ผมย้ายมาทำงานที่สำนักงานในชิคาโก วันนั้นเป็นวันศุกร์ธรรมดาวันหนึ่ง ผมนั่งจิบเบียร์ไปดูโทรทัศน์ไปอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ราวๆทุ่มนึงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คนที่โทรมาคือคาเรนคู่ขาอีกคนหนึ่งของผมที่นี่ ผมออกจะงงๆเพราะเธอโทรมาเร็วไปหน่อย โดยปกติเธอจะโทรมาเร็วที่สุดก็เที่ยงคืน
“เธอเมารึไงเนี่ย” ผมถามเธอด้วยความประหลาดใจ
“เปล่าจ้า...ที่รัก ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่”
“ก็เรื่อยๆ ตอนนี้นั่งดูรายการ สมรภูมิกระทะเหล็กอยู่โมริโมโต้กำลังทำบรูลีครีมเห็ด แข่งกับปอร์ซินี่อยู่” ผมว่าตั้งแต่ในชีวิตอยู่ร่วมกับแกสเขาค่อนข้างมีอิทธิพลกับผมอยู่เหมือนกัน รายการโทรทัศน์นี่แหละอย่างนึงที่ผมทำอยู่
“อือ..งั้นก็ดีเลย..คืนนี้ฉันมีนัดบอดน่ะ...เพื่อนชวนไป...แต่ฉันจะถามว่าฉันแวะไปห้องคุณก่อนได้ไหม อยากได้โปรตีนแบบพิเศษจากคุณหน่อยน่ะ”
วิเศษเลย!คาเรนเปลี่ยนสถานะจาก”คู่ขาที่โทรมาในเวลาที่ผิดปกติ” มาเป็น”แม่ตัวดูด”แล้วล่ะคุณ
“ได้เลย..มาสิ..ผมไม่ไปไหนหรอก”
“เยี่ยมเลย..งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
“ที่รัก ซื้อเบียร์มาด้วยนะ” ผมสั่งทิ้งท้าย
ไม่ถึงสิบนาที เธอก็มาปรากฎตัวที่อพาร์ตเมนท์ของผมพร้อมเบียร์มิลเลอร์หนึ่งโหล สังสัยผมคงต้องสอนให้เธอได้รู้จักข้อแตกต่างของเบียร์และเยี่ยวม้าหน่อยล่ะคุณ
มาถึงเธอก็ตรงมาดูดผมทันที เพราะนัดบอดของเธอจะเริ่มในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ส่วนตัวผมก็นั่งดู ยุทธภูมิกระทะเหล็กต่อไป ไม่เอาน่าคุณ...โมริโมโต้เป็นอัจฉริยะในการทำอาหารชัดๆ แต่คาเรนผมก็เห็นเธอดูดมาหลายหนแล้ว มันก็เหมือนหนังจีนชุดนั่นแหละ รอดูตอนจบตอนเดียวก็พอ
ในคืนนั้นผมตั้งใจจะออกไปหาเพื่อนที่นัดไว้ตอนสี่ทุ่ม ดังนั้นพอคาเรนจากไปตอนสองทุ่ม ผมก็เลยมีเวลามานั่งคิดว่าการที่อยู่ดีๆก็มีสาวมาดูดให้ก่อนที่เธอจะออกไปเที่ยวกับหนุ่มนี่มันสุดยอดจริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ใช่คาสโนว่าหรอกนะ(จากที่ผมคิดเอาเอง) แต่ก็คิดว่าคงมีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่ทำแบบผมได้
จู่ๆผมก็คิดไปถึงนัดของคาเรน มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะคุณ ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่นคงไม่มีรู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาคอยให้บริการให้เกียรติอย่างดีระหว่างอาหารค่ำที่เขาเลี้ยง เธอเพิ่งจะให้ปากของเธอเขมือบน้องชายของผมมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หวังว่าพระเจ้าคงให้อภัยผมนะ หากหมอนั่นเกิดจูบราตรีสวัสดิ์เธอขึ้นมา ผมว่านอกจากลมหายใจของเธอที่มีกลิ่นเบียร์แล้ว หมอนั่นต้องรู้สึกเค็มปะแล่มๆบ้างล่ะน่า
ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหมอนั่นถ้าหากเขาจะฟันเธอ (เพราะผู้หญิงอย่างนี้ผมไม่คว้าเอามาทำแม่ของลูกอยู่แล้ว) เมื่อพวกเขาออกไปเที่ยวด้วยโอกาสก็ย่อมมีอยู่แล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่คงรู้ดีใช่ไหม
จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่าแม่นั่นออกไปเที่ยวกับผู้ชายแล้วจะจบลงแบบไหน แต่ถ้ากับผมแล้วล่ะก็มันก็มักจะลงเอยด้วยอย่างว่าแหละ...มาถึงตรงนี้จู่ๆก็มีอีกความคิดแว๊บเข้ามาในหัวผม เวรเอ๊ย!
แล้วตัวผมล่ะ เจอผู้หญิงที่ทำแบบที่คาเรนทำกับไอ้หมอนั่นมากี่คนแล้วเนี่ย
คุณว่ามันจะเกิดขึ้นกับผมไหม?...ผมเคยเป็นไอ้โง่ที่ควรสาวไปเที่ยวโดยที่เธอเพิ่งไปดูดใครมาหรือเปล่า
ให้ตายเหอะนึกไปนึกมามันต้องเคยเกิดขึ้นกับผมแล้วแน่ๆ เพราะผมก็ควงผู้หญิงไปเที่ยวมาจนนับไม่ถ้วน ยังไงมันก็ต้องมีแบบนี้เข้าสักคนแหละ ยิ่งเมื่อนึกถึงระดับศีลธรรมอันต่ำทรามของผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยสอย อาทิ ผู้หญิงหากินก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ผมจะเป็นอย่างไอ้หนุ่มที่เที่ยวกับคาเรน
คิดง่ายๆเลยก็ตัวคาเรนนั่นแหละ ในเมื่อเธอทำให้ผมได้ ทำไมเธอจะทำให้คนอื่นไม่ได้ แม้ว่าผมจะสามารถบรรเลงเพลงรักให้ถึงอกถึงใจเธอได้ แต่ในโลกนี้ก็ต้องมีผู้ชายที่ทำได้เหมือนผมอยู่อีก(อย่างน้อยๆก็เพื่อนผมนี่แหละ) แล้วตัวผมเองก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่ารู้จักผู้หญิงดี ก็คงไม่ต้องพิสูจน์แล้วล่ะคุณ เพราะยังไงผมก็เป็นไอ้โง่อยู่ดี
ยิ่งคิดไปเรื่อยๆเรื่องมันคงไม่ใช่แค่ดูดด้วยซ้ำ คุณว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่นอนกับผมแล้วก็ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นในวันเดียวกัน หรืออาจจะกลับกันก็ได้ นอนกับคนอื่นแล้วค่อยมาหาผม ผมไม่มีทางรู้เลยนะ...จะไปรู้ได้ยังไงเล่า แต่บางทีผมอาจจะรู้ได้ถ้าตั้งใจดมกลิ่นน้ำรักที่ติดตามริมฝีปากเธอ ถ้ามันมีอยู่ที่นั่นจริงผมอาจจะไม่เคยแค่ดมเฉยๆแล้วล่ะ ผมคงได้กินมันด้วยซ้ำ
พระเจ้าช่วยบอกผมทีเถอะว่าผมไม่เคยกินมัน!ไม่งั้นผมจะไปอ้วกเดี๋ยวนี้แหละ
ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น..วิธีการมองโลกของผมก็เปลี่ยนไปทันที และไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม เหมือนกับเวลาที่คุณเปิดแสงแบล็คไลท์ใส่ผนังของโรงแรมแล้วพบว่ามันมีคราบน้ำรักสาดกระจายไปทั่ว คุณจะไม่มีวันมองผนังนั่นอย่างสนิทใจได้อีก
ผมนั่งคิดอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมง จนถึงเวลาที่ผมต้องออกไปหาเพื่อน พอเจอกันผมก็เล่าถึงสิ่งที่ผมคิดให้พวกเขาฟังทันที มันเรียกเสียงฮาได้ไม่เลวเลยล่ะ พวกเขาบอกว่าผมติ๊งต๊อง แล้วอย่าคิดมากจะดีกว่า แต่ผมจริงจังนะ...
“ไม่ตลกนะว้อย พวกนายทนได้เหรอ ฉันคนนึงล่ะที่จะไม่ล่อต่อจากใครในวันเดียวกันหรอก ทำอย่างนั้นมันไร้น้ำยาชัดๆ คนอย่างคาแบลท์ ฮูแซกไม่กินของเหลือเดนโว้ย” ผมโวยวาย
“ไม่ก็ไม่ ฉันเชื่อแล้วกัน” หมอนั่นบอกอย่างรำคาญๆ
“พูดจาอย่างนี้พ่อนายเป็นตลกหรือไงวะ” ผมยังเคืองไม่หาย
“ทำอย่างกับนายไม่เคนแหละ นอนกับคนนึงตอนเช้า พอตกเย็นก็ไปสอยมาอีกคน”
“แต่มันไม่เหมือนกันโว้ย”
“ไม่เหมือนยังไง” แซคทำหน้าจริงจัง
“เพราะแม่พวกนั้นไม่เหมือนกัน”
“พูดมาได้...เมื่อกี้นายก็เพิ่งถูกดูดมาไม่ใช่เหรอ แล้วที่ออกมานี่ก็ตั้งใจจะสอยกลับไปอีก”
“แม่งเอ๊ย!” ผมเถียงสู้ไม่ได้ผมเลยด่าซะเลย
“ใครๆก็เคยโดนกันทั้งนั้นแหละเพื่อน ไม่ใช่โดนอย่างเดียว บางทีเราเองก็เป็นต้นเหตุให้คนอื่นโดนด้วย ผู้หยิงผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้แหละ จะไปคิดมากทำไมวะ” หมอนั่นเปลี่ยนมาเป็นปลอบ
“ฉันไม่ยอมหรอกว้อย เพราะฉันคือ คาแบลท์ ฮูแซก ไม่มีใครหน้าไหนดีไปกว่าฉัน ไอ้เรื่องบ้าๆนั่นมันต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน”
“แต่ฉันว่าไม่พ้นคืนนี้หรอก นายโดนแน่”
ผม ดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่ม แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่าผมโดนผู้หญิงปั่นหัวมาได้ แถมยังไม่รู้อีกว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนไหน และไอ้ความไม่รู้ที่แย่ที่สุดคือ มันทำให้ผมมีโอกาสจูบกับผู้หญิงที่ปากเพิ่งเลอะน้ำรักของผุ้ชายคนอื่นเมื่อไม่ถึง 45 นาทีที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้ผมเซ็งมากก็คือผู้หญิงทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับพวกเธอนั่นแหละ และผมก็เป็นไอหน้าโง่ที่ไม่เคยรู้เลย ชีวิตที่ผ่านมาผมคิดมาตลอดว่าผมเป็นคนเล่นเกมส์กับพวกหล่อนโดยถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด และไม่มีวันจะตกเป็นเบี้ยล่างทแต่ตอนนี้ผมมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นไอ้หน้าโง่สูงมาก พอผมคนอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบคงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่ามันเข้าครอบงำผมทั้งคืน คำว่าครอบงำของผมนั้นหมายความว่ามันไม่สามารถเป็นปกติได้อีกเลย...
บางทีความเมาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย คืนนั้นผมเลยต้องการตัวช่วยอื่นที่จะทำให้ความกังวลของผมหมดไป แต่ตอนนี้ผมก็ต้องใช้เหล้าเป็นที่ปรึกษาไปพลางๆก่อน ใช่เลย..คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ความเมาของผมพุ่งทะลุขีดจำกัด
พอไปถึงร้านแรกผมก็ตระเวนไปทั่วร้านเพื่อสัมภาษณ์สาวๆว่าพวกหล่อนเคยทำอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับคุณ...คุณเคยดูดให้ผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะออกไปเที่ยวกับอีกคนในวันเดียวกันหรือเปล่า หรือว่าเคยนอนกับผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะไปดูดให้อีกคนโดยไม่บอกคนที่ดูดให้น่ะ” ผมยิงคำถามตรงๆ
“อะไรนะ!” เธอถามเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“อย่าเฉไฉน่า ตอบมา”
ไม่ต้องเดาเลย...ผู้หญิงในร้านนั้นคิดว่าผมตลกลามกกับทุกคนเลย
ในร้านต่อมา หลังจากเหล้าผ่านไปสามรอบ ผมก็เพ้อออกมาเป็นกลอนแต่งเอง
“กุหลาบงามสีแดงชูช่อแข่งขัน ไวโอเล็ตนั้นฟ้ากระจ่างใส นังหญิงร้อยเลห์ดูดให้ฉันก่อนใคร แล้วก็จากไปดูดให้คนอื่นในเร็วพลัน”
ความเพ้อเจ้อของผมดึงดูดให้สาวกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจจนอดไม่ได้ที่จะเข้ามาคุยกับเรา เพื่อนผมซึ่งยังไม่รู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิง ตัดสินใจแต่งเรื่องของผมขึ้นมาใหม่ให้พวกเธอสนใจ เขาบอกว่าผมเพิ่งเลิกกับแฟนที่ผมรักมากแต่ไม่เคยเอาใจใส่ผมเลย และนี่เป็นคืนแรกที่ผมยอมออกมาเที่ยวด้วยความขมขื่น ผมช่วยกระพือให้เรื่องที่หมอนั่นเล่าน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกหลังจากที่เหล้าผ่านไปอีกรอบ
พอผมเริ่มเล่าเรื่องตลกไร้สาระต่างๆสาวๆกลุ่มนี้ก็ตัดสินทันทีว่าผมตลกดี มีคนหนึ่งพยายามปลอบใจผมโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องเพลงแทน ผมบอกเธอว่าผมเป็นแฟนเพลงลูกทุ่งตัวยงเลย แน่ล่ะคุณ!ไกลจากความเป็นจริงเป็นโยชน์เลย...
“จริงเหรอ! คุณรู้มั้ยล่ะ ฉันชอบเพลงลูกทุ่งที่สุดเลย อย่างเพลงนึงนะ เพลงไปเมากันเถอะ คุณรู้จักไหม? ฉันแต่งใหม่เป็น ไปเข้าคิดซื้อรองเท้ากันเถอะ” เธอเชื่อสนิทใจแถมยังชวนคุยเสียยืดยาว ส่วนผมได้แต่จ้องหน้าเธอปริบๆ เพราะไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียว
“มันน่าสนุกออกคุณว่าไหม” เธอยังคงพยายามทำให้ผมร่าเริงขึ้น
“ผมว่าคุยกับคุณ ผมคงโง่ลงไปกว่านี้แน่” ผมเริ่มเบื่อเธอเต็มทน
“คุณว่าอะไรนะ”
ผมเงียบไปพักนึงเพื่อให้เธอสนใจมากขึ้นแล้วจึงพูดต่อ”ฟังให้ชัดๆนะ ผมพนันได้เลยว่าไอ้หนูที่คุณดูดมาน่ะ เอามาเรียงต่อๆกันได้ยาวเป็นกิโลแหงๆ”
เธอรีบผละออกจากผมทันที พร้อมทั้งด่ากลับอย่างตะกุกตะกัก”นะ..นายมัน..ปะ..ปัญญาอ่อนสิ้นดี”
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำให้อนาคตในร้านที่สองของเราดับวูบลง ร้านที่สามที่เราไปมีทรัพยากรผู้หญิงมากเพียงพอ แต่ผมยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่คิดจนไม่มีอารมณ์ไปสอย เพื่อนๆก็เลยเอาผมมาทิ้งไว้ที่โต๊ะ ส่วนพวกมันก็ออกไปล่าสาวๆกันตามอัธยาศัย
ผมเดินเตร่ไปเรื่อยๆแล้วก็ไปปากหมากับผู้หญิงคนนึงเข้า ซึ่งตรงกันข้ามกับเพื่อนๆผมที่กำลังไปได้ดีกับสาวๆ พวกเขากำลังจะประสบความสำเร็จในการสอยแม่พวกนั้น จนกระทั่งผมนึกอยากจะได้ยินว่าเสียงแก้วแตกเป็ยยังไง แล้วเราก็โดนไล่ออกจากร้านเป็นรอบที่สามในคืนเดียว
ในที่สุดเราก็มาลงเอยที่ไนต์คลับ ตอนที่ผมไปถึงผมก็เมาเละจนนักเลงคุมร้านแทบจะไม่ให้ผมเข้าอยู่แล้ว ความทรงจำสุดท้ายของผมในคืนนั้นก็คือตอนที่ผมสั่งเหล้าอะไรซักอย่างแบบดับเบิ้ลจากซุ้มเครื่องดื่ม เพื่อนของผมคนหนึ่งมาดึงแขนไว้บอกให้ผมเพลาๆลงบ้าง
“นายเมามากไปแล้วนะเพื่อน ถ้าเมามากกว่านี้ตายไม่รู้ด้วยนะโว้ย” เขาเตือนผม
“ถ้าฉันไม่ได้กินสิจะตายเอามากกว่า”
“ร้านที่แล้วแกล่อไปกี่แก้วน่ะ”
“แกนับแก้วที่ฉันกินเหรอ? ถ้าแกอยากเป็นผู้ดูแลตับของฉัน ก็ช่วยจ่ายค่าเหล้าให้ด้วยแล้วกัน”
“เท่าที่ผ่านมาฉันก็จ่ายให้แกอยู่แล้วโว้ย” แบรตมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง
“ฉันคือคาแบลท์ ฮูแซกนะโว้ย ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” ผมยังหมดมุ่นอยู่กับเรื่องเดิม
พวกนั้นพาผมมานั่งที่เดิมแล้วก็ออกไปจีบสาวๆ พอดื่มเข้าไปอีกแก้วสองแก้ว ผมก็นึกอยากดิ้นขึ้นมาบ้าง ขณะที่กำลังสมเพชสภาพตัวเองบนเวทีนั่นเอง ผมก็เหลือบไปเห็นผู้ที่จะช่วยผมได้
ผมมองเห็นคนที่สามรถเชื่อใจได้เต้นอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งของร้าน คนนั้นเปรียบเหมือนคู่ตุนาหงันของผมเลยทีเดียว ผมรู้ดีว่าเค้าจะรักผมตลอดไปแน่นอน และที่สำคัญคือไม่ฟันกับใครลับหลังโดยไม่บอกผม
คนคนนั้นคือคนที่สง่างาม ตาสีสวยชวนให้หลงไหล เรือนร่างไม่มีที่ติ ช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่เหลือล้นจริงๆ สารเคมีในร่างกายของเราทำปฏิกิริยากันทันที เราเต้นด้วยกัน ผลัดกันจ้องตา ผมเริ่มจีบเขาอย่างขัดเขิน และกระซิบคำหวานให้กันจนเลี่ยน รอยยิ้มถูกตอบสนองด้วยรอยยิ้ม สัมผัสตอบสนองด้วยสัมผัสเดียวกัน
ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาบนเตียงที่อพาร์ตเมนท์โดยมีเค้านอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ แล้วก็พลันนึกขึ้นมาได้ เอาแล้วไง!สุดท้ายผมก็ลอกหมอนี่มาอีกจนได้
“แกสๆ ตื่นๆ”
“อือ หืม?” เขาขยี้ตาแล้วบิดตัวเล็กน้อยจนผ้าห่มร่นลงมาจนเห็นไรขนข้างล่าง มันก็เซกซี่อยู่หรอกนะ! แต่ผมไม่มีอารมณ์แล้วตอนนี้ ผมจึงตัดสินใจดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขาไว้
“ถ้านายควงกับฉัน นายห้ามดูดให้คนอื่นมาก่อน 24 ชั่วโมงนะเข้าใจไหม? ก่อนดูดต้องอาบน้ำก่อนด้วย ฉันเป็นคนมีมาตรฐาน นายต้องสะอาดพอ เข้าใจไหม? ” ผมจับหน้าแกสให้มามองหน้าผมตรงๆอย่างกระชั้นชิดแล้วบอกเขาอย่างจริงจัง เขากระพริบตาปริบๆแล้วขำก้ากออกมา
“ฮ่าๆ ตาบ้าเอ๊ย นี่ขอฉันกลับไปเป็นแฟนรึไง?” แกสยิ้มจนเห็นลักยิ้ม
“.....”
-------------------------------------------------------------
ฟิตจัด สองตอนรวดคะ
