We are...คือ เรารักกัน ตอนพิเศษ ด้วยความคิดถึง100%... 16/12/13 [P.314]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: We are...คือ เรารักกัน ตอนพิเศษ ด้วยความคิดถึง100%... 16/12/13 [P.314]  (อ่าน 3347851 ครั้ง)

Aizen

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาดุ๊กดิ๊กรอนักเขียน  สงสารภูมิจัง  T^T :sad4:

ออฟไลน์ ✪PATTY✪

  • เมี๊ยวววว~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
    • http://facebook.com/NKM.SNK

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
แบกกลอง นุ่งกางเกงเลย์เข้ามาเต้นสันรอคุณตาล =[]=

กะจั๊วมีปีก ตึงๆๆ!! กะจั๊วบินได้ ตึง ตึง ตึง

กะจั๊วจะไปอเมริกา ~

กะจั๊วฝันว่า ตึง ตึง ตึง!!

ถ้าเป็นไปได้ กะจั๊วจะไปไปให้ถึงดวงดาว
 :m7:  :m7:  :m7:

kukkuuu

  • บุคคลทั่วไป
ซาบซึ้ง  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

อดทนอีกนิดทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น หายเร็วๆนะภูมิ...

ออฟไลน์ มะมะมะหมิว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
คิดถึงภูมิพีมแล้วค่าพี่ตาลลลลล  :o8: :o8:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
คิดถึงแล้วเหมือนนนนกันนนนน มาม่าทำซะน้ำตาท่วมทุ่งงงงงงงง
ขอแบบเลิฟ สวดดดด หวานที่สุด นะค่ะ

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
ได้ยินข่าวลือมาว่า..จบแล้ว...จบแล้วซึ่งดราม่า...เลยมาตามอ่านรวดเดียวหกตอนเลย ปาดน้ำตาป้อยๆ แฮ่  :z2:
ตอนหน้าเป็นต้นไปขอตาลคนเดิมกลับมาเถิด  พลีสสสสสส

ทะเลหัวใจ

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 70 คุณค่าของความรัก


ผมนั่งมองแสงสุดท้ายของดวงตะวันที่ค่อยๆเปลี่ยนสี มีคนเคยบอกว่าบรรยากาศเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวันนั้นจะไม่เคยซ้ำกันเลยทั้งที่เป็นดวงอาทิตย์ดวงเดิมฟ้าก็ฟ้าผืนเดิม มันคงเป็นเสน่ห์ที่มหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่ว่ามนุษย์เราจะเก่งสักแค่ไหนจะพาโลกก้าวมาไกลสักเท่าไรแต่ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่มีทางทำได้เกินกว่าธรรมชาติเราเอาชนะธรรมชาติไม่ได้


สามวันแล้วที่ผมได้นั่งมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและผมคิดว่าตัวเองเริ่มหลงรักบรรยากาศแบบนี้ซะแล้วสามวันที่ผ่านมาผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองผมตัดขาดการติดต่อจากไอ้พวกเพื่อนๆด้วยการบล็อกเบอร์พวกมันเพราะผมไม่กล้าปิดเครื่องเผื่อพ่อกับแม่โทรมาและถ้ามีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาผมก็ไม่รับสาย


แต่ไม่ว่าผมจะคิดจะทำเรื่องอะไรภาพในหัวก็จะฉายแต่หน้าของภูมิเสมอทุกเรื่องราวระหว่างเรายังคงชัดในความรู้สึกคงเพราะผมไม่ได้คิดตัดใจไม่ได้คิดที่จะลืม ก็แล้วจะลืมทำไมในเมื่อเราเลิกกันเพราะคนอื่นเราไม่ได้เลิกเพราะไม่รักกัน


ในทุกๆเย็นผมจะมานั่งวาดรูปที่ชายหาดโดยใช้ทะเลเบื้องหน้าเป็นแบบและทุกวันผมมักจะเห็นคุณลุงคนนึงเดินเก็บขวดน้ำเก็บเปลือกหอยตามชายหาดพร้อมกับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ วันนี้ผมเลยคิดจะให้สองคนนี้เป็นแบบโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว


ผมเริ่มสเกตซ์ภาพคร่าวๆมาได้ซักพักแต่เพราะแบบของผมไม่ได้อยู่นิ่งๆแถมผมต้องแอบมองทำเนียนๆเพื่อไม่ให้แบบของผมรู้ตัวอีก กว่าจะร่างภาพเสร็จเลยต้องใช้เวลานานหน่อยพอผมจะเริ่มลงรายละเอียดอยู่ๆเด็กคนนั้นที่ผมแอบใช้เป็นแบบก็วิ่งมาเข้ามาหาผม น้องมายืนใกล้ๆพร้อมกับเอียงคอมองผมแล้วก็ยิ้มให้ผมเลยยิ้มตอบกลับไปผมคงจ้องนานเกินไปจนเจ้าตัวเขารู้สินะ


“ว่าไงครับ” ผมทักทายด้วยรอยยิ้มแต่น้องก็ไม่ตอบเอาแต่ยิ้มอย่างเดียว “พี่ชื่อพีมน้องชื่ออะไรครับ” เด็กนั่นก็ไม่ตอบ ผมเริ่มขมวดคิ้วปกติผมก็ไม่ใช่คนรักเด็กอะไรหรอกนะแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาในการผูกไมตรีแต่ดูท่าน้องคนนี้จะเป็นรายแรก


“อย่าไปกวนพี่เค้าสิไอ้ภู” ผมสะดุดกับชื่อที่คล้ายชื่อของคนที่อยู่ในใจผม ผมเบนสายตาหันไปหาผู้ที่มาใหม่คุณลุงคนนั้นบอกลูกชายแล้วก็หันมายิ้มให้ผม


“ไม่เป็นไรครับลุง น้องชื่ออะไรเหรอ” ผมบอกคุณลุงและยิ้มให้แกเช่นกันก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆของน้องภูแล้วเอ่ยถามชื่ออีกครั้งแม้ว่าผมจะรู้แล้วก็ตามแต่น้องก็ยังไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม


“ไอ้ภูพี่เขาถามก็ตอบสิ” ผมเงยหน้ามองคุณลุงและก้มลงมามองเด็กตัวน้อยเพื่อรอฟังคำตอบน้องภูจ้องผมอยู่สักพักก่อนจะยอมพูด


“ชื่อ ภู ฮะ” ผมขมวดคิ้วเพราะน้องพูดช้ากว่าปกติผมรู้สึกว่าน้องดูเหมือนจะแปลกๆแต่ผมก็ยิ้มให้




“เจ้าภูมันเป็นเด็กพิเศษน่ะพ่อหนุ่ม”



“ครับ?” ผมเงยหน้ามองคุณลุงเพื่อขอคำยืนยันว่าผมไม่ได้ฟังผิดไป คุณลุงยิ้มและลูบหัวลูกชายเบาๆผมมองน้องภูอีกครั้งถ้าไม่บอกก็ดูไม่ออกเลยว่าน้องเป็นออทิสติกเพราะน้องดูเหมือนเด็กปกติทั่วไปเพียงแค่ตัวเล็กแค่นั้นเอง


คุณลุงวางถุงที่ใส่พวกขวดน้ำเศษขยะลงก่อนจะนั่งห่างจากผมไม่มากผมก็วางอุปกรณ์วาดรูปไว้ข้างตัวเช่นกัน ลุงแกชวนคุยถามไถ่ผมเรื่องทั่วๆไปแกคุยสนุกดีนะครับแกชื่อลุงนพเป็นชาวประมง ส่วนเมียแกขายพวกกับข้าวอยู่ในตลาดหัวหิน ลุงนพเล่าให้ผมฟังว่าตอนเย็นๆแกมักจะมาเก็บขวดเก็บพวกขยะที่นักท่องเที่ยวมักง่ายทิ้งไว้และก็พาน้องภูมาเดินเล่นด้วย


“พ่อหนุ่มเป็นคนกรุงเทพรึ”


“ครับเป็นคนกรุงเทพแต่พ่อกับแม่ทิ้งผมไปอยู่เชียงใหม่กันหมดแล้วครับ” แกหัวเราะพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับมองไปยังน้องภูที่ตอนนี้กำลังวิ่งเล่นกับระรอกคลื่นพอคลื่นซัดเข้าหาน้องก็วิ่งหนีพอคลื่นห่างออกไปน้องก็วิ่งตามแล้วก็หัวเราะดูมีความสุข เด็กๆนี่เขายิ้มได้กับทุกเรื่องเลยเนอะคงเพราะเขายังไร้เดียงสาจิตใจก็บริสุทธ์ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราที่แม้แต่เรื่องเล็กๆก็ยังเครียด


“มาคนเดียวนี่มาพักผ่อนหรือมาพักใจ” ลุงเอ่ยถามอย่างคนอารมณ์ดี


“ก็ทั้งสองอย่างครับ หึหึ ท่าทางผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับลุง”


“ก็เห็นคุณนั่งเศร้าๆคนเดียวมาสองสามวันแล้ว คนที่มีความสุขเขาไม่ค่อยมาทะเลคนเดียวหรอกพ่อหนุ่ม” ผมหัวเราะที่ถูกดูออกผมเอากิ่งไม้ในมือเขี่ยทรายเล่น มันก็จริงน่ะนะคนที่มาทะเลคนเดียวคงไม่ใช่คนที่กำลังมีความสุขกับชีวิตหรอก


การได้พูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จักมันก็ทำให้สบายใจไปอีกแบบและมันทำให้เรากล้าที่จะพูดถึงความรู้สึกของเราจริงๆเพราะเขาไม่ได้รู้จักคนที่เราพูดถึงไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาไปพูดต่อและจากที่ได้คุยกับลุงนพผมคิดว่าแกเป็นคนที่มีมุมมองชีวิตที่น่าสนใจเลยทีเดียว


“ชอบที่นี่ไหม”


“ครับ ผมชอบทะเลชอบบรรยากาศของหัวหินมันเงียบสงบดี…….อีกอย่างผมเคยมีความทรงจำดีๆกับคนรักที่นี่น่ะครับ” ลุงนพส่งเสียงอืมเป็นการรับรู้ผมกับลุงนพยังคงมองไปที่จุดเดียวกันคือที่ที่น้องภูกำลังก่อปราสาททรายอย่างตั้งอกตั้งใจ


“ชีวิตช่วงวัยรุ่นหนุ่มสาวมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆของเราเลยนะเจอทั้งสุขทั้งทุกข์ได้ทำเรื่องสนุกๆแต่พอเวลามีปัญหามันก็หนักเอาการ”


“ครับ นี่ก็หนักจนต้องหนีมาพักใจเลยครับลุง” ผมพูดติดตลกหันไปยิ้มให้ลุงนพแกก็พยักหน้าหัวเราะไปกับผมด้วย


“พ่อหนุ่มรู้ไหมว่าชีวิตมันสนุกตรงไหนมันมีความหมายมีคุณค่ายังไง” ผมเลิกคิ้วมองลุงนพแกอมยิ้มอย่างผู้ที่ผ่านโลกมาก่อน “ตรงที่ชีวิตมันไม่ง่ายไง มันท้าท้ายดีนะลุงว่าเวลาเจอปัญหาแล้วเราก็สู้จนผ่านมันไปได้”


“ก็คงอย่างงั้นมั้งครับ ลุงนพดูเข้าใจชีวิตดีนะครับ น่าอิจฉา” ผมหันไปบอกลุงนพที่มองลูกชายตัวเล็กกว่าเด็กวัยอนุบาลทั่วไปเด็กชายตัวน้อยที่นั่งก่อทรายอยู่ที่เดิม


“หึ ไม่หรอกคุณ ลุงแค่ผ่านโลกมานานกว่าคุณแค่นั้นเองถ้าให้คุณไปปลอบใจเด็กอายุสิบขวบคุณก็ทำได้เพราะเห็นชีวิตมาเยอะกว่าเจออะไรมามากมายกว่าอย่างลุงก็ผ่านเรื่องแย่ๆมาเยอะเหมือนกัน”


จากสายตาของแกผมก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องที่ทำให้ลุกแกทุกข์ใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของน้องภูแต่ลุงนพก็พูดด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มน้ำเสียงก็ยังปกติเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป “ถ้าพ่อหนุ่มไม่รีบไปไหนอยากฟังเรื่องลูกชายของลุกไหม”


“ถึงลุงไม่เล่าผมก็จะบังคับให้ลุงยอมเล่าให้ได้” แกหัวเราะชอบใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตให้ผมฟัง


“พ่อหนุ่มอาจจะสงสัยว่าลุงอายุปูนนี้ทำไมเพิ่งมีลูกเล็กขนาดนี้” ผมพยักหน้ารับเพราะอย่างคุณลุงน่าจะมีลูกชายวัยเท่าผมไม่ก็แก่กว่าผม “ลุงแต่งงานมาหลายปีแต่ก็ไม่มีลูกสักทีเพราะเมียลุงสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเลยทำให้มีลูกยากมันแท้งไปสองครั้งลุงก็เลยถอดใจลุงสงสารเมียลุงเลยคิดว่าไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรอยู่กันไปสองคนผัวเมียก็ได้


แต่เวลาไปทำบุญลุงก็ชอบขอให้มีลูกจนเทวดาท่านคงเวทนามั้งต่อมาไม่นานลุงก็ได้ลูกชายสมใจ……เจ้าภูมันคลอดก่อนกำหนดแต่มันก็สมบูรณ์ดี วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าลูกลุงดีใจมากมันเหมือนของขวัญจากฟ้าเลยล่ะพ่อหนุ่ม” สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยถูกส่งไปให้น้องภูที่วิ่งหยอกล้อกับระรอกคลื่นจนผมยิ้มตามไปด้วย


“ลุงตั้งชื่อให้ลูกว่าภูผามันจะได้เข้มแข็งและแข็งแกร่งดั่งภูผาลุงกับแม่มันช่วยกันเลี้ยงให้ดีที่สุดถึงบ้านเราจะไม่ได้มีเงินทองมากมายแต่เราก็มีความสุขดีเพราะลุงเอาความรักของลุงทั้งหมดเลี้ยงลูก จนเจ้าภูมันถึงวัยที่ต้องหัดพูดแต่มันก็ไม่ยอมพูด ลุงคิดว่ามันอาจจะแค่พัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ

จนมันจะสามขวบมันก็ยังไม่พูดลุงเลยมามันไปหาหมอ เขาบอกว่าลูกลุงเป็นออทิสติก” รอยยิ้มของผมเหมือนถูกกระชากความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวที่แสนน่ารักของครอบครัวๆหนึ่งมันวูบหายไปทันทีเพราะผมลองจินตนาการว่าถ้าผมเป็นลุงนพถ้าลูกที่ผมเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาต้องมาป่วยแบบนี้ผมคงเหมือนใจสลายแต่ ลุงนพหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเริ่มเล่าต่อ


“คนเรียนน้อยอย่างลุงก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ออทิสติกนี่มันคืออะไร รู้แค่ว่าเป็นโรคๆหนึ่งและรู้แค่ว่าลุงจะต้องรักษาลูกให้หาย ลุงก็พยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่เป็นผลตอนแรกลุงก็อายก็ท้อนะนอนร้องให้กับเมียก็บ่อยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ทำไมลูกเราไม่เหมือนคนอื่น

ถ้ามันจะเกิดมาแล้วเป็นแบบนี้สู้อย่าเกิดมาซะเลยจะดีกว่าช่วงนั้นมันเหมือนมืดแปดด้านเงินที่หามาตั้งใจเก็บไว้ให้มันได้เรียนสูงๆก็เอามาเป็นค่ายาค่าหมอ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นทุกวันๆลุงหาเงินคนเดียวเพราะเมียลุงต้องอยู่บ้านดูแลลูก พอรายได้ไม่พอกับรายรับก็ต้องหยิบต้องยืมญาติๆจนเป็นหนี้เขาหลายบาท” ลุงนพหยุดเล่าและถอนหายใจเบาๆแต่ใบหน้าก็ยังเปื้อนรอยยิ้มไม่จางหาย

“ลุงเครียดมากจะหันไปพึ่งใครก็ไม่ได้จนวันนึงลุงคิดจะหาทางออกให้ตัวเองโดยการทิ้งทุกอย่างไว้ หึหึ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าคนอย่างลุงจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้”


“ไม่หรอกครับลุงนพ คนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหนแต่บางช่วงของชีวิตที่เราเจอเรื่องร้ายๆเราก็อ่อนแอได้เหมือนกัน”


“อืม ก็ยังดีที่ลุงเอาชนะความรู้สึกตอนนั้นได้ต้องขอบคุณไอ้ภูมัน”


“ทำไมเหรอครับน้องภูเป็นคนห้ามลุงไว้เหรอ”


“ก็ไม่เชิง ตอนนั้นเมียลุงออกไปซื้อยามาให้ไอ้ภูเพราะมันเป็นไข้ลุงเองก็ไม่สบาย ลุงตัดสินใจตอนนั้นเอาผ้ามาผูกกับขื่อบ้านอีกแค่ไม่กี่วินาทีลุงก็จะได้ไปพ้นๆจากปัญหาพวกนั้นแต่ไอ้ภูมันเดินเตาะแตะเข้ามาในห้องมันร้องไห้คงเพราะมันตื่นมาหาใครไม่เจอ ไอ้ภูมันแหงนหน้าขึ้นมองลุงที่ยืนอยู่บนเก้าอี้กำลังเอาคอเข้าไปบ่วงผ้า ลุงได้แต่มองหน้าลูกแล้วก็ร้องไห้ไอ้ภูมันก็มองลุง
 

แล้วมันก็เปล่งเสียงออกมา เสียงที่ทำให้ลุงดีใจและเสียใจมากที่สุดในชีวิตแค่คำว่า “พ่อ” ลุงได้ยินมันเรียกว่า “พ่อ” คำแรกที่เจ้าภูมันพูดได้ ลุงรีบมากอดมันไว้ จากวันนั้นลุงก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีก ลุงลุกขึ้นสู้กับปัญหาและลองมองชีวิตในมุมใหม่ๆมันทำให้ลุงรู้ว่าไม่ได้มีแค่ลูกลุงที่เป็นแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือโชคร้ายที่ลูกลุงไม่เหมือนคนอื่นลุงเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเรียกเด็กที่เป็นออทิสติกว่าเด็กพิเศษก็เพราะพวกเขาคือคนพิเศษของพ่อแม่เหมือนที่เจ้าภูมันเป็นคนพิเศษของลุงและไม่ว่ามันจะเป็นยังไงมันก็คือลูกของลุง”


ลุกนพหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้มผมยิ้มให้ลุงด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันแต่มันก็เจ็บในอกในเวลาเดียวกัน ความรักของพ่อยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งหมดบางทีการที่ผมตัดสินใจคืนภูมิให้กับพ่อ คืนลูกชายที่เขารักอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว


“หมอแนะนำว่าให้พาไอ้ภูไปเข้าศูนย์บำบัดรักษาเฉพาะทางลุงกับแม่ไอ้ภูก็พาลูกไปรักษา ที่นั่นลูกลุงมีเพื่อนมากมายมันได้เล่นกับเพื่อน มันยิ้มได้มันมีความสุขแค่นี้ลุงก็มีความสุขแล้วบางครั้งลุงก็เหนื่อยก็ท้อนะแต่ลุงก็บอกตัวเองเสมอว่าลูกจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเรามันก็ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป”


“น้องภูโชคดีมากเลยนะครับที่มีพ่อที่รักเขามากขนาดนี้”


“หึหึ พ่อคนไหนต่างก็รักลูกทั้งนั้นแหละพ่อหนุ่มว่าแต่พ่อหนุ่มเถอะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจยิ่งมาฟังลุงบ่นจะยิ่งไม่เครียดหนังเข้าไปอีกเหรอ”


“หึหึ ไม่หรอกครับ ขอบคุณลุงนพมากนะครับที่มานั่งคุยเป็นเพื่อน”


“ไม่เป็นไรลุงแค่อยากให้พ่อหนุ่มรู้ว่าเวลาที่เราทุกข์เวลาที่เสียใจให้ลองมองคนอื่นที่เขาแย่กว่าเรา เขาเจอปัญหาไม่ต่างจากเราหรืออาจจะหนักกว่าเราก็ได้แต่สุดท้ายแล้วเวลาจะทำให้มันผ่านไป” ผมพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกขอบคุณลุงนพจากใจจริงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจของผมกับภูมิได้หรือเปล่าแต่อย่างน้อยผมก็จะพยายามมองเรื่องราวครั้งนี้ในอีกด้านหนึ่ง


“ขอบคุณมากครับ เอ่อลุงนพครับน้องภูดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปเลยแสดงว่าตอนนี้น้องใกล้หายดีแล้วใช่ไหมครับลุง”


“มันก็ดีขึ้นเยอะนะมันพูดสื่อสารกับคนอื่นได้แต่ก็ช้าคงต้องรักษาไปเรื่อยๆจนกว่าภูจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติ”


“ผมเชื่อว่าน้องจะต้องหายครับ ลุงสู้ๆนะ” ลุกนพหัวเราะท่าทางการกำมือสู้ๆของผมแกบอกว่าไปๆมาๆกลายเป็นว่าผมเป็นคนที่ให้กำลังใจแกซะงั้น ผมต่างหากที่ได้กำลังใจได้เรียนรู้ชีวิตของลุง “ผมเคยได้ยินมาว่าน้องๆที่เป็นเด็กพิเศษเขาจะมีความสามารถพิเศษที่คนทั่วไปทำไม่ได้ใช่ไหมครับ”


“ก็แล้วแต่บางคนนะอย่างเพื่อนๆไอ้ภูที่ศูนย์บำบัดบางคนมันคิดเลขเก่งเหมือนพวกด็อกเตอร์ทางคณิตศาสต์เพียงแต่มันอยู่นิ่งๆไม่ได้ บางคนก็จำหนังสือเรียนได้ทั้งเล่มหมอที่ดูแลเจ้าภูเคยบอกว่าความเป็นออทิสติกกับอัจฉริยะมันใกล้ๆกัน”


“แล้วอย่างน้องภูละครับน้องมีความสามารถพิเศษไหมครับ” ลุงนพยิ้มและถามผมกลับ


“เมื่อกี้ลุงเห็นพ่อหนุ่มวาดรูปนิไอ้ภูมันก็ชอบวาดรูปวาดสวยเหมือนพวกนักวาดมืออาชีพเลยนะ” สิ่งที่ได้รับรู้ทำเอาผมตื่นเต้นมากผมเลยบอกลุงนพไปว่าผมก็เรียนเกี่ยวกับพวกศิลปะพวกวาดรูปเหมือนกันผมเลยขออนุญาตให้น้องภูมาวาดรูปเล่นกับผมลุงนพก็ไม่ว่าอะไร


จากวันนั้นผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่บ้านลุงนพเป็นครอบครัวที่น่ารักมากป้าไพแม่น้องภูก็เป็นผู้หญิงที่ใจดีมากการมาเที่ยวทะเลครั้งนี้นอกจากผมจะนอนร้องไห้ผมก็ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ต่างอายุตั้งสามคน


ในตอนเย็นๆผมจะเป็นคนไปรับน้องภูมาเล่นด้วยกันที่หาดผมซื้อสี ดินสอ ยางลบ สมุดวาดเขียนแล้วก็อุปกรณ์วาดรูปให้น้องไปเยอะเหมือนกันตอนแรกลุงนพแกจะไม่ให้น้องภูรับของพวกนี้เพราะเกรงใจแต่ผมก็พยายามเกลี้ยกล่อมบอกว่าถือเป็นของขวัญจากพี่ชายให้น้องชายแกถึงยอม


น้องภูวาดรูปสวยมากครับทำเอาผมอึ้งและอายเพราะบางรูปที่น้องวาดทั้งสวยและองค์ประกอบแสงเงาต่างๆมันดูลงตัวมาก


น้องภูเป็นเด็กยิ้มเก่งน้องพูดช้าและบางทีก็พูดตามพูดซ้ำประโยคเดิมผมไม่เคยสัมผัสกับชีวิตของน้องๆที่เป็น “เด็กพิเศษ” แต่พอได้อยู่กับน้องภูทำให้รู้ว่าพวกเขาก็เหมือนคนทั่วๆไปถ้าเราพยายามเข้าใจ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นคนปกติหรือคนพิการ มหาเศรษฐีหรือขอทานคุณค่าของความเป็นคนทุกคนมีเท่ากัน


รวมถึงน้องภูไม่ว่าสังคมจะมองพวกเขาแบบไหนแต่น้องภูก็คือคนพิเศษของลุงนพกับป้าไพและน้องภูก็เป็นคนพิเศษของผมเช่นกัน


ผมยิ้มเหงาๆลูบหัวน้องภูที่นอนวาดรูปครอบครัวตัวเองในรูปมีลุงนพมีน้องภูอยู่ตรงกลางอีกข้างคือป้าไพและที่ทำให้ผมน้ำตาคลอคือข้างๆลุงนพมีรูปผู้ชายคนนึงยืนอยู่ ใต้รูปนั้นเขียนด้วยลายมือแปลกๆแต่ก็พออ่านได้ว่า “พี่ชาย”


ผมเป็นลูกคนเดียวเคยอยากมีพี่น้องเหมือนคนอื่นจนบางครั้งผมกับภูมิก็เคยเถียงกันบ่อยๆเรื่องนี้เพราะมันบอกว่าจะเป็นพี่ชายให้ผมทั้งที่มันเกิดหลังผมเป็นปีผมเลยเรียกมันว่าน้องแล้วมันก็จะงอนหอบไอ้เสือน้อยไปนอนคุมโปงหันหลังให้ผม คิดถึง คิดถึงภูมิอีกแล้ว


ไม่ว่าจะได้พบเจอใครต่อใครมีเรื่องอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในชีวิตแต่สุดท้ายผมก็คิดถึงภูมิ ที่บอกว่าคนทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันแล้วคุณค่าความรักของผมล่ะ ทำไมความรักของพวกเราถึงต้องถูกกีดกันแค่เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่คุณค่ามันเลยน้อยลงใช่ไหม


“ร้องไห้” ผมกระพริบตาถี่ๆรู้สึกตัวเมื่อนิ้วมือเล็กๆเอื้อมมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ผม ผมยิ้มให้น้องภูและวางมือบนหัวกลมๆนั่นตาใสแจ๋วคู่นั้นมองมาที่ผม


“น้องภู โตขึ้นต้องเป็นคนดีนะครับ”


“คนดี”


“ใช่ครับภูต้องรักคุณพ่อคุณแม่ ต้องช่วยเหลือคนอื่นและต้องเป็นเด็กดีรู้ไหมครับ”


“ครับ ภู รัก พ่อ รัก แม่ รัก พี่ ชาย” ผมยิ้มทั้งน้ำตาและดึงน้องชายตัวน้อยมากอด มือเล็กๆนั่นยังตบหลังผมแปะๆเหมือนให้กำลังใจยิ่งทำให้น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ไหลออกมาเปื้อนบ่าเล็กๆ




“พี่ก็รักน้องภู………พีมรักภูมินะได้ยินไหม”






………………………………..




ผมพาน้องภูไปส่งที่บ้านตอนเย็นลุงกับป้าก็ชวนทานข้าวเย็นด้วยกันแต่ผมปฏิเสธไปเพราะจะรีบกลับมาเขียนรูปดวงทิตย์ตกดิน ผมโบกมือบ๊ายบายน้องภูและกลับมาที่ชายหาดแต่พอจะเริ่มวาดรูปผมกลับไม่มีสมาธิคงเพราะเมื่อกี้ร้องไห้คิดถึงภูมิมากไป


ผมเลยนั่งมองบรรยากาศท้องทะเลยามเย็นเหมือนเช่นเคย ระรอกคลื่นที่ซัดสาดลมเย็นที่พัดมากระทบผิวทำให้คิดถึงอ้อมกอดของใครคนหนึ่งผมถอนหายใจก้มหน้ากอดเข่าตัวเองไว้




 
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”   




ทะเลหัวใจ

  • บุคคลทั่วไป
ผมสะดุ้งรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยขออนุญาตขอที่นั่งและทันทีที่เห็นหน้าคนคนนั้นผมต้องเบิกตาด้วยความตกใจแปลกใจที่เจอมันที่นี่




“คลื่น”



“หึหึ นึกว่าร้องไห้น้ำตาปิดตาจนจำหน้ากูไม่ได้ซะอีก” เสียงนุ่มๆมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นแบบเดิมที่มันมีให้ผมเหมือนทุกครั้งก่อนจะนั่งลงข้างๆผมที่ยังมึนงงกับการปรากฏตัวของมันในครั้งนี้ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบโผล่มาในเวลาที่ผมไม่มีใครทำไมมันมักจะมาหาในเวลาที่ผมกำลังร้องไห้


“มึง มึงมาทำอะไรที่นี่คลื่น ไม่ใช่สิมึงมาที่นี่ได้ยังไง”


“ใจเย็นๆก็ได้พีม กูก็ขับรถมาไง” ผมรู้ตัวเลยว่ากำลังทำหน้าตาแบบไหนคิ้วผมคงขมวดจนเป็นปมไปแล้วไม่งั้นไอ้คลื่นไม่ยื่นมือมาจิ้มหัวคิ้วให้ผมหรอก


“แล้วบังเอิญมาเจอกูว่างั้น”


“ประมานนั้น” มันไหวไหล่และยังคงจับจ้องมองใบหน้าของผมนิ่งจนผมต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อแก้บรรยากาศเงียบๆระหว่างเรา


“มึง มึงไม่ต้องมากวนตีนเลยบอกมาว่ามึงมาที่นี่ได้ยังไง” ผมยังคงซักเอาความจริงจากมัน


“ขอโทษนะพีมที่กูบอกมึงไม่ได้ กูไม่เคยคิดที่จะมีความลับกับมึงแต่ขอแค่ครั้งนี้ได้ไหมพีม” น้ำเสียงของไอ้คลื่นจริงจังต่างจากทุกครั้ง ผมถอนหายใจและพยักหน้าในเมื่อมันไม่อยากบอกผมก็ไม่อยากคาดคั้นผมเชื่อว่ามันก็คงมีเหตุผลของมัน

และไม่ว่าไอ้คลื่นจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ว่ามันจะหาผมเจอด้วยวิธีไหนมันก็คงไม่มีผลต่อเรื่องราวที่ผมกำลังเผชิญ ผมหันกลับไปมองทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งส่วนคนข้างตัวก็ยังคงมองผมอยู่เช่นเดิม



“ผอมลงไปเยอะเลยตาโบ๋ด้วยไม่น่ารักเลยว่ะ” หลังจากที่เราทั้งคู่เงียบไปนานไอ้คลื่นก็เอ่ยทำลายความเงียบ มันทำลายความเงียบด้วยความกวนตีน


“แล้วกูน่ารักซะที่ไหนวะ”


“ทุกที่”


“ไอ้……..” ผมตกใจที่อยู่ๆก็ถูกดึงตัวไปกอดคลื่นจับหัวผมให้พิงลงที่อกของมันอ้อมกอดของคลื่นอ่อนโยนตัวมันมีกลิ่นหอมเย็นๆ มันกอดผมแน่นขึ้นผมเองก็วางหน้าผากลงบนอกคลื่นอย่างเหนื่อยอ่อน เวลามีคนปลอบน้ำตาก็พร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อจนผมนึกรำคาญ



“เจ็บมากไหม” เสียงทุ้มๆเอ่ยถามและลูบหัวผมอย่างเบามือ


“……..มาก”


“เจ็บก็ร้องไม่ต้องทำเหมือนเข้มแข็งหรอกพีม”


“กูร้องบ่อยแล้วคลื่นร้องจนกูยังสงสัยเลยว่าทำไมต่อมน้ำตาคนเรามันผลิตน้ำตาได้เยอะขนาดนี้”


“เดี๋ยวมันก็หยุดเองแล้วพอร้องเสร็จก็กลับมาเป็นพีมคนเดิมที่กูชอบ คนที่เคยยิ้มได้กับทุกเรื่องกูชอบพีมคนนั้น……..แล้วเลิกกับแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกกันบ้างเลยเหรอ” ท้ายเสียงมันพูดติดจะกวนๆเหมือนจะแกล้งให้ผมอารมณ์ดีขึ้นแต่ว่า ผมยิ้มไม่ไหวแล้วจริงๆ


“มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องป่าวประกาศนี่หว่า……..คลื่น….ถ้ากูเป็นแฟนกับมึง พ่อกับแม่มึงจะอนุญาตให้เรารักกันไหม”


“หึหึ ถามแบบนี้กูมีความหวังนะ”


“ขอโทษ”


“เลิกพูดคำนี้ได้ไหมพีม” ผมพยักหน้าหงึกงักรับปากอยู่กับอกของคลื่นน้ำตาของผมซึมผ่านเสื้อของมันตรงตำแหน่งหัวใจพอดี “พีม……มึงรู้ไหมบางครั้งกูเคยแอบคิดว่าถ้าสมมุติวันนึงมึงกับ….มันเลิกกันบางทีกูอาจจะมีโอกาสได้ดูแลมึง หึ กูเลวเนอะ……แต่พอเอาเข้าจริงๆพอเห็นมึงเจ็บเห็นมึงร้องไห้กูว่ากูเจ็บยิ่งกว่าตอนที่แอบรักมึงอีกว่ะ”


“…………………………..” ผมได้แต่รับฟังอย่างไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเงียบคลื่นมันก็เงียบตามมีเพียงเสียงคลื่นลมที่ยังพัดผ่าน เวลาค่อยๆคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆและคลื่นยังคงกอดผมเอาไว้แต่แม้ว่าอ้อมกอดของคลื่นจะอบอุ่นสักแค่ไหนแต่ผมก็ยังอยากได้กอดของภูมิอยู่ดี


“พวกมึงไม่ลองคุยกันอีกซักครั้งเหรอพีมกูว่าถ้าอยู่ด้วยกันมันน่าจะดีกว่านะ…….อยู่คนเดียวก็เจ็บก็ร้องไห้งั้นไปร้องไห้ตอนอยู่กับมันจะไม่ดีกว่าเหรอ” ถ้าอยู่ด้วยกันได้กูก็คงไม่หนีมาแบบนี้หรอกคลื่น “ว่าไงกลับไหมเดี๋ยวพาไปส่ง”


“………………………….”




“งั้นถ้าไม่อยากกลับเราไปเดินเล่นกันไหม มึงพักนานแล้วนะถึงเวลาที่ต้องเดินต่อแล้ว….กูจะเดินอยู่ข้างๆจะดูแลมึงเอง”


ผมดันตัวออกจากคลื่นแต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง ผมคิดว่าเข้าใจความหมายลึกๆของคำพูดไอ้คลื่น ถ้าทำแบบนั้นถ้าผมเดินข้างมันทั้งที่มันก็รู้ว่าในใจผมมีแต่ภูมิคนที่จะเจ็บคือมึงไม่ใช่เหรอคลื่น เมื่อคลื่นไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษผมคงทำได้เพียงส่ายหน้าเท่านั้น


คลื่นลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมารอให้ผมจับผมเงยหน้าขึ้นมองมือเรียวขาวที่ยื่นมาหา ผมมองเลยไปยังใบหน้าเจ้าของมือข้างนั้น คลื่นกำลังยิ้มอ่อนโยนให้ผมยิ้มของมันยังสดใสเหมือนเดิมแม้ว่าตอนนี้มันจะร้องไห้อยู่ก็ตาม ยิ้มของมันสวยดีมันงดงามจริงใจจนทำให้ผมยิ้มตามได้แม้น้ำตากำลังไหล ผมค่อยๆยืนขึ้นเผชิญหน้ากับคลื่น


ผมยืนด้วยตัวของผมเองผมไม่ได้ยื่นมือไปจับมือของมัน ผมไม่อาจจับมือนั้นได้ไม่ใช่ไม่พร้อมที่จะกุมมือใครแต่ผมไม่อาจจับมือกับใครอื่นได้อีกแล้ว ผมไม่อาจจูงมือเดินเคียงข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ภูมิผมทำไม่ได้จริงๆ



ผมก้มลงมองมือของคลื่นมือข้างนั้นยังคงยื่นมารอมือของผมให้วางลงบนมือของมัน แต่สิ่งเดียวที่ผมให้คลื่นคือหยดน้ำตาที่ร่วงไหลจากหัวใจของผม ผมกัดปากกลั้นเสียงสะอื้นแสนอ่อนแอและได้แต่มองหยดน้ำตาตัวเองที่อยู่บนฝ่ามือของคลื่นผ่านม่านน้ำตาที่พร่ามัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมันแม้จะเห็นไม่ชัดแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน เราไม่ต่างกันคลื่นเราทุกคนต่างก็เจ็บเท่าๆกัน


คลื่นมันจะรู้ไหมว่าผมสื่อคำว่าขอบคุณผ่านดวงตาคู่นี้จะรู้ไหมว่าผมได้ฝากคำขอโทษไปกับน้ำตาหยดนั้น มันยิ้มกว้างเป็นยิ้มที่อ่อนโยนและสวยงามคล้ายกับจะบอกผมว่ามันเข้าใจ มันค่อยๆกำมือตัวเองข้างที่มีหยดน้ำตาของผมไว้อย่างทะนุถนอม


“มึงไม่ ฮึก ไม่โกรธกูใช่ไหมคลื่น…..ถ้ามึงเลิกรักกู มึงคงมีความสุขกว่านี้” ทำไมนะทำไมผมถึงไม่รักคลื่น ทำไมผมถึงไม่รักผู้ชายคนนี้ให้ได้ซักเสี้ยวที่รักภูมิ ถ้าผมรักคลื่นอย่างน้อยก็จะมีคนเจ็บแค่สองคน ไม่ต้องมาเจ็บกันแบบนี้



หรือการพยายามรักใครซักคนมันยากกว่าการเลิกรักใครบางคน


 

“ความสุขของกูคือการได้รักมึง”






“………………………….”



“เลิกห่วงคนอื่นได้แล้วน่ากูไม่เป็นไร……” คลื่นเคยบอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องขอโทษเพราะมันมารักผมเองแต่ผมก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี มันเจ็บก็เพราะรักผมมันเสียใจก็เพราะรักผมถ้าจะไม่ให้ผมรู้สึกอะไรมันก็คงใจร้ายเกินไป



“พีม”


“อื้ม”

“กูเองก็…….ไม่รู้หรอกนะว่าในชีวิตคนๆนึงจะมีความรักได้ซักกี่ครั้งแต่กูคิดว่ามึงจะเป็นความรักที่กูจะจดจำไปทั้งชีวิต……..และกูอยากให้มึงช่วยจำไว้ด้วยว่า….หากวันไหนที่มึงไม่เหลือใครขอแค่มึงหันกลับมาจะเห็นกูยืนอยู่ตรงนี้และจะคอยรับความเจ็บปวดให้มึงเสมอนะพีม”

ผมสะอื้นจนหายใจไม่ทันผมเปล่งเสียงตอบคลื่นไม่ได้เลยทำได้แค่พยักหน้ารัวๆพูดออกไปแทบไม่เป็นภาษา




“อื้ม ขอบ คุณ  ขอบคุณว่ะคลื่น ขอบคุณมึงจริงๆ”







จดหมายจาก “ฟองคลื่น”

ช่วงชีวิตก่อนที่ผมจะรู้จักกับพีมผมเคยมีแฟนมาหลายคนเคยคิดว่าที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้คำว่ารักจากพวกเธอเหล่านั้นแต่ผมกลับไม่เคยรู้จักมันจริงๆ จนได้มารู้จักกับพีมผู้ชายตัวเล็กๆใจดียิ้มง่ายและที่สำคัญ

“มีเจ้าของแล้ว”

ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆอยากดูแลอยากมองแม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์แต่ก็แอบคิดแอบหวังขอแค่ได้ทำดีๆให้มันบ้างผมก็มีความสุข พีมทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่ารักคืออะไรและมันมีค่ามากแค่ไหน คุณค่าของความรักคือการที่เรามีความสุขที่ได้แม้ไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ความรักมันอาจจะไม่ได้จบลงด้วยความสมหวังเสมอไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความสุข ไม่ได้แปลว่าไม่มีความรักอยู่ในตอนจบ

ผมเองก็ไม่ใช่คนดีมากมายไม่ใช่พระเอกละครที่แสนดีผู้เสียสละทำเพื่อความรัก ผมก็แค่คนธรรมดาที่รู้จักหัวใจตัวเองแค่นั้นเอง แม้ว่าผมจะไม่ได้ยืนเคียงข้างคนที่ผมรักแต่ผมก็ยังโชคดีกว่าใครหลายๆคนที่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้บอกคำว่ารักให้เขาได้รับรู้แม้เขาจะไม่ได้รักผมแต่เขาก็ใจดีให้ผมได้เป็นเพื่อนเป็นคนพิเศษได้อยู่ใกล้ๆได้คอยดูแล


จากนี้ไปผมก็คงต้องเริ่มเปิดใจให้กับคนใหม่ๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต วันหนึ่งข้างหน้าผมกับพีมคงเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้หรือบางทีผมอาจโชคดีได้คบกับมัน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้ชายที่ชื่อคลื่นคนนี้จะมีที่เล็กๆในมุมหนึ่งของหัวใจไว้ให้ไอ้พีมเสมอและมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
                                                                                                                                      “คลื่น”




http://www.youtube.com/watch?v=IQcUClxLO48




คลื่นพาผมไปกินข้าวแล้วก็มาส่งผมที่รีสอร์ทตอนแรกมันพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับไปพร้อมกันแต่ผมก็ยืนยันหนักแน่นว่าอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวันมันถึงยอมฟังไอ้คลื่นกลับไปแล้วผมก็อยู่คนเดียวอีกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จผมตั้งใจว่าจะรีบนอนเพราะพรุ่งนี้จะไปเที่ยวที่หมู่บ้านช้างเลยอยากรีบนอนแต่หัวค่ำเก็บแรงไว้เดินทางในตอนเช้า


แต่มันก็เหมือนทุกคืนที่ผ่านมาคือผมนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาหรือว่านอนนิ่งๆมันก็ไม่หลับเลยลุกออกมานั่งดูดาวรับลมฟังเสียงคลื่นที่ระเบียงกลับยิ่งทำให้เหงาขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าป่านนี้ภูมิจะเป็นยังไงบ้าง มันจะนอนรึยังหรือว่ามันกำลังอ่านหนังสือเตรียมจะสอบหรือว่ามันดูการ์ตูนอยู่ แล้วมันจะคิดถึงผมบ้างรึเปล่านะ


ผมนั่งกดโทรศัพท์ดูรูปภูมิเพื่อให้ช่วยคลายคิดถึงแต่ยิ่งดูก็ยิ่งเจ็บ ผมถอนหายใจยาวแหงนหน้ามองดาวบนฟากฟ้าไกลอยากให้ภูมิมาอยู่ตรงนี้ด้วยกันจัง ผมก้มดูมือถืออีกครั้งมีข้อความจากพวกไอ้คิวที่พยายามติดต่อผมเกือบร้อยๆครั้งมีข้อความจากพวกมันทุกคน


“กูขอโทษนะ” ผมได้แต่ถอนหายใจและบอกขอโทษผ่านลมผ่านฟ้าไปหาเพื่อน ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วง ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดีที่หนีมาแบบนี้ กลับไปก็ไม่รู้จะโดนพวกมันฆ่ารึเปล่ายิ่งมีแต่ไอ้พวกป่าเถื่อนอยู่ด้วยแค่ลองนึกหน้าพวกมันก็ทำให้ผมยิ้ม กูขอเวลาหน่อยนะอีกไม่นานกูจะกลับไปว่ะเพื่อน



อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขน
อ้อมกอดแม่ตระกอง รักเจ้าจึงปลูกรักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกลแม้เพียงครึ่งวัน ให้กายเราใกล้กัน
ให้ดวงตาใกล้ตาให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน



ผมสะดุ้งที่โทรศัพท์ในมือสั่นพร้อมกับเสียงเพลงเรียกเข้าและหน้าจอก็โชว์คำๆหนึ่งที่ผมให้ผมอยากร้องไห้
“แม่” ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากผมปล่อยให้เพลงดังอยู่อย่างนั้นเพื่อขอเวลาทำใจทำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ความรู้สึกผิดความกลัวของผมที่มันเริ่มผสมปนเปไปหมดแล้วในตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมือสั่นมากกว่าจะพยายามกดรับได้


“………..แม่”


(ฮัลโหลพีม พีมได้ยินแม่ไหมลูก) เสียงของแม่ร้อนรนต่างจากทุกครั้งที่แม่มักจะทักทายผมด้วยเสียงสดใส


(ครับ….แม่ ได้ยิน)


 พีมอยู่ไหนรู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงมากแค่ไหน ทำไมหายไปแบบนี้ทำไมทำแบบนี้ละลูกไม่คิดถึงหัวอกแม่บ้างเหรอ ถ้าคิวไม่โทรหาแม่แม่ก็คงไม่รู้ใช่ไหมว่าลูกตัวเองหายไป) แม่ระเบิดอารมณ์เสียงของแม่สั่นเพราะแม่ร้องไห้ ผมกำเสื้อตัวเองแน่นกลัวว่าจะส่งเสียงสะอื้นออกไป

มันเป็นความรู้สึกผิดที่อัดอั้นอยู่ในอกผมเกลียดตัวเองที่ทำให้แม่ร้องไห้ทำให้แม่เสียใจความรู้สึกผิดไหนก็เทียบไม่ได้ผมมันเป็นลูกแย่ๆที่ทำให้แม่เสียน้ำตาทั้งที่ท่านรักท่านเป็นห่วงมากขนาดนี้กี่คำขอโทษถึงจะลบล้างความผิดได้



“แม่ ฮึกพีม พีมขอ ฮึก ขอโทษนะแม่” หมดลงแล้วความพยายามที่จะกักกลั้นน้ำตาผมร้องอย่างไม่อาย เสียงร้องไห้ของแม่ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดถาโถมใส่ใจของผมจนปวดปร่าไปทั้งใจ


(อย่าทำแบบนี้อีกนะพีมอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก แม่ใจจะขาดรู้ไหม)


“ครับ แม่ แม่พีมขอโทษ ขอโทษ” เราสองแม่ลูกร้องไห้แข่งกันอยู่นานแม่เริ่มหยุดร้องแล้วแต่ผมยังสะอึกสะอื้นเหมือนจะตายเลย

(เฮ้อออลูกชายฉันนี่มันจริงๆเลยไอ้พวกอาร์ตติสท์อารมณ์ศิลปินเนี่ย ถ้าพีมยังไม่รับโทรศัพท์รู้ไหมพ่อจะให้คนตามหาแล้ว) แม่กลับมาเป็นปกติน้ำเสียงเริ่มเหมือนจะบ่นแล้ว


“ขอโทษนะแม่ที่พีมทำให้เป็นห่วง พีมขอโทษ”


(รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้วแม่ไม่โกรธหรอกแค่รู้ว่าพีมปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้ว คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกพีมมีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกไม่เล่าให้แม่ฟังล่ะลูก เราไม่มีความลับต่อกันไม่ใช่เหรอ หื้ม แล้วตอนนี้พีมอยู่ไหน)


“อ อยู่ทะเล”


(แล้วไปทำอะไรคนเดียวที่ทะเล)


“…………………………”


(แกอกหักเหรอพีม) บางทีก็แม่นไปนะแม่


“…………………………” ผมเงียบแล้วได้ยินเสียงแม่หัวเราะก่อนจะถอนหายใจเหมือนขำอะไรซักอย่าง ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว



(พีม พีมรักแม่ไหม)


“รักครับ”


(แกเลิกพูดครับได้ไหมห๊ะ) แล้วแม่ก็แว๊ดๆเปลี่ยนโหมดอารมณ์ไปแล้วถึงแม้ว่าเสียงจะขึ้นจมูก ผมหัวเราะทั้งน้ำตา


“เออๆรักดิ พอใจไหมคุณนาย” จนตอนนี้น้ำตาผมก็ยังไหลมันเป็นความรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกผมมัวแต่เศร้าและเสียใจจนเกือบจะลืมไปว่าผมยังมีพ่อกับแม่ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ


(เออ ค่อยฟังรู้เรื่องหน่อยแล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว แม่ไม่โกรธพีมแล้วฉันก็แค่เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแค่นั้นเอง…………..พีมแม่พอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว)



“………….แม่” ที่จริงผมก็ไม่ค่อยกังวนกับเรื่องครอบครัวผมเท่าไรเพราะผมกับพ่อแม่เราเหมือนเป็นเพื่อนกันเราสนิทกันมากผมคุยกับแม่ทุกเรื่องส่วนพ่อก็จะรับรู้เรื่องของผมผ่านแม่ หนวดน่ะชอบทำตัวขรึมๆแต่กับเมียนี่แทบจิกหัวกัน ตั้งแต่เล็กจนโตผมได้รับอิสระในการเลือกใช้ชีวิตมาตลอดอยากทำอะไรอยากเรียนที่ไหนพ่อกับแม่ก็ตามใจขอแค่สิ่งที่ผมทำมันอยู่ในกรอบของความถูกต้องแต่ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้พ่อกับแม่จะเข้าใจไหม


(ที่จริงตอนแรกแม่แค่สงสัยน่ะแล้วอาปุ้ยมันก็ถามแม่ทีเล่นทีจริงบ่อยๆว่าถ้าลูกชายไม่มีลูกสะใภ้ไปเป็นสะใภ้คนอื่นจะว่ายังไง แม่ก็เลยคิดว่าพีมกับภูมิคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน)


“……………………….”


(พอคิวโทรหาแม่ว่าพีมหายไปแม่ก็เลยถามว่าเกี่ยวกับภูมิไหมแต่กว่าคิวจะยอมเล่าแถมให้เชนเป็นคนพูดอีกแม่ก็เลยรู้)


“ไอ้คิวมันบอกละเอียดเลยเหรอแม่ แม่รู้ถึงขั้นไหนอ่ะ”


(ขั้นที่ว่าลูกชายฉันย้ายขึ้นไปอยู่คนโดกับผู้ชายน่ะค่ะลูกขา) น้ำเสียงอย่างนี้ทำให้ผมเริ่มยิ้มได้


“แม่……..โกรธพีมป่าว” ถึงผมจะพยายามถามด้วยเสียงที่คิดว่าน่าจะดูเหมือนเล่นๆแต่ใจผมก็กลัวกับคำตอบของแม่มากเหมือนกัน


(แม่ยอมรับนะว่าตกใจเพราะภูมิหล่อมากฉันเสียดาย)


“ชิบหายละกู ต้องเสียดายลูกตัวเองเด้คุณนาย” ผมยิ้มและรู้สึกอยากจะกอดแม่แน่นๆ


(ฮะๆ)


“แม่ พีมถามจริงๆนะ……แม่ไม่โกรธไม่เสียใจเหรอที่พีม……” ผมได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจก่อนจะตอบ


(จะว่าเสียใจมันก็ไม่เชิงแต่ไม่โกรธแน่นอนอันนี้คอนเฟิร์ม เฮ้ออ มันก็อธิบายยากนะลูกแม่คนไหนที่มีลูกชายก็หวังจะมีลูกสะใภ้อยากเป็นย่าอยากอุ้มหลาน แม่เสียใจที่ไม่ได้ในสิ่งเหล่านั้นก็แค่นั้นแต่ไม่ได้เสียใจที่พีมมีความรักแบบนี้เพราะพีมไม่ได้ทำอะไรผิด พีมจะเป็นยังไงจะรักใครพีมก็ยังเป็นลูกของแม่พีมอย่าคิดมากนะ อ่อ ถ้าจะโกรธก็จะโกรธเรื่องที่ไม่บอกฉันนี่แหละ)


“แม่…….ขอบคุณนะ พีมรักแม่ว่ะโคตรรักเลย” ในความโชคร้ายผมก็มีครอบครัวที่แสดดีอยู่เสมอ ผมเช็ดน้ำตาจากหน้าตัวเองก่อนที่มันจะไหลไปเปื้อนหน้าจอ


(แม่ก็รักพีม ก็แหมน้องภูมิออกจะหล่อขนาดนั้นรักกันก็ดีซะอีกแม่จะได้มีลูกชายเพิ่มอีกคน ใครจะว่ายังไงพีมไม่ต้องไปสนใจไม่ต้องคิดมากนะ แค่ลูกแม่เป็นคนดีก็พอนะลูกนะแม่จะเอาไปอวดพวกคุณนายตำรวจว่าแม่มีลูกชายคนใหม่หล่อเหมือนพระเอก) ผมยิ้มไปกับความคิดของแม่ แม่ครับแต่ตอนนี้พีมกับภูมิเราเป็นแค่เพื่อนกันแล้วครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 22:13:24 โดย ทะเลหัวใจ »

ทะเลหัวใจ

  • บุคคลทั่วไป
“แม่พีมดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกแม่นะ” แม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับภูมิจะจบลงไปแล้วไม่ว่าพ่อกับแม่ของผมจะยอมรับหรือไม่มันก็คงไม่มีผลอะไร แต่ผมก็มีความสุข มีความสุขมากๆที่แม่ยอมรับในความรักของผมกับภูมิเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีเรื่องหลายๆอย่างเกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่ผมรู้สึกสบายใจที่ได้บอกให้แม่ได้รับรู้เพราะผมไม่ต้องรู้สึกผิดที่ต้องโกหกปิดบังแม่อีกแล้ว


(ย๊ะพ่อลูกชายตัวดีหนีรัก…….พีม………จำไว้นะว่าพ่อกับแม่รักพีมแล้วถ้าพ่อน้องภูมิเค้าไม่สนใจไม่ต้องแคร์เพราะแค่ลูกชายสองคนฉันเลี้ยงบอกเค้าไป ฮ่าฮ่า” ผมยิ้มทั้งน้ำตาอยากจะกอดแม่จังขอบคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ขอบคุณที่ทำให้ผมได้มาเป็นลูกแม่
 

(พีมคุยกับพ่อหน่อยนะพ่ออยากคุยด้วย) ผมแทบสำลักลมหายใจตัวเองผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพ่อ แม่อาจจะเข้าใจและยอมรับแต่พ่อ พ่อเป็นตำรวจตำแหน่งสูงใครๆก็รู้จักแม้พ่อจะไม่ได้เป็นนักธุรกิจแบบคุณพ่อของภูมิแต่เกียรติยศของพ่อก็มีค่าไม่แพ้ใครๆ


“แม่เดี๋ยวคือ……. ”


(ไงไอ้แมว) พอได้ยินเสียงพ่อน้ำตาผมก็มาคลออีกแล้วผมทั้งอยากขอโทษทั้งกลัว


“พ่อ………พีมขอโทษ”


(มึงฆ่าคนตายรึไงถึงมาขอโทษ ที่แม่มึงพูดยังไม่เข้าใจอีกหรอ) แสดงว่าพ่อได้ยินทุกอย่างรับรู้ทุกอย่างและก็ยอมรับในความรักของผมแล้วสินะ


“รักพ่อนะ”


(อ้าว มึงไม่ได้รักไอ้หนุ่มนั่นแล้วหรอ)


“หนวดดดดดดอย่าแซวดิแล้วนี่ไม่ด่าไม่ว่าอะไรหน่อยเหรอ” ผมโวยวายใส่พ่อที่ทำเสียงล้อๆความกลัวความกังวลที่สุมอยู่ในใจพ่อกับแม่ได้พัดพามันไปจากผมแล้ว


อยากกลับบ้านไปหาสองคนนี้จัง


(หึหึ ด่ามึงแล้วได้อะไรสมองนิ่มๆด่าไปก็ไม่เข้าใจ ที่มึงคบกับไอ้หนุ่มนั่นก็ดีซะอีกกูจะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปขอสาวให้มึง นี่มีคนมาขอมึงด้วยได้ข่าวว่ามันรวยนิกูจะเอาเป็นร้อยล้านเลยบอกมันด้วย) มันคงมาขอพีมไม่ได้แล้วละพ่อ


“โห่ พ่อก็รวยจะเอาเงินไปทำอะไร เลี้ยงเมียน้อยเหรอ”


(ไอ้ลูกเวร เดี๋ยวแม่มึงได้ยิน)


“ฮ่าฮ่า หัดกลัวเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ครับท่านนายพล”


(หึ กูแค่เกรงใจและให้เกียรติโว้ย) พ่อโวยวายกลับมาเสียงดังจนได้ยินเสียงแม่ตะโกนมาบอกว่าเบาๆหน่อยดูละครอยู่


“พ่อพีมรักพ่อนะ….ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”


(เออๆ กูจั๊กจี้รูหู กูไม่รักมึงหรอกไอ้เด็กเก็บมาเลี้ยง) เสียงพ่อฟังดูกวน…..มากและดูมีความสุขมากคงจะเหมือนผมตอนนี้ที่เริ่มยิ้มได้


“เหรอออออออ”


(มึงไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวจะรักใครเป็นยังไงก็เรื่องของมึง….ว่าแต่กูจะไม่มีหลานใช่ไหมแมว) ซึ้งอยู่ดีๆผมแทบหัวทิ่มกับคำถามของพ่อ


“ฮ่าฮ่า เอามาทำไมขี้เกียจเลี้ยง……พ่อ ผิดหวังในตัวพีมป่ะ”


(ผิดหวังไหมคงไม่กูแค่ตกใจตอนเด็กๆมึงก็เล่นปืนเล่นรถถังไม่เคยเห็นมึงใส่กระโปรงทาปากหรือมึงเก็บอาการ) สงสัยพ่อคิดว่าผมจะอยากเป็นผู้หญิง


“เค้าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะหนวดแค่แฟนพีมเป็นผู้ชาย” แค่คนที่พีมรักมันเป็นผู้ชาย


(อ้าวเหรอกูไม่รู้นี่หว่ามันก็ไม่ได้ผิดหวังหรอกเพราะความหวังของกูคือเห็นแมวอย่างมึงมีความสุข ถ้าตอนนี้มึงมีความสุขก็ถือว่ากูสมหวังแล้ว) นี่คือหวานที่สุดเท่าที่พ่อจะสามารถพูดได้ถ้าไม่นับเวลาเมา ผมรักพ่อครับ


“โคตรซึ้งว่ะหนวด พีมรักพ่อนะ”


“เออๆ กูรู้แล้ว มึงจะคุยกับแม่อีกไหม…….กูบอกแล้วว่าอย่าให้อีปุ้ยเลี้ยงมันเห็นไหมมันสอนอะไรให้ลูกกูวะ…..อ้าวคุณท่านนายพลทำไมพูดแบบนี้ละค๊า ใครกันที่บอกว่าอยากให้ลูกเข้มแข็งหัดเรียนรู้การอยู่ด้วยตัวเอง แล้วพ่อมันก็มานั่งหงอยบ่นคิดถึงลูกทุกวัน)


ผมได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันดังผ่านมาในสายผมนั่งฟังด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะก่อนจะพนมมือไหว้


“ขอบคุณพ่อกับแม่นะครับ พีมรักพ่อกับแม่นะ”



คืนนี้อาจจะเป็นคืนแรกนับตั้งแต่ผมไม่มีภูมิอยู่ข้างกายและผมสามารถหลับได้โดยไม่ร้องไห้


สุดท้ายฉันขอให้เราไม่โกรธ
เลิกรากันไปด้วยความไม่เกลียด
เราจะลาด้วยความเข้าใจ
โปรดรู้ไว้นะฉันรักเธอมากและฉันไม่อาจมีใคร
เพื่อยิ้มและเพื่อร้องไห้ได้เทียมเท่าเธอ
ไม่รู้จะมีใครใหม่ได้เทียมเท่าเธอ



 ผมสะดุ้งตื่นรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปเมื่อกี้ ผมควานหาโทรศัพท์และหรี่ตามองหน้าจอว่าใครโทรมา


“โตเกียว”

 


ผมถึงกับงงเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาผมหันไปดูนาฬิกาบอกเวลาว่าตีสี่ทำไมน้องโตเกียวถึงโทรหาผมในเวลาแบบนี้ ผมคิดว่าน้องคงไม่รู้เรื่องของผมกับภูมิและมันอาจจะมีเรื่องให้ช่วยผมสะบัดหัวไล่อาการง่วงก่อนจะกดรับสาย


“ว่าไงครับโตเกียว”


(พีม)


“…….ใคร” ผมขมวดคิ้วเมื่อไม่ใช่เสียงน้องโตเกียว


(กูเองเบียร์ มึงอย่าเพิ่งวางนะ” ไอ้เบียร์งั้นเหรอมันไปอยู่กับโตเกียวได้ยังไงแล้วทำไม….. “กูขอเวลาพูดอะไรสักสองนาทีได้ไหมพีม)


“………………………..”


(มึงฟังอยู่ใช่ไหมมึงปลอดภัยดีรึเปล่าพวกกูเป็นห่วงมากนะพีม) เสียงมันฟังดูเหนื่อยๆเหมือนคนไม่ค่อยมีแรงผมเลียริมฝีปากแห้งๆก่อนจะตอบมันในใจผมตอนนี้คิดไปสารพัดว่าทำไมไอ้เบียร์ถึงโทรมาหาผมเวลาแบบนี้แต่ที่แน่ๆผมคิดว่าต้องเกี่ยวกับภูมิ


“อืมกูสบายดีขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”


(พอเถอะพวกกูไม่ได้โกรธ เอ่อ อาจจะยกเว้นไอ้คิวนะมึงกลับมาก็หาเสื้อเกราะมาด้วยล่ะ)


“หึ เออแล้ว…………”


(พีมเรื่องที่กูจะบอกมันอาจจะทำให้มึงไม่สบายใจแต่กู……ต้องพูดกูอยากขอร้องมึงสักครั้ง….พีมมึงรู้ไหมว่าตอนนี้เพื่อนกูเหมือนคนใกล้จะตาย…….ไอ้ภูมิอาการหนักมากมันอ้วกเป็นเลือดกู………..”ประโยคสุดท้ายเบียร์พูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ถนัดนักรู้ตัวอีกทีผมก็กำลังหอบน้ำตาและความกลัวขับรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ



ภูมิของผมไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม มันต้องสบายดี ไอ้เบียร์มันแค่โกหกผมเล่นเฉยๆใช่ไหม


ผมมาถึงคอนโดตอนที่ฟ้าใกล้สางผมมาที่นี่ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูมิอยู่ไหนมันอาจจะอยู่ที่บ้านก็ได้แต่ผมก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้นหรือบรรยากาศยามเช้าของกรุงเทพที่ผมห่างหายไปหลายวัน แม้แต่พี่ๆรปภ.ที่ตะโกนทักทายผมก็ไม่ได้หันไปตอบ ผมรู้สึกว่าลิฟธ์แม่งโคตรช้าผมปาดน้ำตาและเตะไอ้ลิฟธิ์บ้าๆด้วยความโมโห อะไรก็ดูขวางหูขวางตาช้าไปหมด


กุญแจห้องที่อยู่ในมือสั่นจนผมเริ่มรำคาญตัวเองพอๆกับใจที่เต้นแรงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องที่คุ้นเคยด้วยมือที่สั่นเทา ทั้งที่ผมเคยมาห้องนี้ไม่รู้กี่ครั้งเคยอยู่ที่นี่เป็นปีๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้


ผมกวาดตามองรอบๆห้องที่เงียบงันเต็มไปด้วยอารมณ์สีหม่นๆเมื่อมีแต่ความมืดสลัวผ้าม่านก็บดบังแสง ทุกอย่างยังเหมือนเดิมของทุกชิ้นยังวางไว้ที่ตำแหน่งเดิมคงเหมือนหัวใจของผมที่ยังรักภูมิเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


ความทรงจำระหว่างภูมิกับผมยังคงลอยอบอวลเด่นชัดอยู่ทุกมุมคอยต้อนรับผมอีกหน ผมกระพริบตาถี่ๆเล่นน้ำตาไม่รักดีให้มันไปให้พ้นๆ ผมกลืนน้ำลายถึงรู้ว่าคอแห้งมากแค่ไหนผมค่อยๆเดินไปที่ห้องนอนต่างจากตอนแรกที่แทบจะวิ่งขึ้นมาแข่งกับลิฟต์ ผมวางมือไว้ที่ลูกบิดมือสั่นๆของผมค่อยๆผลักบานประตูให้เปิดออกและทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนผมก็ต้องปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า


ผู้ชายคนหนึ่งผู้ชายที่ผมรักผอมซีดเซียวนอนหายใจแผ่วๆอยู่บนเตียงเพียงลำพังเสื้อยืดสีขาวที่ผมชอบใส่นอนถูกภูมิกอดไว้แนบอกอย่างหวงแหนเหมือนเป็นตัวแทนของผม


“ฮึก ภูมิ” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆและนั่งลงบนเตียงข้างๆภูมิ ผมอธิบายไม่ได้ว่าตอนนี้เจ็บมากแค่ไหนมันเจ็บกว่าที่เราถูกกีดกันให้ห่างกันเจ็บกว่าเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเห็นภูมิในสภาพนี้หัวใจผมเจ็บกว่าทุกครั้ง ผมปล่อยให้น้ำตาร่วงไหลอาบแก้มอย่างไม่คิดจะเช็ดออก ผมยื่นมือไปลูบแก้มอุ่นๆจนเกือบร้อนของภูมิแผ่วเบา อีกมือผมก็ขยุ้มเสื้อตัวเองตรงตำแหน่งหัวใจ


“ฮือออ ภูมิครับ ฮึก พีมมาหา ตื่นมา มาคุยกับพีมหน่อยสิ”


“ภูมิมึงได้ยินกูไหม ฮึก กูกลับมาแล้วนะ” คนที่หลับใหลไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของผม

“ฮึก ตื่นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้นะ ฮืออ ไอ้ภูมิตื่นสิทำมึงขี้เซาแบบนี้ละ” ผมเริ่มพร่ำเพ้อเหมือนคนบ้าน้ำตาก็บังซะจนแทบมองอะไรไม่เห็น



“พ…… พีม”
เสียงสั่นๆแผ่วเบาจนเกือบจะไม่ได้ยินแต่ก็เรียกสติผมกลับมาได้ ผมปาดน้ำตาออกลวกๆเพื่อจะสบตากับคนที่มองผมอยู่


“ฮึก ไอ้เหี้ย มึง ฮึก มึงทำบ้าอะไร ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มึงมันบ้า ฮือออ” ผมโผลงซบอกมัน ผมลงไปนอนร้องไห้เหมือนจะตายอยู่กับอกของภูมิทั้งทุบทั้งตีผมทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากจะยิ้มที่มันตื่นมา


“มึงจริงๆใช่ไหมพีม กูไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” แขนของภูมิโอบกอดผมเอาไว้ อ้อมกอดที่ผมเฝ้ารอคอยอยู่ทุกวัน


“อือ กู กูจริงๆมึงไม่ได้ฝัน” ผมจับมือมันมาแนบกับแก้มก่อนจะซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆของภูมิที่ผมโหยหาอีกครั้งก่อนที่ภูมิจะค่อยๆดันตัวผมออกภูมิสบตาผมนิ่งนานก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมทั้งๆที่ตัวมันเองก็ร้องไห้


“คนดี อย่าร้อง”


“อื้อ ไม่ร้อง ฮึก ไม่ร้องแล้ว มึงก็อย่าร้องนะ”


“เหมือนความฝันเลยพีม มึงกลับมาหากูแล้ว กลับมาแล้ว” ภูมิบอกตอนที่กอดผมไว้แน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหลุดลอยหายไปในอากาศ


“ฮึก ภูมิ กูขอโทษ ขอโทษ กูรักมึง มึงได้ยินไหมภูมิกูรักมึง รักมึง กูจะไม่ไปไหนอีกแล้ว กูจะอยู่กับมึง ต่อไปนี้กูจะอยู่กับมึง เราจะอยู่ด้วยกันจะไม่มีใครหน้าไหนมาพรากเราทั้งนั้น กูสัญญา” ต่อไปนี้ไม่ว่าจะผิดต่อใครไม่ว่าจะถูกห้ามถูกขัดขวางยังไงผมก็จะไม่สนใจไม่แคร์ใครอีกแล้วนอกจากภูมิ



“สัญญาแล้วนะ” ภูมิลูบแก้มผมแผ่วเบามันแสนอ่อนโยนมากในความรู้สึก น้ำตาใสๆเม็ดโตของภูมิไหลจากหางตาลงข้างขมับผมเช็ดน้ำตาให้ภูมิก่อนที่เรายิ้มให้กัน แค่นี้ความสุขของผมคือการได้มองมันยิ้มร้อยของภูมิแค่นี้เองที่ผมต้องการเพราะรอยยิ้มของภูมิมันคือความสุขของผม


“อือ สัญญา ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาพรากกูกับมึง”


“ภูมิรักพีมนะ” ราวกับความเจ็บปวดต่างๆถูกพัดหายไปกับสายลม หัวใจผมเหมือนจะกลับมาเต้นในจังหวะที่มันควรจะเป็นภูมิบีบมือผมแน่นมันดึงมือผมขึ้นไปจูบ


“อือ กูก็รักมึง” และภูมิก็ยิ้มอีกครั้งเป็นรอยยิ้มที่สว่างสดใสและสวยงามจนผมอยากเก็บไว้ นี่ผมทำร้ายมันได้ยังไงผมทำลายรอยยิ้มของภูมิได้ยังไงนะ



แต่ตอนนี้ผมก็ได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว


ภูมินอนกอดผมไว้แน่นจนผมเกือบจะหายเข้าไปในอกมัน ยิ่งกอดกันแน่นเท่าไรยิ่งรู้ว่าภูมิผอมลงไปมากแค่ไหน ผมซุกตัวเข้าหาภูมิที่นอนหลับไปได้ซักพักแล้วตอนแรกมันไม่ยอมนอนเพราะกลัวว่าตื่นมาแล้วจะไม่เจอผมแต่สุดท้ายร่างกายมันก็ฝืนไม่ไหว
 

ผมกำลังยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้งแต่เสียงไขประตูทำให้ผมหันไปมองที่ประตูทันทีใครมาหาภูมิแต่เช้าขนาดนี้อาจจะเป็นไอ้ฟ่างผมค่อยๆขยับตัวออกจากอ้อมกอดของภูมิแต่แค่ผมพลิกตัวนิดเดียวมันก็รู้สึกตัว


“จะไปไหน”


“ไปเปิดประตูสงสัยไอ้ฟ่างมามั้ง” แต่ภูมิก็ยังไม่ยอมปล่อยผมเลยก้มลงไปจูบมันเบาๆ “เดี๋ยวเปิดประตูไว้เลยอ่ะ” นั่นล่ะภูมิถึงยอม ผมเดินไปเปิดประตูเตรียมยิ้มให้ไอ้ฟ่างเต็มที่แต่รอยยิ้มของผมก็เหมือนถูกกระชากให้เหลือแค่ความตื่นกลัว


“พ่อ แม่” เสียงของผมคงไม่ต่างจากเสียงกระซิบสักเท่าไรผมเหมือนคนเป็นไร้แรงทรงตัวทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ คุณพ่อคุณแม่ของภูมิยืนอยู่ตรงหน้าแทนที่ผมจะยกมือไหว้แต่ผมกลับส่ายหน้าทั้งน้ำตาและได้แต่ภาวนาอย่ามาพรากเราเลยนะครับทำไมเวลาของพวกเราที่ได้อยู่ด้วยกันมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ผมขยับถอยหนีกลับไปกอดภูมิไว้แน่นมันก็ดูจะตกใจที่พ่อกับแม่มาถึงที่นี่ภูมิก็กอดผมไว้ให้ซุกหน้าลงกับอกมัน


“พ่อครับแม่ครับภูมิ……….”


“ภูมิไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” คุณพ่อบอกภูมิก่อนจะหันมามองผม


“พ่อครับ พีม ขอโทษที่มาหาภูมิ ขอโทษแม่ที่พีม ผิดสัญญา แต่ แต่ว่าพีมรักภูมิมากพีมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภูมิถึงพ่อกับแม่จะโกรธจะเกลียดพีมยังไงพีมก็จะไม่ไปจากภูมิอีก” ผมเริ่มพูดจาไม่เป็นภาษาผมดันตัวออกจากอ้อมกอดของภูมิและนั่งคุกเข่าต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่เหมือนเหตุการณ์วันนั้นถึงรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์แต่ผมก็อยากขอ……



“พ่อรับพีมเป็นคนในครอบครัวแล้วนะ”


“………………………” ผมถึงกับสะดุดลมหายใจอ้าปากค้างก่อนจะกระพริบตาถี่ๆประมวลสิ่งที่เพิ่งได้ยินว่าผมไม่ได้หูฝาด


“…………………ม หมายความว่าพ่อให้พีมกับภูมิรักกันได้ใช่ไหมครับ” ภูมิลุกขึ้นมายืนข้างๆผมและจับมือผมไว้รอยยิ้มและการพยักหน้าจากพ่อเหมือนของวิเศษที่ผมกับภูมิตื้นตันดีใจจนพูดไม่ออก เราสองคนคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อกับแม่และกราบท่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกความรู้สึกอยากขอบคุณว่าในที่สุดเราสองคนก็ทำได้แล้ว


“พ่อรักภูมินะ” พ่อก้มลงกอดภูมิคุณแม่ก็ยืนมองด้วยรอยยิ้มและน้ำตาที่เอ่อคลอ

   
“ครับ ภูมิก็รักพ่อ”


“ภูมิจะไม่เสียใจใช่ไหม”


“ไม่เสียใจครับ ภูมิรักพ่อนะครับขอบคุณพ่อที่ยอมรับพวกเรา”


“พีม”


“ครับพ่อ”


“ฝากลูกชายของพ่อด้วยนะแล้วก็ขอโทษพีมด้วยสำหรับเรื่องที่ผ่านมา” พ่อลูบหัวผมเบาๆวินาทีนั้นมันเป็นความรู้สึกทั้งตื้นตัน ดีใจ อบอุ่น ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ไม่กี่นาทีความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ


“ฮึก ไม่ ไม่เป็นไรครับ พีม ฮึก ไม่โกรธ แค่นี้ก็ขอบคุณพ่อ ขอบคุณมากแล้วครับ” ที่จริงคุณพ่อท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดแค่ตอนนั้นท่านไม่เข้าใจแค่นั้นเองแค่ท่านยอมรับเราแค่นี้ก็ดีมากแล้ว


“ดูสิ ร้องไห้เป็นเด็กๆเลย พีม…..แม่เองก็ต้องขอโทษ” ผมเข้าไปกอดแม่พอเถอะครับไม่ต้องขอโทษแล้วแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว “ฝากน้องภูมิด้วยนะลูก รักกันดูแลกันให้ดีนะ” คุณแม่ลูบหัวลูบหลังผมผมก็ยิ่งร้องแต่ก็ร้องด้วยความสุข


แม่จับมือผมกับภูมิวางทับกันเราสองคนสบตากันและมอบรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักให้กัน ผมกับภูมิจับมือกันแน่นรอยยิ้มของภูมิทำให้ผมมีกำลังแรงใจที่จะอยู่ต่อไปอยู่เพื่อมันอยู่เพื่อความรักของเรา


ความเจ็บปวด น้ำตา ความเหงา อ้างว้างที่ผมกับภูมิได้เผชิญมาตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่ได้ทำให้พวกเราเข้มแข็งขึ้นหรืออ่อนแอลงไม่ได้ทำให้เราเข้าใจใครมากกว่าที่เป็นอยู่มันแค่ทำให้รู้ว่าผมกับมันเรารักกันมากแค่ไหน



พวกเราทำได้แล้ว





หลังจากเรื่องร้ายๆผ่านพ้นไปพวกผมก็รอต้อนรับแต่เรื่องดีๆ พวกเพื่อนๆมันก็แวะเวียนมาเยี่ยมไอ้ภูมิไม่ขาดไอ้การมาเยี่ยมเนี่ยคือสิ่งที่มันบอกแต่วัตถุประสงค์หลักคือมันมาลี้ภัยซ่องสุมหาที่กินเหล้ามากกว่า ก็ดูสิตั้งแต่พวกมันมามีแค่ไอ้เบียร์กับไอ้เชนที่เข้าไปดูอาการภูมิ


อ๊อมีไอ้ปันอีกคนที่เข้าไปแต่มันไปถามว่าเก็บแก้วไวน์ไว้ตรงไหน ดูความอัปรีย์ของมันสิครับส่วนไอ้มิคก็บอกว่าผัวใครคนนั้นก็ดูแลเอาเอง หนอยยยยยพวกมึงช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ส่วนไอ้แทนกับไอ้ฟ่างนี่ก็หายไปในห้องนอนอีกห้องได้ซักพักแล้ว ผมก็…….ห้ามไปไหนห่างภูมิเดินห้าสิบเซ็นช่วงนี้ชีวิตกลับมาวิกฤตอีกแล้วนะฮ้าฟฟฟฟฟ


“มองอะไร” ภูมิมันบอกว่าปวดหัวแต่มันกลับไม่ยอมนอนเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่ได้ จ้องแล้วก็จ้องอีกคิดว่าคนอื่นเขาจะเขินไม่เป็นรึไง แหนะ พูดแล้วยังจะจ้องอีก

“ทำไมมองไม่ได้รึไงหรือต้องจ่ายค่าตั๋วก่อนถึงจะมองเมียตัวเองได้” ป๊าดดดโธ่วาจาช่างร้ายกาจนี่มึงป่วยจริงป่ะเนี่ย เมื่อทำอะไรมันไม่ได้ผมก็ดิ้นขลุกๆอยู่ในอ้อมกอดมันนั่นแหละ

“หึหึ คิดถึงมากรู้ไหมเตี้ย……อย่าไปไหนอีกนะต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าจากไปไหนอีกนะพีม”


“อื้อออ ไม่ไปแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว”


“รัก รักคนนี้” ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยย ฆ่าฉันๆให้ตายเถิดหนา คือ ณ จุดนี้กูเขินมากครับแม่งพูดก็ไม่พูดเปล่าเอานิ้วชี้มาจิ้มปลายจมูกอยู่ได้ อ้ายเขินเด้อออออ


พอสักพักหลังจากที่ภูมิมันซ้อมบทลิเกกับผมเสร็จมันก็หลับไป ผมก็ได้เวลาออกมาแจมกับพวกสัมภเวสีข้างนอก…….ก็นะห่างหายไปนานมันเปรี้ยวปาก คึคึ ตอนที่ผมออกมานั่งไอ้แทนกับไอ้ฟ่างก็ออกมาจากห้องนอนพอดีพวกไอ้คิวก็โห่แซวเพราะเชี่ยแทนมันโชว์ซิกแพคไม่ใส่เสื้อ ที่จริงผมว่าพวกมันเข้าไปนอนเฉยๆนะเพราะหน้าตาเหมือนคนเพิ่งตื่น ก็ไอ้ฟ่างมันไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวันไหนจะเรื่องโปรเจคเรื่องภูมิ


ไอ้ปันมันเลยเห่าเลยหอนแซวไอ้คู่รักโลกตะลึงด้วยการร่ายเยี่ยงลิเกหลงโรงจนไอ้เบียร์ที่นอนดูทีวีอยู่ชูคอขึ้นมาดูว่ามันเป็นอะไร


“หนอยแหนะเจ้าโจรใจทรามกลางวันแสกๆก็ยังกล้าฟีชเจอริ่ง เอิงเอย บัดเสีย”


“บัดสี!!!!!!” ถ้าพวกกูไม่อยู่แล้วใครจะกู้ให้มึง


“แหมมันเป็นมุกถ้ากูพูดถูกมันจะฮาไหมครับ จริงไหมมิค”

“ถั่วต้วม” ไอ้มิคที่นอนตีพุงดวนเกมส์กับไอ้แมทหันมาตอบคู่หูมัน

“ไอ้เชนกับไอ้เต้ยไปไหนวะคิว”

“ลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทข้างล่างแล้วผัวเบบี๋ของมึงแดกนมแดกซีรีแล็กนอนหลับปุ๋ยแล้วเหรอ”

“สัด”

“กร้ากกกกกกกกกกกกกกกก” ไอ้ฟ่าง ไอ้แทน ไอ้คิวมันรวมหัวหัวเราะผม ไอ้มิคเลยลุกมาถามว่าขำอะไรกันแต่ไม่มีใครตอบมันแม่งดันหัวเราะขึ้นมาเองซะงั้นจนพวกผมขำมัน


“เออไอ้แทนไอ้ฟ่างเมื่อไรพวกมึงจะเปิดตัววะ คู่ไอ้คิวไอ้เต้ยครอบครัวก็ไฟเขียวกันนานแล้ว ไอ้พีมกับไอ้ภูมิก็คบกันอย่างเปิดเผยแล้วต่อไปก็เหลือคู่มึง” ไอ้มิคถามก่อนจะกระดกเหล้าที่กูเพิ่งชงเสร็จและที่สำคัญแก้วของกูด้วยครับแต่คำถามของมันก็น่าสนใจผมมองไอ้แทนกับไอ้ฟ่างเพื่อรอฟังคำตอบ


“กูคงไม่บอกพ่อหรอกสงสารพ่อเรื่องภูมิเพิ่งจบถ้ารู้ว่ากูกับไอ้แทนคบกัน หึ หัวใจวายตายกันพอดี”


“ใครคบกับมึง” ไอ้แทนหันไปตีหน้าซื่อซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างเสี่ยงนะเพราะล่อตีนล่อมือไอ้ฟ่างมาก


“หมามั้ง” แรว๊งงงงงงงงส์


“โอ๋ๆๆๆเค้าย้อเย่นน๊า ไม่คบฟ่างไม่รักฟ่างแล้วจะให้แทนรักใครล่ะครับ” แล้วมันก็จูบกัน


“อ้วกกกกกกกกกกกก” เอาให้หมดไส้หมดพุงอย่าให้เหลือแม้แต่ในไส้ติ่ง

“กูว่าเราทำเรียลลิตี้ตามติดชีวิตไอ้แทนไอ้ฟ่างแล้วทำเป็นหนังGVขายคงรวยว่ะ” ดูไอ้คิวมันคิดแต่ละอย่างสิครับ

“มึงไม่ทำของมึงขายด้วยล่ะคิว” ไอ้ปันที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำเอ่ยถาม


“หึ มึงก็ถามไม่คิดนะปัน ไอ้คิวมันแค่ลูบๆคลำๆจะเอาอะไรไปทำเป็นหนังวะ” ผมยักคิ้วให้ไอ้เดนทรชนเชี่ยคิว มันเหลือบตามองผมทั้งที่กำลังคาบแก้วเหล้าก่อนจะยกยิ้มมุมปาก


“แหม๊ไอ้แคระพอได้กลับมาซุกใต้ปีกผัวนี่มึงกล้านะ เดี๋ยวกูจับล่อแม่งแต่อุยไม่ได้นี่หว่าเพราะกูไม่เคยสมสู่ข้ามสายพันธ์กับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำแคระ กร้ากกกกกกกกกกกก” อดทนหนอขันติหนอปากหมาหนอจัญไรหนอ “เดี๋ยวถ้าว่างๆกูจะแจ้งไปที่กินเนสบุ๊คให้เขาบันทึกไว้ว่ามึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แคระที่สุดที่สามารถมีผัวได้ บ๊ะ ไอ้ภูมิมันคงภูมิใจในตัวมึงอยู่มิใช่น้อย”

“ฮาาาาาาาาาาาาา” ไอ้พวกลูกคู่นี่ก็ทำงานดีนัก


“ไอ้คิวเลิกแกล้งน้องสะใภ้กูได้แล้วถึงมันจะแคระมันก็แคระตามธรรมชาติ”


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พวกมึงออกไปจากห้องกูเลยนะ”


“ห้องกู????? ฮิ้วววววววววว ของผัวก็เหมือนของเมีย ของเตี้ยก็เหมือนของหล่อ จิ๊บิ๊ จิ๊บิ๊ อิคึอิคึ” กูเกลียดไอ้คิว เกลียดไอ้ฟ่าง เกลียดพวกมันนนนนนนนนนน ฮึ่ยๆ


“พี่คิววววววววววววววว คิดถึงเต้ยไหมมมมมมมมม” ไอ้น้องเต้ยเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ได้ข่าวว่ามึงลงไปซื้อไอศกรีมที่มินิมาร์ทข้างล่างไม่ใช่เหรอเต้ย ไอ้เชนที่หอบถุงของกินพะรุงพะรังพร้อมกับคอเอียงหนีบโทรศัพท์เดินตามหลัง มันพยักหน้าเรียกให้ผมไปช่วยถือ ผมทำปากพะงาบๆว่าเมียหรอ มันก็บอกอืมแล้วพูดไร้เสียงว่า ง้ออยู่ แล้วมันก็ออกไปคุยนอกห้อง ปล่อยให้พวกนั้นเบ้ปากตาม


“พี่คิวกินอันข้างบนให้หน่อยดิ เต้ยจะกินข้างล่าง” ไอ้เต้ยยื่นไอศกรีมวอลให้แฟนมันแต่ไอ้คิวทำหน้ารังเกียจ

“มึงเลียแล้ว แหวะ น้ำลาย”


“เอ๋าก็แค่น้ำลาย นะๆกินครีมออกให้หน่อยเต้ยจะกินช็อกโกแลตที่อยู่ก้นมันอ่ะ”


“ทำเป็นรังเกียจน้ำลาย ตอนมึงจูบกันอ่ะแดกเป็นลิตรๆ” ไอ้แทนว่าตอนนี้มันนอนยาวหนุนตักไอ้ฟ่างอย่างถึงสุข ไอ้คิวยักไหล่ก่อนจะรับไอศกรีมมากินมันก็แกล้งไอ้เต้ยไปงั้นแหละ


“ฟ่างโคมไฟหน้าบ้านที่มึงบอกว่าอยากเปลี่ยน เราไปเลือกแบบพรุ่งนี้ไหมเพราะมะรืนกูไม่ว่าง” ผมแอบเงี่ยหูฟังไอ้คู่รักตัวอย่างเขาคุยกันพูดง่ายๆคือเสือกนั่นเอง แต่แคร์ไหม หึหึ ดูหน้าก็รู้ครับ


“จะไปไหนอีก”

“ไปงานกับป๊าไอ้เทนมันไม่ว่างกูเลยต้องไปแทน ไม่งอนนะ”


“อืม”


“จริงนะ”


“เออ พี่เทนไม่ว่างบ่อยนะช่วงนี้มันไปทำไรวะ”


“ติดเพื่อนมั้งมึงก็ถามพี่โอ๊ตดูสิกูเห็นมันชวนกันไปกินเหล้าในป่ากับพวกเพื่อนมัน” หืมมม พี่โอ๊ตกับพี่เทนเป็นเพื่อนกันด้วยเหรอแล้วมันสองคนก็งุ๊งงิ๊งๆเข้าสู่โลกส่วนตัวของพวกมันเชี่ยแทนแม่งโคตรหลงไอ้ฟ่างเลยว่ะ ผมถึงกับต้องเบะปากรับไม่ได้แล้วแม่งเสือกหันมาเจอ


“ถ้าอิจฉาก็เข้าไปหาที่รักมึงในห้องสิไป” ไอ้แทนยักคิ้วให้ผม กูก็ยักไหล่กลับไป โด่ แค่นี้สิวๆกูเจ๋งกว่าพวกมึงอีก


“คุณชายมึงดูไรวะเปลี่ยนช่องๆ ดูไรไร้สาระปัญญาอ่อนจริงๆเลยมึง ฮู่ ไร้สาระอย่างนี้เรียนนิติได้ไงวะเดี๋ยวกูจะเปิดอะไรที่มันประเทืองปัญญาให้ดู” ไอ้เบียร์ที่นอนเหยียดดูข่าวBBCอยู่บนโซฟาก็ถูกไอ้ปันระราน กูว่าข่าวบีบีซีมันไม่ไร้สาระนะปันแต่ผู้ดีอย่างไอ้เบียร์ก็ไม่ตอบโต้ครับมันแค่ตบกบาลไอ้ปันแล้วลุกมานั่งร่วมวงกับพวกผมแล้วรู้ไหมครับว่าคนมีสาระอย่างไอ้ปันมันดูอะไร


“หมีแพนด้านี่แม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ ฮ่าๆๆ ดูดิๆอยู่นิ่งๆยังฮา”


เอ่อ เอิ่ม คือแม่งฮาตรงไหนแล้วมันมีสาระประเทืองปัญญายังไงวะไอ้หมีแพนด้าเนี่ยยยยยยยยยยย




“พีมมมมมมมมอยู่ไหนวะ” เสียงตะโกนของคนที่คุณก็รู้ว่าใครแหวกอากาศมาจากในห้อง คือถ้าจะดังขนาดนี้วันหลังกูแนะนำโทรโข่งนะภูมิ


“ผัวเรียกแล้วไปสิเมียแคระ”


“หึหึ คล้ายๆเมียแคทป่ะวะ” ไอ้เบียร์มันหัวเราะ ผมชี้หน้ามันกับไอ้คิวก่อนจะเข้าไปหาภูมิ คนที่นอนอยู่บนเตียงมองมาที่ผมแทบจะไม่ละสายตาไปไหน


“ไปไหนมา” ดุได้อีกเสียงมึงอ่ะตาก็ขวางเหมือนคนอยากยามันจะคุ้มคลั่งจับกูเป็นตัวประกันป่ะวะ

“ออกไปดูทีวีกับเพื่อนมึงตื่นนานแล้วหรอ” พระเอกอย่างเราต้องเอาน้ำเย็นขั้วโลกเข้าสู้ครับ ภูมิมันดึงผมให้นอนลงข้างกัน เสียงเอะอะโวยวายของไอ้พวกเดอะแก๊งตัวแสบยังมีมาไม่ขาด



มันกอดผมไว้แน่นก่อนจะกระซิบคำที่ผมรอฟัง






“กูเงี่ยน”






“สาดดดดดดดดดไอ้ภูมิ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย”








แต่ผมว่าผมได้ไอ้ภูมิคนเดิมกลับมาแล้วล่ะ











TBC >>>>>>>>>>>

………………………………

-   กรี๊ดดดดดดดดดดด สวยจะบอกเลิกเบียร์ จะทิ้งเชน เซย์โนว์พี่โอ๊ตแล้วสวยจะทิ้งตัวใส่คลื่น อร๊ายยยยยยยยย
-   หวังว่าจะทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาอมยิ้มกับ We are ได้อีกครั้งนะคะ รักเทอคนอ่าน เย้ เย้ เย้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 22:13:57 โดย ทะเลหัวใจ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
พี่ีคลื่นนนหัวใจนายหล่อมาก o13
คือตอนแรกนะก็แอบหวั่นใจ ภาวนาสวดอย่านะพีม อย่าใจอ่อนให้คลื่นนะ
แต่จากที่อ่านๆของพี่ตาลก็พอจะคิดว่าพีมไม่น่าจะใจอ่อน
แต่มันหวั่นใจอ่าาา ถึงพี่คลื่นจะเป็นคนดี แต่คนดีใช่ว่าจะเป็นพระเอกเสมอไปน้าา
เค้าไม่ได้เกลียดพี่คลื่นนะ แต่เชียร์พี่ภูมิมากกว่า TT

น้องภูน่ารักค่ะ ชอบเด็กวัยแบบนี้ด้วย พอมาอ่านนะรู้สึกเอ็นดูของภูมาก
พี่ชาย......ฮื่ออออ อยากกอดน้องบ้าง

จริงๆหลายวันที่พีมหายไปแอบคิดนะ ว่าเพื่อนๆคงบอกภูมิ
แล้วภูมิก็คงเดาได้ว่าพีมจะไปที่ไหน(อันนี้เค้าจิ้นเฉยๆนะฮ่าๆ)
คิดว่าพี่ภูมิจะมาหาซะอีกแต่เป็นพี่คลื่นที่หัวใจโครตหล่อ

หลายๆเรื่องจะมีตัวรองที่มมาชอบนายเอกแบบนี้(แล้วเราจะไม่ชอบหน้ามาก)
คนอ่านหลายๆคนก็จะเชียร์ตัวรองคนนั้นให้ไปเจอรักใหม่
และคนเขียนก็มักจะเขียนตัวรองคนนั้นกับรักใหม่
แต่ส่วนตัวกลับคิดว่าในเมื่อรักมากแล้วมาเริ่มรักใหม่แบบนี้
รักที่เคยให้ไว้กับนายเอกเรื่องก่อนไม่สำคัญหรอห๊ะ(แล้วกูเกี่ยวอะไรวะฮ่าๆเค้าจะเขียนไรก้เขียนไปดิ)
แต่มาอ่านตอนที่พี่คลื่นบอกว่าลองเปิดใจได้แล้ว เลยคิดตาม
อือก็ควรเปิดอยู่ แล้วพี่คลืนก้บอกว่าแต่ก็มีมุมเล็กๆให้พีม
อ่านตรงนี้รู้สึกว่า พีคลื่นใจนาย....หล่อมว๊ากกกกกกก

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 00:11:59 โดย chisarachi »

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
มาแล้วววววววววววววววว

......

หน่วงอ่าาาาาาาาาาาาา  :a6: :a6: :a6:

โอ้ยยยยยย ปวดจริงอะไรจริง

พีม....กลับไปหาภูมิ....ก่อนที่คนอ่านจะตาย

รอออออออออออออ รอออออออออออออออออ

รออออออออออออ รอออออออออออออ//ไม่มีจิตใจจะสอบแล้วอ่ะ :z3: :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 00:20:36 โดย DarkAki »

ออฟไลน์ comics_boy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
มานั่งรอแล้วก้อเจอจริงๆด้วย ... ขออ่านก่อนนะค้าบบบ

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
กริ๊ด พี่คลื่น เด๋วค่อยมาเม้นต่อพุ่งนี้

pangfullny

  • บุคคลทั่วไป

slurpeez-69Nes

  • บุคคลทั่วไป
กระจึกๆๆๆๆ  :z13:   

พี่ฟองคลื่น พระรองที่หล่อมากก ><
อยากเจออย่างงี้ซักคน ฮ่าๆๆๆๆ   :impress2:

ปล. สู้ๆน้าพี่ตาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 00:23:46 โดย slurpeez-69Nes »

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คลื่น หล่อมาก ๆ :sad4:อยากกอด
>>>>+1 ลุงหนวดกะแม่พีม น่ารักมาก ๆ :L2:ชอบอ่ะ
แล้วคุณชายเบียร์ไปทำไรกะน้องโตเกียว ตอนตีสี่อ่ะ :z2: :z2:อยากรู้ ๆๆ  :z2: :z2:เรื่องชาวบ้าน :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2012 01:31:44 โดย ~มือวางอันดับ1~ »

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
กลับไปเคลียกันได้แล้วเด็กน้อย :กอด1:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เมื่อไหร่ภูมิพีมจะเจอกันอ่า
ไม่อยากดราม่าแล้ว
อยากให้ทุกคนยิ้มไม่อยากร้องไห้แล้วอ่ะคุณตาล

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
กรี๊ดดดดดมาอัพต่อแล้ว :L2:

คอมเม้นต์ 50% แรก
อ๊ากกกก ..แอบหวังเล็ก(จริงๆก็มาก)ว่าตอนนี้จะยิ้มได้
แต่ก็แอบเสียน้ำตาเพราะสงสารหนูพีมจนได้ หนูพีมเค้ายังไม่รู้นิเนอะว่าพ่อของภูมิเค้ายอมเข้าใจแล้ว
อีก 50% ที่เหลือเค้าขอลุ้น :a2: ขอให้ภูมิได้มาเจอพีม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2012 00:46:05 โดย nolirin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รอๆๆๆๆๆๆ

น้องภูมิน้องพีม เจอกันไวๆนะ


น้องคลื่น ขอให้เจอคนที่ใช่และไร้เจ้าของไวๆนะจ๊ะ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ชีวิตนี้มันมีคุณค่ามาก ๆ เลย ชอบที่ลุงบอกพีม
คลื่น แมนที่สุด น้ำตาไหลอีกแว๊วววววว สงสารพีมมม
ภูมิรีบหายป่วยมารับพีมด่วนน ขอร้องง

mamew13 jk

  • บุคคลทั่วไป
 คลื่นนนเปนคนดีม๊ากกกกกกกก พีมจร้ามะไหร่จะกลับไปหาภูมิสักที รอๆ พรุ่งนี้ๆ555

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
โถๆ คลื่นแ-่ง ... คนดีว่ะนาย เอาใจเราไปเลยอ่ะ  :L2:
ผ่านมานานหลายวัน ภูมิรีบมาเร็วๆ อย่าทิ้งไว้ให้คอยนาน คนอ่านลุ้นระทึก คอยด้วยความหวังงง  :-[

TeeRuk♥

  • บุคคลทั่วไป
คลื่นหาพีมเจอก่อนภูมิอีก มัวทำอะไรอยู่พ่อพระเอก

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้องพีมมาแล้ว ดีใจจัง จับมากอดๆๆๆๆ ไม่ติดต่อใครเลยแบบนี้เค้าเป็นห่วงกันแย่แล้วลูก
ดีใจที่พีมได้มาเจอครอบครัวของคุณลุง จะได้รู้ว่าตัวเองมีค่ากับคนอื่นมากแค่ไหน
เอ๋...ยังงงว่าคลื่นมาเจอพีมได้ไง สงสารคลื่นจัง แต่ชอบที่พีมทำมาก คือไม่ให้ความหวัง
เพราะไม่อย่างงั้นมันก็เจ็บกันไม่จบกันซะที...พีมเป็นนายเอกที่น่ารักจริง ๆ ค่ะ
รอน้องพีมเจอน้องภูมินะคะ...

p.s เพลงนี้เข้ากับคลื่นจริง ๆ แอบน้ำตาซึม

ขอบคุณค่า... :L2:

ออฟไลน์ bytoey

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 865
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +197/-3
อ๊าคคคคค เริ่มดีขึ้นนิดนึง อยากอ่านแล้วคร้า :serius2:

ออฟไลน์ Momichi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด พีมมาแล้ว
คลื่นมาปลอบใจ ดีใจจังที่คลื่นมา
คลื่นน่าสงสาร รักคลื่นจัง ผู้ชายแบบนี้จะเหลืออยู่บนโลกสักกี่คนเนี่ย

รอน้องภูมิค่ะ

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
คลื่นนนน หล่อมากกกกก :sad4:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
 :เฮ้อ: สงสารคลื่น
สงสารพีม สงสารภูมิ
สงสารตัวเอง ..

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด