ตอนที่ 68 คืนมา
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านพวกผมค่อนข้างจะวุ่นวายกับการเตรียมงานนิทรรศการหลังจากที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้งในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดเสียที วันนี้เป็นวันเปิดงานทุกคณะทุกภาควิชาต่างมีกิจกรรม ผลงานวิชาการ ออกร้านขายของที่ระลึก เล่มเกมส์ รวมทั้งคอนเสิร์ตจากศิลปินและจากนักศึกษาให้น้องๆมัธยมเพื่อนๆต่างสถาบันรวมทั้งบุคคลทั่วไปได้มาเที่ยวชมกัน บรรยากาศงานในปีนี้ก็ยังครึกครื้นเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
คณะศิลปกรรมของพวกเรานอกจากจะมีกิจกรรมสนุกๆแปลกๆให้ทุกคนได้ร่วมเล่นกันแล้วยังมีเสียงแหลมๆของพวกอีกรีนอีจี้ที่เป็นMCประจำงานดังแว๊ดๆผ่านไมโครโฟนเรียกผู้คนให้เข้ามาเที่ยวชมในคณะตั้งแต่เช้าอีกด้วย
ไอ้เต้ยกับไอ้ดินก็ได้รับเกียรติจากพวกภาควิชาออกแบบแฟชั่นดีไซน์ให้ไปเดินแบบให้ มันสองคนเลยได้เสียงกรี๊ดจากสาวๆกันไปตั้งแต่เช้าไม่ต่างจากวงฟันฟันของไอ้คิวที่เรียกทั้งเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะเมื่ออีกรีนขึ้นไปเลื้อยบนเวทีตอนไอ้คิวร้องเพลง หึหึ
ส่วนผมกับพวกไอ้โจไอ้หนึ่งก็ต้องรับหน้าที่ทำงานกรรมกรแบกหามแหกปากขายเสื้อแฮนเมดจากไอเดียพวกเราเอง ขายไปได้ซักพักเชี่ยหนึ่งมันก็เริ่มกินแรงพวกผม มันไม่สนใจช่วยขายเสื้อเลยเพราะมันมัวแต่สนใจแฟนแสนน่ารักอย่างน้องป่านที่มาเที่ยวงานแล้วแวะมาหามันได้ซักพักแล้ว
ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าน้องป่านกับน้องโตเกียวมันเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้นอกจากจะมีน้องป่านมานั่งยิ้มน่ารักเรียกลูกค้าให้ก็ยังมีไอ้เด็กเรืองแสงโอโม่โตเกียวมานั่งตาแป๋วเกาะผมไม่ห่าง
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้สนใจมองเสื้อเท่าไรหรอกเอาแต่มองน้องโตเกียวกับน้องป่านจนไอ้หนึ่งไล่กลับบ้าน เห็นไอ้หนึ่งกับน้องป่านได้รักได้คบกันอย่างเปิดเผยเพราะครอบครัวมันยอมรับได้แล้วผมก็ดีใจกับมันด้วยแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบกับตัวเองและก็เจ็บเอง
ผมถอนหายใจและยิ้มปลอบใจตัวเองการที่ผมพยายามทำตัวให้วุ่นวายไม่ให้ตัวเองมีเวลาว่างพยายามอยู่กับเพื่อนตลอดเผื่อมันจะทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่านแต่ก็ได้แค่ชั่วคราวเพราะทุกครั้งที่อยู่คนเดียวผมก็ยังคิดถึงแต่ภูมิ
“โตเกียวอยู่กับพี่ตั้งแต่บ่ายไม่เบื่อบ้างเหรอไปเที่ยวคณะอื่นก็ได้นะ” ผมบอกไอ้โตเกียวที่กำลังตั้งใจเพ้นท์เสื้อมันหันมายิ้มแฉ่งให้ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เบื่อหรอกพี่พีมโตเกียวว่าสนุกดีแล้วอีกอย่างป่านก็อยู่นี่ถ้าโตเกียวไปโตเกียวก็ไม่มีเพื่อน”
“พี่ก็นึกว่าอยากไปดูงานคณะทนาย หึหึ”
“พี่พีมอ่ะ” มันก้มหน้าแต่ผมก็ยังเห็นว่าแก้มใสๆของมันน่ะแดงลามไปถึงคอถึงหูแล้ว และผมก็ต้องหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆอ้อมแอ้มตอบกลับมา “โตเกียวไปคณะนิติก่อนจะมาหาพี่พีมพอดีพี่ชาย เอ่อ พี่เบียร์ไปรับโตเกียว”
“โหหห ไวไฟเหมือนกันนี่หว่าไอ้คุณชาย เดี๋ยวพี่ต้องไปสอบปากคำไอ้เบียร์ซะหน่อยแล้วว่ามันทำอะไรน้องโตเกียวของพี่บ้าง” ยิ่งผมแซวโตเกียวมันก็ยิ่งเขินจนแทบจะเอาหน้าไปถูกับจานสีผมกลัวว่าน้องจะได้รับอันตรายเลยเลิกแกล้งมัน ผมคงต้องไปถามเพื่อนราชนิกุลของผมแล้วล่ะว่ามันคิดจะเลี้ยงเด็กจริงๆหรือแค่ทำเล่นๆ
พอยิ่งเริ่มดึกคนก็ยิ่งเยอะพวกไอ้ชายไอ้โป้งไอ้คิวที่ทำซุ้มเกมส์มันก็มาช่วยพวกผมทั้งแหกปากร้องเพลงทั้งเต้นท่าบ้าๆบอๆ ไม่มีใครแวะซื้อก็เอาฮากันเองนอกจากจะบ้าแล้วพวกมันยังม่อน้องผมอีก โตเกียวมันก็ทำได้แค่ก้มหน้าเขิน
น้องมันอยู่กับพวกผมจนเกือบสองทุ่มมันก็ได้เวลากลับบ้านและไอ้หนึ่งก็ต้องไปส่งผมเลยฝากโตเกียวไปกับมันด้วย ส่วนผมกับพวกเพื่อนๆก็ต้องช่วยกันเก็บของเพราะวันนี้คงพอแค่นี้ก่อนพรุ่งนี้ยังมีต่ออีกวัน
กว่าจะเก็บของเคลียร์ของเสร็จและนัดประชุมสรุปงานกันอีกนิดหน่อยก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มป่านนี้ไม่รู้คอนเสิร์ตจบรึยัง
วันนี้ผมตั้งใจจะไปดูภูมิเล่นคอนเสิร์ตคิดแล้วก็น่าขำเหมือนกันนะจากที่เคยไปดูมันซ้อม เคยบ่นเคยดื้อไม่อยากไปแต่ก็ถูกมันลากไปดูทุกครั้งพอมาวันนี้แม้อยากไปอยู่ใกล้ๆแค่ไหนอยากให้กำลังใจแต่ผมกลับทำได้แค่เพียงยืนมองอยู่ห่างๆเพราะระหว่างผมกับภูมิมันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ผม ไอ้คิว ไอ้เต้ย ไอ้แมทมาถึงบริเวณที่จัดคอนเสิร์ตทันเวลาเพราะว่ายังมีวงดนตรีเล่นอยู่ เสียงเพลงจังหวะมันส์ๆดังต้อนรับตั้งแต่พวกผมลงจากรถ วงที่เล่นอยู่เป็นศิลปินอินดี้ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ไอ้เต้ยก็กระโดดเหยงๆเพราะอยากเห็นชัดๆ
“พี่คิวเดินเร็วๆดิเต้ยจะไปเต้น”
“เออๆเร็วกว่านี้กูก็ไปแข่งวิ่งทีมชาติแล้วแม่ง” มือขวาไอ้เต้ยมันลากไอ้คิวส่วนมือซ้ายมันใช้ดึงไอ้แมทแถมยังส่งสายตาให้ผมรีบเดินอีก พอเข้ามาภายในบริเวณที่จัดคอนเสิร์ตถึงได้รู้ว่าคนค่อนข้างเยอะเหมือนกันถ้าจะให้เบียดไปยืนข้างหน้าอย่างที่ไอ้เต้ยต้องการคงไม่ไหวลำพังยืนอยู่ตรงนี้ยังต้องตะโกนคุยกันเลย
“เชี่ยเต้ยปล่อยกู กูไม่ไปปปปป” ไอ้น้องแมทโวยวายแต่ก็สู้แรงควายๆของไอ้เต้ยไม่ไหว คนที่ยืนดูบริเวณรอบนอกเขาก็เริ่มหันมามองพวกผมแล้ว
“กูเป็นเพื่อนมึงนะแมท มึงไม่รักกูเหรอ” หึหึ เวลาไอ้เต้ยมันอยากให้ไอ้แมทตามใจมันจะถามแบบนี้แหละครับ
“เชี้ยยยยมันไม่เกี่ยวกันมึงก็ไปกับพี่คิวดิวะ”
“ป่ะพี่คิวไปเย้วๆข้างหน้ากัน ป่ะๆ” ไอ้เต้ยหันมาอ้อนแฟนมันต่อส่วนไอ้น้องแมทก็หลบมาอยู่ข้างหลังผมแล้วเรียบร้อย
“ยืนดูอยู่ตรงนี้แหละมันก็เห็นเหมือนกัน”
“ไม่เอาตรงนี้มันไม่มันส์ดูดิข้างหน้าเต้นอย่างมันส์”
“ข้างหน้ามันร้อนคนก็เบียดถ้ามึงอยากไปก็ไปคนเดียวเลยไป”
ยังเดินผ่านทุกวัน ที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน
ยังจำซ้ำๆ ได้ทุกตอน ราวกลับมีใครมาหมุนย้อนเวลา
แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด
ในชีวิตจริง คงไม่เจอกันอีกแล้ว เสียงเพลงเรียกเข้าของผมดังขัดจังหวะการทะเลาะของไอ้คิวกับไอ้เต้ย ตอนที่ผมยกมือถือขึ้นมาดูว่าใครโทรมาและปรากฎว่าเป็นไอ้มิค ไอ้เต้ยก็ได้ทำการลากไอ้แมทผู้โชคร้ายแหวกผู้คนหายลับไปจากสายตาและแน่นอนว่าไอ้คิวมันต้องตะโกนด่าตามหลัง
“เออมิค ว่าไงมึง” ผมป้องปากและตะโกนเพราะเสียงเพลงดังกลบหมด
(เพื่อนพีมมมมมม มึงอยู่ไหนแล้วสาดดดด วงไอ้ภูมิกำลังจะเล่นแล้วมึงจะมาดูไหมเนี่ย) เสียงไอ้มิคตะโกนมาตามสายแข่งกับเสียงดนตรีเสียงเพลงที่ค่อนข้างดังมากจนผมแทบไม่ได้ยินเสียงมัน
“เออกูอยู่ที่คณะมึงแล้วมึงอยู่ตรงไหนวะ”
(หลังเวทีๆมึงมาถึงแล้วหรอเดี๋ยวกูเดินออกไปรับ)
“เออๆกูอยู่กับไอ้คิว” หลังจากที่วางสายจากไอ้มิคผมก็ก้มลงดูกล่องนมหมีในมือพร้อมกับเผลอถอนหายใจอีกแล้ว
“แน่ใจนะว่าจะเข้าไปดูมึงเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะพีม เอาไง” ไอ้คิวมันถาม แต่ผมไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยส่ายหัวแทนคำตอบ วันนี้มีคนมาดูเยอะไอ้ภูมิมันคงจะตื่นเต้นผมก็อยากจะให้กำลังใจภูมิอยากให้รู้ว่าผมก็คอยเชียร์มันอยู่
“คิวมึงมีโพสอิทไหมกูขอหน่อยสิ” ไอ้คิวมันพยักหน้าก่อนจะรื้อเป้ของไอ้เต้ย มันหาอยู่ซักพักก็ยื่นโพสอิทสีฟ้าพร้อมปากกาให้ผม ผมเขียนข้อความและแปะโพสอิทไว้ข้างกล่องนม
“ตั้งใจเล่นนะ เป็นกำลังใจให้เสมอ…จากไอ้เตี้ย” อยากเขียนอยากพูดอยากบอกมากกว่านี้ แต่ว่า กูทำได้แค่นี้นะภูมิ หวังว่ามึงจะไม่โกรธกูใช่ไหม
“ยู้ฮู้ววว ทางนี้ๆพรรคพวก” ไอ้มิควิ่งเหงื่อโทรมาทางพวกผมมันโบกไม้โบกมือให้ทั้งที่มันก็มายืนอยู่ตรงหน้าพวกผมแล้วแท้ๆ
“เชี่ยมิคมือมึงจะทิ่มตากูแล้วสัด” ไอ้คิวโวยวายด่าไอ้มิคแต่ไอ้มิคมันไม่สนใจหรอกครับ
“กูกลัวพวกมึงมองไม่เห็น คึคึ อ้าวแล้วทำไมมากันแค่นี้วะ”
“คนอื่นเขาก็มีงานที่คณะเหมือนกันใครจะว่างอย่างมึง”
“โด่ งั้นมึงสองตัวก็คงว่างเหมือนกูนี่แหละ ป่ะๆเดี๋ยวกูพาไปหน้าเวทีวันนี้สาวตรึม”
“กูขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่าว่ะ…..มิคกูฝากนี่ให้…ภูมิหน่อยสิ” ไอ้มิคเลิกคิ้วมองกล่องนมหน้าที่เคยมีรอยยิ้ม
ทะเล้นของมันเปลี่ยนเป็นซึมลงทันตา
“เฮ้ออ กูอุตส่าห์จะบิ้วมึงให้ยิ้มซะหน่อย ตกลงจะไม่เข้าไปหรอวะ”
“อืม”
“เออๆเอางั้นก็ได้ งั้นกูไปก่อนนะเว้ยเดี๋ยวคอนเสิร์ตเลิกค่อยเจอกัน….. พีม ไอ้ภูมิมันคงดีใจที่รู้ว่ามึงมาดู” มันยิ้มและรับกล่องนมไปจากมือผมก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางหลังเวที ไอ้คิวมันกอดคอผมไว้มันตบหลังผมเบาๆ ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มกลับไป
วันนี้มีศิลปินอินดี้วงร็อกที่กำลังมาแรงหลายวงมาเล่นมีทั้งวงของมหาลัยรวมถึงวงทั่วไปของนักศึกษาที่ขึ้นมาเล่นสลับกัน และวงของภูมิน่าจะเป็นวงสุดท้าย ไอ้คิวมันพาผมเบียดผู้คนมายืนอยู่โซนกลางแต่เป็นริมๆฝั่งซ้ายของเวทีถึงจะอยากเห็นภูมิใกล้ๆแต่ระยะเท่านี้น่าจะดีกว่า ส่วนไอ้เต้ยกับไอ้แมทมันไปกอดคอกันปล่อยสเต็ปอัพที่หน้าเวทีแล้วมั้ง
เมื่อเพลงสุดท้ายของวงนี้จบลงก็ได้รับเสียงกรี๊ดจากคนดูและผมก็ต้องเอามืออุดหูเมื่อวงที่จะเล่นต่อไปเดินขึ้นมาบนเวที เป็นวงของภูมิเสียงนั่นเองเสียงกรี๊ดดังมาจากทุกสารทิศแต่พอผมเห็นคนที่เดินขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายผมก็ไม่ได้ยินเสียงรอบกายไม่รับรู้อะไรอีกเมื่อได้เห็นภูมิเห็นคนที่ผมเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน
วันนี้ภูมิอยู่ในชุดเสื้อนักศึกษาธรรมดากับกางเกงเดฟสีดำอย่างที่ชอบใส่ คนที่เหลือก็ใส่เสื้อยืดมีแค่ปริ๊นท์ที่ใส่ช้อป
ช่วงเวลาเกือบสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ได้เจอกันหน้าหอสมุดภูมิของผมผอมลงไปมากมากจนผมรู้สึกใจหาย ใบหน้าหล่อๆที่เคยเกลี้ยงเกลาตอนนี้มีเคราขึ้น
มันอาจจะทำให้ภูมิดูเท่แต่สำหรับผมกลับคิดว่าเหมือนมันไม่ใส่ใจดูแลตัวเองเลย ผมอยากจะเจอหน้ามันอยากมาเห็นกับตาว่ามันยังอยู่สบายดีไม่เจ็บไข้แต่ทำไมสภาพภูมิถึงอ่อนแอขนาดนี้ ไอ้คิวตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะก้มมากระซิบ
“กูไปหามันเมื่อวานกูยังตกใจเลยกูถึงไม่อยากให้มึงมาเห็นไง ไอ้ภูมิเพิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วย” ผมหันควับไปมองหน้าไอ้คิวทันทีคำว่าเข้าโรงพยาบาลทำให้ผมเผลอกัดปากตัวเอง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละภูมิ ผมจ้องคนที่กำลังตั้งเสียงลองเสียงเบสอย่างไม่วางตา ไหนสัญญาว่าจะมีความสุขไงมันถึงกับเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ แล้วไหนพ่อกับแม่บอกว่าจะดูแลมันทำไมปล่อยให้ภูมิไม่สบาย ผมเจ็บนะเจ็บจนเหนื่อยจนใกล้จะหมดแรงแล้ว
“มันเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ก็โรคเก่าของมันน่ะกระเพาะแต่เพราะวันนี้มีคอนเสิร์ตมันเลยต้องมา”ไม่สบายก็ต้องนอนพักสิแค่เล่นดนตรีแค่นี้ให้คนอื่นเล่นแทนก็ได้ ถ้าไม่ไหวจะทำยังไง ถ้าอาการแย่กว่าเดิมจะทำยังไงภูมิ
แต่ที่ภูมิเป็นแบบนี้ก็เพราะผมสินะและถ้าผมไม่ได้คิดไปเองเหมือนภูมิกำลังกวาดสายตามองหาอะไรซักอย่างในระหว่างที่เพื่อนกำลังเซ็ตเครื่องดนตรี
“อ๊ากกกกกกกกกกกสิ่งที่รอคอยมาทั้งวันพี่ปริ๊นขาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดดด”
“คุณน้องปริ๊นนนนนนนนของเจ้ อร๊ายยย”
“ภูมิๆๆๆๆๆๆ ทำไมภูมิของฉันผอมลงล่ะเนี้ยยยยแต่ก็หล่อสุดๆไปเลยค๊าาาาาา”
“พวกพี่ภูมิแม่งเท่สาดดดดด”
“ถ้ากูหล่อได้ซักครึ่งลุงรหัสกูคงจะดีว่ะ” ผมหันไปมองกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายเกือบยี่สิบคนน่าจะเป็นเด็กวิศวะและดูจากสภาพแต่ล่ะคนคงกระโดดออกลีลาเท้าไฟมาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วเพราะเห็นบางคนเสื้อเปียกไปทั้งตัว
“โหล เทสๆ หึหึ สวัสดีคร้าบบบบ” ไอ้แซคทักทายและได้รับเสียงกรี๊ดพร้อมเสียงโห่จากวิศวะที่คงเป็นเพื่อนพวกมันนั่นแหละ “เสียงกรี๊ดของสาวๆแซคขอรับไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแต่ไอ้พวกข้างหลังมึงจะโห่กูทำไมครับ” มีเสียงหัวเราะจากคนดูตามมาผมก็พลอยยิ้มไปด้วยเพราะภูมิก็ยิ้มให้เพื่อนมัน
“สวัสดีทุกคนนะครับพวกเราวงเฮีย(here)คร้าบบบบบ ไหนขอเสียงสาวๆต่างคณะหน่อยเร็วววว” และก็มีเสียงกรี๊ดอีกระลอกสงสัยไอ้แซคมันคงจะเป็นที่รู้จักของสาวๆอยู่เหมือนกัน “ระหว่างที่รอเช็คเสียงผมก็จะขอแนะนำสมาชิกในวงซึ่งทุกคนก็อาจจะรู้จัก
ไอ้ที่ถือไม้กลองชื่อหนุ่ม ไอ้ที่ยืนอยู่หลังคีย์บอร์ดชื่อแชมป์ ไอ้ที่ยืนหน้าเหียกๆมือกีต้าร์นั่นชื่อปริ๊นและมือเบสที่ผมเคยสละตำแหน่งเดือนคณะให้ชื่อภูมิ ตะลึงตึงโป๊ะ” คราวนี้มีแต่เสียงโห่กับเสียงตีกลองรับมุกไอ้ภูมิก็ตบเบสรับมุกไอ้แซคเหมือนกัน
“โห่อะไรกันครับ ผมยังแนะนำไม่จบ ฮ่าๆส่วนผมแซคโซโฟนคนหล่อร้องนำและ…..ยินดีที่ไม่รู้จักทุกคนนนนนน” ไอ้แซคหันไปส่งสัญญานไอ้หนุ่มเคาะไม้กลองให้จังหวะก่อนที่เสียงกีตาร์เสียงเบสและกลองจะกระหึ่มขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ด แค่เพลงแรกของพวกมันก็ทำเอาพวกข้างล่างกระโดดได้ไม่หยุดคนเล่นก็มันส์คนร้องก็มันส์คนฟังยิ่งมัน ไอ้ปริ้นท์สะบัดหัวตามกีต้าร์จนแทบหลุด ยิ่งเวลาที่ปริ๊นท์เดินมาโซโล่กีต้าร์ใกล้ๆภูมิยิ่งได้รับเสียงกรี๊ด
พวกมันปรับซาวด์กีต้าร์ใหม่เกือบทุกเพลงเพราะรู้สึกจะเล่นหนักๆเสียงทุ้มๆ ผ่านไปสามเพลงไอ้หนุ่มก็ถอดเสื้อ ไอ้ปริ๊นก็ก็ถอดช้อปส่วนภูมิเสื้อนักศึกษาสีขาวของมันเริ่มเปียกชุ่มเหงื่อเวลาภูมิหันหลังจะเห็นรอยสักรูปอินทรี เพลงแรกที่พวกมันเล่นคือเพลงยินดีที่ไม่รู้จักต่อด้วยเพลงที่เดิม
เพลงที่สามคือเพลงคิดฮอดที่ไอ้ปริ๊นได้รับเสียงกรี๊ดอย่างถล่มทลายเพราะมันโชว์ลูกคอร้องหมอลำแทนพี่ศิริพร เพลงที่ห้าคือเพลงบ้างไหมและเพลงที่เพิ่งจบไปเมื่อกี้คือเพลงคนนี้ ผมเคยดูพวกมันซ้อมมาไม่รู้กี่ครั้งและเคยแซวมันด้วยว่าเลือกเพลงได้หลากหลายดี มาวันนี้ผมก็ยังรู้สึกแบบนั้นพวกมันเล่นได้ดีเหมือนที่เคยซ้อม
“ฮู้ววววววว เหนื่อยรึยัง ข้างหลังว่าไงงงงงงงง วันนี้ใครอกหักบ้างขอเสียงหน่อยยยยยย” ไอ้แซคเดินไปกอดคอไอ้ภูมิก่อนจะพาทุกคนสนุกอีกครั้งมันก็หันหน้าไปยิ้มให้ภูมิและตะโกนเลียนแบบพี่ตูนว่า “ชีวิตยังมีพรุ่งนี้ครับทุกคน” แซคทำได้ดีเหมือนเป็นนักร้องวงร็อกมืออาชีพมันเอนเตอร์เทนคนได้ทำให้ทุกคนสนุกไปกับพวกมัน
“เพื่อนกูเล่นดีนี่หว่าแต่บอดี้กีต้าร์หนาไปหน่อยแล้วมันจะใส่เอฟเฟคอะไรนักหนาวะคิดว่าเล่นในผับหรอหูกูจะแตกแล้ว” ไอ้คิววิจารณ์แต่ผมก็เห็นมันโยกตามเกือบทุกเพลงสงสัยจะอยากขึ้นไปแจม ส่วนผมก็โยกหัวตามบ้างแต่ส่วนมากจะยืนนิ่งๆมากกว่าไม่ใช่พวกมันเล่นไม่ดีพวกมันเล่นดีมากแต่เพราะผมอยากตั้งใจมองมือเบสให้สมกับที่คิดถึง
“สาวๆข้างหน้าเด็ดมากแปลงเพศเมื่อไรมาเอาพินพี่ปริ๊นได้นะน้อง” ไอ้แซคพักกินน้ำและแซวคนดู
“กรี๊ดดดดดดดดดด อร๊ายยยยยย หนูเอาจริงนะคะพี่” ฟังจากเสียงกรี๊ดคงไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ
“ฮ่าๆ เคลียร์กันหลังไมค์ครับน้อง หนุ่มๆสาวๆเหนื่อยรึยังงงงงจ๊ะ” ทุกคนต่างพร้อมใจตอบว่ายัง "แต่กูเหนื่อยแล้วว่ะ ฮ่าๆ ครับก็ฟังเสียงหล่อๆของผมมาหลายเพลงแล้วต่อไปลองไปฟังเสียงของคนหน้าตาแย่ๆบ้างดีกว่า ขอเสียงให้พี่ภูมิหน่อยคร้าบบบบบ” ไอ้แซคเดินไปตบไหล่ภูมิก่อนจะรับเบสไปเล่นแทน
แค่ภูมิเดินออกมายืนตรงกลางเวทีก็ได้รับเสียงกรี๊ดนานเกือบนาทีมันยังคงเป็นคนดังของสาวๆเสมอผมก็ได้แต่มองและยิ้มจากตรงนี้
“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกกับคณะวิศวะของเรานะครับแล้วก็ขอบคุณที่อยู่ดูคอนเสิร์ตจนจบ เพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของวงเราและเป็นเพลงสุดท้ายของวันนี้…….. ผมอาจจะเสียงไม่ดีร้องไม่ค่อยเพราะก็ทำใจหน่อยนะครับ” ถึงภูมิจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยังได้รับเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ ภูมิยิ้มบางๆแสงไฟแสงสปอตไลค์ทำให้ภูมิดูมีเสน่ห์มาก เวลาภูมิเล่นดนตรีก็น่ามองไปอีกแบบความหล่อของมันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าเลย
ภูมิเป็นคนที่โดดเด่นเสมอ
“เพลงที่ผมจะร้องผมอยากจะมอบให้กับคนๆนึง….” ทุกคนเริ่มเงียบและตั้งใจรอฟังภูมิแต่สำหรับผมกำลังรู้สึกแปร๊บๆที่อก และเกือบไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนเมื่อภูมิจับจ้องมองมาที่ผม ผมไม่รู้ว่าภูมิเห็นผมตั้งแต่เมื่อไรแต่ตอนนี้มันไม่ละสายตาไปไหนเลย “เขาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมและเป็นคนที่ผมรักมากที่สุด เขาทำให้ผมยิ้มได้ทำให้ชีวิตผมมีความหมายทำให้ผมรู้ว่ารักคืออะไรแต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ข้างกายผมอีกแล้ว…….
ผมอยากบอกเขาว่าตั้งแต่วันแรกที่เรารักกันจนถึงวันนี้ วันที่เขาจากผมไปความรู้สึกของผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผมยังรักเขารักมาก ผมยังคิดถึงเขาตลอดเวลาและผมก็จะรอเขากลับมา….แม้ผมไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรแต่ผมก็จะรอ…จะรอจนถึงวันที่ไม่ต้องรอ”
http://www.4shared.com/embed/296198519/e37874b2 คำว่ารักมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว
อะไรที่หวัง ก็พังไปตั้งนานแล้ว
แต่ชีวิตไม่รู้ทำไม มันยังคงค้างคาใจ
ไม่มีวันใดที่ฉันไม่จดจำ
ก็คำว่ารักยังจำได้อยู่เสมอ
หลับตาทุกครั้งยังเจอเธออยู่ตรงนี้
ความเข้มแข็งที่ฉันเข้าใจ อ่อนแอลงทุกนาที
อยู่ดีๆ ใจก็ร้องไห้อีกครั้ง
ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน
ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ
ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้วก็เข้าใจ
แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจยังจดจำ
คำว่ารักยังพอให้ต่อชีวิต
ยังทำให้คิดถึงวันเก่าๆ เหล่านั้น
ได้แต่หวังลึกๆ ในใจ จะมีบ้างไหมสักวัน
สิ่งที่ดีๆ เหล่านั้นจะกลับมา
ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน
ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ
ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้ว ก็เข้าใจ
แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจมีแต่เธอเอามีดมากรีดหัวใจผมซะยังจะทรมานน้อยกว่านี้ ทุกคำพูดเหมือนจะบีบให้หัวใจหยุดลง มือของไอ้คิวยังคงกอดคอผมเหมือนจะบอกให้รู้ว่ามันยังอยู่ตรงนี้ ทุกคำพูดทุกถ้อยคำของภูมิทำให้ผมทรมานเจียนตาย ในท่อนสุดท้ายของเพลงเสียงภูมิสั่นฟังดูน่าสงสารแต่มันก็พยายามร้องต่อจนจบ
บรรยากาศที่เคยสนุกสนานกลับเหงาเศร้า หลายคนร้องเพลงคลอไปกับภูมิและมีหลายคนที่ร้องไห้น้ำตาคลอตามภูมิ เหมือนผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ถัดไปเธอก็ร้องไห้ ร้องเหมือนที่ผมกำลังร้องพอเพลงจบลงผมสบตากับภูมิอีกครั้งถ่ายทอดความรู้สึกบอกมันว่า “รัก” ก่อนจะหันหลังจากมา
ผมทิ้งมันไว้ข้างหลังทิ้งคนที่รักสุดหัวใจให้ร้องไห้อีกครั้งและหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องทำร้ายภูมิ ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้นจนเกือบจะถึงที่จอดรถผมก็เห็นปลายรองเท้าของใครบางคนยืนขวางทางพอเงยหน้ามองก็เห็นไอ้เชนส่งรอยยิ้มจางๆรอผมอยู่มันยิ้มให้เหมือนเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังรู้สึก
ผมโถมตัวเข้ากอดมันไว้แน่น ปล่อยเสียงสะอื้นเสียงร้องไห้สุดเสียงเหมือนอกผมจะระเบิด เหมือนหัวใจถูกฉีกทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อไรมันจะผ่านพ้นไปเสียที
“ฮึก เชน กูใกล้จะตายแล้ว” มันเจ็บร้าวไปหมดเจ็บเหมือนร่างกายจะแตกสลายไปไอ้เชนยังคงลูบหัวลูบหลังผมไม่ห่างจนเสื้อของมันเปียกเป็นดวงจากน้ำตาของผม
“พอได้รึยัง พอเถอะนะพีมหยุดทรมานตัวเองเถอะมึงกลับไปหาไอ้ภูมิเถอะนะ”
“กู ไม่ ไม่อยาก ให้ภูมิทะเลาะ ไม่อยากเห็นมันมีปัญหาฮึก กับ กับพ่อ”
“มึงเลยฆ่ามันให้ตายทั้งเป็นแบบนี้น่ะเหรอ มึงกำลังฆ่าคนสองคนฆ่าทั้งมันและก็ฆ่าตัวมึงเองมึงเชื่อกูนะพีมมึงทำแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมึงกลับไปหาไอ้ภูมิเถอะ เชื่อกู”
“กูไม่รู้จะทำยังไง เชน กูไม่รู้ กูเจ็บ ฮึก เชนกูเจ็บ กูรักมัน มึงได้ยินมั้ยว่ากูรักมัน รักภูมิ ฮืออ”
ผมไม่รู้ว่าจะต้องเจ็บแบบนี้ไปอีกนานเท่าไรแต่คงไม่เจ็บไปมากกว่านี้แล้วผมแค่เจ็บทุกวินาทีที่หายใจ
ภูมิจะรอผมจนกว่าจะถึงวันที่ไม่ต้องรอ มันจะมีวันนั้นของเราใช่ไหม