“แทน……กูรักมึงนะ ไม่ว่าจะยังไงกูก็ยังรักมึง เรารักกันนะ” ผมไม่ชอบพูดว่ารักเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญถึงไม่บอกไอ้แทนมันก็คงรู้จากการกระทำของผมแต่ตอนนี้อยากบอกตอนที่ยังมีโอกาสยังมีแทนให้บอกผมกลัวว่าซักวันเราจะต้องเป็นแบบภูมิกับพีม
(กูก็รักมึงเดี๋ยวจะรีบไปหานะมึงกินข้าวรึยังอยากกินอะไรไหมกูจะซื้อเข้าไปให้)
“ไม่หิว รีบมาเร็วๆนะ”
“ครับ”
ผมนั่งรอไอ้แทนเกือบยี่สิบนาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นผมรีบเดินไปเปิดทันที “แทน!!!!” ทันทีที่เห็นมันยืนอยู่ตรงหน้าผมก็โถมตัวกอดจนแทนมันเซ พอมันตั้งหลักได้มันก็กอดผมแน่นมันจูบขมับจูบแก้มผมมั่วไปหมดเหมือนต้องการจะยืนยันให้ผมรู้ว่าเรายังอยู่ด้วยกัน ยังอยู่ตรงนี้
“มึงอย่าทิ้งกูนะ อย่าทิ้งกูไปไหนมึงห้ามขัดคำสั่งกูเด็ดขาดเข้าใจไหม ถ้ามึงทิ้งกูกูจะตามไปฆ่ามึง”
“หึหึ ไม่ทิ้งไปไหนหรอกต่อให้ต้องตายอยู่ตรงนี้กูยอมแต่จะไม่ยอมเดินไปจากมึง” แค่นี้ก็พอแล้วผมกอดรอบคอมันแน่นและซุกหน้าลงกับบ่ามันไอ้แทนโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็กจนผมต้องด่ามันทั้งที่ร้องไห้แม้ไม่มีเสียงร้องแต่เราก็กอดกันร้องไห้เงียบๆ
อาจจะเหนื่อย อาจจะเจ็บ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำเพื่อความรัก อย่างน้อยก็ยังมีกันและกัน ผมคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแต่เวลาที่อ่อนแอไอ้แทนคือเกราะป้องกันเดียวที่พร้อมจะปกป้องผมได้เสมอ แล้วถ้าไม่มีมันผมจะอยู่ยังไงแค่คิดก็ทรมานจนไม่อยากจะหายใจแล้ว จนผมเผลอซุกเข้าไปกอดมันแน่น
“ไม่ต้องกลัวนะฟ่าง กูจะอยู่กับมึง กูจะปกป้องมึงเอง ไม่ต้องกลัวนะ..คนดี”
“ขอบคุณ ขอบคุณนะแทนแต่ถ้ามึงผิดสัญญามึงตายแน่” มันหัวเราะก่อนจะขยี้หัวผม เราคุยเล่นกันซักพักมันก็บ่นว่าหิวแต่ผมคิดว่ามันตอแหลมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมลุกไปทำอะไรง่ายๆให้มันกินระหว่างที่รอผมไอ้แทนก็เข้าไปคุยเป็นเพื่อนภูมิ
แทนอยู่กับผมจนสามทุ่มกว่าๆมันก็กลับไปเพราะพรุ่งนี้มันมีสอบแต่กว่ามันจะกลับได้ผมก็ต้องเสียจูบให้มันจนปากช้ำ หลังจากที่ไอ้แทนกลับไปผมก็อาบน้ำเข้านอนแต่กลับนอนไม่หลับผมนอนก่ายหน้าผากคิดอะไรไปเรื่อย เห็นดาวเรืองแสงแล้วก็เผลอยิ้มไม่คิดว่าไอ้พีมกับน้องผมจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ผมหันไปยิ้มให้น้องชายตัวดีที่หลับไปนานแล้ว
ฝันดีนะภูมิ
แกร๊ก
ผมหันควับไปมองประตูทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิด ผมได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาทางห้องนอนหัวใจผมเต้นแรกและเริ่มมองหาอะไรซักอย่างที่พอจะเป็นอาวุธให้ผมได้แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก
พ่อผมยอมรับว่าตกใจมากที่พ่อมาที่นี่ดึกขนาดนี้แสดงว่าพ่อเพิ่งกลับจากออสเตรียแล้วคงมาที่นี่เลยเพราะท่านยังอยู่ในชุดสูทผมเลยแกล้งหลับแต่ก็แอบหรี่ตามองพ่อคงคิดว่าผมหลับไปแล้ว
พ่อเดินไปนั่งลงข้างๆภูมิผมได้ยินเสียงถอนหายใจที่แสนเหนื่อยล้าท่านลูบหัวภูมิเบาๆและ ร้องไห้ ไหล่ที่กำลังสั่นไหวเหมือนไม่ใช่คุณพ่อที่เคร่งขรึมและเข้มแข็งของพวกเราเลย
“พ่ออยากให้ภูมิรู้ว่าพ่อก็เสียใจ พ่อควรจะทำยังไงดีภูมิ” ผมต้องกัดปากพร้อมกำผ้าห่มแน่นเพื่อบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ตามพ่อผมอยากปลอบพ่อ ท่านกุมขมับร้องไห้อยู่ซักพักก็เดินออกไปก่อนไปพ่อห่มผ้าให้เราสองคนและประทับจูบที่ขมับพร้อมกับบอกฝันดีเหมือนตอนที่พวกเรายังเด็กพ่อก็ทำแบบนี้
หลังจากที่พ่อออกไปผมก็ร้องไห้เงียบๆผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจแต่ที่น้ำตามันไหลเพราะความตื้นตัน ความหวังที่ภูมิเฝ้ารอคอยใกล้เข้ามาแล้ว
เช้าวันอาทิตย์ผมมีนัดกับพี่รหัสต้องไปช่วยมันเผางานเพราะแม่งทำโปรเจคส่งไม่ทันอีกแล้ว มันโทรมาจิกผมตั้งแต่เช้าผมเลยโทรไปบอกไอ้เบียร์ให้มาอยู่เป็นเพื่อนภูมิ ก่อนจะไปบ้านพี่รหัสผมก็ต้องกลับบ้านไปเอาของ พอลงจากรถป้าอรก็รีบวิ่งมาบอกว่าโอ๊ตกลับมาแล้ว
ผมรีบเดินแกมวิ่งเข้าบ้านแต่ไม่มีใครอยู่ที่ห้องรับแขกเลยซักคน ผมวิ่งไปที่ห้องหนังสือพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพ่อแม่พี่โอ๊ตกำลังนั่งคุยกันและคงเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะสีหน้าของแต่ละคนดูเคร่งเครียดแม่ก็เหมือนจะร้องไห้ พอผมเห็นหน้าโอ๊ตผมก็เดินเข้าไปกอดมัน
“น้องล่ะข้าวฟ่าง” โอ๊ตลูบหลังและเอ่ยถามเสียงเบา
“โอ๊ตน้องพวกเราไม่สบาย”
“พี่รู้แล้วเดี๋ยวน้องก็หาย”
“น้องล่ะฟ่าง” คราวนี้เป็นพ่อที่ถาม
“อยู่คอนโดครับฟ่างฝากเบียร์ดูให้” ผมเดินกลับมานั่งโซฟาข้างๆแม่ ท่านกอดผมไว้ก่อนจะถามถึงภูมิ
“น้องเป็นยังไงบ้างลูก” ผมเม้มปากไม่กล้าสบตากับใคร “ข้าวฟ่าง น้องภูมิเป็นยังบ้าง” แม่ถามย้ำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“น้องปวดท้องแล้วก็อ้วกเมื่อวานน้องอ้วกจนเป็นเลือดครับ” แม่ยกมือขึ้นปิดปากท่านหันไปมองคุณพ่อผมไม่รู้ว่าพ่อมีสีหน้ายังไงผมได้ยินแค่เสียงโอ๊ตถอนหายใจ
“พ่อครับโอ๊ตว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”
“ถ้าพ่อพาภูมิไปรักษาน้องจะหายไหมโอ๊ต”
“พ่อหมายถึงจะรักษาน้องเรื่องอะไรครับถ้ารักษาที่น้องเป็นโรคกระเพาะภูมิอาจจะหายแต่ถ้าจะให้หมอรักษาเรื่องจิตใจภูมิคงไม่มีวันหาย พ่อครับสิ่งที่ภูมิเป็นมันไม่ใช่โรคร้ายน้องไม่ได้ป่วยน้องแค่มีความรักนะครับ” ห้องตกอยู่ในความเงียบ คำพูดของโอ๊ตทุกคำสะท้อนอยู่ในใจของผม ใช่ พวกเราไม่ได้ป่วยเราก็แค่รักกัน
“คุณคะ คุณกลัวใช่ไหม กลัวลูกเดินทางผิดกลัวภูมิจะเจ็บกับสิ่งที่เลือกแต่ที่ผ่านมาเราก็เห็นแล้วว่าเราต่างหากที่ทำให้ภูมิเจ็บ ฉันว่าเราปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตของเขาแล้วเฝ้ามองอยู่ห่างๆดีกว่านะคะ”
“ภูมิจะไม่เป็นไรใช่ไหม พ่อบอกตรงๆว่าพ่อไม่ค่อยเข้าใจความรักแบบนี้”
“โอ๊ตรู้ว่าพ่อเป็นห่วงภูมิมากและเรื่องแบบนี้มันก็ยากที่จะเข้าใจ แต่พ่อครับลองเปิดใจให้ความรักของภูมิดูสักครั้ง ความรักของภูมิกับพีมก็เหมือนความรักที่พ่อกับแม่มีให้กันพวกเขาห่วงใย เอาใจใส่กันและกันมันก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์เหมือนความรักของคนอื่นทั่วๆไปและโอ๊ตก็เชื่อว่าพีมจะทำให้ภูมิมีความสุขได้ครับ” พ่อถอนหายใจยาว ท่านหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“พวกเราเคยทำผิดกับภูมิมาครั้งนึงแล้วนะครับ พ่อเองก็บอกว่าเคยรู้สึกผิดที่ส่งภูมิไปอิตาลีจนน้องกลายเป็นคนเก็บตัวขี้เหงา ครั้งนั้นภูมิกลับมาหาเราแต่คราวนี้น้องอาจจะไม่กลับมา อาจจะไม่มีภูมิให้พ่อได้รู้สึกผิดก็ได้นะครับ”
ผมนั่งฟังข้าวโอ๊ตพูดอยู่เงียบๆมีเสียงร้องไห้ของแม่อยู่ใกล้ๆผมจับมือแม่ไว้ โอ๊ตหันมายิ้มให้ผม ผมรู้สึกชื่นชมโอ๊ตมาเสมอและวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกในตัวพี่ชายคนนี้ของผมมาก ตอนนี้ก็ถือว่าเราได้ทำเต็มที่แล้วอยู่ที่พ่อว่าจะตัดสินใจยังไง มือของแม่เย็นเฉียบไม่ต่างจากมือของผม ห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งก่อนที่พ่อจะพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจแล้ว ผมตัวชาขนลุกและรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาดังๆ
“โอ๊ตกับฟ่างมาหาพ่อหน่อยสิลูก” เราสองคนไปนั่งข้างๆพ่อ พ่อกอดเราทั้งคู่เอาไว้
“พ่อขอโทษนะที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก”
“พ่อไม่ผิดหรอกครับพวกเราเข้าใจ”
“ขอบคุณที่เข้าใจพ่อต่อไปนี้ก็ดูแลน้องให้ดีๆ รักน้องมากๆนะโอ๊ต ฟ่าง”
“ครับ” ผมกับโอ๊ตขานรับพร้อมกับเรายิ้มทั้งน้ำตา คุณแม่ปิดปากร้องไห้ก่อนจะเดินมามานั่งข้างๆและกอดพวกผมเอาไว้
“คุณคะขอบคุณนะคะ ฉันรู้ว่าคุณก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าพวกเราฉันรู้ว่าคุณพยายามทำเพื่อครอบครัวมาตลอด คุณเป็นสามีที่ดีของฉันเป็นพ่อที่ดีของลูกๆฉันภูมิใจในตัวคุณมากนะคะ”
“ใช่ครับ พ่อรู้ไหมครับว่าพ่อคือฮีโร่ของโอ๊ต โอ๊ตอยากเก่งเหมือนพ่อ”
“พ่อก็เป็นฮีโร่ของฟ่างเหมือนกันครับ ที่ฟ่างเรียนสถาปัตย์เพราะพ่อเคยบอกว่าพ่ออยากเรียนแต่ถูกปู่บังคับให้เรียนเศรษฐศาสตร์ฟ่างเลยอยากทำให้ฝันของพ่อเป็นจริงฟ่างภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อนะครับ”
“หึ ไปๆมาๆเลยมาชมพ่อกันหมดสิเนี่ย” ผมอธิบายไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ผมดีใจมากแค่ไหนอยู่ๆน้ำตามันก็รื้นออกมาเอง
ภูมิทำได้แล้ว ภูมิไม่ได้เอาชนะพ่อ แต่ภูมิทำให้พ่อรู้และยอมรับเข้าใจว่าความรักของภูมิมีค่ามากแค่ไหนะเด็กชายตัวน้อยเดินตามหลังคุณพ่อ มือเล็กๆถูกผู้เป็นพ่อจับจูงไว้
“คุณพ่อตรงนั้นเขามีอะไรหรอ” เสียงเล็กๆเจื้อยแจ้วถามคนเป็นพ่อพร้อมกับนิ้วชี้ไปยังซุ้มแจกของเล่นในงานวันเด็ก
“หื้ม…เขาแจกลูกโป่งกันน่ะลูก”
“น้องภูมิอยากได้ลูกโป่ง”
“แต่น้องภูมิมีของเล่นเยอะแล้วนี่ครับ ตรงนั้นแบ่งให้คนอื่นที่เขายังไม่มีดีกว่าเนอะ” คุณพ่อก้มลงบอกกับลูกชายพร้อมกับดึงแก้มใสๆนั่นอย่างเอ็นดู
“แต่น้องภูมิอยากได้”
“คุณพ่อเคยสอนว่ายังไงน้องภูมิจำได้ไหม”
“จำได้ครับ”
“ไหนลองทวนให้คุณพ่อฟังหน่อยสิ”
“น้องภูมิต้องเป็นเด็กดีรู้จักแบ่งปันมีน้ำใจกับคนอื่น”
“หึหึ เก่งมากครับ งั้นเรากลับบ้านได้รึยังเอ่ย”
“ฮึก แต่น้องภูมิอยากได้” น้องภูมิเริ่มเบะปากและร้องไห้เสียงดังตามประสาเด็กที่เคยได้ในสิ่งที่ต้องการ จนในที่สุดผู้เป็นพ่อต้องอุ้มพาไปตรงซุ้มลูกโป่ง
“ขอโทษนะครับ พอมีลูกโป่งเหลือไหม”
“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ลูกสุดท้ายเพิ่งหมดไป” พนักงานสาวมองคุณพ่อที่ยังหนุ่มเธอรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนคนที่มาเปิดงานเมื่อเช้าแต่ก็ไม่แน่ใจนัก
“น้องภูมิพี่เขาบอกว่าลูกโป่งหมดแล้ว”
“ฮืออ น้องภูมิอยากได้ลูกโป่ง คุณพ่อ ฮือออ” น้องภูมิร้องไห้งอแงคุณพ่อวางและย่อลงเพื่อคุยกับลูกชายคนเล็ก
“เดี๋ยวพ่อซื้อให้ใหม่นะไม่เอาไม่ร้องนะครับ”
“ฮืออ ลูกโป่ง ภูมิอยากได้ลูกโป่ง ฮือออออ” เด็กน้อยไม่ยอมฟังเสียงปลอบของคุณพ่อและยิ่งร้องไห้เสียงดังจนคนเริ่มหันมามอง
“อ้าว สุดหล่อร้องไห้ทำไมคะ” ระหว่างที่กำลังปลอบใจกันก็มีเสียงทักทาย ทั้งสองคนเงยหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“อ๋อ พอดีลูกชายผมอยากได้ลูกโป่งน่ะครับแต่ว่ามันหมดแล้ว”
“โอ๋ๆๆไม่ต้องร้องนะคะคนเก่งเดี่ยวน้าเอาให้ น้องพีม แบ่งลูกโป่งให้เพื่อนอันนึงสิลูกพีมได้ตั้งสองอันแหนะ” เด็กชายตัวเล็กอีกคนที่กำเชือกมัดลูกโป่งไว้สองลูกส่วนอีกมือก็ถือไอศกรีม น้องพีมเงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะมองกลับมายังเด็กอีกคนที่ยังสะอื้นอยู่
“อ่ะ” มือเล็กๆยื่นลูกโป่งสีขาวรูปหัวใจมาให้ตรงหน้าแต่ว่าน้องภูมิก็ยังไม่กล้ารับแม้ในใจจะอยากได้เลยหันไปมองคุณพ่อเพื่อขอความเห็นเมื่อคุณพ่อยิ้มและพยักหน้าให้น้องภูมิก็ยื่นมือไปรับลูกโป่งที่อยากได้มาไว้
“ขอบคุณเพื่อนสิครับน้องภูมิ”
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร เรามีสองอัน เราให้” คุณพ่อเอ่ยขอบคุณเด็กชายตัวน้อยกับคุณแม่อีกครั้งแล้วสองคนนั้นก็เดินจากไป
“โตขึ้นน้องภูมิต้องเป็นเด็กดีเหมือนเพื่อนคนนั้นรู้ไหมครับ”
“ครับ น้องภูมิจะเป็นเด็กดี”
น้องภูมิมองตามหลังเด็กชายตัวน้อยที่เดินเกาะชายเสื้อคุณแม่ ตากลมๆที่ขนตายังชุ่มน้ำตากระพริบปริบๆเมื่อเด็กคนนั้นหันกลับมายิ้มให้และโบกมือบ๊ายบายให้น้องภูมิ มือเล็กๆจึงยกขึ้นโบกกลับไปเช่นกันTBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>
………………………………………
- กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด จบซะทีความเศร้าทั้งหลายแหล่ที่ทำเอาตาลแย่เป็นเดือนๆ โฮกกกกกก หลายตอนมาแล้วที่สวยถูกคุกคาม กร้ากกก สวยน่ะสวยทั้งหนังหน้าและจิตใจนะคะทำไมทุกคนต้องย่ำยีสวยด้วย ทุกคนด่าสวยทุกคนเกลียดสวยสวยเจ็บสวยเสียใจ แง๊ กร้ากกก คือนางบ้าไปแล้วค่ะ
- อินี่บ้านั่งร้องไห้เพราะอ่านนิยายตัวเอง กร๊ากกกกกกกก เพราะน้องภูมิแหละ เชอะ แต่งตอนนี้เสร็จเหมือนมันโล่งๆแฮะ เค้าไม่ชอบดราม่าไม่ถนัดไม่เก่งทางนี้จริงๆสุดแสนจะดีใจที่มันผ่านไปซะที ถ้าเป็นรั่วๆอีตาลสู้ตายแต่ตอนที่ผ่านมารู้สึกจะโดนประชาทัณฑ์ไปเยอะเหมือนกัน ฮา แต่ไม่เป็นไรค่ะตาลเข้าใจอารมณ์ของคนอ่านเพราะตาลก็อ่านนิยายเหมือนกันเคยรู้สึกแบบนี้ก็คิดในใจประมาน
“โหยยย กูอุตส่าห์อ่านมาตั้งนานทำไมเป็นแบบนี้วะ”บลาๆๆๆ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำ แต่ฮาเม้นนึงมากอ่ะคือน้องเค้าเม้นตัวใหญ่ม๊ากแดงเถือกเลยนะคะว่า “เขาลือกันทั้งเล้าว่าพีมตาย เป็นแค่ข่าวลือหรือความจริง” แล้วนางก็จบค่า กร้ากกกกก แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆสำหรับกำลังใจแต่ถ้าตาลทำให้ใครรู้สึกไม่ดีรู้สึกแย่ตาลก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะ(เค้าอ่อนไหวนะตัว) ฮือออ เอาเป็นว่าขอบคุณชาววีอาร์ทุกคนอีกครั้งนะคะ^^
- We are เป็นเพียงเรื่องราวของกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่ตาลตั้งใจอยากจะส่งมอบรอยยิ้ม ความสุขและเสียงหัวเราะให้คนอื่นเพราะนั่นก็ถือเป็นความสุขของตาลเช่นกัน และถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือใครก็ตามที่ยังรู้สึกไม่ดีต่อความรักระหว่างผู้ชายได้ผ่านมาอ่าน ก็ขอให้ลองเปิดใจกับความรักของพวกเขาดูซักครั้งนะคะ ขอแค่ลองเปิดใจเขาอาจจะเป็นน้องเป็นพี่หรือเป็นลูกของคุณแค่คนในครอบครัวเข้าใจตาลว่าพวกเขาต้องการแค่นี้นะ ไม่ต้องสนใจสายตาคนภายนอกหรือคุณลองอ่านจากคอมเม้นคนอ่านก็ได้เพราะบางคนเขาก็มีความรักทั่วไปแต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจ ความรักเป็นสิ่งที่ดีขอแค่ลองเปิดใจและให้โอกาสเขาบ้างนะคะ ^__^
- ตาลยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะจบแค่บอกว่าส่งท้าย ส่งท้ายความเศร้าต่างหากล่ะ บู่ววววววววว เลทสะโกทูฟันนี่สตอรี่จ้า