รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]  (อ่าน 559457 ครั้ง)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #180 เมื่อ04-09-2010 22:07:28 »

เอ๊า ใครกรี๊ด กะประโยคเด็ดเมื่อตอนที่แล้ว  เร่ เข้ามาๆ


รักจัง.........ตอนที่10

กว่าจะได้รับอนุญาติให้ขึ้นจากน้ำก็ตอนที่ลูกมือป้าแม่บ้านวิ่งมาเรียกทุกคนให้ไปล้อมวงบาร์บีคิว มองลิบๆเห็นวงวอลล์เล่ย์ชายหาดกระโดดตบส่งท้ายแล้วสลายตัวไปตามกลิ่นกุ้งหอยปูปลา ส่วนผมไม่ต้องออกแรงว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งเอง เพราะคนที่ลากคอกันออกมาทำหน้าที่เป็นทุ่นชูชีพให้ผมเกาะคอเกาะไหล่ลอยตัวเข้าฝั่งไปแบบไม่ต้องเสียพลังงาน

ลากกันมาถึงระดับน้ำยืนถึงได้ผมก็สละร่างแล้วโกยอ้าวไม่เหลียวหลัง ปล่อยคนบ้าพลังที่ลากกันออกไปถึงกลางทะเลย่ำทรายตามมาตามที่แรงหล่อยังเหลือ เข้าเขตตัวบ้านได้เห็นหลายคนเริ่มรูดกุ้งรูดหมึกออกจากไม้ทั้งที่หัวยังเต็มไปด้วยทรายก็ต้องรีบก้าวกระโดดขึ้นบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วสูงเพื่อจะได้มาร่วมวงหมูหมึกกุ้งกับเขาบ้าง

แต่ไอ้มิคที่ไม่รู้ก้าวทันกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่คว้าคอผมไว้ก่อนมือจะทันได้ดันประตูห้องเปิด ปากร้อนๆแนบลงมาเชื่องช้าอย่างไม่กลัวใครมาเห็น ลิ้นอุ่นชื้นยื่นมาเลียริมฝีปากกันอย่างอ้อยอิ่งจนพอใจเขาแล้วเจ้าของปากก็ระบายยิ้มทิ้งท้ายก่อนผละไปเข้าห้องตัวเอง ปล่อยผมยืนมึนกับอารมณ์เสน่หาของอีกฝ่ายค้างอยู่หน้าห้อง ต้องกระพริบตาเรียกสติสตังค์อยู่เป็นนาทีกว่าจะควานมือไม้ไปเปิดประตูห้องเข้าไปเอาน้ำราดหัวราดหางเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างได้

อะไรหลายๆอย่างที่เกิดในตลาดและหน้าห้องทำให้ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าใจคิด กว่าจะได้คว้าเสื้อยืดตัวใหม่มาสวมหัวลงไปร่วมกินบาร์บีคิวกับทุกคน อีกคนที่เป็นผู้ร่วมเหตุการณ์กันมาก็ยืนปิ้งหมึกปิ้งกุ้งอยู่หน้าเตา ข้างกันมีฮิโรชิยืนพลิกไม้เหมือนมืออาชีพ โดยมีตองจากเบาะหน้ากับน้องสองจากรถอีกคันคอยเสียบเนื้อเสียบสับประรดเข้าไม้คอยส่งยื่น ส่วนคนอื่นจับกลุ่มกินกันอยู่เป็นหย่อมๆไม่ใกล้ไม่ไกล

ผมเดินเข้าไปร่วมวงหน้าเตาบาร์บีคิวแล้วยกมือตบหลังคนที่หันมายิ้มทักกันด้วยใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาด ไอ้มิคยังคงหล่อเทพไม่มีร่องรอยว่าพึ่งดำผุดดำว่ายดำเป็นทุ่นให้ผมเกาะอยู่กลางทะเลมาเป็นชั่วโมง ผิดกับผมที่เห็นหน้าตัวเองแว็บๆในกระจกแล้วถึงกับผงะหลัง หน้าซีดปากเหี่ยวตาแดงเป็นปืด มือเปื่อยเท้าเปื่อยหมดสภาพความหล่อไปถึงไหนต่อไหน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าหรือไอ้มิคจะมีครีมวิเศษซุกซ่อนไว้ใช้เป็นการส่วนตัว

ฮิโรชิพลิกไม้นี้วางไม้นู้นมือเป็นระวิงเหมือนตกอยู่ในโลกส่วนตัว น้องสองจากรถอีกคันที่ยังไม่ได้คุยกันแม้แต่หนึ่งประโยคสนทนาเงยหน้ามายิ้มตอบการยิ้มกราดจากผม ส่วนตองจากเบาะหน้าปรายตามาตกเหมือนเห็นหัวหลักหัวตอโผล่ขึ้นมาจากพื้นแล้วหันไปชวนไอ้มิคคุยตามเดิม แต่คนโดนชวนคุยกลับหันมาหาผมพร้อมบาร์บีคิวควันฉุยห้าหกไม้ในจานกระดาษ เสียงทุ้มๆส่งมาว่าให้ไปจัดการหาที่นั่งกินก่อนตามสบาย เล่นเอาคนมาที่หลังแต่ได้กินก่อน มาเฉยๆเหมือนมากินแรงคนอื่นอย่างผมต้องรีบกระตุกปากปฏิเสธแทบไม่ทัน

“เอาไปเถอะพี่กิม มีคนย่างให้กินอย่างนี้จะมาเล่นตัวทำไม” ตองจากเบาะหน้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วตอบรับคำปฏิเสธของผมทันควัน

“สองกับตองเอาไปดีกว่า หน้าเตามันร้อน เดี๋ยวพี่ทำเอง”

ผมทำหูทวนลมพลางเอื้อมมือไปหยิบไม้จะมาเสียบของสด แต่โดนคนที่ยืนอยู่ก่อนตีมือดังเพี๊ยะ เสียงจากน้ำหนักมือบ่งบอกว่าตีจริงไม่ตีเล่น

“ร้อนก็ยืนมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมายุ่ง” หากฟังแต่เสียงไม่มองหน้าจะคิดได้ว่าคนพูดกำลังงอนรอให้ผมง้อ เหมือนคนเป็นแฟนเขางอนกัน แต่ถ้าเห็นหน้าเห็นสายตาตองจากเบาะหน้าเหมือนที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าชีต้องการประกาศความเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผย

ผมรีบกระทุ้งศอกเข้าเอวไอ้มิคที่กำลังจะเปิดปาก เพราะรู้ดีว่าปากสวยๆของเพื่อนจะเปิดออกมาให้สาวได้หน้าม้านจนมองหน้ากันไม่ติด แต่ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากตอบโต้ด้วยตัวเอง เสียงแหบห้าวที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันก็โพล่งออกมาแก้สถานการณ์ไว้เสียก่อน

“เอ่อ งั้นสองเอาไปนะ… พี่กิมมากินด้วยกันสิ”

น้องสองเอ่ยปากชวนผมเหมือนรู้จักมักจี่กันมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง พร้อมมือที่ยื่นไปรับจานบาร์บีคิวจากไอ้มิค

ผมรีบสอดมือเข้าไปช่วยน้องสองที่แม้จะยังไม่ได้คุยหรือแม้แต่แนะนำตัวแต่รู้สึกถูกชะตากันขึ้นมากะทันหัน รับจานจากมือคนข้างๆแล้วตบไหล่เจ้าของจานไปเบาๆเป็นเชิงว่ากูหายหน้าไปก่อนจะเป็นการดี แล้วเดินตามสาวเจ้าของเสียงแหบห้าวไปที่โต๊ะไม้ริมรั้ว

รอบโต๊ะไม้นั่งล้อมวงกันอยู่สี่ชีวิต หนึ่งพี่ชายสอง สาวหน้าใสตัดผมม้าเต่อที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนสนิทน้องสอง มินท์และสตีฟที่กำลังกระดกโค้กให้เกิดเสียง ส่วนมิกาเอลกับแอนนาแอบไปนั่งกินหมึกกินไก่อยู่กับเดอะร็อคที่ถึงขนาดมีจานวางไม้ของตัวเองอยู่ข้างๆ

ผมกวาดตามองแล้วยิ้มกราดไปทั่วหน้าตามประสาคนมีมิตรไมตรีก่อนวางจานลงแถวที่ว่างแล้วทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่นานๆจะได้งัดออกมาใช้ เดินไปยกโค้กยกแป็บซี่มาอีกสามถ้วยพลาสติกเผื่อคนที่อุตส่าห์ชวนกันมาร่วมโต๊ะ แล้วหย่อนก้นนั่งตรงที่เหลือๆซึ่งก็มีไม่มากนักพลางลงมือจัดการหมูหมึกกุ้งไก่ที่ได้รับแจกมาอย่างไม่สนใจจะเข้าร่วมวงสนทนา ปล่อยคนอื่นกินๆคุยๆกันไปโดยผมทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีไม่มีเปิดปากนอกจากการรูดหมูออกจากไม้

กินไปได้สามสี่ไม้จิตใจค่อยสงบ ค่อยมีอารมณ์จะเปิดปากเออออห่อหมกไปตามเพื่อนร่วมโต๊ะระหว่างเหล่สายตาไปอยู่ที่อีกคนที่ยังยืนอยู่หน้าเตา คนที่ผมหันไปมองแทนหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะระหว่างคุยกันไปเรื่อยเปื่อยยืนหันหลังมาทางนี้

ไอ้มิคที่ยืนพลิกไม้ปิ้งอยู่ที่เดิมมีสีหน้ายังไงผมไม่เห็น จะเห็นก็แต่หน้าแฉล่มของตองจากเบาะหน้าที่ส่งไม้เสียบของสดให้อีกฝ่ายระหว่างชวนคุยไม่หยุดปาก เสียงเจื้อยแจ้วที่เดี๋ยวพูดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ฝ่ายเดียวดังจนได้ยินมาถึงนี่

ถึงจะไม่เห็นว่าไอ้มิคมีสีหน้าแบบไหน หัวเราะไปกับการชวนคุยที่แสนจะออกรสออกชาตินั่นหรือไม่แต่แค่เห็นอาการสาวที่มีต่อแฟนเราแล้วมันก็ให้รู้สึกคันยิบๆในหัวใจ ถ้าเป็นสาวอื่นอาการคันอาจไม่เข้าขั้นกลากเกลื้อนไม่ตะกุยเกาไม่หายขนาดนี้ แต่เนื่องจากเป็นสาวที่ประกาศความเป็นศัตรูหัวใจกันอย่างออกนอกหน้า หัวใจผมเลยคันยิบๆจนถ้าไม่หาอะไรมาแถถูไถคงจะทนไม่ได้

ผมรูดหมึกชิ้นสุดท้ายออกจากไม้ เคี้ยวหมึกที่รูดออกมาแรงเกินความจำเป็นจนรู้สึกปวดกรามหนึบๆ ก่อนลุกออกจากโต๊ะพร้อมจานเปล่ากับโค้กในมือ เดินดุ่มๆเข้าไปหาคนที่ยืนหันหลังให้กันจากสองตาที่เห็น ตองจากเบาะหน้าเหมือนจะชะงักจังหวะการคุยทันทีที่เหลือบมาเห็นผมแต่ยังแกล้งทำเหมือนเห็นหัวหลักหัวตอผุดขึ้นมาจากพื้น ส่งไม้เสียบพริกหยวกพร้อมยิ้มหวานๆให้อีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเหมือนไม่เห็นใคร

ผมเดินเข้าไปซ้อนหลังร่างสูงใหญ่ในเสื้อกล้ามโชว์แขน วางจานเปล่าลงบนขอบกระบะใส่ของสดแล้วเอื้อมมือไปเกี่ยวเอวคนข้างหน้าไว้หลวมๆในลักษณะอาการประมาณเพื่อนสนิท ส่งยิ้มยิงฟันให้หนึ่งสาวหน้าเตาที่เงยมามองกันตาแทบถลน

“อ่ะ เอาน้ำมาให้”

ผมบอกพลางยกโค้กในมือขึ้นให้ถึงปากคนที่หันมา เลื่อนแขนไปพาดไหล่แล้วเกี่ยวนิ้วขึ้นเช็ดเหงื่อข้างแก้มอีกฝ่ายเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทั้งที่ความจริงแอบเสียวสันหลังอยู่ว่าป้าเขาแม่เขาจะเหล่มาเห็นอาการไอ้กิมลวนลามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหรือไม่

คนที่ผมจ่อโค้กให้ถึงปากก็ช่างเล่นตามบท ไหลตามน้ำถึงขั้นน่าจับแจกตุ๊กตาทอง ไอ้มิคจิบโค้กไปอึกใหญ่แล้วซบทั้งหน้าลงมาบนไหล่ผมเป็นการเช็ดเหงื่อก่อนเงยขึ้นมาบอกขอบอกขอบใจกันเหมือนทั้งลานบ้านนี้มีเพียงเราสอง หัวดำหัวหงอกกลายเป็นหัวหลักหัวตอยิ่งกว่าหัวผมในสายตาตองจากเบาะหน้า เล่นเอาผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายร้อนตัว มือไม้กระตุกออกจากไหล่แน่นๆแล้วขยับห่างออกมาเล็กน้อย ยอมรับว่าใจยังไม่ด้านพอ

“มา เดี๋ยวกูทำเอง มึงไปนั่งกินดิ เปลี่ยนกัน”

ผมกระตุกปากบอกไปไม่ค่อยเต็มเสียง หลุดบทแบบหลุดลุ่ยเพราะความร้อนบนหนังหน้า ที่ท่าจะไม่ได้เกิดจากไฟจากเตาปิ้งย่าง

“ดีเลย” คนที่ยังถลึงตามองผมอยู่ไม่เลิกลาร้องออกมาเสียงใสผิดกับหน้าที่เริ่มเบี้ยว แล้วหันไปทางไอ้มิคเต็มตัว “ไปกินกันมั่งดีกว่าค่ะ ตองหิวแล้ว”

“ไปกินเลย”

ไอ้มิคไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองสาว เสียงทุ้มเรียบเฉยเหมือนไม่เห็นว่าที่คนชวนแขวนท้องไม่ยอมไปไหนจนถึงป่านนี้ก็เพื่อรอตัวเอง

คนโดนบอกปัดถึงกับชะงักกับคำปฏิเสธแต่ยังมีไอคิวอีคิวพอที่ไม่ต่อความยาวสาวความยืด คาดว่าคงได้ยินได้ฟังอะไรเกี่ยวกับความขี้รำคาญของพระเอกในดวงใจมาจากเพื่อนอยู่ไม่น้อย ตองจากเบาะหน้าหันมาเขวี้ยงค้อนให้ผมวงเบ่อเริ่มก่อนตบเท้าย่ำทรายห่างไปพร้อมบาร์บีคิวเต็มจาน ตามไปด้วยฮิโรชิที่เหมือนพึ่งหลุดออกจากโลกส่วนตัว

หน้าเตาบาร์บีคิวเหลือแค่ผมกับไอ้มิคที่เริ่มลำเลียงหมูหมึกกุ้งเสียบไม้ย่างลงจากเตามาใส่จานกระดาษ แล้วอยู่ๆคนที่หยิบสับปะรดย่างไม้สุดท้ายออกจากเตาก็หันมาขอโค้กกินอีกคำ ผมส่งถ้วยโค้กให้ไปบริการตัวเองแล้วหันไปหาข้าวของที่จะต้องยก แต่คนที่ยืนอยู่ติดกันกลับเฉย หน้าหล่อเหลาระบายยิ้มระหว่างพยักเพยิดมาที่ถ้วยพลาสติกแล้วยกสองมือของตัวเองที่ถือจานบาร์บีคิวอยู่เต็มให้ดู ใช้ภาษากายบ่งบอกเป็นนัยว่าต้องการบริการโค้กจ่อถึงปากอีกครั้ง

ผมยกถ้วยในมือขึ้นแทบเสยคางอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ ไอ้มิคถึงกับผงะก่อนเปิดหัวเราะแล้วก้มลงจิบน้ำแบบถ่วงเวลา ชั่วแว็บหนึ่ง ชั่วขณะที่ตาสีอ่อนจางเงยขึ้นมาสบกับตาผม เพียงไม่กี่วินาทีที่รอยยิ้มในดวงตาสีอ่อนเปิดเผยให้ได้เห็น เป็นชั่วขณะที่ทำให้ผมรู้สึกว่าหัวใจกระตุกอย่างรุนแรง หัวใจกระตุกก่อนตกดิ่งทิ้งตัวหายไปจนหาไม่เจอ

ไม่รู้ว่าผีฟ้าห่าทะเลหรืออะไรดลใจทำให้ความรู้สึกมันเกิด ผมดึงมือกลับมาข้างตัวขณะมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ที่เดินนำออกไป ต้องสั่นหัวแรงๆหลายครั้งให้ความว่างเปล่าที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงกระเด็นหายไปจากความคิด ความว่างเปล่าวูบโหวงกับภาพความเฉยชาไม่แยแส

สิ่งที่ไม่อยู่ในความสนใจมีความหมายเทียบเท่าอากาศธาตุในสายตาอีกคู่ เหมือนตองจากเบาะหน้า เหมือนผู้หญิงอีกนับสิบนับร้อยที่โดนตาคมๆคู่นี้มองผ่านเหมือนไม่มีตัวตน ตาคมๆคู่เดียวกันกับที่สะท้อนภาพผมซ้อนออกมากับรอยยิ้ม วันนี้ยังสนใจ ยังมองเห็นกัน แล้วถ้าวันที่เจ้าของสายตามองผ่านผมไปเหมือนหมดความสนใจมาถึง มันจะเป็นยังไง

“เฮ้”

เสียงทักข้างตัวเล่นเอาผมสะดุ้งออกจากโลกส่วนตัวที่เริ่มจะอึมครึม ปากกระตุกทักตอบไปก่อนจะได้กวาดตามองว่าคนทักเป็นใคร

“คืนนี้จะมากางเต็นท์นอนรับลมจริงรึเปล่า” คนถามยื่นมือมาพลิกไม้บนเตา ก่อนต่อเหมือนชวนคุย “ตั้งแต่มายังไม่ได้รู้จักกันเลย เราหนึ่งพี่ชายไอ้สอง”

“… กิมครับ” ผมตอบออกไปโดยอัตโนมัติมากกว่าจะผ่านการประมวลความคิด แล้วก็ได้เห็นอาการเลิกคิ้วจากอีกฝ่าย

“โห สุภาพว่ะ ผมนึกว่าคนกันเอง” คนตรงข้ามผมบอกหน้านิ่งพลางหยิบบาร์บีคิวลงจาน

“ผมมันคนขี้อาย คุยกับใครครั้งแรกต้องสุภาพนำไปก่อน” ผมทำเสียงขรึม “ดูเชิง”

“…………” คนที่นึกว่าโดนดูเชิงถึงกับอึ้งไป

“เฮ้ย ล้อเล่น… ที่จริงเราเคยเห็นนายแล้วที่มหาลัย” ผมว่าพร้อมรอดูปฏิกริยาจากอีกฝ่าย ไม่แน่ใจจนไม่กล้าต่อประโยค

“เราก็ว่าหน้านายดูคุ้นๆ” หนึ่งมองผมตกเป็นนาทีก่อนต่อ “แต่นึกไม่ออกว่าเห็นมากจากไหน”

เป็นคำตอบที่ทำให้หายใจโล่งขึ้นได้อีกหลายระดับ สรุปว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้ว่าเคยโดนไอ้กิมเอ่ยปากชวนมาเป็นหวานใจอะไรทำนองนั้น

“จากโรงช้างมั้ง เราเป็นเพื่อนไอ้โอ้” ผมตอบให้พลางย้ำความมั่นใจ “เห็นนายบ่อยๆตอนเล่นบาส”

“เหรอ” หนึ่งยกมือเกาแก้ม “โรงช้างคนเยอะ ยังอุตส่าห์มาคุ้นหน้ากันได้… เอาไว้ถ้ามีแพลนขึ้นภูจะมาชวน จะได้ไปนอนกลางดินกินกลางทรายให้สบายใจ มีกิมไปด้วยคงหายห่วง”

ผมหัวเราะรับคำที่อีกฝ่ายเหมามาจากเมื่อเย็นก่อนตั้งข้อสังเกต “นายดูไม่เหมือนคนชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขา”

“ไม่ได้ชอบมากไปกว่าเที่ยวเมือง แต่นานๆทีก็ดี” เสียงเข้มว่ามายิ้มๆ “เปลี่ยนบรรยากาศ”

ผมคุยกับอีกคนที่กลายมาเป็นเพื่อนใหม่อีกสองสามประโยคก่อนหันกลับมาเจอร่างสูงใหญ่ของไอ้มิคยืนอยู่ข้างหลัง ไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้อย่างที่ควรเป็นทำให้ไม่รู้ว่าหยุดยืนอยู่นานเท่าไหร่ ชั่วแว็บที่เหลือบมาเห็นว่าใครลุกมายืนคุมอยู่ข้างหลังเล่นเอาต้องสูดอากาศเข้าปอดให้เต็มกำลังใจสำหรับการแจกแจงบทสนทนา

ผมหันกลับไปเต็มตัว คาดไว้ว่าต้องเจออาการหรี่ตามองกับใบหน้าบึ้งตึงอาจถึงขั้นเหี้ยมเตรียมข่มขู่ แต่เปล่าเลย คนที่รอให้ผมหันไปหากลับพยายามคลายปมคิ้วก่อนหลุบตาหนีกันไป ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างแต่ก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนเป็นฝ่ายหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ได้เหลือบแลกลับมาที่ผมแม้แต่น้อย

ปฏิกริยาจากไอ้มิคเป็นอะไรที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอ เรียกว่าแปลกประหลาดจนได้แต่ยืนมึนเหมือนรากงอกลงไปในทราย ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินหายไปกับชายหาดที่ฟ้าเริ่มโรยตัวจนต้องเพ่งตามอง เป็นครู่กว่าสมองจะสั่งให้ก้าวตามแผ่นหลังที่กลายเป็นจุดเล็กๆในสายตา

ผมสาวเท้ายาวจนเกือบเป็นวิ่งตามคนที่เดินเรียบไปตามริมหาด รู้ว่าควรส่งเสียงเรียกแต่ปากกลับง้างไม่ออกจนขัดใจ สุดท้ายพอย่นระยะให้ตามได้โดยไม่ต้องวิ่งก็เปลี่ยนเป็นเดินเรียบหาดตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ เสียงคลื่นกระทบฝั่งกับเสียงย่ำเท้าของคนที่เดินอยู่ข้างหน้าทอดเป็นจังหวะกลางแสงสลัว ภาพที่ไอ้มิคหลุบตาหนีเหมือนตัดความสนใจ เหมือนไม่ต้องการมองเห็นกันแทรกตัวมาตามเสียงคลื่นถี่กระชั้นจนผมหมดความอดทน ต้องตะโกนส่งเสียงตัวเองแทรกเข้าไปในบรรยากาศ

“เมื่อยแล้ว จะเดินไปถึงไหนกันหา” ผมทำเสียงเข้มข่มอารมณ์ตัวเอง

“หิวด้วย ป่านนี้บาร์บีคิวคงเหลือแต่ไม้เสียบ โค้กคงเหลือแต่ขวด” ส่งเสียงให้ดังเข้าไปอีก

“… ทำเป็นเมินคิดว่าเท่ห์หรือไง ไม่เท่ห์เลย ห้ามเมินกันนะโว้ย” แต่คนข้างหน้าผมก็ยังเดินไปเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ยินเสียงแหกปากโวยวาย

“… บอกว่าอย่าเมินกันไง! หันมาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้มิค”

ผมโพล่งออกไปเต็มเสียงพร้อมหยุดเดิน และเหมือนว่าคนที่ทำหูทวนลมมาเป็นนานจะจับบางอย่างในน้ำเสียงของผมได้ ไอ้มิคชะงักเท้าแต่ยังไม่ยอมหันกลับมา

“โกรธอะไรก็พูดมา หันหลังเดินดุ่มๆอย่างนี้กูจะรู้ไหม”

ผมตะโกนถามโดยไม่ได้ย่นระยะห่าง แผ่นหลังที่ยังนิ่งเฉยเหมือนจะส่งความหมายให้รอการตัดสินใจ

เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าอีกฝ่ายจะยอมหันมา ไอ้มิคหมุนตัวกลับสองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เสี้ยวหน้าที่เห็นได้จากแสงจันทร์ยังติดจะเครียดขึงแต่ดวงตาที่ยังหลุบต่ำ ไม่ยอมมองตรงมาทำให้เดาอารมณ์ไม่ได้

“… หึง ใช่ไหมเล่า” ผมทำใจกล้าหน้าด้านเปิดปากกระตุ้นอีกฝ่าย พยายามหาทางหย่อนความตึงของบรรยากาศ “แต่มุขหึงแล้วเดินหนีไม่เหมาะกับมึงเลย น่ารักไปหน่อยเปล่า”

ไอ้มิคไม่ยอมรับมุขหรือต่อคำ ยังคงหลุบตามองพื้นเหมือนใต้ตีนมีอะไรน่าสนใจกว่าหน้าผม จนใจจะเปิดปากเริ่มอะไรใหม่เพราะบรรยากาศรอบตัวคนที่ยืนนิ่งยังขมวดปมไม่ยอมผ่อน แต่เป็นปมที่ผมไม่แน่ใจว่าขมวดอยู่กับอะไร เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเป็นแบบนี้ ไอ้มิคที่ผมรู้จักไม่เคยหวงแล้วถอย ไม่เคยเก็บอาการกับการแสดงความรู้สึก

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดที่รู้สึกหดฟีบแล้วก้าวเข้าไปหาอีกคนที่อยู่ไกลออกไปหลายเมตร หลายเมตรที่ห่างที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา หลายเมตรที่กลายเป็นระยะห่าง ที่ไม่เคยมีระหว่างผมกับอีกฝ่าย

“… ไม่อยากมองหน้ากู ขนาดนั้นเลย”

ผมหยุดเท้าตรงหน้าไอ้มิคด้วยความใกล้ที่แทบจะเหยียบหัวแม่ตีนแล้วถามคำถามที่คาใจจนรู้สึกหน่วงในอก เอาหน้าที่อีกฝ่ายไม่อยากมองเสือกเข้าไปแทบโหม่งปลายคาง

“แล้วมองได้รึเปล่า” ร่างสูงใหญ่ที่โดนผมรุกรานยืดแผ่นหลัง สวนคำถามมาแทนคำตอบ

“กูมีสิทธิ์จะมองรึเปล่า”

“…………”

“ยิ้มแบบนั้น” สายตาที่ทิ้งเข้ามาในตาผมไม่ได้มีแววประชดหรือข่มขู่คุกคาม แต่กลับเต็มไปด้วยคำถามเหมือนประโยคที่พูดออกมา

“มีไว้ให้กูมองหรือไง”

“… พูดอะไรของมึง กูก็แค่คุย”

ผมคว้ามือไอ้มิคมากระชับข้างตัว รู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ความหวง ไม่ตื้นแค่ความหึงเหมือนที่เคยเป็นมา

“คุยไปตามเรื่อง ไม่ใช่ตามใจ” ไอ้มิคไม่ดึงมือหนีแต่ก็ไม่ตอบรับสัมผัส

“… กูก็อยากจะเชื่อ” ปลายนิ้วขาวสะอาดบนมือที่ไม่ได้อยู่ในกำมือผมยกขึ้นเคาะขมับ “ในนี้ มันบอกให้เชื่อ แต่ตรงนี้ ที่นี่ It’s fucking hurt” ฝ่ามือหนาเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง

“… แล้วจะให้กูทำยังไง ต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับหนึ่งมันแล้ว” ผมยังกำอีกมือที่ใหญ่กว่าไว้ชิดติดตัว แม้ว่าเจ้าของมือจะไม่มีแก่ใจ

“ต้องให้กูหลบหน้า ทำหยิ่งไม่พูดไม่คุยกันไปเลยใช่ไหม”

ภาพเก่าที่ไม่ต้องย้อนกลับไปให้นานผุดขึ้นในหัว ภาพความขุ่นมัวจนออกปากไล่อีกฝ่ายหลังกวาดกองเสื้อผ้าพร้อมมาม่าออกจากห้องไอ้อ่ำ วันนั้นผมหงุดหงิดถึงขั้นเสียศูนย์เพราะได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อใจกัน มาวันนี้เรื่องเดิมเหมือนจะย้อนกลับมาใหม่ แต่ไอ้มิคที่เดินหนีกันมา ไอ้มิคที่พยายามคลายปมคิ้วระหว่างยืนหลบหลัง อะไรบางอย่างที่คนตรงหน้าพยายามเก็บซ่อนทำให้ผมยังคงดึงอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กลายเป็นอย่างวันวาน

“ถ้าทำให้มึงสบายใจ กูจะไม่คุยกับหนึ่งอีก”

ผมบอกเสียงอ่อน ยอมเป็นฝ่ายเอนไปในอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่คนฟังกลับมีสีหน้าเหมือนโดนเตะเจาะยางจนตั้งหลักไม่อยู่ ปมคิ้วกดลึกยิ่งกว่าเดิม

“กูนี่มันน่าสมเพช” ไอ้มิคที่แม้ไม่ได้ดึงมือหนี ไม่ได้ก้าวถอยเพิ่มระยะแต่ใบหน้าหล่อจัดกลับบิดเบี้ยวจนเกือบเหยเก “ต้องให้กิมฝืนใจ… แล้วมันจะนานเท่าไหร่กัน”

“ถ้าหมายถึงเรื่องเลิกคุยกั…”

“อีกนานเท่าไหร่ที่มึงจะยังอยู่ตรงนี้” ไอ้มิคขัดขึ้นก่อนผมจะได้จบประโยค น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแหบแห้ง

“ที่ใจของกิมจะยังอยู่กับกู”

คำถามสั้นๆเปรียบได้กับลิ่มที่ทิ่มมากลางใจ จากความหึงหวงกับคนเพียงหนึ่งคนเหมือนจะเปลี่ยนเป็นความไม่แน่ใจ ลามไปเป็นความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ ทั้งที่วันนี้อีกฝ่ายพึ่งบอกกับผมว่าใจที่ได้ไปจะไม่มีวันเปลี่ยน ไม่มีวันคืน ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้ตาผมพร่าพรายพึ่งเอ่ยคำมั่นว่าระหว่างเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

แล้วทำไมกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาทำไมความเคลือบแคลงสงสัยถึงได้หลุดออกมาให้ได้ยิน ทั้งๆที่ผมเองยัดปิดปาก กดความไม่มั่นใจว่าจะเจ็บในวันไหนให้ลึกลงไปจนมองไม่เห็น ทั้งที่ผมแคร์คนตรงหน้าจนไม่อยากเอ่ยถาม ไม่มีวันถามให้คนฟังไม่สบายใจ

“… อาจจะนานกว่ามึงก็ได้ อาจนานจนเลยวันที่มึงอยากได้”

ผมตอบออกไปด้วยเสียงที่ยังคงพยายามให้อ่อน ทั้งที่ในใจมันปั่นป่วนจนอยากตีอกชกหัว อยากตะโกนถามออกไปว่าถามมาได้ยังไงกัน

“อย่าพูดอย่างนี้” ไอ้มิคขัดเสียงเข้ม “อย่าพูด โดยที่ไม่รู้อะไร”

“… ก็แล้วกูต้องรู้อะไรล่ะ! กูไม่รู้หรอกว่าใจมึงคิดยังไงถึงกล้าถามออกมาทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน มึงพึ่งพูดเองว่าใจกูใจมึงจะไม่มีเปลี่ยนไม่มีคืน มึงเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าเราจะมั่นคงไปถึงไหนๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ผมโพล่งออกไปอย่างยั้งไม่อยู่ รู้สึกได้ว่าหัวคิ้วตัวเองขมวดเป็นปมยิ่งกว่าอีกคนที่มองมา

“ถ้ามึงจะหงุดหงิดไม่พอใจเรื่องหนึ่งกูไม่ว่า แต่อย่าเอาเรื่องขี้เล็บอย่างนั้นมาคิดให้ทุกอย่างมันเขว อย่าทำให้สิ่งที่พึ่งเริ่มต้องล้มเพียงเพราะความระแวง ได้ไหมไอ้มิค”

แต่คนตรงหน้าผมกลับเข็งขืน

“มึงไม่เข้าใจ กิม ไม่เข้าใจเลย… ทุกอย่างจากนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน เพราะกูจะไม่มีวันยอมให้เปลี่ยน ตอนได้ยินมึงบอกว่าคิดไม่ต่างกัน ใจกูเต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เต้นแรงกว่าทุกครั้งตั้งแต่เกิดมาแล้วก็คงไม่มีวันไหนที่มันจะทำงานหนักไปกว่านี้”

“แต่ไม่ใช่ แค่ไม่กี่นาทีก่อนกูก็รู้ว่าหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกเมื่อบ่ายมันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ ตอนที่มึงคุยกับไอ้หนึ่ง มึงยิ้ม มองตรงไปข้างหน้า ดูมีความสุขจนกูกลัว”

ไอ้มิคผ่อนลมหายใจหนัก “กับคนอื่นกูไม่สนใจ แต่กับไอ้หนึ่ง มึงถึงขนาดเมาเป็นหมาเพราะมันมาแล้ว…” สายตาที่มองเข้ามาในตาผมเต็มไปด้วยอารมณ์เดียวกับที่หลุดมาเป็นคำพูด

“กูไม่ได้ระแวง แต่กูกลัว… กลัวจับใจ”

“………….”

“… ไม่ใช่มึงคนเดียว ตั้งแต่ต้นมาแล้ว กูต่างหากที่กลัววันที่มึงจะเปลี่ยนใจ” ผมบอกด้วยอารมณ์ที่ไหววูบอย่างประหลาด

“พอกันเลยว่ะ ถือว่าหายกันได้ไหม”

“………….”

“ถ้ามึงถึงขั้นกลัวเหมือนที่กูกลัวแสดงว่ารักจริง งั้นต่อไปกูจะเลิกกลัวแล้วเอาเวลามาทุ่มทำเสน่ห์ มึงจะได้ไปไหนไม่รอด” ผมก้าวถอยเพิ่มระยะห่าง ปล่อยมืออีกฝ่ายที่จับอยู่นาน

“ส่วนกูยังไงก็ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว แค่มึงเดินดุ่มๆหนีมากูยังแทบน้ำตาเล็ด มึงยังจะต้องกลัวอะไรอีก”

ไอ้มิคตอบรับคำสารภาพซ้ำสองของผมด้วยการเป็นฝ่ายขยับย่นระยะ สองมือที่นิ่งเฉยมาตั้งแต่ต้นยื่นมาคว้าคอกันเข้าไปหา แม้ปมคิ้วยังขมวดไม่คลายแต่ความหวั่นไหวในดวงตาที่จ้องตรงมาผ่อนลงจนรู้สึกได้

“… คนที่ไปไหนไม่รอดจริงๆน่ะยืนอยู่ตรงนี้ แค่กิมมองไปทางอื่น ยิ้มให้คนอื่น กูก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” คนที่คว้าคอผมไว้กดหน้าผากเข้ามาจนรับรู้ความอุ่นของลมหายใจ

“เราไม่หายกัน ยังไงก็ไม่… So please look only at me. Think only of me.”

ความดื้อดึงในน้ำเสียงที่ได้ยินอยู่ชิดติดลมหายใจทำให้ผมหุบปากแล้วยกแขนขึ้นกอดคนตรงหน้าแทนคำพูด ใช้สองแขนโอบอีกฝ่ายไว้ชิดติดตัวแทนคำตอบ แล้วพยักหน้าแรงๆโขกหน้าผากไอ้มิค ตอบรับคำร้องขอที่ยังคงได้ยินย้ำอยู่ข้างหู คำขอที่ไม่จำเป็นเลย เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน สองตาผมก็มองไม่เห็นใครอื่นอีกแล้ว



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

มิค คิดมากอ่ะ สงสารจัง แต่พอกิมปลอบก็นะ อิอิ  ช่วยเมนต์หน่อยนะจ๊ะ อีก 7 ตอนก็จบแล้วนะ


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #181 เมื่อ04-09-2010 22:24:30 »

มิคอ่ะ  ขี้หึง จี้ระแวงสุด ๆ เลยอ่ะ  แต่ท่าจะเป็นกับไอ่เอร์สี่นี่คนเดียวล่ะมั๊ง
ส่วนน้องตองก็แรงดีไม่มีตกเลยนะยะ  แหม ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #182 เมื่อ04-09-2010 22:43:50 »

มิคคิดมากไปปร่ะ ทีตัวเองหัวเราะกะนังตองล่ะ เริ่มไม่ปลื้มล่ะ  ชิส์

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #183 เมื่อ04-09-2010 22:49:04 »


ชอบกิมตรงที่รู้สึกอะไรคิดอะไร แล้วพูดออกมา
ไม่อ้ำๆ อึ้งๆ อม ไม่พูด แต่เก็บไว้ แล้วก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหนักเข้าไปอีก
ต่างก้อกลัวจะสูญเสียกันไปแหละ รักกันออก
:กอด1:


ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #184 เมื่อ04-09-2010 22:58:09 »

Look only at me, think only of me..... :o8:

Such a sweet guy! :impress2:

ออฟไลน์ Jimmeiiii*

  • แสงสุดท้าย*
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3161/-192
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #185 เมื่อ04-09-2010 22:59:45 »

มิคอย่าคิดมากดิ..กิมแสดงออกซะขนาดนั้น แต่ก็นะใจมันหึงไปแล้วห้ามไงได้ว่ะ ?!

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #186 เมื่อ04-09-2010 23:00:28 »

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อยากจะตายๆๆๆๆๆๆ
เผื่อเกิดใหม่ชาติหน้าฉันใดจะมีโอกาสได้มองอยู่ที่คนคนเดียว แล้วคนคนนั้นก็มองมาที่เราคนเดียวเช่นกัน หงิงๆ
ซึ้งโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยค่ะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #187 เมื่อ04-09-2010 23:16:55 »

เฮ้อออออ เกือบดรามาแล้วมั้ยหล่ะ

เข้าใจนะว่าหวั่นไหว แต่ควรเชื่อใจมากกว่านี้เซ่

จะเลิกเพราะไอ่ความระเเวงของมิคนี่แหละ ชิชะำไอ่ฝรั่งขี้น้อยใจ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #188 เมื่อ05-09-2010 01:49:20 »

ไม่เม้นได้มั้ย ไม่อยากให้จบ(แล้วที่ทำอยู่เรียกว่าอะไรหว่า :laugh:)
ยาวกว่านี้ไม่ได้หรอ แบบกุ๊กกิ๊กกันไรกันอ่ะ ไปเรื่อยๆยังไม่อยากให้จบเลย
รักกันแรกมันก็อย่างี้อ่ะ อารมณ์ยังไม่มันคงพอ สั่นไหวได้ง่าย
เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ทุกสิ่ง :กอด1:

HappyMelon

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #189 เมื่อ05-09-2010 01:52:15 »

มิคขี้ระแวง กับคิดมากจังเลยเน้อ
แต่เพราะรักแหละน๊า เลยเป็นแบบนี้
ต่อจากนี้ก็รักกันให้มากๆนะคร้า
เรื่องเริ่มต้นแล้วอย่ามีดราม่าใส่กันนักเรย
คนอ่านลุ้นไปตามๆกัน ฮ่าๆ
ว่าแต่คืนนี้กิมกับมิค จะอิ๊อ๊ะๆ กันป่าวอ่า หึหึ :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
« ตอบ #189 เมื่อ: 05-09-2010 01:52:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






4life

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #190 เมื่อ05-09-2010 01:55:42 »

ไอ้มิค ก่อนที่จะหึงคนอื่น
ตูว่า เเกไปเคลียร์กับชะนีกระหายผัวก่อนดีกว่านะ 

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #191 เมื่อ05-09-2010 09:58:02 »

ยิ่งรักมากเท่าไหร่

ก็ต้องยิ่งระเเวงมากเท่านั้น

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #192 เมื่อ05-09-2010 10:39:59 »

โอ๊ยจะมีศึกชิงกิมไหมเนี้ย

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #193 เมื่อ05-09-2010 10:44:10 »

กรี๊ดดดด จะจบแล้วเหรอ ยังไม่อยากให้จบเลย  :m15:

มิครู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าโดนนังชะนีตองเล็งอยู่ มัวแต่หึงหนูกิมอยู่นั่นแหละ

cmos

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #194 เมื่อ05-09-2010 12:05:41 »

ฮ่วย ระแวงกันไประแวงกันมาอยู่นั่นหล่ะ

van

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #195 เมื่อ05-09-2010 12:16:52 »

เชื่อใจกิมเถอะค่ะ.....มิค....
สงสารกิมที่หัวใจจะวายตายเวลามิคหึงแต่ละที...แต่คนอ่านฮา....555+
ขอบคุณคนเขียนนะคะ :L1: จะรอตอนต่อไปคร่าาาาาา..... 

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #196 เมื่อ05-09-2010 13:04:46 »


อย่าคิดมาก อย่าระแวงไปเลยมิค

รักกันก็ต้องเชื่อใจกันนะ

+1 ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #197 เมื่อ05-09-2010 13:13:35 »

สนุกจังเลยค่ะ :-[
เรื่องนี้รักพระเอกเลยคนเดียว กรี๊ดด ><!~
อีก 7 ตอนจะจบแล้ว เร็วมากๆ
เป็นกำลังให้คนโพสต์ รีบมาต่อนะคะ~

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #198 เมื่อ05-09-2010 16:23:15 »

แต่ละคำพูดและแต่ละความคิดโดยเฉพาะมิคอ่านแล้วทำให้ใจละลายได้เลยนะ
หากเชื่อมั่นในรักและมีความมั่นคงระหว่างกันแล้ว ความระแวงและความหึงหวง
คงจะหมดไปได้ ที่มิคหึงและระแวงกิมก็มีเหตุผล แถมมาเจอศัตรูหัวใจตัวเป็น ๆ
อยู่ใกล้ ๆ กิมอีกเป็นใครจะไม่ระแวงและหึงบ้าง จะรออ่านตอนต่อไป น่ารักจัง :pig4:

Killua

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #199 เมื่อ05-09-2010 16:35:45 »

รักมาก ก็ต้อง คิดมาก ระแวงมาก หึงมาก หวงมาก จนต้องกลัวมาก
มิคไม่ต้องกลัวนะลูก ยังไงนู่ก็ต้องได้เป็นพระเอกเรื่องนี้แน่นอน
เจ๊จะเอาของมาเซ่นไรเตอร์ คิคิ
+1 ให้ไรเตอร์ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
« ตอบ #199 เมื่อ: 05-09-2010 16:35:45 »





ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที10.....(4/09/10)
«ตอบ #200 เมื่อ05-09-2010 20:44:57 »

ง่า ทำไงมิคจะเชื่อใจกิมเนี่ย  :เฮ้อ:

อีก 7 ตอนเองเหรอ  o22

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #201 เมื่อ05-09-2010 21:25:22 »

ขอชี้แจงอีกรอบเน๊อะ  คือเราไม่ใช่คนเขียนเรื่องนี้นะจ๊ะ เรื่องนี้เป็นผลงานของคุณหมีน๊า

รักจัง.........ตอนที่11

ขณะนี้เวลาห้าทุ่มสิบนาที ผมยกมือถือขึ้นดูชื่อคนโทรแล้วหันไปบอกไอ้มิคเบาๆก่อนลุกออกมาจากวงอินเตอร์สังสรรค์ กดโทรศัพท์รับสายแม่ที่โทรมาเช็คความประพฤติลูกชายระหว่างวันหยุด คุยนู่นนี่นั่น อัพเดทเรื่องทางบ้านและแถวบ้านที่คนโทรมาทำเป็นกิจวัตรแล้วกดวางสาย ก่อนเดินกลับไปเข้าวงไพ่ที่ตั้งกันอยู่แถวตีนบันได

“แทงเสีย แทงเสีย ใครแทงเท่าไหร่เสียมา เจ้ามือไม่มีถอย” เสียงตองมือตบตะโกนเรียกลูกค้าอยู่รอบวง แสดงว่ารอบนี้เจ้เป็นเจ้ามือ

“ม่ายมีเสดแล้ว ขอแลกโหน่ย”

มิกาเอลหันไปหาน้องมินท์ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายแล้วยื่นแบ็งค์ยี่สิบไปแลกเหรียญห้าเหรียญบาทกลับมากองที่หน้าตัก

ร่วมทริปกันมาทั้งวันพึ่งจะมาได้ยินภาษาไทยจากน้องชายไอ้มิคเอาก็ในวงไพ่ เขาถึงว่าการพนันเป็นภาษาสากล สามารถง้างปากฝรั่งให้พูดไทยได้และฝรั่งที่พูดไทยไม่ได้อย่างฮิโรชิกับสตีฟก็ยังอุตส่าห์สวมบทเจ้ามือกินรอบวงไปแล้วหลายรอบ มหัศจรรย์เกินจะกล่าว

“โห มือขึ้น บอกแล้วให้แทงตาละสิบไปเลย” ผมนั่งลงเยื้องๆจากไอ้มิค แอบเหล่ไพ่มันแล้วเริ่มข่มขวัญเจ้ามือทันที “เจ้ามือจ่ายชัวร์”

“เสียใจ เอ้า สามเด้ง เปิดเลย” เจ้ามือเหมือนโดนลูกยุผมจิ้ม ปาไพ่เปิดกลางวงทันที

แล้ววงไพ่ก็ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ทั้งไทยทั้งฝรั่งไม่มีใครยอมใคร นั่งหน้านิ่วหน้ายิ้มข่มกันเองจนเริ่มไม่แน่ใจว่านี่มันไพ่กระชับมิตรหรือไพ่แห่งศักดิ์ศรีวงตระกูล ขนาดมีการพักเบรคไปเกากีตาร์ให้คึกครึ้น ก็เกาได้เพลงสองเพลงก่อนกลับเข้าวงมานั่งนับเลขกันใหม่ กว่าวงจะแตกได้แยกย้ายกันไปนอนก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง

“… ฝันดีเว้ย” ผมบอกคนที่ยังยืนอยู่ที่หัวบันได มือยื่นไปจับลูกบิดดันประตูเปิด

“ครับ… ฝันดีกิม” ไอ้มิคยกยิ้มจางแล้วหยุดนิ่ง เหมือนจะรอให้ผมเปิดประตูเข้าห้องไป

ผมก้าวเข้าห้อง ความหาสวิตซ์ไฟแล้วดึงประตูปิดโดยไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย ในห้องค่อนข้างเย็นเพราะหน้าต่างที่เปิดรับลม ผ้าเช็ดตัวผืนหนาที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ข้างเตียงยังออกจะชื้นตอนที่คว้ามันเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเป็นรอบที่สามของวัน

ผมล้มลงบนเตียงตอนที่มือถือบอกเวลาตีหนึ่งครึ่งพอดิบพอดี นอนหงายมองมุ้งคลุมเตียงระโยงระยางแล้วนึกสยองไปถึงหนังผีที่เคยดูตอนเด็กๆ บ้านไม้หลังใหญ่ เตียงมีมุ้งโยงเป็นสาย ตัวเอกตื่นมากลางดึกเพื่อเจอผียืนมองทะลุมุ้งอยู่รอบเตียง ตอนเด็กไปบ้านย่านอนบ้านไม้ทีไรเป็นต้องนึกถึง คืนนี้อยู่ดีๆมานึกได้น่าจะเก็บเอาไปฝันให้มันส์ไปทั้งคืน

ผมพลิกตัวตะแคงเข้าท่าประจำแล้วข่มตาหลับก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เวลาบนมือถือคือตีสองสิบห้า สี่สิบห้านาทีที่นอนไม่หลับกระสับกระส่ายและยังไม่รู้สึกง่วงงุนแม้แต่น้อย ถามว่าทำไมนอนไม่หลับ กลัวผีนอกมุ้งหรืออย่างไร คิดว่าไม่ใช่เพราะจากประสบการณ์ถ้าเกิดอาการกลัวผีเมื่อไหร่ผมเป็นต้องชิงหลับหนีผีไปก่อนเป็นอันดับแรก

คืนนี้นอนไม่หลับไม่ใช่เพราะกลัวผีมายืนรอบเตียงแต่มันรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในอก รู้สึกว่าความคิดไม่ค่อยเข้าที่พอๆกับที่รู้สึกว้าวุ่นอยู่ในใจ เป็นอาการประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่ป่านนี้คนอื่นคงหลับลึกไปถึงไหนๆโดยเฉพาะคนที่อยู่ห้องติดกันนั่น

ผมลุกออกจากเตียงในที่สุดแล้วเดินไปเปิดประตู ถ้าได้ดื่มน้ำดื่มนมสักแก้วหนังท้องอาจตึงหนังตาอาจหย่อน ว่าแล้วก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันใด ผมเปิดประตูออกไปแล้วชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องเพราะแผ่นหลังของใครคนหนึ่งบนมุมระเบียง เสียงเปิดประตูห้องจากผมก็ทำเอาอีกฝ่ายชะงักไปเช่นกัน

“…………”

“…………”

ไอ้มิคนั่งหมิ่นเหม่อยู่ขอบระเบียง ในมือมีมวนบุหรี่ที่พึ่งยกขึ้นสูบ ข้างตัวมีกระป๋องเบียร์สองสามใบบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงนั่งอยู่ตรงนี้มาได้สักพัก

“เฮ้”

เสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหูเอ่ยเป็นเชิงทัก ก่อนมวนบุหรี่จะถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง ควันเจือจางที่ถูกปล่อยให้ล่องลอยทำให้บรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายออกจะแปลกตาจนรู้สึกไม่คุ้นเคย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไอ้มิคสูบบุหรี่

“… ยังไม่นอน”

ผมถามพร้อมก้าวออกจากห้อง อาการกระสับกระส่ายไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่เหมือนจะเพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกตีบตัน

“… คิดอะไรไปเพลินๆ นอนไม่หลับหรือไง” ไอ้มิคเอ่ยประโยคถามมาลอยๆ สายตาสีอ่อนในแสงสลัวมองผ่านออกไปในความมืดนอกระเบียง

“คอมันแห้ง ว่าจะลงไปเอาน้ำ” ปากผมว่าอย่างนั้นแต่กลับยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วจ้องมองอีกฝ่ายที่หันหน้าหนีกันไป

“ในห้องมี อยู่ข้างโต๊ะ”

ไอ้มิคยังคงมองอะไรบางอย่างที่ไกลออกไป แต่คงรู้สึกได้ว่าผมยังแน่นิ่งไม่ไหวติง ร่างสูงใหญ่ที่ยิ่งดูใหญ่โตในแสงสลัวเลยลุกขึ้นยืนก่อนก้าวเข้าไปในห้องตัวเองแล้วกลับออกมาพร้อมน้ำหนึ่งขวด

“พรุ่งนี้จะออกกันกี่โมงวะ” ผมยื่นมือไปรับขวดน้ำ สังเกตเห็นความขาวของผิวมือที่ตัดกับแสงจันทร์บนมืออีกฝ่าย

“คงบ่ายๆ” ไอ้มิคตอบพลางนั่งลงที่เดิม มวนบุหรี่ถูกยกขึ้นสูบอีกครั้ง เจ้าของมืออัดควันเข้าปอดเนิ่นนานก่อนขยี้ส่วนที่เหลือลงขอบกระป๋องเบียร์ “ถึงกรุงเทพคงไม่เย็นนัก”

ผมรับคำในคอแล้วมองดูควันสีขาวที่ค่อยๆจางหาย เปลี่ยนเป็นความเงียบที่ไม่คุ้นชินล่องลอยอยู่ในบรรยากาศ ผมไม่ชวนคุยเพิ่ม อีกคนที่นั่งอยู่ก่อนก็ไม่เดือดร้อนจะเริ่มบทสนทนา ไอ้มิคนิ่งเงียบและยังคงทิ้งสายตาอยู่ในความมืด

“… กูไปนอนดีกว่า ดึกเลยเวลานอนมานานแล้ว”

ผมบอกเบาๆแล้วเดินกลับห้อง มือยื่นไปพลักประตูเปิดตอนที่ได้ยินเสียงเรียก

“กิม”

“…………”

เสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหู สายตาสีอ่อนจางในความสลัวที่มองแทบไม่เห็นความรู้สึกจ้องตรงมาที่ผมก่อนเจ้าของจะหลุบตาลงแล้วเงยมาสบกันอีกครั้ง ผมไม่แน่ใจว่าสายตาที่ละหนีกันไปหมายความอย่างไร แต่ดวงตาหนึ่งคู่ที่จ้องกันอยู่ตอนนี้กลับยังคงให้ความรู้สึกไม่คุ้นชิน ไม่คุ้นเคยเหมือนสายตาที่อีกฝ่ายมีให้กันมาเสมอ ไอ้มิคไม่เคยมองผมเหมือนไม่อยากจะเข้าใกล้ เหมือนเข้ามาใกล้ไม่ได้อย่างนี้มาก่อน

“Sweet dream”

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #202 เมื่อ05-09-2010 21:27:07 »

ไม่รู้ว่าเพราะเสียงทุ้มต่ำไม่คุ้นหู สายตาไม่คุ้นเคยหรือความว้าวุ่นในอกที่ตีจนเหตุผลทุกอย่างมันกระเจิงที่ทำให้ผมหันหลังให้ประตูแล้วก้าวยาวๆเข้าไปคว้าคอคนที่ยังยืนนิ่ง โน้มต้นคอคนที่รู้สึกคิดถึงจับใจทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ลงมาแนบริมฝีปาก

คนที่โดนผมถลาเข้าไปหาเกร็งตัวขึ้นฉับพลัน ริมฝีปากที่แนบลงมาแม้จะอุ่นร้อนแต่กลับเย็นชืดในความรู้สึก เหมือนเจ้าของไม่ยินยอม ไม่เต็มใจในการกระทำ ไม่ต้องรอให้นาน ผมเองที่รู้สึกเหมือนหัวใจโดนบีบอัดต้องเป็นฝ่ายดันตัวออกจากความเฉยชาจากคนที่ยืนอยู่ชิดติดกัน แต่แล้วคนที่ยืนนิ่งเหมือนปฏิเสธกลับคว้าคอผมกลับไปหา ปากร้อนๆประกบลงมาอีกครั้งแบบเร็วแรงจนเกือบเซถอย

“กิม”

เสียงทุ้มต่ำเรียกอยู่ชิดติดริมฝีปาก คำเรียกแผ่วเบาแต่หนักหน่วงไปด้วยความรู้สึก ปากอุ่นร้อนพึมพำอะไรบางอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้เพราะความสนใจทั้งหมดพุ่งไปอยู่กับปากอีกคู่ที่นวดคลึงอยู่ไม่ห่าง

ทั้งปากทั้งลิ้น ทั้งคำเรียกที่ถาโถมเข้ามาทำให้รู้สึกมึนเมา ผมยกแขนขึ้นกอดคอคนตรงหน้า เบียดตัวเข้าไปให้ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ แนบหน้าอกเข้ากับหัวใจอีกดวงพลางพร่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่ขาดปากไม่ผิดกัน

เพราะมึนเมากับสัมผัส เพราะท่วมท้นอยู่ในความรู้สึก รู้ตัวอีกทีระเบียงทางเดินก็กลายเป็นเตียงหลังใหญ่กลางห้อง ผมถูกดันลงนอนพร้อมลมหายใจหนักๆ ลมหายใจที่ผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าของผมหรือของคนที่ก้าวขึ้นมาคร่อมทั้งที่ลิ้นยังรัดรึงกันอยู่ในปาก

ไอ้มิคหายใจหอบหนัก ริมฝีปากที่ละออกไปลากไล่จากแก้มมาข้างหู เสียงพึมพำเรียกชื่อยังมีให้ได้ยินระหว่างความอุ่นชื่นลากลงมาดูดดึงอยู่แถวซอกคอ น้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้เรียกหากับแรงมือที่นวดคลึงไปทุกที่กระตุ้นให้ความรู้สึกผมยิ่งกระเจิดกระเจิง ความคิดที่ว่าไอ้มิคก็กำลังคลั่ง กำลังเมามัวอยู่ในความรู้สึกไม่ผิดกันทำให้ผมยิ่งตะเกียดตะกาย แลบลิ้นไปเลียนิ้วมือที่คลึงอยู่รอบริมฝีปาก และเหมือนเจ้าของนิ้วจะพึงใจ เสียงแหบห้าวครางต่ำก่อนสอดทั้งนิ้วเข้ามาให้ดูดดึง

แม้จะคับแน่นไปทั้งปากจนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกแต่ตอนที่สิ่งที่อมอยู่ถูกดึงออกไปผมก็ถึงกับผวาตามจนผงะขึ้นจากเตียง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักท้วงเสื้อคอย้วยก็ถูกดึงออกจากตัวพร้อมปากร้อนผ่าวที่แนบลงมาบดเบียดจนคิดอะไรไม่ออก ปลายลิ้นร้อนๆกวาดไปทั่วปากก่อนตวัดเข้ากับลิ้นผมแล้วดูดดึงคลึงเคล้าจนสติกระเจิดกระเจิง

ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง รู้สึกมือไม้แขนขาอ่อนเปลี้ยแต่หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ไอ้มิคที่นั่งคร่อมผมอยู่ทั้งตัวไม่ได้ทิ้งตัวตามลงมาแต่ก้มหน้าลงมาบดริมฝีปากแล้วใช้ระยะห่างเป็นที่วาดมือ มือหนาร้อนเป็นไฟบีบเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจหอบหนักอยู่บนต้นแขนผมก่อนจะลากลงมาแถวชายโครงแล้วนวดคลึงหนักๆ

ฝ่ามือไล่ขึ้นมาถึงช่วงอกพร้อมๆกับความหนักของร่างกายที่ทาบทับลงมาปิดระยะห่าง ไอ้มิคทิ้งทั้งตัวลงมาทับแล้วบี้ปลายนิ้วลงบนยอดอกข้างหนึ่งที่เรียกเอาขนทุกเส้นบนตัวผมลุกพรึบพรับ อดไม่ไหวต้องหลุดเสียงครางยิ่งกว่านางเอกหนังเอ็กซ์ในรถตู้เมื่อบ่ายออกไปเต็มคำ ขนาดว่าทั้งปากทั้งลิ้นไม่ว่างเพราะโดนอีกปากที่ร้อนกว่าบดเบียดกินลมหายใจกันอยู่ ผมก็ยังต้องส่งเสียงอู้อี้ด้วยอาการเสียวไปถึงติ่งพรหมจารีให้ผ่านเข้าปากอีกฝ่ายไปหลายคำติดๆกัน

และเหมือนว่าแค่นิ้วจะยังไม่หนำใจ ไอ้มิคดูดลิ้นส่งท้ายจนรู้สึกถึงความเหนียวหนืดที่หยดลงปลายคางในจังหวะที่ปากร้อนผ่านถอนออกไปพร้อมๆกับปลายนิ้วที่ยัดเข้ามาให้ดูดดึง ผมหลับตาอ้าปากฮุบอากาศผ่านซอกนิ้วเพราะรู้สึกว่าแค่จมูกจะเอาชีวิตไม่อยู่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เกร็งไปหมดตั้งแต่ลิ้นในปากถึงปลายหัวแม่โป้ง เมื่อความร้อนชื้นครอบลงมาดูดดึงอยู่บนติ่งเนื้อ

ลิ้นร้อนๆที่เริ่มต้นดุนดันหัวนมผมเหมือนเจอเม็ดบ๊วยเม็ดก๋วยจี้เรียกความเสียวที่ไม่เคยประสบพบเจอในชีวิตนี้ให้พุ่งจากท้องน้อยขึ้นมาอัดอยู่ในจุดที่โดนดูดจนต้องยกมือขยำขยี้ผมเกรียนๆของคนดูดเป็นการผ่อนความเสียวพร้อมม้วนลิ้นตอบรับสองนิ้วที่ขยับนวดคลึงอยู่ในปากจนหายใจหายคอไม่ทัน

แม้ว่าปากร้อนๆกับลิ้นนุ่มๆจะผะไปแล้วแต่ผมยังรู้สึกถึงความเกร็งของหัวนมตัวเองจนเรียบเรียงลมหายใจไม่ได้ และแม้จะรู้สึกได้ว่าสองก้นกำลังโดนขยำจากมือที่สอดเข้ามาในกางเกง ผมก็ได้แต่หอบหายใจพลางบิดตัวตะแคงหนีปากร้อนผ่าวที่ลากเรื่อยลงมาหยุดอยู่แถวท้องน้อย สองมือเปลี้ยๆออกแรงทั้งดึงทั้งดันหัวทุยๆที่ไต่ระดับดิ่งลงไปเกือบถึงของสงวนที่แม้ว่าปลายลิ้นจะลากอยู่นอกเนื้อผ้าแต่ก็เล่นเอาเลือดลมมันสูบฉีดจนความคิดกระเจิดกระเจิง

ผมงอตัวหนีปากที่ครอบลงมาบนความแข็งขืนแต่ไอ้มิคกลับกดหัวตัวเองตามเข้ามาจนกลายเป็นว่าผมหนีบอีกฝ่ายไว้ในซอกขา มือที่สอดเข้ามาในกางเกงออกแรงบีบนวดหนักหน่วงก่อนเริ่มคว้าขอบกางเกงแล้วรูดลงแทบเป็นกระชาก ไอ้มิคละหน้าออกไปอึดใจเพื่อดึงขอบกางเกงให้พ้นส่วนหน้า

อึดใจเดียว แค่อึดใจที่ผมได้เห็นสีหน้าอีกฝ่าย อึดใจที่ทำให้ต้องกระถดตัวหนีจริงจังแม้ว่าจะยังหอบหายใจจนมือไม้สั่น แต่คนที่ผมผงะหนีกลับรวดเร็วจนน่าในหาย ไอ้มิคคว้าขาผมไว้เต็มมือ ตาสีอ่อนในแสงสลัวเข้มสีจนดูผิดแผก ใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตามีสีหน้าที่ผมไม่เคยได้เห็น ผมยอมรับว่าเวลานี้ตอนนี้ผมเองก็โดนอารมณ์กามตีใส่จนใบหน้าเหยเก แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่ของอีกฝ่ายกลับจริงจังเครียดขึงจนดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าดีใจ

ถึงจะลุ้นระทึกจนแทบไม่กล้าหายใจแต่ผมก็ไม่ได้ชักขาหนีตอนที่ถูกดึงเข้าไปหา อะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายส่งผ่านแรงมือและสายตาออกมาทำให้ผมเลือกที่จะโอนอ่อนผ่อนตามจนถูกดึงเข้าไปอยู่ที่เดิม สายตาไอ้มิคไม่ได้ละไปจากผมแม้ซักวินาทีระหว่างขยับมือออกแรงดึง ผมเองก็จ้องตอบกลับไปอย่างไม่กล้าละสายตา แล้วคนที่ค้ำตระหง่านกันอยู่ก็หลุบเปลือกตาพร้อมยกมือข้างว่างขึ้นลูบหน้าแรงๆเหมือนจะไล่อะไรบางอย่างออกจากหัวก่อนทิ้งตัวลงมาทาบทับพร้อมถอนหายใจหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าผมแค่ช่วงลมหายใจ

ไอ้มิคหายใจหอบหนักหลายครั้ง ตาทั้งสองข้างกดปิดด้วยคิ้วขมวดมุ่น มือข้างหนึ่งลูบหลังผมไปมาเหมือนจะปลอบ แรงสะเทือนจากแผ่นอกที่แนบอยู่ชิดติดต้นแขนบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงต้องเรียบเรียงลมหายใจ

“… กู กูขอโทษ” ผมบอกไม่ดังไปกว่ากระซิบ รู้สึกผิดมหันต์ ทั้งที่เป็นคนเริ่มเรื่องแต่กลับมาปอดแหกเอาตอนนี้

“…แต่กู… ยัง ยังไม่พร้อม”

“…………”

ความนิ่งเงียบจากอีกฝ่ายที่แม้ลมหายใจจะยังไม่เข้าที่ คิ้วเรียวยาวยังขมวดมุ่นแต่ความอบอุ่นจากมือที่ลูบไล่แผ่นหลังกลับอ่อนโยนจนน่าใจหาย ผมต้องกระพริบตาไล่อะไรบางอย่างที่เอ่อขึ้นมาล้นอกแล้วกอบมือลงไปบนความแข็งขึงที่เบียดอยู่กับต้นขา ไอ้มิคถึงกับสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมอง

“ให้ ให้กูช่วย…”

ผมบอกเป็นเชิงขอแล้วเริ่มขยับมือนวดท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่กำได้ไม่มิด ความแข็งขึงใหญ่โตที่สัมผัสได้ผ่านเนื้อผ้าเล่นเอาต้องสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ผมหลับตากลืนน้ำลายก่อนควานหาแรงใจมาช่วยบีบคลึงสิ่งที่อยู่ในมือ แต่ยังไม่ทันได้สอดมือผ่านเนื้อผ้าไอ้มิคกลับกดตัวทิ้งน้ำหนักพร้อมคว้ามือผมให้หยุดอยู่กับที่พร้อมเสียงครางแหบต่ำ

“… กิมคนดี”

เสียงคนพูดแตกพร่าจนรู้สึกได้ถึงแรงอารมณ์ ใบหน้าที่แนบติดอยู่กับหน้าผมลากไล่ขึ้นมาอยู่อยู่แถวข้างแก้มก่อนขยับปากเลาะเล็มใบหู เรียกอาการขนลุกซู่ซ่าให้กลับมาอีกครั้ง ลมหายใจหอบหนักของเราสองคนผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวไม่เพียงพอ

“ไม่… ไม่ต้องทำ” เสียงแหบต่ำวนเวียนอยู่ชิดติดหูก่อนปากร้อนผ่าวจะลากมาแตะปลายลิ้น “นิดเดียว แค่นิดเดียว… Let’s me…”

ดวงตาสีอ่อนกระพริบละขนตาอยู่กับตาผม แม้สีอ่อนจางจะยังคงเข้มขรึมแต่อะไรบางอย่างในแววตา ในน้ำเสียง ในสัมผัสที่แนบอยู่ชิดติดกันก็ทำให้ผมพยักหน้าตอบรับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขอ แล้วก็ได้การกดจูบที่อ้อยอิ่งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เนิ่นนานและหวานล้ำยิ่งกว่าครั้งใดๆเป็นรางวัล

มือร้อนผ่าวที่ขยับนวดอยู่แถวสะโพกเกี่ยวขอบกางเกงทั้งชั้นนอกชั้นในแล้วรูดออกจากขาผมที่พยายามไม่หดหนี ริมฝีปากร้อนเป็นไฟไล้เลียระเรื่อยจากปลายคางลงไปยังท้องน้อยที่เริ่มปั่นป่วนสุดทน จนต้องบิดตัวหนีทั้งมือทั้งปากที่เริ่มจู่โจมต่ำลงมา แต่อีกฝ่ายกลับใช้เป็นจังหวะตวัดต้นขาข้างหนึ่งของผมขึ้นไหล่แล้วซุกหน้าเข้ามาจนปลายจมูกซุกหายเข้ามาในหว่างขา

ผมนอนตะแคง หายใจหอบจนน่ากลัวหัวใจจะหลุดออกมาทางปากระหว่างพาดขาข้างหนึ่งอยู่บนบ่าไอ้มิคในลักษณะชีเปลือยล่อนจ้อน ไม่ต้องเห็นด้วยตาก็รู้ว่าอยู่ในสภาพบัดสีบัดเถลิงขนาดไหน ผ้าผ่อนไม่มีติดตัวแถมยังขี่คออ้าขาโชว์ของสงวนให้ไอ้มิคดูในระยะประชิดติดตา แต่อาการหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้นของไอ้มิคทำให้ผมต้องทำใจกล้าลืมตาขึ้นมองแล้วก็พบว่าหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปหลายจังหวะก่อนความร้อนจากท้องน้อยจะพุ่งปรี๊ดมาถึงสมองจนปลายเท้าแทบเป็นตระคริว

“ม มิค… มึง ท ทำ… อื้อ ทำ อะไ… อื้อ…”

ผมหายใจหอบรัว แต่ละคำที่ออกจากปากแทบไม่เป็นภาษากับภาพที่เห็น ภาพที่ไอ้มิคซุกหน้าอยู่หว่างขาผม ทั้งมือทั้งปากหยุดนิ่งแต่ปลายจมูกกลับซุกไซร้อยู่ในกลุ่มขน ใบหน้าได้รูปหันเอียงระหว่างใช้ปลายจมูกโด่งเป็นสันกดแทรกสูดกลิ่นไปทุกที่เหมือนจะดมหาอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในซอกขา

ภาพที่เห็นทำเอาส่วนล่างของผมแทบพร้อมปลดปล่อย รู้สึกถึงความอายที่ฉีดพล่านไปทั้งตัวจนต้องยื่นมือไปดันหัวอีกฝ่ายออกห่าง แต่ไอ้มิคกลับช้อนอีกขาผมขึ้นบ่าแล้วแทรกหน้าเข้ามาลึกไปถึงไหนๆ เสียงสูดหายใจจากปลายจมูกที่กดแนบอยู่ติดผิวเนื้อ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะคลั่ง แต่อีกฝ่ายเหมือนหลุดอยู่ในโลกส่วนตัว สองมือบนสะโพกผมพยายามจับพลิกเพื่อหามุมที่ยังเข้าไม่ถึง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าแทรกอยู่ทุกอณู

“อื้ออ… ไอ ไอ้บ… อื้อ ไอ้บ้า ม… มิค อย อย่า” ผมพยายามขืนตัวหนีพร้อมยื่นมือไปปิดส่วนที่ถูกรุกรานแทนการดันหัวอีกฝ่ายออกเมื่อไม่เห็นผล “เป เป็นหมา… อึ้ หรอ… หรือไง เฮ้ยยย!”

คำสุดท้ายหลุดออกจากปากพร้อมความรู้สึกที่เหมือนโดนน้ำเย็นสาดโครมเข้ามาทั้งตัว สมองผมตื้นจนไม่มีปัญญาแม้แต่จะคิดปัดป้องเมื่อปลายจมูกอีกฝ่ายทิ่มเข้ามาในจุดที่ไม่เคยคิดว่าจะโดนรุกราน แม้สองหูจะได้ยินเสียงเรียกแตกพร่าอยู่ต่ำลงไป แต่สมองกลับตีความอะไรไม่ออกได้แต่ปล่อยให้ไอ้มิคกระถดตัวลง ปล่อยให้ปลายจมูกโด่งๆบดบี้สูดลมหายใจอยู่กับช่องทางด้านหลัง ปากผมพะงาบอ้า ครางเสียงโซปราโนแห่งความจวนเจียนเกือบจะในจังหวะเดียวกับที่ผวาเฮือก ปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในตัวให้ฉีดเป็นสายลงบนผ้าปูที่นอนแบบไม่ทันเตรียมใจ

ผมนอนหอบกระเส่ารู้สึกสะท้านสะเทือนไปทั้งตัว สมองไม่รับรู้อะไรแล้วไม่ว่าจะร่างกายตัวเองหรือคนที่ยังสูดลมหายใจอยู่ในซอกก้น แต่แล้วคนที่ทำให้ผมทะลักล้นได้โดยไม่ต้องแตะต้องท่อนเนื้อก็เลื่อนตัวกลับมาด้านหน้าแล้วครอบปากร้อนผ่าวลงบนไอ้หนูที่อ่อนยวบจากการปลดปล่อยของผม ใช้ริมฝีปากครูดครอบเข้าออกตั้งแต่ส่วนหัวดูดดึงไปถึงปลายโคนครั้งแล้วครั้งเล่า นิ้วมือแข็งแรงนวดคลึงก้อนเนื้อข้างปากจนผมครางไม่เป็นภาษา สิ่งที่อีกฝ่ายดูดดึงอยู่ในปากเริ่มแข็งขึงขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวพร้อมหอบหายใจดึงอากาศเท่าที่จะหาได้เข้าปอดเมื่อปากร้อนๆละออกจากท่อนเนื้อปล่อยให้ความเย็นเข้าปะทะความเปียกลื่นจนรู้สึกหนาวเหน็บ ไอ้มิคดุนปลายลิ้นทิ้งท้ายก่อนครอบปากลงบนก้อนเนื้อข้างหนึ่งแล้วอมหายเข้าไปในความร้อนชื้น แรงดูดดึงรุนแรงมหาศาลถาโถมผ่านปลายลิ้นเข้ามาถึงหัวใจ

ผมครางเสียงกระเส่ายิ่งกว่านางเอกหนังเอวีแบบสามพี พลางขยี้ขยำเส้นผมเกรียนๆในมือ ต้นขาขยับเสียดสีซีกหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่เจ้าตัวก็ตวัดมือไปคลึงเคล้าแก้มก้นอย่างจะช่วยผ่อนอารมณ์

“อื้อ… ม มิค ไม… ไม่ไหว อื้มม… จะ จ จะถึง อื้ออ… อ”

ผมรัวริ้นปากคอสั่นพลางดันหัวทุยๆในมือออกห่างระหว่างจะปลดปล่อย แต่อีกฝ่ายกลับดึงดัน คายก้อนเนื้อออกแล้วครอบทั้งปากลงมารูดรั้งท่อนลำที่แข็งจนเจ็บเหมือนหิวกระหาย ลิ้นร้อนเป็นไฟขยับรัดรึงพร้อมปากที่รูดตอดรัดจนผมหมดแรงขัดขืนต้องแอ่นสะโพกกระแทกเข้าหาความอิ่มเอมก่อนโด่งตัวจนหลังลอยจากที่นอน ฉีดพ่นทุกหยาดหยดเข้าปากอีกฝ่ายที่ยังคงดูดดึงไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจาย ลำคอที่ขยับกลืนครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมปลดปล่อยจนกระตุกไปทั้งตัว

ลิ้นร้อนๆยังคงกวาดเลียไปทั่วขณะที่ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นแรงกำลังและจิตวิญญาณ ไอ้มิคกวาดลิ้นไล่เลียของเหลวสีขาวขุ่นที่หยดจากปลายคางลงบนต้นขา ตาสีจางหลุบต่ำเหมือนจะตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลือก่อนเงยขึ้นมาสบกับตาผมที่แม้จะเปิดค้างแต่กลับหาจุดโฟกัสไม่เจอ

แล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนกลับมาทาบทับพร้อมหน้าหล่อๆที่ยังกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ที่แนบเอาหน้าผากลงมาชิดกันอีกครั้ง ปากสีสดที่ก้มลงมาบวมแดงบ่งบอกกิจกรรมที่พึ่งผ่านพ้น ไม่ต้องนับปลายจมูกโด่งเป็นสันที่แค่มองก็เล่นเอาขนทั้งตัวลุกซู่ซ่าด้วยความขวย ปากนี้จมูกนี้ซอกซอนอยู่กับร่างกายผม ซุกไซร้ไล่บี้ไปถึงไหนๆจนไม่แน่ใจว่าพ้นจากวันนี้ไปจะกล้าเงยหน้ามองเจ้าของปากตรงๆหรือไม่

เจ้าของปากที่ไม่มีท่าทีกระดากอายแม้ซักกระพี้ทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วคว้ากันขึ้นไปเกยไว้ทั้งตัว ท่อนแขนแข็งแรงกดทับอยู่รอบหลังพาให้หัวใจที่ยังเต้นกระหน่ำเริ่มแยกไม่ออกว่าจังหวะไหนเป็นของใคร ดวงตาสีจางที่ไม่ยอมละไปมีแววไหววูบเหมือนยังเวียนวนอยู่ในห้วงอารมณ์เล่นเอาผมที่พึ่งจะรีดแรงออกจากตัวไปสองครั้งสองคราเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วนิ้วเรียวยาวก็ยกขึ้นมาคลึงอยู่บนขอบปาก ปลายนิ้วร้อนๆที่เริ่มนวดมาตามริมฝีปากบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่ดวงตาที่จับจ้องกันอยู่ก็ทำให้ผมรู้สึกกระดากเกินกว่าจะตอบรับเหมือนยามที่เจ้าของมือพุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งอื่น

“… กิม คนดี”

เสียงแหบต่ำติดจะพร่ากับแววตาร้องขอเหมือนเป็นตัวกระตุ้นความกล้าให้ผมกลืนความอายลงคอไปพร้อมน้ำลายหนืดเหนียวแล้วแลบลิ้นไปหาปลายนิ้วข้างแก้ม รู้สึกได้ว่าคนที่นอนให้ทับอยู่ทั้งตัวหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ ก่อนผ่อนลมหายใจหนักๆแล้วขยับมือสอดนิ้วเข้ามาสุดข้อ

จากหนึ่งเป็นสอง จากแช่นิ่งให้ดูดดึงเป็นขยับนวดคลึง ลุกไล่เข้ากับลิ้นผมจนต้องยอมปล่อยหยดน้ำเหนียวลื่นให้ไหลลงปลายคางเพราะยั้งไว้ไม่อยู่ เดาได้ว่าท่าทางน้ำลายยืดย้อยคงไม่น่าดูชมจนต้องเบี่ยงหน้าหนีข้อนิ้วที่ยังกวาดอยู่ในปากแล้วยกมือขึ้นปาดปลายคางแต่คนที่จ้องกันอยู่ทุกการกระทำกลับคว้ามือผมไว้มั่นก่อนโน้มคอกันเข้าไปหา

แม้สองตาจะเห็น แต่อาการใจกระตุกก็ทำเอาลืมสิ้นซึ่งความเป็นเหตุเป็นผลว่าควรจะยกมือดันหน้าอีกฝ่ายที่ยื่นส่งปลายลิ้นมาไล้เลียปลายคาง ลิ้นร้อนๆกวาดความเหนียวลื่นที่ย้อยอยู่ติดคางผมอย่างอ้อยอิ่งทั้งที่มือตัวเองยังนวดพลิกกดลิ้นผมอยู่ภายใน ปล่อยให้น้ำลายที่ยั้งไว้ไม่อยู่ไหลเป็นทางมาตามมุมปากที่ถูกกวาดไปทันทีด้วยปลายลิ้นที่อ้อยอิ่งเหมือนรอคอย

“อ… อื้อ อื้อม… อื้ออ…!”

ผมร้องปะท้วงอู้อี้ผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วเท่าที่จะหาได้ แต่ไอ้มิคก็ยังคงละเลียดอยู่แถวปลายคางเหมือนกำลังลิ้มชิมรสอาหารถูกปาก ไม่ใช่การตวัดลิ้นเลียน้ำลายกันไปอย่างนั้น ถึงจะเสียวซ่านจนขนลุกแต่ด้วยความอายยังพอมีทำให้ผมกัดฟันงับนิ้วที่ซอกซอนอยู่ในปากไปเต็มคำ ถึงอย่างนั้นเจ้าของนิ้วกลับไม่สะดุ้งสะเทือนจนหมดปัญญาจะถอยหนีได้แต่ปล่อยให้ลิ้นร้อนๆตวัดเลาะเล็มชิมอะไรไปตามใจ

“กิม คนดี… u taste so good… and you’re mine” เสียงแหบต่ำพึมพำอยู่ละปลายคาง ก่อนปากร้อนผ่าวจะขยับขึ้นมาอยู่ชิดติดปากผม

“Just mine”

คำแสดงความเป็นเจ้าของหายเข้ามาในปากผมพร้อมปลายลิ้นที่เริ่มคุ้นชินส่งมากวาดไปทั่วปากก่อนบดเบียดคลึงเคล้าเรียกอารมณ์ที่ยังไม่ได้กลับเข้าที่แม้ซักวินาทีให้พุ่งกระแทกเพดานอีกครั้ง แต่รสจูบจากปากที่เกี่ยวลิ้นผมเข้าไปหาคราวนี้กลับให้รสชาติไม่เหมือนเคย ความหวานแน่นอนว่าท่วมท้นแต่ก็เจือความเค็มความฝาดจนกลายเป็นรสชาติไม่คุ้นเคย แล้วผมก็ต้องเกร็งหน้าท้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าความฝาดในปากอีกฝ่ายนั้นมากจากไหน

ความรู้สึกย้อนกลับไปสู่นาทีที่ได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างใส่ปากร้อนผ่าวจนเกร็งกระตุกทำให้ผมเริ่มหูอื้อตาลายป่ายมือแป่ะปะไปตามร่างกายเบื้องล่างพร้อมตะแคงหน้าหามุมที่จะกวาดลิ้นเข้าไปในปากอีกฝ่ายได้มากขึ้น เสียงครางแหบต่ำกับกล้ามเนื้อแข็งเกร็งทำให้มือผมยิ่งออกแรงนวดเฟ้นไปบนแผ่นอก หน้าท้อง ไปทั่วทุกส่วนเท่าที่จะกวาดไปถึง แต่แล้วคนที่เกร็งจนกล้ามเนื้อขึ้นรูปกลับคว้ามือให้หยุดการกระทำแล้วพลิกตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมก่อนผละปากมาระดมจูบไปทั้งหน้าจนเล่นเอาหายใจหายคอไม่ทันก่อนประกบปากลงมาอีกครั้งแบบหนักหน่วงรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เป็นจูบที่เรียกร้อง เผ็ดร้อนและดุดันจนต้องหยุดหายใจ

แม้ว่าปากจะเรียกร้องเหมือนหิวกระหายแต่สองมือบนแขนผมกลับยึดนิ่ง กล้ามเนื้อที่ทาบทับแข็งเกร็งไปทุกส่วนโดยเฉพาะความคับแน่นที่แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้นแต่ก็ขึ้นลำจนโด่งตัวกดสู้อยู่กับหน้าขาผม แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นไอ้มิคกลับไม่พยายามทำอะไรอื่นนอกจากส่งปลายลิ้นมาไล่ลมหายใจผมให้หลุดออกจากปอดไปพร้อมสติสัมปชัญญะ แล้วจากเร่งเร้ารุนแรงก็ค่อยเปลี่ยนเป็นปลายลิ้นที่ขยับหยอกล้ออ้อยอิ่ง เปลี่ยนความร้อนแทบไหม้ให้กลายเป็นหวานล้ำจนต้องทอดถอนใจ

ปากร้อนผ่าวที่แทบจะละลายเป็นเนื้อเดียวกับปากกับหน้าผมผละไปละอยู่ข้างแก้ม สองตาที่กดปิดอยู่ละขนตากันขมวดมุ่นอย่างจะข่มความรู้สึกระหว่างหอบหายใจจนแผ่นอกสะท้อน ผมเองแม้จะโดนทับอยู่ทั้งตัวแต่ยังรู้สึกถึงความสั่นที่แล่นขึ้นมาตามทุกส่วนของร่างกาย หายใจยังไงก็เหมือนไม่เพียงพอจนต้องอ้าปากที่ไม่แน่ใจว่ายังเป็นของตัวอยู่หรือไม่ขึ้นฮุบอากาศอีกทาง

ไอ้มิคที่ยังกดเปลือกตาปิดม้วนผมเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าใกล้แล้วป่ายมือดึงผ้าห่มที่ถูกเตะไปอยู่ปลายเตียงกลับมาคลุมรอบเราสอง ท่อนแขนแน่นกล้ามสอดเข้ามาใต้คอก่อนต้นขาหนาหนักจะยกขึ้นมาพาดอยู่บนสะโพกผมเหมือนกอดหมอนข้าง

ผมกระพริบตาหนีดาวระยับที่ระเบิดอยู่ในหัวแล้วหรี่มองแผ่นอกที่กระเพื่อมอยู่ชิดติดหน้า เสื้อสีขาวสะอาดมีกลิ่นเหงื่อจางๆจากอุณหภูมิร่างกาย กลิ่นอ่อนๆที่ชวนให้สูดจมูกดึงกลิ่นเข้าปอดให้มากเท่าที่จะมากได้ กลิ่นอ่อนจางส่งผ่านมาพร้อมอุณหภูมิร่างกายอีกคนทำให้จังหวะการเต้นในอกเริ่มจะรั้งเข้าสู่ภาวะยอมรับได้ ผมหลับตาลงอีกครั้งก่อนยกแขนขึ้นสอดพาดเอวที่แนบอยู่ชิดติดตัว แต่ทันทีที่ผิวเนื้อสัมผัสร่างกาย แม้ไอ้มิคจะยังมีเสื้อมีกางเกงติดตัวอยู่ครบถ้วน แต่อาการเกร็งของกล้ามเนื้อใต้ผืนผ้ากลับยังสัมผัสได้เหมือนไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

ร่างกายที่ไม่ผ่อนคลายกับความแข็งขึงที่ยังเต้นตุ๊บอยู่แถวต้นขาเป็นเหมือนอะไรหนักๆกระแทกใส่หัวผมอย่างจัง ผมผ่อนคลาย รู้สึกสบายหายห่วงจนถึงกับเคลิ้มตาปิดเกือบจะเข้าสู่นิทราอยู่ร่อมรอ ในขณะที่อีกฝ่าย อีกคนที่ทำให้ผมได้รับรู้ความสุขจากความใคร่ ได้เติมหลายสิ่งหลายอย่างผ่านการสัมผัสทั้งร้อนแรงทั้งอ่อนหวานยังคงไม่ได้รับการปลดปล่อย คนที่ม้วนผมเข้าไปกอดเหมือนหมดเรื่องหมดราวยังคงเกร็งไปทั้งตัวจนลมหายใจขัด

“… มิค”

“ชู่ว์…” เสียงแหบห้าวกระซิบอยู่ชิดติดขมับ “หลับซะ”

“แต่…”

“ไม่เป็นไรครับ หลับซะ”

แม้เสียงแหบต่ำจะมั่นคงยืนยันคำบอกแต่ความเกร็งที่สัมผัสได้จากความใกล้ชิด ความแข็งขึงของท่อนเนื้อที่ไม่มีทีท่าจะลดขนาดทำให้ผมล้วงมือลงต่ำหวังนวดคลึงท่อนลำที่แนบอยู่ติดต้นขาให้คลายความทรมาน แต่เจ้าของความคับแน่นกลับตะปบมือผมไว้อย่างแน่นหนาแล้วขยับตัวกลับเข้ามาจนไม่เหลือระยะห่าง

“แค่นี้พอ” ดวงตาเข้มแสงจ้องตรงเข้ามาในตาผม ความรู้สึกมากมายหลายหลากในตาอีกคู่วูบไหวจนน่าใจหาย “ตอนนี้ แค่นี้… ก็พอแล้ว”

เสียงที่ยังติดจะพร่ากับสายตาที่จ้องตรงมา ชั่วอึดใจผมเหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการบอก แค่นี้พอ ให้หยุดอยู่แค่นี้พอ ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป…

“หลับซะคนดี” เจ้าของคำบอกยังคงจ้องผมเหมือนบอกมนต์

ผมหลุบสายตา พยักหน้ารับสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แล้วดันตัวขึ้นให้สูงกว่า ไอ้มิคไม่ได้ขัดขืนตอนถูกดึงให้หนุนแขนไม่แน่นกล้าม ปลายจมูกโด่งเพียงแต่ซุกเข้ามาใกล้พร้อมปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวให้รินรดซอกคอก่อนวาดแขนรับน้ำหนักตัวที่ถูกโถมใส่

ผมหนุนหมอนนอนตะแคงมีไอ้มิคหนุนแขนอยู่ชิดติดอก ท่อนแขนแน่นกล้ามพาดอยู่บนเอวผมโดยที่สีข้างเจ้าของแขนก็มีต้นขาผมพาดล็อคอยู่ชิดติดตัว ลมหายใจที่รินรดซอกคอยังคงไม่สงบเหมือนกับที่กล้ามเนื้อหลายส่วนยังเกร็งกระชับ ผมที่เริ่มจะตาสว่างเพราะอะไรหลายๆอย่างทำได้เพียงพึมพำคำขอบใจกับเส้นผมที่ปลายคางแล้วกระชับคนที่กอดอยู่แนบอก หวังให้จมสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน

ชั่วเวลาไม่กี่มากน้อยในความมืดสลัวที่ปล่อยให้หัวใจเต้นกลับเข้าจังหวะ ความรู้สึกอุ่นๆที่ฝุ้งอยู่ในอกทำให้ผมรู้สึกรักคนที่นอนหนุนแขนกันอยู่ขึ้นอีกโข รักจนรู้สึกว่าถ้าเพียงแค่ไอ้มิคจะเอ่ยปากขอ ผมคงให้มันได้ทุกอย่าง และจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ให้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

มิค ค้าง อย่างน่าสงสาร แต่ก็นะ สุภาพบุรุษก็เงี๊ยะ

ออฟไลน์ Jimmeiiii*

  • แสงสุดท้าย*
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3161/-192
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #203 เมื่อ05-09-2010 21:31:30 »

ปาดหน้าเค้กเรียบ!!~ เดี๋ยวมาอ่านนน

,,,,,,,,

อื้มมมมม มิคอ่ะ :pighaun: :jul1:
หนูกิมยอมสิโรราบแล้วหรอจ๊ะ ? :z1: นี้ขนาดแค่ด้านนอกนะถ้าเจอของจริงหละ :haun4:

คนแต่ง แต่งได้เยี่ยมมาก ส่วนคนโพสต์ก็ทำหน้าที่ตัวเองดีมากมาทุกวันไม่ขาดตอน o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2010 23:48:17 โดย Jimmeiiii* »

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #204 เมื่อ05-09-2010 22:06:31 »

 :jul1: :jul3:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #205 เมื่อ05-09-2010 22:07:41 »

อ๊างง :m25: สงสารมิค ค้างๆคา หวังว่าคงจะสมหวังในอีกไม่ช้านะจ๊ะ  :haun4:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #206 เมื่อ05-09-2010 22:08:46 »


กิม...คนดี ครั้งต่อไปไม่ต้องรอให้มิคขอนะ please please :z3:
let him be yours  :impress2: เป็นของกันและกันเถอะ  :man1:



Miyabi

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #207 เมื่อ05-09-2010 22:11:12 »

 :o8: :o8:
มิคน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ raintear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #208 เมื่อ05-09-2010 22:13:10 »

สุดยอดคร่าาาาาาาาาาา  :m25:
โหยยยยยย เฮียมิคอ่ะ โคตรสุภาพบุรุษ
เฮียเป็นคนเหนือคนจริง  o13
อีกไม่นานหรอกเฮียมิคคค ไอ่กิมตอนนี้มันเริ่มพร้อมละ ให้เฮียได้ทุกอย่าง
เดี๋ยวเฮียจะได้่มันทั้งกายและใจละ ไม่แน่อาจจะตอนหน้าก็ได้นา เหอเหอ
 o13 ให้เฮียมิคอีกครั้ง ให้ใจไปเต็มร้อยเลยเฮีย
ขอบคุณคุณหมีและคุณคนโพสค่ะ อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากมาย 55
 :bye2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที11-NC.....(5/09/10)
«ตอบ #209 เมื่อ05-09-2010 22:20:45 »

สุภาพบุรุษมากมิค ยังงี้เเล้วกิมจะไปไหนเสีย ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด