รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]  (อ่าน 559572 ครั้ง)

ออฟไลน์ PeeYaR

  • >///<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26

-N-

  • บุคคลทั่วไป
รอออออออออออออออออออด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2

ออฟไลน์ *4_m3*

  • ~เธอคือของขวัญจากฟ้าไกล คือคำตอบของหัวใจ~
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
รักจัง ตอนพิเศษ อาการคิดถึง

ชายหนุ่มหญิงสาวนับได้สิบสามหัวถ้วนนั่งล้อมวงอยู่หน้าเต็นท์พลางฟังเสียงคลื่นซัดซาดท่ามกลางความมืดตึดตื่อ หน้าใครเป็นหน้าใครเห็นได้เพียงลางๆจากแสงเทียนสองเล่มในขวดโพลาลิสตัดครึ่ง เสนาะเวลาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อหลายสีคือสี่ทุ่มสิบห้านาที

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นเป็นวันหยุดพิเศษอะไรซักอย่าง นักศึกษาเกือบทั้งหอเลยกลับบ้าน หอในตอนปีหนึ่ง เก่าเก็บ สร้างตั้งแต่ตั้งมหาลัยซ้ำยังแคบเท่าไอ้โยมดิ้นตาย ห้องนึงอยู่กันสี่คนเป็นเตียงสองชั้น วันนั้นติดวันหยุดยาว หลายห้องเลยไม่มีคน บางห้องเหลืออยู่แค่สอง”

ไอ้จั๋วในเสื้อยืดไวตามิลเปิดเรื่อง ประโยคหลังๆบอกรายละเอียดเผื่อแผ่ไปยังคนที่ไม่เคยมีชะตากรรมต้องอยู่หอในหอเก่าอย่างพวกผม ฉากหลังมีเพียงคลื่นแตกฟองซาดกระทบฝั่งเป็นจังหวะ ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นในบริเวณใกล้เคียง

“นักศึกษาคนหนึ่งบ้านอยู่ต่างจังหวัด ไกลโคตรเลยไม่ได้กลับบ้าน พอดีมีเพื่อนร่วมคณะอีกคนมาจากจังหวัดใกล้เคียงก็เลยชวนมานอนห้องเดียวกัน พวกมึงก็รู้หอเก่าแม่งบรรยากาศยิ่งกว่าจูออน ให้นอนคนเดียวตอนเที่ยงวันกูยังแขยง”

“ถูก!” ไอ้โอ้ส่งเสียงเห็นด้วย “กูยังจำได้ สมัยนั้นพอถึงเสาร์อาทิตย์กูต้องอพยพไปนอนห้องไอ้กิม เพราะเมทกูแม่งหายหัวกลับบ้านกันหมด”

“โห พูดเนี่ยกระดากปากมั่งเปล่าวะไอ้โอ้” ผมส่งเสียงไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำเพราะน้ำมูกจุกจมูกไปดักคอเพื่อน “กูก็ยังจำได้ มึงมาทีไม่เห็นเคยรีบนอน เพื่อนเพิ่นไม่มีสนใจ เอาแต่ส่องสาวจากระเบียงห้องกู”

“แหม มึงก็ คนมันกลัวมันก็ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ” ไอ้โอ้ว่ามาอย่างนั้นก่อนกระแซะเข้าหาผมที่นั่งซูดน้ำมูกพลางจามสามทีซ้อนมาตั้งแต่เริ่มวง

อย่าพึ่งงงครับว่าทำไมไอ้โอ้ถึงกล้ากระเถิบเข้าหาไอ้กิมแบบแทบจะเกยกันขึ้นตัก แล้วทำไมผมถึงต้องกระชับเสื้อกันลมเข้าหาตัวกันลมหนาวลมทะเล อกอุ่นๆที่แอ่นให้พิงอยู่เสมอหายไปไหน ผมกับไอ้มิคมึนตึงกันอีกแล้วหรือไร ไม่ได้มึนไม่ได้ตึงและไม่ได้หายไปไหนครับเพียงแต่พระเอกยังมาไม่ถึง พึ่งผ่านลอยกระทงไปไม่ถึงเดือน ไอ้มิคลูกคุณหญิง ยังมีภาระหน้าที่ต้องกระทำ กว่าวันนี้จะโผล่หัวมาร่วมนอนกลางดินกินกลางทรายกับพวกผมได้ก็ต้องดึกดื่นเที่ยงคืน เสียงทุ้มๆพึ่งต่อโทรศัพท์มาถึงว่าอีกสิบห้านาทีเจอกัน

“พอตกดึกได้เวลานอน ต่างคนต่างก็จับจองเตียง เจ้าของห้องนอนเตียงล่าง เพื่อนร่วมคณะนอนเตียงบน ห้องมืดสนิท เงียบจนได้ยินเสียงหายใจ บรรยากาศแสนจะวังเวงแต่ก็ยังอุ่นใจว่ามีเพื่อนนอนอยู่ด้วยอีกคน แต่ไอ้คนเตียงล่างนอนยังไงก็นอนไม่หลับ มันรู้สึกกระสับกระส่ายจิตใจไม่สงบ นอนพลิกตัวไปมาจนผ่านไปค่อนคืน กำลังเคลิ้มๆกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตู…” ไอ้จั๋วเล่าประหนึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์แล้วทิ้งจังหวะให้คนฟังมีลุ้น คนที่ฟังอยู่รอบวงก็ลุ้นจริง ลุ้นซะเงียบกริบกันไปทั้งกลุ่ม

“ท่ามกลางความมืด มันเห็นประตูเปิดแต่ไม่เห็นว่าใคร ตอนแรกคิดว่าเพื่อนออกไปฉี่ แต่เขม้นมองดีๆแล้วประตูถูกเปิดเข้ามาไม่ใช่เปิดออก ทั้งที่ก่อนนอนก็ล็อคห้องไว้เสร็จสรรพ ยังไม่ทันได้คิดว่าอะไรเป็นอะไรคนที่ยืนอยู่ติดประตูก็หันมา จากแสงสลัวเห็นลางๆว่าเป็นผู้หญิง ผมผูกหางม้ากระเซอะกระเซิง แม่งตกใจ นี่มันหอชายนะเว้ย ถึงคนกลับบ้านเกือบหมด แต่ยามใต้หอก็ยังอยู่ แล้วผู้หญิงขึ้นมาได้ไง ด้วยความตกใจมันเลยจะลุกขึ้นปลุกเพื่อน ปรากฏว่า…”

“เพื่อนแม่งหายไปแล้ว! ที่นอนเตียงบนว่างเปล่า เหลือมันอยู่คนเดียวในห้อง!” ไอ้โยมโพล่งออกมาด้วยเสียงระทึก ทำเอาหลายคนสะดุ้งรวมทั้งไอ้จั๋วเจ้าของเรื่อง

“ใจเย็นๆไอ้โยม สงบจิตสงบใจหน่อย” ไอ้จั๋วยื่นตีนมาลูบหลังเพื่อนก่อนต่อ “ปรากฏว่าลุกไม่ขึ้น ขยับไม่ได้แม้แต่จะอ้าปากส่งเสียง ระหว่างที่กำลังตกใจหูตาเหลือก ผู้หญิงตรงประตูก็เดินใกล้เข้ามาๆ จนเห็นได้ลางๆว่าเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่คือชุดคนไข้ เดินตีนเปล่า เสี้ยวหน้าที่ก้มอยู่ออกจะคล้ำจนเขียว ที่ร้ายยิ่งกว่าอะไรคือกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยเข้าจมูกชัดขึ้นเรื่อยๆ”

“แล้วมันก็เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง” ไอ้จั๋วทำอารมณ์โดยการยื่นหน้าเข้าหาเทียน แล้วค่อยเงยขึ้นประหนึ่งเป็นผู้หญิงในชุดคนไข้ “หยุดอยู่นิ่งๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมาที่เตียง ไอ้คนบนเตียงก็ได้แต่แหกตามองตอบ ส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอเพราะขยับตัวไม่ได้”

“เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ฉี่เกือบแตก ต้องนอนจ้องตากับผีในชุดคนไข้ มันเลยรวบรวมกำลังใจทั้งหมด…”

“แหกปากร้อง! เรียกเพื่อนตื่นมาเจอผีด้วยกัน!?” เสียงแหบแห้งโพล่งขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ไอ้โอ้ที่นั่งแทบเกยตักผมนั่นเอง

ไอ้จั๋วยื่นตีนยาวอีกหน่อยมาลูบหลังไอ้โอ้ก่อนต่อ “หลับตาโว้ย มันเกร็งกล้ามเพื่อหลับตาหนีผี ก็บอกอยู่ว่าโดนผีอำขยับไม่ได้แม้แต่จะผงกหัว จะแหกปากร้องได้ไง แค่กระพริบตาหลับได้ก็เก่งแล้ว… ไอ้นี่หลับตาได้ก็ใจระทึก หลับแล้วไม่กล้าลืม กลัวลืมมาอีกทีจะเจอผีจ่ออยู่ติดหน้า แม่ง ฉี่จะแตกยิ่งกว่าตอนแหกตาเห็นกัน เลยรีบท่องนะโมๆอยู่ในใจ ท่องไปๆเริ่มใจมาเลยแอบหรี่ตาขึ้นมอง ปรากฏว่า…”

“ปรากฏว่าผีคนไข้หายไปแล้ว หายไปจากข้างเตียง” ไอ้จั๋วต่อหลังจากรอว่าจะมีใครออกความเห็นขัดจังหวะ “แต่เสือกไปโผล่อยู่ปลายเตียง หนำซ้ำไม่ได้โผล่ไปยืนนิ่งๆจ้องกันเหมือนเมื่อกี้ แต่กำลังยกตีนปีนบันใด ไต่ขึ้นเตียงบน ไอ้นี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง กลัวแทนเพื่อนก็กลัวแต่ขยับไม่ได้ ได้แต่นอนตาเหลือกมองขาผีผลุบหายไปข้างบน”

“เช้ามาค่อยขยับตัวได้ ก็รีบลุกไปดูเพื่อน ปรากฏว่…”

“เพื่อนแม่งหายไปแล้ว! โดนผีพาไป” ไอ้โยมยังไม่คลายความตื่นเต้น ทะลุขึ้นกลางเรื่องเล่าโดยมีหลายหัวพยักกันหงึกหงักว่าเห็นด้วย

“กูว่าไม่ใช่ เพื่อนมันนอนตาเหลือก โดนผีหลอกมาทั้งคืน” ไอ้เดย์ที่นั่งกอดกีต้าส่องหน้าอยู่กับเทียนเอ่ยมาแผ่วๆ

“ตาขวางต่างหาก โดนผีสิงไง” ไอ้บียกมือเสนออีกความเห็น

“เฮ้ย! กูเล่าเรื่อผีเว้ย ไม่ใช่อภิปายสภา พวกมึงไม่ต้องเสนอความเห็นนักก็ได้” ไอ้จั๋วขึ้นเสียงแล้วกวาดตาขวางๆไปรอบวง ไอ้อ่อนที่กำลังจะทำตัวมีส่วนร่วมเลยต้องหุบปากฮุบลมทะเลไป

“ลุกขึ้นได้ก็รีบกระโจนไปเตียงบน ปรากฏว่าเพื่อนมันนอนกรนคร่อกๆ ขากางแขนกาง ถีบผ้าห่มไปกองอยู่ปลายตีน” เรื่องมันรายละเอียดครบจริงๆ

“ไอ้นี่ที่ยังหลอนไม่หาย รีบปลุกเพื่อนขึ้นมาถาม เพื่อนมันก็งัวเงียตื่นมาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ถามไปถามมากลายเป็นว่าหลับสบายทั้งคืน ไม่รู้ไม่เห็นอะไร” ไอ้จั๋วหยุดด้วยมาดนิ่งๆ เลยไม่รู้ว่ามันเล่าจบแล้วหรือต้องการทำบรรยากาศ

“จบแล้วยัง กูแทรกได้ยัง” ไอ้อ่อนยกมือถามก่อนต่อเมื่อเห็นไอ้จั๋วไม่เตรียมขยับตีน “ผีหอในของมึง ฟังแล้วกูเกิดคำถาม ถ้าหากเป็นมึงที่ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์นี้ มึงจะเลือกเป็นคนไหน” ไอ้อ่อนเจ้าพ่อจำไม แม้ฟังเรื่องผีแหกตาก็ยังอุตส่าห์เก็บไปคิดจนมีคำถาม

“คนข้างห้อง กูขอเป็นคนห้องข้างๆ รับรู้เรื่องราวจากปากต่อปากดีกว่า” ไอ้โอ้รีบเสนอทางเลือก

“หูเป็นน้ำหนวกรึไงไอ้โอ้ ไอ้อ่อนมันถามว่าถ้ามึงต้องมาอยู่ในเรื่องเว้ย ไม่มีฉ้อยที่สามห้องข้างๆ” ไอ้โยมว่า “กูเลือกนอนเตียงบน ถึงโดนผีปีนเข้าหาแต่ไม่รับรู้อะไร ดีกว่านอนตาเหลือกยันเช้า”

“งั้นกูขอเป็นไอ้จั๋ว เป็นคนเล่า ไม่โดนผีหลอกแต่ก็ถือว่าอยู่ในเหตุการณ์” ไอ้อ่ำที่นั่งหน้าตึงเพราะโคลนทะเลอยู่ตั้งแต่เริ่มวงยื่นหน้าดำเป็นถ่านเข้าตอบ

“งั้นเดี๋ยวกูผันตัวไปเป็นคนนอนเตียงล่างเอง เผื่อจะได้เลขเด็ดซักหกตัว มาหลอกให้กลัวแล้วมันต้องมีอะไรตอบแทนกันบ้าง ไม่ใช่ให้กูกลัวเปล่าๆปลี้ๆ” ไอ้จั๋วว่าสีหน้าจริงจัง

ก่อนไอ้อ่อนไอ้บีและอีกหลายชีวิตจะยกมือตอบให้ยิ่งไปกันใหญ่ ไอ้โอ้ที่นั่งอยู่ข้างผมก็แหกปากออกมาให้สะดุ้งรับไปรอบวง แหกปากอย่างเดียวไม่พอ เพื่อนถึงขั้นตีปีกเข้าสีข้างไอ้กิมสองทีซ้อนเรียกร้องความสนใจ

“ห่านมิค! แหกปากบอกกูก็ได้ ลูบหลังเรียกกันอย่างนี้มันเสียวนะมึง” ไอ้โอ้หันขวับไปทางคนมาเงียบๆที่ยังยืนอยู่ค้ำหัว ดูจากท่าทางการยืนแล้วคาดว่าสิ่งที่ใช้ลูบหลังไอ้โอ้น่าจะเป็นตีนในเกือกมากกว่าสองมือที่ซุกอยู่ในกางเกง

ไอ้มิคที่โดนเพื่อนต่อว่าไม่ได้เปิดปากโต้ตอบ แต่กลับยืนตระหง่านเป็นเงาทะมึน จ้องไอ้โอ้นิ่งจนคนที่นั่งเบียดก้นอยู่กับผมรับรู้ได้โดยสัญชาติญาณ รีบตีตัวออกห่างเหมือนรังเกียจไอ้กิมขึ้นมาฉับพลัน ก่อนกระเถิบก้นไปเกยอยู่กับไอ้อ่ำพลางบ่นงึมงำ ไอ้โยมไอ้จั๋วส่งเสียงทักทายให้คนมาใหม่ได้พยักหน้ารับไปรอบวง ก่อนหันกลับไปกระตุ้นความกลัวกันใหม่ด้วยเรื่องลึกลับจากไอ้บี

ไม่รู้ว่าไอ้มิคไม่เห็นว่ามีเพื่อนหน้าใหม่ไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ร่วมวงหรือพี่เขาไม่สนใจจะแคร์ ถึงได้หย่อนก้นนั่งซ้อนหลังไอ้กิมมาซะชิดชนิดไม่มีช่องว่าง ก่อนโน้มหน้าผากมาแตะสัมผัสเช็คอุณหภูมิ ตาสีอ่อนดูแปลกตาในแสงสลัวจ้องไม่กระพริบเข้ามาในตาผม ก่อนเจ้าของตาจะทำการอุกอาจกระดกคางเอาปากมาชนปากให้ได้สะดุ้ง ยังดีที่เป็นการจุ๊บแบบเร็วไว ไม่อ้อยอิ่งให้ไอ้กิมต้องลงไปชักตาตั้งท่ามกลางเพื่อนฝูง

“ตัวยังรุมๆ กินยาครั้งสุดท้ายกี่โมงครับ” ไอ้มิคที่ท่าจะอยู่ในโหมดเข้าใจผิดคิดว่าไอ้กิมเป็นนางสาวไทยเปิดปากถามด้วยยิ้มบางพลางเกยหน้ามาบนไหล่

“สองทุ่มครึ่ง เดี๋ยวก่อนนอนว่าจะกินอีกที” ผมตอบแล้วหึน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่ในมือแบบไม่มีกั๊กก่อนจามสามทีซ้อน กะว่าไอ้มิคที่นั่งเกาะเอวเกยไหล่กันอยู่จะคิดได้บ้างว่าควรเพิ่มระยะห่างระหว่างคนป่วย คนข้างหลังไม่เพียงไม่กระเถิบหนี แต่กลับดึงผมให้เอนพิงแล้วยื่นมือมาลูบหน้าลูบแขน ลูบๆถูๆเหมือนจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิ ก่อนล้วงขวดน้ำในถุงเซเว่นที่หิ้วมาด้วยมาบิดเปิดก่อนยื่นมาให้จิบถึงปาก

ผมรับขวดน้ำมาถือแล้วเอนหลังทิ้งน้ำหนักใส่อีกฝ่าย หมดกำลังใจจะเก็กจะกั๊กกันสายตาใคร แม้จะเห็นอยู่ว่าหลายคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อน เหล่มาทางเราสองอย่างมึนงง แต่ช่างมันเถอะ เพราะพวกไอ้อ่อนไอ้โอ้ไอ้เดย์ไอ้โยมกลับมองมาแล้วมองไป จะมีก็เพียงไอ้จั๋วที่เหล่มาเจอถุงเซเว่นแล้วเกิดอาการชักกระตุก ยื่นคว้าโก๋แก่ไปแกะกิน นอกนั้นไม่มีใครมีทีท่าจะติดใจสงสัยหรือแม้แต่สายตาสะดุด คงเพราะเพื่อนสนใจจนหมดความสนใจ เรียกง่ายๆว่าชินชาเสียแล้วกับอาการหน้าไม่อายของผมกับไอ้มิค

“คิดอะไรอยู่”

เสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหูพร้อมมือหนึ่งข้างสอดเข้ามาในเสื้อ เล่นเอาผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆเกือบสะดุ้งตีปีกเข้าพุงเจ้าของมือ ถึงจะบอกว่าไม่ขวยไม่เขินแต่ขนาดมาล้วงมาควักกันกลางแจ้งมันก็ออกจะเกินไปหน่อย แต่มือที่ล้วงเข้ามาแล้วหยุดนิ่งทำให้ต้องหุบปีกที่ยังไม่ได้กาง ไอ้มิคไม่ได้กวนมือไปซ้ายขวาหรือหน้าหลังแต่กลับวางอยู่แนบท้อง

“คิดอะไรอยู่”

เสียงถามย้ำจากใบหน้าหล่อจัดไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีสีหน้าว่าถามไปเรื่อยเปื่อย หน้าเรียบเฉยกับสายตาที่จ้องตรงมา ทำให้คำถามที่ผ่านเข้าหูมันผันความหมาย เหมือนอีกฝ่ายต้องการเช็คให้แน่ใจว่าความสนใจยังอยู่ที่ตัวเองมากกว่าจะอยากรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ในสมอง ไอ้มิคที่คนเป็นสิบเป็นร้อยให้ความสนใจ เพียงแค่ได้เห็นได้คุยก็พากันเก็บไปฝัน กลับเก็กหน้าขรึม ถามเพื่อดึงความสนใจ ทั้งที่ก็นั่งใกล้กันอยู่แค่นี้

“คิดว่ามึงจอดรถไว้ที่ไหน ทำไมตอนมาไม่ได้ยินเสียง” ผมตอบแล้วเอี้ยวไปมองคนที่แอ่นอกสามศอกให้พักพิง “คิดว่าถ้าไอ้บีเอาเรื่องแมงปอมาเล่าจะหลอนกว่า คิดว่าพรุ่งนี้ตอนกลับจะซื้ออะไรไปเป็นของฝาก แล้วก็คิดถึงว่ะ”

เจ้าของหน้านิ่งๆทำตาโตแล้วเปิดยิ้มที่เล่นเอาท้องฟ้าเวลาห้าทุ่มสว่างไสว ไอ้มิคกระชับแขน เปิดปากกระดกลิ้นภาษาเกิดมาสี่คำว่าไอมิสยูทู แล้วปิดตาผ่อนลมหายใจยาว เหมือนว่าตั้งแต่เดินเข้ามาจนหย่อนก้นนั่ง พึ่งจะได้สบายใจไร้กังวลก็ตอนนี้ แล้วไอ้มิคที่หลับตาพริ้มโดยมีฉากหลังเป็นเสียงระทึกจากเรื่องผีของไอ้อ่อนก็ลืมตา ตาที่ลืมขึ้นใหม่พราวระยับจนชักจะน่าหวั่นใจ

“ถึงเวลานอนแล้ว” ไอ้มิคบอกเหมือนมันเป็นพ่อแล้วผมเป็นลูก แต่สายตาที่มองกันอยู่ออกจะระยิบระยับสื่อความนัย ในทางพิศวาสที่เกิดอยู่ทุกค่ำคืนตั้งแต่ตกลงมีสัมพันธ์กันมา “ยังไม่หายดี นอนดึกเดี๋ยวไข้กลับ”

ว่าไม่ว่าเปล่า คนข้างหลังผมขยับลุกแล้วยื่นมือมาหาโดยไม่มีการถามความเห็นคนเป็นไข้ เล่นเอาคนป่วยสี่วันอย่างผมได้แต่กระพริบตาปริบๆมองความนัยที่ยื่นมาพร้อมมือ ไม่แน่ใจว่าแค่คิดถึงสองคำจะนำพาอาการสิเน่หาให้ก่อเกิด ยิ่งได้ยินเสียงไอ้โยมไอ้อ่ำสอดปากขัดขวางไอ้อ่อนยิ่งงงกับตาวิบๆวับๆของไอ้มิค

เพื่อนนั่งอยู่เป็นสิบหัว เล่าเรื่องผี ยอดยาหยีของไอ้กิมไปเอาบรรยากาศจากไหนมาสร้างอารมณ์ แล้วถึงอารมณ์มาจะพากันไปยังไง ทริปนี้นอนเต้นท์ แม้จะเต้นท์ละสองคนนอน แต่ยังไงก็คือเต้นท์พนังบางเท่าหนึ่งผืนผ้าใบ

“ได้ข่าวว่าคนเป็นไข้น่ะมันกู” ผมตอบพลางซุกมือเข้ากระเป๋าเสื้อเป็นการหักห้ามจิตใจตัวเองไม่ให้ยื่นคว้ามือตรงหน้า ตั้งแต่คืนแรกที่จับมือกันตุงตาข่าย แม้จะเจ็บระบมอยู่หลายจุด แต่เห็นตาอย่างนี้ของไอ้มิคทีไรผมก็พาลจะโดนอารมณ์กามตีแสกหน้าตามอีกคนไปติดๆทุกครั้ง “แล้วไข้ก็ไม่มีจะให้กลับ จะเหลือก็แต่ขี้มูก นอนดึกอีกหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

ไม่รู้ว่าไอ้กิมไม่เนียนหรือไอ้มิคจะคล่องจนจับไต๋ไอ้กิมได้ เพราะคนที่ยืนรอความร่วมมือชักมือกลับ ก่อนทำท่าบิดขี้เกียจแล้วเปิดปากหาว ร่างสูงใหญ่สะบัดหัวสะบัดไหล่แล้วหาวซ้ำสอง

“ขับรถมาไกล เหนื่อยจัง” ไอ้มิคว่ายิ้มๆก่อนทิ้งตัวลงนั่งมาข้างผมแล้วเปิดปากหาวซ้ำสาม หัวทุยๆเอนพิงมาบนไหล่แล้วขยับยุกยิกเหมือนหามุมสบายไม่เจอ

พ่อเนียนขั้นเทพ เหมือนจริงจนไอ้โอ้ไอ้จั๋วที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเปิดปากหาวตาม แล้วอาการหาวก็ติดต่อไปรอบวง หาวกันคนละทีสองทีก่อนเริ่มออกปากราตรีสวัสดิ์ ลุกหายไปทีละคนสองคน

“สามหาวเข้าไปแล้ว อย่างนี้หัวถึงหมอนต้องหลับเป็นตาย” ผมว่าพลางล็อคคอเจ้าของโรคหาวเข้าข้างเอวแล้วออกแรงขยี้หัวเกรียนๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้มิคส่งเสียงหัวเราะหึหึ ที่ฟังยังไงก็ไม่มีแววของความง่วงงุนแม้แต่น้อย

แล้ววงเรื่องผีที่นั่งกันมาตั้งแต่หัวค่ำก็แตกในที่สุด ทุกคนพร้อมใจกันลุกเหมือนนัด แล้วบ่ายหน้าไปทางใครทางมัน จะเหลือก็แต่ผมกับไอ้มิค ไอ้คนที่บอกว่าง่วงจนถึงกับหาวซ้ำสามที่ไม่ยอมขยับก้นลุกทั้งที่โดนปล่อยตัวจากใต้รักแร้ไอ้กิม ไอ้มิคตวัดแขนอ้อมมือมากวาดผมเข้าไปแนบสีข้าง เสียงทุ้มๆที่ไม่ได้ยินมาหนึ่งวันเต็มกระซิบกระซาบคำหวานที่ฟังแล้วเกือบทำตัวไม่ถูก เลยต้องแก้ลำด้วยการกระซิบให้ดังกว่า ให้หวานกว่าจนปากแทบเบี้ยวเพราะความกระดาก แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ส่งตรงมา เห็นสายตาที่มองแค่ผมคนเดียว ผมก็ว่าถึงปากจะเบี้ยวตาจะเขก็คงไม่เป็นไร เพราะมันสุขในหัวใจเหลือเกิน

_____________________________




“กู จะหลับแล้วนะ…”

“ครับ”

“… จะหลับจริงๆแล้วนะ”

“หลับไปเลยคนดี”

“………….”

ไอ้มิคที่บอกให้ผมหลับได้กำลังกระทำการที่ขัดกับคำพูด ร่างสูงใหญ่ก่ายทับอยู่บนหลังผมประหนึ่งเป็นเนื้อปลาบนก้อนซูชิ เรียกว่านอกจากหัวบนหมอนที่ได้ผินมาอ้าปากหายใจ ร่างกายส่วนอื่นก็แนบสนิทตั้งแต่ต้นคอถึงก้นกบและหลังขา ปากร้อนผ่าวที่หลังคอซุกเข้ามาไซร้เข้าไปจนอุณหภูมิในเต้นท์เริ่มจะไม่ปกติ และในเวลาเดียวกันกับที่ตอบรับว่าให้ผมไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ มือหนึ่งข้างก็ล้วงมาแกะกระดุมเสื้อแบบรวดเดียวหมดแผง

“สาดมิค ไหนว่าให้นอนเร็วๆ ไม่งั้นเดี๋ยวไข้กลับ” ผมกระซิบด่าระหว่างพยายามยื้อเสื้อไว้กับตัว มือร้อนๆเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากเนื้อผ้ามาที่เนื้อตัว ลูบหนักๆขึ้นมาจากท้องถึงราวนม เล่นเอาเจ้าของท้องเจ้าของนมอย่างผมต้องกดหน้าลงหมอนกลั้นอาการ

“It’s been four days. I’ve missed you”

เสียงไอ้มิคที่กระซิบเข้าหูติดจะพร่า ซ้ำร้ายความร้อนจากร่างที่ทับอยู่บนหลังยังเล่นเอาผมเริ่มมึน ร่ำๆจะกางแขนฉีกขาเป็นปลาตาย ปล่อยนายพรานบรรเลงเพลงรักไปตามใจเขา แต่หนึ่งประโยคที่ลอยเข้าหูในระยะกระชั้นชิดทำให้ต้องฮึดสู้ สู้เสียหน่อยเผื่อจะชนะ ชนะใจตนเอง

“สี่วันอะไรของมึง พึ่งจะเห็นหน้ากันเมื่อเช้า” ผมว่าพลางคว้ามือที่เริ่มไต่ไปแถวขอบกางเกง “แล้วถ้าคิดถึง นอนนิ่งๆชิดๆกันก็ได้… นี่มันกลางดินกลางทราย มีแค่ผ้าใบเต้นท์คลุมสี่ด้านนะโว้ย”

ไอ้มิคที่ยังไล่กินหูกินหัวไอ้กิมไม่เลิกไม่ตอบไม่เถียง มือแถวขอบกางเกงชักกลับแล้วจับผมพลิกตัวจากคว่ำเป็นหงาย ยังไม่ทันได้จับโฟกัสว่าอะไรเป็นอะไรปากร้อนๆก็แนบลงมา ตามด้วยการชันศอกเป็นคอกกลั้น ลมหายใจร้อนผ่าวกับอาการอ้อยอิ่งบนริมฝีปาก ทำให้ผมอดใจไม่ไหว ตบะแตกจนต้องยืดสองแขนไปล็อคคออีกฝ่ายไว้กับตัว แล้วเปิดปากให้ไอ้มิคได้สอดลิ้นมาคลึงเคล้า

น่าแปลกที่จูบนี้ช่างอ่อนหวาน ไอ้มิคไม่ได้งัดวิชาชิวหาพาชีวีวาย สอดลิ้นมาถึงลิ้นไก่ให้ผมต้องร้องไม่เป็นภาษาด้วยว่าอ่อนระทวยเหมือนที่ทำกันมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง แต่คนที่สอดมือช้อนหัวผมให้กระดกขึ้นหากลับใช้เวลาขบเม้มริมฝีปาก ทอดจังหวะเลาะเล็มไรฟัน เหมือนว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องการก็แค่อยากทำอย่างนี้ แค่อยากสัมผัสอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ได้ตกอยู่ในอารมณ์พิศวงพิศวาสแต่อย่างใด

“ให้นอนชิดเท่าไหร่ อยู่ใกล้เท่าไหร่ ก็ยังคิดถึงอยู่ดี” เสียงทุ้มพร่าขยับพูดอยู่ชิดติดปากผม “คิดถึง จนแค่อยู่ใกล้ๆมันไม่พอ ไม่เคยพอ”

เพราะความมืดจนมองไม่เห็นอะไรในเต้นท์ขนาดสามคนนอนทำให้ผมไม่มีทางรู้ว่าไอ้มิคพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกมาด้วยสีหน้าแบบไหน ตาอีกคู่ที่กระพริบละขนตาอยู่กับผมมองมาอย่างไร แต่ความจริงจังในน้ำเสียงกับจังหวะหนักแน่นของหัวใจอีกดวงที่ได้ยินอยู่แนบอก บอกให้รู้ว่าความไม่เพียงพอที่ไอ้มิครู้สึกไม่ได้เกิดจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจหรือความสงสัยระแวง แต่เกิดจากความรู้สึกที่เรียกว่าความคิดถึง ก็เพราะคิดถึงจนเกินไป เพราะความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมันมากมาย มากจนไม่รู้จะจัดการยังไง เท่านั้นเอง

“แล้วต้องทำยังไง ให้กูกระโดดเกาะคอ ขี่หลังมึงไปทุกทีเหมือนหนังเรื่องนั้นดีเปล่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดถึง” ผมว่าพลางตวัดแขนกอดเอวอีกคนที่ทับกันอยู่ประกอบคำพูด พยายามเบิ่งตามองในความมืด อยากเห็นว่าไอ้มิคมีสีหน้าอย่างไร “มีแฟนขี้คิดถึงอย่างนี้ โรแมนติกดีว่ะ”


“………….”

ความพยายามในการเบิ่งตามองไม่เป็นผล ไอ้มิคผ่อนลมหายใจยาว ลมหายใจอุ่นๆที่ใกล้เข้ามาจนไม่แน่ใจว่าเป็นลมหายใจใครระหว่างเราสอง ลมหายใจในระยะกระชั้นกับหน้าผากที่แนบลงมาแทนริมฝีปาก ภาษากายที่บ่งว่าไอ้มิคไม่พอใจในคำตอบ ไอ้มิคที่ทับผมอยู่ตั้งแต่หัวจดหางแต่กลับกั๊กริมฝีปากไว้กับตัวยังมีสิ่งที่อยากบอก อยากได้ยิน

เห็นคนขี้คิดถึงออกอาการอย่างนี้ ก็เลยต้องเป็นผมที่กระดกคางส่งริมฝีปากตัวไปขโมยจูบเจ้าหญิงจำแลงดังจ๊วบใหญ่ๆ แล้วชิงสารภาพความนัย

“กูไม่รู้หรอกว่าอาการคิดถึงทั้งที่อยู่ด้วยกัน คิดถึงทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้มันเป็นยังไง เพราะสำหรับกู แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้นอนอยู่ข้างกัน ได้เห็นหน้ามึงทุกครั้งที่หันมอง มันก็สุขจนคิดอะไรไม่ออกแล้วว่ะ”

“………….”

ไม่รู้ว่าเพราะตาชินกับความมืด หรือเพราะอีกคนที่ยังทิ้งน้ำหนักประกบผมเป็นปลาบนก้อนซูชิมันแสดงอิทธิฤทธิ์ เพราะอยู่ๆตาผมที่เบิ่งจ้องหน้าอีกฝ่ายก็ได้เห็นยิ้มมหาเสน่ห์กับแสงสปาร์คเหมือนสายฟ้าในตาอีกคู่

“… แล้วตอนนี้กูก็สุขมาก สุขจนจุก” ผมรัวลิ้นใส่หน้าที่แนบลงมา “เคยได้ยินเปล่า จุกจนหนังท้องตึงหนังตามันจะหย่อน เป็นสุภาษิตไทย แปลว่าง่วงโครตๆ ต้องนอนทั…!”

ไม่ทันการครับ ไอ้มิคงัดวิชาชิวหาพาเพลินมาเล่นไอ้กิมทีเดียวห้ากระบวนท่า เล่นเอาต้องกลืนคำพูดลงคอแล้วสับเอาเสียงครางมาเปล่งออกจากปาก แต่ไม่ต้องห่วงว่าเต้นท์ใกล้เคียงจะนอนสะดุ้งเพราะเสียงประหลาด ไอ้มิคมันเตรียมการมาดี พ่อยอดยาหยีของไอ้กิมถึงกับหิ้วเต้นท์มากางใหม่ ห่างจากคณะเดิมเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน ส่วนผมที่ยื่นคำขาดไปว่าจะหลับหนีไปไม่ให้ความร่วมมือ สุดท้ายท้ายสุดก็ต้องชูสองแขนไชโย ให้มือร้อนๆดึงเสื้อออกจากหัวไปแบบสมยอม

ว่าไม่ได้จริงๆครับ ได้ยินเสียงกระซิบแหบๆจากคนที่จับผมพลิกคว่ำพลิกหงายระหว่างรูดกางเกงนอนไอ้กิมไปกองอยู่ปลายเต้นท์ กระซิบเสียงเซ็กซี่มาว่าหลับไปเถิดหนาไม่เป็นไร ได้ยินแล้วถึงกับขนลุกสู้ สู้ทำตาสว่างให้ความร่วมมือไปดีกว่า จะได้ไม่พลาดตอนสำคัญ

ราตรีสวัสดิ์ครับ

__________________________________ จบตอนพิเศษ อาการคิดถึง


จบแบบนี้ฆ่า  กันเลยดีกว่าไม๊ค่ะ คุณหมี  แต่ก็นะ  ไม่รู้ว่า  ตอนนี้แก้อาการคิดถึงมิคกิม หรือว่า เร่ง อาการคิดถึงกันแน่เนี่ย



ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :o8: thinking  :z13: thank you for new section it's so lovely  :-[

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2: :-[ :o8:


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เค้าก็อยากมีน้าาาาาาาาา อยากมีแควนขี้คิดถึงบ้างงงงงงงงงงงงงงงงง


เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย เขินนนนนนนนนนนนน

ปล.เพื่อนคนไหนของมิคกิมยังว่างบ้างมีมิคะ? แบบว่าปิ๊งยกก๊วน กร๊ากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ *4_m3*

  • ~เธอคือของขวัญจากฟ้าไกล คือคำตอบของหัวใจ~
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
มิคน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
 :-[  :-[

ขอบคุณนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
แก้อาการคิดถึงได้ชะงักนัก 555
หวานกันกลางฟ้าดิน 'กิน'(กัน)กลางทราย >/////<

ไปแอบส่องจะทันไหมๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
มิคน่ารักมากมายยยย  :-[
ส่วนกิมนี่ก็รู้ใจมิคตลอด

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หวานกันไม่มีตกจริง ๆ คู่นี้

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ BossZa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 

       คิดถึงแล้วมันเป็นอย่านี้นี่เอง   :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ padang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ดีจังเลย
มีอีกไหมคะ

Sabaijai

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักทีีสู้ดดดดดดดดด
 :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มิคอ่ะ  บร้าที่สุดเลยยยย

RakorN

  • บุคคลทั่วไป
ไอ มิส ยู ทูววววววว มิคกิมมาพร้อมกับลมหนาว ที่หอบเอาความหวานมาให้อิจฉา ตอนแรกกำลังคิดอยู่เชียวว่าโอ้มานั่งชิดกับกิมได้ไง มิคไปไหน พอดีเจอกิมบอกซะก่อน และสุดหล่อมิคก็มาแบบพระเอกม๊ากมากกกกกก ใช้เท้าสะกิดเพื่อน กร๊ากกกกกกกกกกกก
+1 ให้ความหวานค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
ถ้าเร่งอาการคิดถึงมิคกิม มากกว่าอ่ะ

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
มิค+กิม หวานรับเดือนแห่งความรักจริง ๆ อ่านแล้วน้ำตาลจะท่วมจอแล้วค่ะ
มิคนายสุดยอดแห่งความแมนเลย แต่ละคำพูด แต่ละท่าทาง ได้ใจคนอ่านไปเยอะเลย
กิมแม้จะปากแข็งแต่ก็อ้อนเก่งนะ มิคเลยไปไหนไม่รอด ตกหลุมเสน่ห์อย่างแรง
+ 1 แทนคำขอบคุณ อิจฉา ๆ ๆ ๆ ๆ ฉากหวาน ๆ ชายทะเลจริง ๆ เล้ย
 :pighaun:   :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ้ามีแฟนอย่างมิค
อาการคิดถึงแบบนี้
ทำให้ตายในอ้อมกอดได้นะ :o8:

Killua

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยมีแฟนขี้คิดถึงมันเป็นแบบนี้นี่เอง  :o8:

ออฟไลน์ PeeYaR

  • >///<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
แน่ใจนะว่าไม่มีเพื่อนคนไหนแอบโผล่ออกจากเต้นท์มาดูหนังสดอ่ะ 555+

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
มิคพ่อยอดขมองอิ่มของกิมน่ารักสุดๆ
อยากจะมีแบบนี้บ้างจังเลยกิมแต่ว่า
แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะไม่มีเพื่อนมาดูหนังสด
 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เฮ่อ กิมทำบุญด้วยอะไรค่ะ
ถึงได้มีแฟนน่ารักแบบนี้ อิชั้นจะรีบไปทำบ้างไรบ้าง

ออฟไลน์ eyerabbit

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-10
น่ารักโคตรๆๆ จบภาคนี้ แล้วจะมีใหม่ไหมเนี่ย แล้วเมื่อไหร่เหรอ

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ยิ่งอ่าน...ยิ่งคิดถึง :m3:

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
โอ๊ยยยย คนอ่านยังไม่หายคิดถึงเลยค่าคู่นี้ ชอบได้อีกอ่ะ มิคกิม  :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ง่า มิคกิม กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ น่ารักจังน้า  :กอด1: แต่แบบว่าตอนจบห้วนไปนิดนะ  o22 :laugh:

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
อ่านจบแล้ว อาการคิดถึงยิ่งกำเริบหนักขึ้นไปอีก
มิคยังรักเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
ส่วนกิมก็น่ารักเว่อร์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด