รักจัง.........ตอนที่17(จบภาค)
สามชั่วโมงจากบ้านสวนถึงกรุงเทพบนรถทัวร์ปอหนึ่ง ทำให้ผมอ่านนิยายจีนเล่มใหม่ที่ยืมมาจากไอ้อ่ำได้ครบถ้วนกระบวนความ ลงจากรถมายืนบิดขี้เกียจรอรถไฟฟ้าเพื่อโดยสารต่อไปให้ถึงหอพักนักศึกษาหนุ่มตอนสี่โมงเกือบครึ่ง นับรวมเวลาได้สี่วันเต็มๆหลังเหตุการณ์หลงป่าสามัคคี
หลังได้ร่วมทำบุญเป็นหมู่คณะกับการสร้างโรงเรียนเพื่อน้อง แล้วไปหลงป่าอยู่สามวันสองคืนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่หาที่ไหนก็ไม่เหมือน พวกผมก็ได้กลับบ้านกลับช่อง กลับคืนสู่ความเป็นปกติสุขมาร่ำเรียนหนังสือหนังหาที่หายไปจากสมองอีกสองวัน จากนั้นแยกย้ายกันไปใช้เสาร์อาทิตย์ตามแต่ใจใครใจมัน
ผมที่เดินย่ำป่าใจตุ้มๆต่อมๆนอกจากจะค้นจนเจอว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของใจใครคือคนสำคัญแล้วนั้น ก็ให้ได้โหยหาพ่อแม่ที่เคารพรักกับบ้านสวนที่ไม่ได้กลับมาหลายเดือนขึ้นมาจับใจ เย็นวันศุกร์เลิกเรียนหมดภาระหน้าที่เลยคว้าเป้ขึ้นไหล่ไปเอกมัย นั่งรถสองสามต่อกลับบ้านมาให้พ่อแม่พี่น้องแสดงความรักที่ห่างหายไปเสียนาน แล้วนั่งกินนอนกินอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นจนได้ฤกษ์กลับสู่กรุงเทพมหานครในยามบ่ายของวันอาทิตย์
ส่วนพระเอกของผมงานนี้ไม่ได้หนีบติดกันมาให้พ่อแม่ดูหน้าว่าผ่านไม่ผ่าน เนื่องจากพระเอกมีภาระหน้าที่ ต้องอยู่ช่วยงานพร้อมโชว์ตัวในวันเกิดคุณหญิงแม่ที่จัดทั้งงานเช้างานเย็นควบทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ประหนึ่งจะปิดซอยเลี้ยงการ่าลันท์และดินเนอร์ ผมที่ฉุดกระชากลากถูตัวเองออกมาจากคำชวนแกมบังคับของพระเอกได้เลยรีบคว้าเป้แล้วหายหัวกลับบ้านกลับช่องตัวเองมาแบบเดี่ยวๆด้วยประการฉะนี้
“อ้าวไอ้กิม ทำไมกลับมาเร็ว”
ไอ้สำอางค์อ่ำที่เปิดประตูห้องข้างๆออกมาเจอผมยืนไขประตูอยู่ทักมาอย่างเนือยๆ ดูจากสีหน้าแล้วคงพึ่งตื่นจากคอร์สนอนกลางวันรักษาสภาพผิว
“เจอมึงก็ดีเลย ไปหาอะไรแดกกัน” ไอ้อ่ำว่ามาพลางดึงประตูปิด ส่วนผมที่พึ่งดันประตูเปิดส่ายหน้าแล้วล้วงเป้ส่งของในถุงก็อบแก็บให้แทน
“ยังไม่ค่อยหิวว่ะ มึงไปก่อนเลย เอ้านี่ แม่กูฝากมา”
“โห! รักแม่มึงจัง” ไอ้อ่ำว่าสีหน้าแตกตื่นระหว่างล้วงครีมรกแพะรกแกะกระปุกย่อมออกมาส่องดูฉลาก แล้วเดินตามก้นผมเข้าห้องมาด้วย
“มีขนมกินเปล่า เดี๋ยวกูกินรอมึงไปพลางๆก่อนก็ได้ กินข้าวคนเดียวเซ็งจิต”
ไอ้อ่ำที่ยังหมกมุ่นอยู่กับของในมือเดินไปเปิดตู้เปิดโต๊ะหาของกินตามอัธยาศัยประหนึ่งว่าห้องเพื่อนเหมือนห้องมัน
พอล้วงเจอบะจ่างกับโค้กกระป๋องก็นั่งแหมะลงกินแล้วคว้ารีโมทเปิดโทรทัศน์ กดเปลี่ยนช่องไปคลิกๆพลางกระดิกตีนจิบโค้กอย่างสบายอารมณ์ ผมที่พึ่งทิ้งเป้ลงพื้นได้ยังยืนอยู่ติดประตูประหนึ่งเป็นผู้มาขออาศัยจนใจต้องยกตีนทั้งเกือกเตะป้าบไปแถวก้นเพื่อนเป็นการเรียกสติ
“สบายไปเปล่าไอ้อ่ำ บะจ่างน่ะเหลือให้กูมั่ง”
ว่าไปอย่างนั้นก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำมายืนใต้ฝักบัวชำระเหงื่อไคล ออกจากห้องน้ำมาได้ไอ้อ่ำที่ตอนนี้เปลี่ยนไปกินเลย์สาหร่ายโนริก็กำลังทำตัวตามสบายยัดไอแอมรีเจนท์เข้าเครื่องเล่นดีวีดี ผมเลยเดินไปหย่อนก้นนั่งเช็ดหัวไปพลางดูวิลล์ สมิธวิ่งหนีมนุษย์กลายพันธ์ไปพลาง ก่อนเสียงมือถือจะดังให้ได้ควานหามารับสาย
“กิม อยู่ไหนแล้ว” เสียงทุ้มๆส่งมาตามสายโดยไม่ต้องแนะนำตัว
“อยู่หอ พึ่งกลับมา แล้วมึงอยู่ไหน ทำไมเสียงมันก้องๆ”
“ห้องน้ำ หลบมาคิดถึงกิมไง” ไอ้มิคตอบมาให้ได้จักกะเดียม
“อ้อ เดี๋ยวนี้จะคิดถึงต้องหลบใครด้วยหรือไง” เอ้าจัดไป
“ทำอะไรอยู่ครับ” ไอ้มิคเปลี่ยนเรื่องหลังส่งเสียงหัวเราะหล่อๆมาตามสาย
“ดูหนัง กินบะจ่าง พอดีกลับไปทันไหว้บะจ่างแม่เลยให้มาตุนไว้กินว่ะ ฝากมาให้มึงด้วย” ผมเล่าพลางลุกไปหยิบโค้กมาซดแก้ฝืดคอ
“แล้วมึงเป็นยังไง โชว์ตัวไปกี่รอบแล้ว ต้องขึ้นเดินพรมแดงเลยเปล่าวะงานนี้”
“เกือบอยู่เหมือนกัน คิดถึงกิมจัง” อาการปากหวานของพระเอกผมเกิดได้ทุกจังหวะหัวใจ
“เออ คิดถึงก็รีบมาเดี๋ยวเก็บบะจ่างไว้ให้” ผมบอกแล้วเหยียดขาถีบไอ้อ่ำที่กดรีโมทเพิ่มเสียงทีเดียวห้าขีด แสดงออกว่าไม่อยากได้ยินบทสนทนาที่นับวันจะยิ่งกู่ไม่กลับระหว่างผมกับใครอีกคน
ไอ้มิคที่ตอนนี้คงหล่อระเบิดระเบ้อในสูทราคาแพงสำหรับการ่าดินเนอร์ถอนหายใจยาวมาให้ได้ยินก่อนตอบออกมาแบบเซ็งๆ
“งานเลิกดึก คืนนี้คงต้องค้างบ้านใหญ่ กิมไม่ต้องรอหรอก”
“… เอาน่า งั้นไว้เจอกันที่มหาลัย อีกวันเดียวเอง”
ผมส่งเสียงให้กำลังใจ ถึงบะจ่างต้องเป็นหมันส่วนผมไม่พ้นเป็นม่าย ก็ยังดีกว่าให้อีกฝ่ายฝืนขับรถอ้อมกรุงมาดึกๆดื่นๆ
จากนั้นอีกเกือบชั่วโมงผมก็ยังถือโทรศัพท์อยู่แนบหู คุยกับอีกคนที่หมกตัวอยู่ในห้องน้ำทำลายสถิติ คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้นไปเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่ได้สนทนากันมาแรมเดือนทั้งที่จริงๆพึ่งหยอดคำหวานคำเปรี้ยวกันไปเมื่อคืนหมาดๆ ทำตัวกันเหมือนวัยรุ่นนมพึ่งแตกพานติดเพื่อนติดแฟนติดโทรศัพท์จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังแว่วมาจากอีกปลายสาย ได้ยินไอ้มิคตะโกนตอบรับงานเข้า ถึงได้เวลาทิ้งท้ายส่งความคิดถึงกันให้จักกะเดียมอีกรอบก่อนวางสายกลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน
หลังดูหนังจบผมกับไอ้อ่ำก็ลงไปซัดข้าวผัดปูคนละจานเป็นอาหารเย็นตอนทุ่มกว่าๆ แล้วเดินย่อยอยู่แถวตลาดนัดข้างหอกันพอเมื่อยค่อยกลับมาแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน
ผมที่หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อนแต่ยังไม่อยากนอนเสียบแผ่นเกมส์ที่พึ่งได้มาจากไอ้อ่ำเแลกเปลี่ยนกับบะจ่างอีกสองลูกเข้าเครื่องเล่น แล้วเริ่มการทำสมาธิฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมดูซ่าอยู่หน้าจอ เล่นไปได้ไม่กี่มากน้อย พึ่งฆ่าปีศาจระดับสองไปได้ไม่กี่ตัวก็ต้องโยนจ้อยส์ในมือทิ้งแล้วคลานขึ้นเตียงด้วยว่าตาซ้ายตาขวาเริ่มไม่สามัคคี
เตียงนุ่มๆกับห้องอุ่นๆเข้าขั้นอบอ้าวพาให้หลับน้ำลายย้อยไปถึงไหนต่อไหน จนสะลึมสะลือตื่นมาอีกทีตอนห้าทุ่มเศษเนื่องจากกระเพาะฉี่เต่งจนตึง ต้องแงะหัวแงะหางออกไปปลดทุกข์ก่อนกลับมาล้มหมอนนอนเตียง ให้ความง่วงงุนฉุดกันเข้าสู่ความฝันไปวิ่งหนีเสือหนีหมู่ป่าทบทวนความทรงจำอีกระรอก
ในฝันที่ปนกันค่อนข้างมั่ว เดี๋ยววิ่งตามตูดไอ้เดย์เดี๋ยวเดินอยู่จัตุจักร เดี๋ยวเห็นหน้าลุงเกลี้ยงเป็นมิตร ไชยบัญชา เดี๋ยวไอ้จั๋วเสือกหันมากลายเป็นบี้เดอะสตาร์ พาให้การวิ่งหนีเสือขึ้นต้นไม้กลายเป็นเตะขาทีเดียวกระโจนพรวดพราดไปเหยียบอยู่บนยอดประหนึ่งเป็นฉอลิ้วเฮียงถล่มวังค้างคาว
ฝันไปมั่วๆซั่วๆแล้วก็มาถึงจุดไคล์แม็กซ์ จุดพีคที่มีหมูป่ากับไอ้มิคร่วมฉากต่อสู้กันอยู่ด้วยมือเปล่า ไอ้มิคในความฝันยังหล่อสาดจนหน้าฉายแสง สองมือจับเขี้ยวโง้งเป็นงวงของคู่กรณีเหวี่ยงจนหมูกระเด็นไปกระแทกต้นกล้วยที่ไอ้จั๋วไอ้โอ้สิงสถิตย์อยู่ให้เพื่อนร่วงกราวลงมาเหมือนเก็บสกอร์
ไอ้มิคที่ตัวกระพริบเพราะได้แต้มเพิ่มหันไปคว้าลุงเกลี้ยงในภาคมิตร ไชยบัญชาที่กำลังหันหลังวิ่ง แล้วยกคนแก่ทุ่มด้วยท่าคิงส์แอ็นเจิ๊กส์ ส่วนผมที่กลายมายืนมองเหตุการณ์อยู่ชิดติดขอบสนามเมื่อไหร่ไม่รู้ถูกแขนแน่นกล้ามดึงให้ออกวิ่งเข้าสู่ดงกล้วยไปช่วยกันจับปลา โดยมีแมงปอตัวเขื่องที่มีหน้าเป็นไอ้บีบินตามมาอย่างกระชั้นชิด
ฝันได้ประหลาดจนทนนอนต่อไม่ได้ ต้องสะดุ้งตื่นมาในจังหวะที่แมงปอตาโปนทำขาหยิกหยอยแล้วตกฮวบลงพื้นเล่นเอาแผ่นดินสะท้านสะเทือนจนฝูกที่นอนอยู่ติดหลังมีการฮวบเสมือนจริง ผมลืมตาพลิกตัวตะแคงแล้วเกือบแหกปากหอนให้ได้ยินกันไปทั้งซอยกับเงาทมึนที่คร่อมลงมาบนเตียง ยังดีที่กลิ่นออดิโคโลญจ์จืดจางคุ้นใจเตะเข้าใส่จมูกมาเรียกสติยับยั้งไว้ได้ทัน ก่อนเสียงทุ้มๆจากเงาตะคุ่มที่ล้มตัวลงนอนมาชิดติดกันจะเอ่ยทักเบาๆให้ได้รับรู้ว่าไผเป็นไผ
“กี่โมงแล้ว” ผมทิ้งหัวลงหมอนแล้วลูบอกลูบใจให้กลับเข้าที่ พลางฟังเสียงฝนตกกระทบหน้าต่างที่พึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
“ตีสองครึ่ง” ไอ้มิคตอบให้แล้วกระแซะเข้ามาแย่งหมอนไปหนุน ก่อนม้วนผมเข้าไปกกเป็นไข่เหมือนเคย เสียงทุ้มต่ำส่งมาเหมือนจะกล่อม “นอนต่อซะ”
“………….”
“… มิค”
ผมเรียกลองเชิง เสียงฝนซาๆซ่าๆกับเสียงหัวใจสม่ำเสมอที่ได้ยินอยู่ชิดติดหูทำให้ตาสว่างจนข่มตาหลับไปฝันมั่วซั่วต่อไม่ลง
“ครับ” เสียงทุ้มเข้มตอบมาเบาๆ น้ำเสียงฟังดูไม่ง่วงงุนแม้แต่น้อย
“ดึกป่านนี้มาทำไม ฝนตก ถนนลื่น อันตราย”
“อืม” ไอ้มิคตอบมาคำเดียวถ้วนๆแล้วยกมือลูบหลังผมเหมือนกล่อมเด็ก
“งานเป็นไง มีอาหารเหลือใส่ห่อกลับมาบ้างเปล่า” ผมชวนคุยพลางกระเถิบตัวเองออกจากอีกฝ่ายมาตะแคงข้างมองหน้าในระดับเดียวกัน
“ไม่ได้เห็นกันสองวัน แทนที่จะพูดอะไรให้ชื่นใจ ไหงกลับถามถึงแต่ของกิน” ไอ้มิคว่าแล้วยกยิ้มมหาเสน่ห์ “คนอุตส่าห์คิดถึงขนาดนี้ น้อยใจแฮะ”
เสี้ยวหน้าที่เห็นได้จากแสงสลัวกับสายตาขี้เล่นที่มองกันอยู่ห่างไปแค่หนึ่งช่วงตะแคงตัว ทำให้ผมอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปขยี้ขยำหัวเกรียนๆของอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนส่งปากไปจูบอวัยวะเดียวกันของอีกคนดังจ๊วบแก้คิดถึง
“คิดถึง” ผมบอกง่ายๆไม่มีกั๊ก
“ขออีกที” ไอ้มิคหัวเราะเสียงทุ้มแล้วหลับตาพริ้ม
คนแกล้งเล่นผิดบทเป็นเจ้าหญิงนิทราหลับตาแต่ยกยิ้มอยู่มุมปาก รอให้เจ้าชายเก้อย่างผมก้มไปจูบปลุกสวาท มองหน้าเจ้าหญิงแล้วไม่แน่ใจว่าหนึ่งจูบนี้จะได้เล่นตามบทนิทานเด็กหรือไม่อย่างไร แต่โอกาศได้สวมบทเจ้าชายใช่จะมีบ่อย ผมเลยหายใจเอาอากาศเข้าปอดแบบเตรียมพร้อมแล้วโน้มหน้าไปจุ๊บปากอุ่นๆตามคำเรียกร้อง
ทันทีที่ปากแตะสัมผัส เจ้าหญิงเก้พอกับเจ้าชายปลอมก็ลืมตาพรึบพับพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มๆ ก่อนพลิกบทบาทข้ามช่องจากวอทส์ดิสนีย์มาทางเฮทบีโอ ฉากจบแฮปปี้เอ็นดิ้งไว้ให้เด็กดูกลายเป็นฉากเริ่มหนังแผ่นเข้าคอนเซ็ปเล่นจริง แสดงจริง ถ่ายสดไม่มีซ้อม ไม่ต้องมีใครมายืนถือแผ่นรีเฟ็กสะท้อนให้หน้าวอกหรือตะโกนแอ็คชั่นอยู่ข้างหู พระเอกของผมก็เล่นนำบทไปถึงไหนๆจนสติพระรองอันดับหนึ่งคนนี้กระเจิดกระเจิงเกินกว่าจะงัดอะไรมาสู้ ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจเล่นตามน้ำเกินค่าตัวไปจนบวกลบคูณหารไม่ถูก
ปากอุ่นๆกับลิ้นร้อนๆที่แนบลงมาซ้ำๆยังคงหวานล้ำจนไม่อยากเสียเวลาหายใจ กว่าจะได้ฤกษ์ถอนปากมามองหน้ามองตาทำโรแมนติกกันเวลาก็หมดไปครึ่งค่อนคืน เว่อร์ไปหน่อย แต่เวลาตามนาฬิกาความรู้สึกผมเป็นงั้นจริง
“ค่อยยังชั่ว”
ไอ้มิคว่ามาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาสุดเซ็กซี่ จนผมที่หอบหายใจระรัวอยู่ชิดติดกันรู้สึกเบลอๆเกือบถอดสร้อยถอดแหวนให้ไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วยิ้มจางติดริมฝีปากกับฝ่ามือที่ลูบเข้ามาติดผิวเนื้อก็ทำให้ต้องถีบผ้าห่มทิ้งแล้วพลิ้วตัวขึ้นไปอยู่บนอกอุ่นตามการสะกดจิต
มือร้อนๆที่สอดเข้ามาใต้เสื้อคลึงเป็นจังหวะไปตามไขสันหลังเหมือนเจ้าของมือจะทำอโรม่าเธอราปี้ให้กล้ามเนื้อหลังที่เริ่มเครียดเขม็งด้วยอารมณ์พิศวงพิศวาสของผมผ่อนคลายด้วยมือเปล่าแบบไม่ต้องพึ่งน้ำมันมวย เจ้าของหลังอย่างผมเจอฝีมือนวดระดับเทพเข้าไปเลยจนใจได้แต่ทำตัวไม่มีกระดูก ระทดระทวยปล่อยให้อีกฝ่ายคลึงมืออีท่าไหนอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่ากว่าจะได้สติมาอ้าปากฮุบอากาศหายใจอีกทีก็ตอนที่หัวทุยๆมุดหายเข้ามาตีโป่งอยู่ชิดติดอก
เสื้อยืดคอย้วยที่โป่งนูนตามรูปหัวใครอีกคนที่ผมแอ่นอกสามศอกทับอยู่ ก่อให้เกิดความบรรเจิดทางจินตนาการได้มากกว่าโดนดึงเสื้อถอดมาดูนมดูซี่โครงไปถึงไหนๆ เรียกว่าแม้ไม่เห็นด้วยตาว่าคนใต้เสื้อกำลังทำอะไรอยู่กับท้องกับราวนมเรา แต่ทุกพื้นที่ที่ปากอุ่นร้อนกับลิ้นชื้นน้ำลายแนบลงมายิ่งก่อให้เกิดความเสียวชนิดขนลุกฮือยิ่งกว่าเจอยาถ่ายสี่เม็ด
ผมแอ่นอกเข้าหาปากร้อนชื้นที่ครอบลงมาดูดดุนหัวนม ในขณะเดียวกันก็พยายามขืนตัวหนีสัมผัสที่ทำให้ความคิดกระเจิดกระเจิงจนกลั้นเสียงครางไม่อยู่ เรียกว่าสับสนในตัวเองจนสติแทบเลอะเลือน แล้วคนที่ปลุกปั่นปั้นอารมณ์ดิบกันให้พุ่งถึงพีคก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงอาการสับสนทางจิตของผม ปากร้อนจัดที่ขยับยุกยิกขบเม้มอยู่แถวใต้รักแร้ เปลี่ยนตำแหน่งไปหาเม็ดถั่วเขียวแล้วห่อปากดูดจนผมหลุดเสียงครางไม่เป็นภาษา เลิกสับสนไปในเสี้ยววินาที
ไอ้มิคที่มุดหัวเข้ามามัวเมาอยู่ในโปงเสื้อคนอื่นไล่บี้เม็ดถั่วเขียวซ้ายขวาชนิดว่าเจ้าของไร่นาอย่างผมพยายามตะแคงตัวหนีจนแทบจะเลื้อยเป็นงูก็ยังไม่เป็นผล ซ้ำร้ายดิ้นด้วยความเสียวขึ้นสมองไปๆมาๆ มือที่คลึงอยู่แถวหลังไหล่ไหงมันเลื่อนไปล้วงย้อนขากางเกงขึ้นมากุมกระชับจับอยู่บนแก้มก้นโดยที่เจ้าของมือยังขมิบปากอยู่ชิดติดราวนม ไม่ต้องมีกระจกให้ส่องก็รู้ว่างานนี้ทั้งล้วงทั้งควักกันได้เรท์อาร์ต่ำกว่าสิบแปดห้ามดูขนาดไหน
มือสากๆที่ล้วงเข้าขากางเกงมาคลึงอยู่แถวก้นกบ ลูบผ่านๆมาแถวแก้มก้นแล้วออกแรงขยำขยี้จนผมที่ยังรัวปากครางไม่ได้หยุดต้องออกแอ็กติ้งค์ถูหน้าให้ไถไปกับที่นอนลดอาการเสี่ยนความเสียว แล้วล้วงมือไปดึงชายเสื้อตัวเอง กระชากทีเดียวให้รูดพ้นออกจากหัว เปิดคนในโปงผ้าออกมาดูหน้าดูตา ดูอาการ
ไอ้มิคในแสงสลัวหน้าเน่อหูเหอแดงก่ำเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่สายตาที่มองมากลับเข้มแสง ฉายชัดว่าเมามัวอยู่ในอารมณ์ใคร่ไม่ได้น้อยไปกว่าผมแม้ซักกระพี้
“… ส สา สาดมิค ให้ กูหายใจหายคอหน่อ อู้ออ…”
มือที่ขยำลงมาเต็มก้นแบบหนักหน่วงปิดปากผมได้สนิท ก่อนเจ้าของมือจะนวดๆคลึงๆพลางเลื่อนตัวให้อะไรๆเสียดสีบดบี้กันไปถึงไหนๆ ตาสีจางที่เลื่อนขึ้นมาจ้องกันไม่มีประกายระยิบของความขี้เล่น เหมือนกับริมฝีปากอุ่นชื้นที่ตาผมเหล่ไหลไปมองอย่างห้ามไม่อยู่ที่ปิดสนิทไม่มีท่าจะยกยิ้มมาเรียกกำลังใจกัน
สองตาที่จ้องเข้ามาในตาผมแข็งขึงจนเครียดเขม็งแต่กระนั้นอะไรบางอย่างที่ไอ้มิคส่งมาในความเงียบ อะไรบางอย่างที่มวนตลบอยู่กลบบรรยากาศก็ทำให้ผมเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้ออีกฝ่ายแล้วถลกขึ้นเป็นการส่งสัญญาน
ทันทีที่ชายเสื้อโดนดึง เจ้าของเสื้อไม่พูดพร่ำทำเพลง พลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายคร่อมก่อนยันตัวด้วยมือเดียวแล้วรูดเสื้อออกจากหัวในเวลาหนึ่งลมหายใจ ร่างไอ้มิคที่ยืดตัวคร่อมอยู่เบื้องบนกลายเป็นเงาทะมึนในความมืดท่ามกลางห่าฝน ห่าฝนที่ฟังไม่ได้ยินแม้หนึ่งหยดตกกระทบ เนื่องจากกลองรัวที่เต้นตีอยู่ในอกดังกลบขึ้นมาถึงหู
หน้าขาวๆกับตาเข้มแสงสลัดปลายเสื้อออกพ้นหัวแล้วโยนของในมือทิ้งไม่ไยดี ไอ้มิคก้มลงมาย้ำชิดติดริมฝีปากด้วยท่าทีไม่เร่งเร้า แต่ลิ้นที่กวาดกันเข้ามาเกือบถึงลิ้นไก่ให้อารมณ์ดุเด็ดเผ็ดร้อนผิดกับท่าทางสบายจากภายนอกชนิดว่าผมแทบจะต้องแยกลิ้นเป็นสองแฉกเพื่อตอบสนองอาการเมาในอารมณ์ของเราทั้งคู่
“กิม… ”
เสียงพึมพำแหบพร่าวนเวียนอยู่ชิดติดปาก บ้างแว่วมาเข้าหูที่กำลังจะเป็นน้ำหนวกด้วยว่าความเสียวซ่านกดทับเส้นประสาทการได้ยิน บ้างถูกส่งเข้ามาให้กลืนลงคอไปพร้อมอากาศจากปอดอีกฝ่าย แต่ถึงแม้ประสาทการได้ยินจะเกือบเสียศูนย์ แต่ประสาทการรับรู้อีกสี่ทิศทางของผมกลับตื่นตัวเหมือนโดนกระหน่ำด้วยอดีนารีนเต็มกระบอกสูบ
ทั้งเปลือกตากดปิดที่แนบละขนตาอยู่กับตาผม สีหน้าที่โดนความชิดใกล้แค่ลมหายใจทำให้ลางเลือน กลิ่นน้ำหอมเจือจางกับลมหายใจจากปลายจมูก รสชาติของความอุ่นที่ได้ชิมอยู่เต็มปากเต็มคำ สิ่งเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาจนหัวใจมันเต้นรัว
ไม่รู้ว่าเพราะอากาศไม่เพียงพอหรือเพราะความสั่นสะเทือนในแผ่นอก เปลือกตาที่กดปิดของไอ้มิคกับลมหายใจจากปลายจมูกที่กดแนบกันอยู่ ถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ เจ็บจนต้องยกมือตะปบเสี้ยวหน้าที่แนบอยู่ชิดติดกันไว้มั่นๆก่อนสูดลมหายใจจากผิวเนื้ออีกฝ่าย สูดแรงๆให้ทั้งกลิ่นทั้งอุณหภูมิของไอ้มิคซึมซับเข้ามาบดบังอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก
ไอ้มิคที่แนบหน้าอยู่แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับผม หยุดชะงักทั้งปากทั้งมือทันทีที่โดนตะปบแก้ม ตาสีจางที่ลืมพรึบมามองกันแม้จะขุ่นมัวด้วยความต้องการแต่กลับวูบไหวเหมือนไม่แน่ใจขึ้นมาชั่วขณะ ความไม่แน่ใจที่แน่นอนว่าเกิดจากสองมือตะปบของผม
ผมกุมผิวแก้มร้อนผ่าวของไอ้มิคไว้เต็มสองมือระหว่างพยายามขมวดความคิดที่กระเจิงไปกับอารมณ์ใคร่ให้กลับสู่สามัญสำนึก มองตาอีกคู่ที่จ้องเขม็งตรงมา ตาสีจางท่ามกลางแสงสลัวที่แม้จะหยุดนิ่งแต่กลับไม่ขยับถอย ไม่เปิดโอกาสให้ผมชักธงขาวขอสงบศึกชั่วคราวเหมือนวันหนึ่งวันนั้น ณ หัวหินอินเตอร์ สีหน้าไอ้มิคที่ห่างไปไม่ถึงคืบบอกได้คำเดียวว่าเพื่อนเอาจริง จะเหลือก็แต่ผมที่กระชับสองแก้มอีกฝ่ายไว้มั่นเหมาะ พลางสูดอากาศมาดันทับอาการมวนในอกให้ทุเลา
ไม่รู้ว่าสีหน้าผมมันเหยเกจนเกินรับหรือไอ้มิคหมดกั๊กที่จะหยุดจ้องหน้ากันอยู่อย่างนี้ มือขาวจนเกือบเรืองแสงเลยยกขึ้นตบแก้มผมเบาๆเป็นเชิงบอก ก่อนยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองอย่างแรงแล้วพลิกตัว ทิ้งหลังลงเตียงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมมองตามไอ้มิคที่ปิดเปลือกตาพลางผ่อนลมหายใจอยู่ถัดไปไม่ห่าง น่าประหลาดที่อาการเจ็บจี๊ดในใจไม่ลดน้อยถอยลง ความรู้สึกมวนในอกกลับขยายจนอึดอัดขัดข้อง ไอ้มิคที่ทิ้งตัวนอนปิดประเด็น ไอ้มิคที่ยอมถอยตามผมเสมอ ไอ้มิคที่ดูเครียดขึงจริงจังในห้วงอารมณ์ใคร่ เคร่งเครียด จริงจังจนผมกลัวใจ กลัวความต้องการของอีกฝ่าย กลัวอารมณ์ประหลาดที่ทำให้แทบไม่รับรู้อะไรอื่นของตัวเอง ผมยอมรับว่ากลัวมันจริงจัง แต่ระหว่างที่จ้องตาอีกคู่ที่ลืมมาเจอกันในแสงสลัว ณ นาทีนี้ ผมก็ได้คำตอบ แม้ความกลัวจะกินมาถึงหัว แต่ผมจะไม่ยอมเสียช่วงเวลานี้ไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม
“โทษทีว่ะ…”
ผมบอกก่อนขยับขึ้นคร่อมช่วงขาไอ้มิคแล้วเอื้อมไปรูดกางเกงนอนอีกฝ่ายแบบพรืดเดียวหลุดจากก้น เจ้าของก้นถึงกับหลุดเฮ้ยออกมาเต็มคำ
แต่หลังจากอุทานตอบสนองความเซอร์ไพรส์ ไอ้มิคกลับนอนนิ่งไม่มีขวยไม่มีเขิน ไม่มียกมือมากุมเป้าเฝ้าระวังหรือหรือเอะอะโวยวายให้ผมถอดกางเกงแสดงความเท่าเทียม ไอ้คนที่ตอนนี้ตัวเปล่าเล่าเปลือยมีแต่เนื้อหนังเพรียวๆหุ้มกาย ปล่อยไอ้กิมผู้กล้าหาญให้เป็นฝ่าย ณ จังงังกับสิ่งที่เห็นอยู่เต็มตา แม้จะมืดสลัวไปนิดส์ แต่แสงเงากลับยิ่งทำให้ของมันมีมิติจนผมต้องกลืนน้ำลายไล่อะไรหลายๆอย่างก่อนทำใจกล้าหน้าด้านเอื้อมมือไปแตะสัมผัส
สิ่งแรกที่เล่นเอาแทบชักมือกลับไม่ใช่ขนาดที่กำแทบไม่รอบ แต่เป็นอุณหภูมิของท่อนเนื้อที่ร้อนจนเล่นเอาสะดุ้ง ร้อนและแข็งเต็มลำโดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรแม้แต่หนึ่งบีบ และผมก็คงตะลึงตาแตก จับของสงวนของคนอื่นนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าไอ้มิคจะไม่ขยับเปลี่ยนท่าจากนอนโชว์เปลือย เด้งขึ้นมานั่งกวาดวงล้อม ดึงผมที่นั่งทับขาให้เกยขึ้นไปทับตักแบบหันหน้าเข้าหากัน แล้วฝังจมูกร้อนๆมากระซิบเสียงพร่าอยู่ชิดติดหู
เสียงทุ้มติดจะแหบกับไอร้อนจากลมหายใจที่ไซร้อยู่ข้างแก้มทำให้ผมขยับนิ้ว ไล่สำรวจอวัยวะที่จะว่าไปก็มีเหมือนๆกันแต่ทำไมมันช่างแตกต่าง แตกต่างจนหายใจแทบไม่ทันระหว่างวนปลายนิ้วจากยอดถึงปลาย ความแข็งสู้มือเหมือนจะท้าให้จับให้มั่นคั้นให้หมด ผมยกมือข้างที่ลืมไปแล้วว่ามีคว้าหัวทุยๆของอีกฝ่ายที่แทบจะฝังหน้าเข้ามาเป็นเนื้องอกอยู่ข้างซอกคอ กางนิ้วทั้งห้าให้ถูไถไปกับหนังหัวเกรียนๆบรรเทาอารมณ์กามของเราทั้งคู่ แล้วออกแรงบีบนวดท่อนเนื้อร้อนระอุตามใจสั่งมา
ไอ้มิคที่โดนผมขยี้ขยำหนังหัวยังคงใช้ทั้งปากทั้งจมูกส่งเสริมการขาย ซุกเข้ามาไซร้เข้าไปพร้อมเสียงหายใจแหบพร่า มือไม้ที่จับอยู่แถวต้นขาผมเริ่มแสดงอภินิหาร นวดเฟ้นย้ำๆขึ้นมาตั้งแต่แก้มก้นในกางเกงผ่านแนวซี่โครง และเหมือนว่านั่งทับตักทับตัวกันอยู่อย่างนี้จะยังไม่ใกล้พอ มือร้อนๆที่ไล่มาถึงกลางหลังถึงออกแรงดันให้ผมผงะเข้าชนแผ่นอกแน่นๆ ก่อนดันก้นส่งกันจนต้องเปลี่ยนจากนั่งทับต้นขาเป็นยืดหลังพลางหยัดเข่ารับน้ำหนัก แล้วแอ่นอกสามศอกของสงวนให้ถูไถไปกับปากร้อนๆที่ครอบลงมาขมุบขมิบอยู่ใต้ราวนม
อาการเสียวซ่านจนนมตั้งเต้าเป็นยังไง แม้ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีเต้าให้ตั้งแต่ผมก็ตอบได้ในนาทีนี้ นาทีที่ไอ้มิคอ้อมมือผ่านหลังมากอบอกข้างซ้ายของผมไปเต็มกำ แรงขยำไม่มียั้งบอกให้รู้ว่าอารมณ์เจ้าของมือมันทะลุจุดจำกัดความเร็วไปแล้วหลายส่วน ผมที่โดนบี้หัวนมจากทั้งมือทั้งปากได้แต่ส่งเสียงครางติดเรทตอบรับสถานการณ์พลางบีบมือกระชับท่อนเนื้อที่ยังจับไว้ไม่ปล่อยแบบลืมยั้งแรง แต่เหมือนว่าเล็บที่ครูดลงไปจะยิ่งกระพืออารมณ์ดิบของอีกฝ่าย ไอ้มิคที่ยังครอบปากอยู่รอบนมตั้งเต้าของผม เด้งสะโพกใส่แรงบีบถี่ยิบจนเตียงโยก ร้อนถึงผมที่โดนอารมณ์เพื่อนตีแสกหน้าจนหูอื้อตาลาย ต้องเกร็งมือรูดสิ่งที่ขยับแทงเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าพลางกดหัวที่แนบอยู่กับอกให้ถูไถไปตามจังหวะเร็วแรง
ไอ้มิคตะโกนอะไรบางอย่างที่สมองผมไม่สามารถรับรู้ในจังหวะที่สะโพกแน่นๆหยัดแทงขึ้นมาเร็วแรงจนผมที่เหยียดเข่าค่อมอยู่ด้านหน้าถึงกับผงะหลัง และในจังหวะที่โดนกระแทกจนต้องเซถอยสิ่งที่คว้าเป็นที่ยึดคือหัวทุยๆที่ยังกดอยู่ชิดติดตัวกับท่อนเนื้อแข็งขึงที่ยังเกร็งมือรัดไว้เต็มแรง
หลังผมกระแทกลงเตียงพร้อมความเจ็บแปล็บที่หัวนมกับความรู้สึกเต็มแน่นจนต้องตะปบอีกมือลงไปช่วยคว้าความความร้อนที่แทงเสยใส่แรงกำจนสะเทือนไปทั้งตัว เจ้าของท่อนเนื้อที่ผมบีบรัดไว้เต็มสองมือสะบัดหัวไปด้านหลังพร้อมเสียงสบถแหบพร่า ก่อนหยัดสะโพกเต็มเหยียดแล้วปล่อยสิ่งที่อัดอยู่เต็มตัว ฉีดของเหลวขาวขุ่นให้พุ่งออกมาเป็นสายท่ามกลางเสียงหายใจหอบกระชั้น