สบาย ลูกไปนั่งเล่นก่อน เจมส์..”

พูดยังไงเจ้าหนูเจมส์ก็ไม่ยอม สองมือขยี้ตาส่งเสียงในลำคอเหมือนกับจะแสดงอาการให้พ่อรู้ว่าตัวเองก็ง่วงนอนแล้วด้วย ภากรส่ายหน้ายอมแพ้กับความขี้อ้อนของลูกชายตัวน้อย เขาขยับเจนนี่ซึ่งเคลิ้มหลับแล้วนอนลงบนโซฟา และอุ้มเจ้าหนูเจมส์ขึ้นมา กล่อมนอนด้วยวิธีเดียวกัน ไม่ถึง 5 นาทีเจ้าหนูก็หลับปุ๋ย เพราะง่วงแล้วจริงๆ

สาวใช้เดินเข้ามารายงานเมื่อเห็นว่าคุณหนูทั้งสองหลับแล้ว

“คุณโยธินมาค่ะ นั่งคอยอยู่ที่สนาม”

ภากรสั่งสาวใช้อุ้มหนูน้อยทั้งสองไปนอนที่ห้อง ก่อนจะเดินออกไปพบกับแขกประจำของบ้าน เขาเริ่มคุ้นเคยกับโยธินมากขึ้นเพราะต้องพบปะกันเกือบทุกวัน แม้ในใจจะเริ่มยอมรับ แต่ยังคงไว้เชิงด้วยคำพูดและการแสดงออกเหมือนไม่ค่อยถูกชะตาด้วย

ชายหนุ่มร่างโปร่งบางนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะรับแขกริมสนาม ระยะหลังโยธินเปลี่ยนพฤติกรรมไปไม่มีเด็กหนุ่มห้อมล้อมเหมือนก่อน อาจเป็นเพราะพยายามประพฤติตัวให้ดีขึ้นในสายตาของเขา นึกถึงเจนนี่แล้วเขาสงสารหนูน้อยเหลือเกิน ทำไมสวรรค์ถึงบันดาลให้เจนนี่เป็นลูกสาวของหมอนี่ได้ ทำไมถึงไม่เป็นของเขาทั้งหมด…

“มาทำไมโยธิน.. เจนนี่ยังไม่หายดี ฉันยังไม่ให้นายพากลับไปหรอกนะ มีปัญหามั้ย”

ภากรรีบออกตัวเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตามข้อตกลงหนูน้อยจะต้องกลับไปอยู่กับโยธินในเย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์

โยธินเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้อย่างมีอัธยาศัยเหมือนเคย เขาคุ้นชินกับการทักทายแบบมะนาวไม่มีน้ำของภากร

“ผมไม่มีปัญหาหรอก แล้วแต่คุณ โจ.. ผมแค่แวะมาเยี่ยมลูกเฉยๆ ละเอียดบอกว่าคุณกำลังกล่อมเด็กๆ นอน ผมก็เลยนั่งคอยที่นี่”

“เจนนี่เพิ่งหลับกว่าจะตื่นก็เกือบเย็น นายมีธุระอะไรก็ไปทำ ไม่ต้องคอยหรอก”

“ผมไม่มีธุระที่ไหน จะคอยลูกตื่น... ผมไม่กวนคุณหรอก จะนั่งคอยแถวนี้”

คำพูดของโยธินทำให้ภากรรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นเจ้าของบ้านที่ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย เขาทรุดตัวลงนั่งและเอ่ยถาม

“คู่ขาไปไหนหมด ทำไมพักนี้ฉันไม่เห็นนายพาใครติดสอยห้อยตามมา”

“หมายถึงใครหรือ โจ..” โยธินแสร้งย้อนถามกลับไป

“อย่าแกล้งโง่ นายรู้ว่าฉันหมายถึงใคร”

โยธินหัวเราะในลำคอ

“ก็คุณไม่ชอบให้ผมพาใครเข้ามาในบ้าน จะถามถึงทำไม”

สีหน้าภากรแสดงความผิดหวังกับคำตอบที่ได้

“หึ! ฉันหลงคิดว่านายอาจจะทำตัวดีขึ้นบ้าง ลูก..อาจทำให้นายเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ฉันโง่จริงๆ ที่หลงคิดอย่างนั้น”

โยธินรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจที่จะพูดคุยเรื่องส่วนตัวของเขาอย่างจริงจัง และก็เป็นจริงตามที่เขารู้สึก เมื่อภากรตั้งคำถามตรงประเด็นโดยไม่มีการอ้อมค้อมหรือเกริ่นนำให้เขาตั้งตัว

“ถามจริงๆ เถอะ นายคิดจะจัดการชีวิตของตัวเองยังไงที่จะทำให้เจนนี่เติบโตขึ้นอย่างไม่มีปัญหา”

โยธินนั่งนิ่งจนอีกฝ่ายต้องย้ำถาม

“นายเข้าใจคำถามฉันมั้ย โยธิน..”

โยธินเข้าใจคำถามของภากร แต่ไม่แน่ใจว่าภากรจะเข้าใจคำตอบของเขาหรือไม่



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2007 20:46:59 โดย j-muay »

มะนาว

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #36 เมื่อ04-06-2007 20:42:20 »


อยากอ่านต่ออ่ะคร้าบบบบบบบ......

ลงเยอะๆน้าาาาาา..........กาซิกกาซิก..........

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #37 เมื่อ04-06-2007 20:43:09 »

“ผมเข้าใจ โจ.. เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร และคุณต้องการให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง  .. ก่อนที่ผมจะตอบคำถามคุณ ผมอยากให้คุณเข้าใจผมเหมือนที่ผมเข้าใจคุณ.... ผมขอยืนยันว่าพฤติกรรมที่ผมเป็นอยู่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือเลวร้ายของมนุษย์ สังคมกำหนดให้มันเป็นเรื่องผิดเพียงเพราะไม่ใช่สิ่งที่คนหมู่มากกระทำเท่านั้น ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดปกติอะไร ผมจึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง....

....แต่ตั้งแต่ผมอยู่ในฐานะ “พ่อ” และได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับลูก ผมยอมรับว่าผมแอบบอกตัวเองอยู่หลายครั้ง ว่าถึงมันจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเปลี่ยนแปลงได้ผมก็อยากจะเปลี่ยนนะ โจ..”

“นายกำลังจะบอกว่า นายเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ยังงั้นเหรอ”

“คุณไม่เข้าใจหรอก โจ.. ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงเอาซะเลย ผมเคยลองคบกับผู้หญิงหลายคน แต่ที่สุดแล้ว... ผมก็ทำให้พวกเธอเสียใจทุกคนรวมถึงเมย์ด้วย ผม... ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คุณเข้าใจได้ยังไง มันเหมือนอาหารหลักของคุณคือ ข้าว คุณทานขนมปังแทนได้บางมื้อ แต่จะให้เปลี่ยนมาทานขนมปังทุกมื้อเลยคุณทำไม่ได้หรอก และผมก็ทำไม่ได้...”

“ผู้หญิงเป็นขนมปังของนายหรือ โยธิน..”   ภากรตั้งป้อมซักโยธินราวกับทนายซักลูกความ

โยธินนั่งนิ่งไม่ปฏิเสธหรือตอบรับใดๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายถามทั้งที่รู้

“ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยาก อยู่ที่ใจของนาย โยธิน..ไม่มีอะไรทำไม่ได้ถ้าเราตั้งใจจริง นึกถึงเจนนี่ซี.. บางทีมันอาจจะช่วยให้นายมีแรงบันดาลใจที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงและเลิกมันให้ได้”

โยธินส่ายหน้า

“ผมหยุดพฤติกรรมชั่วคราวได้ แต่ถ้าให้เลิกเลยไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ผมจะพยายามนะ อย่างน้อยผมก็หยุดมันมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ”

ภากรไม่เชื่อหูตัวเอง

“แน่ใจหรือว่านายหยุดพฤติกรรมนั้นมานานกว่า 2 เดือน เมื่อเดือนก่อนยังเห็นเด็กหนุ่มรุมล้อมนายอยู่เลย”

“ก็แค่เป็นเพื่อนคุยไปไหนมาไหนด้วยเท่านั้น ผมสาบานได้นะ โจ.. ตั้งแต่เรามีเรื่องฟ้องร้องกันที่ศาล ผมไม่เคยนอนกับผู้ชายคนไหน.. จนถึงวันนี้...”

“จริงเหรอ..”

ภากรถามย้ำ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าก็รู้สึกยินดีอยู่ในส่วนลึก อย่างน้อย “ลูก” ก็ยังมีความสำคัญจนทำให้โยธินหยุดคิดได้

“ฟังนะ! โยธิน.. ฉันเห็นแววว่านายอาจเป็นพ่อที่ดีของลูกได้แล้ว เริ่มจากการเปลี่ยนสังคมของนายซะ มันจะช่วยให้นายปรับเปลี่ยนชีวิตของตัวเองได้ ”

โยธินลุกขึ้นยืน ใบหน้าหวานที่เคยแย้มยิ้มอารมณ์ดีอยู่เสมอฉายแววกังวลและเป็นทุกข์

“ผมไม่รู้นะ โจ.. ว่าจะเปลี่ยนได้หรือเปล่า แต่ผมจะพยายาม...”

โยธินหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ภากรร้องทักตามหลังเมื่อนึกขึ้นได้

“เฮ้!... จะไปไหนน่ะ ไม่คอยลูกตื่นแล้วเหรอ”

อีกฝ่ายหยุดชะงักและหันกลับมาตอบ
“ผมจะแวะมาใหม่ตอนเย็น แต่ถ้าไม่มา ก็เป็นพรุ่งนี้”

ภากรยืนดูโยธินขับรถกลับออกไป เป็นครั้งแรกที่เขายอมเสียเวลาพูดคุยกับโยธินอย่างจริงจังและยาวนานขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจนนี่เขาคงไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของใคร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าว่าโอกาสที่จะเลิกหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้… แต่เขาจำเป็นต้องพูด แค่อีกฝ่ายรับปากว่าจะพยายามทำก็คุ้มค่าแล้ว เพราะทำให้เขาได้รู้ว่าโยธินมีความตั้งใจและปรารถนาที่จะเป็นพ่อที่ดีของลูก

....อนาคตข้างหน้าของหนูจะเป็นอย่างไร คงต้องแล้วแต่สวรรค์จะบัญชาแล้วนะ เจนนี่....



************************


ต่อบทที่ 7   เลยนะคะ คุณพูห์



:teach:  เจ๊หมวยต้องโพสให้จบบท  ไม่งั้นเดี๋ยวจะงง!!


ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #38 เมื่อ05-06-2007 00:04:57 »

พอเจ๊หมวยยอมเอาเรื่องนี้มาลง
ทำให้เราต้องหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านอีกรอบ
สรุปนี่เป็นรอบที่สามแล้ว
อ่านไปก็ยิ่งหลงปะป๊า :give2: :give2: :give2:
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #39 เมื่อ05-06-2007 00:59:49 »

ตามติด   ติดตาม   :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]My Baby by j-muay
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-06-2007 00:59:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #40 เมื่อ05-06-2007 13:09:37 »

สนุกน่าติดตาม มากๆเลยคับบ

ว่าแต่ป๊ะป่าม่ะมีหนุ่มๆล้อมหน้าล้อมหลังแล้ว   เมื่อไหร่คุรพ่อจะให่ป่ามาซบอกมั้ง อิอิ :impress2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #41 เมื่อ05-06-2007 19:06:37 »

หุหุ พ่อเขาเริ่มคุยกันดี ๆ บ้างแล้ว  :laugh3:  :laugh3:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #42 เมื่อ05-06-2007 21:10:11 »

บทที่ 7


*****************


“นายยอมให้โยธินอุ้มตาหนูแล้วเหรอ..”

ประวิชนั่งจิบเบียร์ที่บาร์ สายตาจับจ้องไปยังห้องพักผ่อนที่กลายสภาพเป็นห้องเลี้ยงเด็กไปแล้ว หนูน้อยทั้งสองคลานเล่นอยู่ที่พื้น ชายหนุ่มร่างโปร่งบางคลานตามไปมารอบๆ ห้อง เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของเด็กๆ ดังลั่นออกมา

“ทำไงได้... จะให้ฉันกันเจมส์ออกมาทุกครั้งที่หมอนั่นนั่งเล่นอยู่กับเจนนี่เหรอ”

“แสดงว่านายยอมญาติดีกับโยธินแล้วซีนะ ก็ดี.. เจนนี่โตขึ้นจะได้ไม่ลำบากใจ แค่มีพ่อสองคนก็ปวดหัวพออยู่แล้ว ปัญหาก็คือจะรู้ได้ยังไงว่าลูกเรียกใคร ”

“หมอนั่นเรียกตัวเองว่า “ปะป๊า”

“อะไรนะ” ประวิชพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

“ปะป๊าเหรอ... ปะป๊ากับพ่อ.. หวังว่าคงเข้ากันได้นะ.. แต่ถ้าจะให้ดีน่าจะเป็นพ่อกับแม่ว่ะ...” ระวิชพึมพำประโยคสุดท้ายเบาๆ และอมยิ้มเมื่อเห็นสายตาเขียวปั้ดของเพื่อนจ้องมองอยู่

เสร็จจากคดีแย่งสิทธิความเป็นพ่อของแฝดน้อยทั้งสองแล้ว ประวิชมีคดีใหม่เข้ามาหลายคดี จึงไม่มีเวลาเข้ามาพบปะเยี่ยมเยียนภากร ได้แต่โทรมาพูดคุยด้วยแต่ก็ไม่บ่อยครั้งนัก วันนี้เขาพอมีเวลาว่างจึงแวะมาเยี่ยมเพื่อน ไม่คิดว่าจะมาเจอกับโยธินในสภาพนี้ หากไม่เห็นด้วยตาตัวเองเขาคงไม่เชื่อ

อาหารเย็นมื้อนี้เป็นมื้อแรกที่โยธินได้รับเชิญให้อยู่ทานด้วย ประวิชนึกขำเพื่อนในใจที่เชิญโยธินทานข้าวเย็นด้วยแต่ไม่ชวนพูดคุยสักคำ ถ้าเขาไม่ได้นั่งรวมวงด้วยบรรยากาศคงเงียบเชียบพิลึก ประวิชชวนโยธินพูดคุยสักพักก็สัมผัสถึงอุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของคุณพ่อเจ้าสำอางว่า มีอารมณ์และอัธยาศัยดีและยังมีน้ำใจเกินกว่าที่คิดไว้

โยธินขอตัวจากโต๊ะอาหารเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวร้องโยเยอยู่ด้านนอก

“ใช้ได้นะ โจ.. หมอนี่ไม่แย่หรือเลวร้ายอย่างที่นายเคยบอกเลย..”

“ไม่รู้... ฉันไม่ค่อยถูกชะตาด้วย”

“ทำไมล่ะ นายไม่ชอบเขาด้วยเหตุผลอะไร เพราะเขาเป็นสามีเก่าของคุณเมย์หรือเพราะเขาแย่งลูกสาวนายไป หรือว่า...เพราะเขามีพฤติกรรมส่วนตัวที่นายรับไม่ได้...”

“จะซักทำไมวะวิช.. ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาทำหน้าที่ทนายซักฉัน”

“ฟังนะ โจ.. ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมาก อาจไม่มีเวลาแวะมาเยี่ยมนายบ่อยๆ ฉันอยากเห็นนายมีความสุขกับลูกๆ ถึงวันนี้ฉันแน่ใจแล้วว่านอกจากคุณเมย์แล้วชีวิตครอบครัวของนายไม่มีอะไรขาดหายไป เจนนี่ยังเป็นลูกสาวของนายเหมือนเดิม นายยังคงเป็นพ่อของลูกแฝดที่น่ารักน่าชัง สิ่งที่นายได้มาทดแทนการจากไปของคุณเมย์ก็คือเพื่อน.. เขาจะมาแบ่งเบาภาระช่วยนายดูแลลูกๆ ฉันอยากให้นายเปิดใจรับเขา”

“หึ! หมอนั่นจ้างนายมาเจรจากับฉันหรือ วิช..”

ประวิชส่ายหน้า

“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร นายต้องยอมรับว่านายเดินช้ากว่าโยธินอย่างน้อยหนึ่งก้าว เขาพบกับคุณเมย์ก่อนนาย และถ้าเขาไม่มีพฤติกรรมส่วนตัวอย่างนี้ นายก็คงไม่มีโอกาสได้คบหากับเธอและไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อของลูกๆ นายมีสิทธิจะโกรธโยธินที่แอบมารังแกคุณเมย์ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอมีนายอยู่ แต่ถ้านายเป็นโยธินวันนั้น ในฐานะที่นายยังเป็น “สามี” ตามกฎหมายของเธออยู่ นายคิดว่านายจะทำอย่างที่หมอนั่นทำหรือเปล่า โจ..

...นายต้องทำใจยอมรับเขามากขึ้น ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ ฉันคิดว่านายมองออกแล้วนะ ว่าโยธินพร้อมที่จะเป็น “พ่อ” ของลูกได้หรือยัง และตราบใดที่เราแยกเด็กสองคนจากกันไม่ได้ พ่อของเด็กก็ควรหันหน้าเข้าหากัน ถ้านายจับมือกับโยธินช่วยเลี้ยงดูลูกๆ ฉันคิดว่าคุณเมย์คงยินดีมากกว่าการที่นายตั้งแง่เหม็นขี้หน้าเขาอยู่อย่างนี้... นายเห็นด้วยกับฉันใช่มั้ย โจ..”

ภากรนิ่งฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ไม่โต้แย้งหรือตอบรับใดๆ


 o15


ภากรยืนกอดอกพิงประตูห้องนอนลูกแอบพึงพอใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า วันนี้โยธินบอกเขาว่าจะขออยู่กล่อมลูกนอนก่อนแล้วค่อยกลับ ถ้าคืนนี้ลูกไม่ยอมหลับด้วยฝีมือการกล่อมของเขา เขาจะไม่กลับบ้าน เล่นเอาภากรต้องแอบลุ้น อยู่ในใจให้เจนนี่ยอมหลับในอ้อมกอดปะป๊าของเธอเร็วๆ

โยธินค่อยๆ วางลูกสาวตัวน้อยลงที่เตียงด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความภูมิใจ เพราะเป็นคืนแรกที่เขาสามารถกล่อมลูกนอนหลับได้ เขาห่มผ้าให้เจนนี่เสร็จก็เดินไปที่เตียงข้างๆ ดูความเรียบร้อยของเจ้าหนูเจมส์ซึ่งหลับปุ๋ยไปก่อนพี่สาวนานแล้ว เพราะวันนี้เจมส์ได้นอนซบอกพ่อเร็ว ไม่ต้องคอยให้พี่สาวหลับก่อนเหมือนทุกครั้ง

โยธินผละจากเตียงหันมาเจอะกับสายตาของภากรที่จ้องดูอยู่ ก็รู้สึกขัดเขินกับฝีมือการเลี้ยงลูกของตัวเอง เพราะกว่าจะจัดการให้ลูกหลับได้ปาเข้าไปเกือบ 40 นาที ในขณะที่ภากรใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที

“เอ่อ.. ครั้งหน้าผมจะพยายามใช้เวลาให้น้อยลงกว่านี้...”

ภากรยิ้มให้โยธินด้วยความรู้สึกยินดีอย่างจริงใจ

“นายทำได้แล้ว โยธิน.. นายทำให้ฉันเห็นแล้วว่านายดูแลเจนนี่ได้”

“จริงเหรอโจ.. แต่ผมอยากทำให้ได้เหมือนที่คุณทำ”

“หึ! ฉันเลี้ยงพวกเค้ามาเกือบ 10 เดือน นายเพิ่งหัดเลี้ยงได้ไม่ถึง 2 เดือน จะมามีฝีมือเท่าฉันก็เกินไปหน่อยแล้ว”

“ผมขอมีฝีมือเท่าครึ่งหนึ่งของคุณก็พอ”

โยธินก้มลงเก็บข้าวของที่เรี่ยราดอยู่ที่พื้นห้องให้เข้าที่เข้าทาง ภากรนิ่งมองอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจเอ่ยกับอีกฝ่าย

“เจนนี่หายดีแล้วและเธอก็คุ้นเคยกับนายมากขึ้น นายกล่อมลูกหลับเองได้ เธอก็จะไม่ร้องโยเยกลางดึกอีก พรุ่งนี้นายพาลูกกลับได้แล้ว โยธิน.. ฉันไม่อยากเอาเปรียบนาย”

“ผมต่างหากที่เอาเปรียบคุณ ผมให้คุณเลี้ยงลูกให้ทั้งๆ ที่มันเป็นหน้าที่ของผม ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะพาเจนนี่กลับไป ขอฝากคุณไว้ก่อนได้มั้ย”

“ทำไม นายยังไม่เชื่อฝีมือตัวเองเหรอ”

“เปล่า”

“หรือนายไม่พร้อมเพราะไม่มีคนช่วยเลี้ยง ให้ละเอียดตามไปช่วยเลี้ยงก่อนก็ได้รอจนกว่านายจะหาพี่เลี้ยงเด็กได้แล้วค่อยส่งเค้ากลับมา”

“อย่าเลย โจ.. ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องพี่เลี้ยงเด็กหรอก แต่ผม...เอ่อ.. ผมอยากให้เธอโตขึ้นกว่านี้สักหน่อย บอกตรงๆ นะ โจ.. ผมกลัว... กลัวเวลาลูกไม่สบายแล้วพ่อโง่ๆ อย่างผมอาจจะปล่อยให้ลูกเจ็บหนักอีก...”

ภากรยืนอึ้งนึกไม่ถึงว่าโยธินยังฝังใจกับเหตุการณ์คืนที่เจนนี่ป่วย จนไม่มีความมั่นใจว่าจะเลี้ยงลูกได้อีก

“ตามใจนายโยธิน.. ให้เจนนี่อยู่ที่นี่อีกสักระยะหนึ่งก็ได้ เรื่องอาการเจ็บป่วยของเด็กนายก็หาซื้อตำรามาอ่านซะ แล้วค่อยๆ เรียนรู้ไป สำหรับฉันไม่มีปัญหาหรอก เจนนี่เป็นลูกฉันก่อนที่เขาจะเป็นลูกของนายซะอีก”

ภากรเดินมาส่งโยธินที่รถ

“จะมารับเมื่อไรก็ตามใจนะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป ฉันอาจจะเปลี่ยนใจไม่ยอมคืนให้นายเลยก็ได้”

โยธินหัวเราะ เปิดประตูรถก้าวเข้าไปนั่ง

“ไม่นานหรอก โจ.. ผมกะว่าจะมารับเจนนี่ไปอยู่ด้วยตอนเธออายุได้สัก 4 หรือ 5 ขวบ แต่ถึงตอนนั้นต้องแล้วแต่ลูก ถ้าเจนนี่ไม่อยากไปอยู่ที่บ้านโน้น ผมก็จะเทียวไปมาหาเธอเอง เห็นมั้ยว่าผมต้องเป็นฝ่ายรบกวนคุณขนาดไหน คุณต้องเหม็นเบื่อหน้าผมแน่ ที่สำคัญเปลืองงบประมาณอาหารเย็นของคุณด้วย เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูยายหนูผมจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง คุณห้ามปฏิเสธนะ ราตรีสวัสดิ์ โจ..”

อีกครั้งที่ภากรต้องนิ่งอึ้งไป  กว่าจะรู้สึกตัวอีกฝ่ายก็ขับรถเลี้ยวออกไปจาก “บ้านธีรวัฒน์” แล้ว


 :bye2:




ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #43 เมื่อ05-06-2007 21:18:36 »

ในที่สุดโยธินก็ตัดสินใจให้ภากรเป็นผู้เลี้ยงดูลูกสาว โดยเขาเป็นฝ่ายแวะมาเยี่ยมลูกทุกเย็น บางวันมาขลุกอยู่ตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ แต่บางวันก็ไม่ได้แวะเข้ามาเลยเพราะติดงาน และบางครั้งก็หายไปเป็นอาทิตย์เพราะต้องร่วมเดินทางไปกับกลุ่มทัวร์เพื่อรับรองลูกค้าสำคัญด้วยตัวเอง

การที่โยธินมีทายาทให้ตระกูลได้ แม้จะเป็นลูกสาวก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงและสร้างความตื่นเต้นให้กับบิดาและมารดาอย่างมาก เพราะต่างทำใจยอมรับแล้วว่าบุตรชายคนเล็กของตัวเองมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ดังนั้นการที่โยธินไม่ยอมเลี้ยงลูกเอง จึงถูกมารดาตำหนิและยื่นคำขาดว่าให้เอาลูกกลับมามาเลี้ยงเองหรือนำมาให้ย่าเลี้ยงให้ มิฉะนั้นจะไม่ได้ทรัพย์สมบัติส่วนที่ควรจะได้

ถึงวันนี้โยธินไม่เสียเวลาคิดแล้ว เขาไม่อยากแลกความสุขของลูกสาวตัวน้อยๆ กับทรัพย์สมบัติอะไรอีก เพราะทุกวันนี้ความสุขที่เขาได้รับจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูก มันมากมายและมีความหมายยิ่งกว่าการมีทรัพย์สมบัติล้นฟ้าซะอีก


 :impress2:


ภากรสนิทกับโยธินมากขึ้นทุกวัน เริ่มยอมรับว่าชายหนุ่มผู้นี้สามารถเป็นพ่อที่ดีของลูกได้ เขาไม่รู้ว่าเรื่องที่เคยคุยกันไว้โยธินสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า รู้แต่ว่าระยะหลังไม่เคยเห็นหมอนี่ประพฤติหรือปฏิบัติตัวเหมือนก่อนอีก โยธินเลิกธุรกิจโมเดลลิ่ง พยายามหลีกเลี่ยงและไม่พบปะกับสังคมกลุ่มเดิม เวลาว่างจากงานทัวร์ก็จะมาขลุกอยู่กับลูกเป็นส่วนใหญ่ อาจเป็นเพราะกำลังเห่อลูกเหมือนพ่อมือใหม่ทั้งหลายก็ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด....

ภากรรู้ว่าโยธินพยายามทำดีที่สุดเพื่อลูกแล้ว เขาจึงเริ่มเข้าใจและไม่สนใจว่าลับหลังเขาโยธินจะไปมีพฤติกรรมส่วนตัวอย่างไร ขอแค่เป็นพ่อที่ดีของลูกก็เพียงพอแล้ว..


 :teach:
 

ในที่สุดโยธินก็เปลี่ยนฐานะจากแขกมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ “บ้านธีรวัฒน์” เมื่อแฝดน้อยทั้งสองมีอายุได้ 1 ขวบกับ 8 เดือน

เขามีห้องส่วนตัวที่ภากรใจอ่อนยอมยกให้ และเอ่ยปากอนุญาตให้เขาอยู่ค้างได้หากวันไหนอยู่ดึกและไม่อยากขับรถกลับบ้าน เพราะบ่อยครั้งที่เขาเผลอหลับในห้องลูกจนถึงเช้า หลังจากพาแฝดน้อยทั้งสองเข้านอนแล้วเขาก็มักจะง่วงจนต้องขอตัวนอนงีบที่หน้าเตียงลูกสักครู่ แต่งีบหลับทีไรก็มักจะรู้สึกตัวอีกทีกลางดึกหรือรุ่งเช้าไปเลยอย่างเช่นวันนี้

ภากรโยนผ้าเช็ดตัวให้ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพงัวเงีย

“อาบน้ำซะ!!  ฉันจะหาชุดให้เปลี่ยน ใส่เสร็จแล้วไม่ต้องคืน ฉันยกให้เลย”

โยธินนึกขำในใจแต่ไม่กล้าหัวเราะ

“ผมไม่ชอบให้ใครมายกเสื้อผ้าให้ ถ้าให้ยืมใส่ล่ะก็ ได้...”

“ฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าร่วมกับใคร”

“ถ้างั้นผมใส่ชุดเก่าก็ได้ ขออาบน้ำก่อน”

“ตามใจ!!  แต่ถ้าลูกตื่นห้ามเข้าไปอุ้มหรือกอดลูกทั้งๆ ที่อยู่ในชุดยับเยินนี้”

“อะไรกัน!! …เสื้อผ้าแค่ยับเท่านั้นนะโจ.. ไม่ได้สกปรกซะหน่อย ผมเพิ่งเปลี่ยนจากบ้านมาเมื่อเย็นวานเอง”

“มันเลยเวลาที่ควรจะใส่แล้ว และนายก็นอนที่พื้นห้องทั้งคืน ถึงจะเป็นพื้นห้องที่สะอาดที่สุดในบ้านหลังนี้แล้วก็ตาม แต่พื้นก็ยังเป็นพื้น”

“โธ่เอ๊ย! โจ..” โยธินส่ายหัวและส่งผ้าเช็ดตัวคืนให้

“ถ้ามันวุ่นวายอย่างนี้ผมกลับบ้านเลยละกัน ขอโทษนะ... ต่อไปผมจะไม่เผลอหลับอีกแล้ว”

โยธินผละจากภากรเดินลงบันได เสียงอีกฝ่ายเอ่ยถามไล่หลังลงมา

“ทำไมนายไม่เอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้บ้างล่ะ”

โยธินหยุดชะงักที่บันไดและเงยหน้าขึ้นตอบ

“เอามาทิ้งทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจนอนที่นี่ ผมแค่เผลอหลับ 2 - 3 ครั้งเท่านั้นเอง จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”

“ทิ้งไว้ในรถก็ยังดี เผื่อไว้....”

ภากรเดินตามลงมาพยายามหาทางออกให้ กลัวอีกฝ่ายน้อยใจว่าเขาไม่พอใจที่เผลอหลับในห้องลูกจนถึงเช้า เห็นโยธินยืนนิ่งไม่พูดไม่จายิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองใจดำเกินไปหรือเปล่า เพราะทางออกที่ให้ไปก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหยิบยื่นให้

“ขอบคุณนะโจ.. ที่ช่วยแนะนำ”

ใบหน้าหวานฝืนยิ้มให้ภากรและเดินลงบันไดไปด้วยท่าทีเซ็งๆ

ภากรถอนใจเฮือกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันได รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านที่ใจจืดใจดำจริงๆ

....เฮ้อ!... อย่างนี้แล้วจะสู้หน้าเจนนี่ได้หรือเปล่า แค่เสื้อผ้าก็ยืมให้ปะป๊าหนูใส่ไม่ได้...

ภากรจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกๆ เสร็จก็พากันลงมาหาอาหารเช้าทาน    เจนนี่วิ่งนำหน้าไปที่โต๊ะอาหาร ร้องเรียกปะป๊าด้วยความดีใจ

“ปะป๊าขา... มาเร็วจัง”

“ก็ปะป๊าคิดถึงหนูนี่นา อยากอยู่ใกล้หนูตลอดเวลาเลย”

โยธินอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมากอดและหอมอย่างรักใคร่ เจ้าหนูเจมส์วิ่งตามเข้าไปเสนอหน้าใกล้ๆ ด้วย

“เจมส์ก็คิดถึงปะป๊าด้วย”

โยธินหัวเราะ รั้งร่างเด็กชายตัวป้อมขึ้นมากอดอีกคน

“โอ๊ะ..โอว!. ลูกสองคนตัวหนักแล้วรู้มั้ย ปะป๊าอุ้มพร้อมกันสองคนจะไม่ไหวแล้วนะ”

“คุณพ่ออุ้มไหวค่ะ”

เจนนี่รีบบอกและขยับตัวลงจากตักโยธิน วิ่งไปหาภากรที่ยืนมองดูอยู่ด้วยความแปลกใจ สาวน้อยยกสองแขนขึ้นให้คุณพ่ออย่างมีความหมาย ภากรยิ้มให้ลูกสาวและอุ้มหนูน้อยเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารและวางลงประจำที่ ในขณะเดียวกับที่เจ้าหนูเจมส์ถูกโยธินจับวางลงที่เก้าอี้ประจำตัวเช่นกัน

ภากรไม่พูดไม่จาในขณะที่โยธินยิ้มให้อย่างมีไมตรีตามนิสัย

“อรุณสวัสดิ์ โจ..”

“อรุณสวัสดิ์คับ คุณพ่อโจ..” เจมส์พูดตามโยธินเพราะนั่งอยู่ติดกัน หนูน้อยยิ้มแก้มยุ้ย

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ปะป๊า” เจนนี่ทักบ้างและหันไปสะกิดภากร “อรุณสวัสดิ์ปะป๊าซีคะ คุณพ่อ..”

ภากรอดหัวเราะไม่ได้ จำต้องกล่าวตามคำขอของลูกสาวขี้อ้อน

“อรุณสวัสดิ์ โยธิน..”

อาหารเช้ามื้อนี้มีแต่เสียงเด็กๆ เจี๊ยวจ๊าว คุณพ่อและปะป๊านั่งเงียบกริบ หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ภากรนึกสงสัยว่าโยธินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไหนมา ถ้ากลับไปบ้านคงไม่มาเร็วขนาดนี้ แต่ถึงจะอยากรู้ถ้าอีกฝ่ายไม่บอก เขาก็ไม่มีวันเอ่ยถามขึ้นก่อน

เสียงภากรร้องเรียกสาวใช้แต่คนที่วิ่งมากลับเป็นป้าหวานแม่บ้าน

“เด็กไปไหนหมดล่ะป้า”

“ป้าให้ทำความสะอาดห้องน้ำด้านหลังค่ะ อายคุณโยธินเธอ”

ภากรหัวเราะในลำคอ

“อายทำไม หมอนั่นจะขอตรวจความสะอาดห้องน้ำป้าเหรอ”

“เธอไม่ได้ขอตรวจแต่มาขอใช้ค่ะ และบอกว่าจะมาขอใช้ทุกครั้งถ้าเผลอหลับที่ห้องคุณหนูอีก ป้าก็เลยให้ละเอียดไปทำความสะอาดค่ะ”

ภากรอึ้งไปเมื่อรู้จากแม่บ้านว่า โยธินหอบเสื้อผ้าออกมาจากรถและไปขอใช้ห้องน้ำด้านหลังซึ่งเป็นห้องน้ำของคนรับใช้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่บ้านขอให้ขึ้นมาใช้ห้องน้ำบนตึกก็ไม่ยอม อ้างว่ากลัวส่งเสียงดังทำให้ลูกๆ ตื่น เพราะเป็นคนชอบร้องเพลงเวลาอาบน้ำ

“คุณผู้ชายมีอะไรหรือคะ เดี๋ยวป้าจัดการแทนละเอียดได้ค่ะ”

“ผมจะไปที่ร้านนะ เด็กๆ หลับอยู่แต่คงใกล้ตื่นแล้ว”

“เชิญค่ะ เดี๋ยวป้าดูแลคุณหนูๆ เอง”

“บอกให้ละเอียดวางมือจากห้องน้ำด้านหลัง แล้วไปเปิดห้องปีกซ้ายทำความสะอาดเตรียมไว้ด้วย”

“ค่ะ เอ่อ.. จะมีแขกมาพักหรือคะ”

“ใช่.. แขกสำคัญเลยป้า ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปนอนหลับข้างเตียงลูก และไม่ต้องไปวุ่นวายห้องน้ำของป้าด้วย”

แม่บ้านรับคำสั่งด้วยความยินดีเพราะเฝ้ารอคำสั่งนี้จากคุณผู้ชายมานานแล้ว


 o15



TBC >>>>>>>

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #44 เมื่อ05-06-2007 21:51:39 »

เนื้อเรื่องน่ารัก   คนเขียนก้อน่าร้ากกกกกกกกกกกกกก :impress: :like6: :like6: :impress2: :impress2: :give2: :give2: :o8: :o8: :-[ :-[

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #45 เมื่อ06-06-2007 11:55:29 »

 :-[ :o8: :give2: :impress2: :like6:

น่ารักมากๆเลยยย  คุณพ่อกะป๊ะป๋า เริ่มเข้ากันได้ดีแล้ว โดยมีเด็กๆเป็นตัวเชื่อม หุหุ 

bass

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #46 เมื่อ06-06-2007 16:11:42 »

เข้ามาให้กำลังใจครับ




ในที่สุด นู่ก็ ตามา จนทัน


 o8 o8 o8 o8 o8 o8 o8

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #47 เมื่อ06-06-2007 17:18:32 »


บทที่ 8


****************


ทุกวันนี้ชายหนุ่มทั้งสองผลัดกันดูแลลูกๆ แต่จะไม่พาลูกไปไหนพร้อมกันโดยเด็ดขาด เพราะภากรเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาหน้าชาและโกรธโยธินมากจนไม่ยอมพูดด้วยอยู่หลายวัน

“เฮ้! โย.. หายไปเลยนะ ไม่มาจอยกับพวกเลย  นั่นแฟนใหม่นายเหรอ  โวว!!!..   :impress2:   คนนี้ถ้าเบื่อบอกฉันขอต่อคิวนะ...”

โยธินกลืนน้ำลายลงคอ กว่าเพื่อนจะเดินพ้นหลังไปภากรก็พาลูกเดินหนีจากไปไม่เห็นเงาแล้ว หลังจากวันนั้นโยธินถูกภากรยื่นคำขาดว่า จะไม่มีการไปไหนด้วยกันอีกเป็นอันขาด   หากจำเป็นต้องมีใครไปช่วยดูลูกก็ให้สาวใช้ตามไป



“โยธิน.. พรุ่งนี้นายพาเด็กๆ ไปฉีดวัคซีนหน่อยนะ ฉันไม่ว่าง.. ติดประชุมกรรมการที่สำนักงานกฎหมายของประวิช ฉันนัดหมอไว้ 10 โมงเช้า นายไปก่อนเวลาหน่อยก็ดี...”

โยธินไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง แม้ในเวลานั้นเขาจะมีงานยุ่งขนาดไหนก็ตาม

“โจ.. ผมนัดกับลูกว่าเสาร์นี้จะพาไปสวนสนุก เผอิญมีกำหนดการด่วน ผมต้องตามไป Take care แขกผู้ใหญ่ คุณช่วยพาลูกไปแทนผมทีได้มั้ย”

“ทำไมนายชอบสัญญาอะไรกับลูกล่วงหน้า เวลาติดธุระขึ้นมาก็เดือดร้อนต้องมาหาข้อแก้ตัวกับลูก” ภากรบ่นอุบ

โยธินทอดถอนใจ เขาไม่เคยทำอะไรถูกในสายตาของภากรเลย แต่บางครั้ง… ภากรก็ทำไม่ถูกในสายตาเขาเช่นกัน

เสียงเจ้าหนูเจมส์ร้องไห้จ้า โยธินผละจากลูกสาวที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ เดินตามหาเจ้าของเสียงตัวน้อย นึกในใจว่าภากรทำอะไรอยู่ทำไมปล่อยให้ลูกร้อง

โยธินเดินตามจนพบหนูน้อยจอมซน ยืนสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าภากร ในขณะที่ผู้เป็นพ่อนั่งจ้องหน้าลูกชายเขม็ง ในมือถือไม้บรรทัดพลาสติค 1 อัน

“จำได้ใช่มั้ย ถ้าลูกทำอีก ก็จะถูกพ่อตีอีก”

โยธินตรงรี่เข้าไปคว้าร่างหนูน้อยขึ้นมาสวมกอด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่พอใจวิธีการสั่งสอนลูกของภากร

“ปะป๊า... พ่อตีหนู... พ่อไม่รักหนูแล้ว”

หนูน้อยรีบฟ้องโยธินและตัดพ้อพ่อ ไม่คิดว่าตัวเองทำความผิดนักหนาแค่เอานิ้วแหย่เข้าไปในรูเอง พ่อต้องตีด้วย

“ทำไมต้องตีลูกด้วยอ่ะ โจ..”  o12

ภากรโยนไม้บรรทัดลงบนโต๊ะ

“ถามดูซีว่าฉันตีเรื่องอะไร”

“ผมไม่สนว่าเรื่องอะไร พูดดีๆ กับลูกก็ได้ คุณอธิบายได้นี่ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก ลูกแค่ 2 ขวบกว่าเอง.. ลงโทษด้วยความรุนแรงแบบนี้แล้ว ถ้าโตกว่านี้คุณไม่เฆี่ยนลูกหลังลายเหรอ.. อย่าทำอย่างนี้กับลูกอีกเป็นครั้งที่ 2 ผมไม่ยอมนะ เข้าใจมั้ย..”

โยธินอุ้มเจ้าหนูเจมส์เดินออกไปในขณะที่ภากรนั่งตะลึง เพราะเป็นครั้งแรกที่โยธินโกรธและแสดงอารมณ์กับเขา

...นี่ถ้าเจนนี่เอานิ้วแหย่เข้าไปในรูปลั๊กไฟบ้าง เขาจะลงโทษสาวน้อยยังไงถึงจะไม่ถูกหมอนี่ดุเอา...



 o15



ภากรเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันทีที่เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน เพราะสนามหญ้าหน้าบ้านกลายสภาพเป็นสนามเด็กเล่นขนาดย่อม มีเครื่องเล่นเด็กหลากหลายชนิดตั้งแต่วัยเตาะแตะไปจนถึงเด็กโต เขาส่ายหน้าด้วยความระอาใจ รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร ได้ยินเปรยๆ เมื่อสองวันก่อนว่าอยากจะมีสนามเด็กเล่นไว้ในบ้าน ลูกจะได้ไม่ต้องไปแย่งหรือรอคิวเล่นที่สนามของหมู่บ้าน…

ภากรก้าวลงจากรถหนูน้อยทั้งสองก็ผละจากเครื่องเล่น โยธินอุ้มเจนนี่ลงจากชิงช้า เท้าแตะพื้นได้หนูน้อยก็วิ่งตรงมาหาภากร ในขณะที่เจ้าหนูเจมส์รีบคลานออกจากบ้านหลังใหญ่วิ่งเข้ามาหาพ่อเช่นกัน

“พ่อจ๋า...” หนูน้อยทั้งสองร้องเรียกพ่อประสานเสียงกัน

ภากรทรุดตัวลงสวมกอดลูกๆ ไว้ สาวน้อยเจนนี่รีบรายงานคุณพ่อทันที

“คุณพ่อขา.. ปะป๊าซื้อของเล่นให้หนูเยอะแยะ”

“ปะป๊าซื้อให้เจมส์ด้วย” เจ้าหนูเจมส์รีบรายงานพ่อด้วย

“ปะป๊าซื้อให้ทั้งสองคนแบ่งกันเล่นจ้ะ.. ไม่ใช่ของใครคนเดียว”

โยธินเดินตามเด็กๆ เข้ามาจึงถูกภากรเอ่ยค่อนขอด

“ปะป๊าของลูกเขามีเงินเหลือใช้มั้ง อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้”

“เจนนี่อยากได้ ปะป๊าเลยซื้อให้” เจนนี่ออกตัวให้ปะป๊าเหมือนรู้

“เจมส์ก็อยากได้ด้วย..” เจ้าหนูเจมส์กลัวน้อยหน้าพี่สาว

ภากรส่ายหน้าอุ้มลูกสาวเดินเข้าบ้าน โยธินอุ้มเจ้าหนูเจมส์เดินตามมาติดๆ

“เอาจนได้นะ โยธิน.. ฉันบอกนายแล้วว่าลูกยังเด็กเกินกว่าจะไปปีนป่ายเครื่องเล่นพวกนั้น”

“เด็กที่ไหน โจ.. 2 ขวบกว่าแล้ว กำลังโตวันโตคืนเลย เผลอแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ขึ้นไปปีนบนบาร์ได้แล้ว ใช่มั้ยคับลูก...” โยธินถามเจ้าหนูในอ้อมกอด หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ

“หึ! นายทำให้บ้านฉันมองดูเป็นสนามเด็กเล่นไปแล้ว นี่ถ้าเด็กๆ ข้างบ้านขอเข้ามาเล่นด้วยนายจะว่าไง ”

“เถอะน่า.. ดีออก จะได้เก็บตังค์ค่าบำรุงสนามด้วยไง”

“หึ! ตลกจังนะ”



........ใช่! มันเป็นเรื่องน่าตลก ที่ชายหนุ่มสองคน รสนิยมและนิสัยใจคอต่างกันโดยสิ้นเชิงจนไม่น่าคบหาเป็นเพื่อนกันได้ แต่กลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในฐานะ พ่อ ของลูกๆ คนเดียวกัน และช่วยกันเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เติบโตขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ........


ภากรกลับไปใช้ชีวิตอิสระอีกครั้ง เป็นหนุ่มเรือพ่วงเนื้อหอมที่สาวๆ หมายปอง แต่การคบหาหญิงสาวของเขาในวันนี้ต่างจากเมื่อก่อน เขาจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวแค่ฉาบฉวย ไม่ใช้เวลาคบหาใครยาวนานและยังไม่คิดจะมีใจให้ใครอีก ทุกวันนี้แค่ได้เลี้ยงดูลูกแฝดทั้งสอง ภากรก็มีความสุขเหลือที่จะกล่าวแล้ว


สำหรับโยธินเขาไม่สามารถหนีความจริงได้ เขาหยุดพฤติกรรมเลิกคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้ชายได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ให้เปลี่ยนไปชอบผู้หญิงเลยเขาทำไม่ได้ ในที่สุดก็ตัดสินใจอยู่เป็นโสดไม่คบหาใครจริงจัง ชอบพอเป็นพักๆ แล้วก็เลิกลากันไป ชีวิตส่วนใหญ่วุ่นวายอยู่กับลูกเช่นกัน


หากแต่การใช้ชีวิตส่วนตัวของสองหนุ่มในวันนี้ มีข้อตกลงและเงื่อนไขมากมายที่ต่างฝ่ายต่างยื่นเสนอให้กันโดยเอาลูกมาอ้างอยู่เสมอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว    :teach: 



 o15



ร่างโปร่งบางเดินผิวปากอารมณ์ดีกำลังจะก้าวขึ้นตึกก็ถูกคว้าแขนกระชากกลับไปด้านหลังอย่างแรงจนเซเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง

"อ๊ะ ! .. เฮ้ย!!! คุณเองเหรอโจ.. มาดึงผมทำไมอ่ะ ตกใจหมดเลย" โยธินรีบผละออกและสะบัดแขนจากการเกาะกุม

"ไอ้หนุ่มที่มาส่งเป็นใคร" ภากรเอ่ยถามเสียงเรียบหากแต่สายตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด

"เพื่อน" คำตอบสั้นๆ เพราะรู้สึกไม่พอใจสายตาที่จ้องมองมา

"นอนด้วยกันมารึเปล่า"

โยธินสะดุ้งเฮือก ใบหน้าเนียนแดงจัด รู้สึกโกรธมากกว่าอายที่อีกฝ่ายมาถามเรื่องส่วนตัวของเขาอย่างถือสิทธิ์

"เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ ผมจะนอนกับใครต้องขออนุญาตคุณก่อนเหรอ ทีคุณล่ะนอนกับผู้หญิงที่ไหนผมยังไม่เคยไปก้าวก่าย"

ภากรแค่นยิ้ม… โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ แปลว่านอนกับไอ้หมอนั่นมาแน่นอน

"ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก ฉันไม่สนอยู่แล้วว่านายจะไปนอนกับใคร เพียงแต่…"

"แต่อะไร…"

"หลังนอนกับใครมา ห้ามมาอุ้มหรือแตะต้องตัวลูก"

โยธินอ้าปากหวอกับกฎเกณฑ์ที่ภากรบัญญัติขึ้นใหม่

"อะ…อะไรนะ ล้อเล่นน่ะ"

"ไม่ได้ล้อเล่น พูดจริง"

"เราตกลงเรื่องนี้กันตั้งแต่เมื่อไร ทีคุณล่ะ ทำไมยังกลับมาอุ้มลูกได้เลย"

"ฉันไม่ได้นอนกับใครมา"

"แต่เมื่อวันเสาร์ที่แล้วคุณนอนกับผู้หญิงมา กลับมาถึงก็มาอุ้มลูกเลย ผมจำได้"

ภากรลอบยิ้มในใจ นึกขำที่โยธินจำวันที่เขาไปนอนกับผู้หญิงได้ เพราะตัวเขาเองไม่เคยจำเรื่องไร้สาระแบบนั้น

"นั่นมันเมื่ออาทิตย์ก่อน กฎนี้เพิ่งเริ่มใช้วันนี้ และตอนนี้"

"อะ.. ไอ้.." เสียงใสขาดหายไปเพราะเห็นสีหน้า ถมึ_งทึงของอีกฝ่าย "คุณมันขี้โกง คุณแกล้งผม ก็ด้ายยย… ในเมื่อไม่ให้ผมแตะต้องลูก คืนนี้เชิญคุณดูลูกเองล่ะกัน ผมจะกลับบ้าน"

กล่าวจบก็หมุนตัวจะเดินกลับ แต่ถูกมือใหญ่ฉุดให้หันกลับไปอีก

"กลับไม่ได้"

"เอ๊ะ ! ก็ผมจะกลับบ้านอ่ะ"

"ฉันจะรู้ได้ไงว่านายกลับบ้าน นายอาจจะไปนอนกับไอ้หนุ่มนั่นอีกก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่นายจะไม่ได้กอดลูก แต่รวมถึงพรุ่งนี้ทั้งวันด้วย”

"อะไรนะ!! นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ กฎเกณฑ์บ้าบออะไรของคุณผมไม่สนหรอก ผมจะกอด เจนนี่ คุณไม่มีสิทธิมาห้าม"

"เจนนี่เป็นลูกฉันเหมือนกัน ฉันมีสิทธิจะห้าม ถ้าไม่เชื่อล่ะก็..อย่าหาว่าฉันร้ายนะ"

ร่างสูงใหญ่หักนิ้วตัวเองดังกร๊อบ!! เล่นเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อย เห็นแล้วนึกสงสารแต่ยังอยากกระเซ้าต่อ

"ฉันแค่ไม่ให้นายกอดลูก แต่อนุญาตให้ไปยืนดูได้ แต่ถ้าอยากกอดมากจนทนไม่ไหวล่ะก็ ไปอาบน้ำซะก่อน"

"แต่ผมอาบมาแล้วนี่" เสียงใสอ่อนลง เพราะอีกฝ่ายยอมพูดดีด้วย

"ไม่ กลิ่นตัวนายไม่ใช่กลิ่นนี้ ไปอาบใหม่ซะ ฉันไม่อยากให้กลิ่นตัวคนอื่นไปติดตัวลูก"

โยธินอ้าปากจะเถียง เห็นสายตาที่จ้องมองมาแล้วเปลี่ยนใจไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย

"ก็ได้.." โยธินกระแทกเสียงใส่ ใบหน้าหวานงอเง้า

"ทีใครทีมัน คุณอย่านอนกับผู้หญิงมาบ้างก็แล้วกัน ฮึ! "

…คนบ้า!!! ทำเป็นจมูกดี รู้ได้ไงว่ากลิ่นตัวเราไม่ใช่กลิ่นนี้  o12  เชอะ ! สงสัยจะเป็นโรคจิต ชอบแอบดมกลิ่นตัวชาวบ้าน…

โยธินหน้าร้อนวูบกับความคิดของตัวเอง หันหลังกระแทกส้นเท้าเดินกลับห้องอย่างไม่สบอารมณ์ แทนที่จะได้กอดและหอมลูกให้ชื่นใจ กลับมีมารมาผจญซะได้…

ภากรอมยิ้ม สนุกที่ได้กระเซ้าอีกฝ่าย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าออกกฎบ้าๆ นั่นออกมาได้ยังไง รู้แต่ว่าหมั่นไส้ภาพที่เห็นหน้าประตูรั้วเมื่อสักครู่ จนทำให้นึกอยากจะแกล้งคนขึ้นมา ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ สาบานได้

.…คิดจะย้อนกฎนั้นกลับมาใช้กับฉันหรือ โยธิน.. ฮึ! ที่นี่บ้านใครไอ้หนู… เจ้าของบ้านมีสิทธิออกคำสั่งและเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว นายเป็นลูกบ้าน อย่าฝืนคำสั่งเข้าใจมั้ย…      o18



 o15



วันนี้เป็นเวรของโยธินอยู่ดูแลลูกๆ ภากรออกไปดูงานที่ร้านตั้งแต่บ่ายสอง เวลาตอนนี้เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว เด็กๆ ยังนอนกลางวันไม่ตื่น หลับยาวแบบนี้มีหวังคืนนี้ไม่ยอมนอนแน่ ช่างปะไรคืนนี้เป็นเวรของหมอนั่นพาลูกเข้านอน ฮึ! ชอบคุยโอ่นักว่าเลี้ยงลูกเก่งกว่าเรา หมั่นไส้!!!!

RRRR~~~~

โยธินสะดุ้งจากภวังค์ รีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ บ้านธีรวัฒน์ครับ” เสียงใสทักปลายสายอย่างอ่อนหวาน

“พ่อบ้านใช่มั้ย ขอสายคุณโจหน่อย”

คำพูดที่โต้ตอบกลับมาทำให้น้ำเสียงที่ตอบกลับไปแข็งและห้วนขึ้น

“คุณโจไม่อยู่”

“ไปที่ร้านรึเปล่า”

“ไม่ทราบครับ ไม่ได้สั่งไว้”

“เป็นพ่อบ้านประสาอะไรเจ้านายไปไหนไม่รู้ ฝากบอกคุณโจด้วยว่า ลัดดาจะเข้าไปหาที่ร้านตอน 1 ทุ่ม”

โยธินสะดุ้งเมื่อปลายสายกระแทกหูโทรศัพท์ดัง โครม !!!

“ยัยบ้า!! ไม่มีสมบัติผู้ดีเลย ผู้หญิงอะไรวะ... ฝากบอกคุณโจด้วยยย... ว่าลัดดาจะเข้าไปหาาาา... ได้เลยครับคุณผู้หญิง เดี๋ยวผมจะไปเรียนให้เจ้านายทราบถึงที่เลยคร้าบบบ..” ใบหน้าหวานผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น เมื่อนึกแผนอะไรบางอย่างได้

“ปะป๊า... ”

โยธินหันขวับไปด้านหลัง น้ำเสียงเรียกยังงัวเงียอยู่เลย ร่างเล็กๆ ของลูกชายตัวน้อยยืนหน้ายุ่งผมหยิกกระเซิงอยู่ที่ประตู

“โอ๊ว!! ตื่นแล้วเหรอค้าบ~~~”

ร่างเพรียวปราดเข้าไปทรุดตัวลงสวมกอดหนูน้อยไว้ด้วยความรัก จูบที่แก้มหนึ่งทีก่อนใช้สองมือเสยผมยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย

“พี่เจนนี่ตื่นรึยังครับ”

หนูน้อยไม่ตอบแต่ส่ายหน้าให้ความหมายว่ายังไม่ตื่น ก่อนจะซบลงกับไหล่พ่อทำท่าจะหลับต่อ

“เฮ้!! ไม่หลับแล้วนะครับ ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยปะป๊าพาไปทานมื้อเย็นที่สวนอาหารของคุณพ่อดีมั้ย สนรึเปล่า..หือ..”

หนูน้อยตาสว่างขึ้นทันที

“สนคับ เจมส์อยากไปหาคุณพ่อ”

“โอเค... เจมส์อยากทานอะไรคิดไว้เลยลูก มื้อนี้ปะป๊าเลี้ยงเองครับ”

“ปะป๊าไม่ต้องเลี้ยง คุณพ่อเป็นเจ้าของร้านไม่ต้องจ่ายตังค์หรอก”

“จริงด้วย ถ้างั้นให้คุณพ่อเลี้ยงล่ะกันเนอะ” โยธินหัวเราะกับความฉลาดของลูกชายตัวน้อย “ไปปลุกพี่เจนนี่กันดีกว่า ไป..”

มือเล็กป้อมคว้ามือปะป๊ากุลีกุจอพาไปปลุกพี่สาว เพราะอยากไปหาคุณพ่อที่ร้านเร็วๆ



 o15


 
มื้อเย็นวันนี้สองแฝดน้อยก็ได้มาทานอาหารอร่อยที่ร้านคุณพ่อตามแผนที่ปะป๊าโยธินวางไว้ โยธินได้พบหญิงสาวที่เขาคุยสายด้วย เธอสวยมากจนใครๆ พากันเหลียวหลังมอง แต่เขากลับมองด้วยความรู้สึกสมเพช สวยแต่รูป เชอะ !!!

งานนี้โยธินไม่ได้ทำอะไรเลยแค่นั่งเฉยๆ ลูกแฝดสองคนจัดการเองหมด สองหนูน้อยป่วนจนหญิงสาวออกอาการหงุดหงิด และชวนภากรออกไปต่อข้างนอก แต่เขากลับบอกว่าต้องกลับบ้านพร้อมลูก เธอโกรธและต่อว่าภากรอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าโยธินที่นั่งอยู่ด้วย

“อุตส่าห์โทรไปบอกก่อนแล้วนะคะว่าจะมาหา ยังจะพาลูกมาอีก ถ้าไม่อยากคบด้วยบอกกันตรงๆก็ได้ ดาเองก็ไม่อยากเสียเวลากับพ่อม่ายเรือพ่วงอย่างคุณหรอก”

หญิงสาวกระเง้ากระงอดกลับไป ภากรหันมามองโยธินก็เห็นสายตาของชายหนุ่มจับจ้องเธอที่กำลังเดินลับหลังไปด้วยสีหน้าอมยิ้ม ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบ

“นายรับโทรศัพท์เธอเหรอ”

โยธินสะดุ้ง กำลังนั่งสะใจอยู่จึงตั้งตัวไม่ทันกับคำถาม

“เอ่อ.. คือ..”

“ใช่หรือเปล่า”   เสียงดังขึ้นและสายตาที่จ้องเขม็งมาทำให้โยธินต้องยอมสารภาพ

“ชะ.. ใช่..” เสียงตอบแผ่วเบาและไม่กล้าสบตาด้วย       “คือ.. ผมกะว่าจะมาบอกที่นี่ คุยไปคุยมาจนลืม..”

ภากรส่ายหน้า รู้ทันทีว่าโยธินจงใจแกล้งพาลูกมาป่วน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขานึกขอบใจชายหนุ่มอยู่ในใจ เพราะเขาเองพยายามหาทางบอกเลิกกับเธอหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังเซ้าซี้ นึกไม่ถึงเลยว่าความวุ่นวายของเด็กๆ จะทำให้เธอยอมตัดสัมพันธ์ด้วยง่ายๆ รู้งี้ชวนไปที่บ้านนานแล้ว

โยธินใจหายเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป จะโกรธรึเปล่านะ เขาไม่น่าเล่นอะไรแบบนี้เลย กำลังจะเอ่ยขอโทษก็ต้องผวาเฮือกเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามายืนท้าวสองแขนกับพนักเก้าอี้ของเขา และก้มลงกระซิบ 2 ประโยค

“อิ่มแล้วก็ลุกซะที จะนั่งอ่อยเหยื่อรึไง”   กล่าวจบก็ผละไปหาลูกๆ ที่ยืนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่หน้าตูปลาขนาดใหญ่

โยธินถอนใจโล่งอกเพราะนึกว่าจะได้ยินคำพูด   ...“ฝากไว้ก่อนเถอะ กลับถึงบ้านเจอดีแน่”....

ใบหน้าสวยยิ้มระรื่นดีใจที่แผนการณ์ร้ายคืนนี้จบลงด้วยดี แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางลง หน้างอทันทีเมื่อนึกทวนคำพูดประโยคสุดท้ายเมื่อครู่

...จะนั่งอ่อยเหยื่อรึไง...

o12  ....ถูกกัดอีกจนได้ ผู้ชายอะไรวะ!!   ปากจัดชะมัด...  




 o15



bass

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #48 เมื่อ06-06-2007 17:24:50 »

 :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:

เราจะรู้ว่าผู้ชายปากจัดก็ต่อเมื่อ


มานเมา



 :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:

จัดกว่าผมอีกอ่า


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #49 เมื่อ06-06-2007 17:43:09 »

ขอบคุณเจ้หมวยที่มาต่อ นะครับ

เรื่องยังน่ารักเสมอ

เจ้าตัวเล็กทั้งสองก็โตวัยจริงๆ ด้วย

ร้ากหนูเจมส์........................

 :interest:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Novel]My Baby by j-muay
« ตอบ #49 เมื่อ: 06-06-2007 17:43:09 »





FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #50 เมื่อ06-06-2007 19:18:42 »

เริ่มหึงหวงกันแล้วค๊าบบบบบบบบบบพี่น้องค๊าบบบบบบบบบบบบบ :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:

jeje

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #51 เมื่อ07-06-2007 00:21:15 »

 :like6:..............เรื่องนี้น่ารักมากๆเลย............... :impress:..........คนเขียนเขียนได้ดีมาก........ :like6:

NonG_MaN

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #52 เมื่อ07-06-2007 02:18:07 »

 :teach: เริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ รอดูต่อไปว่าจะเกิดอารายขึ้น

ฮิๆๆๆๆๆๆ  :haun5: รีบๆๆ มาต่อนะคร๊าบบบ เป็นกำลังใจให้คับ  o14 o15

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #53 เมื่อ07-06-2007 12:56:10 »

 o14   ชอบจริงเลยยย   หุหุ เริ่มมีอาการหวงโดยไม่รู้ตัวให้เห้นกันแล้ว 55+  o3


ขนาดจำกลิ่นตัวได้นี่ก็ไม่ใช่เล่นๆแล้วนะค้าบบคุณภากร  :o9:

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #54 เมื่อ09-06-2007 21:41:43 »

My baby

Daddy inlove part 1
 


****************


..เคย ได้ยินคำพูดที่ว่า "เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น" บ้างมั้ย..
สำหรับภากรเขาไม่เคยเชื่อคำพูดไร้สาระนั่นมาก่อนเลย...


--------------------- 




"ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความหรือฝากหมายเลขโทรกลับ…"

ภากรตัดสายโทรศัพท์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาพยายามติดต่อโยธินหลายวันแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ โยธินหายเงียบไป 1 สัปดาห์เต็ม ติดต่อไปที่บ้านก็ได้คำตอบว่าออกจากบ้านไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยไม่บอกว่าไปไหน คนที่บ้านเข้าใจว่าไปทัวร์เหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อสอบถามไปที่บริษัททัวร์กลับได้รับคำตอบว่าไม่ได้เข้าบริษัทมา 10 กว่าวันแล้ว

ภากรรู้สึกหงุดหงิดที่โยธินหายหัวไปไม่บอกกล่าวสักคำว่าจะไปไหน อุตส่าห์ยอมรับว่าเป็นพ่อที่ดีได้แล้วเชียว จู่ๆ ก็ทิ้งลูกไปไม่โทรกลับมาถามทุกข์สุขสักคำ ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะรู้ว่าลูกสาวตัวน้อยอยู่กับเขาได้อย่างมีความสุขก็ตาม แต่การหายหัวไปโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้มันเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้

หากแต่เมื่ออารมณ์หงุดหงิดคลายลง ภากรก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ จะว่าไปก็ผิดวิสัยของโยธินที่จะหายไปโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้ ที่ผ่านมาหมอนั่นจะคอยโทรรายงานเขาตลอดว่าวันนี้จะเข้ามาหาลูกหรือเปล่า หรือต้องไปทำธุระที่ไหนไม่มีเวลาเข้ามาหา ฝากจูบลูกด้วย...ฝากกอดลูกที... ฝากฝังจนน่ารำคาญถูกเขาเอ็ดกลับไปบ่อยๆ

…หายหัวไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ เหมือนถูกอุ้มไปตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เลย…

ภากรใจหายกับความคิดของตัวเอง อารมณ์หงุดหงิดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความห่วงใย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดีใจ หายไปได้ก็ดี... ลูกสาวตัวน้อยจะได้เป็นของเขาคนเดียว แต่ความรู้สึกในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น.... เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาโยธินเข้าออกบ้าน “ธีรวัฒน์” ในฐานะ “ปะป๊า” ของแฝดน้อยทั้งสองจนกลายเป็นคนในครอบครัวไปโดยปริยายแล้ว


หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้หมอนั่นต้องพรากจากลูกๆ ไป... อย่างที่เคยสูญเสียเธอ... เขาจะทำใจยังไง...

ภากรฟุ้งซ่านกับความคิดของตัวเองจนนั่งไม่ติด


RRRR…..


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไล่ความคิดฟุ้งซ่านของชายหนุ่ม เขารีบคว้าขึ้นรับเมื่อคิดว่าอาจเป็นหมอนั่นโทรมา ถอนใจเฮือกเมื่อพบว่าไม่ใช่ แต่ก็ยังรู้สึกยินดีเมื่อเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ เพราะเป็นคนที่เขานึกถึงและคิดจะติดต่อไปหาอยู่พอดี

"สวัสดีครับคุณภากร คุณโยธินกำลังเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือจากคุณโดยด่วนครับ"

ภากรนั่งกุมขมับหลังวางสายทนายพิทักษ์ รู้สึกโล่งอกที่โยธินไม่ได้ประสบเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิต หากแต่เรื่องเดือนร้อนที่ว่ากลับสร้างความอิหลักอิเหลื่อในใจเขาอย่างมาก …เขาควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ.. หรือปล่อยให้หมอนั่นตกอยู่ในชะตากรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อต่อไปดี....


 :give2:


 "…คุณโยธินถูกนายปีเตอร์ เจ้าของค่ายมวยที่เคยคบหากันเมื่อหลายปีก่อนหลอกนัดไปคุยเรื่องงานแล้วกักตัวไว้ หมอนั่นขอกลับมาคบหาเป็นคู่ขาด้วยเหมือนเดิม แต่คุณโยปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่ามีภาระหน้าที่ต้องดูแลลูกสาว นายปีเตอร์ไม่ยอมรับเหตุผลนี้บอกว่าลูกก็อยู่ส่วนลูก คุณโยธินจำเป็นต้องหาข้ออ้างอื่น....เลยบอกไปว่ามีคนรักอยู่แล้ว หมอนั่นไม่เชื่อที่คุณโยพูดแต่ก็ยังเป็นลูกผู้ชายพอ บอกให้เรียกคนรักใหม่มาแสดงตัวเขาถึงจะยอมปล่อยแต่โดยดี..."

ภากรปวดหัวตึบกับเรื่องราวที่ได้ยิน นึกว่าถูกอุ้มไปหมกป่าอยู่ที่ไหน ที่แท้ก็ถูกคู่ขาเก่าอุ้มไปกกอยู่ที่ค่ายมวย..

"แล้วไง.. คุณก็ไปบอกคนรักของนายโยซี.. :o ให้หมอนั่นตามไปช่วย"

ภากรรู้สึกฉุนโดยไม่มีสาเหตุเมื่อรู้ว่าโยธินมีคนรัก ทั้งๆ ที่บอกเขาว่าจะขออยู่เป็นโสดไม่คบหาใครจนกว่าลูกจะโตกว่านี้แท้ๆ ชะ !..

"เอ่อ..ครับ ผมก็กำลังบอกอยู่นี่ อยากขอร้องให้คุณตามไปช่วยหน่อยครับ คุณโยธินถูกหมอนั่นใช้กำลังขืนใจนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถ้าช้ากว่านี้อีกวันหรือสองวัน คุณโยของผมคงไม่เหลือแรงแม้แต่จะออกเสียงแล้วครับ"

ภากรอ้าปากหวอ.. ไม่ทันได้ย้อนถามกลับไปอีกฝ่ายก็ขยายความต่อทันที




ภากรถอนใจเฮือก แม้จะบอกปฏิเสธไปแล้วแต่ในใจก็ยังวุ่นวายและคิดวนไปมาอยู่หลายตลบว่า ควรจะช่วยดีหรือปล่อยไปตามเรื่องตามราวของหมอนั่น

นึกถึงใบหน้าขาวใสและดูหวานซึ้งอย่างผู้หญิงในบางอารมณ์ โดยเฉพาะในเวลาที่ยิ้มแย้มและหัวเราะกับลูกแล้วก็อดถอนใจเฮือกอีกครั้งไม่ได้

"…นายปีเตอร์ไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนรักของคุณโยธินจริง เพราะรู้ว่าคุณไม่มีรสนิยมแบบนั้น แต่เห็นคุณโยเข้าออกในบ้านคุณเกือบทุกวันก็ชักไม่แน่ใจ หมอนั่นเลยให้สัญญาว่าจะปล่อยคุณโยกลับทันที ถ้าคุณไปยืนยันและแสดงตัวว่าเป็นคนรักของคุณโยจริงๆ ครับ…

…คุณโยธินไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ อาจจะกระเทือนถึงชื่อเสียงของคุณด้วย ฝากบอกว่าถ้าคุณลำบากใจ ไม่อยากข้องแวะกับเรื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นไร เขาจะพยายามหาทางหนีออกมา ถ้าโชคดีอาจหนีรอด..แต่ถ้าไม่.. คุณโยฝากน้องเจนนี่ให้คุณช่วยดูแลแทนด้วย…”

"บ้าชิบ.. ให้ช่วยสมยอมว่าเป็นคู่ขาของนายงั้นเหรอ.. ถ้ามันไม่ยอมปล่อยแต่โดยดีล่ะ ฉันต้องใช้กำลังแสดงบทบู๊กับ เจ้าของค่ายมวย เพื่อแย่งตัวนายกลับคืนมาเนี่ยนะ ไอ้บ้าโยธินเอ๊ย.. แกนะแก.. "  o12


 :give2:


ภากรสะท้อนใจเมื่อเหลือบมองชายหนุ่มที่นอนพับไม่ได้สติในสภาพที่โทรมสุดๆอยู่ข้างๆ ใบหน้าขาวเนียนใสทุกครั้งที่พบเห็น วันนี้มีร่องรอยบวมช้ำเพราะถูกทำร้าย ไม่เฉพาะแค่ใบหน้าเท่านั้น ทั้งแขนขา และข้อมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ นี่ถ้าเขาไม่ตัดสินใจเข้าไปช่วย หมอนี่คงไม่มีโอกาสได้รอดออกมาในสภาพที่ครบ 32 แน่…

นึกแล้วรู้สึกโกรธทนายพิทักษ์ที่พยายามบอกเล่าทุกเรื่องที่จะทำให้เขาใจอ่อนยอมช่วยเหลือโยธิน แต่ไม่ยักบอกว่าไอ้เบื๊อกปีเตอร์ ชอบเล่นเซ็กซ์แบบรุนแรงด้วย

โยธินจับไข้และมีอาการผวาอยู่ 2 วัน ก่อนจะรู้สึกดีขึ้นในวันถัดมา เขาทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ทันทีที่เห็นหน้าภากร เล่นเอาอีกฝ่ายซึ่งเตรียมจะโวยและเสียงแข็งใส่กับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น ต้องเปลี่ยนเรื่องพูดคุยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอ่อนลงทันที

"หายเร็วๆ ซะที อย่าเอาเปรียบกันนัก ปล่อยให้ฉันดูลูกอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์ งานการไม่ได้ไปทำ ฉันไม่ใช่ลูกเจ้าสัวอย่างนายนะ.."

"ขอบคุณนะ โจ.. ขอบคุณที่ยอมช่วยผม"

โยธินกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง สายตาที่จ้องมองภากรมีความรู้สึกบางอย่างแอบแฝงอยู่ในส่วนลึก หากแต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางสังเกตเห็น

"ฉันช่วยเจนนี่ต่างหาก ไม่อยากให้ลูกกำพร้าพ่อ.. เอ่อ.. ถึงยังไงนายก็เป็น พ่อในไส้ ของยัยหนู.."

โยธินขมวดคิ้วกับคำว่า "พ่อในไส้" ศัพท์ที่ภากรบัญญัติขึ้นใหม่


 :give2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2007 21:58:05 โดย j-muay »

ออฟไลน์ j-muay

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
    • Daddy's Home
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #55 เมื่อ09-06-2007 21:56:34 »

"แค่นี้ก่อนนะ วิช.. แล้วเจอกันคืนนี้"

ภากรรีบตัดบทสนทนาและวางสายลงเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกดังประสานกันอยู่นอกบ้าน รีบเดินออกไปดูด้วยความร้อนใจ เพราะไม่ใช่เสียงหัวเราะเอิ้กอ้าก อย่างสนุกสนาน แต่เป็นเสียงร้องไห้เหมือนกำลังเจ็บ

…คงจะหกล้มหรือตกจากชิงช้าอีกกระมัง หมอนั่นอยู่กับลูกที่สนามนี่นา ดูลูกประสาอะไร ทำไมถึงปล่อยให้ตกได้…

ภากรเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าขณะเดินดุ่มมาที่สนาม ภาพที่เห็นทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าจากเดินจนเกือบจะเป็นวิ่ง

T__T  T__T

สองหนูน้อยแข่งกันส่งเสียงร้องอยู่ข้างกายโยธินที่นอนคว่ำหน้าไม่ได้สติอยู่ที่พื้นสนาม    :sad2:  ภากรปราดเข้าไปหาพร้อมๆ กับสองสาวใช้ที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาเพราะตกใจเสียงร้องของคุณหนูๆ เช่นกัน

"เฮ้!.. เป็นอะไรลูก.. เจนนี่.. เจมส์.."

ภากรปลอบถามลูกแต่สายตาจับจ้องร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่ เขาทรุดตัวลงสองหนูน้อยก็ลุกขึ้นโผเข้ามาสวมกอดและฟ้องด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

"คุณพ่อขา.. ปะป๊าทำหนูเจ็บ"

"ปะป๊าทับขาเจมส์ด้วย.."

"ปะป๊าเป็นอะไรลูก.."

ภากรรู้สึกเป็นห่วงชายหนุ่มมากกว่าลูกๆ เพราะดูแล้วหนูน้อยทั้งสองแค่ตกใจเท่านั้น ไม่มีอาการบาดเจ็บเท่าไร

"สงสัยคุณโยธินจะเป็นลมค่ะ หนูกำลังเอาของว่างมาเสิร์ฟเห็นเธออุ้มคุณหนูสองคนอยู่ดีๆ ก็ล้มลง"

ภากรสั่งให้สาวใช้พาหนูน้อยทั้งสองเข้าบ้าน ก่อนจะขยับร่างโปร่งบางให้นอนหงายในอ้อมแขนอย่างเบามือที่สุด เพราะไม่แน่ใจว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณใดบ้าง ใจหายวาบเมื่อเห็นใบหน้าเนียนใสขาวซีด เหงื่อซึมที่หน้าผากมนและไรผม

"โยธิน!!.. โย.."

ภากรตบแก้มชายหนุ่มเบาๆและเรียกให้รู้สึกตัว ชะงักเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วสัมผัสความเนียนนุ่ม เขาเผลอเพ่งพิศใบหน้าในวงแขนพร้อมๆ กับไล้นิ้วมือแผ่วเบาที่แก้มนุ่มเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

…อืมม์…เพิ่งได้สัมผัสและเห็นเต็มตาวันนี้เองว่า… หมอนี่เป็นผู้ชายที่มีผิวพรรณดี ใบหน้าหวาน.. สวย.. ดูดีกว่าผู้หญิงหลายคนเสียอีก โดยเฉพาะเวลาที่ยิ้มและหัวเราะ เสน่ห์คงแพรวพราวน่าดู.... อ๊ะ !!! แต่ว่า......

ภากรใจเต้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมแขนเขาเป็นเกย์ และตอนนี้เขาเองก็อยู่ในฐานะคู่ขาจำเป็นของหมอนี่....

"เจนนี่.. เจมส์.."

คิ้วเรียวขมวดมุ่นพร้อมเสียงเรียกหาลูกดังแผ่วออกจากริมฝีปากบางสวย ทำให้ภากรรู้สึกตัวรีบชักมือออกจากแก้มนุ่มเปลี่ยนมาตบไหล่เบาๆ

"โย.. นายเป็นอะไรหรือเปล่า"

โยธินลืมตาขึ้นดวงตากลมโตคู่สวยส่อแววฉงน ร่างโปร่งบางนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนตกใจ หากแต่ต้องหงายหลังลงในอ้อมแขนใหญ่เกือบจะในทันทีเช่นกัน

"เฮ้!.. ค่อยๆ ลุกซี นายเป็นลมอยู่นะ"

ภากรกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน ถ้าเป็นปกติเขาคงเอ็ดและโวยให้แล้ว แต่ใบหน้าหวานซีดเซียวตรงหน้าขณะนี้ทำให้เขาดุไม่ลง

"ลูกๆ ล่ะ.. ผมทำลูกเจ็บหรือเปล่า"

"ลูกไม่เจ็บเท่าไรหรอกแค่ตกใจเท่านั้น นายต่างหากที่เจ็บ ยังไม่หายดีมีแรงอุ้มลูกพร้อมกันสองคนได้ยังไง"

"ไม่.. ผมสบายดี ผมอุ้มไหว"

โยธินผละจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายพยายามลุกขึ้นยืนด้วยอาการโผเผ ภากรส่ายหน้ากับความดื้อรั้น รีบลุกขึ้นประคองร่างบางกว่าไว้

"นี่เหรอสบายดี.. ยืนยังไม่ตรงเลย ลูกสองคนน้ำหนักรวมกันไม่น้อยแล้วนะ สภาพแบบนี้จะอุ้มไหวได้ยังไง"

"ผมอุ้มไหว ผมอุ้มของผมทุกวัน เมื่อกี้ผมแค่เวียนหัวหน่อยเดียว ไม่คิดว่าจะเป็นลม… ผม.. ผมทับลูกหรือเปล่า.."    โยธินแหวใส่ด้วยอาการฉุนเมื่อถูกพูดเยาะ หากแต่ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงสั่นเครือลง

"ทับ!!.."

ภากรซ่อนยิ้มในหน้า น้ำเสียงไม่พอใจของเขาทำให้ใบหน้าซีดขาวตรงหน้า ซีดหนักลงไปอีก

"นายทับขาเจ้าหนู.."

"ผม.. ผมขอโทษ ลูกเจ็บมากหรือเปล่าอ่ะ.."

"เจ็บซี!!.."

"ผมเสียใจ~~ "

โยธินน้ำตาแทบร่วงรู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาร่างสูงใหญ่ตรงหน้า พยายามจะผละออกจากอ้อมแขนแกร่งแต่ถูกรั้งไว้

"จะไปไหน"

"ผมจะเข้าไปดูลูก.. ผมอยากขอโทษลูก~~.."   น้ำใสคลอดวงตาคู่สวย

ภากรเลิกล้อเล่นกล่าวปลอบเสียงอ่อนโยน และประคองอีกฝ่ายเดินเข้าบ้าน

"ลูกไม่เป็นไรมากหรอก.. ตกใจที่นายล้มลงมากกว่า ป่านนี้คงวิ่งเล่นได้แล้ว กลับเข้าบ้านแล้วนอนพักผ่อนซะ ยังไม่แข็งแรงดีอย่าออกมาตากแดดตากลม"

"ผมไม่ได้.."

"หยุดนะ!!..  อย่าอวดเก่งได้มั้ย.. ไม่มีคนสบายดีที่ไหน จู่ๆ ก็หมดสติล้มลงจนเกือบจะทับลูกตัวเองหรอก นี่ดีนะว่าล้มลงที่สนามหญ้าและลูกไม่เป็นอะไร.."

"………."  :impress:

โยธินก้มหน้างุดไม่พูดจาโต้ตอบอะไร หากแต่อาการสะท้านของร่างในอ้อมแขนทำให้ภากรรู้สึกตัวในทันทีว่าพูดจาต่อว่าอีกฝ่ายแรงไป

"ฉันไม่ได้ว่านะ แค่อยากให้นายใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วย อย่ามัวห่วงและดูแลแต่ลูกจนลืมตัวเอง.."

น้ำเสียงอ่อนโยนส่อแววห่วงใยของภากร ทำเอาโยธินใจเต้นตึกตักก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา ไม่ยอมเงยขึ้นสบตาด้วย

กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างเพรียวที่เขาประคองอยู่ทำให้ภากรเผลอสูดความหอมที่โชยกรุ่นเข้าจมูกด้วยความลืมตัว

"หอมจัง… ใส่อะไรอ่ะ น้ำหอมหรือแป้ง หือ.."

"เอ่อ.. มะ.. ไม่.. ไม่ได้ใส่อะไร"  ใบหน้าหวานร้อนวูบเมื่อรับรู้ว่าถูกอีกฝ่ายสูดดมกลิ่นกายของตัวเอง

"ไม่ได้ใส่? แล้วกลิ่นหอมจากไหน" ว่าแล้วก็รั้งตัวอีกฝ่ายเบียดชิดร่างกำยำของตัวเองและพยายามจะสูดดมความหอมอีกครั้งเหมือนแกล้ง

โยธินใบหน้าร้อนผ่าวหนักขึ้น  :o8:  พยายามขืนตัวจะผละออกแต่สู้แรงไม่ได้

"ปะป๊าขา… ปะป๊าคับ.. ปะป๊าหายยังคะ คุณพ่อ.."

เสียงลูกๆทำให้อ้อมแขนแข็งแรงคลายออก โยธินถอนใจเฮือกรีบผละออกและทรุดตัวลงสวมกอดสองหนูน้อยไว้ในอ้อมแขน

"ปะป๊าขอโทษนะคร้าบ..  ปะป๊าทำหนูสองคนเจ็บหรือเปล่า"

"เจนนี่ไม่เจ็บค่ะ"

"เจมส์เจ็บขา.. แต่หายแล้วคับ.."

ภากรส่ายหัวกับความขี้อ้อนปนกะล่อนของเจ้าหนูเจมส์ เขารู้ว่าหนูน้อยไม่เจ็บเท่าไรหรอกแต่อยากเรียกร้องความสนใจจากปะป๊ามากกว่า โยธินสวมกอดลูกสองคนไว้ ผลัดกันจูบและหอมแก้มพร้อมกับพร่ำขอโทษไปมา เขายืนมองด้วยความสุขใจอยู่ชั่วครู่ ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นอิจฉาสองหนูน้อยขึ้นมาตะหงิดๆ นึกอยากเป็นร่างเล็กตรงหน้า ขณะถูกกอดและหอมจากชายหนุ่มหน้าหวานตัวหอมกรุ่นคนนี้ความรู้สึกจะเป็นยังไงน้าาา….  :haun5:

ภากรรู้สึกตัว ใบหน้าร้อนผ่าวกับความคิดพิเรนๆ ของตัวเอง รีบเดินผละออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นความผิดปกติบนสีหน้าเขา


 o15




ออฟไลน์ ลูกลิงตัวอ้วน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #56 เมื่อ09-06-2007 23:16:02 »

โอ้ เริ่มมีใจให้กันแร้ว
 :give2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #57 เมื่อ10-06-2007 09:28:13 »

เอาละวุ้ย เริ่มมีลุ้นแล้ว  :like6:  :like6:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #58 เมื่อ10-06-2007 09:45:45 »

น่าร๊ากกกกกกกกกก    ทั้งพ่อทั้งลูก    :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6: :like6:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel]My Baby by j-muay
«ตอบ #59 เมื่อ10-06-2007 14:19:05 »

 :like6:  ว้าวววๆๆๆๆ   เริ่มมีใจให้กันแล้ววว    คุณพ่อชอบกลิ่นปะป๊าเหรออ  o17


จะน่ากแค่ไหนนะนี่ ถ้าสองคนรักกัน หุหุ  มีเด็กๆ ช่วยให้สองคนดีกานนน อบอุ่นๆๆ


ปล.เป็นโรคแพ้กลิ่นเหมือนคุณพ่อเลย  เหอๆๆ  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด