THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: THE END: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 17 (04/03/2012)  (อ่าน 95678 ครั้ง)

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #240 เมื่อ26-04-2011 22:11:23 »

     คืนวันศุกร์ผมออกไปกับกลุ่มเพื่อนของผมทันทีที่เลิกงาน ทันทีที่เรารู้ว่าแซคกำลังอกหัก ทุกคนก็พร้อมมาตอกย้ำ และย่ำยีเขาอย่างสะใจ พวกเพื่อนๆผมและตัวผมเกลียดแฟนเขาเข้าไส้ แบรตกับคาลอสถึงขั้นเอ่ยปากออกมาว่าเมื่อใดก็ตามที่นังผู้หญิงสำส่อนแฟนของหมอนี่อยู่ที่ไหน พวกเขาพร้อมจะออกห่างจากหล่อนเป็นระยะร้อยไมล์ แรกๆผมก็ชอบเธออยู่หรอก เธอเป็นประเภทที่มีเสน่ห์จากดวงตาสีเขียวของเธออย่างเหลือร้าย เธอมีผิวสีแทนอย่างที่ลูกครึ่งคิวบา-อเมริกาควรจะเป็น และสิ่งที่ไม่น่ามีในตัวแม่นี่คือสามีและลูกๆของเธอ แต่คืนนั้นของแซคดูเหมือนจะเลวร้ายน้อยกว่าเรื่องของผมมากๆ เดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณฟัง

“นายน่าจะลองเช็คดูอีกทีนะว่าแม่นี่ไม่ได้มีอะไรกับพ่อสามีของเธอหรือหมาที่บ้านเธอ” คาลอสเริ่ม


“ไม่เอาน่าเพื่อน แซคกำลังทุกข์อยู่นะเว้ย” ผมบอก แซคหันมามองผมแว่บนึงแล้วหันไปสนใจเหล้าของเขาต่อ


“แกจำนี่ได้มั้ย ตอนที่แกถามแม่นั่นว่ามีถุงยางหรือเปล่า” เชลดอนเริ่มแหย่ ผมเลยถามเขาไปว่า ‘ทำไมวะ’ แม้ว่าผมจะรู้ตอนต่อไปอยู่แล้ว


“แม่นั่นบอกเพื่อนเราไปว่า ‘ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันแพ้ท้องอยู่แล้ว’ นังโสเภณีเอ๊ย!” เชลดอนเล่าต่อ พวกเราหัวเราะกันเฮฮาผิดกับแซคที่ซัดเหล้าเข้าปากไม่ยอมหยุด


“โชคดีจริงๆที่ฉันไม่ฟันแม่นั่นลับหลังนาย” แดเนียลเพื่อนปอดแหกของเราเอ่ยออกมา


“แกดูแม่ผมบลอนด์นั่นสิวะ ฉันว่าแม่นั่นยังสำส่อนสู้นังคุณตัวคิวบาไม่ได้เลยว่ะ” ผมชี้ไปยังแม่สาวผมบลอนด์ที่มีนมปลอมคู่มหึมาชี้มาทางเรา เธอยิ้มมาทางโต๊ะพวกผม แต่ตอนนี้เราไม่ได้สนใจที่จะมาฟันพวกหล่อนมากพอทำให้แม่นั่นต้องหันกลับไปสนใจมาร์ตินี่ของเธอต่อ


“ฉันไม่น่าบอกเรื่องนี้กับแกเลยคาแบลท์ แกนี่มันปากสว่างจริงๆ” แซคด่าผม


“เอาน่าอย่างน้อยแกก็จะได้เข็ดหลาบกับการปากโป้งบอกเรื่องตัวเองให้ฉันรู้” ผมบอก


“เข็ดหลาบกับการฟันนังคุณตัวมีลูกด้วยอีกอย่างสิ” แบรตเริ่มเมื่อเหล้ายินแก้วที่สี่ลงคอเขาไป ดูเหมือนเครื่องของเขาจะเริ่มร้อนแล้ว


     เราดื่มกันไปอีกพักนึงก็มีสายจากแกสเข้ามา ผมจึงทำเนียนๆ ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ขณะที่พวกเขายังคงกัดแซคกันอย่างเมามัน

“คุณมีอะไร” ผมถามอย่างเซงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์และความสนุกจากความเจ็บปวดของเพื่อนที่รอผมอยู่ทำให้ผมอดรำคาญขึ้นมาไม่ได้ที่มีโทรศัพท์มาขัดขวาง


“วันนี้เรานัดออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันไม่ใช่เหรอ” แกสบอกเสียงหวาดๆ ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกานี่มันก็สองทุ่มกว่าแล้ว อย่าบอกนะว่าหมอนี่มันงี่เง่ารอผมอยู่


“ผมมีธุระด่วนนิดหน่อยน่ะ คุณออกไปหาอะไรกินเองได้ไหม?” ผมบอก แกสตอบตกลงแล้วผมก็ขอตัดสายเขาไป เนื่องจากผมยังไม่พร้อมหากมีคำถามจากเขาว่าธุระอะไร? แต่แน่ล่ะหมอนี่ไม่ใช่พวกเซ้าซี้อะไรมากมาย ทำให้ผมคบกับหมอนี่ได้





“พวกฉันตกลงกันว่าจะไปปาร์ตี้ที่บ้านของเพื่อนแดเนียลว่ะ” เชลดอนบอกทันทีที่ผมกลับมาที่โต๊ะ


“เอาสิ” ผมตกลง ทุกคนก็พร้อมใจกันออกจากร้านเดิมทันที



สามทุ่ม – แดเนียลแนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนของเขา ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนแบบ ริชมารู้จักกับไอ้ปอดแหกนี่ได้ไง ริชเป็นทหารในหน่วยปฎิบัติการพิเศษ เขาตัวใหญ่มากจนทำให้แบรตดูตัวเล็กลงไปเลย หมอนี่ยังมีรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและดูฉุนเฉียวอีกต่างหาก ที่สำคัญคือเราเข้าใจผิดกัน ปาร์ตี้ที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของริชแต่เป็นของใครซักคนที่ใครซักคนอีกเช่นกันเชิญชวนริชมา


สามทุ่มสิบนาที – เขายกเบียร์มาสี่ลัง


สามทุ่มสิบห้านาที – เบียร์ลังแรกหมด


สามทุ่มเจ็ดนาที – ผมเล่าเรื่องตลกๆ ให้เขาฟัง จนเขาขำกลิ้ง ริชบอกผมว่าแดเนียลพูดถูก ผมเป็นคนที่ตลอกที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา เขาคิดถูกทีเดียวที่ต้อนรับพวกผมเข้ามา


สามทุ่มครึ่ง – เบียร์สี่ลังหมดเกลี้ยง ทั้งๆที่ผมตามหลังพวกเขาอยู่ราวๆสี่กระป๋อง แต่พวกเขายังดูเหมือนไปแข่งไตรกีฬาได้สบายๆ ทีแรกผมเริ่มกังวลเพราะรู้ตัวว่าทาบพวกนั้นไม่ติด แต่พอนึกออกว่าตัวเองคือ คาแบลท์ฮูแศก ผมก็ไม่กังวลอีกต่อไป


สามทุ่มสามสิบห้า – แซคถามผมว่า “ตั้งแต่แกห่างหายไป แกกินเหล้าไม่เป็นแล้วเหรอวะ? ”

                                “หมอนี่มันเป็นตุ๊ดไปแล้ว” คาลอสแหย่ผม


สามทุ่มสี่สิบ – ริชเล่าเรื่องแอบซินธ์ให้เราฟัง ว่าเขาซื้อมาจากยุโรปเพราะมันผิดกฎหมายอเมริกาเนื่องจากมันแรงมาก (160 ดีกรี) และมีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอน จากนั้นเขาก็ยกมันออกมาและแจกจ่ายให้เราทุกคน ผมบอกเขาว่ากลิ่นมันเหมือนน้ำมันจากดอกพัชชูลี่กับน้ำกัญชาปนกันมากกว่า พวกเขาขำกับความคิดของผม...และในที่สุดการแสดงของ คาแบลท์ ฮูแซกก็เปิดฉาก


สามทุ่มห้าสิบห้า – แอบซินธ์นี่มันแรงสุดๆเลยจริงๆ ผมดื่มเข้าไปแค่สองแก้วก็เริ่มอยู่ในสภาพที่เมาเหมือนกินเหล้ามาครึ่งคืน ตอนนั้นเอง ริชบอกผมว่าอยากเห็นความสามารถในการแดกดันของผมขณะที่เมาเต็มที่  แน่นอน คาแบลท์ ฮูแซกที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ของเหล้าหลอนประสาทจัดให้อย่างว่าง่าย


สี่ทุ่ม – ผม ริช คาลอสและเชลดอนเข้าไปตั้งหลักในห้องครัว ขณะที่เพื่อนที่เหลือเริ่มแยกกันไปออกลาย จะเหลืออยู่ก็แค่แบรตที่ยังนั่งดื่มอยู่ที่เดิมต่อไป

 
สี่ทุ่มห้านาที –  เกมส์เริ่มขึ้นเมื่อหญิงอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามา


 “โอ้ว บอกลาของในตู้เย็นได้เลยเพื่อน” ผมเริ่มปฏิบัติการ แต่แม่อ้วนนั่นคิดว่าเธอจะต่อกรกับผมได้ คุณรู้อะไรไหม?...พวกทหารอิรักยังตัดสินใจได้ดีกว่าแม่นี่เลย


“นายว่าอะไรนะ!” เธอถามแบบหาเรื่อง


“เธอไม่ได้ยินเหรอ ไขมันมันอุดตันในรูหูรึไง” ผมแซวเธอต่อทันที  เธอจ้องเพื่อนๆผมอย่างประหลาดใจก่อนจะถามย้ำ


“นายว่าอะไรนะ!!”


“ขอโทษด้วยครับ จากใจจริง” ผมพูดพลางเปิดตู้เย็น


“คุณจะรับอะไรดี ชีสเค้ก หรือเค้กช็อคโกแลต แต่ผมว่าคุณต้องเอาทั้งสองอย่างแน่ๆ”


เธอหันหลังเดินออกจากครัวไปด้วยความงงสุดๆ ผมเลยตะโกนไล่หลังเธอไปอีกชุด

“เฮ้! แม่ช้างน้ำ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ จริงๆแล้วเพื่อนผมชอบหมูตอนอย่างคุณนะ เพราะตอนปั่มปั๊มมันนุ่มดี เหมือนคร่อมอยู่บนมอไซด์อานนุ่มๆเลยล่ะ”


   ในที่สุดผมก็เดินเครื่องเต็มที่

สี่ทุ่มเจ็ดนาที – คาลอสรู้จักกับผมมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยจึงรู้ดีว่าจะกระตุ้นผมได้ยังไง “เอาเลยเพื่อน! นายทำได้ดีกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ แถวนี้ยังมีคนอีกเยอะให้เล่นสนุกด้วย“ เขายุผม ในที่สุดประตูนรกก็เปิดอ้า ผมบอกกับเขาว่า “อย่าพลาดก็แล้วกัน”


สี่ทุ่มสิบนาที
– ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสองสีซ้อนกันสองตัว แม่นี่จะเป็นเหยื่อหวานๆของผมเลยล่ะคุณ


“เฮ้! คุณแต่งตัวเหมือนมาดอนน่าเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วเลย ผมว่าคุณน่าจะไปเอาเรื่องกับคนที่แนะนำให้คุณแต่งตัวแบบนี้นะ” ผมเปิดเกมส์


“คนอะไรนะ” เธอถามเหมือนได้ยินไม่ชัด


“คนที่เอาแฟชั่นยุค 20 กว่าปีที่แล้วมาแต่งให้คุณไง” ผมย้ำถึงความเอาท์ของเธอ แม่นั่นยังดูงงๆ ผมจึงเสริมให้เธออีกหน่อย “ผมคงรู้สึกแย่มากถ้าหากแต่งตัวแบบคุณน่ะ”




สี่ทุ่มสิบหกนาที – เชลดอนชี้เป้าหมายให้ผมต่อ คราวนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวขวางโลกติดเข็มกลัดสันติภาพที่มีข้อความ “เราไม่หลั่งเลือดเพื่อน้ำมัน” คาลอสกระซิบกระตุ้นผมว่า”จัดการเธอเลยเพื่อน ทำให้พวกเราดูหน่อย...เพื่อชาติไงเพื่อน” ส่วนริชเริ่มฮัมเพลงก็อด เบลส อเมริกาเพื่อปลุกใจผมด้วย


สี่ทุ่มสิบหกนาที – ผมพุ่งเข้าหาเหยื่อทันที แล้วได้ยินเสียงริชพูดว่า “เข้าถึงเป้าหมายแล้ว...อาวุธพร้อม”


สี่ทุ่ม สิบเจ็ดนาที – ผมเข้าไปแนะนำตัวกับเธอว่าชื่อ แอลเกอร์ ฮิส(*) แต่เธอไม่เข้าใจมุกผม งั้นก็ได้เวลาลุยมันทื่อๆแล้วล่ะ


“คุณเกลียดธนาคารโลกหรือเปล่า” ผมเริ่มต้นด้วยคำถาม


“อืม..จะว่าใช่ก็ใช่นะ...ฉันออกจะเกลียดอยู่เหมือนกัน” เธอตอบเป็นจริงเป็นจัง


“คุณไม่ได้เกลียดธนาคารโลกหรอก” ผมเริ่มหาเรื่อง


“ก็ฉันเพิ่งบอกว่าฉันเกลียดไง” เธอคิดว่าผมฟังไม่ชัด


“ไม่หรอกคุณแค่เกลียดพ่อตัวเองเฉยๆ เพราะเขาไม่เคยกอดคุณเลย” ผมเล่นถึงพ่อ


“อะไรนะ!” เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง


“คุณเรียนเอกสังคมศาสตร์ใช่ไหม” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“เปล่า!!”น้ำเสียงเธอเริ่มฉุนเฉียว


“งั้นคุณเรียนอะไรล่ะ วัฒนธรรมศึกษางั้นเหรอ” ผมถามเพื่อหาเรื่องเธอต่อ


“วรรณกรรมอังกฤษต่างหาก” เธอหยุดคิดนิดนึงก่อนจะตอบ


   ผมจ้องเธออย่างดูแคลนก่อนจะหาเรื่องต่อ “พ่อแม่คงให้คุณจ่ายค่าเทอมเองใช่ไหม แล้ววิชาการวิจารณ์วรรณกรมมมาร์กซิสคงมีประโยชน์มากตอนที่เธอไปเป็นแคชเชียร์ที่ร้านหนังสือสินะ”


“ไม่ใช่สักหน่อย ฉัน..” เธอพูดไม่จบเพราะผมแทรกขึ้นมาเสียก่อน


“แล้ววันนี้คุณไม่ต้องไปยืนประท้วงตามสี่แยกเหรอ คุณเคยลงชื่อร้องเรียนไปยังโรงงานกี่แห่งแล้วล่ะ ทั้งๆที่คุณใส่รองเท่ารีบ็อคเนี่ยนะ ไอ้พวกขวางโลกจอมปลอมที่ผมเคยเห็นบางคน ใช้เครื่องสำอางคลีนิกข์ที่ทดสอบกับสัตว์...ที่พวกคุณต่อต้านกันนักหนาไง ผมว่าอย่างน้อยคนอย่างพวกคุณก็น่าจะละอายกับการตีสองหน้าของตัวเองบ้างนะ”


“นายพูดบ้าบออะไร..” เธอพยายามจะตอบโต้แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้เธอพูดต่อ


“เงียบไปเลยเธอน่ะ...เธอคงตื่นมากลางดึกเพราะมีแมวมากัดกันจนตายหน้าห้องใช่ไหม ทนฟังเธอก็เหมือนนั่งดูแมวตายนั่นแหละ”  


   เธอพูดไม่ออก ทำหน้าเหมือนทั้งอยากด่าผมเจ็บๆแล้วก็อยากร้องไห้ไปพร้อมๆกัน


“เอาจริงๆนะคุณ ถ้าผมเอาไอ้หนูใส่ปากคุณมันจะทำให้คุณหยุดพูดได้ไหม” ผมเล่นแรงงขึ้น


นะ..นายนี่มันโรคจิตชัดๆ” ในที่สุดเธอก็ด่าออกมาได้


“เฮ้ อย่ามาโทษผมนะ ถ้าอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณจะชำรุดเพราะไอ้หนูของผมน่ะ นั่นก็เพราะของคุณมันของเทียมทั้งนั้นนี่” ผมเปลี่ยนเรื่องไปใต้สะดือเฉย พูดจบผมก็เดินหนีออกมาทันที


สี่ทุ่มสามสิบแปด – ผมหันมาคุยกับเพื่อนผมด้วยความภาคภูมิใจ “สภาพจิตใจเธอไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะเพื่อน ฉันทำลายความภาคภูมิใจในฐานะมนุษย์ของเธอไปจนหมดแล้ว ต่อให้ไปรับการบำบัดโคตรแพงกับยาระงับประสาทเธอก็ไม่มีวันหายหรอก ส่วนตัวฉันน่ะเหรอ? นรกสำรองที่อยู่ชั้นหนึ่งไว้ให้แล้วล่ะ”


สี่ทุ่มครึ่ง – ฤทธิ์ของแอบซินธ์เริ่มเข้าสู่ระยะที่สาม ผมเริ่มหูแว่วเสียงแปลกๆ นี่เป็นการเมาที่แปลกที่สุดเลยทีเดียว ตอนนั้นผมตัดสินใจว่าจะต้องพาน้องชายไปหาอะไรสนุกๆทำซะแล้ว


-----------------------------------------------------------------------------------------------
Alger Hiss - http://en.wikipedia.org/wiki/Alger_Hiss



ถ้าเม้นเยอะ เดี๋ยวมาต่อให้พรุ่งนี้

แอบน้อยใจเขียนไปย๊าวยาว เม้นกระจึ๋งเดียว เดี๋ยวตีนะๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2011 20:53:55 โดย SweetSacrifice »

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #241 เมื่อ26-04-2011 22:20:59 »

แกส น่าสงสารตลอด  :เฮ้อ:


คาแบลท์ ฮูแซก    ปากหมามาก  เอามาจากนิสัยคนแต่งแน่ๆ

getto

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #242 เมื่อ26-04-2011 23:47:37 »

จะมีวันของแกสไหม :sad11:
คาแบลท์แรงตลอด เห็นด้วยว่าเหมือนคนเขียน :laugh:
 :pig4:

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #243 เมื่อ27-04-2011 09:35:15 »

แกสน่าจะเจอใครที่ดีกว่านี้

เฮ้อ...หาใหม่เหอะ

ออฟไลน์ ლїЯдςLΣϛlθTtεR

  • มิราเคิ้น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +355/-3
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #244 เมื่อ28-04-2011 03:53:52 »

 = =
เอาคาแบลท์ตอนเก่ากลับมานะ
ทำไมเมาแล้วปากเสียยังงี้
น่าเอารองเท้าตบปาก!!
แอร๊ยยยยย!!!!!!



มาอ่านช้า หนูขอโทดนะแม่ขา
เม้นและดันค่ะ  o13

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #245 เมื่อ28-04-2011 17:06:43 »

คาแบลท์ ตอนที่แล้วนายยังดีอยู่เลย
พอมาตอนนี้เสเพลอีกละ ไม่ไหวจะเคลียกับผู้ชายคนนี้จริงๆ

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 1 (26/04/2011)
«ตอบ #246 เมื่อ29-05-2011 20:51:45 »

ฮาอ่ะ ขนาดมึนๆ ยังกวนเท้าขนาด 55. สงสารเเก๊ส หาสามีใหม่เหอะค่ะ

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #247 เมื่อ04-06-2011 14:10:19 »



สี่ทุ่มสี่สิบนาที – ผมเห็นหนุ่มหน้าสวยคนหนึ่งจึงปรี่เข้าไปพร้อมกับมุกประจำตัวของผม “เฮ้! ผมได้ทำตัวรุ่มร่ามกับคุณรึยังเนี่ย” เขาหัวเราะ..เห็นหรือยังล่ะ มุขของผมได้ผลเสมอ


สี่ทุ่มสี่สิบสองนาที – ผมเห็นแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเป้งอยู่บนนิ้วของเขา หนุ่มหน้าสวยกลายเป็นกระดังงาลนไฟไปในทันที


สี่ทุ่มสี่สิบห้า – ผมพยายามคุยกับเขาต่อ พยายามหาทางลากหัวข้อสนทนาเข้าไปหาเรื่องความสัมพันธ์กับเจ้าของแหวน จะได้รู้ว่ามีสิทธิ์จะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาหรือไม่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคุณเพราะตอนนี้หัวผมกำลังหมุนติ้วด้วยฤทธิ์ของแอบซินธ์


สี่ทุ่มสี่สิบเจ็ด – ผมไม่สามารถหามุกใหม่ๆมาใช้ได้ ผมเลยจำเป็นต้องใช้คำถามมาตรฐานเพื่อถามเรื่องความสัมพันธ์ แต่พูดก็พูดเถอะ..สำหรับผมแล้วไอ้คำถามมาตรฐานไม่เคยได้ผลดีเลยซักครั้งเดียว


“คุณแต่งงานแล้วเหรอ” ผมถามทื่อๆ


“ใช่ และกับผู้ชายด้วย” เขาตอบทื่อๆเหมือนกัน


“แล้วมีความสุขดีมั้ย” ผมถามต่อตามมาตรฐาน


สี่ทุ่มสี่สิบแปด – เขาจ้องหน้าผม หลบตาไปวูบนึงแล้วกลับมาสบตาผมอีกครั้ง หน้าตาเขาเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่ แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังอย่างหมดเปลือกโดยไม่ต้องเมาแอบซินธ์ ผมตัดสินใจทำดีกับเขาเพราะหน้าสวยของเขาเพียงอย่างเดียว


ห้าทุ่มสิบเจ็ด – เรื่องราวเข้าสู่บทสะเทือนใจ เขาเริ่มร้องไห้จริงๆจังๆผมเลยชวนเขาไปห้องอื่นเพื่อคุยกัน “เป็นการส่วนตัว” เขาตามมาอย่างว่าง่าย แล้วยังบอกด้วยว่าผมเป็นคนดีมากๆ


ห้าทุ่มสี่สิบเอ็ด – ผมกับเขาลงเอยบนเตียง ไม่น่าเชื่อเลยคุณ...การเป็นคนดีได้ผลเกินคาด


ห้าทุ่มสี่สิบสาม – ยังไม่ทันทำอะไรถนัด เขาก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมเลยปลอบเขา


ห้าทุ่มห้าสิบสี่ – ปลอบไปปลอบมาผมก็พยายามลากเขาขึ้นเตียงอีกรอบ


เที่ยงคืนสามนาที – เขาร้องไห้เป็นรอบที่สาม ผมปลอบเขาอีกรอบ มือหนึ่งปลอบอีกมือหนึ่งปลดกางเกงในเขา ฝีมือผมเยี่ยมไหมคุณ..


เที่ยงคืนหกนาที – ผมพยายามปลอบเเขาด้วยท่อนล่างเป็นครั้งที่สาม


เที่ยงคืนสิบสาม – เขาร้องไห้อีก คราวนี้ผมไม่ปลอบแต่บอกเขาว่าตอนนี้เขาควรจะปล่อยอารมณ์ออกมาตามธรรมาชาติ และไม่ต้องสนใจกับความเจ็บปวดในชีวิตเรื่องอื่นๆอีก ผมยกตัวอย่างให้เขาฟังว่า ตัวผมเองกำลังมีทุกข์เพราะเพื่อนรักกำลังจะถูกส่งไปรบที่อิรัก แต่ผมก็ยังสมารถมางานเลี้ยงและมีความสุขกับเขาได้ เขาคล้อยตามผม


เที่ยงคืนสิบห้า– เราพยายามเปิดศึกใต้สะดือกันอย่างจริงจัง คราวนี้ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวอีกแล้ว


เที่ยงคืนยี่สิบ – แต่เขาร้องไห้อีกครั้ง คราวนี้ถึงขั้นคร่ำครวญออกมาด้วย “ฉันไม่รู้จะทำฉันไงดี...ฉะ..ฉัน...ฉัน..ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้”


เที่ยงคืนยี่สิบเอ็ด – ผมทิ้งเขาไว้ตรงนั้นแล้วกลับมางานเลี้ยงอีกรอบ น้ำตาทำให้เกมรักจืดสนิท การเป็นคนดีไม่เห็นจะได้เรื่องตรงไหนเลยคุณ...


เที่ยงคืนยี่สิบห้า – ผมบอกริชว่ามีคนรอเขาอยู่ในห้องที่ติดกับห้องน้ำแขก “จริงเหรอวะ?” เขาถามอย่างไม่น่าเชื่อ ผมยื่นถุงยางให้เป็นการยืนยันพร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม “แหงสิเพื่อน เขาถามเรื่องนายจากฉันเยอะแยะ ตอนนี้กำลังล่อนจ้อน และพร้อมทุกอย่างสำหรับนาย ไปจัดการซะ”


เที่ยงคืนยี่สิบหก – ริชรีบออกไป เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าผมใช้คำว่า “เขา”ไม่ใช่เธอ ผมกับเชลดอนหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังเพราะคิดว่าอีกไม่กี่นาทีไอ้ทหารตัวโตนั่นต้องหน้าตื่นออกมาอย่างแน่นอน


เที่ยงคืนครึ่ง – เงียบ...


เที่ยงคืนสามสิบห้า – เงียบ...


เที่ยงคืนสี่สิบ - เงียบ...ผมอยากเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ เลยบอกกับเชลดอนว่า “เฮ้! ยังไงฉันก็เป็นคนสอยมานะ ฉันควรจะมีสิทธิ์รู้สิ” แต่เชลดอนห้ามผมไว้   “เย็นไว้เพื่อน นั่นอาจจะเป็นของดีชิ้นสุดท้ายที่ริชจะได้กินนะเพื่อนเพราะพวกทหารหญิงน่ะ ไม่ได้เรื่องซักคน”


เที่ยงคืนสี่สิบ – เพื่อนคนที่ชวนพวกผมมางานนี้พยายามไล่พวกผมออกจากงาน “เฮ้เพื่อน! ทุกคนในงานนี้กลัวนายกันหมดแล้ว เพื่อนนายบางคนนะเถื่อนน่ากลัวเหลือเกิน ส่วนนายเองก็ปากเปราะด่าเขาไปทั่ว ฉันได้ยินจะว้อยว่านายไปว่าผู้หญิงคนนั้น นายรู้รึเปล่าว่าเธอไปร้องไห้กับเจ้าภาพ นายทำงานนี้พังหมด” เขาต่อว่าผมเป็นชุด


เที่ยงคืนสี่สิบสอง – แดเนียลชวนผมกับเพื่อนคนอื่นๆกลับ เขาบอกว่าทิ้งริชไว้ที่นี่ก็ได้ “มันเป็นทหารนะเพื่อน ขนาดหลงในบอสเนียมันยังกลับมาได้เลย”


ตีหนึ่ง – เชลดอนอยากฟันสาว ผมเลยพาเขาไปไนท์คลับ แต่ผมไม่ชอบเลย


ตีหนึ่งสองนาที – เราไปถึงร้านชื่อไรฟ์กอช ผมว่าจริงๆแล้วมันน่าจะชื่อลอสตา ดูชมากกว่า ทันทีที่เราเดินเข้าไป ไอ้ปัญญาอ่อนผอมแห้งคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแกว่งแท่งเรืองแสงตรงหน้าผม ผมอารมณ์เสีย เลยผลักมันซะคว่ำแถมเตะมันซ้ำอีกรอบ


ตีหนึ่งสองนาที – แบรตเข้ามารวบตัวผมด้วยท่าแบร์ฮักแล้วลากผมเข้าไปในห้องวีไอพีก่อนที่ใครจะมาเห็นผลงานผมเข้า


ตีหนึ่งสี่นาที – ผมวูบไป


ตีหนึ่งยี่สิบห้านาที – ผมตื่นมาเห็นเชลดอนกำลังระดมจูบหน้าผู้หญิงคนนึงอย่างเมามัน เพื่อนคนอื่นๆหายไปหมด


ตีหนึ่งครึ่ง – ผมรู้สึกแปลกๆ แอบซินธ์กำลังจะทวงค่าบริการของมันที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับงานเมื่อกี้


ตีหนึ่งสามสิบเก้า – ผมไปห้องน้ำ รู้สึกได้ว่าอ้วกมาจุกอยู่ที่คอหอย


ตีหนึ่งสี่สิบ – แอบซินธ์เริ่มเก็บค่าบริการความสนุกของมันโดยการดันสิ่งที่อยู่ในกระเพาะทั้งหมดออกมาทางปาก


ตีหนึ่งสี่สิบสอง – เสร็จเรื่อง ผมยืนทำความสะอาดตัวเอง พร้อมกับสำรวจความเสียหายที่ผมก่อไว้กองหนึ่ง


ตีหนึ่งสี่สิบสาม – ผมออกจากห้องน้ำพร้องกับทิ้งข้อความไว้ว่า “ข้าคือพระศิวะที่ลงมาล้างโลก”


ตีหนึ่งสี่สิบห้า – ผมกลับมาที่โต๊ะวีไอพีของเราอีกครั้ง เชลดอนจับแม่นั่นแก้ผ้าเกือบหมดแล้ว และกำลังสำรวจร่องรูต่างๆตามร่างกายเธออยู่ ผมว่ามือเขาต้องมีกลิ่นแม่นั่นติดไปตลอดกาลแน่เลยคุณ....


ตีหนึ่งยี่สิบเอ็ด – ยัยคนนั้นมีเพื่อนมาด้วย เพื่อนเธอเมาจนยืนไม่อยู่กำลังดูแม่นั่นนัวเนียกับเชลดอน แล้วหันมาบอกผมว่าผมนี่หล่อไม่เบา ผมว่าร้านแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน...


ตีหนึ่งยี่สิบสาม – แม่นั่นบอกผมว่าผมเมาน้อยไปหน่อย ผมเห็นด้วยก็เลยสั่งวอดก้ามาเพิ่มดีกรีด้วยกัน


ตีหนึ่งสี่สิบ – ผ่านไปสามแก้ว แม่นั่นบอกว่า “ฉันเมาจริงๆแล้วล่ะ เวลาฉันเมาฉันชอบทำอะไรบ้าๆซะด้วยสิ”  ได้เวลาฉลองชัยชนะแล้วใช่ไหมคุณ!


ตีหนึ่งห้าสิบห้า – เชลดอนหิ้วยัยนั่นไปฟันที่ห้องน้ำ เพื่อนของเธอที่อยู่กับผมบอกผมว่า ”ไม่น่าเชื่อเลย แม่นั่นไม่ดูดให้เขาสดๆตรงนี้เลย เมื่ออาทิตย์ก่อนเธอเพิ่งทำอย่างนั้นแท้ๆ”


ตีสองห้านาที – แม่นั่นบอกผมตรงไปตรงมาอย่างน่าทึ่งทีเดียว “ไปกันเหอะ ฉันไม่อยากฟันในห้องน้ำ เพราะฉันมีระดับ...เอ่อ...กว่าแม่นั่นเยอะ”    ผมจะปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไปเหรอคุณ...


ตีสองแปดนาที – เธอยื่นกุญแจรถให้ผม ผมเลยถาม”คุณจะให้ผมขับเหรอ”


                      “ช่าย..” เธอตอบ


                      “เพราะคุณเมาน้อยกว่าฉัน” เธอบอก ทำเอาผมขำกลิ้ง เพราะตอนนี้ผมแทบจะอ่านหนังสือไม่ออกอยู่แล้ว


ตีสองสี่สิบห้า – บ้านเธออยู่ไกลมากๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไหน


ตีสองห้าสิบเจ็ด – เราหาที่จอดรถไม่ได้ เธอก็เลยบอกให้ผมส่งเธอลงหน้าตึกก่อนแล้วเอารถไปหาที่จอด เธอกล้าใช้ผมเหรอเนี่ย! ผมตัดสินใจทันทีว่า เดี๋ยวพอเปิดศึกกันในท่าหมาน้อย รูก้นของเธอจะต้องบานเพราะน้องชายของผม”บังเอิญ”หลุดเข้าไป


ตีสามเจ็ดนาที – ผมยังหาที่จอดรถไม่ได้ ทำให้หงุดหงิดสุดๆ


ตีสามสิบสอง – ผมตัดสินใจทิ่มรถเข้าไปจอดในช่องที่เล็กเกินไป ผมพยายามจะยัดรถเข้าไปให้ได้ ล้อเลยเข้าไปเบียดกับขอบฟุตบาท ผมกระทืบคันเร่งเต็มแรงจนล้อปีนขึ้นไปบนทางเท้าแล้วรถทั้งคันก็พุ่งเข้าชนร้านตรงนั้นเสียดังลั่น


ตีสามสิบสอง – ผมลงจากรถ พบว่าตัวเองกับรถอยู่ในร้านโดนัท ผมเดินเหยียบไปบนเศษกระจกจนเสียงดังกรอบแกรบขณะที่กำลังเดินสำรวจความเสียหาย  โต๊ะที่ตั้งอยู่ถูกชนเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายไปทั่ว แต่รถเป็นรอยหน่อยเดียว ตอนนั้นผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใครจะไปเคยขับรถพุ่งเข้ามาในร้านโดนัทมาก่อนเล่า?


ตีสามสิบสี่ – โชคดีที่ร้านปิดแล้วก็เลยไม่มีคน แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงอยู่ดี ผมได้แต่หัวเราะกับตัวเอง ผมยื่นหน้าไปสำรวจที่ชั้นหลังเคาน์เตอร์ แต่โดนัทถูกเก็บออกไปหมดแล้ว


ตีสามสิบห้า – ผมว่ามันขำดีนะ แต่เจ้าของรถ เจ้าของร้านและตำรวจคงไม่ขำไปกับผมด้วย แล้วผมก็เห็นภาพหนังสือแจ้งข้อหาเมาแล้วขับปรากฎขึ้นในหัว โดยมีข้อความ”ทำลายทรัพย์สิน”ปรากฎขึ้นมาในจดหมายอย่างชัดเจนด้วย ถ้ามันเป็นอาชญากรรมก็คงไม่ค่อยสนุกแล้วล่ะคุณ


ตีสามสิบหก – ผมถอยรถออกจากร้านโดนัท เอาไปจอดไว้ในเขตของรถที่ถูกลากมาโดยไม่ลืมลบรอยนิ้วมือออกจนหมด เสร็จแล้วก็โยนกุญแจทิ้งไว้ในพุ่มไม้ก่อนที่ผมจะเผ่น


ตีสามสิบเจ็ด – ผมรีบลนลานโทรหาเชลดอน ทิ้งข้อความเสียงไว้ว่า ห้ามเขาบอกแม่สาวที่เขานอนด้วยว่าผมชื่ออะไร เป็นใคร หรืออะไรที่เกี่ยวกับผมทั้งนั้น โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เป็นโชคดีจริงๆฮูแซกที่ในวันที่นายต้องการปกปิดชื่อเสียงเรียงนามตัวเองมีเพื่อนที่กำลังไต่เต้าเป็นอัยการคอยจัดการเรื่องนี้ให้


ตีสามยี่สิบสี่ – ผมวิ่งไม่หยุดจนไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมากี่แยกต่อกี่แยก ผมตัดสินใจโทรปลุกแกสเพราะผมคงไม่มีแรงจะกลับบ้านได้


         “ที่รักมารับผมหน่อย” ผมบอกเขา ไม่สนใจเสียงัวเงียของเขา


         “คุณทำแบบนี้อีกแล้วนะ โทรปลุกผมขึ้นมาเวลาแบบนี้ แล้วนี่คุณเมาใช่มั้ยเนี่ย” เขางัวเงียคุยโทรศัพท์


         “คุณอย่าเพิ่งบ่นน่า มารับผมก่อนเถอะ” ผมบอกทางเขา


        “ไปทำอะไรมาอีกล่ะพ่อตัวดี เสียงร้อนรนเชียว” เขาถามแบบจำเจ


        “เถอะน่า จะมารับผมมั้ย ไม่งั้นผมจะโทรหาคนอื่นนะ” ผมขู่เขา


        “รออยู่แถวนั้นแหละ เดี๋ยวจะรีบออกไป” เขาบอก


   นั่นแหละแกส ขอให้เขาบ่นผมนิดๆหน่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมทำตามที่ผมขอทุกเรื่อง แฟนผมคนนี้สุดยอดจริงๆนะคุณ เขาตามใจผมทุกอย่าง และปรนนิบัติผมอย่างดีไม่มีข้อบกพร่อง


ส่งท้าย


   เชลดอนรู้งานพอที่จะบอกทั้งชื่อและเบอร์โทรปลอมให้แม่คนที่นอนกับเขา เพราะมันเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว ผมสบายใจขึ้นเพราะหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปสักพักแล้วผมก็ยังไม่ได้รับแจ้งข้อหาหรือการติดต่อจากตำรวจ


   ริชกับไอ้หนุ่มหน้าสวยนั่นก็เปิดศึกกันไปถึงสามรอบจนกระทั่งผล็อยหลับไปทั้งคู่ เช้าวันรุ่งขึ้นสาวใช้ได้มาพบทั้งคู่เข้า พวกเขาตื่นเพราะสาวใช้คนนั้นกรี๊ดสุดเสียง พอใส่เสื้อผ้าเสร็จทั้งคู่ก็เผ่นออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทั้งสองคนเป็นแขกของแขกอีกทีก็เลยไม่มีใครในบ้านรู้จักพวกเขา


   ผมสงสัยมากว่าทำไมเขาประสบความสำเร็จในการฟันแม่นั่น ในขณะที่คาแบลท์ ฮูแซก คนนี้ทำไม่ได้ ริชยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ง่ายจะตายไป ตอนที่ฉันเดินเข้าไปเขาก็เปลือยอยู่แล้ว นั่นเท่ากับว่าเรื่องยากที่สุดสำเร็จไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้ความอดทนกับคำหวานๆอีกเล็กน้อย เรื่องพรรค์นี้มันง่ายกว่า เอาชีวิตรอดมาจากสนามรบเป็นไหนๆ” และเขายังทิ้งท้ายว่าเขาไม่มีปัญหาด้านการฟันทุกเพศอยู่แล้ว


   เพื่อนๆที่เหลือของผม นั้นกลับมาที่พักของพวกเขาได้สวัสดิภาพ นั่นต้องขอบคุณแดเนียลเพื่อนปอดแหกของเรา เขาปอดแหกจนกลัวไปต่างๆนานาว่าเพื่อนของเขาจะทำความเสียหายและเดือดร้อนมาถึงเขา เขาจึงต้องเมาให้น้อยที่สุดและเก็บกวาดพวกนั้นกลับอย่างไร้ร่องรอย นั่นทำให้ผมรู้เหตุผลที่แท้จริงแล้วว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องคบคนปอดแหกเป็นเพื่อน


   สำหรับแม่สาวเจ้าของรถนั่น ผมไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันเธอ ผมรู้แค่อย่างเดียวว่า..ครั้งต่อไป ถ้าเธอให้ผู้ชายขับรถ เธอควรจะนั่งอยู่บนรถจนกว่ามันจะจอดสนิท



----------------------------------------------------------------------------------------

 :z2:



ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #248 เมื่อ04-06-2011 22:17:40 »

เกลียดคาเบลท์ ร้ายเหลือกิน  :z6:

ขอให้โดนแกสทิ้ง


รอตอนต่อไปอีกสามเดือนรึเปล่าป้า  :jul3:

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #249 เมื่อ05-06-2011 00:13:03 »

อดทนได้เยี่ยมยอดมากเลยแกส   :call:  ขอคาระวะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
« ตอบ #249 เมื่อ: 05-06-2011 00:13:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






getto

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #250 เมื่อ05-06-2011 00:45:04 »

แกสเอ๊ย
คาแบล์แบดได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #251 เมื่อ05-06-2011 11:19:10 »

แกสไม่น่ามารักคาแบลท์เลยจริงๆ   รักเดียวใจเดียวน่ะเป็นมั้ย!

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #252 เมื่อ07-06-2011 10:58:25 »

ต่ออีกเซ่ๆๆๆ  :angry2:

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #253 เมื่อ13-06-2011 20:16:11 »

เเกสน่าสงสารอ่ะ คาเเบล์ทมันเลวได้ใจเเต่มันก็อาดี รีบมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #254 เมื่อ13-06-2011 21:31:38 »

แอบมาดูเรื่องยาวยอดเยี่ยม อิอิ :z1:

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #255 เมื่อ13-06-2011 23:07:08 »

พี่ปุ๋ยค่ะ รีบ ๆ มาต่อนะคะ น้อง ๆ เขาคอยค่ะ

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #256 เมื่อ13-06-2011 23:58:37 »

^
^
อีแก่

ชู้วๆๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #257 เมื่อ14-06-2011 11:48:11 »

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ และคาแบลท์ก็แบดบอยมากๆจริงๆด้วย  :fire:
สงสารแกสอ่า เมื่อไหร่จะคาแบลท์จะโดนเอาคืนบ้างเนี่ย :serius2:
มาต่อเร็วๆนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #258 เมื่อ14-06-2011 18:40:30 »

^
^
เดี๋ยวคืนนี้มาลงตอนใหม่

รออ่านนะจ้ะ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
«ตอบ #259 เมื่อ14-06-2011 21:39:20 »

ปูเสื่อรอด้วยคน  o3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 14 part 2 (04/06/2011)
« ตอบ #259 เมื่อ: 14-06-2011 21:39:20 »





ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15(14/06/2011)
«ตอบ #260 เมื่อ14-06-2011 22:17:24 »

   คำเตือน – หากคุณยังรักชีวิตอิสระ นอนกับใครๆก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ และยังอยากทำอย่างนั้นต่อไปนานๆ ไม่ควรอ่านเรื่องราวในตอนนี้ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือนก่อนล่ะ....


   ผมพูดกับตัวเองเสมอว่า”นี่มันชีวิตกูเหรอวะเนี่ย”ด้วยความสัตย์จริงสาบานต่อพระเจ้าแห่งการสืบพันธุ์เลย ทุกๆครั้งที่ผมคิดว่าชีวิตผมแปลกประหลาดหรือเป็นไปในทางเสื่อม และเลวร้ายที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้ ผมมักจะภูมิใจในตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงภูมิใจกับมัน แม้ว่าจะต้องแลกความภูมิใจของผมกับน้ำตาและความเสียใจจากคนรอบข้างมากมาย


   ลินเซย์คู่ขาเก่าของผมโทรมาหา เธอถามผมว่าจะขอค้างกับผมได้ไหม วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ซึ่งแกสไม่อยู่ เนื่องจากเขาต้องไปเดินทางไปติดต่อธุรกิจของเขาที่บาเซโลน่า และกว่าจะกลับก็วันอังคารไม่ก็วันพุธเป็นอย่างช้า นับว่าเป็นโชคที่เข้าข้างผมอย่างจังที่มีแฟนอย่างแกส เขาเป็นพวกที่มีตารางการทำงานที่แน่ชัด จึงตัดปัญหาการเซอร์ไพรส์อย่างที่ไม่ควรจะเป็นออกไปได้สำหรับคู่ของเรา ผมตอบตกลงกับลินเซย์ไปในทันทีเพราะเธอก็ไม่เลว เธอบอกกับผมว่าจะมาถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากวางสายจากลินเซย์ ผมก็รับโทรศัพท์จากซาร่า คู่ขาอีกคนที่ไม่ค่อยโทรมาเท่าไหร่ แม่นั่นอยู่ในสภาพเมาแอ๋ และสัญญากับผมมากมายว่าจะมาหาผมให้ได้ แต่ที่ผ่านมาเธอเมาทีไรก็โทรมาหาผมแล้วสัญญาสาบานอย่างนี้ทุกที แต่เธอไม่เคยมาเลย ผมก็เลยบอกให้เธอมาส่งๆไปงั้นเอง


         จากนั้นก็มีอีกสายจากแฟนของผมเอง สายนี้เองที่ทำเอาผมปรับตัวแทบไม่ทัน เพราะหลังจากที่ผมได้เมาและก่อเรื่องต่างๆไว้จนเขารู้ เขาก็ไม่ยอมพูดกับผมไปวันนึง สิ่งที่ผมจะต้องทำคือการสวมบทเป็นซาตานกลับใจ ให้เขาได้รู้สึกว่าเขาสามารถ’เปลี่ยนผมได้’ หรืออะไรก็ตามอย่าง’การคบกับเขาทำให้ผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น’ แค่นั้นแหละเขาก็กลับมาคุยกับผมได้เหมือนเดิม


“ที่รัก ผมกำลังจะโทรหาคุณพอดี” ผมบอกเขา ถ้าให้ผมทายเขาคงกำลังยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง


“ขอบคุณนะ แต่วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดของผมเลยคาแบลท์” เขาบอกผมเสียงอ่อย


“เกิดอะไรขึ้น คุณใจเย็นๆนะ...เอาล่ะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังเดี๋ยวนี้เลย” ผมบอกพลางมองนาฬิกาไปด้วย ตอนนี้สองทุ่มถ้าเป็นเรื่องแย่แกสน่าจะเล่าทุกอย่างภายในเวลาซักสี่สิบนาที ผมมีเวลาปลอบเขาสิบนาที และอีกสิบนาทีสำหรับพูดคำหวานใส่กัน นั่นจะเป็นการทำเวลาที่ดี เพราะยังไงซะการนอนกับลินเซย์ผมก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรอยู่แล้ว


“พวกเขาเล่นตุกติก เขาลดค่าเงินประกันของเราไป 5% แล้วผมก็หัวเสียเอามาก หลังจากที่ออกจากที่ประชุมผมก็รีบเดินออกมาจากตึกแล้วก็โดนรถเฉี่ยวเข้า แขนแล้วก็ขาของผมช้ำไปหมดเลย” แกสเล่าเสียงเศร้า และยังพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องน่าเศร้าที่เขาเจอมา แล้วก็เรื่องตลกๆที่เขาเข้าไปอ่านเจอในอินเตอร์เนต


“เอาน่าที่รัก ยังไงซะเขาก็ยอมจ่ายที่เหลือ นั่นถือว่าเยี่ยมเลยนะเพราะคุณเพิ่งไปเปิดตลาดที่นั่น คุณต้องยอมให้เขาบ้าง คุณต้องระมัดระวังมากกว่านี้นะที่รัก ดูแลสุขภาพด้วย กลับมาผมจะทำซุปให้คุณเป็นไง” ผมอดจะห่วงเขาไม่ได้จริงๆ


“เยี่ยม! ผมคิดถึงคุณจัง แต่ตอนนี้ผมต้องวางแล้วล่ะ เขาจะทำแผลให้ผมล่ะ” แกสบอกเสียงร่าเริง


“ใคร?” ผมถาม


“เลโอนาร์ด คนที่ขับรถเฉี่ยวผมน่ะ” แกสบอกผม


“เลโอนาร์ดเหรอ? คุณพูดจริงเหรอ? ให้ตายสิพ่อแม่เขาไม่รักหรือไงถึงตั้งชื่อเขาว่าเลโอนาร์ดน่ะ” ผมอดจะปากเสียใส่ไม่ได้


“แต่เขาใจดีกับผมมากเลยนะ” แกสเถียง


“ไม่มีใครใจดีเพราะไม่หวังผลหรอกหนูน้อย คุณอย่าหลงเขาซะล่ะ” ผมเตือนเขา


“เถอะน่า คุณนี่ขี้บ่นขึ้นจริงๆนะ” แกสบอกผมอย่างรำคาญๆ แต่มันดูตลกซะมากกว่า ทำเอาผมอดจะหัวเราะใส่เขาไม่ได้


“ผมต้องวางแล้วจริงๆ” แกสบอกเสียงอ่อย


“โอเคๆ ผมจะคิดถึงคุณ เจอกันวันอังคารนะที่รัก”


“ที่รัก! ผมไม่ได้บอกคุณเหรอว่าผมจะกลับไปถึงวันจันทร์น่ะ” แกสบอกผมอย่างดีใจ ซึ่งผิดกับผมที่ต้องหยุดคิดและวางแผนการฟัดกับซาร่าซะใหม่


“ว้าว ว้าว วันจันทร์ นั่นเป็นข่าวดีที่สุดเลย” ผมโกหก ได้เจอแกสเร็วขึ้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันคงไม่เจ๋งนักหรอกถ้าเขามาเจออะไรเข้า เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ร้ายที่สุดเท่าที่เกิดขึ้นมาเลยสำหรับเขา


“ใช่เยี่ยมที่สุด โอเคบาย” เขาบอกแล้วตัดสาย  


   พอถึงเวลาลินเซย์ก็มา แต่เธอไม่ได้อยากนอนกับผม เธอแค่อยากมาคุยเฉยๆ


“ฮูแซก เมื่อวานฉันไปโรงพยาบาลมา ฉันท้องได้เดือนกว่าแล้ว” เธอเล่า(ผมมีอะไรกับเธอมาอย่างน้อยสามเดือนแล้ว)


“คุณไม่ได้คุมรึไง คุณบอกผมเองนะว่าไม่ต้องใส่ถุงยางเพราะคุณกินยาคุม” ผมโทษเธอไว้ก่อน


“ใช่ฉันคุม แต่คุณจำได้ไหมตอนที่ฉันติดนิวมอเนียจากกิ้กฉันน่ะ นั่นแหละๆ หมอบอกฉันว่ายาปฏิชีวนะจะสลายฤทธิ์ยาคุมกำเนิดของฉัน ฉันว่ามันคงเป็นตอนนั้นแหละ”


   เราปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง ผมมักจะลังเลที่จะพูดอะไรออกมาในสถานการ์แบบนี้ แต่ครั้งนี้ลินเซย์ทำให้ผมทำตัวง่ายขึ้นมาก
“เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันว่าฉันจะไปทำแท้ง คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ” ลินเซย์ตัดสินใจ


“งั้นก็ตามนั้น แต่คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีทางเลือกน่ะ” ผมถามเธอ


“ฉันเพิ่งเริ่มเข้ารับคีโมเมื่อเดือนที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า


“คีโม” ผมทวนคำอย่างตกใจ


“ฉันไม่เคยบอกคุณหรอก...แต่ก็เอาเหอะคุณจะรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก...ฉันเป็นมะเร็งรังไข่น่ะ เพิ่งตรวจเจอเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว” เธอค่อยๆเล่า


“เวรจริงๆ นั่นมันเรื่องใหญ่เลยนะ...แล้วคุณจะเป็นอะไรไหม” ผมเริ่มเป็นห่วงเธอ


“คงจะไม่เป็นไรหรอก แต่ระหว่างที่รักษาอยู่ยังไงซะฉันก็ตั้งท้องไม่ได้อยู่แล้ว”


   เรื่องที่บังเอิญอย่างร้ายกาจก็คือ สาเหตุที่เธอตรวจพบมะเร็งเสียแต่เนิ่นๆก็เพราะเธอมีอะไรกับผมนี่แหละ การเกิดมะเร็งรังไข่ในคนอายุน้อยๆ (เธออายุ 23) นี่หาได้ยากมาก แต่การตรวจพบเร็วพอที่จะทำการรักษายิ่งยากกว่ามาก เรื่องของเรื่องก็คือ เธอมีอะไรกับผมโดยไม่ต้องให้ผมใส่ถุงยางเพราะเธอคุมกำเนิด แต่พอไม่มีถุงยางผมก็คิดถึงโรคอื่นๆ ผมก็เลยให้เธอไปตรวจกามโรคเพื่อจะได้รู้ว่าเธอมีโรคติดต่อทางเพศหรือเปล่า ผลที่ออกมาปรากฏว่าเธอไม่มีโรคติดต่ออะไรทั้งนั้น แต่กลับตรวจเจอเซลล์มะเร็งแทน ผมว่าการเป็นผู้หญิงของผมนี่เท่ากับมีหลักประกันสุขภาพไปในตัวเลยนะ...
   แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น...


“คุณรู้จักคลินิกเอกชนที่รับทำแท้งบ้างหรือเปล่า ฉันอยากรีบๆจัดการให้มันเสร็จน่ะ” เธอถามผม


“คุณไม่มีประกันเหรอ” ผมย้อนถามเธอ


“มี แต่มันพ่วงอยู่กับพ่อแม่ของฉัน ถ้าฉันใช้ประกัน พวกเขาก็จะรู้เรื่องนี้ ฉันเดือดร้อนแน่ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาจ่ายเองรึเปล่าด้วย” ประโยคสุดท้ายของเธอเหมือนเป็นการโยนหินถามทาง


   ผมยังไม่ทันหายมึนจากระเบิดที่ลินเซย์เอามาทิ้งใส่ ผมก็รู้สึกเหมือนถูกลอบโจมตีอีกครั้งจากซาร่า ที่บอกว่าจะมาหาผมในคืนนี้ให้ได้ คืนนี้มันช่างวุ่นวายจริงๆเลย


   ซาร่าพรวดพราดเข้ามาในบ้านของผมด้วยสภาพเมาปลิ้น เธอคว่ำลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทันทีที่มาถึง ผมลากเธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ แล้วเธอก็เริ่มสาธยายปัญหาของเธอให้กับผมและลินเซย์ฟัง จริงๆแล้วเธอไม่ได้เล่าให้เราฟังตรงๆหรอก แต่เธอโทรหาคู่ขาของเธอแล้วก็คุยเสียงดังจนเราจับใจความได้มากกว่า เรื่องของเธอเป็นประมาณนี้....


-   เธอท้องได้ห้าเดือนแล้ว แต่แท้งไปเมื่อสี่วันก่อน(ผมเชื่อว่าเธอเล่าเรื่องจริง เพราะผมมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ซึ่งรู้เรื่องนี้ และผมเพิ่งเจอเธอก่อนหน้านี้สองสามอาทิตย์และเห็นกับตาว่าเธอมีท้องใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีท้องแล้ว แถมเพื่อนคนหนึ่งก็เพิ่งเล่าเรื่องที่เธอแท้งให้ผมฟังเมื่อวานนี้เอง)


-   สามีโทษว่าการแท้งเป็นความผิดของเธอ


-   เธอไม่มีความสุขเอาซะเลยกับชีวิตแต่งงานเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา(เธอท้องก่อนจะแต่งงานได้สองเดือน)


-   เธอเชื่อว่าลูกในท้องไม่ใช่ลูกของสามีเธอ


-   เธอแต่งงานกับไอ้หมอนั่นเพราะเธอท้องไม่มีพ่อ และเขารวยที่สุดในบรรดาผู้ชายที่เธอคบๆอยู่


-   ส่วนใหญ่เธอมานอนกับผมเพราะสามีเธอเกลียดผม(ผมเคยทำให้สามีเธอหน้าแตกในงานเลี้ยงงานหนึ่ง)
คืนนี้ไม่ใช่คืนที่วุ่นวายธรรมดาๆแล้วล่ะ มันกลายเป็นคืนที่สุดแสนจะวุ่นวายเต็มพิกัดระดับคาแบลท์ ฮูแซกซะแล้ว


            ผมว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเอาง่ายๆ


   นอกจากผมจะทำอะไรไม่ถูกกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ของสองสาวนี่แล้ว ผมยังมีความลำบากใจอีกอย่างคือแม่สองสาวนี่ต่างก็กำลังเสียใจ และต้องการการปลอบโยนโดยการมีอะไรกับผมทั้งคู่ ผมจะทำยังไงดี...ตอนนั้นผมมึนสุดๆนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีทางเลือกไหนบ้าง ออกจากบ้านไปเฉยๆซะเลยดีมั้ย? หรือโทรไปแจ้งตำรวจแกล้งบอกว่าเธอคนใดคนหนึ่งจะเข้ามาทำร้ายผม ตำรวจจะได้จับไปสักคนหนึ่ง หรือผมจะเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้าให้กลายเป็นเกมสวาทสองรุมหนึ่งดี?


   ผมตัดสินใจเลี่ยงไปโทรศัพท์หาเพื่อนคู่ยากของผม


“เฮ้ แกอยากมาหาฉันแล้วเอาสาวไปนอนด้วยซักคนไหม” ผมเข้าเรื่อง


“ไอ้เวร! ฉันอยู่แอลเอ” แบรตบอกผมเสียงนิ่ง ผมได้ยินเสียงเด็กกับเสียงผู้ชายลอดเข้ามา


“น่าเสียดายจริงๆว่ะ แกไม่น่าพลาดเรื่องนี้เลย”


“ไม่หรอกว่ะ ยังไงซะฉันก็ทำใจให้นอนกับผู้หญิงแบบที่แกชอบไม่ได้ แม่พวกนั้นไอคิวต่ำกว่าฉันตั้งเกือบร้อย”


“แล้วยังไงวะ?” ผมถาม


“มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ฉันต้องนอนกับสัตว์น่ะสิ อีกอย่างฉันไม่ได้อยากนอนไปทั่วด้วย” แบรตบอกเรียบๆ ด้วยคำพูดสุดเชือดเฉือนตามสไตล์เขา นั่นทำเอาผมจุกไปไม่น้อย จากนั้นเขาก็รีบวางสายทิ้งทันทีเมื่อมีใครซักคนเรียกชื่อเขา


    ตามตำราพิชัยยุทธแล้ว การรับมือกับการซุ่มโจมตี คือการเดินหน้าสู้มันซะเลย ผมตัดสินใจว่าการฟันใครคนใดคนหนึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ผมควรจัดการกับใครดี? นังกากีที่สวมเขาให้สามีและเพิ่งแท้งไป หรือผู้หญิงที่เป็นมะเร็งและยังมีลูกของผมอยู่ในท้อง?


ข้อดีของซาร่า                                                                    ข้อเสียของซาร่า
-ดูดีมากด้วยเต้าศัลยกรรมขนาดใหญ่                                      -เพิ่งแท้งมา
-ลีลาบนเตียงเยี่ม                                                              -เป็นนางกากีชั้นหนึ่ง



ข้อดีของลินเซย์                                                                ข้อเสียของลินเซย์
-สวยเหมือนกันแต่ไม่มีเต้าปลอม                                          -เธอท้อง...กับผม
-ไม่นับความรู้สึกส่วนตัวนะคุณแต่ลินเซย์                                 -เธอเป็นมะเร็ง...ตรงที่ผมจะเอาน้องชายมุดเข้าไป
มีลีลาบนเตียงเยี่ยมกว่าซาร่าซะอีก


   ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจัดการกับซาร่าก่อน ผมตั้งใจจัดการเธอให้สุดฝีมือ เผื่อเธอจะได้รีบๆกลับไป หรือไม่ก็หลับไปเลย หลังจากนั้นผมอาจจะกลับมาทำอะไรกับลินเซย์ได้ เพราะถ้าผมจัดการกับลินเซย์ก่อน ซาร่าอาจจะโกรธจนกลับไปเลย และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะขโมยหรือทำลายข้าวของของผมเป็นการแก้แค้นด้วย


   ตอนนั้นพวกเราทุกคนยังอยู่ในห้องรับแขก ผมจึงตรงเข้าไปคว้าแขนซาร่าแล้วลากไปที่ห้องนอนพร้อมกับหันมาสั่งลินเซย์ว่า “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันฟันแม่นี่เสร็จแล้วจะกลับมาหา” แน่ล่ะคุณ ลินเซย์ไม่ปลื้มเอามากๆ อันที่จริงเธอโกรธจนพูดไม่ออกเลยมากกว่า แต่ยังไงก็เถอะมันสายเกินกว่าจะมากังวลเรื่องนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ผมเลือกเป้าหมายแล้วและมีหน้าที่อัดเป้าหมายให้เต็มแรงเท่านั้น


   ลีลาของเธอเป็นมืออาชีพจริงๆและคืนนั้นเธอเป็นคนคุมเกมทั้งหมด(ผมรู้ว่า”มืออาชีพ”แบบนี้มีลีลาอย่างไร เพราะตอนผมอยู่ฟลอริด้าและนิวยอร์คผมเคยควงผู้หญิงแบบนี้อยู่หลายคนเหมือนกัน) ปกติเวลาผมเปิดศึกกับซาร่านั้นผมจะถึงที่หมายหลายครั้งต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะผมชอบเธอเป็นพิเศษอะไรหรอกนะ แต่ร่างกายผมจะมีปฏิกิริยากับนมปลอมเป็นพิเศษเท่านั้นเอง


   แค่ห้านาทีผมก็ถึงสวรรค์รอบบแรกอย่างรวดเร็ว ผมก็เลยใช้มือนวดจุดยุทธศาสตร์ของเธอไปพลางๆเพื่อรอให้ไอ้หนูฟื้น ซึ่งปกติจะใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีแต่กับครั้งนี้ไม่ใช่ สองนาทีผ่านไปมันยังคงคอพับคออ่อน...สี่นาทีมันยังคงอยู่ในสภาพมะเขือเผา จนกระทั่งสิบนาทีผ่านไปพร้อมกับการใช้มือช่วยปลุกปั้นอย่างจริงจังมันก็กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ราว 50% ผมจึงจัดแจงยัดมันเข้าที่แล้วเริ่มอีกครั้ง


   แต่ไม่ได้ผล...อันที่จริงมันกลับเหี่ยวลงไปอีกด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่...มันจะเกิดสภาพอย่างนี้ก็ต่อเมื่อผมเมาในระดับคาแบลท์ ฮูแซกหรือไม่ก็พ่นพิษอย่างน้อยห้าหกครั้งแล้วเท่านั้น


   ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งผมมีอะไรกับผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมากชายอย่างซาร่า จิตใต้สำนึกของผมมักจะเล่นตลกด้วยเสมอ มันมักจะดอดเข้ามาบ่อนทำลายเส้นทางสู่จุดสุดยอดของผม แต่จิตสำนึกของผมซึ่งเป็นอำนวจที่หนุนหลังไอ้หนูอยู่มักจะเป็นฝ่ายขับไล่จิตสำนึกออกไปได้


   แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะหลังจากที่ผมเผชิญกับเรื่องทั้งหมดที่เล่าให้คุณฟัง จิตสำนึกของผมอยู่ในสภาพเดียวกับจอร์จ โฟร์แมนในยกที่ห้าจากศึกที่เจอกับมูฮัมหมัด อาลี ทั้งเหนื่อย เหวี่ยงหวัดเปะปะ และงุนงงเพราะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป


“คาแบลท์...นายมีความสุขจริงๆเหรอ” แกสเคยถามคำถามนี้กับผมหลังจากที่ผมเมาเละเทะกลับมาบ้าน


“แกชอบฟันของบานๆงั้นเหรอ? ไอ้ช่องคลอดที่แกกำลังใช้อยู่น่ะมันช่องเดียวกับที่ตัวอ่อนอายุห้าเดือนตายแล้วไหลออกมานะเว้ย ฉันว่ามันน่าจะต้องพักสักสองสามอาทิตย์นะก่อนที่จะเอามาใช้งานได้เหมือนเดิม” จิตใต้สำนึกผมกระซิบอย่างชั่วร้าย


   จิตสำนึกของผมพยายามหาเหตุผลมาหักล้าง แต่ซาร่าไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เธอเอาแต่กรีดร้องซึ่งทำให้ผมขยะแขยงเธอมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ไอ้หนูของผมไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำให้ใครร้องได้ขนาดนั้นซักหน่อย แต่เธอก็ยังร้อง”ทะลวงฉันด้วยปืนใหญ่ของคุณเลย” ทั้งๆที่ไอ้หนูของผมเกือบจะปวกเปียกอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างแม่นี่คงชินกับการเสแสร้งทำให้ผู้ชายโง่ๆที่จ่ายเงินให้เธอรู้สึกดีด้วยการร้องแบบนี้


“ฉันละสงสัยจริงๆว่าแม่นี่จะคิดค่าร้องซักเท่าไหร่? ฉันว่าแม่นี่ทำระดับที่ควรจะจ่ายซักพันนึงได้เลยนะ แต่นายได้ฟรี นายว่าไหนเธอต้องไปฟันกับใครมาก่อนแล้วแน่ๆ ดูน้องสาวเธอสิ! มันดูลื่นนผิดปกติไม่ใช่เหรอ ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าวันนี้เธอเล่นมากี่เกมแล้ว” จิตใต้สำนึกบอกผมอีกครั้ง


“โอว คาแบลท์ ฉันรักปืนใหญ่ของคุณจริงๆ” ซาร่าเอาแต่ร้องซ้ำไปซ้ำมา


“ฮูแซก นายก็รู้ดีนี่ว่าการที่จะทำให้ผู้หญิงร่านได้ขนาดนี้มีวิธีเดียว คือการที่พ่อเลี้ยงของเธอข่มขืนเธอตั้งแต่เธออายุสิบขวบ แล้วนายคิดเหรอว่าน้องชายของนายจะใหย่กว่าไอ้คนที่ข่มขืนเธอตั้งแต่เด็กได้ ฉันพนันว่าแม่นั่นไม่มีทางรู้สึกว่านายใหญ่หรอก แม้ว่านายจะใหญ่จริงก็ตาม” จิตใต้สำนึกยังพูดกับผมต่อไปเรื่อยๆ


“แรงอีกๆ โอ้ววว พระเจ้า” เธอร้อง


“เธอเพิ่งแท้งมานะเพื่อน...ฉันว่ายังมีเศษเหลวๆของตัวอ่อนตกค้างอยู่ในนั้นแหงๆมันเลยลื่นเป็นพิเศษไง ฉันว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้แท้งเองหรอก แต่ใช้เครื่องดูดเอาเด็กออก มันเลยทำให้วันนี้เธอบีบเป็นพิเศษไง เพราะมันเพิ่งบีบเอาเด็กออกไปคนนึง” จิตใต้สำนึกทำหน้าที่ของมันต่อไป


“โอวพระเจ้า แทงฉันหนักๆเลย ระเบิดเข้ามาให้ตัวฉันเลยนะที่รัก”


“ถ้าเธอทำแท้งจริงต้องมีเศษสมองหลงเหลืออยู่แน่ๆ ไอนั่นล่ะที่ทำให้ลื่นสุดๆ นายลองตั้งใจทำสิ นายจะได้รู้สึกถึงไอ้เศษพวกนั้นแน่ๆ”


   และนั่นคือหมัดน็อคของจิตใต้สำนัก จิตสำนักของผมร่วงลงไปกองกับเวทีไม่มีการนับแปด ไม่มีเสียงระฆัง มันนอนแผ่หลาดวงตาเห็นดาวระยิบระยับ


   ไอ้หนูของผมหมดแรงโดยสมบูรณ์ ไม่มีการตอบสนอองอะไรอีก การพยายามทำต่อก็เหมือนการเอาขี้ผึ้งลนไฟยัดใส่รู


   ผมผละจากเธอแล้วออกจากห้องมาซะเฉยๆโดยไม่ได้แกล้งว่าเสร็จด้วยซ้ำ และไม่ลืมจะไล่เธอให้กลับไปอย่างด่วนที่สุดด้วย


   ลินเซย์โกรธเอามากๆแต่เธอก็ยังรออยู่ที่เดิม ที่เดิมจริงๆ แล้วหลังจากผ่านเรื่องราวอันหนักหน่วงทั้งหมดมา ผมก็ชักอยากอยู่คนเดียว แต่จะไล่เธอกลับไปก็ไม่ได้


“คุณเสร็จเรื่องกับแม่นั่นแล้วอาบน้ำรึยัง” เธอถาม


“ยัง”


“งั้นก็ไปอาบซะ” เธอสั่ง


“อาบทำไม”


“ฉันจะนอนกับคุณบ้าง”


“เรายังจะทำอีกเหรอ”


   เธอก็เลยตัดสินใจกลับ แต่ก็หลังจากที่เธอขอให้ผมเซ็นเช็คให้เธอเป็นค่าทำแท้งให้เธอ ขณะที่ผมกำลังเซ็นเช็คจำนวนสี่ร้อยเหรียญอยู่นั้นผมก็ชั่งใจควรจะถามเธอมั้ยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกผมรึเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามเพราะจิตใต้สำนึกของผมยังอยู่บนเวทีอยู่เลย


   พอพวกเธอกลับไปกันหมดผมก็มานั่งนึกถึงสิ่งที่ทำลงไป


   ผมเรียกผู้หญิงมาเพื่อสนองอารมณ์...


   เธอคนนั้นตั้งท้องกับผม....


   แถมยังเป็นมะเร็งรังไข่


   ในขณะที่เธอคนนั้นมาหาผมเพื่อขอรับการปลอบประโลมเพื่อให้เธอพร้อมเผชิญกับเรื่องร้ายๆอยู่ ผมก็เรียกผู้หญิงอีกคนมาเพื่อสนองตัณหาอีกครั้ง...


   ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว...


   เพิ่งแท้งลูกมา.....


   และมาฟันกับผมเพื่อประชดสามีเท่านั้น...


   ผมก็ดันสนองให้เธอ แต่ก็ต้องเลิกราเพราะไม่สามารถสลัดภาพสมองของเด็กที่ยังค้างอยู่ในตัวเธอออกไปจากใจได้...แล้วผมก็มาปฏิเสธผู้หญิงอีกคนที่รออยู่เพียงเพราะรังเกียจตัวเองที่กลับมามีอารมณ์พร้อมจะนอนกับหล่อน
   



        และที่สำคัญที่สุด
   ผมนอกใจแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา...





“ที่รัก เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปส่งนะ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากออกมารับ” แกสบอกผมทันทีที่ผมกดรับสาย ตอนนี้ก็แปดโมงแล้วผมยังไม่ได้นอนเลย


“ไม่ต้องหรอก...คุณไม่ต้องมาแล้วล่ะ” ผมตัดสินใจบอกเขา

-----------------------------------------------------------

 :jul3:



คิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนจบได้นะ?

คนอ่านว่าไง?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2011 22:20:43 โดย SweetSacrifice »

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
«ตอบ #261 เมื่อ15-06-2011 13:15:11 »

ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

แกสแม่งตัวประกอบฉาก  :เฮ้อ:


ป้าจะตัดจบอีกแล้ว  :z3: :m31:




ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
«ตอบ #262 เมื่อ15-06-2011 13:26:49 »

คาแบลท์ทำตัวเหมือนคนเขียนเลย คนเขียนเอาตัวเองมาเขียนเปล่าวะเนี้ย

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
«ตอบ #263 เมื่อ18-06-2011 20:32:20 »

ค้าง งง  ผญ.สองนางนีี่ก็ไม่ค่อยจะไหว เเกสรีบกลับมาเหอะ

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 15 (14/06/2011)
«ตอบ #264 เมื่อ02-08-2011 21:23:17 »

ดัน

เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ว่างจะมาลง

ขอบคุณสำหรับสารบัญที่โลโล่ทำให้ทุกเรื่อง

น่ารักจริงๆ

-,-

ออฟไลน์ SweetSacrifice

  • I always get,what I aim for
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +479/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
«ตอบ #265 เมื่อ03-08-2011 12:09:29 »

   

        แกสไม่ฟังที่ผมพูดแม้แต่นิดเดียว เขามาหาผมทันทีหลังจากที่ได้ยินผมบอกเลิก ผมรู้ว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางเลิกกับผมแน่ๆ ยกเว้นว่าผมมีเหตุผลที่ดีพอ  ในที่นี้หมายถึงผมไม่ได้รักเขา หรือเขาเองที่หมดรักในตัวผม ส่วนเหตุผลยิบย่อยอย่างการโกหกกันหรือนอกใจกัน จากที่ผ่านมาเขาโกรธและขอให้ผมให้สัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพียงแค่นี้หมอนี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หลังจากที่เราทะเลาะกันทุกครั้งผมจะเป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารเขา และปิดท้ายด้วยเปอติ โฟร์ของโปรดของเขาให้เขาอารมณ์ดีขึ้น



   แกสไขประตูห้องแล้วเดินเข้ามาช้าๆ เขายังคงมีรัศมีความสุขสงบร่มเย็นในแบบที่เขาเป็น แม้ว่าครั้งนี้มันอาจจะลดลงไปบ้าง แต่มันก็ยังคงความสบายตาและสบายใจเมื่อมองเขา มันทำให้ผมสงบลงไปด้วย(อาจจะนิดเดียวก็เถอะ)และเมื่อใดก็ตามที่เราเปิดฉากสนทนากันเสียงของผมจะลดลงอัตโนมัติเมื่อเปิดปากคุยกับเขา



“คุณไม่น่ามาเลย” ผมบอกเขาหลังจากที่เขานั่งลงข้างๆ และสังเกตได้ว่าใบหน้าของเขาดูอิดโรย มันทำให้ผมอยากพรมจูบทั่วใบหน้าของเขา แต่เราไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปลอบประโลนและหวานแหววกันตอนนี้


“คุณทานข้าวหรือยัง คุณดูเหน็ดเหนื่อยมากเลยที่รัก” เขาจ้องผมอย่างอาวรณ์


“พอเถอะ” ผมอับอายเกินกว่าจะยอมรับความรู้สึกตัวเอง


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอ” เขาถามหลังจากที่กวาดตาไปรอบๆ และเห็นว่ามีแจกันที่แตกละเอียดย่อยยับบนพื้น รวมถึงข้าวของที่กระจัดกระจาย จากฝีมือของผมและผู้มาเยือน



   ผมเริ่มเล่าทุกอย่างให้เขาฟังอย่างลื่นไหล อาจจะเป็นเพราะว่าผมต้องการใครซักคนในตอนนี้มาร่วมรับรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของผม แกสเป็นประเภทที่มีไหวพริบพอควร เขาฟังอย่างตั้งใจและไม่เอะอะโวยวายขึ้นมาระหว่างที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เขานิ่งและส่งเสียงฮึมในลำคอบ้าง แสดงสีหน้าไม่พอใจบ้าง หรือแม้กระทั่งพูดขึ้นมาว่า”มันแย่จริงๆ” แต่ก็ไม่ขัดจังหวะให้ผมหยุดเล่าเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งผมเล่าทุกอย่างออกมาหมด


“นี่คือเหตุผลที่คุณอยากเลิกกับผมเหรอ” เขาเอนตัวนอนลงบนโซฟาปลายเท้าวางอยู่บนตักผม เขาดูสบายซะจนผมอดจะรู้สึกรำคาญขึ้นมาไม่ได้


“ใช่ และคุณ ทำไมถึงได้วางท่าทางน่ารำคาญแบบนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะคุณ” ผมบอกแต่ก็ยอมให้เขาพาดขาบนตักของผม


“นั่นเป็นปัญาหาที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และที่คุณอยากเลิกกับผมก็เพราะคุณรู้สึกผิดต่อความรู้สึกของคุณเองและห่วงในความรู้สึกของผม นั่นถือเป็นเรื่องดีนะ เพราะดูเหมือนคุณจะเริ่มอ่อนโยนขึ้นมาบ้างแล้ว” เขาบอกท่าทางเหมือนครูไฮสกูลที่กำลังแนะแนวเด็กๆเรื่องการใช้กัญชาของพวกเขา


“ดูคุณไม่เสียใจในตัวผมเลย ทำไม?” ผมถามเขา


“ผมทำไม่ได้หรอก ตอนนี้คุณเสียใจมากพอแล้ว ผมไม่อยากเป็นอีกเรื่องที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแย่” เขาปิดตาบอกผม ผมเดาว่าเขาเองก็สุดจะทนกับพฤติกรรมของผม แต่เขารักผมเกินกว่าจะปล่อยผมไป เขายอมรับในด้านลบของผม เขาเป็นแฟนเพียงคนเดียวที่ยอมรับและอยู่กับด้านลบของผมได้



   เราอยู่ในท่าเดิมราวๆครึ่งชั่วโมง ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครคิดจะเอ่ยอะไรขึ้นมา ผมนั่งมองประตูอย่างใจลอยคิดถึงเรื่องต่างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา แต่เมื่อผมเบี่ยงหน้ามามองหน้าเขาก็เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของเขา เขารีบเช็ดมันออกอย่างลวกๆแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาด้านพนักพิงโซฟา


“แกส” ผมเรียกเขาแล้วลูบขาเพื่อปลอบเขาเบาๆ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกและทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ผมโง่เกินกว่าจะคิดออกว่าควรจะกอดปลอบเขา


“คุณไม่ต้องเข้มแข็ง เพื่อจะรักษาความสัมพันธ์นี้หรอก คุณเหนื่อยกับเรื่องของผมมากพอแล้ว คุณควรจะพักบ้าง” ผมบอกเขาเพราะผมเป็นห่วงเขาจริงๆ แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากเลิกกับเขาหรอก


“ผมเหนื่อยก็จริง แต่ผมรักคุณ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่อยากออกไปจากชีวิตคุณ” เขาตอบเสียงอู้อี้


“คุณมันพวกลูกคุณหนูที่ชอบอะไรที่ท้าทายไงล่ะ คุณเคยชินกับการถูกเอาอกเอาใจ แต่ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลยให้คุณ มันเลยทำให้ผมเป็นที่ต้องการ” ผมตอบตามความคิดที่เคยถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงชอบที่จะอยู่กับผมตอนเราคบกันแรกๆ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรที่โรแมนติกหรือดีพออย่างที่แฟนควรจะเป็นให้เขาเลย เพราะฉะนั้นก็มีเพียงเหตุผลนี้นี่แหละ


“คุณทานอะไรมารึยัง” ผมเห็นว่าเขานิ่งไป เขาอาจะกำลังคิดเรื่องแย่ๆของผมหรือคำพูดของผมอาจจะไปจี้ใจดำของเขาเข้า ผมจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดซะเฉยๆ ผมอาจจะไม่เข้มแข็งพอจะรับเรื่องดราม่าหนักๆในตอนนี้ได้อีกแล้ว


“แกส คุณทานอะไรมารึยัง” ผมถามเขาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขานิ่งไป เขาส่ายหน้า และยังหันหน้าซุกกับพนักพิงของโซฟาต่อไป
ผมทนไม่ไหวเลยใช้แรงทั้งหมดดึงเขาขึ้นมา อย่างแรกที่ผมคิดได้คือผมน่าจะปล่อยเขาไปแบบนี้ ปล่อยให้เขาได้ระบายความทุกข์ในแบบของเขาบ้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา มีน้ำมูกไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้าง เส้นผมสีดำลู่ปรกหน้าและเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมดึงเขามากอดและลูบหลังเขาเบาๆ เท่านั้นแหละคุณเอ้ย หมอนี่ร้องสะอื้นออกมาเสียงดังและเริ่มทุบตีผมเบาๆ จนผมบอกเขาไปว่าทำตามใจคุณเถอะ เขาก็เริ่มตีแรงขึ้นๆ กว่าชั่วโมงเขาถึงยอมสงบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา

 
“เอาล่ะ คุณควรไปอาบน้ำและนอนซะ” ผมสั่งเขา เมื่อเห็นว่าเขาระบายออกมามากพอแล้ว


“ไม่ ผมไม่อยากใช้เตียงที่คุณมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่น” เขาเอ่ยออกมา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะเขาแทบไม่เคยเอ่ยอะไรออกมาตรงๆ เขาได้แค่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างที่เป็นตัวผม


“โอเค งั้นเราจะไปนอนโรงแรมกัน” ผมบอกแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมมีความสุข
“ผมเกลียดห้องของคุณ เกลียดเพราะผมรู้ว่าคุณต้องเคยมีเซ็กส์กับใครก็ตามทุกซอกทุกมุม” เขาผละออกจากอกของผม แล้วจ้องหน้าผมพูดกับผมเสียงแข็ง ซึ่งผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย มันเลยทำให้ผมช็อคนิดๆ


“ผมย้ายออกจากที่นี่ไม่ได้หรอก ราคาแบบนี้และขนาดห้องเท่านี้หาที่อื่นไม่ได้อีกแล้วล่ะคุณ คุณอาจจะต้องยอมรับทุกซอกทุกมุมของที่นี่ต่อไป” ผมบอกเขาไปตามตรง


“แล้วถ้าเราย้ายมาอยู่ด้วยกันล่ะ แชร์ทุกๆอย่างกัน มันอาจจะดีกว่านี้” เขากำลังขอให้ผมย้ายไปอยู่กับเขา นั่นหมายถึงผมจะใช้ชีวิตเสเพลไม่ได้แม้ว่าผมจะคบกับเขาไปด้วย เขาทำให้ผมคิดหนัก...


“ได้โปรดเถอะ คุณก็ชีวิตแบบเดิมของคุณไป ผมจะพยายามยอมรับมันให้ได้” เขาอ้อนวอน


“ไม่หรอก คุณจะไม่อยากทำแบบนั้น” ผมปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้เห็นส่วนลบของผมทั้งหมดซะหน่อย


“ผมจะทำ” เขายืนยันหนักแน่น


“ผมจะเก็บไปคิดแล้วกัน” ผมเริ่มใจอ่อน


“ขอบคุณ” เขายิ้ม


“ผมทำตัวเหลือรับต่อคุณมากเลย บางทีผมอาจจะต้องเปลี่ยนมันบ้างแล้วล่ะ” ผมบอกเขา เขากระโจนเข้ามากอดผม แบบที่หมาตัวใหญ่ๆชอบทำ


“คุณจะพาผมไปเลี้ยงข้าว ตามธรรมเนียมของเราหรือเปล่า” เขาถามผม


“นี่มันดึกเกินไปแล้วล่ะคุณ ไม่มีร้านไหนเปิดรับธรรมเนียมของเราหรอก” ผมพูดเรื่องจริง


“แต่ผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่สิบโมงเลย” เขาผละออกจากผมอีกรอบ แล้วบอกผมปั้นหน้าน่าสงสารที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้


“ผมมีมันฝรั่ง”


“ผมทำแฮชบราวน์ที่อร่อยกว่าเดอะ ปาล์มได้นะ คุณอยากลองไหม” แกสดูกระตือรือร้นขึ้น


“เอาสิ ผมจะลองหาเค้กถูกๆตามซุปเปอร์มาร์เกตแถวนี้ระหว่างที่คุณทำแฮชบราวน์ละกัน มันจะได้เป็นไปตามธรรมเนียม” ผมบอก เขายิ้มอีกรอบ แล้วก็ย้ำกับผมว่าเขาจะทำอย่างสุดฝีมือ


“คุณรู้ตัวไหมว่า คุณใจดีกับผมมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับตอนแรกที่เราเจอกัน” เขาถาม ผมส่ายหน้า


“ผมไม่อยากรู้หรอก ผมจะพาคุณไปทานนมาลเป๊ก(*)พรุ่งนี้อีกรอบ ตอบแทนแฮชบราน์ของคุณแล้วกัน” ผมบอกเขา


“เยี่ยม มาลเป๊ก มาลเป๊ก ผมรักมัน เอาล่ะ ผมจะไปหยิบโค้ทให้คุณ จากนั้นคุณจะไปหาเค้กให้ผม” เขาวิ่งออกไปอย่างอารมณ์ดี



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Malpeques หอยนางรมแคนาดา



bow55

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
«ตอบ #266 เมื่อ03-08-2011 14:52:15 »

แกสจังสงสารที่สุด ฮือๆๆๆ

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
«ตอบ #267 เมื่อ03-08-2011 18:44:19 »

คาแบลท์  :beat: :beat: :beat: :z6: :z6:

คนเขียนอ่ะนึกว่าลืมแกสของฉันแล้ว หาำพระเอกใหม่  :z2:

PrinceGirlz

  • บุคคลทั่วไป
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
«ตอบ #268 เมื่อ03-08-2011 20:36:21 »

ห้ามโจบน้าาาาาาาาาาาาาาาา
จะว่าไปแกสยอมอิคาแบลท์ง่าย ๆ อีกแล้ว ฮึ่ย ๆ น่าจะสั่งสอนซะที
ถึงตอนนี้แกสจะร้องไห้ก็เหอะ แต่ทำไมเราเห็นว่าแกสน่ารักจังนะ คงเพราะแสดงความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ออกมาซะทีล่ะมั้ง 55
เล่นมันหนัก ๆ ค่าาา มันเอากระทั่งผู้หญิงที่เพิ่งแท้งมาเสร็จ (ซึ่งกุขำมากค่าาา)

เจ๊ห้ามจบบบ แต่งต่อออออ อีกกี่เดือนก็จะรอน๊จ๊ อะฮิก TT^TT

ออฟไลน์ ┗◎┗◎

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +734/-7
Re: ปฐมบทแบดบอย ตอนที่ 16 (03/08/2011)
«ตอบ #269 เมื่อ06-08-2011 10:36:01 »

แกสมันต้องเคยไปเขมรกับคาเบลท์แน่ๆ

มันเลยโดนของเขมรเข้าจังงัง  :really2:


อนาถถถถถถ

คาเบลท์มันมีอะไรน่าค้นหาหรอน้องแกส นอกจาก "ขี้ ปี้ เอดส์"

ตอนนี้ไม่ได้ดั่งใจ เลยแกสสสสส ปรับปรุงตัวซะ


เลิกเลยๆๆๆ -,-

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด