ตอนที่ 55 เที่ยวทะเล [Part.2]
อะโล้ฮ้า ยู้ฮู้ วู้ วู้ วู้ วู้ อย่าเพิ่งตกใจครับ ผมไม่ได้บ้า ฮ่าฮ่า ผมแค่รู้สึกว่าเช้านี้มันช่างสดชื่น ตื่นมาเจอสายลม แสงแดด ทะเล ธรรมชาติ และคนที่เรารัก ฮิ้ววววววววววว นี่มันสุดยอดจริงๆ
เมื่อคืนผมหลับสบายมาก หลับเป็นตาย อาการเมื่อย อาการเพลียจากการเดินทางหายไปหมดแล้วครับ วันนี้ผมกับเหล่าเดอะแก็งค์พร้อมแล้วที่จะตะลุยท้องทะเลกระบี่กันนนนนนน แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวก็ต้องเติมพลังงานด้วยมื้อเช้า(สาย)กันก่อน ป่านนี้พวกเพื่อนๆสุดที่รักมันก็คงสวาปามกันไม่รอผมแล้วมั้ง
“วะ วะ วะ ว้าววววววว วี้ดวิ้ววว คู่ผัวเมียแห่งรัตนโกสินทร์ศก กร๊ากกกก ผัวไอ้เตี้ย เมียไอ้หล่อ” ทันทีที่ผมกับภูมิก้าวขาเข้ามาในภัตตาคารก็ถูกพวกห่านี่รุมโห่รุมแซว จะไม่แซวได้ไง กูใส่เสื้อคู่มาครับ ไอ้หล่อมันก็ยิ้มปลื้มจนน่าถีบ
คงสนุกปากพวกมันเลยล่ะ เชี่ยภูมิแหละบอกว่าใส่ๆไปเหอะไม่ต้องอาย ที่นี่มีแต่ฝรั่ง ไม่มีใครรู้จัก หึ ไม่มีใครรู้จัก? แล้วอีกเก้าชีวิตที่เหลือล่ะ ที่ผมลงมากินข้าวช้ากว่าคนอื่นๆก็เพราะสาเหตุนี้ละครับ คือผมชั่งใจอยู่ว่าระหว่างใส่เสื้อคู่จัญไรนี่กับถอดเสื้อเดินอันไหนมันจะน่าอายมากกว่ากัน เหอๆ ผมว่าผมได้คำตอบแล้วล่ะ
คิดดูว่าพวกมันไม่สนใจอาหารตรงหน้า เอาแต่จ้องจะแซวผมตาเป็นมัน นี่ถ้าพลาดตอนไหนแม่งคงกระโดดงับคอหอยกูแน่ๆ ผมก็ตีมึน เดินอึนๆมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ไอ้คิวขำแบบวอนโดนตีนกูมาก มึงจะตบโต๊ะหาพระแสงของ้าว หอกดาบไรวะ
ไอ้แทนไอ้ฟ่างมันมองหน้ากันแล้วขำคงคาดไม่ถึงว่าน้องกับเพื่อนจะกล้า พวกมึงไม่ต้องสงสัยหรอกแทนว่าทำไมกูถึงกล้าใส่เพราะกูเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้T^T ไอ้เชนกับไอ้เบียร์สีหน้ามันออกแนวรับไม่ได้ ส่วนพวกที่เหลือพากันเคาะจานเคาะแก้วโห่ร้อง จนคุณตาคุณยายฝรั่งคู่หนึ่งหันมามองว่าพวกต่างด้าวนี่เป็นเชี่ยไรกัน
“เพื่อนภูมิสมแล้วที่เราเรียนวิศวะด้วยกัน ไอเดียเก๋กู้ด” ไอ้มิค
“นี่มึงเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอภูมิ” ไอ้เบียร์
“สาดดดด ฮ่าๆๆ บอกกูทีว่านี่คือเสื้อคู่? กูถามจริง ใครคิด มึงใช่มั้ยภูมิ ฮ่าฮ่า โอยยยยกูฮา เพื่อนพีมแรดนะตัวเธอมีผัวหล่อก็ไม่บอกกันบ้าง” ไอ้คิว ไอ้เลว มันทำท่ากวักมือเหมือนพวกอีกรีนน่ะ แม่ง
“สุดยอดเลยพี่ภูมิ พี่จะเป็นไอดอลของผมชั่วกัปชั่วกัลป์” เชี่ยน้องแมท มึงก็เอากับเค้าด้วย? แล้วมันยังกำกำปั้นทุบหน้าอกตัวเองอีก โอยยยยยยยยย ใครก็ได้ช่วยผมด้วยยยย
“และแล้วเพื่อนกูก็มีผัวเป็นตัวเป็นตน โถๆๆๆๆ” เชี่ยปันมันแกว่งนิ้วชี้ไปมาประกอบคำพูด กูปวดใจ ทำไรพวกมันไม่ได้ ไอ้หล่อมันก็อมยิ้มเป็นปลื้มกับกระแสตอบรับดีเกินคาดจากไอ้พวกเวรทั้งหลาย กูขอฟาดหัวมันซักทีเถอะ หมั่นไส้โว้ย
“กูขอซื้ออีกซักตัวสิ มึงมีเหลือไหมวะ แต่ขอเป็นผัวหล่อ เมียหล่อกว่านะ หึหึ” ไอ้แทนที่พาดแขนกับพนักเก้าอี้ของฟ่าง ชี้นิ้วมาที่เสื้อของผม
“อายไหมนั่น เมียหล่อกว่า” ดีมากเชน กูรักมึงก็วันนี้แหละเพื่อนเลิฟ ช่วยกูด้วย ช่วยปัดประเด็นไปทางอื่นที
“อายทำไม ก็เมียกูหล่อจริงๆ หรือใครจะเถียง”
“ถ้าใครกล้าเถียงไอ้แทน มาเคลียร์กับกู” อูยยยยยยยยย ไอ้ฟ่างออกตัวขนาดนี้แล้วใครจะไปกล้าเถียงล่ะครับ ไอ้เต้ยที่เหมือนจะอ้าปากเห่าอะไรซักอย่าง ต้องรีบหุบปากแทบไม่ทัน ไอ้แทนเลยยิ้มหน้าบานเป็นจานUBC
วันนี้พวกผมก็แต่งตัวกันสบายๆ ที่บอกว่าสบายเพราะได้ใส่อะไรตามใจไม่มีใครบังคับ เหอๆ ไอ้ฟ่างใส่เสื้อกล้ามสีดำทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำทะเล
ไอ้เบียร์มาเยี่ยงเทวดาเลยครับ เสื้อยืดแขนยาวสีขาว กางเกงก็ขาว คุณชายมาก ราชนิกุลสุดๆ ผู้ดีได้อีกเพื่อนกู
ส่วนไอ้คิวกับไอ้แทน มาแค่เสื้อกล้ามตัวเดียวกับกางเกงขาสั้น หนีบแตะ
แต่คนที่ทำให้ผมงงคือ ไอ้มิคครับ ไม่รู้ว่ามันจะอินดี้หรือสกาหรือว่าเร้กเก้ ไม่รู้มันมาจากไหน และไม่รู้ใครเอามันเข้ามา โอเค พีระณัฐไม่ฮานะครับไม่ฮา
“มิค มึงแต่งตัวเหี้ยไรของมึงเนี่ย” เชี่ย ซุปข้าวโพดกูแทบพุ่ง ฮ่าฮ่า ไอ้ภูมิถามเพื่อนมันแล้วคว้าแก้วน้ำของผมที่เหลือค่อนแก้วไปดื่ม
“เค้าเรียกว่าแนวพั้งค์โว้ย” ไอ้มิคยิ้มตอบอย่างมั่นใจ
“พลั้งพลาดน่ะเหรอ” ไอ้เชนบอก
“ก๊ากกก แม่งพลาดมากด้วยนะนั่น” ไอ้คิวก็รีบซ้ำเติม
“แล้วตกลงวันนี้เรามีโปรแกรมอะไรบ้างว่ะคิว” ไอ้คุณชายมันถาม
“ไม่รู้ มึงมาถามกูแล้วจะให้กูไปถามใครว่ะเบียร์ เราก็มาพร้อมกัน”
“อ้าว ก็มึงเป็นเจ้าถิ่น เป็นลูกเจ้าของโรงแรม มึงไม่รู้เหรอ” ผมก็โวยสิ วันนี้กูจะต้องอยู่ห้องเหรอ
“โอยยยย ไอ้แคระ กูเกิดกรุงเทพ ใช้ชีวิตในกรุงเทพนะเว้ย มากระบี่ก็แค่สองครั้ง ครั้งแรกตอนสองขวบ…”
“แล้วครั้งที่สอง”
“ก็มาพร้อมพวกมึงไง ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้แสรดดดดดด “กร้ากกกก กูล้อเล่น เดี๋ยววันนี้เราจะไปหาดไร่เล ต่อจากนั้นก็…. ไปคิดเอาดาบหน้าแล้วกัน” สรุปแม่งก็พึ่งพาอะไรไม่ได้อยู่ดี “พวกมึงจะเอาอะไรเพิ่มอีกไหม สั่งได้นะ” เน้ มากับลูกชายเจ้าของโรงแรม อยากได้อะไรสั่งได้ครับ และนี่ก็เป็นข้อดีเพียงข้อเดียวของไอ้คิว
“เต้ยเอาๆ เอาซี่โครงแกะอบมะพร้าวอ่อน กุ้งมังกร แล้วก็พายผลไม้สด” ไอ้คิวแกล้งแอคติ้งตาเหลือก ปิดปากเหมือนกลัวไอ้เต้ย หึหึ แต่อาหารที่นี่อร่อยจริงๆครับ สงสัยเชฟใส่กัญชา ฮา ขนาดภูมิที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับข้าวเช้ายังกินไปตั้งหลายคำ นอกนั้นผมกับไอ้เต้ยกวาดเรียบ
“แหมๆ เป็นสะใภ้โรงแรมดังก็สั่งเอาๆเลยนะมึงไอ้เต้ย” ไอ้แทนหันไปจับมือกับไอ้น้องแมทเลยครับ
“อ่ะนะ แต่ก็คงสู้สะใภ้ธนาคารหมื่นล้านไม่ได้หรอก” เชี่ยคิวนี่มันไม่ยอมรามือจริงๆซินะ แม่งวนมาหาผมตลอด หืมม???? นี่แสดงว่าผมยอมรับว่าตัวเองเป็นสะใภ้บ้านเจริญเกียรติวานิชย์แล้วใช่ไหม อ้าววววววววววววว ผมต้องเป็นเขยสิถึงจะถูก เชี่ยภูมิไม่ต้องยิ้มเลยมึง
“แล้วสะใภ้สนามกอล์ฟล่ะจ๊ะ แอ๊บเงียบเลยนะคุณจิณทราภัทร” โดนนนน ไอ้ปันโดนฝ่ามือไอ้ฟ่างไปเต็มๆ กูกดไลค์ให้เลยปัน เอาไปเลยสองที อึ๊บ อึ๊บ
กินข้าวกันเสร็จ พวกมันก็เสร็จสมอารมณ์หมายกับการเห่าเสื้อคู่ของผมกับภูมิ ซึ่งก็เป็นไปตลอดทั้งมื้ออาหารนั่นแหละครับ พวกผมก็เช็คกล้อง เช็คของ ตรวจเป้เตรียมออกไปผจญภัยที่ไร่เล
ผมก็ตรวจเป้ของผมที่ใส่ของๆภูมิด้วยเพื่อความแน่ใจว่าผมยัดของมาครบ ผ้าเช็ดตัว รองเท้าผ้าใบ(ใส่ไว้อีกช่องนึง ไม่ได้รวมกับผ้าเช็ดตัวนะครับ ฮ่าฮ่า) กล้อง เสื้อของผมกับภูมิที่เตรียมไปเปลี่ยน ครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนม(กลิ่นโปรดของภูมิ) ยาแก้แพ้ แว่นตา และ….
“เอ๊า ลืมหมวก เฮ้ยพวกมึงเดี๋ยวกูขึ้นไปเอาหมวกก่อนนะ พวกมึงไปรอที่ล็อบบี้เลยก็ได้ เดี๋ยวกูตามไป”
“ไปด้วย” พอผมลุก ไอ้ภูมิก็ทำท่าจะลุกตามมา
“ไม่ต้องไป อยู่กับพวกกูนี่แหละ ห่างกันห้านาทีสิบนาทีคงไม่ลงแดงหรอก มึงรีบไปรีบมาเลยพีม เจอกันที่ล็อบบี้” ไอ้ฟ่างดึงคอน้องชายให้นั่งลงตามเดิมแล้วกอดไว้ซะแน่น
“ฟ่าง ภูมิเจ็บนะเว้ย ปล่อยเลย ปล่อยๆๆๆ”
“ดิ้นเหรอ ห๊ะ เจ็บไร” ไอ้ภูมิตีแขนพี่ชายที่รัดคอมันและพยายามดิ้นรนเพื่ออิสรภาพ ทำเอาพวกเพื่อนๆขำทั้งโต๊ะที่ภูมิสู้ฟ่างไม่ได้ ผมกลัวภูมิจะถูกไอ้ฟ่างทำร้ายมากไปกว่านี้เลยรีบกลับขึ้นห้องไปเอาหมวก โหดร้ายกับแฟนกูนักนะมึง เดี๋ยวกูทำไอ้แทนคืนมั่ง เดี๊ยะๆ
ผมออกจากลิฟต์ ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูห้องและรื้อหาหมวกสานสองใบ อยู่ไหนๆเวลารีบๆนี่แม่งหาอะไรไม่ค่อยจะเจอ ในตู้ บนโต๊ะ เชี่ยมันวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งแต่เมื่อกี้ทำไมผมมองไม่เห็น ได้หมวกแล้วก็รีบวิ่งเลยครับ เกือบลืมล็อกห้อง
“พี่พีมมมมมมม” ระหว่างที่ผมกำลังล็อคประตูก็มีเสียงเล็กๆเรียก พอหันไปมองก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาวจัด กำลังส่งยิ้มมาให้ ใครว่ะหน้าคุ้นๆ “อ้า พี่พีมจริงๆด้วย คิดถึงงงง” เด็กคนนั้นเดินเข้ามาใกล้และโถมตัวกระโดดกอดผมจนเซ ผมถึงได้นึกออก
“เฮ้ยยย
โตเกียว มาได้ไง แล้วกลับจากญี่ปุ่นเมื่อไร เฮ้ยพี่ตกใจนะเนี่ย” ผมทั้งแปลกใจและดีใจที่เจอน้องโตเกียวเด็กปั้นของผมที่นี่ ฮ่าฮ่า โตเกียวมันเป็นเด็กข้างบ้านผม ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ข้างบ้านเพราะบ้านมันอยู่เยื้องๆกับบ้านผม
เมื่อก่อนโตเกียวมันติดผมมาก มาเล่นที่ร้าน มาดูพวกพี่หนิงทำเค้ก บางครั้งอาปุ้ยไม่อยู่ก็มีมันนี่แหละมาทำตัวงุ้งงิ้งๆอยู่เป็นเพื่อน ให้ผมสอนวาดรูปบ้าง สอนการบ้านมันบ้าง นานแล้วเหมือนกันที่ไม่เห็นตาโตๆแก้มใสๆ
โตเกียวมันเพิ่งอยู่ม.4 เองครับ น้องเป็นลูกครึ่งด้วยนะ ดูจากชื่อ ครึ่งอะไรคงไม่ต้องบอกนะครับ ชื่อโตเกียว คงพม่ามั้ง กรั่กๆ คุณพ่อของโตเกียวเป็นชาวญี่ปุ่นรู้สึกจะเป็นวิศวกรของบริษัทรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนเมืองไทย
“โตเกียวคิดถึงพี่พีมโคตรๆ โตเกียวกลับจากญี่ปุ่นได้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย โต้ซังกับคุณแม่มาประชุมเลยพาโตเกียวมาด้วย โตเกียวมีของฝากมาให้พี่พีมเยอะแยะเลย กลับไปค่อยไปขนเนอะ พี่พีมคิดถึงโตเกียวมั้ย”
“คิดถึงสิครับ” มันยิ้มแป้นจนตากลมๆใสๆนั่นเหลือเป็นเส้นตรง ผมลูบหัวน้องชายข้างบ้านที่ไม่ได้เจอกันมานานเพราะมันไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นและกลับไปอยู่กับพ่อเมื่อเทอมก่อน
โตเกียวมันเป็นเด็กผู้ชายที่ จะว่ายังไงดีล่ะ อย่างที่ไอ้แมทเคยสาธยายลักษณะพี่องุ่นให้ฟัง ผมก็นึกถึงผู้ชายที่หน้าตาน่ารัก แว่บหนึ่งผมก็คิดถึงไอ้โตเกียวเพราะมันเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นและรู้จัก
คือมันขาวมาก ตัวก็นิดเดียว ผมที่มีปัญหากับส่วนสูง ยังสูงกว่าน้องเลย น้องโตเกียวมันเป็นคนซื่อๆ ขี้อายไม่ค่อยทันใคร แต่น้องเรียนเก่งนะ พ่อกับแม่ดูแลแบบคุณหนูมากที่สำคัญมัน น่ารักมากกกกกกกกกกกก
นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและผมเป็นแฟนกับภูมินะ ผมจะจีบมันเลย ฮ่าฮ่า ล้อเล่นๆเดี๋ยวไอ้หล่อได้ยิน ผมตายอย่างเขียดแน่
“ว่าแต่ไปอยู่ญี่ปุ่นซะนาน ไมยังตัวเท่าเดิมวะ” มันยู่ปากทันที หึหึ กูจะอยู่ในตำแหน่งที่ข่มคนอื่นได้แล้วโว้ย ปกติผมจะเห็นหน้ามันจากรูปในเฟสบุ๊ค หรือบางทีน้องก็ส่งรูปมาให้ผมดูทางเมล มาเจอกันตัวเป็นๆวันนี้มันก็ยังตัวเท่าเดิม
“ตอนอยู่ที่นู่น โต้ซังให้โตเกียวดื่มนมแทนน้ำเลยนะ ยังไม่สูงขึ้นอีกเหรอ อ๊ะ คุณแม่ๆ โตเกียวเจอพี่พีมด้วย”
“อ้าวน้องพีม”
“น้าปริมสวัสดีครับ” ผมหันไปสวัสดีผู้หญิงที่มาใหม่ น้าปริมยิ้มให้ผมมาแต่ไกล
“สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยไม่คิดว่าจะเจอน้องพีมที่นี่ ช่วงนี้น้าบินไปบินมาญี่ปุ่น บ้านก็ติดกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนาะ น้าไม่มีเวลาไปหาพี่ปุ้ยเลย ทุกคนสบายดีใช่ไหมจ๊ะ”
“สบายดีครับ แล้วน้าปริมล่ะครับ แต่พีมว่าน้าปริมสวยขึ้นรึเปล่า”
“แหม ปากหวานนะเนี่ย น้าก็สบายดีจ๊ะ แล้วน้องพีมมาเที่ยวหรอลูกหรือว่ามากิจกรรมของมหาลัย”
“มาเที่ยวครับ พอดีพีมปิดเทอม เพื่อนมันเลยชวนมา เห็นโตเกียวบอกว่าน้าปริมมาประชุม” ระหว่างที่ผมคุยกับน้าปริม ไอ้เด็กตาแป๋วนี่ก็กอดเอวผมไม่ปล่อย มันยิ้มเหมือนดีใจไรนักหนา หึหึ น่ารักว่ะ
“จ๊ะ น้ามาสัมมนาของบริษัทน่ะลูก มากับคุณพ่อเจ้าโตเกียวนี่แหละ น้าไม่กล้าทิ้งน้องไว้บ้านคนเดียวเลยหอบมาด้วย ตอนแรกบอกว่าจะไปอยู่ที่บ้านพี่พีม เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นก็จะไปหาพี่พีมท่าเดียว ดีนะที่น้าพามาด้วยไม่งั้นคงได้คลาดกัน” น้าปริมยีหัวลูกชายอย่างเอ็นดู ไอ้โตเกียวก็ขำคิกๆ
“อ้าว แบบนี้ตอนที่น้าปริมไปสัมมนา น้องก็อยู่คนเดียวเหรอครับ” ผมถามน้าปริมและหันมามองหน้าโตเกียว มันยู่ปากรีบพยักหน้าหงึกหงัก
“น้าก็ขังไว้ในห้องนี่แหละ สงสารก็สงสารนะ แต่ให้ออกไปเล่นน้ำคนเดียวน้าก็เป็นห่วง พอดีโอ๋ลากลับบ้านน่ะเลยไม่มีใครมาคอยดูให้” พี่โอ๋เป็นพี่เลี้ยงของโตเกียวครับ เวลาโตเกียวมาเล่นที่บ้านผมดึกๆพี่โอ๋ก็จะเป็นคนมาตาม พี่โอ๋เป็นคนที่พูดน้อยมากแต่ยิ้มได้ทั้งวัน ฮ่าฮ่า
“งั้นให้น้องไปกับพีมได้ไหมครับ พีมจะดูแลให้”
“ไปๆๆๆๆๆ” แม่มันยังไม่ทันอนุญาต ไอ้โตเกียวก็กระโดดเหยงๆเขย่าแขนผมรอแล้ว “คุณแม่ ขอโตเกียวไปเล่นกับพี่พีมนะ นะ น๊า คุณแม่ประชุมอีกตั้งนาน โตเกียวไม่มีเพื่อน”
“จะไม่รบกวนพี่เค้าหรอลูก” น้าปริมมองผมทีมองโตเกียวที
“ไม่รบกวนหรอกครับน้าปริม พีมเองไม่ได้เจอน้องตั้งนาน จะพาไปเที่ยวด้วย”
“แล้วพีมจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างลูก”
“เห็นเพื่อนมันบอกว่าจะไปอ่าวไร่เลกันครับ ข้ามไปเล่นน้ำ เย็นๆคงกลับ”
“อืม เอาไงดี น้าก็สงสารน้องอยู่ในห้องคนเดียว ถ้าไม่รบกวนพีมงั้นน้าฝากน้องด้วยนะ”
“เย้ๆๆๆ โตเกียวไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว รับรองว่าจะไม่ดื้อไม่ซนครับคุณแม่” โตเกียวกระโดดดีใจ มันรีบวิ่งกลับเข้าห้องไปจัดกระเป๋าหนีตามผม ฮ่าฮ่า
วันนี้โตเกียวใส่เสื้อสีฟ้าอ่อนกับเอี๊ยมขาสั้น ร้องเท้าผ้าใบสีขาว ใส่หมวกสีเดียวกับเสื้อ กระเป๋าหมีพูห์ มึงจะสดใจแข่งกับท้องทะเลอันดามันใช่ไหมครับน้องชาย ตอนลงลิฟต์มีนักท่องเที่ยวผู้ชายน่าจะเป็นชาวจีนไม่ก็ฮ่องกงมั้ง มองไอ้โตเกียวเหมือนจะกิน ผมเลยต้องโอบไหล่มันไว้ น้องกูโว้ยยยยยย
ทริปนี้มีเด็กใสๆอย่างโตเกียวมาด้วย คงช่วยลดความเถื่อนของพวกผมได้บ้างนะ
…………………………….
“เฮ้ยพวกมึงกูมีเด็กมาแนะนำให้รู้จัก นี่น้องโตเกียว น้องกู โตเกียวครับนี่เพื่อนๆพี่เอง” ผมพาน้องโตเกียวเดินมาหาพวกลิงค่างที่นั่งรออยู่
“พี่ๆสวัสดีฮะ”^__^ มันยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้
OoO
พวกมันมองน้องโตเกียวกันตาค้าง จนน้องเริ่มทำตัวไม่ถูก เอาแต่ก้มหน้า ปกติอยู่กับผมที่สนิทมันก็ขี้อาย ยิ่งถูกพวกเสือสิงกระทิงจ้อง น้องแทบจะก้าวขาผิดๆถูกๆ
“เฮ้ย เป็นไรกันวะ” ผมต้องตะคอกเรียกสติพวกมันกลับมา
“อ้าววว หวัดดีครับโตเกียว พี่นึกว่าใคร โตจนเกือบจำไม่ได้แล้วนะเนี่ย” ไอ้คิวทักทายและเนียนมากอดน้อง พวกไอ้แทน ไอ้คิว ไอ้เชน ไอ้ปันรู้จักโตเกียวตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับ ตอนที่พวกผมอยู่ม.4 รู้สึกว่าโตเกียวจะอยู่ป.4หรือป.5นี่แหละ เวลาพวกมันมาที่บ้านผมแล้วบังเอิญน้องโตเกียวก็มาก็เล่นก็เลยรู้จักกัน
“มึงจำแฟนกูไม่ได้เหรอคิว” ไอ้แทนเข้าไปใกล้ๆและจับแก้มโตเกียวยืดไปยืดมา เหมือนผมพาลูกกวางตัวน้อยๆมาปล่อยในดงเสือหิวเลยว่ะ
“ใครบอกว่าแฟนมึง แฟนกูต่างหาก จริงไหมครับโตเกียว” พวกนี้มันชอบแซวโตเกียวแบบนี้แหละครับ น้องมันก็ทำอย่างเดียวคือก้มหน้าเขิน แก้มใสๆของมันก็จะเป็นสีชมพู
น่ารักกกกก
“พวกมึงพอเลยๆ โตเกียวนี่เพื่อนๆพี่ พี่ภูมิ พี่มิค พี่ฟ่าง พี่เบียร์”
“สวัสดีครับพี่ๆ”
“หวัดดีครับ หึหึ” ไอ้ฟ่างที่เกลียดเด็กยังยิ้มให้โตเกียวเลย ไอ้มิคนี่สะกิดแขนผมยิกๆ
“ไรมึง”
“ผู้ชายจริงดิ”
“เออ ก็ผู้ชายสิ”
“แม่งเอ๊ย โคตรขาว โคตรน่ารัก ทำไมผู้ชายสมัยนี้มันขยันน่ารักกันจังวะ”
“กูก็ว่างั้นแหละ ดีนะที่มึงกับกูเกิดสมัยก่อน เราเลยหล่อ” หึหึ
“กูน่ะใช่ แต่มึงไม่ เดี๋ยวกูไปตักน้ำใส่กะลามาให้ส่องนะพีม” ไอ้ฟายยย “เด็กผู้ชายสมัยนี้มันน่ายกขันหมากไปขอจริงๆ” อั๊ยย๊ะ อัง อัง อัง โตะ เต๊ะ อีโต้ โดราเอม่อน อย่าเชียวนะมึง อย่าแม้แต่จะคิด อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ผู้หญิงต่อไปเถอะ
“พี่ชาย” อยู่ๆน้องโตเกียวก็เดินเข้าไปหาไอ้เบียร์แต่ทำไมเรียกว่าพี่ชาย พวกผมงงกันตาแตก ไอ้เบียร์ก็ก้มลงมองโตเกียวที่เงยหน้ายิ้มให้มันอยู่ แต่พวกผมนี่มองหน้ากันเลิกลั่ก
“นึกว่าจะจำพี่ไม่ได้ซะแล้ว” ไอ้เบียร์ยกมือขึ้นลูบหัวน้องโตเกียว และเหมือนหลุดเข้าสู่มิติที่มีกันแค่สองคน ทำเอาพวกผมอึ้ง
“เอาแล้วเว้ยเฮ้ย” ไอ้คิวตบเข่าฉาด ไอ้ภูมิมันจ้องเพื่อนรักมันตาไม่กระพริบเลย ไอ้เชนมันก็หัวเราะหึหึอยู่ข้างๆผมนี่แหละ ไม่นะเบียร์ กูขอร้องเบียร์ อย่านะเพื่อนนนนนนนนนนนนน
“มึงรู้จักน้องกูด้วยเหรอเบียร์”
“อืม โตเกียวเคยไปติวค่ายนิติก่อนไปญี่ปุ่น”
พวกผมหันมองหน้ากันอย่างส่อความนัย หึหึ ตำนานรักใสๆบทใหม่อาจจะกำลังเริ่มขึ้นก็ได้นะครับ
เอาล่ะครับตอนนี้ก็ได้เวลาลงเรือกันซักที เรือที่จะพาพวกเราไปก็คือเรือหางยาว ค่าบริการก็คนล่ะ 80 บาท แต่พวกผมเหมา ไม่รู้ว่าเท่าไรเพราะไอ้เชนเป็นคนจ่าย
ใช้เวลาจากอ่าวนางไปหาดไร่เลก็ประมาน 20 นาทีครับ แต่ช่วงนี้หน้ามรสุมคลื่นลมมันแรง พี่คนขับเรือบอกว่า พี่ขอครึ่งชั่วโมงนะน้อง ฮ่าฮ่า ผมรู้สึกเหมือนตัวเองทำรายการท่องเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ บู่ววว
พี่แกฮาดีครับ แกยังบอกอีกว่าพวกผมโชคดีที่วันนี้อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง น้ำทะเลใสแจ๋ว อากาศสดชื่น แต่ไอ้แทนอ้วกครับ มันเมาเรือหน้าเหลืองหน้าซีดเลย ฮา ไอ้ฟ่างก็คอยลูบหลัง เอายาดมให้ดม เออมันก็ดูแลกันดีเนอะ เมื่อวานไอ้แทนคงเมื่อยจากการขับรถ ผมเห็นฟ่างนวด(เหยียบ)ให้แทนด้วย
ส่วนน้องเต้ยกับพี่คิวก็หยอกกันจนเรือโคลง สาดดด เดี๋ยวไปไม่ถึง ไอ้เชนมันก็ถ่ายรูปวิวไป ภูมิกับผมก็ดูวิวไป ไอ้หล่อมันโอบผมไม่ปล่อยเลย
ตอนนี้โตเกียวก็กลายเป็นตุ๊กตามีชีวิตที่ทุกคนอยากเล่น พวกมันก็เอ็นดูน้องกันมาก แต่ที่ฟินนาเร่สุดๆ ต้องนี่ครับ พี่เบียร์ที่คอยดูแลเทคแคร์น้องไม่ห่าง ผมไม่เคยเห็นไอ้เบียร์มันเป็นแบบนี้เลยนะเว้ย ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะออกหัวหรือออกก้อย
และแล้วก็มาถึงแล้วคร้าบบบบหาดไร่เล พี่เค้ามาส่งพวกผมที่หาดฝั่งตะวันตก ว้าวววววววววววว หาดทรายสีขาว ท้องฟ้าใสๆ น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวมรกต สุ๊ดย๊อดดดดดดดดดด
“สวยว่ะ มัลดีฟก็มัลดีฟเหอะ ทะเลอันดามันนี่แหละนัมเบอร์วัน” ไอ้ปันถึงกับเพ้อ และกิจกรรมที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือเล่นน้ำ ไอ้แมทกับไอ้เต้ยโยนกล้องทิ้งวิ่งลงทะเลไปแล้วแถมยังลากโตเกียวลงไปด้วย
ไอ้คิว ไอ้เบียร์ ไอ้ภูมิ เดินไปสั่งน้ำมะพร้าว และเช่าเสื่อ ไม่นานพวกมันก็กลับมา ไอ้ฟ่างปูเสื่อเสร็จ ไอ้แทนก็ล้มตัวนอนทันที พวกผมก็นอนชื่นชมกับความงามของน้ำทะเล แม่งสวย มันจะสวยไปไหนนักหนาว่ะ บรรยายไม่ถูกครับ ตอนนี้พวกผมใส่แว่นกันแดดนอนเรียงกัน ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ผม ภูมิ ไอ้เบียร์ ไอ้คิว ไอ้เชนนั่ง ไอ้ปันก็นั่ง ปิดท้ายด้วยไอ้มิค นอกนั้นลงทะเล
“เป็นไงบ้างมึง” ผมถามอาการคนเมาเรือ
“โอเคว่ะ กูขอนอนพักซักครู่ เดี๋ยวพาไปตีโป่ง” เชี่ย ไม่สนใจแม่งแล่ว ปล่อยไอ้ฟ่างนวดมันไป “ฟ่างเล่นน้ำไหม” หูผมได้ยินเสียงแหบๆของไอ้แทนถามฟ่าง แต่ผมแอ๊บไม่หันไปมองไง เดี๋ยวมันรู้ว่าผมฟังอยู่ คึคึ
“เล่นดิ มึงพักไปก่อนก็ได้ ค่อยไปพร้อมกัน”
“ครับ มานอนกอดหน่อยมา”
“จะตายแล้วยังปากดี” ปากไอ้ฟ่างมันก็ด่าไปงั้นแหละ แต่ตัวก็ยอมนอนลงข้างๆให้ไอ้แทนดึงไปกอด
“โห่ ทะเลคงจืดแล้วม้างงงง” พวกไอ้คิวตะโกนแซวแต่ระดับไอ้ฟ่างมีหรือจะแคร์ มันยิ่งกอดกันแน่นกว่าเดิม เด็กขี้อิจฉาอย่างไอ้ภูมิเห็นพี่ชายทำ ก็อยากทำบ้าง ลากผมไปนอนเกยบนตัวมัน เลยโดนโห่ซ้า
“เบียร์ มึงชอบน้องโตเกียวหรอว่ะ” ไอ้เชนเปิดประเด็น
“เปล่า กูแค่เห็นว่าน้องน่ารักดี แค่เอ็นดู พวกมึงคิดอะไรกันเนี้ย” ไอ้เบียร์รีบปฏิเสธใหญ่เลย ไอ้ภูมิเลยตบหลังมันดังอั๊ก
“เอ็นดูหรือจะดูเอ็นว่ะชายน้อย” เชี่ยฟ่าง ฮ่าฮ่า ถูกใจกูอีกแล้ว
“ถ้ามึงเริ่มมองว่าผู้ชายน่ารักนะเบียร์นะ สเตปต่อไปก็ไม่ยากเพื่อน ทางสวรรค์ใกล้แค่เอื้อม หึหึ” ไอ้คิวลุกมาตบไหล่ให้กำลังใจไอ้เบียร์ ไอ้เจนเทิ่นแมนมันก็ยิ้มรับ เออ เป็นเอามากไหนบอกไม่คิดอะไร
“สุดท้ายกลุ่มเราก็ละทางโลกกันหมด แม่งเหลือแต่กู ไอ้แมท ไอ้มิค มิคเราไปหาผู้ชายมาคบซักคนดีไหม”
“มึงไม่ชวนไอ้เชนด้วยล่ะ” ไอ้ภูมิถาม
“ปล่อยแม่งไป พันธุ์มันดี เสียดายแทนผู้หญิง” ไอ้มิคกับไอ้ปันมันกอดคอกัน ตอแหลร้องไห้ ส่วนไอ้เชนส่ายหน้าขำๆ
“แล้วมึงไม่ได้คบกับพี่องุ่นเหรอปัน”
“มึงเข้าใจผิดแล้วล่ะภูมิ ไม่อัพเดทข่าวเลยนะมึงเนี้ย เฮ้ยมิคไปเล่นน้ำกับน้องโตเกียวดีกว่า” แล้วมันก็ลากคอไอ้มิคลงน้ำไป ปล่อยให้ไอ้เบียร์มองตามตาปริบๆ
คนอย่างไอ้ปัน มันอายได้ไม่นานหรอกครับ หรือถึงอายมันก็จะทำเหมือนไม่แคร์ แล้วคนแซวอย่างพวกผมก็จะเซ็ง เพราะทำไรมันไม่ได้ อย่างเรื่องพี่องุ่นก็เหมือนกัน วันแรกๆมันก็ดูมีอาการ มาวันนี้ใครจะแซวมันก็เฉยใส่ มันคงไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้าจริงๆนั่นแหละ
“เออมึง ตกลงไอ้ปันกับพี่องุ่นนี่ยังไงว่ะ มึงสอบสวนมันว่าไงบ้างฟ่าง” ผมหันไปถาม
“มันก็บอกว่าแค่รู้จัก แล้วเค้ามาชอบมัน”
“จริงดิ มึงอย่ามาอำ” ทำไมพี่องุ่นถึงรสนิยมประหลาดขนาดนี้
“จริงๆ ไอ้เต้ยก็เล่าให้กูฟัง นี่ๆกูมีรูปด้วยเซฟมาจากเฟสไอ้แมท” ไอ้คิวยื่นไอโฟนมันมาให้ผมดู ผม ภูมิ ไอ้เชน ไอ้เบียร์ลุกนั่งสุมหัวกันอย่างเร็วไว
เชี่ยย น่ารักโคตร ไม่บอกไม่รู้นะว่าอยู่ปีสี่ หน้าเด็กมาก พวกผมเลื่อนดูไปเรื่อยๆ มีลักยิ้มด้วยแฮะ
“น่ารัก แต่แม่งตาต่ำมาชอบไอ้ปันได้ไงว่ะ ทำไมไม่มาชอบกู ทั้งจริงใจ นิสัยดี มีเวลาให้ แถมมี sex appeal นิดๆอีกต่างหาก หึหึ”
“อย่างมึง คงเซ็กส์แอบเพลียมากกว่าว่ะเชน”
“เต้ยก็ว่างั้นแหละพี่คิว”
“เฮ้ยยย เชี่ย กูนึกว่าพรายน้ำ” ไอ้คิวสะดุ้งตกใจแฟนตัวเอง ฮ่าๆ ไอ้ตื่นมันมานั่งยองๆเงียบๆตัวเปียกอยู่ข้างๆไอ้คิว มันยิ้มแฮ่ก่อนจะหยิบน้ำมะพร้าวขึ้นดื่ม
“ไอ้แมทมันเล่าให้เต้ยฟังอ่ะเฮีย ว่าพี่องุ่นน่ะชอบเฮียปัน แต่เฮียปันไม่สนใจ คนจีบพี่องุ่นมีแต่หล่อๆเทพๆ เฮียปันอ่ะเล่นตัว”
“แล้วทำไมมันต้องปิดบังพวกเราว่ะ”
“มันคงกลัวว่าจะโดนแซวมั้ง ซึ่งมัน โดนแน่ๆ หึ” ถูกต้องแล้วภูมิ ต่อให้ไอ้ปันมันชอบหรือไม่ชอบพี่องุ่นก็ตาม แต่ผมก็ยังยืนยันว่าจะแซวมันต่อไป
แต่ผมว่าก็ถือเป็นความโชคดีของชีวิตพี่องุ่นเลยนะนั่น แสดงว่าบุญเก่าพี่แกยังเยอะ เลยช่วยให้รอดพ้นจากวิบากกรรมไม่ต้องมาเป็นแฟนไอ้ปัน ฮ่าฮ่า เรื่องพี่องุ่นนี่อาจจะลุ้นไม่ขึ้น ผมว่าเรามาลุ้นน้องโตเกียวกับคุณชายเบียร์ดีกว่านะครับ