ผมมีเพื่อนสนิทอยู่อีกคนนึงที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
แบรตสูงร้อยแปดสิบหก เขาจัดอยู่ในประเภทหล่อกระชากใจสาวเลยทีเดียว เขาเด็กกว่าผมสองปีแตะระดับความอัจฉริยะของเขาทำให้เขาเรียนจบพร้อมกับผม(แบรตจบจากเยล แต่ผมจบจากมหาวิทยาลัยชิคาโก) ตอนนั้นผมพบเขาครั้งแรกตอนผมอายุยี่สิบสองปี ผมและเพื่อนๆของผมตัดสินใจไปท่องนิวยอร์คกันหลังจากเรียนจบ เชลดอนซึ่งรู้จักกับแบรตอยู่ก่อนแล้วชวนเขามาเที่ยวกับเราด้วย เขาตอบตกลงทันที
ผมกับเชลดอนจึงขับรถไปรับเขาที่ถนนเมดิสัน ขณะที่แบรตและเชลดอนนั่งอยู่บนรถพวกเขาก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแบบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนาน แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มพูดคุยเรื่องหนังกัน เขาวิจารณ์หนังเรื่องหนึ่งกับเชลดอนด้วยคำพูดเช่น “หนังแม่งห่วยจนฉันแทบจะเอาค้อนตีกะบาลตัวเองให้สำนึกผิดที่ซื้อตั๋วเข้ามาดูจริงๆ” หรือ “ให้ดูหนังห่วยๆอย่างนี้ฉันยอมเอากระดาษทรายมาขัดลำกล้องตัวเองดีกว่า” ผมคิดว่าหมอนี่ตลกดีแม้ว่าบางครั้งมันจะดูหลงตัวเองไปหน่อยก็เหอะ ผมเลยตัดสินใจทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้
หลังจากที่เราเป็นเพื่อนกันราวๆหนึ่งปี พบก็คิดว่าผมได้รู้จักเขามากขึ้น และพบว่าทุกๆครั้งที่ผมรู้จักเขามากขึ้นหมอนี่มีอะไรมากกว่าความตลก
ครั้งแรกที่ผมไปเพนส์เฮาส์ของเขา(ผมช็อคในความรวยของหมอนี่สุดๆในตอนแรก) เพื่อรับเขาไปกินเหล้ากับเรา ตอนนั้นผมรู้จักเขาราวๆสองเดือน เมื่อผมเข้าไปในห้องของเขาผมก็รู้สึกแปลกๆ และรู้สึกถึงความผิดปกติของของทันที ห้องของเขาถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีชั้นขนาดใหญ่สำหรับเก็บดีวีดีหนังทุกเรื่องถูกเรียงไว้ตามลำดับตัวอักษร ส่วนใหญ่เป็นหนังไซไฟและหนังแอ๊ดชั่น บนชั้นล่างของโทรทัศน์มีเครื่องเพลย์สเตชั่นถูกวางไว้ตรงกลางเป๊ะ ด้านข้างมีจอยที่ถูกพันเก็บไว้อย่างเรียบร้อยหนึ่งอัน ส่วนอีกอันวางไว้อย่างระเกะระกะ(นั่นดูจะเป็นของชิ้นเดียวที่ผมเห็นว่ามันดูระเกะระกะที่สุดแล้วในห้องของเขา) ผมอดที่จะถามแบรตออกไปในสิ่งที่ผมสงสัยไม่ได้
“ห้องนายดีเรียบร้อยนี่หว่า แล้วทำไม..” ผมหยุดคำพูดแล้วชี้ไปยังจอยตัวที่ถูกวางไว้ยุ่งๆ
“อ้อ นั่นของน้องชายฉัน หมอนั่นเพิ่งมานอนกับฉันเมื่อคืน แล้วสั่งห้ามฉันยุ่งกับจอยของเขา” เขายักไหล่ตอบ
ผมบอกเขาว่าเพนส์เฮ้าของเขายอดไปเลย แบรตจึงยอมให้ผมเดินดูรอบๆได้ ระหว่างที่รอเขาอาบน้ำ ในห้องนอนของเขามีสภาพเรียบร้อยสุดๆเช่นกัน ผ้าปูที่นอนเป็นลายมนุษย์ค้างคาว ส่วนผ้าคลุมเตียงเป็นลายกรีนแลนเทิร์น(*) มีตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่ติดกับผนังห้อง ภายในตู้เต็มไปด้วยเต็มไปด้วยแอ็คชั่นฟิกเกอร์(**) ในตู้ขนาดมหึมาเต็มไปด้วยของเล่นนับพันชิ้น แบรตจัดท่าทางของเล่นพวกนั้นให้เหมือนกับว่ามันกำลังต่อสู้กันอยู่ เช่น จีไอโจสู้กับสปอว์น ซูเปอร์แมนสู้กับจัสติสลีก เด็พเพลอเอฟเฟ็กสู้กับแฟลชและยังมีตัวละครอีกมากมายที่ผมจำชื่อไม่ได้ถูกจัดท่าทางให้ต่อสู้กันอยู่ ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นคนปกติมากขึ้นหน่อยตอนเหลือบไปเห็นโปสเตอร์รูปเจรี่ รายอัน(***)แต่ต่อมาอารมณ์ผมก็กลับไปเหมือนเดิมเพราะในรูปเธออยู่ในชุดของเซเว่นออฟไนน์(ตัวละครในเรื่องสตาร์เทร็คที่เธอรับบท) ที่ผมว่าเจ๋งสุดๆก็คงจะเป็นหุ่นโยดาพูดได้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ พอผมเดินผ่านมันก็พูดว่า ‘ขนาดไม่สำคัญ’ ผมลองทุกมันเล่น มันก็ตอบกลับมาว่า ‘ระวังด้านมืดจะเข้าครอบงำ’
“เฮ้ ฉันเสร็จแล้วล่ะเพื่อน” แบรตเดินมาบอกผม เขาเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตและสูดปราด้าของเขาเป็นเสื้อยืดสีเขียวที่ดูไม่ธรรมดา
“เฮ้เพื่อน นายเคยพาสาวๆมาบนนี้บ้างไหม?” ผมอดสงสัยไม่ได้
“เคยหนนึง”
“เธอเห็นไอพวกนี้แล้วเธอว่าไงมั่งละ”
“ไม่รู้ดิ เธอไม่ว่าไง เพราะมันมืดน่ะ อีกอย่างถ้าเธอเห็นว่ามีฟิกเกอร์เรื่องอินเวเดอร์ซิม(****) เธอคงหาว่าฉันเป็นไอทึ่มแน่ๆ” แบรตพยักเพยิกหน้าไปมุมมืดล่างสุดของตู้โชว์ของเขา ผมหัวเราะก้ากเลยล่ะ เพราะมันดูโครตไม่เข้ากับฟิกเกอร์ตัวอื่นๆเลย
“อย่าคิดล่ะพวกว่าเป็นของฉัน นั่นน่ะของน้องชายฉัน” สงสัยแบรตจะมีน้องชายอายุหกขวบ
ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องของเล่นพวกนี้หรอก แต่ขณะที่เรานั่งรถกันอยู่กันก็อดกลับมาคิดไม่ได้ นั่นก็คือเขามีจีไอโจทั้งรุ่งเก่าและรุ่นปัจจุบัน ผมก็ชอบนะไอหุ่นแบบนี้ แต่นั่นเมื่อตอนผมอายุสิบขวบ ผมเลยลองถามเขาเล่นๆดู
“จีไอโจรุ่นใหม่นี่ดีกว่ารุ่นเมื่อสิบปีที่แล้วยังไงวะ ฉันไม่เห็นจะมีตัวไหนสู้สเนคอายส์(*****)ได้เลย”
“หุ่นรุ่นเก่ามันประสบกับปัญหาที่เรียกว่าเศษขยะยางวะเพื่อน” ผมขำก้าก ไอ้อาการที่ว่ามันจะเกิดกับไอหุ่นที่ชื่อดุ้กหรือไม่ก็โรดบล๊อค พ่อแม่จะซื้อไอ้สองตัวนี้ให้เพราะครอบครัวคุณยากจนหรือไม่คุณก็ไม่เป็นที่รัก
“ฉันจะจับขาพวกมันไว้เพื่อทำท่าไม้ตายซูปเปอร์สปินนิ่งพันซ์ มันเป็นท่าไม้ตายที่ทำให้นายสะใจมากใช่ไหมล่ะ”
“ใช่วะแบรต ฉันเอามาเล่นรวมกับคอบร้า(*******)แล้วจับตุ้กตาบาร์บี้ของน้องสาวฉันไปเป็นทาส ขังไว้ในป้อมที่ทำจากเลโก้” ถ้าถามผมว่าทำไมต้องสร้างป้อมจากเลโก้น่ะเหรอ ก็เพราะพ่อแม่ไม่ซื้อชุดป้อมจากจีไอโจให้น่ะสิ พระเจ้าไม่ยอมให้พ่อแม่สละเงินยี่สิบเหรียญเพื่อป้อมอันแสนจะเจ๋งให้กับหุ่นที่เป็นเพื่อนของผมหรอก
วันนั้นเราไปถึงร้านก็เริ่มดื่มกันนิดหน่อย จากนั้นผมก็เข้าไปพูดคุยกับแม่สาวเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ส่วนแบรตก็เล่นบทนกต่อโดยจับคู่กับเพื่อนของเธออย่างรู้งาน ผมเดาว่าสาวที่คุยกับแบรตออกจะงี่เง่า เพราะดูเหมือนเขาจะเบื่อๆ ซึ่งเมื่อเขาเบื่อ เขามักจะหาวิธีการแปลกๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองหายเบื่ออยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“คุณจบเยลตั้งแต่ยี่สิบงั้นเหรอ คุณชอบที่นั่นไหม”
“บางคนชอบเรียกมันว่าไกซอร์เบลด แต่ผมเรียกมันว่าแบรต ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมม” (คุณต้องนึกตามไปด้วยนะ ว่าเสียงของแบรตจะแหบๆต่ำๆ)
“คุณว่าไงนะ”
“ผมว่าผมอยากหามันฝรั่งทอดมาให้คุณกินแล้วล่ะฮึ่มมมมมมมมมมมมมมม”
“อะไรของคุณน่ะ!”
“ผมว่าคุณค่อนข้างจะโง่นะ ฮึ่มมมมมมมมมมมมมม”
“เพื่อนคุณน่ากลัวจัง” สาวคนนั้นหันมาบอกผม
“ผมก็กลัวมันเหมือนกัน”
หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกสองสามหน ผมก็ตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นอย่างงั้น เพราะผมว่ามันก็ตลกดี เราก็แค่เข้าไปจีบสาวปกติหากพวกนั้นทำให้เราเบื่อหรือไม่พอใจ เราจะใช้มุขเล่นตามบทหนังสั้นๆแบบนี้แล้วชิ่งออกมา ส่วนใหญ่ผมมักจะเล่นมุขของดอยล์ ฮาเกรฟในบทของแฟนป่าเถื่อน
“ฉันว่ายัยนี่อยากได้นายว่ะ ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมมม” แบรตเริ่มก่อน
“เฮ้ย! จะหุบปากของนายซะ หรือจะต้องให้ข้างัดปากเอ็งก่อนวะ” ผมเล่นตามบทโดยพูดด้วยสำเนียงใต้
“นายก็ต้องหามาให้ฉันล่อเองมั่งสิเว้ย ฮึ่มมมมมมมมมมม”
สาวๆที่เจอมุขนี้เข้าไป ส่วนใหญ่มักจะบอกว่า’คุณสองคนเป็นบ้าอะไรกัน’ จากนั้นเธอก็จะเดินออกจากโต๊ะของเราไป
ในบรรดานิสัยแปลกประหลาดของแบรตสิ่งที่บอกความเป็นตัวตนของเขามากที่สุดคือเรื่องผู้หญิง เราออกไปเที่ยวด้วยกันสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ ผมจะพุ่งเป้าเข้าหาสาวที่ร้อนแรง ส่วนเขาจะรับบทนกต่อสอยเพื่อนของสาวคนที่ผมเลือก แต่เขามักจะไม่พอใจกับสาวพวกนั้นเสมอๆ สิ่งที่เขาจะทำคือมักจะหลอกด่าพวกเธอด้วยคำพูดเจ็บๆ ผลที่ได้คือ นอกจากสาวที่เขาหลอกด่าจะร้องไห้และผละออกไป สาวที่ผมเลือกไว้ก็จะผละออกไปพร้อมกัน นั่นทำให้ผมสงสัยและพยายามสืบเรื่องของเขา
เขาเคยคบกับแฟนตั้งแต่มัธยมปลาย เธอเรียนที่มหาลัยโคลัมเบียส่วนเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล เขารักแฟนคนนี้มาก แบรตซื่อสัตย์ต่อเธอแบบที่หาในตัวเองไม่ได้เลย แต่เธอกลับไม่ตอบแทนเขาด้วยสิ่งเดียวกัน ยัยนั่นแรดไปทั่ว ปีแรกที่พวกเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็พบว่าเธอนอนกับคนมากมาย เธอไล่เขาออกจากชีวิตของเธอ ตั้งแต่นั้นมาแบรตไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นได้ นั่นทำให้เขาไม่สามารถสร้างบรรยากาศโรแมนติกกับสาวได้อีกเลย
ผมจึงบอกเขาไปว่า “ถ้านายจะอึ้บสาว นายไม่เห้นจำเป็นต้องรักหล่อนก็ได้นี่หว่า” แบรตเห้นด้วยกับผมในทางทฤษฎีแต่ในทางปฎิบัติเขาก็ยังคงมีปัญหาอยู่ดี
“ก็สโมสรที่มันรับฉันเป้นสมาชิก ฉันไม่อยากเป็นนี่หว่า” เขาหมายถึงคนที่เขาอยากจะมีอะไรด้วย มักจะไม่อยากมีอะไรกับเขา ส่วนผู้หญิงที่อยากจู๋จี๋กับเขาโดยที่เขาไม่รู้จักหรือยอมรับเขาเลย เขาจะสรุปทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นคือโสเภณี แน่นอนเขาปฎิเสธที่จะนอนกับโสเภณี ถ้าตัดสินตามหลักการของผมแล้ว ผมสรุปได้เลยว่าแบรตคือพวกที่ไม่มีน้ำยาเลยทีเดียว
แบรตเป็นพวกที่ไม่มีความอดทนต่อผู้หญิงงี่เง่า และรังเกียจพฤติกรรมที่เหมือนขายตัว ต่างจากผม เพราะผู้หญิงที่ผมจะสอยส่วนใหญ่ทั้งโง่และร่านจึงนำมาสู่เรื่องตลกๆที่ผมจะเล่าให้คุณฟัง
หลังจากที่ผมตัดสินใจต่อวิทยาลัยกฎหมาย ส่วนแบรตตัดสินใจต่อที่เยลเช่นเคย ผมก็แวะไปเยี่ยมเขาที่นิวยอร์คอีกครั้ง ผมตัดสินใจลากเขาออกไปหาเหล้ากินกัน เราอุ่นเครื่องกันที่ห้องเขาจนเริ่มกึ่มๆจากนั้นก็ตระเวนหาร้านที่คิดว่าเต็มไปด้วยสาวๆสุดร้อนแรง จนได้ร้านที่เราทั้งคู่ตกลงพร้อมกัน
“เฮ้ยดูนั่นสิ! คนนั้นสุดยอดเลยว่ะ” ผมเรียกให้แบรตดู
“ประเภทสวยในที่มืดรึปล่าววะ” มันตอบกวนๆ
“นายมีตารึปล่าววะ นั่นน่ะโคตรเอ็กซ์เลย”
“นายนั่นแหละ เอาตาตุ่มมองรึไง นั่นมันคุณตัวผมทองชัดๆ ฉันว่านายเมาแล้วว่ะ เชื่อฉันสิ นี่กามเทพมาเองเลยนะเว้ย”
เราพากันเดินไปตรงนั้น แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปสอยเธอ ความมั่นใจของผมก็ละลายหายไปหมด แบรตพูดถูก หน้าตาเธอดีก็จริงแต่เมื่อดูเต้าที่มโหฬาร ไล่มาจนถึงน้องหนูที่ดูไม่จืด แถมยังขาที่ทำให้นึกถึงข้าวขาหมูขึ้นมาตะหงิดๆ ผมตัดสินใจว่าผู้หญิงคนนี้ควรเอาท่อนบนไปขึ้นปกนิตยสารแม็กซิมแต่ท่อนล่างควรไปอยู่นิตยสารเพาะกาย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นไงล่ะ” มันหัวเราะอย่างสะใจ
“ฉันว่าไปหาเหล้ากินอีกดีกว่าว่ะ” ผมชวนแบรตอย่างหมดอารมณ์
“ไม่เอาน่าคาแบลท์ อย่างน้อยตอนนี้นายก็รู้ว่าถ้ารถติดหล่ม นายจะหาคนช่วยเข็นได้ที่ไหน”
--------------------------------------------------------------------------------------------
Green lantern การ์ตูนจากดีซีคอมิกส์ในอเมริกา เป็นพวกมีพลังเหนือมนุษย์ใส่ชุดสีเขียวคะ
Action figure ตุ้กตายางหรือที่เราๆรู้จักกันว่าฟิก์เกอร์นี่แหละคะ แต่มันสามารถขยับส่วนต่างๆของร่างกายได้ เช่น แขน ขา
Jeri Ryan นักแสดงหญิงที่มีผลงานสร้างชื่อคือ Star Trek
Invader zim การ์ตูนแนวเอเลี่ยนฉายทางช่องนิคเคโลเดียนคะ (เด็กๆประมาณหกเจ็ดขวบติดกันเยอะ)
Snake-eyes ตัวละครฝ่ายพระเอกจากเรื่องจีไอโจ ใช้ดาบญี่ปุ่นเป็นอาวุธหลัก เป็นตัวละครลึกลับที่ไม่มีใครรู้ชื่อ เปิดเผยใบหน้าไม่กี่ครั้ง แต่กลับปรากฎตัวมากที่สุดในเรื่อง และได้รับความนิยมสูงสุดจากแฟนการ์ตูน
http://www.youtube.com/v/UoAKJ2IXbIU?fs=1&hl=en_US

snake eyes
