Pieces of Time - Toki no Kakera - (เศษเสี้ยวเวลาของเราสองคน) (UP CH45 END จบแล้วค่า) 21/11/2010)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Pieces of Time - Toki no Kakera - (เศษเสี้ยวเวลาของเราสองคน) (UP CH45 END จบแล้วค่า) 21/11/2010)  (อ่าน 77021 ครั้ง)

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

AUTHOR's Talk
สวัสดีค่ะ  :pig2:ขอแนะนำนิยายเรื่องใหม่ให้ทุกๆท่านได้อ่านกันนะคะ



เรื่องนี้มีนักเขียนสองคนค่ะ

kuruma & p.k.a

ถ้ายังไงแล้วก็ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้มใจทุกท่านด้วยนะคะ  :กอด1:

สารบัญ...เชิญจิ้มค่ะ :pig4:






J - Walk along -infinite mix-


translated & romanjinized by p.k.a

Owari no nai tabi wo shiteru sonna hibi wo kakae nagara
เดินทางไปอย่างไม่มีจุดหมาย พลาง โอบกอดวันเวลาเหล่านั้นเอาไว้

Kono nagai michi wo ima hitori aruku kimi no moto e
ในตอนนี้เดินไปบนเส้นทางไกล เพียงลำพัง เพื่อไปให้ถึงเธอ
 
How far from here to you?


ima sugoshi dake kikasete okureyo eien ni kienai koe de
ในตอนนี้ แม้เพียงแค่เล็กน้อย ช่วยพูดให้ฉันได้ยินเถอะ  เสียงนั้นที่ไม่มีวันจะขาดหายไป
  
kono omoi wo sora ni kakushite shizuka ni I just walk along
ได้ฝากฝังความคิดคำนึงนี้ เอาไว้กับท้องฟ้า และก้าวเดินต่อไปอย่างเงียบงัน

yukiba no nai mayoi no naka de miushinatta asu wo ekakou
ทั้งที่ยังคงหลงวนเวียนไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง แต่ก็มาร่วมขีดเขียนวันใหม่ที่เลือนหายไปกันเถิด

mada kotae no nai jikan no naka de yumemiru kimi e
ในห้วงเวลาที่ยังไร้ซึ่งคำตอบนี้ จะเดินไปให้ถึงเธอที่ยังคงเฝ้ามองความฝัน
 
How far from here to the dream?

ima sugoshi dake kikasete okureyo eien ni kienai koe de
ในตอนนี้ แม้เพียงแค่เล็กน้อย ช่วยพูดให้ฉันได้ยินเถอะ  เสียงนั้นที่ไม่มีวันจะขาดหายไป  

utsushi dashite sonoashita wo kimi no sono hitomi no naka de
ภาพของวันพรุ่งนี้ที่ สะท้อนออกมาให้เห็น จากในส่วนลึกของดวงตาของเธอ

ima shizukani yoru ga akeru kimi wo tsutsumikomu you ni
ในตอนนี้ ราตรีลาลับค่อยเปลี่ยนเป็นวันใหม่ไปอย่างเงียบๆ ลำแสงแห่งยามเช้านั้นราวกับ จะโอบอุ้มเธอเอาไว้

tsunagi tomete kono omoi wo
ความคิดคำนึงนี้ได้ เชื่อมโยงกันและกันเอาไว้ ก่อนจะหยุดนิ่งงัน

In the sun

ima sugoshi deke kikasete okure yo eien ni kienai koe de
ในตอนนี้ แม้เพียงแค่เล็กน้อย ช่วยพูดให้ฉันได้ยินเถอะ  เสียงนั้นที่ไม่มีวันจะขาดหายไป

utsushi dashite sono ashita wo kimi no sono hitomi no oku de
ภาพของวันพรุ่งนี้ที่ สะท้อนออกมาให้เห็น จากในส่วนลึกของดวงตาของเธอ

I walk along I walk along I walk along asayaka na hikari no naka de
I walk along I walk along I walk along    ท่ามกลางแสงสว่างเจิดจรัส

I'm just walk along Mabayui hikari no naka de
I'm just walk along ท่ามกลางแสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่ง

kono mama kimi no soba de
เคียงข้างเธอ เช่นนี้ตลอดไป


######################



"ปิ๊ด ปิ๊ด ปี๊ดดดด "

เสียงเป่านกหวีดยาวเป็นสัญญาณให้ทุกๆคนวิ่งเข้ามารวมตัวกันที่ มุมหนึ่งของสนาม

"เอาล่ะทุกคนหมดเวลาแล้ว มารวมกันด้วย" เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมกับ เสียงตีมือเข้ากับ คลิปบอร์ดแนบรายชื่อนักเรียนในสังกัด
"วันนี้อาจารย์ว่างไปเที่ยวกับพวกหนูไหมคะ? " กลุ่มเด็กสาวมัธยมปลายปี1 วิ่งกรูกันเข้ามาหาอาจารย์สอนพละคนดังของโรงเรียน
"ฮ่ะๆ จะไปเที่ยวไหนล่ะ " อาจารย์สอนพละหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำชวนของกลุ่มเด็กสาว
" ถ้าอาจารย์ยอมไป หนูก็ไปนะ " เด็กสาวรีบตอบกลับมา พลางทำหน้าตามีความหวัง ชายหนุ่มมักจะยิ้มหัวเราะแบบนี้ให้กับ คำพูดของเหล่านักเรียนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะมีขนมจีบชิ้นเล็กๆแบบ ปัปปี้เลิฟ มาให้ เป็นประจำ
" ไปร้านเค้กข้างโรงเรียนก็ได้ค่ะ เปิดใหม่ อร่อยมากเลย "เด็กๆ ยังคงพยายามจีบอาจารย์หนุ่มอย่างไม่ลดละ เขาไม่ใช่อาจารย์ฝึกสอน หรืออาจารย์ที่เพิ่งทำงานที่นี่ หากดูแค่หน้าตาที่ดูเหมือนคนที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆแล้วล่ะก็
"ครูไปด้วยเดี๋ยวแฟนเธอก็หึงครูซิ่ แค่นี้ก็จะโดนฆ่าตายแล้วครับ ขอรับไว้แค่น้ำใจก็แล้วกันนะ ยามากูจิซัง" อาจารย์อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ ในชุดเสื้อวอร์มสีน้ำเงินเข้มตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อนยิ้มให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวเดินออกมา
"ครูไปก่อนนะ มีประชุมน่ะ " ดูจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เด็กๆพวกนี้ยอมปล่อยเขาออกมาได้ คิโยโนบุ เป็นอาจารย์สอนวิชาพละที่นี่มาได้สาม ปีแล้ว หลังจากที่ พลาดหวังจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ ชายหนุ่มก้าวยาวๆเดินไปที่ห้องที่อยู่ริมสุดที่ชั้นหนึ่ง ห้องของครูใหญ่ประจำโรงเรียน
 

..........................................


"ขออนุญาตครับ " เสียงนุ่มว่าพลางเปิดประตูเข้าไปด้านใน
" เชิญ " เสียงของชายวัยกลางคนบอกด้วยน้ำเสียงเข้มงวดเหมือนทุกครั้ง ไม่เคยเปลี่ยนไป แม้จะกี่ปีก็ตาม"นั่งสิ "
"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แสงที่ส่องมาจากด้านหลังทำให้ชายอีกคนดูตัวใหญ่หนามากขึ้นไปอีก เขาดูมีอำนาจเสมอ  ผู้อำนวยการโรงเรียนยื่นแฟ้มให้คนตรงหน้าดู สองสามแฟ้ม นี่คือจุดประสงค์ที่เขาเรียกอาจารย์มาในวันนี้
" ดูซิสิ .. คุณสมบัติดีทุกคน .. เลือกหน้าตาแบบที่ชอบเถอะ "เขาบอก
"คุณพ่อครับ..." เสียงที่เรียกสถานะของอีกฝ่ายกลับมานั้นบ่งบอกได้ถึง ความลำบากใจ ชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องเดิมๆ ของการ "หาคู่"
"ผมยังไม่คิดว่าตัวเอง พร้อมจะแต่งงานนะครับ"
" ก็แค่ไปดูตัว คิดไปถึงไหน ... คิโยโนบุ  "ผู้เป็นพ่อยืนยันคำเดิม
" อิชิดะ ฮิโตมิ , มิซึกิ  ยาสึโกะ , ทาคาฮาร่า  มาอิ ทั้งสามคนนี้ พื้นฐานการศึกษา และพื้นฐานทางบ้านก็ดี แกเลือกเอาคนหนึ่งก็แล้วกัน " ผู้เป็นพ่อว่าท่าทางไม่ได้ใส่ใจนักว่าลูกชายจะเลือกใคร
"ผมน่ะไม่คิด...แต่ทางนั้นเขาน่ะอาจจะคิดครับ...และพ่อเองก็คิด..." ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับเหลือบมองแฟ้มทั้งสาม ใบหน้าสะสวยของหญิงสาว กริยามารบาทในการวางท่านั้นแทบจะถอดแบบเดียวกันมา ดูอย่างไรแล้วก็คงจะเป็นพวกคุณหนูจ๋าเหมือนอย่างที่เคยเจอมาทุกครั้ง
"อายุ 30 ไม่น่าคิดบ้างหรือไง แกเป็นพี่คนโตนะ จะให้เจ้าคิระ กับ เคนจิ แต่งงานก่อนรึไง? "ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วกับคำปฏิเสธของลูกชาย " ในเมื่อแกเองก็ไม่ได้คบกับใครที่ไหน แล้วมีอะไรขัดข้องรึไง? " คิโยโนะบุก้มหน้าลงเล็กน้อย สองมือกำแน่น มันเป็น ครั้งที่เท่าไรแล้วที่มักจะถูกพูดด้วยเชิงบังคับแบบนี้

"ครับคุณพ่อ...แล้วผมจะลองไปคิดดูก็แล้วกันครับ"


...........................................


 คำตอบของอาจารย์พละ ลูกชายคนโตของตระกูลอิโนะอุเอะ เจ้าของโรงเรียนมัธยมในคานางาวะ ทำให้เกิดการพบกันระหว่างตระกูลอิโนะอุเอะ และตระกูลอิชิดะในที่สุด ณ โรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองนั้นเอง ท่าทางของครูโรงเรียนมัธยมดูขัดเขินเล็กๆในชุดสูทสีเข้มที่ถูกซื้อมาด้วยเงินที่ พ่อเอามาวางไว้ตรงหน้าด้วยเหตุผลที่ว่า "ไปหาเสื้อผ้าดีๆมาใส่ซะ"
 
"เอ่อ...ได้ยินว่าคุณชอบฟังเพลงคลาสสสิค" คิโยโนบุพยายามจะสรรหาเรื่องมาคุย เขาไม่ถนัดนักที่จะคุยกับผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันแบบนี้...โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วในสถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าจะเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินที่ผู้ชายอายุขนาดเขาควรจะตั้งหลักปักฐานเสียที
" ค่ะ ฉันชอบเพลงของโมสาร์ทค่ะ เขาว่ากันว่า ผู้หญิงท้องน่ะ ถ้าฟังเพลงของโมสาร์ทแล้วลูกจะมีพัฒนาการดี คิโยโนบุซังเคยได้ยินไหมคะ? " หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มในชุดกิโมโนสีเขียวอ่อนตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน ชายหนุ่มแทบจะกลืนน้ำลายลงไปสามอึกในคราวเดียว


....ลูกในท้อง?....


ชายหนุ่มเลยทำได้แค่หันไปยิ้มน้อยๆให้อีกฝ่ายเท่านั้น
 
"ผมไม่ค่อยทราบเรื่องแบบนี้หรอกครับ... จะรู้ดีก็คงเป็น แค่เรื่องกีฬา"
" กีฬาหรือคะ? ดูเหมือนคุณจะเคยเล่นกีฬาอย่างจริงจังเสียด้วย ถึงได้มาเป็นคุณครูพละใช่ไหมคะ? "หญิงสาวที่ดูยังไงก็เพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยมาได้ไม่นาน ถามอย่างแปลกใจ
"อ่ะครับ...ผมเคยอยากจะเป็น..นั่งวิ่งน่ะครับ"
" นักวิ่งหรือคะ งั้นก็เป็นคนวิ่งเร็วมากซี่คะ " ฮิโตมิถามออกมาอย่างสนใจ
"ฮ่ะๆ...." คิโยโนบุ หัวเราะออกมาเบาๆ "ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอกครับ... ผมแค่ชอบที่จะวิ่งก็เท่านั้นเอง"

การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าจะส่วนใหญ่จะเป็นการเขินอายกันเองระหว่างหนุ่มสาวทั้งสอง แต่ในส่วนของผู้ใหญ่เองแล้ว กลับมีการพูดคุยกันอย่างถูกคอ


.......................................

 
ตามมาด้วยการนัดพบปะกันระหว่างคนทั้งสอง หลายต่อหลายครั้ง การได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อศึกษานิสัยใจคอ ซึ่งสำหรับอาจารย์หนุ่มแล้ว หญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก

"ขอโทษนะครับ...ไม่มีที่ไหนจะพาไปเที่ยวก็พามาแต่ที่แบบนี้ " เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นระหว่างที่กำลังพาหญิงสาวออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนส
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณดูแข็งแรงดีออก อีกอย่าง ฉันก็อยากจะผอมลงกว่านี้ด้วย" ฮิโตมิว่าขณะที่อยู่บนลู่วิ่งข้างๆชายหนุ่มผมสีน้ำตาล
"ถ้าอยู่ด้วยกันต้องโดนหาว่าเป็นบ้านบ้าพลังแน่เลย" ชายหนุ่มพูดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
" บ้านนี้ก็คงจะมีแต่เด็กแข็งแรงๆ ล่ะค่ะ" เธอรับมุขเขาแล้วลงมาจากลู่วิ่งเพื่อเช็ดหน้า
"ฮ่า....เด็กๆเหรอครับ" ราวกับขาจะหยุดชายหนุ่มแทบจะไหลลงมาพร้อมกับลู่วิ่ง ก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อย เพื่อหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม
"ก็พ่อเขาเป็นนักกีฬานี่คะ "ฮิโตมิเช็ดหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยเหงื่อ และเป็นสีชมพูเธอพูดออกมาราวกับไม่ได้คิดอะไร
"ฮิโตมิครับ..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนนิ่งอยู่นาน ราวกับจะคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้า ที่ยังชื้นเหงื่อเล็กๆ ชายหนุ่มยังหอบหายใจเล็กน้อย เมื่อมองหน้าของอีกฝ่าย
"คะ? " เธอส่งผ้าขนหนูให้กับเขา แล้วยิ้มให้
"ถ้าคุณไม่รังเกียจ..."ชายหนุ่มรับผ้าขนหนูมาซับหน้าเล็กน้อย "เสร็จจากที่นี่แล้ว จะไปดูแหวนกับผมไหมครับ"
" อิโนะอุเอะซัง? "เสียงหวานนั้นเรียกสกุลของอีกฝ่ายอย่างที่เรียกเสมอมาอย่างแปลกใจ
"นะครับ" เสียงนุ่มนั้น เอ่ยอีกครั้งราวกับจะอ้อน
"ดูแหวนเหรอคะ? แหวนแต่งงานเหรอคะ? "เธอถามออกมา ใบหน้ามนเริ่มมีรอยยิ้มน้อยๆ
"ขอหมั้นไว้ก่อนนะครับ...เรื่องแต่งงาน คงต้องบอกให้ทางผู้ใหญ่เขาตกใจกันเล่นก่อน...เพราะคงไม่ใช่งานที่เราจะจัดการกันเองได้แน่..." ถึงแม้ว่าจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่พวกเขาทั้งสองคนก็เพิ่งจะคบกันมาได้ไม่เท่าไร เรื่องของการแต่งงานนี่คงไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตแน่นอน เรื่องการเงิน จึงไม่ได้ซัพพอร์ตเอาไว้ตรงนี้ด้วย
" ถ้าพวกท่านทราบ คงดีใจแย่ .. แล้วแต่คุณเถอะค่ะ "ฮิโตมิสบตาอีกฝ่าย ใบหน้ามนแดงระเรื่อ
"ถ้าอย่างนั้น ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่าไหมครับ" คิโยโนบุชวนอีกฝ่ายใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทีดูมั่นใจ ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอกัน


...คงจะไม่ใช่ก้าวที่พลาด....

...เราจะก้าวต่อไป....


...................................................


ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ข่าวคราวกก็แพร่สะพัดไปทั่วถึง งานแต่งงานใหญ่ที่กำลังจะมีของสองตระกูลดังของเมืองระหว่างบ้านอิโนะอุเอะเจ้าของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง กับ บ้านอิชิดะซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของงานหัตถกรรมด้านเครื่องเคลือบ
 
"ไม่ทราบว่า ในเรื่องของอาหารนี่ จะเป็นอาหารฝรั่ง หรือ อาหารญี่ปุ่นดีคะ พิธีตอนเช้าก็เป็นแบบญี่ปุ่นแล้ว ... " เสียงเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ฝีมือดีที่จ้างมาถามว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองคนในมือก็เตรียมปากกา กับสมุดคอยจัดรายละเอียด
" เรื่องนี้แล้วแต่ทางเจ้าบ่าวเถอะค่ะ " ฮิโตมิหันไปทางว่าที่สามีของเธอเป็นการขอความคิดเห็น
"อืม...ถ้าจะยกให้เป็นหน้าที่ผมล่ะก็...." ชายหนุ่มก้มลงเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่เป็นรอยยิ้ม ราวกับพอใจอะไรบางอย่าง
"ผมว่าอาหารญี่ปุ่น ก็น่าจะดีนะครับ แบบประยุกต์ จะได้เหมาะกับสถานที่ด้วย เราจะจัดโรงแรมไม่ใช่เหรอครับ ไอซาวะซัง" ว่าพลางก็หันไปถาม คนจัดการเรื่องสถานที่
"ใช่ค่ะ... อาหารญี่ปุ่น เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันคิดว่า ก็พอดีเลย เพราะร้านอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรมนี้ขึ้นชื่อมาก"
 "ขอตัวไปจัดการเรื่องชุดก่อนนะคะ " ฮิโตมิกระซิบบอกคิโยโนบุเบาๆแล้วปลีกตัวไปอีกด้าน
"ครับ..." อิโนะพยักหน้ารับคำก่อนจะหันมาหา ไอซาวะซังอีกครั้ง "คือ ถ้าไม่เป็นการกระทันหันเกินไปผมก็อยากจะลองไปทานอาหารที่นั่นดู อยากจะให้คุณติดต่อในเรื่องของพ่อครัวที่จะทำอาหารในครั้งนี้ให้ด้วยน่ะครับ" ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม เขาชอบอาการญี่ปุ่นเป็นที่สุด


....ก็คงจะตั้งแต่ตอนนั้น....


"ได้ค่ะ ดิฉันจะจัดการให้" ไอซาวะรับคำก่อนจะขอตัวไปติดต่อกับพ่อครัวที่จะมาดูแลงานแต่งงานของสองตระกูลดังนี้

ชายหนุ่มเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องจัดเลี้ยง เพดานสูงมีโคมไฟระย้า ดูหรูหรา ทางด้านซ้ายเป็นระเบียงเปิดโล่งใช้ชมวิวรอบด้านได้อย่างดี ประตูบานหนึ่งถูกเปิดทิ้งเอาไว้ให้สายลมพัดอ่อนๆ กับเสียงของเมืองเล็ดลอดเข้ามาด้านใน แม้ไม่ใช่ความสงบแบบธรรมชาติเหมือนที่เคยได้สัมผัสตอนเด็กๆ แต่มันก็ สงบมากเลยทีเดียวหากให้เปรียบกับอีกหลายสถานที่ในเมืองใหญ่แบบนี้
" อิโนะอุเอะซัง " ไอซาวะเรียกว่าที่เจ้าบ่าวเมื่อเธอทำสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการเรียบร้อยด้วยการพาเชฟที่จะดูแลงานแต่งงานของเขามาพบ
"อ่ะ...สวัสดีครับ ผมอิโนะอุเอะ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ " ชายหนุ่มรีบก้มหัวลงทำการทักทาบตามมารยาท อีกมือก็ล้วงหานามบัตรพัลวัน
"โอโนเสะครับ " เสียงทุ้มของเชฟคนเก่งดังขึ้นพลางโค้งให้เช่นกัน แต่ต่างจากว่าที่เจ้าบ่าวตรงที่เขาไม่ต้องหานามบัตรให้
" นี่ โอโนะเสะซัง เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นมือดีที่จะมาดูแลอาหารในงานแต่งงานของคุณค่ะ " ไอซาวะเสริม
"โอโนเสะ?...." น่าแปลกที่ชื่อนี้มันฟังดูคุ้นๆหู และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มก็ต้องเลิกคิ้ว ร่างสูงของอีกฝ่าย กับดวงตารีเรียวนั่นมันดูคุ้นตาอย่างประหลาด
"เอ่อ...ขอโทษนะครับ โอโนะเสะ จุน.....ใช่ไหมครับ" เสียงนุ่มเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก
" ครับ?...คุณ.? "เชฟหนุ่มรับคำก่อนจะนึกชื่ออีกฝ่าย .. มันติดอยู่ที่ปากนี่เอง..
"คุณอิโนะอุเอะ..."ไอซาวะจะแนะนำต่อแต่ก็ต้องถูกขัดเมื่อเจ้าของชื่อเอ่ยชื่อขึ้น
"คิโยโนบุครับ...อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ...แปลกนะครับผมคุ้นชื่อคุณมากแต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน" ว่าที่เจ้าบ่าวชิงแนะนำตัวก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ
" เพราะชื่อคุณยาวมาก..เมื่อกี้ผมถึงนึกชื่อคุณออก... "เชฟหนุ่มเองก็ต้องหัวเราะออกมาเช่นกัน
"ชื่อผมยาว?..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ "แสดงว่าเรา...เคยเจอกัน? " เช่นเดียวกันกับอีกฝ่าย ใบหน้าของชายหนุ่มในชุดพ่อครัวแบบญี่ปุ่นสีขาวสะอาดตา กับ เครา จางๆที่ขึ้นอยู่กับผมที่มัดรวบนั้น ดูคุ้นมากเหลือเกิน แต่ในความทรงจำที่เขาจำได้นั้นมันอาจจะแตกต่างออกไป
"โรงเรียนมัธยมฮิกาชิ จำได้ไหม?"เชฟหนุ่มมีท่าทีสบายๆขึ้นทำให้ไอซาวะต้องโค้งเพื่อขอตัวออกจากบทสนทนาไปจัดการเรื่องอื่นๆต่อ
"ใช่...."ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะตาโตขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"อ๊ะ...ใช่แล้ว....โอโนะเสะ...จุน!"คิโยโนบุตีมือลงกับเข่าอย่างลืมตัว "นาย...เป็นยังไงมายังไงเนี่ย แล้วนี่เป็นเซฟ? ที่โรงแรมเนี่ยน่ะเหรอ..โอ้โห...ไม่น่าเชื่อเลยนี่มันผ่านไปกี่ปีแล้วเนี่ย"
"จำไม่ได้รึไง? ฉันเจอนายก็จำได้แล้ว ถึงจะใช้เวลานึกชื่อหน่อยก็เถอะ...ไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยนี่หว่า "เชฟหนุ่มหัวเราะกับท่าทางของเพื่อสมัยมัธยมของเขา
"ก็...นาย.." เมื่อเจอพูดเข้าแบบนั้นก็ต้องขายหน้ากับ ตัวเองที่เป็น คนขี้ลืม แม้ขนาดเพื่อนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่สนิทมากที่สุดอีกคนในสมัย มัธยมปลาย "นายเปลี่ยนไปมากเลยนี่นา..." คิโยโนบุขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อพิจารณาอีกฝ่ายเปรียบเทียบกับภาพที่จำได้ในความทรงจำที่เลือนลางครั้งอดีต
"ตอนนั้นนาย...ผมสั้นย้อมทอง...ใครๆก็บอกว่านายเป็นนักเลง มีแก๊งค์เป็นของตัวเอง ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาโรงเรียน.... ใครจะไปเชื่อล่ะว่าจะมาเป็นพ่อครัวแบบนี้"
"นั่นมันก็มีเหตุหรอกน่า " มือแกร่งที่ใช้ทำอาหารรสเลิศยกขึ้นกุมท้ายทอยตนเอง
"นายก็รู้..ว่าเพราะอะไร "
"นั่นซิ่ เพราะอะไร...อย่าบอกนะว่าเพราะเรื่องตอนนั้น" คิโยโนบุยิ้มออกมาเล็กน้อย เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหม่นแสง เมื่อนึกถึงความฝันที่ดับวูบลงไป
"ออกไปเดินในสวนดีไหม? "เชฟหนุ่มถามขึ้นมาลอยๆเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
"อืม...ก็ดีเหมือนกัน.."ชายหนุ่มว่าพลางก่อนจะหันไปมองทางหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น ใบหน้ายังคงค่ำเคร่งกับการเลือกแบบชุด "ทางนั้น คงอีกนานเลย" จุนหันไปตามสายตาของเพื่อนเก่า
" เธอ สวยดีนะ..เหมาะกับนายดี "เขาบอกออกไปแบบนั้น

 ..จะแปลกอะไร...อายุ 30 แล้ว…

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มน้อยๆ ฮิโตมิเป็น ผู้หญิงที่ดี น่ารัก และมีเสน่ห์ เอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยที่บางครั้งเขาอาจจะมองข้ามไป เธอน่าจะเป็นแม่ที่ดีให้ลูกของเขาได้
"เอาไว้...เธอเลือกชุดเสร็จก่อนก็แล้วกันฉันจะแนะนำนายให้รู้จัก... "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหันมามองหน้าของอีกฝ่าย สองมือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง "ไหนล่ะ พาไปดูสถานที่ทำงานหน่อยซิ่ เซฟใหญ่"
"ห้องครัวน่ะเป็นหัวใจของที่นี่เลยนะ เสียใจ คนนอกห้ามเข้า แต่ถ้าที่สวนล่ะก็ ฉันพานายเดินดูได้ ตามสบายเลยนะ "เชฟหนุ่มเดินนำอีกฝ่ายออกไปที่สวน


……………………………………………


"นาย.....ทำงานที่นี่มานานแล้วเหรอ " ดวงตาสีน้ำตาลของว่าที่เจ้าบ่าวมองไปรอบๆสวนแบบญี่ปุ่นใจกลางเมืองนั้นดูจะเป็นอะไรที่ขัดกันไปเสียหน่อย แต่ก็ดูเข้ากันอย่างมากกับคนที่ยินอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งดูแปลกตาไปก็เพราะชุดพ่อครัวแบบญี่ปุ่นที่ใส่อยู่หาใช่เสื้อเชิ๊ตหลุดๆลุ่ยๆเหมือนสมัยมัธยมไม่
"ตั้งแต่จบมัธยมปลาย พ่อก็เตะส่งมาฝึกงานที่นี่ กว่าจะได้เป็นเชฟจริงๆก็เพิ่งจะแปดปีมานี่เอง " หนุ่มผมยาวหลับตาลงรับลมเย็นๆที่ปะทะหน้า ปกติแล้วเขาต้องอยู่หน้าเตาและทำงานแข่งกับเวลาเสมอ เพิ่งจะมีตอนนี้ที่ได้ผ่อนคลายบ้าง
"ดีจังเลยนะที่ได้เจอกันอีก...ในโอกาสแบบนี้" เสียงของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆดังขึ้น แผ่วเบา รู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านผิวกาย คงไม่ใช่เขาอีกแล้วที่ได้พุ่งผ่านม่านอากาศไปจนถึงเส้นชัย
" อืม... "

....ฉันคงดีใจกว่านี้...ถ้านายไม่ได้กำลังจะแต่งงาน...



############to be con...

p.s. ไรเตอร์ขออนุญาติปรับเปลี่ยนเล็กน้อยค่ะ (เกิดจากความผิดพลาดในการโพสต์ของไรเตอร์เอง ขอโทษผู้อ่านที่เข้ามาอ่านก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ )
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2010 03:05:03 โดย goldfishpka »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ว้าว ว้าว ว้าว รักแรกสมัยมัธยมปลาย ของพ่อครัวหนุ่มรูปหล่อ กับ ครูพละสุดเทห์
เอ๋ น่าสนใจจังว่าแต่คิโยจังรู้ตัวอ่ะป่าวหว่า ยินดีต้อนรับเรื่องใหม่คร้าบบบบ :mc4:
อัพบ่อยๆนะคับ อยากรู้อดีตของคู่นี้ แตสถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย คิโยจังกำลังจะแต่งงาน
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
รักแรกเหรอเชฟ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
:pig4: :L2: ขอบคุณคอมเม้นต์นะคะ  กอดคนเข้ามาอ่าน   :กอด1:
ไรเตอร์จะพยายามอัพให้ได้ทุกวันค่ะ...เอาล่ะ ไปตามกันต่อดีกว่า ว่าเรื่องของ ครูพละกับเชฟหนุ่มจะเป็นยังไงต่อไป...

#####################


"ว่าแต่พ่อครัวใหญ่ของเราวันนี้มีอะไรแนะนำบ้างครับ...อาหารที่เหมาะกับงานมงคลของเพื่อนเก่าคนนี้"

คิโยโนบุตบมือเข้ากับ ขาทั้งสองข้างก่อนจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

"ยังเรียก...จุน...ได้อยู่ใช่ไหม" อาจารย์หนุ่มถามเพราะเมื่อก่อนอีกฝ่ายจะดูหงุดหงิดทุกครั้งที่อาจารย์ขานชื่อ โอโนเสะ จุน หรือ แม้แต่ใครๆ ที่จะเรียกเขาว่า จุน ก็จะให้เปลี่ยนเป็น เรียกว่า "เจ" ซะทุกคนไป

"เมื่อก่อนล่ะไม่เคยถาม อยากจะเรียกยังไงก็ตามใจเถอะ " ท่าทางเกรงใจของอีกฝ่ายทำให้เชฟหนุ่มต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ท่าทางกับคำพูดแบบผู้ใหญ่นั่นมันช่างขัดกับหน้าตาที่ดูไม่เหมือนคนอายุ 30 ซักเท่าไหร่
"หัวเราะอะไร" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องเล็กน้อย "หรือจะให้เรียก จุนจัง....ป่านนี้แล้ว คงไม่เหมาะหรอกจริงไหม"
" เดี๋ยวว่าที่ภรรยานายจะได้มาฟ้อนเล็บใส่กันพอดี แล้วพาลจะไม่ได้เมียก็คราวนี้ล่ะ "เชฟหนุ่มยักคิ้วให้อีกฝ่าย
"ทำไม ฮิโตมิ จะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ" คิโยโนบุ เลิกคิ้วเล็กน้อย เหมือนเขาจะตามคำพูดของชายหนุ่มร่างสูงไม่ทัน

...เอ๊ะ ฟังอะไรตกไปหรือเปล่านะ ทำไมถึงพูดแบบนั้น? ...

" ว่าแต่...อยากได้อาหารแบบไหนล่ะ สำหรับงานของนาย "เจเดินไปอีกด้านของสวน นำหน้าเจ้าของงาน
"อืม.. อาหารที่วางลงไปบนจานเครื่องเคลือบสีหม่นๆแล้วมันจะสะดุดตาออกมาล่ะมั้ง " ด้วยความที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับฝ่ายพ่อตามามากพอสมควร เขาจึงจำคำที่ว่าที่พ่อตาสอนเอาไว้ได้อย่างดี

....จานไม่ใช่เป็นเพียงภาชนะ แต่มันคือที่แสดงออกถึงหัวใจของนักปั้นและคนครัว...


" แบบ fusion food ก็เป็นที่นิยมนะช่วงนี้ อย่างอาหารญี่ปุ่น จัดจานแบบอาหารฝรั่งเศส อะไรแบบนั้น "เจเสนอขึ้นมา จากข้อมูลของงานแต่งงานที่ไอซาว่าให้กับเขามา ทำให้เขารู้สึกว่าคงเป็นงานแต่งงานที่เป็นทางการมาก แต่อะไรที่ดูเป็นพิธีการมากไปก็อาจจะทำให้มันไม่เหมือนงานแห่งความสุขซักเท่าไหร่
"อืม แบบนั้นก็ท่าจะดี แขกของฝั่งนั้น ก็มีทั้งที่อาวุโสน้อยคละกันไป ได้เห็นอะไรที่เป็นทั้งของดั้งเดิม และสมัยใหม่ ร่วมกันไปก็น่าจะดี" ชายหนุ่มเจ้าของงานพยักหน้าเห็นด้วย สีหน้าดูพอใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย
"ดีจริงที่ ได้เชฟเป็นเพื่อนเก่าแบบนาย"
เจได้แต่หัวเราะในคอ จะรับก็ไม่เชิงเสียทีเดียว

"ฉันเลิกงานสองทุ่ม ... วันนี้ว่างรึเปล่า? "เจเปลี่ยนเรื่อง
"ก็...ว่างนะ ไปส่งฮิโตมิที่บ้านคุณแม่ ก็โอเคแล้วล่ะ เห็นว่าจะไปลองชุดกิโมโนอะไรกันด้วย ช่วงนี้ เขาจะวุ่นๆเรื่องนี้น่ะ ฉันก็ว่างล่ะ "คิโยโนบุรับคำพลางยิ้ม เมื่อนึกถึงท่าทีเจ้าอารมณ์เล็กๆที่ ฮิโตมิเริ่มเป็น ในช่วงก่อนแต่งงาน คุณแม่ของเขาก็เตือนอยู่เหมือนกัน

....ว่าที่เจ้าสาวน่ะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ...ยังไงก็อดทนหน่อยนะ ...

"ไปดื่มกันไหม? ฉันรู้จักร้านดีๆ พอดีรุ่นพี่เขาแยกไปเปิดร้านน่ะ "หนุ่มผมยาวหันมาถามเพื่อนเก่าด้วยใบหน้าที่ดูจะยิ้มแย้มขึ้นเล็กน้อย
"อื้ม แบบนั้นก็ดีนะ...ที่ไหนล่ะ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของอีกฝ่าย ท่าทางชอบใจกับไอเดียนี้ไม่น้อย
นามบัตรของร้าน Kamikawa ซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่รุ่นพี่ของเจไปเปิดอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก และกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ถูกส่งให้กับหนุ่มผมสีน้ำตาล
"ชักอยากไปแฮะ...ตั้งแต่เป็น ครูบาอาจารย์กับเขานี่ไม่ค่อยได้ไปดื่มที่ไหนเลย...ดีล่ะ มีเพื่อนไปแล้ว" ชายหนุ่มรับนามบัตรไปดูที่ตั้ง "อืม ไม่ไกลมากด้วย โอเค เลย"
"แล้วเจอกัน " เชฟหนุ่มว่าก่อนจะดูนาฬิกา" คงต้องไปแล้วล่ะ ไว้เจอกัน "

แผ่นหลังกว้างภายใต้ชุดชองเชฟสีขาวท่ามกลางสวนของโรงแรมทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกไปเจ...เปลี่ยนไปจากสมัยมัธยม พอสมควรเลยทีเดียว

"เออนี่...จุน" เสียงดังจากด้านหลังเรียกความสนใจให้ร่างสูงหันกลับมามอง เชฟหนุ่มหันมาตามเสียงเรียก "ดีใจที่ได้เจอนายอีกนะ"ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม ก่อนจะโค้งให้อีกเล็กน้อย แล้วเดินไปอีกทาง เพื่อกลับเข้าไปหาว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง ท่าทางของว่าที่เจ้าบ่าว ทำให้เจต้องยิ้มออกมาแล้วกลับไปทำงานของตนเองต่อเช่นกัน

.................................


ในตอนหัวค่ำของวัน ชายหนุ่มเดินเข้ามาในร้านอาหารกึ่งผับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของร่างในชุดเสื๊อเชิ๊ตสีอ่อนกับกางเกงสแล็คมองไปรอบๆร้านราวกับจะสำรวจ และมองหาคนที่นัดเขาไว้
"ทางนี้โว้ย "
เจโบกมือเรียก ลักษณะการแต่งตัวของเชฟหนุ่มซึ่งตอนนี้สวมเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์และผมที่รวบเอาไว้อย่างเรียบร้อยนั้นถูกปล่อยออก ดูไม่คุ้นตาเข้าไปใหญ่เลย
"โหย เกือบจำไม่ได้...นายนี่เปลี่ยนลุคได้เรื่อยจริงๆเลยนะ"ชายหนุ่มว่าพลางเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
"ก็แค่นึกอยากจะเปลี่ยน ..สั่งอาหารให้แล้ว ขี้เกียจนั่งลุ้นเมนูพิสดารของนาย " เจสั่งอาหารให้เสร็จสรรพไปนานแล้ว และเมื่ออิโนะมานั่งเครื่องดื่มและอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรู้งาน
"พิสดารอะไร...พิสดารนั่นต้องนายไม่ใช่เหรอ...ทำมาให้กินได้..."คิโยโนบุหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายเมื่อนึกถึงคำจำกัดความของคำว่าพิสดาร
"แต่นายก็กิน ไม่เคยท้องเสียด้วย นั่นเพราะฉันมั่นใจ.. "เจยักคิ้วใหัอีกฝ่าย"ว่านายกินได้ทุกอย่าง "
"พูดแบบนี้หลอกด่ากันนี่หว่า"คิโยโนบุชกไหล่อีกฝ่ายเบาๆ "ปากเสียแบบนี้ล่ะนะ...กับท่าทางแบบนั้น ชาวบ้านเขาถึงได้กลัวกันน่ะ"
" ฮะ ฮะ ฮะ..ก็มีนี่คนนึงล่ะที่ไม่กลัว "บรรยากาศเดิมๆต้องกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ท่าทางสบายๆ พร้อมกับอาหารและเบียร์
"ที่ไม่กลัวเพราะว่าตกใจมากกว่า ตอนแรกที่ได้คุยกับนายน่ะ" ชายหนุ่มพูดพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่ม
"ฉันต่างหาก..ที่ตกใจ..เรื่องนั้น ถ้าไม่ใช่... "หนุ่มผมยาวก้มหน้าลงเล็กน้อย  เขาได้ยินมาว่าว่าที่เจ้าบ่าวเป็นอาจารย์ นั่นคงเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้คิโยโนบุไปถึงเป้าหมายไม่ได้
"เรื่องมันนานมาแล้ว จุน...ฉันเองก็ยังเดินได้วิ่งได้ปรกตินี่นา..."เขารู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร ภายในจิตใจนึกย้อนไปถึงตอนเย็นวันนั้นหลังเลิกซ้อมจากชมรมที่เขากำลังจะเดินกลับบ้าน มันเป็นฤดูร้อนที่ในอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันแข่งขันระดับอินเตอร์ไฮ  
" แต่...นายก็วิ่งแข่งกับสายลมไม่ได้อีกแล้ว "หนุ่มผมยาววางแก้วเบียร์ลงกับโต๊ะ
"แต่ฉันก็ยังวิ่งไปกับเด็กๆได้..."คิโยโนบุหัวเราะเบาๆ ดวงตาแฝงความเศร้าเล็กๆ เขาพยายามจะลืมมันไป "แล้ว...ฉันเสียสิ่งหนึ่งไป ฉันก็ได้สิ่งหนึ่งมาไม่ใช่รึไง...เพื่อน" ชายหนุ่มว่าพลางหันไปยกแก้วให้กับอีกฝ่าย
" นายไม่ได้อยากเป็นครู นายอยากจะไปให้พ้นจากเงาของพ่อ..นายเคยบอกฉัน " เส้นผมสีดำที่ปกคลุมใบหน้าเรียวถูกเสยออกเบาๆ เมื่อหันมาสบตา" ฉันทำให้นายไปไม่พ้น "
"จุน...นี่นายเป็น คนคิดมากไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย....แต่พอคิดไปคิดมา...เราก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วนี่นะ"ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพยายามจะทำให้มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่นๆ ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดย้ำถึงเรื่องในอดีตแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง ดูอีกฝ่ายจะมีท่าทางแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ได้คุยกันเมื่อช่วงบ่าย
" ใช่....ตั้ง 12 ปีแล้ว " ท่าทางที่ไม่คิดมากอะไรนักของอาจารย์พละหนุ่มทำให้เจต้องยิ้มออกมา
"เอาน่า มันผ่านไปแล้ว และฉันก็ดีใจ ที่นายเป็นคนทำ...เพราะถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่มาดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำฉันหรอกใช่ไหม" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอียงคอมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย
  " พูดเหมือน ฉันทำนายท้องอย่างงั้นล่ะ ฮะ ฮะ ฮะ " คำพูดที่อิโนะพยายามทำให้เขาสบายใจทำให้เขารู้สึกขำไม่น้อย
"อ้าว นี่ความประทับใจนะ มีคนหน้าตาอย่างกับยากุซ่ามานั่งทำอาหารพิสดารให้กินทุกวันเนี่ย"
" แต่ก็ถือว่าเป็นความดีของนายนะ ที่ทำให้ฉันกลายเป็นเชฟมือดี .. ดื่มให้นาย " เจเทเบียร์ใส่แก้วก่อนจะดื่มให้อีกฝ่าย
"ไม่หรอก...ฉันไม่ได้ทำอะไรตอบแทนนายเลยซักอย่าง" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลส่ายหน้าช้าๆก่อนจะยกแก้วขึ้นชนแก้วกับอีกฝ่าย
" แค่เป็นแรงบันดาลใจให้....นั่นก็มากพอแล้ว ขอบใจมาก "ดวงตารีสบตาอีกฝ่ายนิ่ง มันเป็นประกายอีกแบบ
"อ่ะ....เล่นพูดซะแบบนั้น คนฟังเขินเว้ย" คราวนี้คนหลบตาคงกลายเป็นคิโยโนบุแทน ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด "มา...ดื่มอีกดีกว่า....ให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันมานาน"
"ดื่มมากไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ต้องทำงานอยู่นะ นายเองก็จะไปสอนเด็กทั้งๆที่เหม็นเหล้าหรือไง? "มือแกร่งนั้นจับมือที่กำลังจะรินเบียร์เอาไว้
"ข้าราชการครับ พรุ่งนี้วันเสาร์" ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "มอมเหล้าพ่อครัวคงสนุกดี..."
"มอมไปทำมิดีมิร้ายรึเปล่าล่ะ? "เจยักคิ้วให้อีกฝ่ายอย่างกวนๆ เหมือนกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน
"อา...ถ้าฮิโตมิรู้คงโดนฟ้อนเล็บ...."ในตอนนั้นเองคำพูดที่อีกฝ่ายเคยพูดไว้เมื่อตอนกลางวันก็หวนกลับเข้ามาในห้วงความคิด 

...อ่ะ..หมายความว่ายังไงกันแน่นะ...

"ทำไม่เป็นหรอก มิดีน่ะ แต่มิร้ายน่ะทำเป็น เพราะเป็น คนดี..." เมื่อเจออีกฝ่ายเล่นคำเขาก็เล่นคำกลับบ้าง
"สมกับเป็นครูจริงๆเลยนายน่ะ " เจว่าก่อนจะหัวเระาออกมา"มุขมีการศึกษาเนี่ย ไม่รู้เรื่องแฮะ "
"อ้าว เป็นงั้นไป... เอาเถอะ ไม่อยากดื่มไม่ต้องก็ได้...ยังมีเวลาอีกเยอะนี่นา...อย่างน้อยก็ช่วงนี้ใช่ไหม"
" ใช่..อย่างน้อยก็ช่วงนี้ละ "เจชนแก้วกับอีกฝ่าย


..................................


12ปีก่อน....


โรงเรียนมัธยมฮิกาชิ เป็นโรงเรียนมัธยมประจำเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของชมรมกรีฑา ที่มักจะทำผลงานที่ดีมาโดยตลอด และในปีนี้ เป็นปีสุดท้ายและเป็นปีความหวังของโรงเรียนที่จะได้คว้าแชมป์การแข่งขันอินเตอร์ไฮอีกครั้งหนึ่งด้วยฝีเท้าของดาวเด่นของชมรม

....อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ....สปริ้นเตอร์ระยะ 100เมตร ที่ทำความเร็วได้อย่างน่าตกใจจนมีชื่อเป็นที่รู้จักไปจนถึงในการแข่งขันระดับจังหวัด เด็กหนุ่มมักจะซ้อมจนถึงเย็นเสมอๆ ร่างของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่วิ่งฝ่ากำแพงลมไปนั้นเป็นภาพที่คุ้นตาของใครหลายๆคน และดูจะเป็นภาพที่น่าชื่นชมในสายตาของเหล่าครูบาอาจารย์ไม่น้อยเลยทีเดียว

และเป็นธรรมดาของโรงเรียนมัธยม ต่อให้ดีแค่ไหนก็ต้องมีเด็กอีกประเภท ที่ครูมักจะเรียกว่า " เด็กเหลือขอ " เช่นกัน เด็กกลุ่มนี้ชอบนักที่จะขี่มอร์เตอร์ไซค์คันใหญ่ไปตามท้องถนน ไม่ว่าจะขี่มาโรงเรียน หรือจะแข่งขันกัน แลกเงินเดิมพันต่างๆ และหลายต่อหลายครั้งที่สร้าง “ชื่อเสีย”ให้กับโรงเรียนเช่นกัน
มอร์เตอร์ไซค์คันใหญ่สีน้ำเงินถูกจอดไว้ที่ประจำข้างโรงเรียนโดยที่ถูกดูแลจากร้านฝั่งตรงกันข้าม ด้วยบุญคุณหรือความแค้นใดก็ไม่ทราบ

....โอโนะเสะ จุน ......

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กัดเส้นผมเป็นสีทองเด่นสะดุดตา อย่างไม่กลัวใคร ดูจะขัดกับชุดนักเรียนของโรงเรียนฮิกาชิ เหลือเกิน
ใครกันจะไปเชื่อว่าสองความแตกต่างนี้จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกัน แต่ก็นั่นเองด้วยความแตกต่างนั้นที่ราวกับจะกั้น คนทั้งสองคนจึงไม่เคยเลยแม้แต่จะได้คุยกันตลอดระยะเวลา 3ปี ที่รวมชั้นกันมา 

....ก็อยากจะลองวิ่งผ่านลมไปด้วยเครื่องยนต์แบบนั้นเหมือนกัน....

บางครั้งความคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้นในหัวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเมื่อมองเห็น เพื่อนที่ใครๆต่างก็เรียกว่า "เจ" นั้นบิดมอเตอร์ไซค์คันโตออกไปจากร้านฝั่งตรงข้าม จุดมุ่งหมายนั้นหรือก็สุดแต่จะคาดเดา การใช้ชีวิตของเพื่อร่วมห้องที่ไม่เคยคุยกันคนนี้ ดูจะเป็นปริศนา สำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไปยังจุดใด

....เส้นชัย...
 
" อิโนะอุเอะซัง " เสียงของผู้จัดการทีมสาวสวยดังขึ้นดึงความสนใจจากดวงตาสีน้ำตาลที่มองออกไปนอกรั้ว ยังบริเวณที่รถมอร์เตอร์ไซค์คันนั้นจอดอยู่
" น้ำกับผ้าค่ะ ... ทำเวลาได้ดีมากเลยค่ะ มีลุ้นอินเตอร์ไฮแน่ๆ "
"อืม ขอบใจนะ เอริกะจัง..." เด็กหนุ่มยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะ หยิบผ้ามาซับเหงื่อ
" พวกแยงกี้ ... คนนั้น เพื่อร่วมชั้นของ อิโนะอุเอะซังนี่คะ? " เอริกะมองตามทีๆนักวิ่งหนุ่มมองอยู่เมื่อครู่
ตัวโต ผมสีทอง ขวางโลก .. น่ากลัวสำหรับเธอเป็นที่สุด
"อื้ม...แต่ไม่เคยคุยกันหรอก... ว่าแต่เวลาเมื่อกี้เท่าไหร่ " ว่าพลางก็ตัดบทโดยการก้มลงไปมองนาฬิกาจับเวลาที่อีกฝ่ายถืออยู่ในมือ
" 11.8275 ค่ะ "
"เหรอ...สงสัยหน้าร้อนนี้ คงต้องซ้อมกันหนักแน่เลย " เมื่อได้ยินเวลาที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรนักเด็กหนุ่มก็ต้องส่ายหน้า เขาอยากไปให้ได้เร็วกว่านั้น ผ่านสายลมไปให้ได้เร็วกว่านั้น


………………………………………….


" แล้วเจอกันพร่งนี้นะคะ รุ่นพี่ "กลุ่มเด็กสาวแฟนคลับของคิโยโนบุตะโกนเรียกนักวิ่งหนุ่มเมื่อเขากำลังเดินออกไปนอกประตู
"ครับ" เสียงตอบกลับดูไม่สดใสเหมือนทุกวัน ด้วยภายในใจกำลังว้าวุ่นกับเรื่องของเวลาที่ทำได้และเวลาที่ใกล้เข้ามา 



...เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงอินเตอร์ไฮแล้ว....
....ยังทำได้ไม่ดีเท่าไร ทั้งๆที่จะมีแมวมองมาดูมากมาย...
...แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไร....



ช่วงขาเหนื่อยล้าเดินทอดน่องไปเรื่อย เช่นเดียวกับความคิดที่ล่องลอยไป สัญญาณไฟตรงหัวมุมถนนกำลังจะเปลี่ยนเป็นเขียวให้คนเดินข้าม และเมื่อเห็นว่าสัญญาณนั้นเปลี่ยนแล้วก็เดินข้ามทางม้าลายตรงไปยังทางกลับบ้านเหมือนทุกวัน


----- เอี๊ยด----------
-----------โครม!!!!!!!-----------




เสียงเบรกดังลั่นบริเวณตามด้วยเสียงวัตถุบางอย่างชนกัน
ภาพของหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ถูกชนล้มไปอีกทางกับมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินคันใหญ่ที่คนขับที่กลิ้งไถลไปอีกทาง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และจบลงด้วยความตื่นตะลึง และเสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น

ความมึนงงคือสิ่งแรกที่คิดออกเมื่อเปิดตาอีกทีก็เจอกับท้องฟ้ายามเย็น ที่เมื่อครู่ยังเห็นอยู่ในอีกระนาบหนึ่ง


...เกิดอะไรขึ้น....

คนที่นอนอยู่คิด แต่ก็ได้แค่คิด เพราะ รู้สึกปวดร้าวไปหมด จะไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะเป็นที่ ขาซ้าย


...เกิดอะไรขึ้น???...
เขาพยายามจะขยับลุก

" อิโนะอุเอะ!! อยู่เฉยๆนะอย่าเพิ่งขยับ เรียกรถพยาบาล!! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที!!!! " อาจารย์ห้องพยาบาลรีบวิ่งมาดูนักวิ่งของโรงเรียนทันที ก่อนจะเรียกให้คนที่อยู่แถวนั้นเรียกรถพยาบาล
"อยู่เฉยๆจ๊ะ เธอไม่เป็นไรหรอก...ตั้งสตินะ มองหน้าครูเอาไว้!! "

ดูเหมือนทุกคนจะให้ความสนใจกับนักวิ่งหนุ่มมากว่าคนที่ขับรถชนซึ่งก็ดูจะเจ็บเช่นกันเพราะคนที่ถูกชนเป็นถึงความหวังของโรงเรียนในขณะที่อีกคน เป็นแค่ เนื้อร้ายของโรงเรียนที่ใครก็อยากตัดทิ้งทั้งนั้น

"ไม่เป็นไร....."ด้วยความมึนงง เด็กหนุ่มหันซ้ายเหลียวขวา ก่อนตาจะไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่หน้าขาของตัวเอง เลือดกองโต กับกระดูกสีขาวที่เคยเห็นเพียงแค่ในหนังทีวีน่ากลัว
"ผม.....ผม........" เนื้อตัวเริ่มสั่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ความเจ็บปวดแล่นลามสะท้านไปทั่วทั้งร่างกายยากเกินจะทานทน


...นั่นขาใคร...นั่นขาใคร....ไม่ใช่แน่ๆ...ไม่จริงใช่ไหม....


"ไม่............................" เสียงร้องลั่นนั่นเป็นเสียงของความเจ็บปวดที่ออกมาจากจิตใจ ดังสะท้อนเข้าไปถึงใจของใครหลายๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รถพยาบาลเร่งมาในที่สุด เด็กหนุ่มถูกหามส่งโรงพยาบาลเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มอีกคนที่แพทย์ยืนยันให้ไปรับการตรวจพร้อมๆกัน


..................................to be con

P.S. ต้องขอโทษรีดเดอร์ทุกท่านด้วยค่ะ ถ้าเข้ามาก่อนหน้าการแก้ไข แล้วพบว่าข้อความขาดหายไป
เนื่องจากอินเตอร์เน็ตของ p.k.a ย่ำแย่มากค่ะคืนนี้...ของแรงจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2010 21:56:41 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
"กระดูกขาหัก...ดามเหล็กและพักให้กระดูกติดกัน....ซักสามเดือนนะครับ แล้วก็ต้องทำกายภาพด้วย" เสียงคุณหมอว่าพลางมองดูภาพเอ๊กเรย์ของกระดูกที่หักแทงเนื้อออกมาด้านนอก ก่อนจะมองลอดแว่นสายตามายังเด็กหนุ่มที่ดูเหม่อลอยที่เขาเป็นเจ้าของไข้
"แล้วถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เขามีเพื่อนคุยด้วยนะครับ คุณแม่" ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ได้แต่พยักหน้า มือก็ลูบไหล่ลูกชายเบาๆ เด็กหนุ่มยังไม่ยอมใช้ไม้ค้ำเพื่อช่วยเดิน ความสดใสดูจะหายไปจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้

....หลุดลอยไปแล้ว....
....ความฝัน....


"คิโยจัง เดี๋ยวแม่มานะ" เสียงคุณแม่ว่าเมื่อเข็นรถพาลูกชายออกมาที่ทางเดินในโถงของโรงพยาบาล

...................


ภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ที่ห้องโถงอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มร่างใหญ่ผมทอง .. คนที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตลอดเวลา..

... ขอโทษ....

เขาอยากจะเดินเข้าไปบอกแบบนั้น แต่ก็ไม่กล้า ยิ่งดวงตาสีน้ำตาลที่มักจะมีความหวังเสมอกลับดูเลื่อนลอยแบนั้น มือที่เป็นแผลถลอกต้องจับแผลผ่านผ้าพันแผลนั่นเบาๆ .. ยิ่งเครียดเขาก็ยิ่งเจ็บที่แผล..ดวงตารีที่มักจะมองใครต่อใครด้วยสายตาแข็งกร้าวเหลือบเห็นบุรุษพยาบาลที่เข็นรถให้ผู้ป่วย จึงทำให้เกิดความคิดบางอย่าง เขาเดินไปขวางบุรุษพยาบาล พลางทำตาขวางใส่ทำเอาคนที่ถูกขวางต้องหน้าซีดเลยทีเดียว
 

" ขอโทษนะครับ .. จะไปที่ไหนครับ ผมช่วยเข็นให้ " เด็กหนุ่มผมทองพยายามทำเสียงนิ่งๆแบบผู้ใหญ่แล้วเดินไปด้านหลังของรถเข็นของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล มือแกร่งจับที่แฮนด์รถเข็นไว้ดันไปด้านหน้าเบาๆ
"อ่ะ...."เสียงดังขึ้นตกใจเล็กน้อย ก่อนที่คนที่นั่งอยู่จะพิงตัวลงมาเหมือนเดิม
"ดาดฟ้าได้ไหมครับ ผมอยากรับลม" โดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
" ได้ครับ "

ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก จนกระทั่งเด็กหนุ่มผมทองได้พาคนที่เขาชนมาถึงดาดฟ้าของโรงพยาบาล

" ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะครับ  "บุรุษพยาบาลตัวปลอมเสนอขึ้นมา

...นายคงจะไม่..ฆ่าตัวตายหรอกนะ...


เด็กหนุ่มมองร่างบางของคนป่วยจากด้านหลังพลางคิดแบบนั้นด้วยความเป็นห่วง

"เย็นดีนะครับ" เด็กหนุ่มบนเก้าอี้รถเข็นกับเฝือกหนาที่ขาซ้าย เอ่ยขึ้นเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปิดลงรับลมฤดูร้อนที่พัดผ่านมา เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนขยับไหวไปตามแรงลม

"โอโนเสะคุง...ใช่ไหม...."



" .............................. " ชื่อของเขาที่ถูกเรียกออกมาดูแปลกหู ในเมื่อพวกเขาไม่เคยคุยกันมาก่อน ทำไม.." รู้ด้วยรึไง? "หนุ่มผมทองพยายามทำเสียงกวนประสาทเสียงดังๆ แบบที่เขาชอบขู่ใครต่อใครนัก
"ห้องเดียวกันมาตั้งสามปี เสียงก็ต้องเคยได้ยินบ้างใช่ไหม" แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตกใจอะไรนักกับเสียงดังของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มยังไม่ได้หันมามองหน้าบุรุษพยาบาลจำเแลงคนนี้
" หมอว่าไงล่ะ? "หนุ่มผมทองเข้าประเด็นที่เขาอยากรู้
"พักสามเดือน"เสียงนุ่มที่ดังขึ้นสั่นเล็กๆ มือที่จับที่พนักเก้าอี้กำแน่น มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็อดโกรธ และเสียดายโชคชะตาไม่ได้
"แล้ว..ไงอีก.. "อันธพาลประจำห้องพยายามทำเสียงเรียบ ทั้งๆที่ในใจของเขากำลังเบาโหวง
"ก็....ทำกายภาพ แล้วก็บอกให้หาเพื่อนคุยด้วย" เด็กหนุ่มหันกลับมามองหน้าของ ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเมื่อต้องกับแสงแดด
"ทำตามที่บอกเมื่อกี้ได้ไหม"
"ช่วยทำกายภาพไม่เป็นโว้ย ... ไม่ใช่หมอ ทำได้ไงเล่า "ดวงตารีหันไปมองอีกทาง เขาไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆเลยและถึงจะทำให้คิโยโนบุหมดอนาคต เขาก็ยังพูดเสียงดังใส่อยู่ดีนั่นแหละ
"เปล่า....ไม่ใช่" มือที่ยังมีรอยถลอกเช่นกันแตะบนท่อนแขนที่ยังมีผ้าพันแผลของอีกฝ่ายเบาๆ
"ที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนน่ะ..." อันธพาลประจำห้อง ชักแขนตนเองออกอย่างตกใจพลางทำหน้าตาตื่นอย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็น
" เฮ้ย..ฉันไม่ได้ทำนายหัวกระแทกนะโว้ย หมอตรวจรึยัง? "ช่วงขาเรียวขยับออกห่างรถเข็น

... บ้ารึเปล่าวะ? ..เพื่อนคุย?...ฉันเนี่ยนะ!?...


"ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...ถือว่าฉันบ้าซะที่คิดว่านั่นคงจะดี เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเรารู้สึกยังไง นอกจากพวกเราเอง" ในทีแรกที่รู้ว่าเป็นอีกฝ่ายที่เข้ามาเข็นรถ ตอนแรกที่นึกตกใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะขู่ว่า ไม่ให้เอาเรื่องที่เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนชน แต่ตรงกันข้าม เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายบอกว่า อยากให้อยู่เป็นเพื่อนไหม ...นั่นก็อธิบายอะไรได้หลายอย่างแล้ว
"ฉันแค่..ไม่นึกว่า...นายอยากจะได้เพื่อนเลวๆแบบฉัน "คนก่อเรื่องถอนหายใจออกมาก่อนจะล้วงหาบุหรี่
"อย่างน้อยนายก็ยังมา จริงไหม" คิโยโนบุหันมายิ้มให้กับอีกฝ่าย " คนเลวในความคิดฉัน คือต้องมาขู่ว่า "อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ" ว่าพลางก็ทำหน้าดุๆล้อเลียน
"ถ้านายทำหน้าอย่างกับจะฆ่าตัวตายแบบเมื่อกี้ ฉันทำแน่ล่ะ จะซ้อมให้น่วมเลยด้วย "หนุ่มผมทองทำหน้าโหดใส่อีกฝ่าย เมื่อนักวิ่งคนดังทำหน้าล้อเลียนเขา ก่อนจะต้องหันไปอีกทางเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น
"ตกลงนะ...จะอยู่เป็นเพื่อนใช่ไหม... หน้าร้อนนี่คงน่าเบื่อแย่เลย ก็ซ้อมวิ่งไม่ได้แล้วนี่...แล้วจะบอกให้ ฉันไม่อยากอยู่โรงพยาบาลนานนักหรอก"
" เออ .. ตามใจๆ ว่าแต่แม่นายไม่ตามหาแย่แล้วรึไง กลับได้แล้วๆ "หนุ่มผมทองตัดบทแล้วถือวิสาสะเข็นรถพาคนเจ็บกลับไปส่งที่เดิม
"ก็นายพามาเอง...ฉันผิดตรงไหนเนี่ย" อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ร่างสูงเข็นรถของเขากลับลงไปข้างล่าง


………………………………..


"คิโยโนบุ! ..." คุณแม่ปราดเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นๆ เมื่อหันมาอีกทีก็ไม่เห็นรถเข็นของลูกชาย และถามหากับใครก็ไม่มีใครบอกให้เธอรู้เอาเสียเลย  "ไปไหนมาลูก แม่ตามหาแทบแย่" ว่าพลางก็จับเนื้อตัวลูกชาย ราวกับจะสำรวจ พอได้ข่าวว่าลูกชายคนโตของที่บ้านประสพอุบัติเหตุ หัวใจของเธอก็แทบจะแตกสลายแล้วอยู่ๆยังจะหายไปจากล็อบบี้ของโรงแรมแบบนี้อีก เธอเที่ยวตามหาตัวลูกชายอย่างกับคนบ้าเลยทีเดียว
"ผมไปบนดาดฟ้ามาครับ...แล้วนี่ก็เอ่อ...โอโนเสะคุง"ว่าพลางก็เอี้ยวตัวไปมองหน้าร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเล็กน้อย เด็กหนุ่มผมทองกำแฮนด์รถเข็นแน่น จนสั่น ก่อนจะโค้งให้คุณแม่ของคนเจ็บเสียต่ำ

....โอโนเสะ?.....

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น หากว่าจำไม่ผิดชื่อของคนที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลและชื่อเจ้าของรถนั้นเป็นลูกชายของร้านอาหารญี่ปุ่นในเมือง ขึ้นชื่อว่าเกเรสำมะเลเทเมา มีชื่อเสียสะสมเป็นหางว่าว ทำไมถึงมายืนอยู่ข้างหลังลูกชายของเธอได้ ทั้งๆที่เป็นคนทำให้ลูกของเธอเจ็บขนาดนี้แท้ๆ!
"สวัสดีจ้ะ...อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ " เสียงที่ถามไถ่อาการออกไปนั้น พยายามทำให้เป็นปรกติที่สุด ดวงตาที่มองอีกฝ่ายนั้น ไม่ต้องสังเกตสังกาอะไรมากก็เห็นได้ว่า เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
" ก็ไม่..เป็นอะไรมากครับ "ดวงตารีหันหน้าไปอีกทาง เขาอึดอัดและหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่  ไม่ว่าใครก็ตาม และยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว...
"เรื่องค่ารักษาพยาบาล ถ้าทางบ้านเธอยังไม่มาล่ะก็ ทางนี้จะจัดการให้ก่อนก็ได้นะ...แล้วคราวหน้าคราวหลัง ก็ดูกฎจราจรให้มันดีๆก่อนที่จะหัดขับรถล่ะ...."
"คุณแม่ครับ...นี่โอโนเสะ จุน..เขาเป็นเพื่อน...ของผมนะครับ" แต่ยังไม่ทันที่คุณนายอิโนะอุเอะจะได้พูดอะไรต่อคนเจ็บที่เฝ้ามองปฏิกิริยาของแม่มาโดยตลอดก็พูดขัดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า "และถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร ผมขออนุญาตแม่ให้เขามานอนเฝ้าผมที่ห้องนะครับ..."  
"เอ่อ..."เมื่อเห็นว่าลูกชายยังคงยิ้มได้ ทั้งๆที่ตลอดเวลาทั้งวันหลังจากการผ่าตัดใส่เหล็กดามอีกฝ่ายแทบจะไม่หันมาตอบอะไรเธอเลยนั้น ก็ทำให้ต้องมองหน้าลูกชายสลับกับใบหน้าไม่ค่อยจะเป็นมิตรของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้
"จ้ะ...แม่ตามใจเราก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ ก็ต้องฝากคิโยโนบุด้วยนะ โอโนเสะ...คุง แม่จะได้กลับไปดูแลเด็กๆที่บ้าน " คุณนายบ้านอิโนะอุเอะฝากฝังลูกชายไว้กับ "คนร้าย" อย่างเสียมิได้
" ครับ..ไม่ต้องห่วงนะครับ .. " ท่าทางของคุณแม่ของอิโนะทำให้เจถอนหายใจออมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคุณแม่" ผมจะดูแลเขาเอง "
"ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีอะไรก็บอกแม่นะ...ส่วนคุณพ่อ ไปประชุม คงยังไม่ว่างรับโทรศัพท์" มือเรียวของแม่ลูบเบาๆบนเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มที่เด็กหนุ่มขยับตัวหลบเล็กน้อย
"แม่...อายเขาน่า" ไม่มีคำพูดอื่นอีกจากหญิงวัยกลางคนก่อนที่จะเดินจากไป

…………………………………..


" ดู แม่นายรักนายดีจังแฮะ "เจเปรยออกมาลอยๆ
"อืม...ลูกชายคนโตนี่นะ แล้วนายล่ะ มีพี่น้องหรือเปล่า" เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"มีพี่สาวคนหนึ่ง แต่ไปเข้ามหาลัยที่เกียวโตแล้ว ดีไหมล่ะ เขาขยันก็มีอนาคตไป" เจว่าขณะที่เข็นรถไปยังห้องพักของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล โดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำ
"แล้วนายล่ะ...อยากจะทำอะไร..." เมื่อรถเข็นหยุดลงที่ข้างเตียงเด็กหนุ่มพยายามยันตัวขึ้นลุกด้วยขาขวาข้างเดียวที่ยังเหลืออยู่ แต่ก็ทำไม่ได้มากนัก ก่อนจะนั่งลงกับรถอีกครั้งร่างบางของนักวิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

...แค่ลุกยังจะทำเองไม่ได้เลยแฮะ...

"แข่งรถ " เป็นคำตอบที่ไม่ได้คิดอะไรมากเลย
"เหรอ...นี่  จุน...ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม" ว่าพลางก็ยืนมือออกไป "ช่วยเป็นหลักให้หน่อยจะขึ้นเตียง"
"ค่อยๆนะ " เจมายืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วจับมือนั้นเอาไว้เป็นครั้งแรกที่เขาได้แตะตัวอีกฝ่ายก่อน ซึ่งปกติเขาไม่เคยช่วยใคร ถ้าจะแตะตัวล่ะก็คงจะเป็นเพราะกำลังจะต่อย หรือถูกต่อยในการทะเลาะวิวาทเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะจับมือที่เป็นหลักให้ยึดเอาไว้แน่นน้ำหนักลงที่ขาขวาและถ่ายน้ำหนักอีกส่วนไปที่อีกฝ่าย อย่างไม่ลังเล แต่กว่าจะขยับตัวขึ้นนั่งบนเตียงได้สำเร็จก็ทำเอาทุลักทุเลพอดู
"ขอบใจนะ" เด็กหนุ่มหันมาบอกอีกฝ่ายหลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อ ขึ้นมาบนเตียงได้เป็นที่เรียบร้อย
"นายคง จะลำบากแย่ โทษนะ "เด็กหนุ่มผมทองถอนหายใจออกมา" แต่..ถ้านายได้กินของดีๆบ้างล่ะก็ อาจจะวิ่งได้ก่อนสามเดือนก็ได้นะ "เขาหันมาสบตาอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เป็นประกายแน่นอน ที่บ้านของเขาทำร้านอาหารญี่ปุ่น ถึงจะไม่ใหญ่โตนัก ก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
"อืม...นั่นซิ่นะ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ก็คิดว่าอาหารโรงพยาบาลนี่ห่วยมากเลย...แบบนี้จะหายไวๆได้ยังไงกัน เนอะ"ว่าพลางก็ยิ้มเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดแสดงความเป็นห่วง
"เราอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งสามปี นี่ก็เพิ่งจะได้คุยกันนี่นา...ใช่ไหม " ว่าพลางก็ตบมือลงตรงที่ว่างข้างๆเตียง "นั่งป่ะ ไม่งั้นเอาเก้าอี้มาก็ได้..."
" เฮ้ย ขาเจ็บไม่ต้องมาเชิญชวนเลย " หนุ่มผมทองโวยวายใส่กับท่าทางของอีกฝ่ายก่อนจะไปลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆเตียงแทน

..ตบข้างเตียงเนี่ยนะ?!...
 
"เชิญชวน?...ตรงไหน" แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นว่า เด็กหนุ่มผมทองลากเก้าอี้มานั่ง ก็เริ่มชวนคุยต่อ "แข่งรถเหรอ...นั่นซิ่นะ ท่าทางนายจะชอบรถมากเลยนี่นา"
"ไม่มีตังค์ จะเอาที่ไหนไปแข่งละ เก็บมาทั้งชีวิตก็ได้แค่เจ้าสีน้ำเงินคันเดียว ตอนนี้ก็ต้องซ่อมมันอีก แม่ง "
พอพูดถึงรถคันโปรดก็ต้องสบถออกมาอย่างลืมตัว
"ขอโทษนะที่ทำรถนายพัง"
" เฮ้ย! ไม่ได้หมายความว่างั้นโว้ย " เจโวยวายใส่อีกฝ่ายอีกแล้วแล้วอธิบาย" ที่จริง นายก็เจ็บเพราะฉันไม่ใช่รึไง ไอ้ที่เจ็บนะ คืออนาคตของนายนะโว้ย " ก่อนจะถอนหายใจออกมา"ส่วนไอ้ที่พังของฉัน มันก็แค่ความฝัน จะทำได้รึเปล่า ยังไม่รู้เลย "
"อนาคต...กับความฝัน...มันก็คงไม่ต่างอะไรกันหรอก เพราะตอนนี้ ก็ยังเป็นปัจจุบันอยู่ดี" เด็กหนุ่มยิ้มให้กับอีกฝ่าย พวกเขาต่างฝ่ายต่างก็สูญเสีย สำหรับเด็กวัยเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝันที่เล็ก เพียงแค่ในวันรุ่งขึ้น หรือฝันยาวไกลไปยัง 10 หรือ 20ปีข้างหน้า มันก็มีค่าทางใจเหมือนกัน
"ดูเหมือนคนที่โรงเรียนจะพูดว่า นายมีหวังถึงทีมชาติ ถ้าได้แข่งอินเตอร์ไฮครั้งนี้ "  เจสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
"ก็...." มือข้างซ้ายดึงขากางเกงขึ้นเล็กน้อย เพื่อเกาเบาๆตรงเหนือเฝือกที่ใส่เอาไว้ "เขาก็ว่ากันแบบนั้น"
" แข่งเมื่อไหร่ .. อินเตอรไฮน่ะ? "
"อีก 3อาทิตย์" ว่าพลางก็ยิ้มแห้งๆ เขารู้ว่ายิ่งพูดถึงเรื่องนี้ ก็รังแต่จะทำให้ไม่สบายใจกันไปทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ
" ................................ ไม่ใช่ 3เดือนเหรอ?... "หลังจากที่เงียบไปนาน เด็กหนุ่มต้นเหตุของเรื่องเลยถามขึ้นมา แต่ก็ไม่อยากได้คำตอบอะไรอีกเขาลุกขึ้นลากเก้าอี้ไปเก็บ

... 3อาทิตย์ ... อาจจะทันก็ได้...

แม้จะรู้ว่าเป็นความคิดบ้าๆ ลมๆแล้งๆของตัวเองแต่สิ่งที่ตัวของเด็กหนุ่มผมทองคนนี้จะทำได้ คิดขึ้นมาได้ ก็คงจะมีแค่นี้ คิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ลากมานั่งข้างๆเตียงคนเจ็บทันที

" ฉัน จะกลับบ้าน ไปเอาเสื้อผ้า จะเอาอะไรรึเปล่า? "
"ขนม" คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงยิ้ม
" เค้ก ขนมปัง ขนมญี่ปุ่น เซมเบ้? แบบไหน? "เจเดินไปที่ประตุห้อง
"เซมเบ้..." อีกฝ่ายตอบทันที
"อีกซัก 2...3ชั่วโมงกลับมา ดูทีวีไปก่อนละกัน "เจว่าแล้วออกจากห้องไปที่จริงกับแค่ไปเอาเสื้อผ้าและขนมให้อีกฝ่ายไม่ได้ใช้เวลาขนาดนั้นหรอก แต่เขากำลังจะกลับไปหาอาหารบำรุงกระดูกให้นักวิ่งต่างหากล่ะ


.........................................


เป็นนานกว่า2ชั่วโมงเสียอีก กว่าที่เด็กหนุ่มผมทองจะกลับมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้า ของใช้ ถุงชอปปิ้งที่ใส่ขนมเซมเบ้ และปิ่นโตอาหารอีกชุดใหญ่จาก"ร้านโอโนะเสะ"

"ช้าจัง" เสียงคนป่วยบ่นเบาๆ ในมือกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมา ขาข้างซ้ายถูกวางพาดอยู่กับคานรับน้ำหนัก ระหว่างที่เด็กหนุ่มผมทองไม่อยู่เขาเจอคุณพี่พยาบาลมา เช็ดตัว ดูแลให้เป็นที่เรียบร้อย อาหารโรงพยาบาลถูกวางอยู่บนถาดและยังไม่ได้ถูกแตะต้อง
"ไปหาของอร่อยมาหรอก " เจวางปิ่นโตอาหารลงบนโต๊ะก่อนจะเอากระเป๋าเสือ้ผ้าไปไว้อีกทาง แล้วจัดแจงแกะปิ่นโตให้อีกฝ่าย
"ต้มซุปกว่าจะไขกระดูกมันจะออกมาก็ตั้ง2ชั่วโมงแล้ว ไหนจะอย่างอื่นอีก ใช้ของเปลืองแม่ก็บ่น "เสียงห้าวบ่นเป็นชุด แล้วยื่นช้อนให้อีกฝ่าย " อะ กิน "
"หะ...ไขกระดูก "แค่ได้ยินชื่อก็ทำหน้าเหยเกแล้ว ยิ่งมาเจออีกฝ่ายตักซุปที่จะว่าใสก็ไม่ใช่ขุ่นก็ไม่เชิงมาจ่อที่ปากก็ทำเอา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนต้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่างลังเล
"กินเข้าไปก็ไม่ตายหรอกน่า นึกตอนที่เห็นกระดูกขาวๆของตัวเองแล้วก็กินเข้าไปเยอะๆ โว้ย จะได้วิ่งได้เร็วๆ"  มือแกร่งยัดช้อนน้ำซุปใส่ปากคนเจ็บโดยไม่ให้ตั้งตัว
"โอ้ย...ร้อน" แต่อีกฝ่ายกลับร้องออกมาไม่เพียงแค่ช้อนที่กระทบเข้ากับฟันอย่างจังเท่านั้น น้ำซุปยังลวกปากอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายให้เขาจินตนาการถึงกระดูกของตัวเองเลย
"อ้าว ร้อนเรอะ โทษๆ" เจรีบวางช้อนแล้วหากระดาษชำระมาเช็ดปาก เช็ดหน้าให้อีกฝ่าย
"อ่ะ...ไม่ต้องเช็ดเองได้" เพราะดูว่าอีกฝ่ายยิ่งเช็ดจะทำเขายิ่งเจ็บตัวกว่าเดิมมากกว่า เด็กหนุ่มฉวยมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้หยุด อีกครั้งที่ถูกจับมือเอาไว้ทำให้เจหยุดมือตัวเองทันที ดวงตารีสบตาอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะเสมองไปอีกทาง
"เออ ลืมไปว่านายไม่ได้เป็นอัมพาต กินเองได้เช็ดเองได้ใช่ปะ? .. ไงก็กินให้หมดละกัน "เขาผละออกจากคนเจ็บไปจัดที่นอนสำหรับตัวเอง
"ก็ใช่น่ะซิ่...นายนี่เป็นห่วงเกินไปหรือเปล่า" เห็นท่าทางของอีกฝ่ายแบบนั้นมันช่างตรงกันข้ามเหลือเกินกับภาพที่เคยเห็นที่โรงเรียน เจ เด็กหนุ่มผมทองตาขวางๆทีใครเห็นต่างก็ต้องเดินหนี
"เออ ลืมไป นึกว่าจะเป็นจะตาย  " เจว่าก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนที่เขาจัดไว้ เปิดกระเป๋าแล้วยัดเสื้อผ้าใส่ตู้ ผ้าเช็ดตัว พาดไหล่กว้าง แล้วบ่นพลางเดินเข้าห้องน้ำไป
"อาบน้ำล่ะ แม่งเหม็นซุปจะตาย แม่ยังใช้ให้ต้มคนเดียวอีก" คิโยโนบุมองถ้วยซุปที่อยู่ในมือ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงท้องไปเล็กน้อย จะว่าไปเขาก็หิว แต่กับข้าวโรงพยาบาลนี่ก็แทบจะกลืนไม่ลงจริงๆ...ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูไม่น่ากินเท่าไรแต่น้ำซุปที่อีกฝ่ายต้มมาให้นั้นก็หอมไม่ใช่เล่นเลย

"ทำคนเดียวเหรอ"  เด็กหนุ่มถามก่อนจะพ่นลมเบาๆ พอไล่อุณหภูมิออกไป ก่อนจะดื่มรับน้ำซุปหอมหวานลงท้องไป ...ความหวานของกระดูกทำให้รู้สึกดีไม่น้อย เด็กหนุ่มหันไปหาเป้าหมายต่อไปที่อยู่ในปิ่นโต อาหารญี่ปุ่นหน้าตาห้าวๆ พอๆกับคนทำนอนอวดโฉม...อยู่ในกล่อง มีทั้งไข่หวานที่ทอดรวมกับถั่วมาเมะสีเขียวสดใส...ติดจะเกรียมไปนิดแต่ก็ดูน่าทานไม่น้อย กับปลาทอดกรอบ และสลัดผักที่หั่นแครอทเสียชิ้นโต แม้จะหน้าตาน่ากลัว แต่รสชาตโดยรวมก็จัดได้ว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว เด็กหนุ่มนั่งคีบเข้าปากไปเรื่อยเผลอแผล็บก็ใกล้จะหมดเสียแล้ว

....อร่อยจัง...

เสียงบิดลูกบิดประตูห้องน้ำ ตามมาด้วยเด็ฏหนุ่มผมทองที่ร่างกายดูจะสูงใหญ่ราวกับเด็กมหาวิทยาลัย สวมกางเกงนอนออกมาตัวเดียว มืออีกข้างก็เช็ดผมสีทองของตนไปด้วย

"พอกินได้ไหม? บอกให้แม่ทำให้ก็ไม่ยอมทำ บอกว่า 'ชนเขาก็ทำให้เขากินเอง' ดีแค่ไหนแล้วที่บ้านนายไม่มาเรียกร้องค่ารักษา บ่นเข้าไปๆ เลยทำเอาแม่ง ตัดรำคาญ "เขาบ่นๆ แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายน้ำอุ่นๆกระเด็นใส่ใบหน้าของนักวิ่งหนุ่มเล็กน้อย คนเจ็บไม่ยอมตอบ แต่ยื่นปิ่นโตที่เหลือแต่มะเขือเทศลุกเล็กเอาไว้ให้อีกฝ่ายดูแทนในปากยังเคี้ยวตุ้ยๆก่อนจะพยักหน้ารัวๆ แล้วกลืนลงคอ แต่ก็ดูจะคำใหญ่ไปเสียหน่อย มือเรียวยกขึ้นทุบอก

"อึ่ก....."

"เฮ้ย กินหมดเลย? อ้าว แล้วฉันจะเอาไรกินวะ ไอ้ที่ทำน่ะ มันคอมโบ เซ็ทเลยนะโว้ยยยยยย  " เจโวยวายใส่อีกฝ่าย ก่อนจะต้องรีบเทน้ำใส่แก้วให้ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลรับแก้วน้ำมาดื่มลงไปอึกใหญ่
"เฮ้อ....นึกว่าจะตายซะแล้ว" คิโยโนบุหันไปยิ้มเพล่ "อ้าว นึกว่าทำมาให้คนเดียวเสียอีก โทษที ปรกติก็กินแบบนี้อ่ะ"
" ช่างเหอะ หาบะหมี่กินก็ได้ เดี๋ยวมาละกัน เอาอะไรดึกๆไหม? "เจเอาเสือยืดมาใส่แล้วถาม
"เอาเซมเบ้..."ยังไม่วายที่จะทวงของโปรด
"ซื้อมาให้แล้วไง หัวเตียง ขยับแข้งขามั่งจะได้วิ่งได้เร็วๆ "เจย้ำประโยคที่กำลังจะเป็นประโยคติดปากของเขาแล้วเดินออกจากห้องไป
"ก็มันพาดอยู่อย่างนี้จะขยับได้ไงเล่า"เสียงคนป่วยตะโกนไล่หลังไม่นานเท่าไหร่เพราะตอนนี้เจกลับมาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จราดน้ำร้อนและบะหมี่ถ้วยอีกเป็นโหล เบียร์ และเครื่องดื่มอื่นๆ เขาวางบะหมี่ลงกับโต๊ะ แล้วไปเอาถุงเซมเบ้มายื่นให้อีกฝ่าย
"ขอบใจ"อิโนะยิ้มให้กับเจ ก่อนจะเปิดถุงเซมเบ้ ขึ้นมาเคี้ยวกร้วมๆ "นี่ จุน..."
"อะไร? " เสียงถามห้วนๆก่อนจะซดบะหมี่ของตนเองอย่างหิวโหย
"มาเฝ้าแบบนี้ ที่แกงค์นายเขาไม่ถามหาเอาเหรอ" คำถามนั้นทำเอาเจต้องสำลักบะหมี่
" แค่กๆๆๆ .. อะไรนะ? แกงค์??? "
"อ้าว...ก็นายไมได้มีแกงค์ซิ่งอยู่แถวไหนหรอกเหรอ เห็นใครๆเขาก็ว่ากันอย่างนั้น" คนป่วยเลิกคิ้วก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องกระดาษทิชชู่โยนให้กับอีกฝ่าย
" ไม่มีโว้ย ไม่มีแกงค์อะไรทั้งนั้นล่ะ ก็แค่..ไปแข่งรถทุกวันเสาร์ กินเงินพนันนิดหน่อย แค่นั้นล่ะ "เจเอาทิชชู่เช็ดปากตัวเอง
"เหรอ...อืม..."คิโยโนบุพยักหน้าเข้าใจพลางนึกขำอยู่ในใจที่อยู่ห้องเดียวกันมาก็ตั้งนานแต่ไม่เคยคุย หรือ รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลยนอกจากข่าวลือที่ลอยเข้าหูอยู่เนืองๆ เด็กหนุ่มขยับ เอาถุงเซมเบ้ไปวางอีกทาง "ง่วงแล้วล่ะ....อ่ะ จุน ช่วยอะไรหน่อยซิ่...." คนป่วยที่เอนเตียงลงไปนอนจนสุดเรียก
"เอาอะไร? จะนอนแล้วเหรอ?"
"อืม...มันคันอ่ะ...ตรงเหนือเฝือกเกาไม่ถึงเกาให้หน่อย" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเเล็กน้อย เพราะคันจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่เพราะขาที่แขวนอยู่กับราวทำให้ขยับได้ไม่ถนัดนัก
"งั้นเจ็บก็บอก " เจว่าแล้วรูดขากางเกงของอีกฝ่ายขึ้นจนถึงต้นขาแล้วไล้ปลายนิ้วยังบริเวณเหนือเฝือก "ตรงไหน? "
"อืม...ซ้ายๆ"เสียงคนที่นอนอยู่กำกับ"ตรงข้อพับด้านใน...ลงมาอีกๆ"เจเกาตรงที่อีกฝ่ายบอกเบาๆ

"ดีจังเลย...."


เสียงคนป่วยครางออกมาเบาๆ เขานึกคันตรงนั้นมานานแล้วแต่จะให้พยาบาลมาเกาให้ก็กระไรอยู่ เสียงครางกับบริเวณที่มือเขาเกาอยู่ทำให้เจต้องมองหน้าคนที่กำลังมีความสุข สลับกับๆที่เขาเกาอยู่
"อย่าร้องแบบนั้นสิโว้ย "เจโวยวายใส่ ใบหน้าเรียวเริ่มเป็นสีแดง"แล้วพยาบาลไม่ใส่กางเกงในให้รึไงหะ? "
"ทำไมอ่ะก็มันดีนี่นา" เสียงอีกฝ่ายถามกลับยังไม่ยอมลืมตามามองหน้า "แล้วฉันก็เป็นคนป่วยนี่...มองเห็นรึไง"
"เห็นแวบๆ " เจบอกแล้วปล่อยมือทันที ก่อนจะห่มผ้าให้อีกฝ่าย " อะ นอนๆๆๆ "
"อย่าเอาไปเปรียบเทียบล่ะ " เสียงคิโยโนบุหัวเราะคิก ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มเป็นประกายซนเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป
"เออ แค่เกาให้ แค่นี้อย่ามีอารมณ์ล่ะ "เจว่าก่อนจะไปล้างมือ แปรงฟันให้เรียบร้อยแล้วกลับมานอนเหมือนกัน
"ก็ถ้ามีแล้วจะบอก....นายจะได้กลับไปนอนบ้านก่อน" เสียงคิโยโนบุแหย่  แต่ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมาแล้ว เพราะในวันนี้หนุ่มผมทองเองก็เหนื่อยมากพอดูสำหรับความเครียดที่ต้องเผชิญมาทั้งวันแล้ว


#####################to be con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2010 17:35:09 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a


ภายในบ้าน หลังแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ของบ้านอิชิดะ ... ชายหนุ่ม ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะเป็นเจ้าบ่าวนั้น ยืนมอง ผลงานของว่าที่พ่อตาอย่างใช้ความคิด จานถูกปั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เส้นสายที่เกิดขึ้นจากการผสมเนื้อดิน สีอ่อนและเข้มนั้น ดูผสมผสานกลมกลืนกันเป็นอย่างดี ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินไปหา ชาย สูงวัยที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

"คุณพ่อครับ"

" มีอะไรรึ คิโยโนบุ " ชายวัยกว่าหกสิบในชุดพื้นเมืองหันกลับมาทางว่าที่ลูกเขย

"คือ ผมว่าจะขอยืมจานใบนี้...ไปให้พ่อครัว ดูซักหน่อยน่ะครับ ...มันคงเป็นแรงบันดาลใจที่ดีได้ กับอาหารเมนูแรก "ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม

"พ่อครัว? "ว่าที่พ่อตามทวนคำ ก่อนจะถาม " รู้จักพ่อครัวที่ว่าด้วยรึ? "

"อ่ะครับ...บังเอิญว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยม ตอนก่อนที่ผมจะย้ายมาอยู่เมืองนี้น่ะครับ"

"พ่อครัวโรงแรมรึ? "ชายชราขยายความตามที่เขาเข้าใจ

"ครับผม คือ พอดีบังเอิญว่าทางคนจัดงานเขาก็พาไปแนะนำพอดี ก็เลย เป็นเรื่อง บังเอิญจริงๆเลยน่ะครับ" ชายหนุ่มหัวเราะยกมือขึ้นแตะหลังศรีษะเบาๆ

"แล้วจะเอาจานนั่นไปทำไมรึ? "พ่อของฮิโตมิดูจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังถามถึงเหตุผลที่จะยืมจานราคาแพงไปอยู่ดี

"เอ่อ...คือ ผมว่าจะขอยืมจานใบนี้...ไปให้เขา ดูซักหน่อยน่ะครับ ...มันคงเป็นแรงบันดาลใจที่ดีได้ กับอาหารเมนูแรก...น่ะครับ "ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเจอถามจุดประสงค์ซ้ำ 

"จะทำอาหารใส่จานของทาง อิชิดะงั้นรึ? ไม่เลวนิ "ว่าที่พ่อตา ดูจะสนับสนุนกับความคิดนั้น " เลือกไปได้เลย ถ้าจะใช้แบบไหน บอกกับพ่อบ้านเถอะนะ ให้เขาเตรียมไว้ให้ "

"ขอบคุณครับ คุณพ่อ...แต่วันนี้ คงขอไปใบเดียวก่อน ถ้ายังไงแล้ว ...คงจะต้องมาขอรบกวนคุณพ่ออีก " ชายหนุ่มว่า ยังเกรงใจว่าที่พ่อตาอยู่ไม่หาย

"ถ้างานออกมาดี ก็ไม่มีปัญหาหรอก อย่าเกรงใจนักเลย "ว่าที่พ่อตาโบกมือเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร เขาก็เอ็นดู ว่าที่ลูกเขยอยู่ไม่น้อย

"ขอบคุณมากครับ" ชายหนุ่มว่าพลางโค้งให้กับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม " ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขออนุญาตคุณพ่อเอาผลงานชิ้นนี้ ของคุณพ่อไปที่โรงแรม บ่ายนี้นะครับ... นี่อาจจะต้องเดินทาง แล้ว ถ้ายังไง ผมคงจะต้องขอตัวก่อน”

หัวหน้าตระกูลอิชิดะพยักหน้าให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ


.......................................



กว่าจะเดินทางไปถึงโรงแรมก็ใช้เวลาไปพักใหญ่ ชายหนุ่มเดินถือกล่องใส่จานใบใหญ่ เดินเข้าไปนั่งในห้องอาหารญี่ปุ่นตามที่ได้นัดไว้

"ขอโทษนะครับ...ผมมาตามที่นัดไว้กับเชฟโอโนเสะน่ะครับ"

"มารอนานรึยัง? " เสียงทุ้มของเชฟหนุ่มผมยาวถามหนุ่มผมสีน้ำตาลหลังจากที่มีคนมาแจ้งว่าคนชื่ออิโนะอุเอะมาขอพบตามที่นัดไว้ ซึ่งงานแต่งงานของคนๆนี้ จะเป็นงานที่เขาได้โชว์ฝีมือเต็มตัวครั้งแรกเลยทีเดียว

"พอดี...ได้โจทย์มาให้พ่อครัวคนเก่งทำแล้ว...."ว่าพลางก็ยกเอา จานออกมาจากกล่อง  "อยากให้ เอา จานใบนี้ เป็นอิมเมจน่ะ...สำหรับจานแรก " ชายหนุ่มว่าพลางวางจานใบสวยลงบนโต๊ะ

"โจทย์? ทำอย่างกับแข่งเกมส์โชว์ " เชฟหนุ่มหัวเราะกับความคิดของอีกฝ่าย แต่ก็รับเอาจานมาดู ลวดลายงดงามแบบกระเบื้องเคลือบญี่ปุ่นแท้ๆ ราคานั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยทีเดียว และเมื่อพลิกก้นจานดูก็ต้องพบกับตัวอักษรที่เป็นโลโก้ของตระกูล ว่าที่เจ้าสาว "อิชิดะ"

"อื้อ เอาใจว่าที่พ่อตานี่เอง~ "


"ก็...ไม่เชิงหรอก มันก็เป็นไอเดียด้วยล่ะว่า อยากจะให้ จานที่ได้แต่วางโชว์นี่ได้ทำหน้าที่ของมันบ้าง...และคนที่จะใช้งานมันได้ดีที่สุด ฉันคิดว่า ก็คงจะมีแต่นายเท่านั้นที่ฉันวางใจ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
 
"นอกจากจานใบนี้แล้ว แก้วน้ำ ชาม และอย่างอื่นๆ ก็อยากให้เอามาด้วย สำหรับจานใบนี้ .... เอาไว้ทำ จัดออกเดิร์ฟ ก็แล้วกัน"เจพลิกจานนั้นไปมาอย่างใช้ความคิด

"ส่วนธีมสำหรับจานแรก..."ความประทับใจแรก "น่าจะเป็นคำนี้นะนายว่าไหม" อาจารย์หนุ่มเท้าคางเล็กน้อยพลางยิ้ม

"นายกับอิชิดะซัง เจอกันได้ยังไง "หนุ่มผมทองหยิบสมุดโน๊ตเก่าๆ ขึ้นมาจดไอเดีย หากแต่ถ้าลองมองดีๆ นั่นไม่ใช่การจดแต่เป็นการวาดรูปต่างหาก

"ก็...ดูตัว ความประทับใจแรก ก็คงจะเป็น...ตอนที่เขาพูดเรื่องของ เด็กในวันที่เจอกันครั้งแรกมั้ง แทบสำลักน้ำลายเลยล่ะ แต่ก็...นั่นก็แปลว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนนะ ฉันว่านั่นมันเป็นเรื่องทีดีทีเดียว หากจะได้คนที่อ่อนโยน มากๆ มาอยู่ด้วยกัน และสร้างครอบครัวไปด้วยกันน่ะ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบ

 มือที่จับดินสอชะงักเล็กน้อยก่อนจะลากกเส้นต่อไป

"แปลว่า เขาอยากจะมีลูกกับนาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยงั้นเหรอ? " เสียงนั้นดูเรียบเฉยต่างจากปกติ

"ผู้หญิง..เขาก็คงจะคิดเรื่องแบบนี้กันมั้ง อยากเป็นแม่ อะไรแบบนั้น อาจจะไม่ใช่ว่า อยากจะมีกับฉันหรอก คิดว่าพูดออกมาแบบนั้นคงเป็นเพราะ เป็นเรื่องแบบ ผู้หญิงนั่นล่ะมั้ง" ว่าที่เจ้าบ่าวดูท่าจะสับสน กับคำพูดของตัวเอง จำได้ไม่ชัดเหมือนกันว่า ตอนแรกที่ได้ยินคำนั้นของฮิโตมิเขารู้สึกยังไง จำได้เพียงแค่ว่า คำนั้นมัน ดูจะ ฝังติดใจเขาไปเลย
 
"นายก็เลย..อยากจะเป็นพ่อให้ลูกของเธอ? "รูปร่างของออเดิร์ฟแบบของโต๊ะจีนที่ถูกจัดแบบญี่ปุ่นเริ่มเด่นชัดขึ้นมาบนสมุดจนของเชฟหนุ่ม

"จุน...เป็นอะไรรึเปล่า " คำถามที่อีกฝ่ายตั้งนั้นมันทำให้รู้สึกแปลกๆ

"เปล่า นี่.. เป็นไง? "เชฟหนุ่มปฏิเสธก่อนจะยื่นร่างในสมุดโน๊ตให้อีกฝ่ายดูภาพ"ออเดิร์ฟของทอดแบบจีน จัดแบบญี่ปุ่นในจาน กระเบื้องเคลือบ อิชิดะ "

"อืม...น่าจะดีนะ อันนี้จะทำจากอะไร" ชายหนุ่มว่าพลางชี้ตรงอะไรบางอย่างขยุกขยุยที่อีกฝ่ายเขียน "นายนี่ วาดรูปไม่ได้เรื่องไม่เปลี่ยนเลยนะ "

"รูปร่างไม่ดี แต่ก็กินจนหมดใช่ไหมล่ะ? กินจุขนาดคนสองคนด้วย "เจล้อเรื่องในอดีตของอีกฝ่าย ตอนที่เขาดูแลคนไม่สบาย ก็ต้องทำอาหารสำหรับสามคน มาทุกวัน

"เดี๋ยวนี้กินเป็น คนปรกติแล้วน่า..."คิโยโนบุหัวเราะแก้เขิน จะว่าไปเมื่อก่อนเขาก็กินเกินไปหน่อยจริงๆนั่นล่ะ

"ออ... เหรอ? "การเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าทำให้เชฟหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก ทุกครั้งที่อิโนะบอกว่า เขาเปลี่ยนไปจากที่เจรู้จัก

"แล้วก็ รักษาหุ่นด้วย ...ฟิต แอนด์ เฟิร์ม...กลัวนักเรียนไม่กรี้ด" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆหรอก เพราะเขาแค่ไม่อยากเพิ่มภาระให้กับขา ที่นานๆครั้งจะมีอาการเจ็บเกิดขึ้นอีกก็เท่านั้น

"ถึงว่า ไม่ได้ตัวโตขึ้นเท่าไหร่เลย "

"ก็นะ จะให้สูงไปกว่านี้ก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ...หยุดโตแล้ว " ว่าที่เจ้าบ่าวว่าพลางยิ้ม


 ดวงตารีมองอีกฝ่าย ใช่ นักกีฬา ที่ควรจะตัวโตกว่านี้ ราวกับจะหยุดเวลาไว้ที่เดิม เมื่อ 12 ปีก่อน ต่างจากเขาที่เปลี่ยนไปมากเลยดีเดียว

"อิจฉาก็แต่นายล่ะน้า สูงเอาสูงเอามาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะออกมาเบาๆ


"พูดแบบนี้ เหมือนฉันใช้ส่วนสูงไม่คุ้มค่า "เจหัวเราะออกมาเบาๆ

"เปล่า ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย " คิโยโนบุ หัวเราะเบาๆ "แต่งานนี้อยากให้ใช้ ให้คุ้มค่านะ"ว่าพลางก็มองสมุดโน๊ตของอีกฝ่าย เล็กน้อยก่อนจะสบตาอีกฝ่าย "ได้เจอกันในโอกาสนี้ทั้งที"

"ต้องเต็มที่อยู่แล้ว .. ฉันอยากเป็นเชฟใหญ่ซักที "เจสบตาอีกฝ่ายอย่างมั่นใจ และมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ

"ฉันดีใจที่นาย...หาสิ่งที่ตัวเองต้องการ และ พยายามมาได้จนถึงจุดนี้..."อิโนะพูดออกไปตามตรง เพราะก่อนหน้านี้คิโยโนบุ เคยเห็นแต่เด็กหนุ่มที่ซิ่งไปกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่...อิสระ เสรีมากเหรือเกิน...

" นั่นเพราะนาย เพราะได้ดูแลนายในตอนนั้น ฉันถึงได้มุ่งมั่นมาทางนี้  "ดวงตารีสบตาของว่าที่เจ้าบ่าวฝ่ายนิ่ง

" ขอบใจ " สายตาที่มองมาทำให้คิโยโนบุต้องเสมองลงมาที่แก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้าแทน  "รู้สึกว่า ช่วงนี้จะมองแบบนี้บ่อยนะ... สายตานาย...อ่อนโยนขึ้นนะ"

" หืม? อ่อนโยน? " คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจกับคำพูดอีกฝ่าย "อยู่กับอาหาร ก็คงจะดีขึ้นบ้างล่ะ ไม่งั้น ใครจะกินลง "เจหัวเราะออกมาเบาๆ

"เห็น แต่ทำตาขวางๆ ตลอดเลย...จะบอกให้นะว่าเพิ่งเคยเห็นนายยิ้มก็ ตอนที่ได้รู้จักกันนั่นล่ะ ..." ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ "ว่าแต่วันนี้จะได้ ลองชิม ไหม...ที่นาย ออกแบบไว้เนี่ย " ว่าพลางก็ชี้ไปที่รูปภาพขยุกขยุยบนหน้ากระดาษ

" ยืมจานก็แล้วกัน " พูดจบเขาก็ฉวยจานจากมืออีกฝ่ายแล้วลุกขึ้น " อีกครึ่งชั่วโมงจะเอามาให้ดู "

"ระหว่างนี้ให้สั่งอะไรมากินดีล่ะ...แนะนำหน่อยซิ่ ร้านนี้น่ะ" ว่าพลางก็ฉวยเอาเมนูมาดู

" อร่อยทุกอย่าง "คำตอบสั่นๆง่ายๆ ก่อนจะยิ้มอย่างยียวนแล้วออกจากห้องนั้นไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารว่างตามที่ได้ออกแบบไว้ ชายหนุ่มที่นั่งรอก็สั่งอาหารทานเล่นมาสองอย่าง พร้อมกับ แก้วเบียร์ เล็กๆ สำหรับ ยามบ่ายสบายๆ 


………………………………..



"ลองดู "

เสียงประตูเลื่อนดังขึ้น ตามาด้วยจานกระเบื้องเคลือบที่ใส่ของทอดแบบจีนไว้ตรงกลาง ซึ่งมีการจัดผักตกแต่งแบบตะวันตก ส่วนน้ำจิ้มบ๊วยเปรี้ยวหวานที่เพิ่มเติมสีจากบีทรูทสีแดง ถูกราดเป็นลวดลายใกล้ๆกับขอบจาน

"น่าอร่อยจัง..." ชายหนุ่มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างถูกใจ

"การจัดจาน แบบนี้ โอเครึเปล่า? "มือแกร่งเลื่อนจานไปตรงหน้าอีกฝ่าย

"อืม... เดี๋ยวนะ " ว่าพลางก็ดึงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปในมุมต่างๆ

 "เอาไปเสนอเจ้าของจาน ดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่ถูกใจค่อยแก้รูปแบบอีกที"

"อืม เดี๋ยวจะเอาไปถามฮิโตมิดูก็แล้วกัน " ชายหนุ่มยิ้ม อย่างนึกสนุก อีกฝ่ายทำอาหารออกมาได้ ดีขนาดนี้ ทุกคนคงจะพอใจเป็นแน่ แต่ก็แน่นอน ด่านแรก ก็คงจะต้องเป็น ฮิโตมิที่จะตัดสินให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เจ้าสาวมักจะ ละเอียดอ่อน ในหลายๆเรื่องเลยทีเดียว

"กินด้วยล่ะ? หรือจะขอสองอีก? "เขาแหย่อีกฝ่าย พลางหัวเระาออกมา เรื่องกินจุนี่ดูจะเป็นเรื่องที่แหย่อิโนะได้เสมอ

"ก็นี่ไง กำลังจะชิม " ชายหนุ่มว่าพลางใช้ตะเกียบคียอาหารที่อีกฝ่ายบรรจงทำมาบนภาชนะสวย เนื้อของทอดกรอบอร่อย และรู้สึกได้ถึงความหวานของอาหารทะเลที่เป็นส่วนประกอบ เข้ากันได้ดีกับรสชาตเปรี้ยวหวาน ของน้ำจิ้มได้อย่างดี ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด เป้นอาหารถอดที่เหมาะกับเดือนมิถุนายน อย่างมาก

"โอเคไหม? รสชาติ "

"อื้ม อร่อย อร่อยมากเลย สุดยอด" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย

"เอาอีกจานไหม? "เจยิ้มออกมาอย่างดีใจ มันเแฯคำชมที่ทำให้เขาเป็นเชฟได้อย่างทุกวันนี้ คำชมแบบเดียวกับเมื่อ 12 ปีก่อน

 "...จะดีเหรอ..." ถามทั้งๆที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ

" ฮะ ฮะ ฮะ " เจระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เขาเดาไม่ผิดเลยจริงๆ " รอเดี๋ยวละกัน  "ว่าแล้วก็รีบไปเอาอีกจานที่ทำเผื่อไว้มาด้วย

"ขอบใจ" คิโยโนบุ พยักหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเอง ก็นึกไว้แล้วเหมือนกันว่าอีกฝ่าย ต้องทำเอาไว้เผื่อ



...นายนี่ใจดีไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ จุน...


…………………………….

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
12 ปีก่อน


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับ คนอื่นๆ แต่เป็น ช่วงเวลา เกือบสองเดือนที่นานแสนนาน และน่าเบื่อเหลือเกิน สำหรับ อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ  เด็กหนุ่มที่เคยออกไปวิ่งอยู่บนลู่แข่ง กลับ ต้องมานั่ง ติดแหง็กอยู่บนเตียงกับเฝือกอันเขื่องบนขา มีร่องรอยของการขีดเขียน ข้อความลงไปบ้าง จากเพื่อนที่แวะเวียนมาเยี่ยม บางคนกล่าวโทษต้นเหตุ อย่าง โอโนเสะที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ คิโยโนบุไม่ได้คิดแบบนั้น


"ขอบใจนะ วันนี้ก็ทำกับข้าวมาเซ่นอีกแล้ว" เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้ม เมื่อ เด็กหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับ ปิ่นโตเถาใหญ่

" กินเยอะๆ จะได้วิ่งได้เร็วๆ " คำพูดติดปากของเด็กหนุ่มร่างสูงราวกับเป็นหนุ่มเต็มตัวดังขึ้นอย่างทุกที แล้ววางปิ่นโตเถาใหญ่สองชุดลงตรงหน้าอีกฝ่าย

"เหอ... ก็ต้องรอขานี่หายซะก่อนนะ " เด็กหนู่มผมสีน้ำตาลว่าพลางยกขาให้ดูก่อนจะรีบวางลงเหมือนเดิม

"นี่... จุน" คนป่วยถามขณะ แกะปิ่นโตออกดูอย่างตื่นเต้นเหมือนทุกครั้ง

" อะไร? "เจ้าของปิ่นโตดูท่าทางเด็กๆของอีกฝ่าย แล้วยิ้มอย่างโหดๆ เพราะตาขวางๆนั่นดูจะแก้ไม่หาย

"เบื่ออ่ะ" คนป่วยพูดพลางยกชั้นข้าวออกมาวางเรียง ก่อนจะขยับนิ้วให้อีกฝ่ายเอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ

" เบื่อ? ได้เลย จะเอาไปกินเอง " เจรวบชั้นข้าวเข้าด้วยกัน

"เปล่าเว้ย ไม่ได้เบื่อข้าว... " มือบางที่ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรมาพักใหญ่ยื้อปื่นโตเอาไว้แน่น ดวงตาสีน้ำตาลมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจ

"โอเค...ฉันเบื่อโรงพยาบาลนี่"

" เบื่อ? มีคนมาเยี่ยมเยอะแยะ วีดีโอก็มีเป็นกอง ขนมสาวๆก็เพียบ เบื่อไปทำมายย "เด็กหนุ่มผมทองลากเสียงยาว แล้วปล่อยปิ่นโตก่อนจะนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย

"อยากออกไปสูดอากาศบ้างน่ะซิ่" คิโยโนบุมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะทำหน้าเหมือนกับนึกอะไรออก "รู้แล้ว...นายมีมอเตอร์ไซค์นี๋"

" ไม่โว้ย!  " เจปฏิเสธทันที

"นะ...นะ....นะ....ยอมทำให้ทุกอย่างเลย" คนป่วยเริ่มสวมบทบาทใหม่ ทำท่าอ้อนเหมือนที่เคยเห็น ดาราสาวทำในทีวี

" อย่านะโว้ย ขนลุก " เจขยับออกห่าง แล้วใช้นิ้วดันหน้าผากอีกฝ่ายออกจนหน้าผากคิโยโนบุเป็นรอยนิ้วมือเลย

"โอ้ย...ดีดทำบ้าอะไรเนี่ย แค่ขอให้พาออกไปข้างนอกเอง...นะ จุน... "คิ้วเรียว ขมวดเข้าหา กันอย่างช่วยไมได้ "นะนะ... เบื่อจะตายอยู่แล้ว จะแห้งตายแล้วด้วย เอางี้... พรุ่งนี้ไปกัน ทะเล ใกล้ๆนี่ล่ะเนอะ... "

" ทะเล? นายยังเดินไม่ได้เลยนะ อยากให้ฉันถูกพ่อนายฆ่าทิ้งรึไงเล่า  "เจโวยวายใส่คนป่วยเป็นชุด

"แต่ถ้าไม่ได้ออกไป ฉันนี่ล่ะจะตาย" คนป่วยยังคงดื้อดึง เขาเบื่อมากเกินกว่า จะ นั่งนิ่งๆ ทำหน้าเฉยๆ อยู่ใน ห้องแคบๆนี่เสียแล้ว คนดูแลคนป่วยพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงห้องเพื่อสูบบุหรี่ เหมือนทุกที "จุน...." เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปแบบนั้น ก็ทำเอา คนป่วยต้องชะโงกหน้ามองตาม บุหรี่มวนนั้นถูกสูบจนเกือบหมดมวนแล้วก็ขยี้มันเอาไว้กับกระถางต้นไม้ที่ระเบียง แล้วกลับเข้ามา

" เออ รู้แล้ว พรุ่งนี้จะพาไป  "เขาทำหน้าเครียดๆ

"เป็นอะไร....ทำหน้าน่ากลัว ....กว่าปรกติ" เห็นอีกฝ่ายทำหน้าแบบนั้นก็อยากจะแหย่ให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

" ยุ่งน่า "เจตีหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่ายแล้วเดินไปเปิดทีวี

"อ้าว...ไม่อยากให้นายอารมณ์เสียหรอกนะ" มือเรียวคว้ารีโมทมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเปิดไปช่องกีฬา

" เหอะ ก็ทำให้อารมณ์เสียได้ทุกที "เจบ่นพึมพำแล้วนั่งดูทีวีไป

"นายอารมณ์เสียเรื่องอะไรล่ะ " เด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งกึงนอน อยู่บนเตียงของโรงพยาบาลหันไปหาอีกฝ่าย

" ............................. " เด็กหนุ่มผมทองหันมาทางคนถามเล็กน้อยแล้วดูทีวีต่อ ทำเป็นไม่สนใจ

"น่ะ...แล้วนายก็ไม่บอก... "คิโยโนบุว่า "แล้วสรุปจะพาไปไหม "

" ก็บอกแล้วว่าจะไป เลิกเซ้าซี้อย่างกับผู้หญิงซักทีดิ "เจหันมาบอก แล้วทำท่ารำคาญๆ

"ขอโทษ... ฉันแค่อาจจะอยากจะออกไปข้างนอก มากเกินไปมั้ง... " คนป่วยทำหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง


...นี่ฉันเซ้าซี้เหมือนผู้หญิงเหรอ...
คิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์


" กินซักทีซี่ จะได้รีบเก็บ นายมันกินจุเป็นสองเท่าไม่ใช่รึไงกัน? "เจหันมาชี้ที่อาหารตรงหน้าอีกฝ่าย " ทำมาให้ตั้งเยอะ ไม่ขนกลับแล้วนะเว้ย  "

"ก็...กำลังกินอยู่นี่ไง... "เด็กหนุ่มหันมาเถียงพลางพุ้ยข้าวเข้าปากไปคำโต

" กินเยอะๆ จะได้ดูทีวีซักที เฮ้ออ "เจว่าก่อนจะไหลตัวเองไปนอนบนโซฟาที่ห้องพักผู้ป่วย นอนดูทีวีสบายอารมณ์

"อืม..นายก็อย่าหลับล่ะ " เด็กหนุ่มว่าพลางรีีบพุ้ยข้าวกับกับข้าวสำหรับสองคนเข้าปากไปจนหมดในที่สุด

"เฮ้..จุน อื่มแล้ว...นาย...." ขณะกำลังจะหันมาบอกให้อีกฝ่าย รีบกินข้าวเหมือนกัน แต่ เมื่อหันมาก็พบว่า เด็กหนุ่มร่างสูงหลับไปเสียแล้ว "จุน... เฮ้ย...อย่าหลับดิ่... " คิโยโนบุ ว่าพลาง เรียกอีกฝ่ายให้ดังขึ้นหวังจะให้ตื่น

" อะไรเล่า? กินเสร็จก็นอนไปดิ  "เจผงกหัวขึ้นมาโซยวายใส่แล้วหลับต่อ

"โธ่เอ้ย... " คนป่วยโวยเบาๆ ก่อนจะเก็บปิ่นโตเรียงให้เรียบร้อยบนโต๊ะเข็น ก่อนจะพลักโต๊ะออกไปให้ห่าง แรงผลักนั้นแรงพอให้โต๊ะเลื่อนได้นั้นเคลื่อนไปชน โซฟาที่เด็กหนุ่มร่างสูงนอนอยู่เบาๆ แต่คนป่วยก็ไม่สนใจแล้ว เขาเอนตัวลงนอน ตามที่อีกฝ่ายว่า


............................................


กว่าเจจะตื่นก็ใกล้ค่ำแล้ว มือใหญ่ขยี้ตาตัวเองไปมาแล้วลุกขึ้น


" อ้าว..หลับไปจริงๆแฮะ " เขาบ่นกับตัวเอง ส่วนเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเจ้าของเตียงคนป่วยเองก็หลับตานอนนิ่งเช่นเดียวกัน เจมองดูคนที่นอนอยู่ ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้คิโยโนบุไม่สนใจจะห่มผ้าให้ตัวเองซักเท่าไหร่ เฝือกที่ขาของเด็กหนุ่มนักวิ่งของโรงเรียนมีแต่รอยปากกา เมจิกหลากสีเป็นข้อความต่างๆ


...หายเร็วๆนะ..
..กลับมาวิ่งเร็วๆ..



เขาอ่านข้อความเหล่านั้น ก่อนจะมาสะดุดกับประโยคหนึ่ง


.. โชคร้ายจะกลายเป็นดี...



... ใช่ .. มันก็แค่โชคร้าย .. ที่เขาขับรถไปชน โชคร้ายของอีกฝ่ายที่ต้องเสียอนาคตไป และโชคร้ายของเขาที่ต้องมารู้สึกผิดอยู่แบบนี้


"อืม... " เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ จากคนที่นอนอยู่ คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ใบหน้ามีเหงื่อเม็ดเล็กๆซึมออกมาเต็มไปหมด


....เส้นชัย....
....จะถึงแล้ว....
....ทำไม..ห่างออกไป...
....เส้นชัย....



นั่นยิ่งทำให้เจต้องคิดมาก เขาเดินไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆมาเช็ดหน้าและลำคออีกฝ่าย  ให้สบายตัวขึ้นบ้าง ไม่นานคนที่เจ็บขาก็สงบลง เจถอนหายใจก่อนจะมองดูพื้นที่ว่างบนเฝือกของอีกฝ่ายแล้วหยิบปากกาเมจิกสีแดงมาเขียน


.. รีบๆหายแล้วไปทะเลกัน...


"ลายมือสวยไม่เข้ากับหน้า.... " เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัว มาเห็น อีกคนกำลังเขียนข้อความอะไรลงไปบนเฝือก นั่นทำเอาเจถึงกับถอยออกมาเลย

" เออ .. เก็บปิ่นโตกลับล่ะ เดี๋ยวไม่ทันมื้อเย็นคนเจ็บจะหิวตายอีก "เด็กหนุ่มผมทองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเก็บปิ่นโต " เดี๋ยวมา จะเอาอะไรอีกไหม? "

"เซมเบ้" เด็กหนุ่มตอบ พลางยิ้มเริงร่าเหมือนเดิม ราวกับว่า ความฝันเมื่อครู่ไม่ได้งผล อะไรกับเขามากนัก

"เออ...นี่ จุน " ก่อนจะเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อ เด็กหนุ่มร่างสูง ทำท่า จะเดินออกไปพร้อมกับ ห่อปิ่นโตที่ว่างเปล่า

" อะไร? "เจหันมาถามทั้งๆที่กำลังเปิดประตู

"พรุ่งนี้ได้ไหม... "ว่าพลาง ก็ชี้ไปที่ข้อความที่อีกฝ่ายเขียน

" ถ้าพร่งนี้ หาย เดินได้ ก็จะพาไป ได้ไหมล่ะ? "เจยิ้มอย่างเป็นต่อแล้วเดินออกจากห้องไป


เมื่อบานประตูปิดลง ข้อความใหม่ที่ถูกเขียน ด้วยลายมือบรรจง ที่ เด็กหนุ่มคิดว่า ช่างไม่เข้า กับท่าทาง ห้าวๆ ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในลำคอนั้น ก่อนที่ แผ่นหลังบางจะเอนลงกับเตียงอีกครั้ง  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหลือบมองข้อความนั้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม ออกมา


"ถ้าพรุ่งนี้ ฉันยอมเดินนายจะพาไปใช่ไหม"


คิโยโนะบุ พูดเบาๆ แม้จะรู้สึกหวั่นใจ บ้าง เพราะตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาเหล็กเข้าดามกระดูกเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ตัวเขายังปฏิเสธ แม้แต่การจะลุกขึ้น เดินด้วยไม้ค้ำยันด้วยซ้ำไป แต่ในวันนี้ เขากลับมีความรู้สึกว่าอยากจะอย่างน้อยก็คือ ลุกขึ้น และยืนให้ได้ด้วยไม้ค้ำยัน กว่าเด็กหนุ่มจะนำปิ่นโตคู่ใจสองเถานั้นกลับมาถึงโรงพยาบาล ก็ช้าไปเกือบชั่วโมง เป็นเพราะเขานอนเพลินแท้ๆเลยทำให้คนป่วยกินข้าวช้าไปอีกชั่วโมงหนึ่ง


" โดนบ่นแน่เลย  " เด็กหนุ่มผมทองพึมพำแล้วเปิดประตูห้องคนป่วยที่เข้าๆออกๆมาเกือบสามเดือน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเตียงนั้นว่างเปล่า


..ไปไหนวะ?...



เขาได้แต่ถามตัวเองอย่างแปลกใจ ไม่เคยมีซักครั้งที่คิโยโนบุจะไม่อยู่รอกินข้าวของเขาที่ห้อง เจ วางปิ่นโตลงบนโต๊ะ ตามด้วยกระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้ามาเปลี่ยน แล้วเดินออกไปจากห้อง เจอกับพยาบาลพอดี

" เอ่อ พี่ครับ .. หมอนี่ไปไหนน่ะครับ? " เขาชี้ไปที่ประตูห้อง ตรงที่มีชื่อของคนเจ็บแปะอยู่บนนั้น

"อ๋อ...อิโนะอุเอะซังน่ะเหรอคะ...อยู่ที่ห้องกายภาพตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วล่ะค่ะ" พยาบาลสาวตอบพลางยิ้มให้กับอีกฝ่าย

" หา กายภาพ? " เจทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อ


..อะไรวะ? เห็นเอาแต่กินๆ นอนๆ เนี่ยนะ?...


แต่ถึงจะสงสัยไปแบบนั้นเขาก็ขอบคุณพยาบาลสาวรุ่นพี่แล้วก็รีบกลับเข้าไปเอาขนมที่คนป่วยบอก น้ำชา แล้วตรงไปที่ห้องกายภาพตามที่อีกฝ่ายบอก
แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้เปิดประตูเข้าไปในห้องกายภาพ บานประตูก็ถูกเปิดออกนางพยาบาล เดินนำออกมาก่อนจะตามด้วย เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ที่ ใช้สองแขนจับไม้ค้ำยันเอาไว้แน่น ขาข้างที่ใส่เฝือกยกขึ้น และทิ้งน้ำหนักลงไปอีกข้างหนึ่ง ค่อยๆขยับออกมาจากห้องกายภาพ


" เก่งมากเลยค่ะ แค่วันแรกก็ทำได้ขนาดนี้แล้ว " พยาบาลสาวบอกกับผู้ป่วยอย่างชื่นชม การที่เด็กหนุ่มห้อยเฝือกที่มีแต่รอยปากกาเมจิกเขียนอยู่เต็มแบบนี้แปลว่า เขามีเพื่อนฝูงมาก กำลังใจคงมีมากเลยทีเดียว น่าแปลกที่ไม่ยอมฝึกยืนหรือเดินเลย จนกระทั่งวันนี้ถึงจะเอ่ยปากขอมาทำกายภาพเอง

"ขอบคุณครับ... " เด็กหนุ่มยิ้มให้กับพยาบาลสาว ก่อนจะหันไปเจอกับเพื่อนร่างสูง "อ้าว..จุน...มาแล้วเหรอ "ท้ายเสียงนั้นราวกับพอใจเล็กๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองหน้าของอีกฝ่าย ราวกับจะบอกว่า


...ยืน เดินได้แล้วนะ...


" วันนี้พอก่อนดีไหมคะ? เดี๋ยวนั่งรถเข็นกลับห้องนะคะ " พยาบาลสาวบอกพลางทำท่าจะเข็นรถเข็นนั่งที่เด็กหนุ่มใช้มาเกือบสองเดือนให้

"ไม่เป็นไรครับ... "เด็กหนุ่มหันมาปฏิเสธ "เดี๋ยวผมเดินกลับ กับ เพื่อนก็ได้... แค่นี้เอง"

" ก็ได้ค่ะ "พยายาลสาวหันไปส่งสายตาให้เพื่อนหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมทองของคนป่วยราวกับจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง การฝึกการยภาพของคิโยโนบุนั้นดีเลยทีเดียว

" เอ่อ..เดี๋ยวผมดูให้ครับ " ทำให้เจต้องบอกพยาบาลสาวไปแบบนั้นจะได้หายห่วง ในมือที่ถือถุงเซมเบ้กับน้ำชาขยับเล็กน้อยเรียกความสนใจจากคนป่วยได้ทันที

"เอามาให้ด้วยเหรอ... "เด็กหนุ่มว่าพลาง ค่อยใช้ไม้ค้ำยัน ขยับก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย

"ใจดีจังน้า...จุนเนี่ย...แต่คงใจดีกว่านี้ ถ้าทำตามสัญญา" ว่าพลางก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วยิ้มอย่างผู้มีชัย "ฉันเดินได้แล้วนะ"

" เหอะ เดินให้ถึงห้องก่อนละกัน "เจท้าอีกฝ่าย แล้วเก็บถุงขนมไม่ให้คนเจ็บเห็น ไม่อย่างนั้นคงจะคิดว่าเขาเป็นห่วงที่ไม่ได้กินข้าวเลยเอาขนมมาให้แน่ๆ

"ก็คอยดูก็แล้วกัน " ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร  กว่าจะถึงห้องของตัวเอง และการที่ใช้ไม้ค้ำยัน ก็ ทำให้เจ็บช่วงแขนและขาข้างที่ดีไม่น้อย แต่คิโยโนบุก็เก็บอาการของตัวเองเอาไว้ได้อย่างดี เขาแค่อยากจะให้อีกฝ่ายรักษาสัญญา



...อยากจะออกไปสัมผัสสายลมข้างนอกบ้าง...ก็เท่านั้นเอง...




ไม่นานนักก็กลับมาถึงห้อง คิโยโนบุนั่งลงกับเตียง ก่อนจะมองหน้าของเจราวกับจะถามว่า


...เป็นไง...เก่งใช่ไหมล่ะ....


เมื่ออีกฝ่ายเดินกลับห้องเองได้โดยที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจแต่อย่างใด้ทำให้คนที่สัญญาด้วยปากเปล่า และตัวหนังสือสวยๆสีแดงบนเฝือกอีกฝ่ายต้องถอนหายใจ


" โอเคๆ ตกลงจะไปเมื่อไหร่ล่ะ? "เจถามอย่างจำยอมขระที่ช่วยยกขาที่ห้อยอยู่ขึ้นบนเตียง

"พรุ่งนี้...เป็นไง... หลังพยาบาลเลิกเดินตรวจ หลังเวลาเยี่ยม"

" เอ้านี่ " เขาโยนกระเป๋าเป้ให้อีกฝ่าย " ชุดแล้วก็หมวก " ก่อนจะหันไปสนใจปิ่นโตทั้งสองเถา เจจัดการดึงมันออกมาวางเต็มโต๊ะแล้วเลื่อนโต๊ะไปที่ตรงหน้าคนป่วย " กินซะ จะได้กินยา นอนเยอะๆจะได้มีแรงเที่ยว  "


เห็นกับข้าว ชุดสำหรับใส่ และหมวกกันน็อค แล้ว ก็ต้องฉีกยิ้มกว้าง การที่อีกฝ่ายเตรียมของมาแบบนี้ ก็แสดงว่า อีกฝ่าย ก็คงคิดจะตามใจเขาอยู่แล้ว มือเรียวคว้าตะเกียบมาถือเอาไว้ ก่อนจะมองหน้า เพื่อนร่างสูงนิ่ง

" มองอะไรเล่า? " เจแทบจะโวยวายเมือ่ถูกจ้อง ตั้งแต่รอยยิ้มเมื่อครุ่แล้วที่ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ยิ่งถูกมองแบบนี้

"จุนเนี่ย...ใจดีเนอะ...ใจดีไม่เข้ากับหน้าเลย" อดไม่ได้ที่จะแหย่ ก่อนจะพุ้ยข้าวเข้าปาก

" อยากให้โฉดเหมือนหน้าก็ได้นะ " เด็กหนุ่มผมทองทำเป็นเข้ม มือใหญ่ๆนั้นดังกรอบๆ เมื่อเขาหักมันแล้วทำท่าเข้าไปหาคนที่พุ้ยข้าวใส่ปาก" พูดมาก กินเร็วๆ "

"นายไม่ต่อยฉันหรอก...." คิโยโนบุพูดอย่างรู้ทัน ก่อนจะกวาดอาหารขนาดสองคนทานหมดเรียบภายในพริบตา ด้วย ความเหนื่อย จาก การ ทำกายภาพทำให้ ความเจริญอาหารดูจะมีเยอะ มากกว่า ปรกติ

" เอ้า เซมเบ้ น้ำชา "เจวางถุงใส่ขนมกับน้ำที่อีกฝ่ายชอบลงบนโต๊ะ ขณะที่เก็บปิ่นโตลงที่เดิม

"ขอบใจ... นายเองก็กินด้วยดิ่" เด็กหนุ่มชวนอีกฝ่ายกินเซมเบ้ ก่อนที่มือจะกดรีโมทเปืดทีวีเหมือนทุกที  เขาชอบเวลาที่มีอีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน บางครั้งก็ไม่ได้มี บทสนทนาอะไรกันมากมายนัก แต่มันก็คงจะดีกว่าการนั่งป่วย แล้ว คิดอะไร ที่เป็นไปไม่ได้อยู่คนเดียวแน่ๆ



....อาทิตย์นี้ก็จะมีแข่ง ระดับจังหวัดแล้วซิ่นะ...
....เพราะแบบนั้นล่ะ ถึงอยากออกไปข้างนอก....




#################################### to be con

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ยาวมากกกกกกกก สะจายสุดๆ :a5:
อืมม มีความหลังกันแบบนี้นี่เอง แต่คิโยจังไม่รู้ตัวเลยนี่นา
จุนจังก็เอาแต่ปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง แล้วจะรักกันยังไงเนี้ย
คิโยจังซื้อซื่อ  :pig4:ที่มาต่อให้แบบยาวสุดๆๆ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@writer's talk@@@

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ...อาจจะโพสต์ยาวเกินไปทำให้คนอ่านเหนื่อยได้ ต้องขอโทษด้วยค่ะ
กำลังพยายามหาความพอดีอยู่ค่ะ แต่ก็อยากจะให้ช่วยติดตามเรื่องราวกันต่อไปนะคะ

##############




วันอาทิตย์ที่ คิโยโนบุ รอคอย มาถึงอย่างรวดเร็ว เช่น เดียวกับ จุนที่ ดูจะมาแต่เช้า มันเป็นแฟนการที่ตัวคนป่วยเป็น คนวางเอาไว้เองว่า จะให้ อีกฝ่ายทำทีมาเยี่ยมแต่วันหน่อย ...เพื่อที่จะได้มีเวลา ออกไปด้วยกันให้หนำใจ

"เดี๋ยวอีก3นาที พี่พยาบาล จะมา " เด็กหนุ่มว่าพลาง มองนาฬิกา "พอมา ก็ให้เขาเช็คนั่นนี่ไปล่ะ แล้ว... เราบอกพี่เขาว่าเราจะออกไป เดินเล่นกันที่ สวนเป็นไง" ว่าพลางก็หันไปมองหน้าของคนที่ดูจะทำหน้า เซ็งๆอยู่ข้างๆ

" อือ..อย่าทำหน้าระรื่นนักละกัน มันน่าสงสัย "นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอีกฝ่าย ด้วยว่า รู้สึกหมั่นไส้ท่าทางระริกระรี้นั่น

"อะไร...หน้าเขาระรื่นก็ว่า " เด็กหนุ่มมองหน้าของอีกฝ่าย  "เอาเถอะ...จะ ทำหน้า ซึมเศร้า เหมือนปรกติก็แล้วกัน" ว่าพลางก็นิ่งไปซักพัก จน หน้าตา เป็นเหมือนกับใบหน้าเศร้าสร้อย ที่ เด็กหนุ่มร่างสูงเคยเห็น เมื่อวันที่เกิดอุบัติเหตุ ทำเอาเจต้องยกมือปิดปากเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา พอดีกับที่พยาบาลเดินเข้ามาในห้อง

"อ้าว ...วันนี้ก็มีเพื่อนมาเยี่ยมอีกแล้วนะ อิโนะอุเอะคุง" พี่พยาบาลสาวเดินยิ้ม เข้ามา ก่อนจะเอาถาดยา ปรอท และเครื่องวัดความดันมา วางลงบนโต๊ะ
"โอเค วัดอุณหภูมิ ก่อนก็แล้วกันนะ " แต่ก่อนที่ตะได้ยื่นปรอทให้กับอีกฝ่าย เด็กหนุ่มที่นั่งบนเตียงก็หันมาทำเสียงอ้อนใส่

"พี่ครับ...เดี๋ยวเสร็จแล้ว ผมกับเพื่อน จะลงไปข้างล่างนะครับ ที่สวน"

"อ้อ..จ้ะ...แต่ก็อย่าลืมกลับมากินยาตอนเย็นด้วยนะ " พยาบาลสาวไม่ได้สงสัยอะไรกับ อาการ กลั้นหัวเราะของคนที่มาเยี่ยมเลย แม้แต่น้อย

พอนางพยาบาลสาวออกไปจากห้อง เพื่อนทั้งสองคนก็ เตรียมตัว โดยเสื้อผ้า ส่วนของคนป่วยจะอยู่ใน กระเป๋าของเด็กหนุ่มร่างสูง โอโนเสะเป็นคนเข็นรถเข็นให้อีกฝ่ายนั่ง ลงมาจนถึงสวนด้านล่าง


"รถนายจอดอยู่ไหน" 

" เดินไหวไหมล่ะ? อยู่ตรงโน้นนะ " เด็กหนุ่มผมทองชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินจอดอยู่ไกลจากตรงนี้พอสมควรเลย

"อืม...ไหว... เอาไม้ให้หน่อย" ว่าพลางก็เอื้อมไปข้างหลัง ที่ เขาวางไม้ค้ำยันเอาไว้ข้างหลัง  เด็กหนุ่มร่างบาง ค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำยันเดินไปตามทาง โดยทีอีกฝ่ายคอยเดินข้างๆ เช่นเดียวกับการดูต้นทางให้ กว่าจะไปถึงก็ทำเอาเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆกัน เจถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วให้อีกฝ่ายนั่งพักซักครู่ก่อนจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แต่ก็ไม่วายหันมาถาม

 " จะขึ้นยังไงวะ? "

"เอ่อ.... เดี๋ยวนะ ถือไว้ " เด็กหนุ่มยื่น ไม้ค้ำยันให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะเขย่ง ขาเข้าไปใกล้ รถ ก่อนจะเกาะไหล่ของอีกฝ่ายไว้เป็นหลักยึดแล้วขยับตัวขึ้นนั่งไพล่ขาไปด้านเดียวกัน โดยที่ขาข้างที่ไม่เจ็บวางเป็นหลักเอาไว้เพื่อรับน้ำหนักของขาอีกข้าง เสียงอุทานดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับมือเรียวที่ยึด ไหล่แกร่งเอาไว้แน่น
"อ่ะ......โอ..โอเคแล้ว..เอาไม้มา "  เสียงนั้นตะกุกตะกักเล็กน้อย  เจส่งไม้คืนให้อีกฝ่าย

" นั่งดีๆก็แล้วกัน จะไปช้าๆ แต่..นานหน่อยนะเว้ย กว่าจะถึง "เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เป็นเชิงถามว่า ยังจะไปอยู่ใช่ไหม

"มองแบบนั้นทำไมเล่า ออกรถเล้ย " ดูท่าว่า จะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรนักกับความเจ็บปวด เขาทนได้อยู่แล้ว มันคงดีกว่าการไม่ได้สัมผัสสายลมอีก

" เออ ทนไม่ได้ก็บอกนะเว้ย เดี๋ยวไม่หายซักที "คนขับบอกแกมขู่ก่นอจะออกรถ ดูมันจะผิดวิสัยนักซิ่งมอเตอร์ไซค์อย่างเจที่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ช้าๆ วิวทิวทัศน์จากโรงพยาบาลห่างออกไป กลายเป็นทุ่งหญ้า


"เฮ้อ...อากาศดีเป็นบ้าเลย... " เสียงเด็กหนุ่มที่นั่งข้างหลัง ตะโกนออกมา

" ก็สูดเข้าไปเยอะๆ!! " เจตะโกนตอบกลับมาก่อนจะหัวเราะร่า วิวจากทุ่งหญ้ายังคงมีให้เห็นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางแยกไปยังแม่น้ำ ต้องผ่านย่านที่อยู่อาศัยประปราย แต่พวกเขาก็ไม่สนใจที่จะลงแวะซื้ออะไร เพราะเจได้เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว

"จะไปตกปลาหรือไง... " เด็กหนุ่ม ตะโกนถามแข่งกับสายลม บรรยากาศรอบด้าน ทำให้ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เจไม่ตอบอะไร จนกระทั่งเขาจอดรถยังบริเวณใกล้ๆ แม่น้ำ ซึ่งในฤดูแบบนี้มันไม่ได้ลึกมากนัก กอหญ้าที่มักจะขึ้นริมน้ำพริ้วไหวไปตามลม ทำให้ทั้งคู่ได้กลิ่นของธรรมชาติอย่างแท้จริง

"โห.....สวยจังเลย" เด็กหนุ่ม มองไปรอบๆ แม้น้ำใส ที่โอบล้อมรอบด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ เด็กหนุ่มขยับตัวหมายจะลงจากรถ เพราะความตื่นเต้น ทำให้แทบจะลืมไปเลยว่าตัวเองขาเจ็บอยู่

" เฮ้ย เดี๋ยว " เจรีบปราดเข้ามาช่วยอีกฝ่ายลงจากรถ ก่อนจะหยิบไม้ค้ำให้

"อ่ะ...ขอบใจ " มือเรียวข้างหนึ่งยึดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อ ขยับตัวลงมา ก่อนจะรับ ไม้ค้ำยันมาเพื่อช่วนตัวเองให้ยืนขึ้น เจพาอีกฝ่ายไปนั่งยังบริเวณที่สบายที่สุดสำหรับคนขาเจ็บ ก่อนจะเปิดกระเป๋าใบใหญ่ แล้วนำเบ็ดตกปลาสองคันออกมาประกอบ

" ตกปลาเป็นรึเปล่า? "เจถามอย่างอารมณ์ดี

"ก็... เป็น แต่จะได้ หรือเปล่าไม่รู้" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยักไหล่ ก่อนจะยื่นมือไปรับเบ็ดจากอีกฝ่าย

" ถ้าได้จะปล่อย หรือ จะกิน?   "เจถามขณะที่ประกอบเบ็ดของตัวเอง

..ฉันว่าอย่างหลังว่ะ..

"ถ้านายทำปลาเป็นก็จะขอกินฝืมือนาย... ไม่เคยเห็นนายทำกับข้าวเลย..หรือถ้าฝีมือนายไม่ถึงจับปลามาก็จะเสียดาย ปล่อยดีกว่า "

" อ้าว ดูถูกกันนี่หว่า ขาไม่ดี ปากดีนักนะเว้ย เฮ้ย "เจหันมาทำตาขวางๆใส่

"ฮ่ะๆ ..."คิโยโนบุ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะรับเหยื่อมาติดตรงปลายเบ็ดแล้ว เหวียงออกไปยังแม้น้ำ สายลมพัดมาเอื่อยๆ เช่นเดียวกับสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ ทุ่นลอยสีเหลือง ลอยตุบป่องอยู่บนผิวน้ำ มีเพียงความเงียบท่ามกลางเสียงของสายลมที่ทำให้ต้นหญ้าริมน้ำเริงระบำ ทำนองของสายน้ำเอื่อย เป็นบทเพลงที่ทำให้จิตใจของพวกเขาสงบได้อย่างประหลาด


"นี่...จุน " เด็กหนุ่มร่างบางส่งเสียง ขึ้นท่ามกลาง ความเงียบ ของธรรมชาติ

" หือ? "เจ้าของชือขานรับโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้า

"นาย... อยากจะเป็นพ่อครัว เหมือนที่บ้านหรือเปล่า ?"

" อยากเหรอ?.. ตอนนี้ไม่อยาก "ดวงตารีมองตามสายเบ็ดที่ยังคงนิ่งอยู่ใต้พื้นน้ำ

"ทำไมล่ะ นายทำกับข้าวอร่อยออก " เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "อย่างน้อย นายมีแฟนแล้วนะหนึ่งคน"
" แฟน? " เด็กหนุ่มผมทองทวนคำ

"ฉันไง" เด็กหนุ่มหันไปมองหน้า งงๆ ของอีกฝ่าย "แฟนเบนโตะของนาย..." ทำเอาเจต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็รีบหันกลับมาสนใจเบ็ดตกปลาทันที

" พูดแปลกๆ เดี๋ยวปลาตกใจ อดกินพอดี "

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพูดแปลกๆเล่า... "อีกคนหัวเราะ ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ "โอ๊ะๆ...สงสัยจะกินเบ็ดแล้ว"

" เอาล่ะ ขาเจ็บ มือไม่เจ็บด้วยใช่มั๊ย จัดการเลย เดี๋ยวเอาถังมาให้ "เจพูดถากถางเล็กน้อยแล้วรีบไปหยิบถังใส่น้ำมาวางใกล้ๆ

"เหอ...พูด..ง่ายนี่ " เด็กหนุ่มร้องเสียงดัง ขาข้างหนึ่งยันพื้นเอาไว้ในขณะที่แขนก็ทั้งดึงทั้งหมุน ให้เอ็นดึงเข้ามา การชักกะเย่อกับปลาเป็นไปได้ซักครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าปลาจะยอมแพ้ ถูกลากเข้ามาอย่างง่ายดาย ทันที ที่ปลา แม่น้ำตัวขนาดกำลังพอดีลงถังไป คนที่ชักกะเย่อด้วยก็แทบจะหมดแรงเหมือนกัน
 

"เฮ้อ....เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ... "

" อื้อ จะปล่อย หรือจะกินล่ะ? " เจมองดูผลงานของอีกฝ่าย นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คนเจ็บตะลากปลาตัวขนาดใหญ่ใช่เล่นแบบนี้ได้

"นายทำได้ไหม" แต่คำตอบนั้นน่าช็อคยิ่งกว่า เพราะ คนเจ็บ ดูจะอยากกินไม่น้อย"ตัวมันก็....น่าอร่อยดีนะ "

 ว่าที่เชฟมือดีไม่ตอบอะไร เขาปักคันเบ็ดลงกับดินแล้วเดินไปเปิดกระเป่าใบโตเพื่อเอามีดทำปลาออกมา

" คอยดูเบ็ดไว้ล่ะ " เขาว่าก่อนจะจัดการกับปลาเป็นๆนั้นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินเอาไปล้างน้ำกับน้ำสะอาดที่ไหลมาตามแม่น้ำไม่นานเนื้อปลาสดหวานๆพอดีคำก็มาอยู่ตรงหน้าคนเจ็บ

"ซาซิมิเลยเหรอ" เด็กหนุ่มร่างบางหันไปมองหน้าอีกฝ่าย

"น่าอร่อยดี... " ว่าพลาง ก็ ใช้มือหยิบหายเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว ความหวานเพราะปลาที่ได้มานั้น สดมาก  ทำให้ ต้องตาโต มองหน้าคนทำ  "อร่อย...จุน...แน่ใจนะว่าไม่อยากเป็นพ่อครัว"

"ขนาดนั้นเลย? " เด็กหนุ่มผมทองทำหน้าตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายเชื่อซักเท่าไหร่ เขาเก็บมีดทำปลาของตัวเองใส่กระเป่าแล้วก็ลงไปนั่งรอให้ปลากินเหยื่อต่อ

"ขนาดนั้นซิ่ มันไม่ใช่ ทุกคน หรอกนะ ที่จะแล่ปลาออกมาได้แบบนี้...สถานที่แบบนี้...ฉันว่านายเนี่ย..ออกจะมีพรสวรรค์น้า " เด็กหนุ่มว่า ก่อนจะหยิบชิ้นปลามาอีกชิ้น

"ไม่ลองฝีมือตัวเองหน่อย" แต่พออีกฝ่ายหันมา คิโยโนบุ ก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ "จุน...มานี่หน่อย ...มา..ฮ่ะๆ "เรียกพลางกลั้นหัวเราะไปพลาง

" อะไร? มีอะไรตลกรึไง? " คิ้วเรียวขมวดแต่ก็เดินกลับมาหาคนเจ็บอยู่ดี

"หน้าเหมือนฆาตกรใจโหด ที่เพิ่ง ลงมือฆ่าเสร็จ" คิโยโนบุ หัวเราะพลางยื่นมือไปเช็ดรอยเลือดออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย สัมผัสนั้นทำให้เจต้องผงะ แล้วถอยออกมาอย่างตกใจ

" เดี๋ยวฆ่าแม่งเลย ..  " เขาพูดออกมาเบาๆ แล้วเดินกลับไปตกปลาต่อ

"เป็นอะไรของเขา " เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลมองอีกฝ่ายเดินจากไป โดยไม่เข้าใจนัก ก่อนจะตะโกนแหย่  "อย่าฆ่าเลยนะ...แค่นี้ก็เจ็บอยู่แล้ว"

" ปากว่างก็กินไป "คนทำปลาดิบเถียงโดยที่หันมามองทางคนเจ็บแม้แต่น้อย

"คร้าบบบ" คนเจ็บยังยียวน พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  มันนานแล้ว ที่เขาไม่ได้ หัวเราะออกมาแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกสบายๆ แบบนี้


สายลมที่พัดผ่านเข้ามาในห้องของโรงพยาบาลก็ไม่เคยให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้เช่นกัน  เจมองไปตามสายน้ำแล้วก็ต้องยิ้มออกมา พารที่ได้พาคนเจ็บออกมาตกปลามันก็ดีกว่านั่งอุดอู้ กินๆ นอนๆ อบู่ในห้องจริงๆอย่างที่อีกฝ่ายว่านั่นแหละ เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ฝืนแกล้งทำยามที่พยาบาล หรือเพื่อนร่วมชั้นเข้ามาในห้องพัก ทำให้เขาดีใจที่ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้


"ป่านนี้ คงแข่งเสร็จกันไปแล้ว " เด็กหนุ่มพูดขึ้น หลังจากที่ ปลาย่างแบบง่ายๆ ถูกจัดการจนเรียบ โอโนเสะกับเขาตกปลาตัวเล็กๆ ได้ สี่ห้าตัว.. ซึ่งเด็ฏหนุ่มร่างสูงก็จัดการเอามาย่างได้รสชาตไปอีกแบบ

" แข่ง? " เด็กหนุ่มผมทองทวนคำ

"งานแข่งกรีฑาของจังหวัดน่ะ... " เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้ม ในส่วนของงาน อินเตอร์ไฮ ที่ผ่านไปแล้วนั้น เขาแทบไม่อยากจะพูดถึง... ตอนนั้น เขาเข้าผ่าตัดรอบแรก เพื่อที่จะเอาเหล็กเข้าไปดามระหว่างกระดูก

" ไม่อยากดูรึไง? " เจถามอย่างแปลกใจ เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายรักการวิ่งเป็นที่สุด ถ้าแบบนั้น ทำไม?

"ไม่ล่ะ...ดูไปก็ไม่มีผลอะไรแล้ว.. มากินปลากะนายดีกว่า " เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้ม

" เสียดายออกนะ .. ได้ดูก็ยังดีนี่หว่า ทำไมต้องหนีด้วยเล่า? "เจถอนหายใจ ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ก็กลับกลายเป็นเขาเองที่หดหู่

"ไม่ได้หนีหรอก... ฉันแค่คิดว่ามีอย่างอื่นที่ฉันทำก็สนุกได้มากกว่าการวิ่งแล้วล่ะ " เด็กหนุ่มตอบพลางยิ้ม

" อะไรล่ะ? " เจใช้กิ่งไม้แห้งๆ เขี่ยกองไฟที่เขาย่างปลา ไปมา

"ก็...อยู่กับนายนี่ไง...สนุกดี" เด็กหนุ่มพูด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองหน้าของอีกฝ่าย  เจถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา

" ไม่ใช่ดิ หมายถึงว่า ถ้าไม่ได้วิ่งแล้วจะทำอะไรน่ะ คิดไว้รึยัง? "

"ไม่รู้ซิ่..หลังจากนี้ คงต้องขอแค่ให้ขาแข็งแรง พอให้เดินได้อย่างปรกติซะก่อน... "เด็กหนุ่มพูดพลางมอง เฝือกของตัวเอง

" แล้วถ้าเดินได้ จะกลับไปวิ่งอีกไหม? "เด็กหนุ่มตาเล็กถามพลางจ้องหน้าคนที่นั่งตรงข้ามเขม็ง

"ถ้าทำได้นะ....ถ้าทำได้.... " เสียง ที่ตอบนั้นแผ่วเบา เขาพอจะรู้อาการของตัวเองดี กระดูกที่หักนั้น อาการหนักไม่ใช่น้อย เหล็กหลายชิ้นถูกใส่เข้าไปในขา เพื่อยึดให้มันเข้ากัน แต่มันคงจะไม่เป็นเหมือนอย่างเดิม คุณหมอได้บอกให้ทำใจไว้บ้างแล้ว

" แต่นายกินข้าวบำรุงกระดูกของฉันไปตั้งเยอะ นี่ก็จะเดินได้อยู่แล้วนี่ "เจปลอบอีกฝ่าย เขาไม่น่าถามให้คิโยโนบุสลดเลย

"อืม กับข้าว ของนาย ช่วยฉันได้มากเลย " เด็กหนุ่มตอบพลางยิ้ม



...ที่ใจนะ....



" อยากให้ช่วยได้มากกว่านี้ก็หัดยืน หัดเดินบ่อยๆละกัน "

"อืม... "เด็กหนุ่มยิ้ม พยักหน้าลงน้อยๆ "ขอบใจนะ จุน... ทุกอย่างเลย"

" ไม่เห็นต้องขอบใจเลย ฉันต้องไถ่โทษนายอยู่แล้ว " เจมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกตามเคย คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ คิโยโนบุยิ้ม แต่เป็น รอยยิ้มเศร้าๆ ที่อีกฝ่ายคงมองไม่เห็น


"ฉันแค่อยากให้นายเป็นเพื่อน....เพื่อนที่ดีแบบนี้...ขอแค่นั้นเอง.... " คิโยโนบุพูดขึ้น เบาเสียงจนเสียงนุ่มนั้นลอยหายไปกับสายลม

ดูเหมือนบรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่จะดูตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ตามอากาศที่เย็นลงเพราะเริ่มจะใกล้ค่ำแล้ว


" กลับเถอะ เดี๋ยวโดนจับได้พอดี "เจพูดทำลายความเงียบขึ้นมาพลางลุกขึ้นเก็บของ และขยะให้เรียบร้อย

"อ่ะ...อื้ม..นั่นซิ่นะ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลว่า พลาง พยายามลุกขึ้น  ทั้งๆที่คิดว่าจะเข้าไปพยุง แต่พอเห็นการพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองของอีกฝ่ายแล้ว เด็กหนุ่มร่างใหญ่เลยไม่ค่อยเป็นห่วงนักเขาเก็บของแขวนที่แฮนด์รถ ก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วสตาร์ทเครื่อง เสียงของมันดังไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มร่างบาง เดินตามมาก่อนจะค่อยๆ ขึ้นไปนั่งบนรถเหมือนตอนขามา เสียงอุทานเบาๆ เพราะความเจ็บปวดดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้ง

"เฮ้อ..... "คิโยโนบุ ถอนหายใจออกมาเมื่อจัดท่าทางการนั่งเรียบร้อยแล้ว

" ไปกันเถอะ " เจว่าแล้วขี่มอร์เตอร์ไซค์ออกไปจากริมแม่น้ำ กลับไปสู่บรรยากาศน่าเบื่อของโรงพยาบาล เช่นเดิม



………………………………to be con

lasom

  • บุคคลทั่วไป
มาแบบยาวๆก็ได้ อ่านได้ไม่เป็นไรเราชอบ o13
ให้กำลังใจคนแต่งฮับ เขียนได้ดีออก แต่อยากได้หวานๆมั่งอ่ะ
 :o8:รึว่าตอนนี้เป็นอดีตมันเลยยังไม่มี สู้ สู้จ้า :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@writer's talk@@@

มาแบบยาวๆก็ได้ อ่านได้ไม่เป็นไรเราชอบ o13
ให้กำลังใจคนแต่งฮับ เขียนได้ดีออก แต่อยากได้หวานๆมั่งอ่ะ
 :o8:รึว่าตอนนี้เป็นอดีตมันเลยยังไม่มี สู้ สู้จ้า :กอด1:
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ...เป็นกำลังใจมากเลย
ไรเตอร์ขยันอัพทุกวันค่ะ รอว่าจะมีใครเห็นเรื่องนี้ไหมน้า...
ช่วงแรกอาจจะนิ่งๆค่ะ แต่...ช่วงหลังก็ต้องรอดูกันไป
เอ้าเรียกหาหวานๆ ตอนนี้ก็ไม่รู้จะหวานสมใจได้หรือเปล่า...คู่นี้ กว่าจะได้คิสกัน (ตรึง...สรุปว่ารอNC??  :z1:)


################



" จะเข้าไปยังไงล่ะทีนี้?  " เจถามขณะที่เดินตามคนที่ใช้ไม้ค้ำยันได้ไม่ถนัดนัก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีจังหวะเปลี่ยนเป็นชุดคนป่วยเลย
"คงต้องหลบพี่พยาบาลเข้าไป...หารถเข็นดีไหม อย่างน้อย...เข็นไปก็เร็วกว่า หลบเข้าห้องน้ำ ตรงทางเข้าข้างหลังนี่ก็ได้ จะได้เปลี่ยนชุด" คนเจ็บเสนอไอเดีย  เจยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเดินไปหารถเข็น ไม่นานเขาก็ได้มันมา
 " อะ นั่ง "
"ขอบใจ " เด็กหนุ่ม ถือไม้ค้ำยันไว้ในมือ ใบหน้า ได้รูปนั้นซีดลงไปเล็กน้อย การเดินด้วยไม้ค้ำยันนั้น ต้องใช้แรงมากพอสมควร
" คงไม่มีใครจับได้หรอกนะ  "เจบ่นเบาๆ แล้วก็ออกแรงเข็นรถเข็นไปยังห้องน้ำ เพื่อส่งอีกฝ่าย เปลี่ยนชุด หลังจากที่ทุลักทุเล อยู่นาน กับ การเปลี่ยนกลับมาเป็น ชุดคนป่วย เจ้าแผนการบอกเส้นทางให้เพื่อนร่างสูง เพื่อที่จะได้พาเขากลับไปที่ห้องพักได้โดยที่ไม่เจอ พยาบาล จับได้ แต่เมื่อออกจากห้องน้ำมาได้ไม่เท่าไร ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเพื่อที่จะตรงไปยังห้องพัก

"อ๊ะ...อิโนะอุเอะซัง นั่นไงคะ... " เสียง พยาบาลคนหนึ่งในกลุ่มคนหลาย คนที่ยืนอยู่ที่ หน้าห้องพักของเด็กหนุ่มร่างบางหันมาชี้มาทางทั้งสองคน ทำเอาเจถึงกับลุกลี้ลุกลนไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่โค้งให้ผู้เป็นแม่ของคนเจ็บเสียต่ำ

" เธอเอาลูกฉันไปไหนมา หา!! " เสียงของคุณแม่คิโยโนบุตวาดลั่น นั้นบ่งบอกได้เลยว่า โกรธจัด เขาไม่แน่ใจว่า พ่อของเขามาด้วยหรือเปล่า แต่ การที่ยังไม่เห็น พ่อของตัวเองยืนอยู่แถวนี้ ก็แสดงว่า วันนี้ อาจจะยังพอโชคดีอยู่บ้าง

"แม่... แม่.... " คิโยโนบุร้องพลางยื่นมือไปกันแม่ของเขาเอาไว้

" ไม่ต้องแก้ตัวให้เลยนะ คิโยโนบุ แม่หลงคิดว่าจะไว้ใจได้บ้างซะอีก อันธพาลก็คือ อันธพาล เชื่อใจไม่ได้เลยซักนิด เธอน่ะ.. " คุณแม่ชี้หน้าของเด็กหนุ่มที่เนตัวการให้ลูกชายของเธอเสียอนาคต เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมลูกชายของเธอถึงยืนยันจะคบ อันธพาลแบบนี้เป็นเพื่อน

"แม่...ผมเป็นคนขอให้เขาพาไปเอง... " เด็กหนุ่มร่างบางเอื้อมไปจับเสื้อของแม่เอาไว้ รถเข็นขยับไปตามแรงของเด็กหนุ่ม ที่เอื้อมไปจนเกือบจะสุดตัว นั่นยิ่งทำให้คนเป็นลูกแทบจะเสียหลัก ถ้าไม่ได้มือแกร่งดึงร่างนั้นเอาไว้ แล้วเงยหน้ารับคำต่อว่าแต่โดยดี

" ขอโทษครับ ผมแค่อยากให้เขาเลิกทำหน้าเหมือนจะตายก็เท่านั้น " เด็กหนุ่มบอก อย่างไม่เกรงกลัว  " คุณน้าครับ หมอนี่ไม่ยอมหัดเดินเลยนี่ครับ ผมอยากให้มัน..เอ่อ กลับไปวิ่งได้เร็วๆ ก็เลยบอกไปว่า ถ้าวันนี้มันเดินได้ ผมจะพาออกไปข้างนอกน่ะฮะ .. ผม..เอ่อ .. รู้ว่ามันผิด แต่ผม.. " เพราะว่าไม่เคยขอโทษใครเลยทำให้คำพูดนั้นฟังดูแปลกๆไปบ้าง มันก็ไม่แปลกอะไรถ้าเทียบกับท่าทางแข็งกระด้างแบบนั้น

"แม่ครับ... แม่...ผมดื้อไปเอง ...จุนไม่ผิด... แล้วผมก็กลับมาแล้ว เราไม่เป็นอะไร แล้วนี่..นี่ ผมให้แม่ดูอะไร " คิโยโนบุพูดรัว ก่อนจะ เอาไม้ค้ำยันมา ถือเอาไว้"จุน...นายช่วยหน่อย" เด็กหนุ่มพูดพลางหันไปบอกให้เด็กหนุ่มร่างสูงช่วย เจพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะช่วยให้อีกฝ่ายยืนขึ้น
"ขอบใจ" เด็กหนุ่มว่าพลางยืน ก่อนจะเดินด้วยไม้ค้ำให้ผู้เป็นแม่ดู พยาบาลที่เห็น ความพยายามนั้นของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ก็อดที่จะรู้สึกเห็นใจไม่ได้

"เอ่อ...อิโนะอุเอะคุง... เขาฝึกเดินด้วยไม้ค้ำตั้งแต่เมื่อวานค่ะ เขา...เดินได้ดีนะคะ พยายามมากเลย " เธอพูดขึ้น ก่อนจะต้องก้มหน้าลงเพราะ รู้ตัวว่า เสนอ ความคิดเห็นสอดเข้าไป

" ลูกจะบอกอะไรกับแม่? "ผู้เป็นแม่กอดอกถาม แต่ก็ยังทำตาขวางใส่เจ เช่นเดิม

"ผม...อยากไปเอง...ผมขอให้เขาพาไปเอง เขาพยายามห้ามแล้วด้วยการตั้งเงื่อนไข .. แต่ผมอยากไปมาก...ผมก็เลยหัดเดิน...แม่ จุนเขาแค่รักษาคำพูดของเขา...ผมต่างหากที่ดื้อแพ่งจะไป ถ้าแม่จะว่าใคร แม่มาว่าผมดีกว่า " เด็กหนุ่มพูดในโทนเสียงราวกับจะขอร้อง 


...ผมไม่อยากให้เขารู้สึก แย่มากไปกว่านี้...



" โอ๊ย ทำไมลูกต้องเข้าข้าง ต้องปกป้องเขาด้วย ที่ลูกวิ่งไม่ได้ บางที อาจจะเป็นนักกีฬาวิ่งไม่ได้ไปทั้งชีวิตมันเพราะใครกัน ลูกยังพูดแบบนี้อีกรึไง? " คนเป็นแม่แทบจะตวาดใส่ลูกชาย เธอไม่เคยมองว่าเจเป็นเพื่อนของลูกชายเธอได้เลยซักครั้ง คุณแม่สะบัดหน้าไปอีกทางก่อนจะทิ้งคำพูดเอาไว้ แล้วเดินจากไป "เรื่องของพวกเธอ...ฉันไม่อยากจะยุ่งอีกแล้ว... "


"............"

เด็กหนุ่มหมายจะเรียก แม่เอาไว้ แต่ตอนนี้ คุณแม่ของเขาก็คงจะไม่ฟังอะไรแล้ว คิโยโนบุ คิดว่าไม่นาน เรื่องนี้จะต้องถึงหูของผู้เป็นพ่ออย่างแน่นอน และ มันไม่อยากจะคาดเดาเลย ว่าพ่อของเขาต้องการจะทำอะไร พยาบาล เดินเข้ามาบอกให้เด็กหนุ่มเข้าห้องพัก และ บอกให้ เพื่อนคนป่วยรีบกลับบ้านไปเสีย ท่าทางหัวเสียเล็กๆของพวกเธอสู้ไม่ได้เลย กับ พายุที่เพิ่งจะผ่านไป


"พี่พยาบาลฮะ...ผมขอคุยกับเพื่อนต่ออีกหน่อยได้ไหมครับ...ผมไม่หนีไปไหนแล้ว ผมสัญญา " เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อนอนลงบนเตียงโดยที่มีเพื่อนร่างสูงยืนอยู่ที่ประตู

" ก็ได้จ้ะ แต่อย่านานนักนะ คุณแม่น่ะ เขาขอไม่ให้เยี่ยมนานน่ะจ้ะ . เข้าใจนะ โอโนะเสะคุง "พยาบาลสาวบอกกับเด็กทั้งสองก่อนจะขอตัวออกจากห้อง

....................................


"จุน....ฉันขอโทษนะ...แม่น่ะ...บางทีเขาก็...อารมณ์ร้อน แต่ปรกติแล้วเขาก็...ใจดีนะ" เด็กหนุ่มพูดรัวออกมา

" แต่ก็เป็นเรื่องแล้ว .. ทำใจได้เลย  " เจยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น " ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรดีอนู่แล้ว เลวอีกหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ "

"ไม่ใช่...." คิโยโนบุ พูดขึ้นมาเสียงดัง "นาย...นายเป็นเพื่อน...ที่ดีมาก" ดวงตาสีน้ำตาล สบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

" ฉันก็แค่..ไถ่โทษ บอกแล้วไง "เจหันไปมองทางอื่นอีกแล้ว ทุกครั้งที่คิโยโนบุสบตา น่าแปลกที่เขาสบตาคู่นั้นตรงๆไม่ได้ คำพูดของอีกฝ่ายทำให้คนป่วย ต้อง ถอนหายใจออกมาเบาๆ

"เฮ้อ...จุน...นายมานี่เดี๋ยวได้ไหม..." ว่าพลางก็ตบตรงข้างๆเตียง เก้าอี้ที่อีกฝ่ายชอบนั่งอยู่ตรงนั้น  เจเดินไปนั่งเก้าอี้ที่เขามักนั่งเสมอแทนที่จะนั่งตรงที่ๆอีกฝ่ายตบ บนเตียง

" อะไร? "

"ไม่พูดคำว่า ไถ่โทษจะได้ไหม.... "เด็กหนุ่มถามเสียงเบา  "มัน.. ทำให้ฉันรู้สึกว่า...นาย...ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้...กับฉัน" มือเรียวของคนป่วยยื่นออกไป ราวกับจะขอให้อีกฝ่าย ส่งมือตอบกลับมา

" ก็..ไม่ใช่แบบนั้น..ฉันแค่ " เจเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วก็ต้องหันไปอีกแล้ว " อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ "ใบหน้าเรียวแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

"แบบไหน?... นายไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันด้วยซ้ำไปตอนนี้ " เด็กหนุ่มถามกลับ ทำเอาเจต้องหันกลับมาทันทีนิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอีกฝ่าย

" แบบเนี้ย .. ทำหน้าอย่างกับจะอ้อนเนี่ย "

"อ้อน?" คิโยโนะบุ เลิกคิ้วถามกลับ ก่อนจะจับนิ้วของอีกฝ่ายเอาไว้ ลดระดับลง เปลี่ยนเป็น จับมือใหญ่นั่นเอาไว้แทน "ไม่รู้ซิ่...แค่รู้สึกแย่ คำว่า "ไถ่โทษ" ของนายนั่นล่ะมั้ง "

" แล้วจะให้พูดว่าไง " ทั้งๆที่ควรจะดึงมือออก เจกลับมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

"ก็.... " เด็กหนุ่มกรอกตาเล็กน้อย ก่อนจะสบตาของอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปนั้นหยักยิ้ม  "อย่างเช่น...ทำไป เพราะอยากทำ...ทำไปเพราะ...ได้ชดเชยเวลา3ปีที่เรียนห้องเดียวกันแต่ไม่เคยคุยกัน.....ทำไปเพราะ.....อะไรอีกดีล่ะ" คิโยโนบุมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะรอฟังคำตอบ

" ก็ ถ้าจะทำให้นายดีขึ้น ก็จะทำ "เจตอบกลับมา พลางมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

"เหมือน... ถูกบังคับให้ทำเลยนะ..." อดไม่ได้ที่จะแขวะเล็กๆ  เด็กหนุ่มร่างสูงส่ายหน้าไปมา

" พูดจริงๆนะโว้ย "

คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ คนที่กึ่งนั่ง กึ่งนอนอยู่บนเตียงยิ้ม มือเรียวที่จับมือแกร่งนั้นเอาไว้ ออกแรงบีบเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหลือบมองมือของเพื่อนร่างสูงเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาขึ้นมาสบตาของอีกฝ่าย

"ขอบใจนะ.... " เสียงนุ่มนั้นแผ่วเบาๆ ราวกระซิบ  เจบีบมือตอบอีกฝ่าย แล้วยิ้มให้

" พรุ่งนี้..พ่อนายอาจจะมาอาละวาดใส่ฉัน  "

"พ่อเหรอ.... "เมื่อพูดถึงคนๆนี้ แล้ว ใบหน้าได้รูปนั้นกลับ เปลี่ยนไปเป็นเศร้าสร้อย รอยยิ้มเลือนหายไป "เขาคงไม่อาละวาดอะไรหรอกมั้ง... สิ่งที่เขาใส่ใจ...มีแค่งาน กับงาน เท่านั้นล่ะ"


คิโยโนบุ รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง....จากการวิ่ง... จากเพื่อนที่คบกันเพียงแค่ผิวเผิน....และจากครอบครัว จะมีก็แต่คนตรงหน้านี่ล่ะที่ยังไม่ไปไหน แม้จะพูดได้ว่าอีกฝ่าย ผิด แต่ก็เป็นเพียงแค่ อุบัติเหตุ... และอีกฝ่ายก็ไม่ได้หนีไปไหน...ยังอยู่ตรงนี้ และ บอกว่าจะทำเพื่อให้เขาดีขึ้น มือเรียวที่จับมือของจุนเอาไว้สั่นระริกเช่นเดียวกับไหล่บางนั้น


" เฮ้ย..ไม่เป็นไรหรอกน่า " มือข้างว่างตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะขยับไปใกล้ แล้วลากมือไปลูบหลังนั้นเบาๆ เป็นการปลอบ

"อืม.. "ใบหน้า ที่ก้มนิ่งเมื่อครู่ขยับขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่าย ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเป็น ประกาย ของน้ำตาที่กลั้นเอาไว้อย่างเต็มที่ สะท้อนกับแสงไฟสีขาวซีดบนเพดาน ของห้องพักคนป่วยในโรงพยาบาล  นั่นยิ่งทำให้เจรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เขาดึงอีกฝ่ายมากอดแล้วลูบหลังเบาๆ

" ไม่เป็นไรน่า..ไม่เป็นไร " มือเรียวยกขึ้นแตะบ่าของอีกฝ่าย หน้าผากมนวางลงบนไหล่กว้างนั้น พิงน้ำหนักลงไป ราวกับจะถ่ายถอดความรู้สึกหนักข้างในอกนี่ลงไปบนไหล่กว้างนั้น ด้วยความเชื่อใจว่าอีกฝ่ายจะสามารถ แบ่งเบามันไปได้ สัมผัสอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือนั้นมาจากด้านหลัง ทำให้รู้สึกอบอุ่นได้...ทั้งกาย ...และลึกลงไปข้างในหัวใจที่เต้น อยู่ในอก ท่ามกลาง ความเงียบ
 
เจเองก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ทิ้งลงมาบนไหล่นั้น  เขาลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ


"......... " คิโยโนบุ ขยับตัวเล็กน้อย หมายจะถอยออกมา  "เสื้อนาย...ยับเลย " เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่หันไปจะมองหน้าของอีกฝ่าย แต่ด้วยระยะห่างน้อยนิด ปลายจมูกของเด็กหนุ่มแตะแผ่วผ่านที่ข้างแก้มของเพื่อนร่างสูง  "อ่ะ...ขอโทษ" สัมผัสเบาๆ นั้น ทำให้ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลต้องเอ่ยออกมาเบาๆ ใบหน้าได้รูปนั้น แดงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสัมผัส ที่เป็นเพียงอุบัติเหตุนั้น  "เออนี่.... "คิโยโนบุเริ่มพูด พยายามจะหาเรื่องพูดแก้เขิน " นาย... เคยจูบใครป่ะ...มี...เอ่อ..มีแฟนไหม"
 

สัมผัสแผ่วเบานั่น ทำให้เจไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันเกินไป แล้วยังสัมผัสแบบนั้นอีกมือใหญ่นั้นแตะกับแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสกับปากของอีกฝ่ายแทนคำตอบ ดวงตากลมโต นั้น เบิกกว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากบางเผยอขึ้นหมายจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ ซุ่มเสียงก็หายลงคอไปเสียหมด  มือเรียวที่แตะไหล่กว้างอยู่เมื่อครู่หมายจะผละหนี แต่ความตกใจก็ชิงเอาแรงหายไปเกือบหมด  ริมฝีปากได้รูป แตะเบาๆ ก่อนจะทำท่าจะถอนออก แต่ริมฝีปากบางคนป่วยกลับ ขยับเข้าไปชิด ราวกลับจะ ลอง...สัมผัสดูอีกครั้ง


...สัมผัสแรก...ที่ไม่เคยทำกับใคร...
...รสชาตของมัน...จะเป็นยังไง...



สัมผัสนุ่มนวลนั้นทำให้เจต้องขบเม้มริมฝีปากนั้นเบา ก่อนจะแตกปลายลิ้นกับริมฝีปากบางของคนป่วยเบาๆ ตามสัญาชาตญาณ สัมผัสของปลายลิ้นแผ่วเบา ยิ่งเพิ่มความใครรู้ ริมฝีปากนุ่ม เผยอขึ้นเล็กน้อย ตอบรับสัมผัส นั้น อย่างไม่แน่ใจ ความกล้า ความกลัว ผสมปนเปกันไปในการทดลองที่เกิดจากความคิดชั่ววูบหนึ่ง  ดวงตาคู่สวยปิดสนิท มีเพียง ความร้อนและชื้นบนริมฝีปากเท่านั้นที่รู้สึกได้  จากจูบที่แผ่วเบา มันกำลังจะกลายเป็นความร้อนในไม่ช้า ถ้าไม่มีเสียงเคาะประตูห้องเสียก่อน


--- ก๊อกๆๆ----


" โอโนะเสะ คุง หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะจ๊ะ "

เสียงเคาะประตูทำให้เจผละออกจากอีกฝ่ายทันที ดวงตารีสบตาของคนป่วยอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ที่ นั่งหน้าแดง มองมาที่ตัวเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"โอโนะเสะ คุง " เสียงเรียกจากหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้ง

" ครับๆ จะไปแล้วครับ " เด็กหนุ่มรีบเก็บของแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ไม่มีแม้แต่คำลา หรืออะไรที่จะบ่งบอกว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะทำอะไรมาให้กิน จะเอาอะไรมาให้ดูอีก
 

เสียงปิดประตูดังขึ้น ก่อนจะทิ้งให้ห้องทั้งห้อง เงียบสนิท มีเพียงแต่เสียงหัวใจของคนป่วยเท่านั้น ที่เต้นรัวเร็วจนแทบจะดังออกมานอกอก ไม่เพียงแค่เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่หัวใจของเด็กหนุ่มนั้นเต้นถี่เสียงจนในอกรู้สึกเจ็บ ...และกลัว... บางอย่างในใจนึกกลัวว่าเขาจะไม่ได้เห็นแผ่นหลังกว้าง ของ เด็กหนุ่มผมทองคนนั้นอีก
 

…………………………………………….


มีโทรศัพท์เรียกเข้ามาในห้องของโรงพยาบาล เมื่อตอนเช้ามาถึง พยาบาล ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ยินเสียงโวยวาย จากเด็กหนุ่มเจ้าของห้อง ดังออกมา อารมณ์ที่เกรี้ยวกราดนั้น ได้ยินได้ชัดในน้ำเสียง ที่ได้ยิน แต่เพียงไม่นาน ทุกอย่างก็เงียบลง ราวกับ หมดแล้วซึ่งซุ่มเสียงที่จะเปล่งออกมา สีหน้าของเด็กหนุ่มนั้นเรียบเฉย ดวงตาที่เหม่อลอยออกไปข้างนอกนั้นเศร้าสร้อย เมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้าไปตรวจ เป็นที่แปลกตายิ่งนัก 

สำหรับ อิโนะอุเอะ คิโยโนบุ ที่มักจะอารมณ์ดีตลอดเวลา แม้จะประสบอุบัติเหตุร้ายแรง แต่อะไรบางอย่างหรือใครบางคนทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ มีกำลังใจ ...ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน ในตอนสายของวัน ทั้งคุณและคุณนายอิโนะอุเอะ ก็มาที่โรงพยาบาล ด้วยความที่เป็น ผอ.โรงเรียนชื่อดังในเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนให้ความเคารพและบริการเป็นอย่างดี...ดีเสียจน การนำตัวคนป่วยออกจากโรงพยาบาลนั้นเกิดขึ้นอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ด้วยเหตุผลที่ได้ฟังเพียงคร่าวๆต้องย้ายบ้านด่วน และ ไม่มีคำพูดอะไรจากปากของเด็กหนุ่ม นอกเสียจากคำว่า   "ขอบคุณมากครับ"    และรอยยิ้มเศร้าๆ ก่อนที่จะถูกเข็นด้วยรถเข็นออกไปจากโรงพยาบาล

ส่วนเด็กหนุ่มร่างใหญ่ผมทองที่มักจะมากับปิ่นโต ด้วยมอร์เตอร์ไซค์สีน้ำเงินเสมอ ก็ยังคงมาเช่นทุกวันในตอนใกล้เที่ยง เพื่อเอาปิ่นโตสองชุดมาสั่งยังห้องผู้ป่วยห้องพิเศษห้องเดิมที่เขามาเกือบจะเข้าเดือนที่สามแล้ว หากแต่วันนี้ มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ป้ายหน้าห้องว่างเอาไว้ ไม่มีชื่อของอิโนะอุเอะ คิโยโนบุ ในขณะเดียวกับที่พยาบาลเดินเอาชุดผ้าปูที่นอนเข้าไปเปลี่ยน เตรียมรับคนไข้รายใหม่ที่จะเข้ามา เจขมวดคิ้วก่อนจะเปิดประตูเข้าไป และภาพที่เห็น ภายในห้องว่างเปล่า ไม่เหลือสภาพของการมีคนอยู่มาก่อน ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนออกไป นั่นทำให้ลำคอของเด็กหนุ่มแห้งผากอย่างไร้สาเหตุ มือแกร่งที่ถือปิ่นโตเอาไว้สองชุดตกลงข้างตัว

" พี่ครับ .. หมอนั่น ไปไหนเหรอครับ? "

"อ๋อ...อิโนะอุเอะคุงน่ะเหรอ...คุณพ่อคุณแม่มาพาออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อช่วงสายแล้วล่ะจ้ะ"หญิงสาวหันมาตอบพลางยิ้มหวาน

" ออกจากโรงพยาบาล....เหรอครับ? "เด็กหนุ่ม เท่าที่เขาจำได้ นั่นมันก็อีกเกือบสองอาทิตย์ไม่ใช่หรือไง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานคงเป็นสาเหตุเดียวแน่นอน เขาคิดก่อนจะยิ้มให้พี่พยาบาล แล้วยื่นปิ่นโตทั้งสองชุดให้


" พี่ครับ..ลองกินนี่ดูไหมครับ? "


...ทำมาก็ไม่มีใครกินอยู่แล้วนี่..


"เอ้ะ..อุ้ย ปิ่นโตเหรอจ้ะ...แหม...พี่ก็ยังเข้าเวรอยู่...แต่ก็..รับไว้ก็ได้" พยาบาลสาวหัวเราะคิกคัก

" ครับ " เจโค้งให้อีกฝ่ายเล็กน้อย " ผม..เอ่อ คงต้องไปแล้วล่ะครับ " เด็กหนุ่มร้านโอโนะเสะบอกกับพยาบาลสาวก่อนจะเดินออกไปทันที  ท่าทางของเด็กหนุ่มกับถุงใส่ปิ่นโตกล่องใหญ่ในมือทำให้ พยาบาลสาวอดที่จะถอนหายใจไม่ได้



"น่าเสียดายน้า...สนิทกันขนาดนั้นแท้ๆ.... "



.................................



"เหม่ออะไรอยู่น่ะ..." เสียงของหญิงสาวคนนึ่งดังขึ้น พร้อมกับมือที่โบกไปมาตรงหน้าของชายหนุ่มผมยาว

" เปล่า .. ซุปสาหร่ายอร่อยไหม? "เชฟหนุ่มถามขึ้นมา เธอคนนี้ชอบกินสาหร่าย .. นั่นคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่..

"ก็...อร่อยดี แต่เห็นคุณเหม่อๆ" อาการิยักไหล่ ก่อนจะมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทางสงสับ "อาทิตย์นี้เป็นอะไร ท่าทางแปลกๆนะ " สาวผมหยักศกพาทิชิเย่ในร้านขนมของโรงแรมมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง เธอเป็นคนช่างสงสัย ปากร้ายบ้างในบางครั้ง สิ่งที่ออกจะแปลกๆอีกอย่างคงจะเป็นนิสัยชอบกินสาหร่าย จนถึงขั้นบอกว่า ถ้าเอาสาหร่ายมาทำเค้กได้ ในร้านของเธอคงจะเต็มไปด้วยเค้กสีเขียว

" เครียดมั๊ง..เรื่องงานแต่งงานลูกค้า..หมอนั่น.. "เขาเงียบไปเล็กน้อย

" เป็นเพื่อนสมัยมัธยม ผมไม่ได้เจอเขามาตั้ง 12 ปีแล้ว อยู่ๆก็ต้องมาจัดการอาหารในงานแต่งงานให้ "ดวงตารีเหม่อมองไปไกล ก่อนจะเสยผมยาวของตนเองเล็กน้อย

"เพื่อนแต่งงาน? ก็ดีแล้วนี่ มีคนจัดเค้กหรือยัง" อาการิถามทีเล่นทีจริง หญิงสาวยิ้มจนตาหยีก่อนจะยกซุปขึ้นดื่มเสียจนหมดถ้วย

" ไว้เจอจะถามให้นะ " เขายิ้มให้ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นภาพที่คุ้นตา สาหร่ายติดริมฝีปากเธออีกแล้ว

"แล้ว...เมื่อไหร่จะซักทีล่ะ เจน่ะ" หญิงสาวถามพลางลุกขึ้นเอาถ้วยไปล้างในห้องครัว

" เมื่อไหร่? อะไร? "เจช่วยอีกฝ่ายเอาจานไปเก็บที่อ่างล้างถ้วย

"อ่ะ พูดตกอีกแล้ว..โทษที เมื่อไหร่จะว่างซักทีล่ะ เจน่ะ "หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ด้วยความที่ว่าเป็น คนพูดเร็ว ทำเอาบางทีก็ไม่ทันสังเกตเหมือนกันว่าพูดอะไรออกไปบ้าง

" คืนนี้ก็ว่างนะ~ "มือไวพอๆกับความคิดตัวเองเลย เพราะตอนนี้เขากอดอาการิจากด้านหลังแล้ว

"ก็รู้ว่าว่าง ไม่งั้น คงไม่มาหรอก แต่จะถามว่า ว่างพอจะไปเที่ยว ไปอะไรกันแบบ วันหยุดน่ะ วันหยุด ได้เมื่อไหร่เจ้าคะ "


สาวผมหยักศกหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่ายพลางยิ้ม อาจจะเป็น เพราะ ตั้งแต่คบกันมา เจกับตัวเธอเองยังไม่เคยนัดออกไปไหนมาไหนกันข้างนอก แบบที่เรียกได้ว่า "เปิดตัว" เลยก็ว่าได้ อาจจะเป็น เพราะ หน้าที่การงานที่ต่างคนก็ต่างยุ่ง นานๆถึงจะได้มาหากันที่ห้อง ทำกับข้าว ทำขนมให้กันกิน เท่านั้น

" ให้พูดจริงๆ ก็คงต้องหลังงานแต่งงานของหมอนั่นล่ะ "ริมฝีปากได้รูปแตะที่เส้นผมของหญิงสาวเบาๆ กลิ่นนมเนยยังติดที่อยู่จนกลายเป็นกลิ่นติดตัวไปเสียแล้ว

"ขอให้จริงเถอะ...แต่ยังไงก็พยายามเข้าล่ะ งานนี้ได้โชว์ฝีมือเต็มที่แล้วนี่พ่อเชฟใหญ่" เสียงหัวเราะเบาๆ จากร่างที่ยืนล้างจานอยู่


.... แต่งงานงั้นเหรอ?....


เจคิดในใจ ... จะแปลกอะไร ..ตัวเขาสิ ที่ยังไม่คิดจะสร้างครอบครัวให้จริงจังทั้งๆที่อายุก็ไม่น้อยแล้วแบบนี้ ทำให้เขาต้องหันไปมองอาการิจากด้านหลังอีกครั้ง



………………………………………..to be con...

lasom

  • บุคคลทั่วไป
อิ อิ ขอหวานๆก็ได้ หว้าน หวาน เขิลอ่ะ  :o8:
จุนอยากทำแต่คิโยจังอยากลอง แถมได้แล้วชิ่งอีกต่างหาก
 :laugh:ฟังเหมือนไปทำใครท้องแล้วไม่รับผิดชอบ

อ้าว จุนจังมีแฟนแล้วอีกตั่งหาก  :serius2: ทำไม
สถานการณ์แย่ขนาดนี้เนี้ย มีพันธทั้งคู่เลยอ่ะ :เฮ้อ:
แล้วจะทำไงต่อดีล่ะยังไม่มีใครรู้สึกตัวทั้งคู่เลยด้วย

 :L1:เพิ่งกลับมาก็รีบเค้ามาเปิดดูเลยนะเนี้ย ดีใจอัพด้วย :pig4:

p.s กว่าจะได้คิสยากจริงๆด้วย จูบทีเดียวหนีไป12ปีเลยอ่ะ :o12:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@writer's talk@@@


อ้าว จุนจังมีแฟนแล้วอีกตั่งหาก  :serius2: ทำไม
สถานการณ์แย่ขนาดนี้เนี้ย มีพันธทั้งคู่เลยอ่ะ :เฮ้อ:
แล้วจะทำไงต่อดีล่ะยังไม่มีใครรู้สึกตัวทั้งคู่เลยด้วย

p.s กว่าจะได้คิสยากจริงๆด้วย จูบทีเดียวหนีไป12ปีเลยอ่ะ :o12:

หุหุ เป็นเรื่องอดีตนมนานกาเลของสองหนุ่มค่ะ แหม คิส แล้วทิ้ง มีที่ไหน โชคชะตานำพากลับมาเจอกัน
มีพันธะกันอีกทั้งคู่แบบนี้...เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องติดตามนะคะ หุหุ
 :pig4: :pig4: ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ เป็นกำลังใจได้มากจริงๆ

################


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในตอนสายของวันอาทิตย์ ช่วยเรียกให้ชายหนุ่มผมยาวหันมาสนใจเครืองมือสื่อสารแทนที่จะเป็น จอ โทรทัศน์ตรงหน้า

" อ้าว ว่าไง? "ชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับหนังสือในมือรับโทรศัพท์แทบไม่ทัน

"เอ่อ...วันนี้หยุดรึเปล่า ? " เสียงที่คุ้นเคยของเจ้าบ่าวหนุ่มที่ถามมานั้น ฟังดูไม่แน่ใจซักเท่าไรนัก

" อื้อ อยู่ที่ห้องน่ะ มีอะไรรึเปล่า? "

"พอดีตอนนี้อยู่หน้าอพาร์ตเม้นท์นายน่ะ มาตามนามบัตร... เปิดประตูข้างล่างให้หน่อยได้ไหม... "  เพราะว่าไม่รู้เบอร์ห้อง รู้เพียงแค่เบอร์โทรศัพท์มือถือ ทำให้ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลต้องเลือกวิธีนี้แทน ในการติดต่อ
" อื้อ " ชายหนุ่มรับคำก่อนจะรีบเปิดประตูห้อง บานประตูที่เปิดออกมาให้เห็นทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ยิ้มพลางโบกมือให้อีกฝ่ายเห็นจากข้างล่าง

"เดี๋ยวจะขึ้นไปละกัน " ชายหนุ่มตะโกนบอก ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน "มากวนหรือเปล่า... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่าพลาง มองหน้าเจ้าของห้อง

เมื่อเดินขึ้นมาตามบันได ห้องพักของจุนอยู่ทีี่ชั้นสาม หันหน้าออกมาที่ระเบียง ประตูด้านล่างเป็นระบบเปิดล็อคจากในตัวห้อง การรักษาความปลอดภัยของที่นี้ไม่ได้จัดว่าดีเยี่ยมเพราะบางทีก็มีคนสวมรอยเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าของห้องคนอื่นๆ...แต่ก็คงดีกว่าไม่มีอะไรเลย

" เปล่า ไม่ไดกวนหรอก เข้ามาสิ " เจขยับให้อีฝ่ายเข้ามาในห้องก่อนจะถาม " กินอะไรมารึยัง? "

"ยังเลย..." คิโยโนบุ ตอบพลางยิ้ม ก่อนจะ ยกถุงที่หิ้วมาให้อีกฝ่ายดู

"อันที่จริง วันนี้ มีโจทย์ชิ้นที่สองมาให้ เห็นว่ามันสวยดี ก็เลยอยากให้นายดูเร็วๆ ก็เลยรีบตรงมานี่เลย "


จานกระเบื้องเคลือบสองใบถูกวางบนโต๊ะอย่างทะนุถนอม แน่นอนว่ามันราคาแพงมากเลยทีเดียว ใบหนึ่งลักษณะคล้ายจะเป็นถ้วยน้ำชา มากเสียกว่าจะเป็นจาน ด้วยขอบที่ยกสูง ขึ้น สีม่วงอ่อน กับการวาดลายดอกฟูจิ ดูอ่อนช้อย ทำให้นึกถึงช่วงก่อนหน้าร้อน ที่บ้านเกิดที่จะได้กลิ่น ดอกฟูจิหอมระรื่น มาเสมอเวลา ที่ วิ่งผ่าน ด้านหลังของโรงเรียน  อีกใบหนึ่งเป็นจานใบเล็กๆ น่าจะเหมาะสำหรับวาง ของว่าง ที่เข้าคู่กันกับ ถ้วยน้ำชาใบแรก
 

"คิดว่าไง.. " คนกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวยิ้ม

" ขนม... ต้องขนมสิ "ดวงตารีมองจานกับถ้วย  " ถ้วยน้ำชา .. ให้เป็นชาเขียวกลิ่นผลไม้ที่เข้ากับ อะไรดีล่ะ เค้ก? "

"ชาเขียวแบบดั้งเดิมดีกว่าไหม.... เอาใจผู้ใหญ่เขาน่ะ " คิโยโนบุถามกลับ "แต่เรื่องเค้ก.....อืม...เค้กงานแต่งก็ต้องได้กินกันอยู่แล้ว... จัดไว้ท้ายสุดเลยเป็นไง " มือเรียวคว้าถ้วยชามา ดู

"คิดถึงที่โรงเรียนเหมือนกันนะ... เห็นดอกฟูจิแบบนี้...นายกลับไปที่บ้านบ่อยไหม "

" ไม่ค่อยได้กลับหรอก งานยุ่ง เอ่อ เรื่องชากับขนมน่ะ ลองดูก็แล้วกัน นายตั้งโจทย์เองนะ ไหนๆ จะ fusion แล้วนี่ก็เอาให้มันสุดๆเลยแล้วกัน "หนุ่มผมยาวเอาหนังยางที่ข้อมือมารวบผมตนเอง แล้วเดินเข้าไปในครัว ที่มีของค่อนข้างพร้อมสำหรับทำอาหารแต่สำหรับทำขนมแล้วเขาเองก็ไม่แน่ใจ


"เหรอ...จะแปลกไหมนะ ถ้าจะบอกว่า ตั้งแต่ เจอนายเนี่ย ฉันชอบคิดเรื่องเก่าๆเรื่อย" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลว่า พลาง ขยับเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ เพื่อมอง ท่าทางของอีกฝ่ายที่อยู่ในครัวได้อย่างถนัดตา มันยังน่าเหลือเชื่ออย่ดีที่เด็กหนุ่มท่าทางเอาแต่เที่ยวแะลเกเกเรคนนั้น จะกลายเป็น เชฟที่ดูเอาจริงเอาจังคนนี้ไปได้


" เฮ้ย ดูเหมือนต้องไปซื้อของเพียบเลยว่ะ "เจหันมาทางคนที่นั่งสบายอารมณ์

"งั้นไปซื้อกันไหมล่ะ ฉันจะได้ดูราคาของด้วย ...คนจ่ายตังค์เขาจะได้ไม่ด่าฉันมากนักถ้ามันไม่เกินงบที่ตั้งไว้" คำพูดนั้นเหมือนจะตลกแต่เป็นการ เหน็บแนมตัวเองเสียมากกว่าที่ต้องให้ ผู้ใหญ่ทั้งหลาย มาจัดการเรื่องงานแต่งงาน 

" งั้นรอแป๊บ " เจว่าก่อนจะถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออก

"อื้ม.... " ชายหนุ่มรับคำเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองร่างของ ชายหนุ่มร่างสูง พลาง หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกเปรียบเทียบ กับ ตัวเขาเองในตอนนี้ แม้จะเป็น ครูสอนวิชาพละ แต่ตัวเขากลับไม่ค่อยจะมีกล้ามเนื้อแบบที่ชายหนุ่มยาวมีซักเท่าไร  "นี่ใครเป็นครูสอนพละ ใครเป็นพ่อครัวกันแน่เนี่ย ... "

" หืม? " เชฟหนุ่มหันมาแบบงงๆ

"เปล่า.. ก็แค่อิจฉานาย... หุ่นดูดีทีเดียว... " ว่าที่เจ้าบ่าวว่าพลางก็หรี่ตามอง ทำท่ามีเลศนัย เป็นเชิงหยอกล้อ ร่างสูงยิ้มรับคำนั้น แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

" พ่อครัวไม่ได้ใช่งานสบายๆนี่ครับ อาจารย์ แบกกระสอบข้าวเอย อะไรเอย ผมก็ต้องทำทั้งนั้นล่ะ "

"อ้อ..ขอโทษที ไอ้เรามันก็มองจากฝั่งคนกินตลอด เห็นยิ้มเพล่มาเรื่อย เหมือนไม่เหนื่อย "คิโยโนบุตอบพลางยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
" ไปเถอะ เดี๋ยวอดกินขนม "เจดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

"พูดเหมือนเป็นเด็กๆกันอยู่ได้นะ..." คิโยโนบุว่าพลางลุกขึ้นตามแรงดึงนั้น  สัมผัสแกร่งบนท่อนแขนนั้นทำให้อดที่จะยิ้มไม่ได้  "เมื่อก่อนนายก็ชอบดึงแบบนี้ "

" ไปได้ยัง ชอบพูดเรื่องเก่าอยู่เรื่อย "ชายหนุ่มตัดบทแล้วเดินนำอีกฝ่ายออกไปนอกห้อง

"เหรอ..โทษทีนะที่ทำให้นายหน้าแดง.. " น่าแปลกที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลจะทายความรู้สึกของอีกฝ่ายออกว่ากำลังเขิน

" ไปได้แล้ว โว้ย "

"เอ...หรือว่าที่พูดตัดบทฉันตั้งแต่เมื่อกี้นี่เขินมาตลอดเลยเหรอ... " ชายหุ่มผมสีน้ำตาลรีบเดินตามไปให้ทันคนที่เดินนำหน้าไป


.........................



ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆกับอพาร์ตเมนต์ของเชฟหนุ่มคือที่หมายของพวกเขา เจหยิบเอาโพยวัตถุดิบที่ต้องซื้อออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย

" เอา ตามนี้ "

"โห...จุน...ฉัน...ไม่แน่ใจว่าจะแปลหมดนี่ออก " มือเรียวคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดืนไปไหน เพราะเขา ไม่คิดว่า จะอ่านลายมือของอีกฝ่ายที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษเอาไว้ออก...และถึงจะอ่านออก ก็คงจะแปลความหมายไม่รู้เรื่องอยู่ดี

" หืม อ้าว อ๋อ ภาษาอังกฤษนิ โทษนะ มันชินน่ะ เชฟใหญ่เขาเป็นฝรั่ง เลยเขียนภาษาอังกฤษง่ายกว่า "เจรับเอาโพยนั้นมาแล้วเดินนำอีกฝ่ายที่เข็นรถเข็นตามมา
จะว่าไปโรงแรมที่จุนทำงานอยู่นั้นก็ออกจะเป็นโรงแรมที่แปลกไม่น้อย เพราะทำอาหารออกมาแทบจะทุกสัญชาติ และมีเชฟใหญ่เป็นชาวต่างชาติตัวอ้วนกลม ที่ชื่นชอบการใส่ชุดพ่อครัวแบบญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก การทำงานแม้จะเป็นแบบฝรั่งแต่เสื้อผ้ากลับเป็นแบบญี่ปุ่น บางครั้งก็จะมีเสียงบ่นๆจากพ่อครัวอาหารจีนมาบ้างเพราะเวลาจะจับกระทะก็ไม่มีแขนเสื้อช่วยจับตามเคยชิน ใช่ว่าเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นจะเหมาะกับการทำอาหารทุกชนิด
 
"เดี๋ยวนี้ นอกจากจะทำกับข้าวเก่งยังเก่งภาษาอังกฤษอีก...เท่ห์จริงๆเล้ยเพื่อนเรา" เสียงคนเดินตามหัวเราะออกมาเบาๆ

" แป้งเค้กนะ เอายี่ห้อนี้ แล้วก็ ชาเขียว  "เจชี้ไปที่แผนกวัตถุดิบเบเกอรี่

"อื้ม..."คิโยโนบุรับคำพลาง เดินไปหยิบของมาตามที่อีกฝ่ายว่า อดนึกในใจไม่ได้ว่าถูกตัดบทอีกแล้วหรือเปล่า

" แล้วก็ ลูกพลับแห้ง "ชายหนุ่มก้มๆเงยๆ เลือกผลไม้แห้งด้วยตนเอง

"อืมมม.... "ส่วนคนที่คอยเดินเข็นรถตาม ได้แต่มอง วัตถุดิบ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลางพยายามจินตนาการรสชาตและสีสันที่น่าจะเป็นไป

"อร่อยแน่เลย " คิโยโนบุว่าพลาง จับวัตถุดิบต่างๆ ให้อยู่เป็นระเยียบ "ใช่ไหม "

" กินแล้วนายก็ได้คำตอบเองแหละว่า อร่อย หรือ เอาไปทิ้ง ฮะ ฮะ "เจพูดติดตลก

"ก็เห็นไหมละว่าฉันกินหมดทุกที... "

" นายกินได้ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนกินได้ซักหน่อย ใช่ปะ? ที่งานผู้ใหญ่เยอะนี่  " ชายหนุ่มขมวดคิ้ว " อื้อ รสชาติแบบผู้ใหญ่ๆ "ว่าแล้วก็เดินไปหาวัตถุดิบเพิ่ม
 

 …………………………….


ข้าวของมากมายถูกทั้งสองคนช่วยกันหิ้วและมามันกลับมายังอพาร์ตเมนต์ของเชฟหนุ่ม

" ฟู่~ " มือแกร่งปัดกันไปมาแล้วขยับต้นคอเพื่อคลายความเมื่อย

"มากวนจริงๆด้วยซิ่นะ " คิโยโนบุพูดพลาง ค่อยๆหยิบของออกจากถุง  "วันหยุดของนายแท้ๆเลย  โทษทีนะ "

" ช่างเถอะ งานเพื่อนทั้งที อีกอย่าง ถ้างานนี้ฉันทำสำเร็จ ก็อาจจะได้เป็นเชฟใหญ่เร็วขึ้น " เจเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเปิดกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม

" มันก็ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย "เชฟหนุ่มดึงยางมัดผมมามัดผมตนเองสูงขึ้นแล้วเดินไปหยิบตำราเบเกอรี่เล่มเก่าๆ กระดาษ และปากกามาขีดเขียนอะไรบางอย่าง

"เป็นลูกร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ก็ทำอาหาร แบบฝรั่งได้ นี่ยังทำขนมได้อีก... " ว่าที่เจ้าบ่าวว่าพลางชะโงกหน้าเข้าไปดู "เขียนอะไรน่ะ "

" สูตร เดี๋ยวนะ " เจไม่เงยหน้าจากกระดาษ ก่อนจะกดฮอตคีย์ที่คุ้นเคย " อาการิ ถามอะไรหน่อยสิ พอดีวันนี้จะลองทำเค้ก เอ่อ รูปโดมน่ะ ใช่ คิดเหมือนกันเลย ราดครีมเกาลัดผสมชาเขียว " ดวงตาของหนุ่มผมยาวฉายแววยินดี เมือ่ปลายสายคิดเมหือนเขา 


ท่าทางในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น ทำให้คนที่นั่งรอ...จะกิน... อดที่จะมองอย่างศึกษาไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายที่มีสีหน้าแบบนี้ซักเท่าไหร่..แต่ก็อย่าให้พูดไปเลย เพราะการที่เขาได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแบบใกล้ชิดครั้งสุดท้ายนั่นก็สิบกว่าปีมาแล้วเห็นจะได้  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ลุกเดินไปสำรวจห้อง ของชายหนุ่มผมยาว เมื่อเห็นว่า บทสนทนาทางโทรศัพท์ในคราวนี้คงจะนานไม่น้อย


" โอเค จะลองดู .. รู้แล้ว จะเหลือให้ พาร์ติเช่ ชิมด้วย ไม่อร่อยอย่าบ่นล่ะ "เจว่าก่นอจะวางสาย " โอเค ต่อไป ตาเจ้าบ่าว นายมาเป็นลุกมือฉัน "เขาเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับสูตร แน่นอน เป็นภาษาอังกฤษ

"มีคนช่วยออกความเห็นด้วยเหรอ... " เสียง คิโยโนบุเอ่ยถาม มือยกกรอบรูปของชายหนุ่มกับหญิงสาวผมหยักศกยาวถึงกลางหลัง ...ท่าทางจะเป็นคนร่าเริงและเป็นกันเองไม่เบา 

" เขาเป็นพาติเช่ ของโรงแรม ..จะว่าไงดีล่ะ กำลังดูๆกันอยู่ "ชายหนุ่มยื่นตะกร้อมือกับชามให้อีกฝ่าย " เดี๋ยวตวงแป้ง ผงฟู ชาเขียวใส่ลงไปในนี้ ใช้ไอ้นี่กวนๆ แล้วก็ร่อนแป้งใส่กระดาษไข "

"หา...จะไหวไหมเนี่ย... " คิโยโนบุ พูดเสียงสูงก่อนจะมองข้าวของที่อยู่ในมือ "ไม่เคยทำนะ "

" ลองดู ไม่ใช่เรื่องยากหรอก  " เจว่าก่อนจะฉวยชามอีกฝ่ายมาใส่วัตถุดิบที่เขาตวงไว้

" แล้วนี่ที่ร้อนแป้ง ร่อนเบาๆ ไม่งั้นฟุ้งหมด ใช่ฝ่ามือตบขอบเบาๆ ไม่ใช่เขย่า "

"อา...ฮะ" รับคำพลางก็ลองทำตาม แต่ด้วยว่า มือหนักไปหน่อย ในคราวแรกทำให้ แป้งฟุ้งออกมาไม่น้อย "อุ๊บ...แค่ก... " เผลอสูดเอาแป้งเข้าไปจนได้ แต่เมื่อรู้ว่า ที่กำลังทำอยู่นั้น มันแรงเกินปก็พยายาม เบามือลงอีกซึ่งก็ดีขึ้นไม่น้อย

" โอเค ต่อไป ตีไข่ กับน้ำตาล  " เจตอกไข่ใส่ชาม ตามด้วยน้ำตาลเม็ดเล็กก่อนจะเอาไปตั้งไว้บนหม้อน้ำร้อนๆ แล้วใช้ตะกร้อมืออีกอันคนๆ จนมันมีควันลอยขึ้นแต่ แต่ไข่ยังไม่สุก " เอา ตีแบบนี้ ดูๆ " มือแกร่งจับด้ามตะกร้อมือแล้วหมุนให้ปายตะกร้อเอียงกับก้นชามแสตนเลสก่อนจะตวัดมือขึ้นเร็วๆ
" ตีเร็วๆ หมุนข้อมือเป็นครึ่งวงกลม จนไข่กับน้ำตาลละลาย ตีเร็วๆให้มันข้นเหนียว  "เขายื่นชามพร้อมอุปกรณ์ให้อีกฝ่าย" เร็ว อาจารย์พละ เรื่องแค่นี้ นายทำได้อยู่แล้ว "

"อ่าๆ..."ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลรับคำพลางทำอย่างที่อีกฝ่ายทำให้ดูเมื่อครู่ ตอนแรกแม้จะรู้สึกงงๆ และยุ่งยากไปบ้างแต่ก็ชักจะเริ่มสนุกขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าส่วนผสมเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว "แบบนี้โอเคยัง " ถามพลางก็หันไปถามความเห็น  ส่วนผสมเริ่มข้นแต่ยังไม่เหนียวพอ ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา

" ยัง เร็วกว่านี้ให้เหนียวเลย "

"โอเค.. " ชายหนุ่มเลียริมฝีปากบาง พลางเร่งมือ ตีส่วนผสมนั่นให้เร็วขึ้นอีก  "พอจะโอเคขึ้นยัง " ผ่านไปครู่หนึ่ง ว่าที่เจ้าบ่าวก็หันมาถามความเห็นอีกรอบ เพราะกลัวว่าจะมันส์มือมากเสียจนทำเสียของไปเสีย

" โอเค "เขาขอชามมาจากอีกฝ่ายก่อนจะยื่นช่มแป้งที่ร่อนแล้วให้อีกฝ่าย" ตักใส่ทีละช้อน ฉันเป้นคนผสม "

"ได้ๆ ... "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล รับคำ พลางค่อยๆตักใส่ลงไปทีละช้อนในขณะที่อีกฝ่ายเป็นคนออกแรงต่อ "เออ...แล้ว... ที่ว่า "ดูๆกันอยู่"เนี่ย..เมื่อไหร่จะจริงจังซักทีล่ะ " เมื่อเห็นว่าในห้องครัวไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงของอุปปกรณ์ จึงเอ่ยถามออกไปแบบนั้น ทำลายความเงียบ ทำเอาเชฟหนุ่มชะงักมือเล็กน้อย แล้วสนใจกับการคนแป้งกับครีมอย่างเบามือต่อ

" ไม่รู้ .. ว่าแต่อย่าพูดมากตอนที่กำลังใช้สมาธิซิ "

 "ก็... มันเงียบนี่หว่า แล้วนายก็ทำหน้าจริงจังซะ... เห็นหน้านายตอนจริงจังใกล้ๆนี่มันก็ ..คงไม่มีใครอยากให้อยู่เงียบๆหรอก" คนถามย้อน มือก็ยังตักส่วนผสมใส่ลงไปเรื่อยๆ

" ช้าๆสิ "คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้วแล้วค่อยๆคนแป้งนั้นอย่างเบามือ " ใส่เร็วไปแล้ว ถ้ากวนนาน เค้กเหนียวนะ "

"อ่ะ..ขอโทษๆ " คิโยโนบุลดความถี่ในการตักใส่ลงไปให้ช้าลง

" แล้วก็ นม กับเนยในไมโครเวฟ นมนี่เทลงไปเลยนะ ส่วนเนย เอาออกมาคนก่อนแล้วใส่ทีละช้อน ช้าๆ "เขาชี้ไปที่โต๊ะ

"ช้าๆ....ช้าๆ.... "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล พึมพำไปพลางก็ทำตามมขั้นตอนที่อีกฝ่ายบอก "แล้วหลังจากนี้ทำอะไรต่ออ่ะ... "
 
" เทใส่พิมพ์นั่นเลย ฉันทาไขมันไว้แล้ว ค่อยๆนะ "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพยักหน้ารับคำพลาง ค่อยๆเทส่วนผสมลงไป จนเรียบร้อย

"ฟู่...ตื่นเต้นเป็นบ้า" เขาแทบจะปาดเหงื่อเมื่อวางภาชนะว่างเปล่าลงกับโต๊ะ

" เดี๋ยวอบก็รู้ว่า กินได้หรือทิ้ง "ชายหนุ่มไม่วายขู่แล้วเอาใส่เตาอบที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่กับมาถึงบ้านแล้วก่อนจะหันไปสนใจกล่องวิปปิ้งครีม

"ขู่อีก... เอาเถอะ ถ้ามันไม่น่ากินนักก็ทิ้ง... มันคงเป็นเพราะฝีมือของฉันมากกว่า " 

" เอานี่ จะสอนตีครีม " อยู่ๆ เจก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วยื่นชามแสตนเลสกับตะกร้อมือให้อีก " ตวงครีม เอาทั้งตะกร้อ ครีม ชาม ใส่ช่องฟรีซให้เย็นจัดๆเลย "
"เปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนายนี่... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดขึ้นพลางหัวเราะ ออกมาเบาๆ  "นึกว่าจะได้มานั่งคุยด้วยสบายๆนะเนี่ย กลายเป็น ว่าได้มาออกกำลังกายแขนกันซะอย่างนั้น"

" คราวนี้เข้าใจรึยังว่างานทำอาหารเนี่ย ออกกำลังดีๆนี่เอง  "เจหัวเราะเบาๆ " ได้กล้ามด้วย ดีกว่าเล่นเวท เป็นไหนๆ "

"ครับครับ คงไม่สามารถเถียง คนหุ่นดีกว่าได้... " ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  กลิ่นหอมๆของเค้กชาเขียวตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวหลังจากนั้นเพียงสิบห้านาที

" ไปเอาครีมออกมาตีเลย ตีแบบตีไข่เมื่อกี้เลย " ชายหนุ่มที่โดนสั่งส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอาครีมออกมาตีครีมเหมือนอย่าง อย่างที่เคยทำเมื่อครู่

"แล้ว... เธอคนนั้นก็ทำเค้กเหรอ... "

" เก่งเลยล่ะ "เขาอดที่จะชมอาการิไม่ได้ เพราะเธอเก่งมากจริงๆ

"อืม.... " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน จ้องมองครีมสีขาวที่เริ่มข้นขึ้นเรื่อยๆ  "ก็ดีแล้วล่ะ... ที่นาย มีความสุข "

" พูดอย่างกับตอนนี้นายไม่มีความสุข " เจสวนขึ้นมา " เป็นเจ้าบ่าวนะ ร่าเริงหน่อย ต้องมีความสุขซี่ "

"ก็...นะ จะว่ามีความสุขไหม มันก็มีอยู่หรอก... " ชายหนุ่มโคลงศรีษะเบาๆ


....เพียงแต่มันรู้สึก.....
.....แปลกๆ.....



"เอาเถอะ ฉันเป็นเจ้าบ่าวนี่นา ฉันต้องมีความสุขอยู่แล้ว " ชายหนุ่มตัดบทความคิดตัวเองพลางเงยหน้า ขึ้นมายิ้มให้กับอีกฝ่าย

" ดีแล้ว…. เอาล่ะ รอแต่งหน้าเค้กละกัน สงสัย เค้กจะได้แล้ว " เจว่า ก่อนจะเดินไปเปิดเตาอบ กลิ่นหอมของเค้กชาเขียวอบอวลไปทั่ว

"โห...กินแบบนี้เลยได้ป่ะ... " คนที่กำลังตีครีมอยู่ชะโงกหน้ามาดู "ว่าแต่ครีมนี่พอยังอ่ะ "

" พอแล้วๆ  " เจจัดการคว่ำเค้กลงกับตะแกรงแล้วลอกกระดาษที่ปูฐานเอาไว้ออก " ต้องทิ้งไว้ให้อุ่นหน่อย เดี๋ยวค่อยแต่ง "

"แล้ว...ไงต่อ" คิโยโนบุว่าพลาง วางชามอ่างที่พยายามตีครีมสีขาวนั่นเสียจนเนียนสวยเลยทีเดียว

" ม้วนเค้กนะ ทำแบบนี้ " เขาวางกระดาษไขลงกับโต๊ะแล้วโรยน้ำตาลเล็กน้อย ก่อนจะเอาแผ่นเค้กบางๆนั้นวางอย่างเบามือ " เอ้าปาดครีมบางๆหน่อย "

"หา...ปาด?...เอาอะไรปาด ? ไอ้นี่เหรอ " ว่าพลางก็หยิบเอาไม้พายพลาสติคขึ้นมาด้วยความงุนงง


....เดี๋ยว สรุปใครทำให้ใครกินกันแน่เนี่ย....



แต่ถึงจะคิดไปแบบนั้นก็ไม่ได้ถามออกไปจริงๆ


" ไม่ใช่ อันนี้ สปาร์ตูล่า นี่น่ะ " เจดึงไม้พายออกจากอีกฝ่ายแล้วยื่นที่ปาดครีมแสตนเลสให้แทนแล้วก็ต้องฉวยเอามาทำเองจนได้ " นายไปเอาลูกพลับแห้งไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ " เห็นท่าทางแบบนั้นของ ชายหนุ่มร่างสูงก็ทำเอาผู้ช่วยเชฟจำเป็นหน้าเจื่อนไปไม่น้อย
 
"ฉันคงทำให้นายยุ่งมากกว่าจะช่วยนะเนี่ย " ว่าพลางก็เดินไปเอาลูกพลัมแห้งมา หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตามที่อีกฝ่ายบอก การใช้มีดของครูพละหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวแม้จะไม่ได้เรียกว่าดีนัก แต่ก็ ยังดีที่เจ้าตัวยังไม่ได้ตัดนิ้วตัวเองให้เลือดอาบ

" ได้รึยัง จะม้วนแล้วนะ  "เจเร่งอีกฝ่าย ราวกับกำลังอยู่ในครัวของโรงแรม

"โอ้ย..." ชายหนุ่มที่โดนเร่งร้องเสียงหลง ก่อนจะยื่นถ้วยใส่ลูกพลัมที่สับละเอียดแล้วให้กับอีกฝ่าย ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินที่อ่างล้าง โดนมีดบาดเข้าให้จนได้  นั่นทำให้เจต้องเดินตามไปฉวยมือนั้นเอาไว้ แล้วดึงให้เดินตามไปที่โซฟา
 
" ซุ่มซ่ามชะมัด "  เจส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปหยิบกล่องพยาบาลมาทำแผลให้อาจารย์หนุ่มอย่างคล่องแคล่ว

"ปรกติก็ไม่ได้ซุ่มซ่ามหรอก... แต่พอดีว่าโดนเร่ง เลยเผลอไปหน่อย" คิโยโนบุอดไม่ได้ที่จะกัดพ่อครัวใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มเมื่ออีกฝ่ายปิดพลาสเตอร์ยาให้บนปลายนิ้ว  "นายนี่ใจดีไม่เปลี่ยนเลยนะ...ใจดีไม่เข้ากับหน้าเท่าไหร่"
 
" แล้วต้องใจร้ายรึไง ถึงจะเหมาะ? "หนุ่มผมยาวสบตาอีกฝ่าย

"อืม...แต่นายก็อดไม่ได้หรอก... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้ม เขารู้ดีตั้งแต่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายจากด้านหลังในตอนที่จุนเข้ามาเข็นรถเข็นให้เขาที่โรงพยาบาลในตอนนั้นแล้ว รอยยิ้มนั่นทำให้เจต้องหันไปทางอื่น

" รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวทำเอง " เขาว่าแล้วก็ลุกไปทำเค้กในครัว

"เยี่ยม... ทีนี้จะได้เห็นฝีมือเชฟของตริงเสียที... " ชายหนุ่ม หัวเราะออกมาเบาๆ  ก่อนจะเท้าคางนั่งมองอีกฝ่าย ทำเค้กต่อไป

" ไม่ต้องมองเลย ไปดูทีวีไป "หนุ่มผมยาวใช้สปาตูล่าในมือที่เลอะครีมชี้หน้าอีกฝ่าย

"อ้าว ไล่ทำไมล่ะ...จะนั่งมองก็ไม่ได้เหรอ ฉันแทบจะไม่เคยเห็นนายตอนทำกับข้าวเลยนะ" คิโยโนบุเลิกคิ้ว ถาม "นั่งดูแบบนี้ล่ะ จะได้ประเมินด้วยไงว่า...เชฟที่จองตัวเอาไว้นี่ ทำกับข้าวแบบ ถูกหลักอนามัยหรือเปล่า... "ก่อนจะพูดต่อแบบติดตลก

" ในครัว เขาไม่ให้ลูกค้าเห็น มันทำลายสมาธิ " เจบอกก่อนจะก้มหน้าก้มตาม้วนเค้กได้อย่างสวยงาม เขาใช้มีดลวกน้ำร้อนตัดเค้กโรลนั้นออกมาได้สิบชิ้น ชายหนุ่มเอาพิมพ์รูปโดมวางเค้กเรียงลงไป ก่อนจะ หันไปจัดการทำมูสถั่วแดงต่อแล้วเทลงไปจนเต็ม เขาเอามันแช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วเก็บกวดครัวให้เรียบร้อย

.......................


ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ทำเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินปลายเท้าไปนั่งที่หน้าโซฟา เปิดทีวีเสียงเบาที่สุด เชฟใหญ่เสียสมาธิ

"นี่ เชฟโอโนเสะ เสร็จรึยัง... " แม้จะพยายามอยู่เงียบๆแต่ความที่อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ของหวานแบบไหนจะถูกเสริฟในจานที่จะนำมาใช้ในงานแต่งงานของตัวเองก็ทำให้อยู่เงียบไม่ได้ซักเท่าไร

เมื่อเจทำความสะอาดครัวเรียบร้อยเขาก็เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วจับพิมพ์นั้นคว่ำกับจานที่คิโยโนบุเอามาให้ คิ้วเรียวขมวดอย่างใช้ความคิดแล้วก็ใช้วิปครีมตกแต่ง โรยด้วยผงชาเขียว และ ถั่วแดงบดที่เหลือจากการทำมูศนั่นเขาก็เอาไปทำซอสด้วยการเพิ่มน้ำและแป้งข้าวโพดลงไป ราดเป็นลายด้านข้างของจาน หนุ่มผมยาวยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเอาจานขนมใส่ถาด ตามด้วยชาเขียวที่ผสมกลิ่นผลไม้แห้งเอาไว้ เขาเอามันมาวางตรงหน้าคิโยโนบุ


" ถ้าไม่เวิร์กก็จะให้ อาคาริ มาทำให้ล่ะ  "

"ก็....น่าอร่อยดีออก... " ชายหนุ่มมองของหวานตรงหน้าตาค้างไปเลยทีเดียว เพราะมันสวยงามมากเกินกว่าจะคิดว่า ส่วนหนึ่งในส่วนผสมนั้นเขาเป็นคนตี "แน่ใจนะว่า ไม่ได้เป็น คนทำขนมด้วยเนี่ย... อาการิซังนี่สอนนายมาดีชัวร์"

" เขาขอให้ช่วยบ่อยๆน่ะ "หนุ่มผมยาวยิ้มเมือ่นึกถึงเธอคนนั้น

"โอ๊ะๆ...หน้าของคนกำลังมีความรักนี่นา" คิโยโนบุอดจะแซวไม่ได้ก่อนจะตักเค้กเข้าปาก รสชาตของชาเขียวนั้นนุ่มนวลขึ้นมากจากครีมสดและหวานละมุนในแบบที่เป็นรสชาตเฉพาะตัวของคนญี่ปุ่นด้วยมูสถั่วแดง แบบนี้ไม่ว่าแขกจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็คงจะชอบไม่น้อย


"อร่อย...."

" ลูกพลับแห้งนั่นน่ะ เป็นยังไง? "เชฟหนุ่มถามถึงสิ่งที่เขากังวล

"อร่อย... เพิ่มสัมผัสดี.... กินไหม"ว่าพลางก็ตักยื่นให้อีกฝ่ายลองบ้าง

" ฉันไม่ชอบของหวานนี่นะ นายกินเถอะ " เชฟหนุ่มปฏิเสธอีกฝ่าย

"คนทำไม่ชิมได้ไงกัน.... " ชายหนุ่มมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะหันช้อนเข้าปากตัวเอง  "แบบนี้เสริฟกับชาเขียวได้สบาย...เหมือนขนมญี่ปุ่น ...........” เสียงพึมพำเบาๆนั้นเงียบไปเมือต้องเคี้ยวขนมหวานแสนอร่อยนั่นให้หมด ก่อนที่จะตักคำต่อไป และต่อไปเรื่อยๆ โดยที่มีคนทำนั่งดูอยู่ไม่ห่าง


"นี่...จุน... จำตอนที่ฉันจะย้ายมาได้ไหม" อาจารย์หนุ่มเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานพอสมควร

" เรื่องไหนล่ะ? " เชฟหนุ่มหันไปถาม ก่อนจะหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์และเร่งเสียง

"เรื่อง...จูบนั่นน่ะ" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเบาๆ

"หือ? " เชฟหนุ่มหันไปอย่างแปลกใจเพราะเสียงโทรทัศน์ทำให้เขาได้ยินไม่ถนัดนัก

"เรื่องจูบน่ะ..."คิโยโนบุพูดเสียงดังขึ้นพลางขยับเข้าไปใกล้

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง...เขาไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด อันที่จริงเขาลืมเรื่องนี้ไปนานพอสมควรแล้วจนกระทั่งมาเจอหน้าอีกฝ่ายอีกครัง มันเหมือนกับว่า ภาพเก่าๆบางส่วนที่ถูกเก็บเอาไว้ในความทรงจำค่อยๆฟื้นกลับมา อย่างไม่ทราบสาเหตุ  และทำให้ใจของเขาสั่นไหว แปลกๆ เพราะความที่อีกฝ่ายนั้นยังเหมือนเดิมมากเหลือเกิน เทียบกับคนที่อยู่ในความทรงจำคนนั้น

" ทำไมเหรอ? " เจพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งๆที่ตอนนี้เขากำลังมองที่ริมฝีปากที่ขยับเข้ามาใกล้นั่น

"คือ...นายคิดยังไง....ตอนนั้น "  เสียงที่ถามออกไปนั้นฟังดูประหม่าไม่น้อย ในใจของคิโยโนบุได้แต่คิดว่า



 ...นี่จะถามไปทำไมกัน...เรื่องแบบนั้น....ตอนนี้ ...

 

" แล้วนายล่ะคิดยังไง? " เชฟหนุ่มรู้สึกได้ถึงลมหายใจของว่าที่เจ้าบ่าว

"ไม่รู้ซิ่.. ตอนนั้นมันก็แบบว่า ฉันอาจจะกำลังสับสน แล้วมันก็...ยังไงดีล่ะ...เด็กน่ะนะ .... อยากรู้อยากลองล่ะมั้ง... " ชายหนุ่มพูดเสียงเบา ลมหายใจของเชฟหนุ่มนั้นทำให้รู้สึแปลกๆ


...แล้วตอนนั้นฉันก็ไม่มีใคร...
 

ก่อนจะต้องสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วขยับเข้าไปแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายเบาๆ แล้วถอยกลับออกมา ดวงตาสีน้ำตาลสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง ... ตกใจกับการกระทำของตัวเอง...


..............................................to be con

@@@talk@@@
ตอนนี้ก็หวานนะ....(แน่ละล่อเค้กเป็นก้อน)
:-[

lasom

  • บุคคลทั่วไป
http://www.youtube.com/v/AEO2zjpLNZs?fs=1&hl=en_US

เอามาฝาก ฟังแล้วคิดถึงจูบแรกอ่ะ :o8: เพิ่งกลับมาอ่ะพีจัง ฝกตกด้วยเซ็งเลยเนอะ  รอบนี้เค้าเรียกจุ๊บเหอะ  :laugh:

p.s "เยี่ยม... ทีนี้จะได้เห็นฝีมือเชฟของตริงเสียที... " = "เยี่ยม... ทีนี้จะได้เห็นฝีมือเชฟของจริงเสียที... "
      "เขาเอามันแช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วเก็บกวดครัวให้เรียบร้อย" = "เขาเอามันแช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วเก็บกวาดครัวให้เรียบร้อย"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2010 00:52:19 โดย lasom »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เจอกันในช่วงเวลาที่อีกคนจะแต่งงาน  หวานยังงัยก็คงจะไม่หวานไปตลอดแน่ ๆ
เฮ้อ  แค่คิดก็ปวดจิตแล้ว

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เพิ่งตามมาอ่านครับ ชอบมาก แต่กลัวใจสลายตอนจบจัง ลุ้นตอนต่อไปนะครับ ขอบตุณ

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ชอบน่ะความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือการ์ตูนเลย อิอิ :L2:

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
เจ๋งค่ะ เด๋วขอเวลาอ่านซักครู่เน้อออออออ
+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^_____________^

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@@Writer's Talk@@@@

เพิ่งกลับมาอ่ะพีจัง ฝกตกด้วยเซ็งเลยเนอะ  รอบนี้เค้าเรียกจุ๊บเหอะ  :laugh:

p.s "เยี่ยม... ทีนี้จะได้เห็นฝีมือเชฟของตริงเสียที... " = "เยี่ยม... ทีนี้จะได้เห็นฝีมือเชฟของจริงเสียที... "
      "เขาเอามันแช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วเก็บกวดครัวให้เรียบร้อย" = "เขาเอามันแช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วเก็บกวาดครัวให้เรียบร้อย"


ขอบคุณสำหรับเรื่องคำผิดนะคะ จะพยายามไม่ให้ผิดอีกค่ะ และเพลงที่เอามาฝากกันด้วยนะคะ ...แล้วก็ค่ำๆฝนตกเป็นประจำ ยังไงก็ระวังอย่าให้เปียกฝนเป็นหวัดนะคะ...รักษาสุขภาพด้วย :กอด1:
เจอกันในช่วงเวลาที่อีกคนจะแต่งงาน  หวานยังงัยก็คงจะไม่หวานไปตลอดแน่ ๆ
เฮ้อ  แค่คิดก็ปวดจิตแล้ว
เป็นเรื่องยาวค่ะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อไปนะคะ :pig4:
เพิ่งตามมาอ่านครับ ชอบมาก แต่กลัวใจสลายตอนจบจัง ลุ้นตอนต่อไปนะครับ ขอบตุณ
:pig2:ยินดีค่า ยินดี ....มาลุ้นตอนต่อไปกันนะคะ
ชอบน่ะความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือการ์ตูนเลย อิอิ :L2:
อุ้ย...พูดแบบนัี้ก็ชักอยากจะเห็นนิยายตัวเองเป็นการ์ตูนเหมือนกันค่ะ ....ใครจะวาดให้หนอ  :monkeysad:
สงสัยต้องขอพระเอกแบบมาดแมน สูงล่ำเถื่อน แบบจุนจังในเรื่องเนอะ หุหุ


เจ๋งค่ะ เด๋วขอเวลาอ่านซักครู่เน้อออออออ
+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^_____________^

ระหว่างที่อ่านไปขออัพตอนใหม่ไปด้วยก็แล้วกันนะคะ จะได้ต่อเนื่อง

เอาล่ะ ไปอ่านตอนใหม่กันเถอะ

###############



"เอ่อ...ขอโทษ...แค่อยากรู้ว่า ตอนนี้มันจะเป็นยังไงน่ะ.... " พูดออกไปก่อนจะคิดได้ว่ามันช่างฟังดูไร้สาระเสียนี่กระไร  

" ตอนนี้น่ะเหรอ... "

เสียงทุ้มขยับเข้าไปกระซิบติดริมฝีปากได้รูปนั้น แล้วใช้มืออีกข้างจับท้ายทอยของอีกฝ่าย แล้วแนบริมฝีปากลงไป อีกครั้งและอีกครั้ง อ่อนหวาน และแน่นอนว่านี่แตกต่างจากเมื่อสิบกว่าปีก่อน สิ่งที่เรียกว่า จูบ นั้นไม่ใช่แค่แตะริมฝีปากหรือไล้เล็มเบาๆเพียงภายนอก อีกต่อไปแล้ว ปลายลิ้นร้อนและเล็มกับริมฝีปากล่างของอาจารย์หนุ่มอย่างยั่วเย้า  สำหรับคิโยโนบุแล้วจูบนั้นให้รสชาตแตกต่างออกไปมากนัก มันไม่ใช้รสชาตแบบเด็กๆที่เคยได้รับ และริมฝีปากของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้นุ่มและอ่อนหวานราวกับน้ำตาลแบบของคู่หมั้น แต่ถึงกระนั้น ปลายลิ้นของเขากลับตอบสนองจูบนั้นอย่างเต็มใจ ริมฝีปากของอาจารย์หนุ่มเผยอรับเรียวลิ้นนั้นเข้ามาเกี่ยวพัน มือเรียวยกขึ้นโอบรอบไหล่แกร่งนั้นเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้อากาศระหว่างทั้งสองคนนั้นจางลงมากเหลือเกิน


...บางส่วนในใจของอาจารย์หนุ่มเจ็บแปลบ...  


ริมฝีปากของเชฟหนุ่มถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง หลังจากได้ลิ้มรสชาติเค้กที่เขาทำจากอีกฝ่าย ก่อนจะขยับถอยออกไปทันที มือแกร่งกุมศีรษะตนเองอย่างสับสน


" นายกลับมาทำไมกัน... "


"ฉัน?....กลับมา? ..."คำถามของอีกฝ่ายทำให้อาจารย์หนุ่มต้องย้อนถามกลับด้วยความสับสนเช่นเดียวกัน  เมื่อครู่นี้มันคืออะไร...ไม่ซื่ เขาอาจจะต้องถามตัวเองมากกว่านี้ ว่าเขามาที่นี่ทำไมตั้งแต่แรกต่างหาก...เป็นเพราะเขาอยากจะพบอีกฝ่ายมากเหลือเกิน   "ฉันอยู่ที่เมืองนี้มา...สิบปีได้แล้ว...มันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่จะถามว่าฉันกลับมาทำไม"

"นายกลับมาอยู่ตรงฉันอีกทำไมกัน .. ทั้งๆที่นายไปแล้ว " คราวนี้เชฟหนุ่มถามออกมาอีกครั้ง จะพูดให้ถูกก็คงถามว่า กลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกทำไมเสียมากกว่า

"...พูดเหมือนฉันผิด....เลยนะ" คำถามของอีกฝ่าย ทำให้เขาเข้าใจ ชายหนุ่มขยับถอยไปอีกทาง การกระทำเมื่อครู่ทำให้รู้สึกดี...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ราวกับบางส่วนในใจของเขามันเรียกร้องหามานาน.... แต่หากจะให้พูด มันก็ผิด...ต่อหญิงสาวคนนั้นเช่นกัน

" นายไป ทั้งๆที่เราเพิ่งจะจูบกัน นายไม่ให้ฉันได้พูด หรือถามอะไรนายทั้งนั้น .. นั่นน่ะ ไม่ได้ผิดหรอกเหรอ? "จุนสบตาอีกฝ่ายนิ่ง

"...ฉันย้ายมาเพราะพ่อต้องย้ายมาประจำที่นี่ด่วน ส่วนเรื่องนี้...เป็นเพราะในตอนนั้น นายเดินออกไปเฉยๆ...ทั้งที่เราทำแบบนั้น ...ฉัน....คิดว่านายคงจะอยากลืมมัน...จูบนั่น"

" ฉันก็แค่ .. สับสน แต่ก็อยากจะเคลียร์กับนาย แต่จู่ๆ นายก็หนีไป ทิ้งให้ฉันต้องอยู่กับความสับสนนี่คนเดียว!  " เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นราวกับระบายความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจมาตลอด 12 ปี  " แต่อยู่ๆ นายก็กลับมา โอเค ชีวิตฉันกำลังไปได้สวย ฉันกำลังจะคบกับใครซักคน แล้วนายก็กลับมา! " ปลายนิ้วของเชฟหนุ่มยกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย

"อ่ะ.... "คิโยโนบุกำมือแน่น ความรู้สึกเจ็บร้าวแล่นขึ้นมาจากปลายนิ้ว

"ฉัน...มันแย่เอง... " ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลุบลงต่ำ  "นั่นซิ่นะ...นายเองก็กำลังไปได้สวย ... ฉันเอง....ก็กำลังจะแต่งงาน...ฉันคิดอะไรอยู่..."

"  ฉันไม่ควรรับงานนี้ ฉันไม่ควรทำให้นายเขว .. นายกำลังจะแต่งงาน กำลังจะมีครอบครัวของตัวเอง  "หนุ่มผมสีน้ำตาลดึงหนังยางออกจากผมของตนเองก่อนจะล้วงหาบุหรี่ ด้วยความสับสน เขาอยากจะได้บุหรี่ซักมวน เผื่อว่าจะคิดได้มากกว่านี้   ว่าที่เจ้าบ่าวเองก็นั่งนิ่ง เขาไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ แต่สมองก็สั่งให้ขาลุกเดินไปไม่ได้

"ฉันรู้สึกผิดไหมที่ทำลงไปเมื่อกี้...ผิด...เพราะฉันกำลังจะแต่งงาน แต่ฉันไม่ได้เสียใจที่เจอนายอีกครั้ง"

" นายจะพูดอะไรกันแน่ " เจไม่ยอมหันไป เขารู้ว่าถ้าเขากันไปจะต้องเจอภาพอะไร และเขาจะเสียความตั้งใจในการเป็นเชฟในงานแต่งงานของเจ้าบ่าวคนนี้

"............" เสียงถอนหายใจดังขึ้น เบาๆ มือเรียวยื่นไปตบไหล่แกร่งของอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืน "เค้กอร่อยมาก...ฉันว่านายทำแบบนี้ล่ะดีแล้ว... " ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันหลังให้กับอีกฝ่าย "ขอบใจนะสำหรับวันนี้... "

เชฟหนุ่มมองตามคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องของเขาไป แต่ที่สุดก็ตัดสินใจลุกตามไปดึงร่างนั้นมากอดไว้จากด้านหลังจนได้ สัมผัสอุ่นจากอ้อมแขนแกร่ง ทำให้ คนที่ถูกดึงเอาไว้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก

"ฉันจะกลับไปอยู่ในเขตของคำว่า "ลูกค้า" ...นายจะได้สบายใจเสียที... " ถึงจะพูดไปแบบนั้นเสียงของเขากลับสั่น ใจอยากจะหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย อยากจะเห็นว่า อีกฝ่าย กำลังมีสีหน้าแบบไหน เหมือนกับตอนนั้น ที่เขาย้ายบ้านออกมา ทั้งๆที่อยากจะไปบอกลา แต่พ่อกับแม่ไม่อนุญาต อีกทั้งเพราะยังเดินได้ไม่ถนัดนัก การสัญจรไปมาจึงเป็นเรื่องใหญ่ อิโนะอุเอะ คิโยโนบุที่วิ่งไม่ได้ จำใจต้องทำตามคำที่ พ่อและแม่บอกแต่โดยดี

" ห้ามหันมา มองตรงไปข้างหน้าซะ  "

อ้อมแขนนั้นกระชับแน่น แขนทั้งสองข้างสั่นด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เจกอดอีกฝ่ายเอาไว้นิ่งและนาน ก่อนจะปล่อยมือพร้อมกับเปิดประตูห้อง

" กลับไปได้แล้ว .. ทิ้งให้ว่าที่เจ้าสาวรอนานแล้วนะ  "

"...เธอไม่ได้สนใจนักหรอกว่าฉันจะอยู่ที่ไหน... "ว่าที่เจ้าบ่าวพูดเค้นเสียงหัวเราะออกมา "ป่านนี้ คงยังวุ่นกับการลองชุดแก้ชุดอยู่นั่นล่ะ "

" อย่าพูดเหมือนกับว่า จะไม่แต่งงานนะ นายขอเธอแล้ว  " คราวนี้เชฟหนุ่มพูดออกมาในฐานะเพื่อน แล้วดันอีกฝ่ายออกจากห้องช้าๆ  " ไว้เจอกัน "

"......นั่นซิ่นะ....เป็นเจ้าบ่าวที่แย่จริง" คิโยโนบุพูดติดตลก ก่อนจะก้าวออกมา เขาไม่ได้หันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่าย เพียงแค่เดิน ไปยังบันไดที่เขาเดินขึ้นมาในตอนแรกเท่านั้น


ประตูห้องของเชฟหนุ่มปิดลงแทบจะทันทีที่แขกเดินออกมา เชฟร่างสูงหันหลังพิงกับประตูแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวด

………………………………………………………………………………….


"เฮ้อ..... "
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นที่หน้าประตูอพาร์ทเมนต์ที่เขาเป็นย้ายเข้ามาอยู่ได้ หลายปีแล้วหลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย อิโนอุเอะดึงกุญแจห้องออกมา พร้อมกับมืออีกข้างที่จับลูกบิดหมายจะไขเข้าห้อง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อประตูนั้นไม่ได้ ล๊อก

".........................." ในชั่ววูบหนึ่ง ความรู้สึกผิดมันพองโตขึ้นเสียจนรู้สึกเจ็บในอก

"กลับมาแล้ว" แต่ก็เปิดประตูเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม

" กลับมาแล้วเหรอ? " เสียงหวานของว่าที่เจ้าสาวดังขึ้นในครัว ที่ตอนนี้กำลังทำอาหารเย็น กลิ่นหอมกรุ่น

"วันนี้...ว่างแล้วเหรอ ถึงได้มาถึงนี่... " ชายหนุ่มถาม ซุ่มเสียงแหบแห้งลงคอไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดประตูตู้เย็น คว้าเอาเครื่องดื่มเย็นๆที่เขาไม่ได้มองด้วยซ้ำไปว่ามันคืออะไรขึ้นมาดื่ม

....เบียร์นี่นา....ก็ดีเหมือนกัน...

" ฉันว่า จะมาซ้อมเป็นภรรยาของคุณน่ะ ซุปได้แล้ว มาชิมหน่อยซี่ "ฮิโตมิตักซุปใส่ถ้วยให้อีกฝ่ายชิม

"อ่ะ...อื้ม ... " ชายหนุ่มเข้าไปยืนซ้อนทางด้านหลัง ก่อนจะรอให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นหันกลับมาป้อน ซุปให้เขาทาน  "อื้ม.....อร่อยดี... "

" ดีแล้ว .. เอ๊ะ.. กลิ่นชาเขียวนี่นา " ฮิโตมิ หันไปจูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ " ไปกินอะไรมาคะ? "

"เอ่อ.... " คำว่า ชาเขียวทำให้นึกถึงเค้กที่เพิ่งจะกินเข้าไป และ คำว่าเค้กก็ทำให้นึกถึงคนที่ทำมันขึ้นมา....และการกระทำและคำพูดของผู้ชายผมยาวคนนั้น

....นายกลับมาทำไม....

"เอ่อ...เค้กน่ะ...จุน...ผมหมายถึงเชฟโอโนเสะ เขาเป็นคนทำน่ะ อิมเมจจากถ้วยลายดอกฟูจิของพ่อคุณ"

" หาเรื่องให้เชฟได้ปวดหัวจริงๆเลย จะยังไงก็ได้ค่ะ คุณพ่อคงไม่เรื่องมากนักหรอก "ฮิโตมิส่ายหน้าไปมา " ว่าแต่ว่า คุณสนิทกับเชฟขนาดนี้ ไว้คราวหน้าไปคุยเรื่องอาหาร ให้ฉันไปด้วยนะคะ "

"เอ่อ...จะว่าสนิทก็..... " ชายหนุ่มอึกอัก ในใจนึกว่าเขากำลังจะพูดอะไรต่อกันแน่ ปฏิเสธอย่างนั้นรึว่า ไม่ได้สนิทกับคนที่พูดถึง "โอเคครับ เอาไว้คราวหน้าเป็นไง "  ชายหนุ่มยิ้มให้กับอีกฝ่าย มือเรียวยกขึ้นแตะแก้มอิ่มของว่าที่เจ้าสาว ฮิโตมิดูสวยขึ้นมาก...อาจจะเรียกได้ว่าผิดหูผิดตา... หรือเป็นเพราะ อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ ใจของเขามัวแต่ไปจดจ่อกับ อะไรบางอย่าง

" ดีค่ะ  "หญิงสาวยิ้ม แล้วยื่นหน้าไปจูบว่าที่สามีเบาๆ " ไปดูโทรทัศน์รอนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเรียก "

"ฮ่ะๆ... เหมือนเป็นสามีภรรยากันเลย... " คิโยโนบุหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายว่า


โทรทัศน์ถูกเปิด อาจจะเรียกได้ว่า ... เปิดให้ดูคนมากกว่า เพราะดวงตาสีน้ำตาลกลับเหม่อลอย ไม่ได้จับจ้อง ณ ที่ใด ที่หนึ่ง รสของชาเขียวที่หญิงสาวสัมผัสได้ นั้น เป็นรสชาตเดียวกับที่เชฟหนุ่มคนนั้นได้ลิ้มลอง สัมผัสบนริมฝีปากของหญิงสาวยังไม่สามารถลบความร้อนที่ชายหนุ่มคนนั้นมอบให้ได้ ใจของเขายังคงเต้นรัว จากทั้งคำพูดของเชฟหนุ่ม และสัมผัส ที่ส่งผ่านมาราวกับว่า

....โหยหามานาน

ยามเช้าที่สดใส ไม่ได้เข้ากับจิตใจที่ขุ่นมัวของเจ้าของ ผ่าม่านที่ถูกปิดไว้ มีแรงรำไรลอดผ่านระหว่างช่องกลางมาทำให้ห้อง นอนดูอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคืนลงเอยที่เตียงนอน ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ข้างๆ แผ่นหลังขาวนวลเผยให้เห็นเพราะผ่าห่มร่นลงไปอยู่เกือบเกือบครึ่งตัวของหญิงสาว ร่องรอยเป็นจ้ำแดงช้ำนั่นเขาเป็นคนประทับลงไปเอง

...ทั้งๆที่เมื่อวานยังใจเต้น และ เร่าร้อน จากสัมผัสของหมอนั่นอยู่เลย...

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาเป็นฝ่ายจูบเชฟหนุ่มคนนั้นก่อน ราวกับจะให้มั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไร หลังจากผ่านมาหลายปี... แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นตรงกันข้าม มันรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ  เป็นอิสระและยั่วยวนได้อย่างที่ หญิงสาวคนนี้ ก็ให้ได้ไม่เท่า

...แต่ฉันกำลังจะแต่งงาน....
...แต่ฉันก็อยากจะ....คุยกับหมอนั่นอีกครั้ง....
...แต่.....  


ในหัวของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมีแต่ความสับสน มือเรียวคว้าผ้าขนหนู มาพันรอบกายก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง

"ฮิโตมิ.... วันนี้คุณจะไปเจอเชฟกับผมไหม "เสียงนุ่มที่ถามขึ้นนั้นดังพอจะให้คนที่นอนอยู่ได้ยิน...เขารู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้สึกตัวแล้ว... อาจจะยังไม่อยากลุกเท่านั้น

" วันนี้..เหรอ? " ฮิโตมิเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยๆ แน่นอนว่ากว่าเธอจะถูกปล่อยให้ได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้าวันใหม่แล้ว " ไม่ต้องนัดล่วงหน้าหรอกเหรอคะ? "หญิงสาวขยับตัวขึ้นดึงผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองไว้

"โทรไปก็คงได้ เราก็ไปบ่ายๆ..." ชายหนุ่มพูดไม่ได้หันมามองหน้าของอีกฝ่าย ในใจนึกถึงแต่หน้า ของเชฟหนุ่มคนนั้นกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะออกมา

.....อย่าหันหน้ามา....

" ถึงจะเป็นเพื่อนคุณ เราก็ต้องเกรงใจนะคะ แต่ไปตอนบ่ายก็คงดีเหมือนกัน ..  "ฮิโตมิขยับตัวเล็กน้อยแล้วก็ต้องอยู่ที่เดิม" ฉันว่าฉันลุกไม่ไหวแล้วล่ะ .. คุณใจร้ายชะมัดเลย "เธอมักจะพูดล้อเล่น หรือในบางครั้งก็จะพูดตรงๆ จนกลายเป็นผู้หญิงสมัยใหม่

"ผมก็ร้ายแบบนี้ล่ะ...จะให้อุ้มไหมล่ะ" ว่าพลางก็เดินเข้าไปหา  ว่าที่เจ้าสาวหัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่าย แล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างคล้องลำคอแกร่งนั้นไว้

" อุ้มก็ดีนะ จะได้ซ้อมก่อนแต่งงานไงคะ "

"มางั้นจะอุ้มไปส่งให้ถึงอ่างเลย.... " ชายหนุ่มว่าพลางช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนจะอุ้มเดินพาไปส่งที่ห้องน้ำ ยังไม่วายหยอดมุขตลก "แล้วจะได้ออกไปไหมเนี่ย"

" เดี๋ยวจะเรียกให้มารับค่ะ  "ฮิโตมิรับมุกคนที่มาส่ง ก่อนจะเปิดน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายเสียที

"อืม..กินอะไรดี ผมทำให้ "ชายหนุ่มถาม เพราะรู้ว่า ตอนเช้า ฮิโตมิ จะไม่ค่อยทำอะไรเท่าไร ยิ่ง หลังจากคืนแบบนี้

" อะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเราค่อยไปฝากท้องกับเชฟเพื่อนคุณก็ได้นี่ ตอนนี้ทานอะไรง่ายๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องลำบากหรอก " เธอยิ้มให้คนรักที่กำลังจะกลายเป็นสามีในอีกไม่นานนี้


ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หายไปทันทีเมื่อเดินลับสายตาอีกฝ่ายออกมาด้านนอก ประตูตู้เย็นถูกเปิดออกไข่สองใบถูกหยิบออกมาพร้อมกับเบคอน อาหารเช้าแบบง่ายๆที่ผู้ชายก็ทำได้ถูกเนรมิตขึ้นมาทั้งที่ใจของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยังกังวล  มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยในช่วงนี้ ขึ้นมาทันที  รอเพียงไม่นาน ก็มีคนรับสายโทรศัพท์

" โอโนะเสะครับ "เชฟหนุ่มกรอกเสียงทุ้มลงไป

"นี่อิโนะอุเอะ....นะ" เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายนั้นแหบพร่า ราวกับตื่นเต้น และกังวล ไปในคราวเดียวกัน

" เอ่อ .. อื้อ ว่าไงล่ะ มีอะไรหรือเปล่า? " ปลายสายตอบเสียงตะกุกตะกัก

"วันนี้... ช่วงบ่าย พอจะมีเวลาว่างไหม..." คำถามนั้นทำให้เชฟหนุ่มต้องเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะถามกลับมา

" มีอะไรรึเปล่า? "

"ก็คือ... ฮิโตมิเขาอยากจะเจอนายน่ะ คุยเรื่องอาหารในงาน... "


...ฮิโตมิ.....
...พาเธอมาเจอฉันรึไง..


" ได้ซี่ .. ช่วงบ่ายที่โรงแรมนะ  " ถึงจะคิดไปแบบนั้น แต่เจก็ตอบตกลงไป ทั้งๆที่รู้ว่า อีกฝ่ายกำลังพาว่าที่ภรรยามาพบ ทั้งๆที่เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาเมื่อวาน

สายโทรศัพท์ถูกวางไปพร้อมกับการนัดพบกันระหว่าง "เชฟ" และ "ลูกค้า" มันเป็น ความต้องการของฮิโตมิ ที่จะไปพบกับเชฟ แต่ลึกๆแล้ว ก็เป็น ความต้องการของเขาเหมือนกันที่จะพบอีกฝ่ายอีกครั้ง อีกไม่กี่อาทิตย์งานแต่งงานก็จะมีขึ้นแล้ว...มัน.... รวดเร็วมากเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็อยากจะพบอีกฝ่าย.. ถามให้แน่ใจถึงสิ่งที่อยากจะรู้

.....................................

ห้องอาหารยามบ่ายในโรงแรมใจใหญ่ใจกลางเมืองนั้น พอจะมีแขกเข้ามาใช้บริการบ้าง แต่เนื่องจากพ้นช่วงมื้อเที่ยงมาแล้ว ทำให้ คนบางตาไปเยอะเลยทีเดียว ว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างกระจกที่มองออกไปแล้วเห็น เทอเรส ที่จะเปิดบริการในช่วงหัวค่ำ เพื่อชมวิว ...สถานที่ที่ว่าที่เจ้าบ่าวเดินออกไปคุยกับเชฟหนุ่มในวันแรกที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

เพียงไม่นานหลังจากที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวแจ้งแก่พนักงานโรงแรม เชฟหนุ่มผมยาวที่รวบผมเรียบร้อยในชุดเชฟสีขาวสะอาดก็ออกมาพบกับคนทั้งคู่ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสูดลมหายใจเข้าลึก นี่เป็น ครั้งที่สามที่เขาได้..เห็นอีกฝ่าย...ในชุดพ่อครัว

"สวัสดี....ฮิโตมิครับ นี่..จะ....เอ่อ...โอโนเสะ " หญิงสาวลุกขึ้นโค้งให้กับพ่อครัว ทำเอาพ่อครัวหนุ่มโค้งตอบแทบจะไม่ทัน

" อิชิดะค่ะ ยินดีที่รู้จัก "

" เอ่อ โอโนะเสะครับ ยินดีที่รู้จัก และยินดีที่ได้รับใช้นะครับ "เชฟหนุ่มพูดจาอย่างเป็นทางการ

"เมื่อวานนี้ โอโนเสะ เสนอว่าจะทำเค้กชาเขียวให้เรา.... ฮิโตมิ " คิโยโนบุ เอ่ยขึ้น พลางหันไปเชิญให้ ทั้งสองคนนั่งลง ฮิโตมินั่งลงข้างๆ กับ คิโยโนบุในขณะที่เชฟหนุ่มนั่งในฝั่งตรงข้าม

" กลิ่นติดตัวคุณเลยน่ะสิ  " ฮิโตมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันมาทางเชฟหนุ่ม " กลิ่นหอมมากเชียวล่ะค่ะ ฉันก็เลยอยากจะเห็นเค้กชาเขียวที่ว่าซักครั้ง "

คำพูดกระเซ้าของว่าที่ภรรยาทำเอาเชฟหนุ่มถึงกับสะอึก ความรู้สึกเจ็บแปลบในอกจนอยากจะลุกหนีไปเสีย  ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของว่าที่เจ้าบ่าวมองหน้าของชายหนุ่มอีกคนนิ่ง ในใจรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งเมื่อนึกถึงจูบที่ได้รับเมื่อเกือบจะ ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ผมบอกเขาไปแล้วว่าอยากได้เค้กแบบนี้ในงาน... คุณต้องชอบมันแน่..ฮิโตมิ" ว่าที่เจ้าบ่าาวหันไปยิ้มให้กับว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง

" นั่นแค่ลองทำน่ะครับ จริงๆ ถ้าอิโนะอุเอะ กับอิชิดะซัง คิดว่าไม่เป็นปัญหา ผมคิดว่าเราให้พาติเช่ย์ออกแบบรูปแบบ และการจัดวางให้เข้ากับจานที่นำมาดีไหมครับ? " เชฟหนุ่มหยิบสมุดจดที่มีรูปโพราลอยด์ของเค้กที่ทำเมื่อวานให้ว่าที่เจ้าสาวดู

" สวยมากเลยค่ะ " ฮิโตมิชมเปาะดวงตาคู่สวยเป็นประกายแล้วหันมาทางว่าที่สามี " คุณพ่อต้องชอบมากแน่ๆเลยค่ะ "

"อ่ะ...ใช่...ผมก็ว่าอย่างนั้น" อาจารย์หนุ่มเออออกไปกับคำของอีกฝ่าย หากแต่สายตานั้นยังจับจ้องอยู่มี่ใบหน้าของเชฟหนุ่มผมยาว  "ยังเหลือจานหลัก....อีกจาน...และหากคุณจะใจดี คงดีแน่ถ้าแถมสลัดกับขนมปังให้ด้วย โอโนเสะซัง"

" ขึ้นอยู่กับขนาดของชามที่คุณจะนำมาน่ะครับ ตอนนี้ต้องขอดูโจทย์ก่อน " เชฟหนุ่มยิ้มตอบกลับมา

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ชายหนุ่มรีบหันหน้าไปหาว่าที่ภรรยาทันที

 "นั่นซิ่..ผมอาจจะต้องไปขอยืมจานจากพ่อของคุณอีก... คุณเห็นงานของท่านมาบ้าง คิดว่ามีชุดไหนน่าจะเหมาะกับจานหลักของเราบ้างรึเปล่า " ทั้งที่เอ่ยออกไปด้วยท่าทีสุขุมเหมือนเช่นทุกทีแต่ภายในใจกับเต้นระรัว

" เดี๋ยวเราไปดูด้วยกันก็ได้นี่คะแล้วค่อยเอามาให้โอโนเสะซัง "

"อืม...นั่นซิ่นะ... " คิโยโนบุยิ้ม "ไว้ผมเอาจานมาให้คุณดูแล้วที่เหลือก็คงต้องฝากเชฟใหญ่ใช่ไหมครับ" ว่าพลางก็หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย

" ฝากไว้ก็ได้ ถ้านายไม่ว่าง แล้วค่อยโทรคุยกัน "เชฟหนุ่มรับคำ

"อืม.... " คิโยโนบุยิ้ม ก่อนจะประสานมือเข้าหากัน "เอาล่ะ... วันนี้ได้เจอเชฟแล้ว รับรองอาหารวันงานต้องออกมาเยี่ยมแน่ สบายใจแล้วหรือยัง "ว่าพลางก็หันไปหา ว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง
 
" ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณเก่งน่ะ ยิ่งสนิทกับเชฟล่ะก็ ทุกอย่างต้องดีแน่ๆค่ะ .. งั้นเอาอย่างนี้ไหม? เดี๋ยวฉันจะเดินเล่นแถวๆนี้ไปก่อน ยังไง คุณก็อยู่คุยกับเชฟก่อนนะคะ เดี๋ยวเจอกันที่รถ " ฮิโตมิเปิดโอกาสให้เจ้าบ่าวได้คุยกับเพื่อนอย่างเต็มที่ บางทีพวกเขาอาจจะอยากคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบกันบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งถ้าเธออยู่ด้วยประเดี๋ยวชายหนุ่มทั้งคู่ที่อาจจะมีเรื่องราวตามประสาชายหนุ่มให้ต้องคุยกันอาจจะรู้สึกอึดอัดได้

"เอ่อ...แบบนั้นก็....คงจะดีเหมือนกัน "คิโยโนบุเหลือบมองบุคคลที่สามเล็กน้อย ก่อนจะ หันไปแตะใบหน้าของ หญิงสาวเบาๆ "ไปเดินเล่น..ซื้อของ..ช๊อปปิ้งก่อนก็ได้..." ว่าพลางยิ้มให้กับอีกฝ่าย

" เสร็จแล้วโทรหานะคะ " ฮิโตมิยิ้มหวานให้อีกฝ่ายแล้วลุกขึ้น " คงต้องขอตัว เพื่อนจะได้คุยกันซักทีน่ะค่ะ ไม่รบกวนดีกว่า "เธอบอกกับเชฟหนุ่ม

" ก็ไม่ได้รบกวนหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เอ่อ .. ถ้าอย่างนั้น " เจลุกขึ้นตามอีกฝ่าย

" ไว้คราวหน้าเจอกันนะครับ อิชิดะซัง "เขาโค้งให้อีกฝ่าย ซึ่งเธอก็รีบโค้งตอบก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง

..............................................

"นาย...คงไม่ได้โกรธฉันใช่ไหม" เสียงอาจารย์หนุ่มดังขึ้นเมื่อคู่หมั้นของเขาเดินจากไป

" เรื่องไหน? "เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นแทบจะทันทีที่อีกฝ่ายถามออกมา

"เรื่อง...ที่ฉัน....มากับเธอวันนี้" ชายหนุ่มตอบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย

" ดีแล้วนี่ .. เธอรักนาย และนายเองก็รักเธอ นั่นแหละ คือสิ่งที่ฉันเห็น แบบนี้ฉันน่าจะโล่งใจกว่าไม่ใช่รึไง? "เชฟหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่าย แต่มันก็ยากที่จะคาดเดาว่าจริงๆแล้วเขาคิดยังไงกันแน่

"ปัญหาคือ..เช้าวันนี้...ไม่ซิ่...ตั้งแต่เมื่อวาน...ทุกอย่างมันดูสับสนไปหมด " คิโยโนบุพูดต่อ มือเรียวที่วางประสานอยู่บนโต๊ะนั้นสั่นระริก
 
" นายก็แค่..สับสน "เจสูดลมหายใจลึก " อาจจะแค่เครียดกับการแต่งงาน อยู่ๆก็รู้สึกแปลกๆได้เหมือนกัน .. ใครๆก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น "  เขากำลังบอกให้อีกฝ่ายทำอะไรกันแน่ เลิกคิดมาก และคลายปมที่กำลังจะผูกเข้าหากันก่อนที่มันจะเป็นปมใหญ่จนแก้ไม่ได้งั้นหรือ?

"แล้วนายล่ะ.... ที่ทำนั่น...คิดอะไร"  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลถามดวงตาสีน้ำตาล จ้องที่ปลายนิ้วของตัวเอง น่าแปลกที่เขารู้สึกเจ็บที่หน้าแข้ง...แผลเก่า...ที่อีกฝ่ายเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น

" จูบน่ะ .. สำหรับฉัน มันก็แค่สัญชาตญาณ  "เชฟหนุ่มตอบกลับมา

.. ไม่ใช่หรอก ...

เจได้ยินเสียงตัวเองในใจ แต่กลับพูดไปแบบนั้น

" กังวลอยู่เหมือนกันว่านายจะเป็นอะไรรึเปล่า ... ขอโทษก็แล้วกัน "

".....ขอโทษก็แล้วกัน?...อย่าพูดให้เหมือนเรื่องง่ายได้ไหม" อาจารย์หนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เสียงของเขาดังจนไปรบกวนแขกในร้านเข้าท่าทางยามที่พูดออกมานั้นสับสน มือเรียวกำแน่น รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มีอยู่ในอก มันรู้สึกเหมือนบางอย่างกำลังเผาไหม้และเขาไม่แน่ใจว่ามันใช่ความโกรธหรือไม่

...นายทำฉันคิดไปไกล...เพียงแค่จูบเดียว....
...หรือมันอาจจะคิดมานานแล้ว......


..................................................to be con



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2010 19:52:18 โดย goldfishpka »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
พีจังอ่ะน้ำตาซึมแล้วเนี้ย :m15: เครียดแทนเลยทั้งๆที่ทำใจกับสถานะของทั้งคู่ไว้แล้ว
แต่มันอดไม่ได้อ่ะ  :seng2ped: หวานอมขมกลืนมากๆๆๆ
เปียกฝนอีกล่ะ ตัวเองก็เหมือนกันอย่าให้เป็นหวัดล่ะเดี่ยวไม่มีแรงมาอัพ อิอิ
สู้ สู้ จ้าเป็นกำลังใจเน้อส์   o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@writer's talk@@@

พีจังอ่ะน้ำตาซึมแล้วเนี้ย :m15: เครียดแทนเลยทั้งๆที่ทำใจกับสถานะของทั้งคู่ไว้แล้ว
แต่มันอดไม่ได้อ่ะ  :seng2ped: หวานอมขมกลืนมากๆๆๆ

อย่าเพิ่งเครียดนะคะ...ใจเย็นๆค่ะ ...อ่านไปแบบสบายๆ อินได้แต่อย่าอินมากค่ะ คนเขียนเป็นห่วงนะ  :กอด1:


ว่าแล้วก็ไปบีบใจกันต่อ กรั่ก (เหมือนตบแล้วลูบหลังเลย....หุหุ )  :z6: :กอด1:


########################



" มันคงไม่ยากเท่างานแต่งงานที่จะมีในอีกไม่กี่อาทิตย์หรอก นั่นก็แค่ .. สัญชาตญาณ .. " เขาย้ำ แต่จะพูดให้ถูกคือย่ำลงไปบนความรู้สึกของตนเองเสียมากกว่า" ไม่ได้มีความหมายเท่าการแต่งงานของนาย .. เทียบไม่ได้ซักนิด " .. ทั้งๆที่พูดไปแบบนั้น ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเจ็บ ตัวเขาเองก็เจ็บเสียจนอยากจะเดินออกไปเสียให้พ้นๆจากที่นี่ จากที่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ ...

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะออกมาเบาๆ

"ก็งานแต่งงานน่ะ...มันมีความหมายมากกว่า ความรู้สึกของฉันด้วยซ้ำนี่นา...ใช่ไหม" คำพูดของเชฟหนุ่มทำให้เขาต้องคิด การแต่งงานในครั้งนี้...ไม่ซิ่...มันตั้งแต่การดูตัวแล้วด้วยซ้ำไปที่ เขาไม่เคยใส่"ความรู้สึก" ลงไปเลย  ทุกอย่างมันเป็นไปตามลำดับขั้นตอนของความหมายใน "สังคม"ที่เขาอยู่ ลำดับ "ความสำคัญ"ที่พ่อของเขาต้องการ...

" นายเป็นคนเลือกเธอนะ นั่นน่ะไม่ใช่ความรู้สึกหรอกเหรอ? "เชฟหนุ่มเถียงอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันเขาเองก็เจ็บปวด เขาแค่อยากจะเดินออกไปให้พ้นๆ ไม่อยากเผชิญหน้าในตอนนี้ แต่ไม่..เขาทำไม่ได้ ท่าทางเจ็บปวดของอีกฝ่ายทำให้เขาไปไหนไม่ได้

"ความรู้สึกก็มีหลากหลาย... อาจจะไม่ใช่ว่า...รัก...เพียงแต่คิดว่า น่าจะเป็นแม่ให้ลูกได้..."ชายหนุ่มพูด "และผู้ใหญ่เองก็เห็นดี....พวกเขาเห็นดีกับอะไรก็ตามที่ฉันทำตามเขานั่นล่ะ...การย้ายบ้าน เข้ามหาวิทยาลัย สถานที่ทำงาน.... ทั้งหมดนั่นล่ะ" เสียงนุ่มของคิโยโนบุสั่น มีเพียงความเงียบเท่านั้นเป็นคำตอบจากเจ เชฟหนุ่มผมยาวเงียบไปนานก่อนจะถามขึ้นมา

" .......................................... แล้วนาย คิดจะทำยังไง? "

"ฉันอยากรู้...ความรู้สึกของนาย...ความจริง" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ บาดแผลที่หน้าขาเจ็บแปลบขึ้นมาอีกจนสีหน้าของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยน

" เฮ้ย..สีหน้าไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรรึเปล่า? " ก่อนที่จะได้ตอบอะไรไป สีหน้าของคนถามที่เปลี่ยนไปทำให้เชฟหนุ่มถามออกมาอย่างเป็นห่วง

"มะ...ไม่เป็นไร...ฉัน...เจ็บขานิดหน่อยน่ะ "มือเรียวโบกปฏิเสธ แต่สีหน้าไม่ได้บอกแบบนั้น

" เจ็บขาเคยหักนะเว้ย  " เจแทบจะโวยวานใส่อีกฝ่าย มือแกร่งฉุดให้คิโยโนบุลุกขึ้น แล้วเรียกพนักงานร้านมาเพื่อบอกว่า เขาขอจัดการธุระซักครู่ " ไปโรงพยาบาลไหม? " มือแกร่งโอบเอวนั้นไว้แล้วค่อยๆพาเดินออกไปข้างนอกห้องอาหาร

"อ่ะ.... จุน...ฉันไม่ได้เป็นอะไร... "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล พยายามจะให้คนที่แทบจะหิ้วปีกเขาเดินออกมาจาก ห้องอาหารของโรงแรมหยุดซักหน่อย


...ก็...หยุดซิ่...พอซิ่...ฉันจะได้ไม่ต้องคิดไปเองแบบนี้.....
...ที่ว่าบางที..นายอาจจะชอบฉัน...
...ที่ว่าบางที...ฉันอาจจะได้ทำอะไรตามใจบ้าง...


มือที่ดันอกเขาออกทำให้เชฟหนุ่มรู้สึกตัว เขาค่อยๆ ปล่อยมือออก

" นายน่าจะโทรบอกอิชิดะซังนะ  "

"อืม...นั่นซิ่นะ..."ทั้งที่ตอบรับไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับขอให้ หญิงสาวเจ้าของชื่อ ช่วยเดินไปไกลๆ....ไปช๊อปปิ้ง....ไปซื้อขนม....ไปดูเสื้อผ้าสวยๆ....ไปดูอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอสบายใจที่จะอยู่กับมันนานๆ.... มือเรียวดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์สปีดไดอัลเบอร์แรก  ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองใบหน้า ของชายหนุ่มที่ช่วยพยุงเขาออกมาจนถึงข้างนอกนี่  แวบหนึ่งที่เจมีสีหน้าเจ็บปวด ก่อนที่อีกฝ่ายดูจะพยายามปรับให้มันนิ่งเฉย...เหมือนทุกครั้ง
 
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น


...ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น....


เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังให้ได้ยิน.....

....ครั้งที่หนึ่ง....


คิโยโนบุกลืนน้ำลายลงคอ เขาได้ยิน เสียงของเหลวที่กลืนไหลลงไปตามลำคอ มือที่ถือโทรศัพท์นั้นสั่นระริก รู้สึกได้ถึงความชื้นบนฝ่ามือ

....ครั้งที่สอง....

เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง เต้นแรงจนเจ็บ มือเรียวพับโทรศัพท์ปิด สายถูกตัดไปก่อนที่จะได้ยินเสียงฮิโตมิตอบรับกลับมา

เจมองอาการของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

" ทำไมเหรอ? "เขาถามออกไปแบบนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าอยากจะได้ยินคำตอบแบบไหน ทำไมอีกฝ่ายถึงทำแบบนั้น

"โทรไม่ติดน่ะ... " คิโยโนบุตอบออกไปอย่างนั้น ทั้งๆที่รู้ดีว่านั่นเป็น การโกหกคำโต ..หลายคนอาจจะบอกว่า อดีต คือสิ่งที่ควรจะลืมไปบ้าง..เพื่อก้าวต่อไป...แต่...เขาไม่แน่ใจเลยว่า จะก้าวต่อไปได้ถ้าไม่มองย้อนกลับไปหาอดีต

" งั้นก็แย่สิ .. ทำยังไงล่ะ? ให้ไปส่งไหม? " อยู่ๆ เชฟหนุ่มก็อาสาทำในสิ่งที่เขาไม่ควรจะทำเลยซักนิด อาจจะเป็นเพราะเป็นห่วงอาการเจ็บเรื้อรัง ที่เขาเป็นคนทำให้มันเกิด สิ่งที่เขาทำลายชีวิตช่วงหนึ่งของคนตรงหน้าไป

"อืม.... ไปส่งหน่อยก็แล้วกัน" ชายหนุ่มตอบ แม้จะเจ็บกายแต่ในใจเบิกบานขึ้นมาอย่างประหลาด ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ มันควรจะเป็น ความรู้สึกของคนที่ตกหลุมรักไม่ใช่หรือไง...การได้อยู่กันตามลำพัง... แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย...ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานนะ...ชายหนุ่มขยับตัวเดิน แต่ก็ยังลงน้ำหนักไปที่ขาข้างที่เจ็บไม่ได้อยู่ดี ร่างสูงของเชฟหนุ่มเข้ามาประึคองพาอีกฝ่ายเข้าไปนั่งในรถยนต์สำหรับขับในเมืองก่สีดำสนิทคันใหม่ที่เพิ่งซื้อเมื่อไม่นานนี้ก่อนที่เจจะขอตัวเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไปรเวทแล้วขับพาคนเจ็บขาไปส่งถึงอพาร์ตเมนต์
 

จานอาหารเช้าสองชุดยังวางอยู่บนโต๊ะ ทานข้าว เมื่อชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินกะเพลกเข้ามาด้านใน  โดยที่คนมาส่งเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้ามา ดวงตารีนั้นกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วก็ต้องสะดุดกับจานอาหารเช้าและชุดกาแฟสองชุด ... ในใจของเขาเจ็บแปลบ ...แต่จะแปลกอะไรที่คนทั้งคู่จะใช้ชีวิตด้วยกัน อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกัน ในเมื่อยังไงพวกเขาก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี

"กาแฟไหม.... " คิโยโนบุถามเมื่อเดินไปที่ตู้เย็น  หยิบเอาไอซ์แพ็คถุงหนึ่งออกมาก่อนจะเดินกลับมา ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วพับขากางเกงแล้วดึงขึ้นสูงก่อน เอาไอซ์แพควางลงไปบนท่อนขา
"ไม่เป็นไรหรอก..ของพรรค์นั้น ว่าแต่ขานาย... ปวดบ่อยเหรอ? ถึงต้องมีไอซ์แพคเอาไว้น่ะ? " เจถามพลางเดินตามอีกฝ่ายไปเขานั่งกับพื้นพรมแล้วจับขาอีกฝ่ายวางลงบนตักของเขาเอง ให้ปลายเท้านั่งวางบนหน้าขา ก่อนจะจับถุงน้ำแข็งให้อยู่ดีๆ
"เอ่อ... ก็... มีบ้างน่ะ...เวลาที่...เครียด " ชายหนุ่มพูดเสียงเบา  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองปลายนิ้วของเชฟหนุ่มที่แตะอยู่บนไอซ์แพ็ค และ ท่อนขาของตัวเอง
" งั้นเหรอ? .. นายน่ะ .. อย่าคิดมากเลย " มือแกร่งที่มักจะสร้างสรรค์อาหารรสเลิศนั้นจับไอซ์แพคย้ายไปอีกที่ เขารู้ดีว่าถึงจะบอกไปแบบนั้น เขาก็รู้ดีว่าคิโยโนบุคงเครียดเรื่องจูบนั้นแน่ๆ
"แล้ว...นายล่ะ ...ไม่คิดมากเหรอ.." ชายหนุ่มถามกลับ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก  เมื่อรู้สึกเสียวแปลบขึ้นมาตามขาเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนไอซ์แพ็คไปอีกที่หนึ่ง  บนหน้าแข้งยัง มีรอยแผลใหญ่ ปรากฏให้เห็น
" ถ้าบอกว่าไม่ ก็คงจะโกหก..  " มือนั้นหยุดนิ่งเมื่อืเห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ขาของอีกฝ่าย" เราจูบกันทำไมนะ?..มันเพื่ออะไรกัน? " เขาถามออกมาโดยที่ดวงตารีนั้นยังคงจับจ้องที่แผลบริเวณต้นขาของอีกฝ่าย
"มันเป็นการทดลอง"  ชายหนุ่มตอบเสียงแหบพร่า
"ลองอะไรล่ะ? ลองใจนาย หรือ ใจฉัน? .. หรือทดลองดูว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ใครจะเจ็บปวดบ้าง งั้นเหรอ? " เจถามออกมาเป็นชุด เขารู้สึกเจ็บกับเหตุผลของอีกฝ่าย

...เป็นแค่การทดลอง ของนายคนเดียวงั้นสิ ....


"ฉัน...เองก็เจ็บ...ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้....ตอนนี้ในตอนที่นายเจ็บ ฉันก็เจ็บ...แต่ทำไม.... " มือเรียวแตะเส้นผมยาวสีดำสนิทของอีกฝ่าย ก่อนจะไล้เบาๆ   "ทั้งๆที่นายบอกว่า เป็นสัญชาตญาณ แต่นายก็เจ็บ.... " มือแกร่งที่สากด้าน แต่ทว่าอบอุ่นจับมือของคิโยโนบุเอาไว้ ดวงตารีนั้นสบตากับอีกฝ่าย

" เราจูบกัน แล้วนายก็นอนกับเธอเมื่อคืน .. นั่นก็เจ็บรึเปล่าล่ะ? "

".......ฉันสับสน...." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบไปตามตรง ในดวงตานั้น บ่งบอกได้ถึงความรู้สึกว้าวุ่นที่อยู่ข้างใน  "ฉัน.....ไม่ได้รู้สึกเร่าร้อนหรืออะไรกับเธอคนนั้น.....เหมือนอย่างทุกที....มือนี้....สัมผัสอะไรไป..." มือเรียวสั่นระริก "ในหัวฉัน.....มีแต่ภาพ....ที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น...ฉัน....." คิโยโนบุเม้มริมฝีปากแน่น


" จินตนาการว่ากำลังมีอะไรกับฉันรึไง? "


คำพูดที่จู่ๆก็ออกมาจากปากของเชฟหนุ่ม ใช่ เขาเป็นคนตรงแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็ไม่เคยปกปิดอะไรคนๆนี้เลย

"..............................."

 ว่าที่เจ้าบ่าวหนุ่มเงียบไปในทันที ใบหน้าได้รูปเบือนหนีไปอีกทาง  สิ่งที่อีกฝ่าย พูดนั้นมันตรง และ ฟังดูน่าละอายเสียจนเขาไม่อยากจะตอบ มันเป็นเพียงเพราะจูบเดียว  จูบเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เขาเป็นไปได้ขนาดนี้ กับ ความทรงจำดีๆที่ไหลประดังประเดเข้ามา  ทำให้ใจของเขาไขว้เขว ไปในทางที่....น่าละอายเสียเหลือเกิน เมื่อคืนนี้ ในสมองของเขา มีแต่ ภาพและความรู้สึกวาบหวามจากรสจูบของอีกฝ่าย... มันมีมากเสียจน....

" อ่อนไหวชะมัด.. "เชฟหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา ก่อนจะจับอีกฝ่ายนอนลงกับโซฟา โดยที่เขาคร่อมเอาไว้ " จินตนาการไปถึงไหนล่ะ? ไปถึงซักกี่ครั้งกัน? "

".........................." ชายหนุ่มเงียบ ไม่ตอบอะไรเพียงแค่เงียบ และมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ถามว่าตกใจไหมที่อีกฝ่าย ดึงเขาลงมานอนกับโซฟาแบบนี้ ....แน่นอน....  แต่ในใจที่ดำมืดอีกด้านหนึ่งนั้นกลับ เต้นระริก

เจได้แต่สบตาอีกฝ่าย โดยที่คร่อมร่างบางเอาไว้แบบนั้น

...ดิ้นสิ... ปฏิเสธซิ ...

ใบหน้าที่เรียกได้ว่า ดูดีและเด็กกว่าวัยนั้น เขาเพิ่งจะได้มองในระยะประชิด มันไม่ได้ดูดีในระยะไกลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ในระยะขนาดนี้แล้วก็ยิ่งมีเสน่ห์ และริมฝีปากนุ่มนวลที่เขายังจำรสชาติเมื่อวานนี้ได้

...ดิ้นซี่..... ได้โปรด.......


ร่างบางนั้นไม่ได้ ดิ้น ปฏิเสธ ใบหน้าได้รูป ขยับเข้าไปใกล้ เป็นไปเอง อย่างห้ามใจไม่ได้


..................................................to be con



lasom

  • บุคคลทั่วไป
พีจังใจร้าย :serius2: ค้างเลยอ่ะ กำลังลุ้นตัดจบซะงั้น
อ้ายยยยย :m14:เค้าล้อเล่น กำลังหนุกเลยเนี้ยเอาใจช่วยทั้งคู่อยู่เลย
แต่ไมไม่ค่อยมีคนเม้นเลยเนอะ ทั้งๆที่เรื่องก็ออกสนุกแท้ๆ
แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี่ยวก็มีคนอ่านเยอะขึ้นเองเเหล่ะ
เค้าจองFC จุนจังไว้ก่อนคนแรกเลยนะ อิอิ  :L1:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@

พีจังใจร้าย :serius2: ค้างเลยอ่ะ กำลังลุ้นตัดจบซะงั้น
อ้ายยยยย :m14:เค้าล้อเล่น กำลังหนุกเลยเนี้ยเอาใจช่วยทั้งคู่อยู่เลย
แต่ไมไม่ค่อยมีคนเม้นเลยเนอะ ทั้งๆที่เรื่องก็ออกสนุกแท้ๆ
แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี่ยวก็มีคนอ่านเยอะขึ้นเองเเหล่ะ
เค้าจองFC จุนจังไว้ก่อนคนแรกเลยนะ อิอิ  :L1:
ขอบคุณนะคะ ที่มาให้กำลังใจกันเสมอๆ ต้องช่วยกันโปรโมทกระมังคะ  :monkeysad:ถึงจะมีคนเข้ามาอ่านแล้วใจดีเม้นท์ให้เย้อๆๆ (หุหุ )
แน่นอนค่ะ จะให้ lasom เป็นแฟนครับจุนๆ คนแรกเลย...จุนๆคงดีใจด้วยละค่ะ  :กอด1:

############################



"Tttt Tttt Ttttt!!!!" 


ก่อนที่ริมฝีปากที่ห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นติเมตรจะสัมผัสกัน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ระหว่างคนทั้งสองคน โทรศัพท์ทั้งร้องทั้งสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงนั่นเองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ราวกับ จะระงับ ความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อย เพื่อดึงเอาโทรศัพท์ออกมา

นั่นทำให้เจปล่อยร่างนั้นออกทันทีแล้วลุกขึ้น ทำท่าจะกลับ แต่มือของอาจารย์หนุ่มกลับจับข้อมือของอีกฝ่าย เอาไว้ ก่อนที่จะดึงโทรศัพท์ ออกมาตอบรับปลายสาย

"ครับ"

นั่นทำให้เชฟหนุ่มต้องหันมามองมือสลับกับหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

...นายจะทำอะไรกันแน่?...


" คิโยโนบุคะ? เห็นโทรมาน่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ? แล้วเสร็จรึยัง? "เสียงหวานที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ เจได้ยินทุกคำ

"เอ่อ...ฮิโตมิ...ผม... " ดวงตาสีน้ำตาล อ่อน มองหน้าชายหนุ่มร่างสูง ที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก "ผมอยู่ที่บ้านแล้ว
 
" ทำไมล่ะคะ? มีธุระอะไรงั้นเหรอ? ไม่เห็นรอกันเลย " ฮิโตมิถามอย่างแปลกใจปนๆกับต่อว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย

"จุน..เอ่อ...โอโนะเสะเขาอาสามาส่งน่ะ พอดี..ผมปวดขา คุณก็รู้... แล้วโทรหาคุณไม่ติดด้วย" ชายหนุ่มให้เหตุผลยาวรัว
 
" แย่จัง ทำยังไงดีคะ? จะไปหาหมอไหม จะให้ไปด้วยหรือเปล่า " เสียงหวานนั้นดูร้อนรน ความเป็นห่วงนี้เกิดขึ้นจริงๆ

"ไม่...ไม่เป็นไร...ผมดีขึ้นแล้ว" ชายหนุ่มตอบเสียงเบา มือยังบีบมือของชายหนุ่มผมยาวเอาไว้แน่น

" งั้นก็ดีแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่วันนี้คุณจะแวะมาบ้านคุณพ่อไหมคะ? "

ด้วยระยะที่ไม่ห่างนั้นทำให้คำชวนของฮิโตมิ ดังขึ้นให้ได้ยินกันทั้งสองคน เจรู้สึกว่ามือที่จับเขาอยู่นั้นมันเปียกชื้น แต่เขาก็ไม่คิดจะดึงมือออกตอนนี้

 "ผม....เอ่อ..... " ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง "ผมว่าคุณ...คุณเลือกมาดีกว่า...โอโนะเสะเองก็อยากได้ไอเดียจากคุณด้วย"  อยู่ที่ชื่อเขาถูกอ้างในการโกหกครั้งนี้ก้ทำให้เจต้องทำหน้าข่มขู่อีกฝ่ายทันที

" โอโนะเสะซังอยู่ด้วยเหรอคะ? "

"เอ่อ...... " ชายหนุ่มหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะต้อง ปั้น คำโกหกไปอีกรอบ ด้วยไม่อยากจะนึกว่าหากพูดออกไปตามจริงแล้วจะเป็นอย่างไร ต่อไป 

"เปล่า....เขา...กลับไปแล้วน่ะ"

" ได้ค่ะ ถ้าเชฟบอกแบบนั้นจะเลือกไปหลายๆแบบนะคะ ยังไงก็พักผ่อนนะคะ ปวดขาแบบนี้เด๊ยววันงานจะแย่เอานะ " ฮิโตมิบอกว่าที่สามีอย่างเป็นห่วง

"ครับ ครับ ว่าที่เจ้าบ่าวคนนี้ จะไม่ทำให้ คุณว่าที่เจ้าสาวต้องเสียหน้าแน่ครับ" แต่ ถึงจะพูดไปแบบนั้น เขาก็ไม่แน่ใจ ว่า ...เขาจะยังมีหน้าไปยืนใน วันงานพิธี หรือเปล่า
 
" พักผ่อนนะคะ วางเลยก็แล้วกัน " ฮิโตมิกำชับก่อนจะวางสาย และทันทีที่คิโยโนบุกดวางสาย เจก็ดึงมืออกแทบจะทันที

"ขอโทษ...ที่เอาชื่อนายมาอ้าง" ว่าที่เจ้าบ่าวพูดเสียงเบา ก้มหน้าลง ด้วย ความรู้สึก... ผิด

" เพื่ออะไร? นายกำลังจะแต่งงานกับเธอนะ  "เจต่อว่าอีกฝ่ายแล้วหันหน้าไปอีกทาง

"แล้วมันเพื่ออะไร...ที่นายรู้สึกแบบนั้น"

" ที่ฉันรู้สึกแบบนั้นหรืออะไรนั่นก็ไม่ใช่เพื่อใคร มันก็แค่ความรู้สึก เราเลือกได้นี่ว่าจะเก็บมันเอาไว้ หรือทำให้เกิดอะไรขึ้น "เจตอบอีกฝ่าย ก่อนจะถามย้อนไป
" ถ้าเป็นนาย จะเก็บเอาไว้ หรือทำให้มันยุ่งยากไปกว่านี้ล่ะ? "

คิ้วเรียวขมวด เข้าหากันเล็กน้อย คำพูดนั้นเหมือนกล่าวโทษ...ไม่เหมือนล่ะ ใช่เลย

"มันเกิดขึ้นไปแล้ว... " คิโยโนบุตอบเสียงเบา

" นาย.............................. ไม่ได้รักเธอรึไง?  " คำพูดนั้นทำให้เจแทบพูดไม่ออก ก่อนจะถามออกมา

 ".......................รัก.........มันควรจะเป็น ความรู้สึกยังไง"  เขาถามกลับด้วยเสียงที่เลื่อนลอยเช่นเดียว กับ ดวงตาคู่นั้น "อาจจะ...ไม่....เพียงแค่ ต้องเลือกในเวลาที่ใช่"  ชายหนุ่มตอบเมื่อนึกถึงเหตุผลในการเลือกคู่ดูตัวและคู่หมั้น ของตัวเอง

" ฉันอาจจะแค่ทำให้นายเขว .. แต่ก็อยากจะให้คิดดูดีๆ นายไม่ได้เจอฉันมา 12 ปี และ เมื่อ 12 ปีก่อน เราแยกจากกัน ทั้งที่ยังคาใจกับจูบนั่น  "เจถอนหายใจ
" นายอาจจะแค่หวั่นไหว "

"ฉัน.......อาจจะ.....หวั่นไหว....." ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ราวกับจะย้ำคำนั้นให้ลึกลงไปในนใจ

" บางที นายก็แค่ไม่อยากแต่งงานขึ้นมาเฉยๆ แค่เครียดเท่านั้นเอง .. ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก "มือแกร่งตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

".....แล้วนายคิดมากไหม" คิโยโนบุถามกลับ พลางหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเป็นประกายที่ทำให้รู้สึกสะท้อนเจ็บเข้าไปในอกอย่างยากจะอธิบาย

" พยายามจะคิดให้น้อยลง "เจยิ้มให้อีกฝ่าย " เย็นแล้วนะ เดี๋ยวทำอะไรไว้ให้กินละกัน  "เขาขอตัวเดินเข้าครัวของอีกฝ่ายไปอย่างถือวิสาสะ

 ดวงตาสีน้ำตาบอ่อนมองแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้อยู่ในห้องครัวของเขาอย่างไม่เข้าใจ เชฟหนุ่มคนนี้เหมือนจะผลักไสเขาไป...แน่นอน...ในสถานการณ์แบบนี้ คงไม่มีใครจะอ้าแขนรับ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีความมั่นใจ ไม่ได้เรียกว่ารัก...เต็มไปด้วยความสับสนและลังเลแบบนี้เป็นแน่  แต่....ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ง ก็ยังอยู่ข้างๆ และในบางครั้งก็มีท่าทีราวกับว่า รอคอยอะไรบางอย่างมานาน เช่นกัน

....นายคิดอะไรอยู่กันแน่....
....มันเป็นฉันที่ควรจะถามไม่ใช่หรือไง....


" มาช่วยทำซี่ หุงข้าวเป็นรึเปล่า? " เสียงทุ้มชองหนุ่มผมยาวดังขึ้นมาจากในครัวขณะที่รวบผมไปด้วย

"อ่ะ...อื่ม" เสียงเรียกนั้นทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสะดุ้งขึ้นจากภวังค์ก่อนจะเดินไป หยิบหม้อข้าวมาตวงข้าวสารจากกล่องมาใส่หม้อ

" หุงข้าวเป็นก็ดีแล้ว อีกหน่อยอิชิดะซังจะได้ไม่เหนื่อยมาก " เจพยายามหาเรื่องอื่นๆมาพูดคุยกับอีกฝ่าย

"นานๆ ครั้งเขาถึงจะทำให้หรอก....รายนั้น่ะ"ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ "บ้านสมัยใหม่ก็อาจจะเป็นบ้านแบบอาหารแช่แข็ง"  ที่พูดก็เพราะ นอกจากพวกซุปง่ายๆ ผัดนั่นนี่ แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ค่อยเป็นมากนัก ไม่ต้องคิดเอาตัวไปเปรียบกับเชฟเลย

" นึกว่านายจะให้เธอลาออกมาเป็นแม่บ้านซะอีก เมื่อก่อนดูออกจะหัวโบราณ... " เจหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจัดการเอาผักในตู้เย็นมาล้าง

"ก็เขายืนกราน... "ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจ ราวกับว่า ผู้หญิงคนนี้มีสองด้าน ที่เขาไม่เข้าใจ ด้านหนึ่งคือความอ่อนโยนที่ราวกับจะถอดแบบ "อุดมคติ" ของผู้ชายทุกคนมา   แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและพร้อมจะสู้เพื่อความคิดของตัวเองในแบบผู้หญิงสมัยใหม่
และมีหลายครั้งเลยทีเดียวที่เขาต้องยอมทำตามที่เธอพูด

" ก็ดีแล้วนี่... นายเองก็คงจะกลัวที่จะเดินนำหน้าไปคนเดียว ให้เธอต้องทำตามที่พูดไปเสียทุกเรื่องใช่ไหม? "

"...จะว่ากลัวก็คงไม่....แต่ก็ไม่แน่ใจมากกว่า... บางครั้งฉันก็ไม่ได้เหมาะจะเป็นผู้นำไปในทุกทางหรอก" เขาพูด เสียงเบา

" เฮ้ย! มั่นใจหน่อยดิ นายกำลังจะสร้างครอบครัวนะ นั่นเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง? ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เก่งจนไม่ต้องนำเขาไปหมดหรอก อย่างในวงการเชฟ มีผู้หญิงหลายๆคนที่เก่งกว่าผู้ชายซะอีก " หนุ่มผมทองจัดผักใส่ชามแล้วหันไปสนใจกับกะทะที่จะใช้ผัดแทน

"ฮ่ะๆ........." เสียงหัวเราะราวกับจะเยาะหยันคำพูดของอีกฝ่ายดังขึ้นเบาๆจากร่างของเจ้าของห้อง"เหมือน... อาการิซังน่ะเหรอ"

" ................ ใช่ เธอเก่งมากในฐานะ พาร์ติเช่ย์ " เขาหยุดมือเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง " เตรียมจานหน่อยซี่  "

"อืม.... จานนี้โอเคไหม" ว่าพลางก็ส่งจานสองใบให้อีกฝ่าย  ก่อนจะเดินไปเตรียมถ้วยสำหรับใส่ข้าวกับตะเกียบให้พร้อม... ในตู้ใส่จานมีของใช้เป็น คู่ๆ สีน้ำเงินและสีแดง แม้จะบอกว่า ฮิโตมิไม่ค่อยทำอาหาร แต่ หญิงสาวก็มาทานข้าวและ ค้างที่นี่บ่อยพอสมควร

เสียงตะหลิวกระทบกับกะทผัดผักดังเป็นจังหวะจะโคน ก่อนที่ไฟจะลุกเป็นลุกใหญ่ดูน่ากลัว แต่ดูเหมือนเชฟหนุ่มจะไม่ตกใจกับมันเลยซักนิด ชายหนุ่มจัดการเขย่ากระทะอีกสองสามที  ก่อนจะตักผัดผักสีสวยลงใส่จาน

"นึกว่านายจะเผาบ้านฉันซะแล้ว" เสียงเจ้าของห้องหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่าย จัดอาหารใส่จานเสริฟ

" ฮะ ฮะ ไว้คราวหน้าจะให้เผาไหมล่ะ? "เจหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นจานทั้งสองใบให้อีกฝ่าย " แล้วก็ซุป เต้าหู้ก็แล้วกัน เดี่ยวทำให้ "

"คราวหน้า..... นายจะทำอาหารให้ฉันกินอีกหรือไง" ชายหนุ่มพูด น่าแปลกที่คราวนี้เขายิ้มออกมา

" เรายังต้องได้เจอกันอีกนานไม่ใช่รึไง? ... หรือนายจะย้ายไปเมืองอื่นอีกล่ะ? "เจยิ้มให้อีกฝ่าย

"ก็...คิดว่านายคงไม่......อยากเห็นหน้าฉันอีก"ชายหนุ่มพูด ก่อนจะหัวเราะออกมา "แต่ก็อย่างปรกติเราเจอกันนี่นะ...ฉันก็เพิ่งรู้ว่านายอยู่ที่โรงแรมนั่น... มัน.... เป็นเรื่องของความบังเอิญ......."

" ได้ไงล่ะ อาหารในงานแต่งงานนายคืองานใหญ่ของฉันนะ ต้องเจอสิ " เจพูดให้อีกฝ่ายได้สบายใจ " เราสองคนน่ะ ไม่อยู่ในวัยที่จะหนีอะไรอีกแล้ว "

"นาย... ปลอบใจฉัน หรือ ปลอบใจตัวเองกันแน่..."

เจ้าของห้องพูด ไม่ได้แม้แต่มองหน้าของอีกฝ่าย ร่างบางเดินไปหยิบขวดน้ำมาตั้ง ก่อนจะเดินไปหยิบหม้อข้าวมาวาง เมื่อเห็นสัญญาณว่าสุกเรียบร้อย :

" แล้วนายสบายใจขึ้นบ้างไหมล่ะ? "เหมือนเดิม เจเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น เขาตอบมันด้วยการย้อนถามอีกฝ่ายแทน เสียทุกครั้ง

"หยุดเลี่ยงไม่ตอบฉันจะได้ไหม... การที่นายพยายามจะบอกฉันว่า ไม่มีอะไร ... มันไม่ได้แปลว่า ....มันไม่เกิดขึ้นหรอกนะ" มือเรียวตบลงบนโต๊ะ เสียงดังพอที่จะเรียกความสนใจจากอีกฝ่ายได้

" โอเค..." เชฟหนุ่มสูดลมหายใจลึกแล้วสบตาอีกฝ่ายนิ่ง " ใช่....ทั้งสองอย่าง ถ้าฉันพูดไปแบบนี้ ฉันกับนายจะเลิกคิดมาก ฉันก็จะพุด พูดให้มันเจ็บกว่านี้ให้มากกว่า ฉันก็ทำได้ "

คำพูดของอีกฝ่ายนั้น ดูจะเป็นอย่างหลังมากกว่าจะเป้นการทำให้สบายใจ เพราะพอพูดถึงเรื่องของการมีครอบครัว แม้จะไม่มีเรื่องของเชฟหนุ่มมาเกี่ยวข้อง เขาก็คงจะไม่มั่นใจ และเป็นแบบนี้ต่อไป...มันไม่ได้ มีพื้นฐานมาจากความรักและความเข้าใจกันตั้งแต่เริ่มแรกอยู่แล้ว เพียงแค่นั้นยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว...ขาที่ทุเลาเจ็บไปก็กลับมาเจ็บอีกครั้ง  ยิ่งถ้าเสริมคิดเรื่องที่ เขาจูบกับอีกฝ่าย และมีภาพของตัวเองจูบกับเเชฟหนุ่มปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เขาไล้เล็มริมฝีปากของฮิโตมิในยามที่ร่วมรักเมื่อคืนเข้าไปด้วยล่ะก็....มันคงจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่านี้

.....นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่...


ชายหนุ่ม เจ้าของห้องผละจากโต๊ะกินข้าวไปที่ห้องน้ำทันที ความปั่นป่วนในหัวมันมีมากเกินไป ... เกินไป....  ฟักบัวถูกเปิดขึ้นใช้ราดศีรษะของตัวเองที่นั่งทรุดอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ

"บ้าจริงๆ ....."

" เป็นอะไรรึเปล่า?.. " เสียงนั้นถามออกมาอย่างเป็นห่วง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ที่ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงของน้ำที่ไหลลงมารดบนศีรษะของว่าที่เจ้าบ่าวที่ดูสับสนคนนี้ ดวงตารีเรียวยืนมองร่างนั้นอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ มือแกร่งเท้าที่ขอบประตูราวกับชั่งใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่

"ฉันคงทำให้นายลำบากซิ่นะ... "เสียงของเจ้าของห้องนั้นตอบกลับมาอย่างแผ่วเบามากเหลือเกิน

" ฉันต่างหากทำให้นายต้องวุ่นวายใจ  " เจถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะดึงแขนอีกฝ่ายขึ้น" ลุกขึ้นมาเถอะ .. หรือจะอาบน้ำก่อน ฉันจะได้ออกไปทำกับข้าวต่อ " ร่างบางนั้นพิงเข้ากับไหล่กว้างของอีกฝ่ายเมื่อลุกขึ้นมา

"ฉัน................."  มือเรียวแตะที่ไหล่กว้างนั้นเล็กน้อย  "อาบน้ำก่อนก็แล้วกัน " ก่อนที่ผละออกไปเหมือนเปลี่ยนใจไม่พูดเสียดีกว่า

......ฉันทำให้ชีวิตของนายวุ่นวายมากใช่ไหม.....


แม้จะอยากเอ่ยถามออกเช่นนั้นก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ตามเดิมมากกว่า

" งั้นออกไปก่อนก็แล้วกัน " เจพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องน้ำไปโดยที่ไม่ลืมที่จะปิดประตุให้อีกฝ่าย  ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงแน่น... มันเกือบจะมีน้ำตา แต่เขายังพอมีแรงที่จะหยุดมันเอาไว้ได้...

....นี่คือความรู้สึกของคนที่จะเข้าพิธีแต่งงานหรือไงกัน....


...........................................to be con....

lasom

  • บุคคลทั่วไป
จะดีใจดีรึป่าว ทีนอนไม่หลับหลังจากวันนี้ซัดคาปูแก้วใหญ่ไปทั้งๆที่ง่วงแทบตาย
ก็เลยเซ็งจนต้องเปิดเล้าดูอีกรอบ  :mc4: เอิ๊กๆตัวเองอัพด้วยล่ะ ดีใจ
แหม มาแบบสะเทือนอารมณ์มักๆๆ ไม่ว่าทางไหนก็เจ็บเนอะ
 :กอด1:หนูพีแล้วไปนอน

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@WRITER's Talk@@@

จะดีใจดีรึป่าว ทีนอนไม่หลับหลังจากวันนี้ซัดคาปูแก้วใหญ่ไปทั้งๆที่ง่วงแทบตาย
ก็เลยเซ็งจนต้องเปิดเล้าดูอีกรอบ  :mc4: เอิ๊กๆตัวเองอัพด้วยล่ะ ดีใจ
แหม มาแบบสะเทือนอารมณ์มักๆๆ ไม่ว่าทางไหนก็เจ็บเนอะ
 :กอด1:หนูพีแล้วไปนอน

กินกาแฟมากๆตาจะค้างนะคะ...ถ้าอยากตื่นๆ แนะนำฝืนใจกินแบรนด์ตอนท้องว่าง จะตื่นมีแรงทำงานมากๆเลยคะ
พีจังทำบ่อยตอนปั่นรายงาน  :o211: ได้ผลดีนักแล เรามาสู้ๆกันเถอะ หุหุ  :a2:

สาธุ ฮิตจงขึ้นๆ  :call:


////////////////////////////////////////////////


ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำครู่ใหญ่ ก่อนที่จะก้าวออกมา จากห้องน้ำในชุดนอน สบายๆที่ชอบใส่ หวังว่าสายน้ำเมื่อครู่จะพา ความไม่สบายใจออกไปหมดแล้ว..

"จุน....."

" กินข้าวสิ "เชฟหนุ่มนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามอีกฝ่าย โดยที่ใช้ชุดจานอาหารสีแดง

ชายหนุ่มมองถ้วยข้าวสีน้ำเงินของตัวเอง ก่อนจะมองถ้วยข้าวในมือของอีกฝ่าย เมื่อนั่งลงกับโต๊ะอาหารเล็กๆในห้องตามคำบอกของเชฟหนุ่ม

"ฮ่ะๆ.... เข้ากันแบบแปลกๆนะ...นายกับถ้วยลายดอกสีแดงนั่นน่ะ"

" ฉันรู้ว่าไอ้สีน้ำเงินนั่นของนาย " เจบุ้ยปากไปที่ชุดอาหารสีน้ำเงินของอีกฝ่าย " ตอนเราอยู่โณงเรียน นายก็ได้แต่ของสีน้ำเงินจากสาวๆทั้งนั้นนิ "

"จำได้ด้วย?......" ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดของอีกฝ่าย

"แต่เวลานายทำปิ่นโตให้ฉัน มาเป็นปิ่นโตสีดำของร้านทุกที..."

" ก็ฉันทำที่ร้านนิ  " ทั้งสองคนดูจะมีความสุขเวลาที่พูดถึงอดีตของพวกเขา 12ปีก่อน วันเวลาที่ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง วันเวลาที่ไม่ต้องโกหกใคร แม้แต่หัวใจตัวเอง นั่นคือ ความสุขของการเป็นเด็กอย่างแท้จริง

"......ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากย้ายหรอกนะ...."คิโยโนบุพูดขึ้นมาเมื่อเชฟหนุ่มเริ่มเล่าให้ฟังว่า เทอมสุดท้ายของปีสามที่เขาไม่ได้อยู่ด้วยนั้น ทุกคนสนุกกันมากแค่ไหนกับการไปทัศนศึกษา ที่ ฮอกไกโด

" พวกสาวๆอกหักกันเกือบทั้งห้อง ตอนที่เขารู้ว่านายย้ายไปน่ะ  " หนุ่มผมยาวหัวเราะเมื่อนึกถึง เวลาที่พวกเธอทำหน้าจะร้องไห้ตอนที่เห็นว่าโต๊ะของอีกฝ่ายว่างเปล่า

"เหรอ.... "ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ "ฉันเองก็อยากจะอยู่ที่นั่นกับทุกๆคนเหมือนกัน "

"..............................."

"..............................."

สิ้นท้ายประโยคนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไป จมอยู่แต่ในความคิด...ความทรงจำ...ของตัวเอง ...


Tttt!!....Ttttt!!...



ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น จากมือถือของชายหนุ่มผมยาว จนทำให้เชฟหนุ่มดึงสติกลับมารับโทรศัพท์ทันที

" อาคาริ? มีอะไรรึเปล่า? "

"เอ่อ...ก็พอดีแวะมาที่บ้านน่ะ..จะมาดูผลงานเสียหน่อยว่า โรลเค้กเป็นยังไง...แต่เจ้าตัวไม่อยู่ซะนี่ " เสียงหัวเราะอย่างอารมร์ดีดังขึ้นจากปลายสาย  ภายในห้องเงียบๆนั้นเสียงหัวเราะสดใสนั้นสามารถได้ยินชัดเจน อาจารย์หนุ่มหันหน้าไปอีกทาง ก่อนที่จะหันกลับมาเก็บจานชามบนโต๊ะ

" อื้อ กำลังจะกลับแล้วล่ะ แวะกินข้าวที่บ้านเพื่อนน่ะ " ดวงตารีมองตามร่างของอาจารย์หนุ่ม ขณะที่พูดกับคนที่คบหากันอยู่ตอนนี้  เสียงเปิดน้ำล้างจานดังขึ้น ตามด้วยเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล ทำความสะอาดไปอย่างเงียบๆ เงียบมากจนชวนให้อึดอัดจนกระทั่งหนุ่มผมยาววางสาย แล้วเดินเข้าไปในครัว

" คือ .. คงต้องกลับแล้วล่ะ รบกวนนานแล้ว นายต้องพักผ่อนเยอะๆล่ะ "

"อืม.. ก็....เดี๋ยวคงอีกซักพักล่ะ "ชายหนุ่มพูดพลางเช็ดมือกับผ้าที่แขวนเอาไว้ แล้วหันมามองหน้าของอีกฝ่าย "ฝากบอกเธอด้วยล่ะ..ว่า...เค้ก...อร่อยดี"

" ถ้ายังไงให้เธอทำของหวานในงานไหม? " เจตัดสินใจถามออกไป " ฉันเคยทำของหวานให้นายกินรึไงล่ะ? ไม่ค่อยมั่นใจหรอก แต่รายนั้นเก่งมาก "

"เหรอ..."ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววที่ดูแปลกตา ริมฝีปากคู่นั้นเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าลง

"เอาแบบนั้นก็ได้... ถามให้หน่อยซิ่ว่าเค้กแต่งงานคิดเท่าไร" ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม

" เหมามาแล้วไม่ใช่รึไง  " เจตอบพลางยิ้มตอบก่อนจะดูนาฬิกา " ต้องไปแล้วล่ะ  ไว้เจอกัน "เขาว่าก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป
 
"เอ่อ...นี่....จุน"  เสียงฝีเท้าของเจ้าของห้อง เดินตามไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเสียงที่เรียกชื่อของอีกฝ่ายเอาไว้
 
" อะไร? " หนุ่มผมยาวหันมาก่อนที่เขาจะเปิดประตูห้อง

"เอ่อ..... ขอบใจนะสำหรับ...ที่ขับรถมาส่ง ...ที่ช่วยดูเรื่องขาให้...แล้วก็.....ที่ ยังทำกับข้าวให้อีก "  เจ้าของห้องพูดติดๆขัดๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าจะเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ให้รู้สึกแบบนี้อีกทำไม


...อึดอัด...ในใจ...



" ไม่เป็นไร .. ก็นายเป็นเพื่อนนี่หว่า " เขายิ้มให้  เจทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น ตามมาด้วยเสียงประตูห้องของอาจารย์หนุ่มจะถูกเปิด และปิดลงโดยที่มีเจ้าของห้องยกมือให้เล็กน้อยเป็นการบอกลาให้กับความว่างเปล่า ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น เสียงทีวีดังขึ้น พร้อมกับ เสียงไฟ


............................................


บรรยากาศที่ร้านเว็ดดิ้ง สตูดิโอแห่งหนึ่งในตัวเมืองนั้น ดูสวยงามสบายตา ปนด้วยความสว่างไสวจากประกายของชุดแต่งงาน หลายชุดที่ถูกนำมาให้ว่าที่เจ้าสาวเลอกสวมใส่  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เดินเข้าไปในร้าน ในชุดเสื้อคอโปโลสีครีมกับกางเกงสแล็คสีน้ำตาลเข้ม เข้าชุดกัน ท่าทางจะประหม่าไม่น้อย กับบรรยากาศโดยรอบและพนักงานหญิงที่เข้ามาต้อนรับ

"เอ่อ...ผมมาหาอิชิดะที่มาลองชุดวันนี้น่ะครับ "เขาพูดกับพนักงาน ก่อนจะหันไปเจอว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง ยืนเทียบชุดแต่งงานอยู่ที่หน้ากระจกอีกด้านหนึ่ง เขาโบกมือให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะเดืนเข้าไปด้านใน "เลือกมาสามรอบแล้ว...คุณใส่ชุดไหนก็สวยหมดนั่นล่ะ"

" คิโยโนบุ มาแล้วเหรอคะ? เอาชุดไหนดีล่ะ? " ฮิโตมิเดินมาหาว่าที่สามีของเธอก่อนจะหมุนรอบตัวเสียทีหนึ่ง

"...ผมว่าคุณใส่ชุดเปิดไหล่นี่ก็สวยนะ..เซ็กซี่ดี" อดไม่ได้ที่จะแหย่  ชายหนุ่มพูดพลางพิจารณา ชุดที่อีกฝ่ายสวมอยู่

" งั้นให้คุณเลือกนะ "ฮิโตมิว่าพลางหัวเราะคิกก่อนจะตกลงใจเอาชุดที่อีกฝ่ายว่า แล้วขอตัวไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มยิ้มให้กับท่าทางของอีกฝ่าย ฮิโตมิดูจะมีความสุขมากกับการเตรียมงานแต่งงานในครั้งนี้ แม้ว่าบางครั้งจะมี อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง ตามแบบของเจ้าสาวที่กำลังเครียด

"จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า ผมจะไปส่ง" ชายหนุ่มว่า เมื่อช่วยอีกฝ่ายถือของมาใส่ในรถ

" ค่ะ ฉันทำอาหารไว้ด้วย "เธอยิ้มให้กับว่าที่สามี ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถของอีกฝ่าย แล้วเดินทางกลับบ้านอิชิดะ

"เอ....ว่าแต่วันนี้ ทำอะไรไว้เหรอ" คิโยโนบุ อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อรถจอดเทียบที่หน้าบ้านใหญ่ของบ้านอิชิดะ

" น้ำแกงค่ะ ต้มเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะ โอโนะเสะซังบอกว่า สูตรนี้บำรุงกระดูก เป็นสูตรพิเศษของเขาเลยล่ะค่ะ " ฮิโตมิว่า ก่อนจะลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ว่าที่สามีเดินถือของตามเข้าไป

....น้ำแกง?....

ชายหนุ่มทวนคำนั้นในความคิด  และแน่นอนว่า ใบหน้าของชายหนุ่มผมยาว คนนั้น ก็ลอยเข้ามาอยู่ในความคิด อีกครั้ง เหมือนในหลายๆครั้ง ในหลายๆวันที่ผ่านมา  เขายังจำได้ กับสูตรน้ำแกงนั้น ที่บางที่ เด็กหนุ่มผมทองคนนั้นก็จะหอบหิ้วใส่ถ้วยพลาสติกเอามาให้ถึงที่โรงพยาบาล

"เป็นสูตรพิเศษที่บอกใครๆ ก็ได้ซิ่นะ" คิโยโนบุพึมพำออกมาเบาๆ ในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก  ก่อนจะรีบเดินถือของเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากคู่หมั้น

อาหารเต็มโตะอาหารด้วยฝีมือของฮิโตมิ และที่พิเศษที่สุด น้ำแกงหม้อโตที่วางอยู่ กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ หญิงสาวตักน้ำแกงใส่ถ้วยแล้ววางตรงหน้าว่าที่สามี

" ทานให้หมดนะคะ  "

"..................." ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยกถ้วยน้ำซุปขึ้น  ปลายจมูกดมกลิ่น ความคล้ายคลึงของกลิ่นนั้นทำให้ยิ้มออกมา แต่ไม่ได้ยิ้มให้กับหญิงสาวคนที่อุตส่าห์ต้มน้ำซุปให้ ริมฝีปากจรดที่ขอบถ้วย ก่อนจะยกขึ้นดื่ม ความหวานหอมนั้นมีอยู่มากเลยทีเดียว

...เหมือนจริงๆ...

 คิโยโนบุคิด ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่า ความหวานนั้นมีมากกว่า ต้นตำรับไปซักนิด

...ถ้าเป็นฝีมือหมอนั้น จะให้ความรู้สึกที่เข้มข้นกว่านี้...

"อืม.. " ชายหนุ่มทำเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะ วางถ้วยน้ำซุปลง  "อร่อยครับ"  ว่าพลางก็ยิ้ม แต่ดวงตาไม่ได้บอกแบบนั้น มันฉายแววเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

นั่นทำให้ฮิโตมิยิ้มออก บรรยากาศของการทานอาหารมื้อกลางวันระหว่างคนทั้งสองเป็นไปอย่างเรียบๆ ไม่มีมีอะไรพิเศษนัก เหมือนทุกๆครั้ง...


ระหว่างทางขับรถกลับ ไปที่ห้องพัก ความว้าวุ่นมันรบกวนจิตใจชายหนุ่มผมสีน้ำตาล เขารู้สึกเจ็บอย่างประหลาด กับ การที่ชายหนุ่มผมยาวคนนั้น ให้สูตรพิเศษ ของตัวเองให้กับคู่หมั้นของเขา  เขาไม่รู้หรอกว่า เจตนานั้น คืออะไร แต่ มันเหมือนกับ เขาถูกผลักไสออกมาให้ห่าง  สูตรน้ำแกง ที่ไม่ว่าได้ทานเมื่อไรก็จะรู้สึกสบายใจ ในตอนนั้น  สูตรน้ำแกง ที่เขาคิดว่า เขาเป็นคนเดียวที่จะได้ทาน และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ถูกส่งผ่านไปให้ผู้หญิงคนที่ได้ชื่อว่าจะเป็น ภรรยาของเขาในอนาคต  มันอาจจะเป็นเรื่องดี...แต่มันก็เจ็บ....เจ็บมากเหลือเกิน ....และมันน่า โมโหไม่น้อยเลยทีเดียว

"บ้าเอ้ย!! คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะดีรึยังไง!!"  ชายหนุ่มกระแทกฝ่ามือลงบนพวงมาลัย ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร มือก็หักพวงมาลัยเลี้ยว ไปยังอพาร์ตเม้นต์ของอีกฝ่ายทันที
 
ชายหนุ่มยืนรออยู่ที่หนาห้อง ของเพื่อนร่างสูง ท่าทีกระวนกระวาย หัวเสีย แต่บางทีก็ยืนนิ่งและดูเศร้าเสียจนน่าเป็นห่วงนั้น หาก ใคร เดินผ่านไปผ่านมา ก็คงจะเห็นได้ไม่ยาก แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกไปขนาดนี้...ความจริง...เขาก็แค่สับสนเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายบอกไม่ใช่หรือยังไง  ถ้าเป็นเพียงแค่สับสน... ทำไมการกระทำและ ตัวของบุคคลๆหนึ่งถึงได้ยังคงอยู่ในความทรงจำ และรบกวนตัวเขามาตลอด ...ดีใจ...เสียใจ...มันก็เพราะคนๆนี้เท่านั้น

"หรือว่า...... " เสียงชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง เขาเหมือนจะนึกคำพูดนั้นออก แต่มันติดอยู่ที่ริมฝีปากเท่านั้นเอง

คิดแบบนั้น ริมฝีปากก็แห้งผาก มือเรียวดึงบุหรี่ขึ้นมาจุด หวังว่า ความขุ่นมัวทั้งหลายในใจจะลอยหายไปพร้อมๆกับควันสีเทาหม่นพวกนี้บ้าง ไม่นาน จำนวนของมวนบุหรี่ที่ถูกทิ้งลง กับ พื้นก็มีมาก...และมากขึ้นเรื่อยๆ


....................................to be con

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงนี้เป็นช่วงสงครามเย็น o22ดูว่าฝ่ายไหนจะทนได้ดีกว่ากัน
เล่นเคลียร์กันแบบไม่เคลียร์งี้ :เฮ้อ: รอๆๆเรารอได้จะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ถ้ารักกันเมื่อไหร่นะขอชุดหย่ายยยยยยยยเลยนะ  :กอด1:
สู้ สู้ :call:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@

ช่วงนี้เป็นช่วงสงครามเย็น o22ดูว่าฝ่ายไหนจะทนได้ดีกว่ากัน
เล่นเคลียร์กันแบบไม่เคลียร์งี้ :เฮ้อ: รอๆๆเรารอได้จะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ถ้ารักกันเมื่อไหร่นะขอชุดหย่ายยยยยยยยเลยนะ  :กอด1:
สู้ สู้ :call:


จากสงครามเย็น ...รอบนี้อาจจะ...ร้อนขึ้น? :o8: สุมไฟๆ   :fire:


/////////////////////////////////


จนกระทั่งหนุ่มผมยาวกลับมาจากโรงแรมในตอนดึกของคืนนั้น กว่าครัวจะปิดและจัดการเคลียร์เรื่องต่างๆเรียบร้อยก็กินเวลาไม่ใช่น้อย ช่วงขายาวหยุดเดิน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนสูบบุหรี่พิงรถของตนอยู่  เสียงฝีเท้าที่หยุดลงทำให้คนที่ยืนรออยู่ต้องหันไปมอง

"สวัสดี"

ว่าที่เจ้าบ่าวหันมาพลาง พ่นควันบุหรี่ออกมา แล้ว โยนบุหรี่ในมือแล้ว ก่อนจะขยี้มันลงกับพื้นด้วยปลายเท้า  เจมองตามพื้นที่มีแต่ก้นบุหรี่ของอีกฝ่าย ก่อนจะสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างแปลกใจกับท่าทางแบบนั้น

" จะมาก็โทรบอกก่อนซิ มารอซะดึกเลย  " เขาว่าก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงให้คนที่มาหาตามขึ้นไปบนห้อง

"ถ้าโทรไป เดี๋ยวนายก็กระวีกระวาดมาอีก... ลางานบ่อยไม่ดีนี่นะ" ชายหนุ่มพูดพลางเดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปบนห้อง

" กินอะไรดี ? " เจถามพลางเดินไปยังห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น " ดึกแล้ว กินอะไรอุ่นๆดีไหม?

"จะให้กินอะไรดีล่ะ.... น้ำซุปสูตรเด็ดของนาย ...เป็นไง" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะกระชากเก้าอี้ ตรงโต๊ะทานข้าวมานั่งลงแรงๆ

" อิชิดะซัง ไม่ได้ทำให้กินหรอกเหรอ? เห็นว่าจะลองทำวันนี้เลยนี่หว่า " เชฟหนุ่มถาม ก่อนจะบ่น ในเมื่อเขาโทรไปหาว่าที่เจ้าสาว แล้วเธอก็ทำท่าดีอกดีใจขนาดนั้น

"ทำให้กินแล้ว" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูด  "แต่... ฉันไม่อยากกิน...ที่เขาทำ"

" อะไรวะ? " หนุ่มผมยาวปิดตู้เย็นก่อนจะเดินมาที่โต๊ะกินข้าว ยังฝั่งตรงข้ามกับที่แขกผู้มาเยือนนั่งอยู่ " นั่น ภรรยาทำให้กินนะโว้ย  " เขาถอนหายใจ" รสมืออาจจะต่างกันไปบ้าง..แต่.. "

"ไม่... ต้องเป็นนาย ต้องเป็นนายเท่านั้น ไม่เข้าใจหรือยังไง " ชายหนุ่มแทบจะตะโกนออกไปเขาสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องเป็นชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ เท่านั้น ทำไมถึงสำคัญๆได้ถึงขนาดนี้ ทำไมถึงเจ็บแบบนี้ ... "ฉัน...อยากให้เรื่องนี้... ให้ความทรงจำนี้เป็นของ...ฉัน...กับ...นายเท่านั้น "

" คิ..โย... "ชื่อที่ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่แทบเคยเรียก ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากได้รูป " นาย..พูดอะไรน่ะ "

"ฉันก็...ไม่รู้... ฉันไม่เข้าใจ... แต่ฉันเสียใจที่นายเอาเรื่องนี้ไปบอกเธอ... ฉัน...โกรธ... แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้นึกถึงน้ำซุปถ้วยแรกที่นายเป็น คนทำให้ฉันกิน"  ชายหนุ่มยกสองมือขึ้น กระแทกลงบนโต๊ะ ใบหน้ามนนั้น แดงขึ้น เพราะความสับสน มากกว่า ความเขินอาย เขาไม่รู้จะเค้นหาอะไรมาพูดดี อย่างที่บอกว่ามันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง คำที่จะบอกอีกฝ่ายได้ว่า เขารู้สึกยังไง

" ............................... " เจได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายนิ่ง สิ่งที่เขาได้ยิน มันทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ความเงียบทำให้ ชายหนุ่ม ต้อง เงยหน้าขึ้น มอง หน้าของอีกฝ่าย
 
“............................” เสียงลมหายใจของว่าที่เจ้าบ่าวสูดเข้าลึก   "ฉัน....รักนาย... " น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ แผ่วเบา..แต่มันก็ดังพอที่จะได้ยินกันสองคนในห้องเงียบๆนี้

" ไอ้..บ้า .. นายมันบ้าไปแล้ว.. " เจถึงกับอึ้งกับคำพูดนั้นจากอีกฝ่าย เขาได้แต่พึมพำออกมาโดยไม่หลบหน้าไปไหน ในสมองของเขาตอนนี้ว่างเปล่า ได้ยินแต่คำสารภาพที่ทั้งชีวิตก็เคยได้ยินไม่บ่อยนัก

"...โอเค..ฉัน....ฉันว่าฉันกลับล่ะ ฉันคงมานี่เพื่อแค่จะบอกแค่นี้แต่... " ชายหนุ่มลุกขึ้น ทำท่าเหมือนจะหันหลังกลับไป แต่ ก็หันกลับมามือข้างหนึ่งเท้าลงบนโต๊ะในขณะที่มืออีกข้างกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายมา เพิอแตะริมฝีปากของตัวเองกับอีกฝ่าย จูบที่ไม่มีการล่วงล้ำ จูบที่ตั้งใจที่จะจูบ เพราะอยากจะทำแบบนี้ นานอยู่เพียงชั่ววินาทีก่อนที่ริมฝีปากของอาจารย์หนุ่มจะละออกมา

"ฉันกลับล่ะ... "

เสียงนุ่มแหบพร่าลงไปเล็กน้อย ก่อนที่ ร่างเล็กกว่า ของคิโยโนบุจะถอยห่างออกมา   หากแต่...มือที่จับแต่อุปกรณ์ทำครัวนั้นกลับดึงมือของอาจารย์พละเอาไว้ แล้วดึงร่างเล็กกว่านั้นเข้ามากอดทันที
 

"..ไอ้บ้า..นายพูดออกมาทำไม?.... "

"ฉันรู้ว่ามันบ้า.... " เสียงนุ่มดังขึ้น ใบหน้าได้รูปอยู่ชิดติดกับไหล่กว้างของอีกฝ่าย  "แต่ถ้านายจะตอบ นายต้องตอบฉันตอนนี้ ถ้านายจะปฏิเสธ ก็บอกเสียตอนนี้.. ฉัน...ไม่อยากได้ยินคำปลอบใจ คำด่าว่า หรือความเงียบจากนายอีกแล้ว..."

" ฉัน......... " เจซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย  " ชอบนาย..มาตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว "เขาสูดกลิ่นบุหรี่จางที่ผสมกับกลิ่นโคโลญจน์ที่อีกฝ่ายใช้เข้าไป

ดวงตาคู่สวยปิดลงทันทีที่ได้ยินคำนั้น ความรู้สึกโล่งอกอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่า ความหนักอึ้งที่เคยมีอยู่ในตัว ที่เคยมีอยู่ในใจ มันได้มลายหายไป ราวกับว่า เขาวิ่งมาด้วยขาที่หนักอึ้งมาตลอด...จนกระทั่งถึงเส้นชัย เมื่อได้ชัยชนะแล้วมันเปี่ยมสุขมากกว่าวันไหน สองมือเรียวสั่นระริกเมื่อยกขึ้นแตะที่หลังคอของอีกฝ่าย ไล้เส้นผมสีดำสนิทนั้น ก่อนจะกอดเอาไว้

"ฉันเอง....ก็...อาจจะเรียกได้ว่าชอบนาย...มานานแล้ว"

" แต่นายกำลังจะแต่งงาน .. นั่นเรื่องจริง " ดวงตารีนั้นปิดลง พลางกระชับอ้อมแขนของตน

"ใช่...ฉันกำลังจะแต่งงาน...แต่ฉันรักนาย" ท้ายเสียงแผ่วเบา เกือบจะสะอื้นออกมา ในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจ ที่การกระทำของตัวเองในตอนนี้ส่งผล กับใครต่อใครไปทั่ว ...แต่ไม่ได้เสียใจที่บอกอีกฝ่ายไปถึงความรู้สึกของตัวเอง ..."และฉันดีใจที่เรา...ได้คุยกันแบบนี้ " ชายหนุ่มขยับตัวถอยออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลมองใบหน้าคมของอีกฝ่ายนิ่ง ในระยะใกล้ เขาพิจารณาทั่วรูปหน้านั้น
 
" อิชิดะซังเป็นคนดี " ใบหน้าเรียวของหนุ่มผมยาวขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

"แต่ฉันไม่ได้รักเธอ" คิโยโนบุพูดเสียงเบา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ ปลายจมุกชนกับปลายจมูกของอีกฝ่าย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน จ้องที่ ริมฝีปากคู่นั้นของร่างสูง

" นายจะแต่งงานกับเธอ " เจเถียงก่อนจะขยับแตะริมฝีปากกับอีกฝ่าย

"มันขึ้นกับฉันที่จะตัดสินใจ" ชายหนุ่มพูดสั้นๆก่อนจะเพิ่มความเร่าร้อนให้สัมผัสนั้น ด้วยปลายลิ้นที่ไล้เล็มริมฝีปากนั้น ก่อนจะแทรกปลายลิ้นเรียวเข้าไปสัมผัสรสชาติของร่างสูง  มือที่โอบรอบคอของอีกฝ่ายอยู่ ขยับเลื่อนลงมาไล้ที่ไหล่แกร่ง
 

เสียงครางเครือเบาๆอย่างพอใจกับสัมผัสนั้น แล้วเพิ่มความร้อนแรงให้มากขึ้น มือทั้งสองข้างไม่อยู่เฉย มันลากไล้ตามผิวกายผ่านเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมอยู่

"อืม....จุน... " เสียงนุ่มครางเครือ ออกมาเป็น ชื่อของชายหนุ่มร่างสูง ลมหายใจของชายหนุ่มร้อนขึ้น เช่นเดียวกับ ผิวกายที่อีกฝ่ายได้สัมผัส เจขยับริมฝีปากออกจากอีกฝ่าย แล้วลากไปตามผิวกาย ลำคอนั้นถูกฝังร่องรอยเอาไว้จางๆ ก่อนจะเลื่อนลงช้าๆ เสียงหอบหายใจดังขึ้นเบาๆ จากร่างของอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กกว่านั้น เกร็งขึ้นเล็กๆ จากสัมผัสวาบหวาม ริมฝีปากของอีกฝ่ายให้ความรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ มือเรียวเลื่อนไปไลจับใบหน้าคมนั้นให้ขึ้นมามองหน้าของเขาอีกที ก่อนที่จะจูบ อีกครั้งบนริมฝีปากที่ไม่ได้นิ่มนวล หากแต่ สากเล็กๆจากรอยเครา สัมผัสเหมือนอีกฝ่ายเพิ่งจะโกนไปเมื่อเช้า

มือแกร่งของเชฟผมยาว จับคนตัวเล็กกว่านั่งลงกับโต๊ะกินข้าวแล้วเท้าแขนกันเอาไว้ ริมฝีปากได้รูปนั้นหอบเบาๆ ก่อนจะ เลิกชายเสื้อโปโลของอีกฝ่ายขึ้นช้าๆ

"จุน... " เสียงที่เรียกชื่อนั้น แผ่วเบา มือเรียวยื่นมาจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองราวกับจะถาม


...มั่นใจใช่ไหม...


อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะ มันเหมือนตัวเขา ที่เป็น คนเริ่มก่อน... ดึงเอาอีกฝ่ายเข้ามา   เกี่ยวข้อง กับเรื่องนี้.. กับ ความต้องการ ... ความดื้อดึง... ความรู้สึกของตัวเอง  ไม่มีคำตอบ มือร้อนๆ จับอีกฝ่ายนอนลงกับโต๊ะกินข้าว แล้วเลื่อนตัวลงลากไล้กับแผ่นอกนั้น แทะชิม อย่างเอาแต่ใจ
สัมผัสร้อน ทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล บิดตัว เล็กน้อย รู้สึกแปลกๆ แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก... สัมผัสร้อนที่เป็นคนละแบบ กับฮิโตมิ..

"จุน..... "

 มือทั้งสองข้าง แกะกระดุม เสื้อของอีกฝ่ายออก ก่อนจะขยับตัวขึ้น  ฝังปลายจมูกลงที่ซอกคอของอีกฝ่าย สูดกลิ่น บุหรี่ ที่ปนกับกลิ่นโคโลญณ์อ่อนๆ อีกฝ่าย คงเพิ่ง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนออกมาจากห้อง แต่งตัวของที่ทำงาน  ริมฝีปากได้รูปจูบพร่างพรมลงมา ที่รอยกระดูกไหปลาร้า ฟันคมขบเม้มลงจนเป็นรอย เรียกเสียงอุทานได้เบาๆ ก่อนจะเม้มแน่น ลง นานพอจะทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำเอาไว้ ในขณะที่มือก็ค่อย รูดดึงเสื้อเชิ๊ตให้พ้นไหล่แกร่ง บางอย่างในกายพลุ่งพล่าน

" อืม.. "

เสียงครางอย่างพอใจ ใบหน้าได้รูปแหงนขึ้นอย่างพอใจในสัมผัสก่อนจะขยับมือไปที่สะโพกมนของอีกฝ่าย แล้วลากไล้ เย้ายวน

"...จุน.... " เสียงที่เรียกนั้น เป็น ครั้งที่เท่าไร เจ้าของเสียงเอง ไม่อาจนับได้ท่ามกลาง ความเร่าร้อน มือเรียวไล้สัมผัส กล้ามเนื้อบนไหล่แกร่ง  ก่อนจะละเรื่อยมาจนแผ่นอกกว้าง  น่าแปลกเหลือเกิน ที่ครูสอนพละอย่างเขา กลับ ไม่มีกล้ามเนื้อมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ จนเมื่อสัมผัสรุนแรงที่รู้สึกได้ผ่าน ผิวผ้า ทำให้ สะดุ้งเล็กๆ
 

.....................................to be con

p.s. ก็บอกแล้วว่าตอนนี้น่ะ "เกือบๆ จะNC ละ" รอดูนะ  :pighaun:

lasom

  • บุคคลทั่วไป
อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :m3:
โต๊ะกินข้าว   :m30:
สงครามเย็นจบกลายเป็นตัวต่อตัวซะงั้น :-[
พีจังน่าจะใส่ลำดับตอนด้วยนะ ตอน1 ตอน2 ไรแบบเนี้ย
มันสังเกตุง่ายดีว่าอัพรึยัง
 :กอด1: สู้ สู้นะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@Writer's Talk@@@

พีจังน่าจะใส่ลำดับตอนด้วยนะ ตอน1 ตอน2 ไรแบบเนี้ย
มันสังเกตุง่ายดีว่าอัพรึยัง
 :กอด1: สู้ สู้นะ

จัดให้ค่ะ ทำเป็นสารบัญไว้ตรงหน้าแรกนะคะ กดได้เลยค่ะ  :กอด1:ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ


////////////////////////////////////////


"เอ่อ... "

มือเรียวคว้าเข้าที่มือของอีกฝ่ายทันควัน ใบหน้าแดงก่ำนั้นดูประหม่า และสัมสนเล็กๆ เหมือนถูกดึงออกมาจากอีกโลกหนึ่ง...โลกที่เร่าร้อนแสนหวาน.. ในขณะที่มือร้อนที่จับมือของเขาไว้นั้น กลับรู้สึกได้ถึงความเย็นของแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย


...แหวนแต่งงาน...
...นี่ทำอะไรลงไป กับคนที่กำลังจะแต่งงานน่ะ???.............


จุนมองดูมือนั้นก่อนจะปล่อยมือออกแล้วผละออกจากอีกฝ่ายทันที แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ยอมพูดอะไรเลย

"จุน!!..."

ชายหนุ่มร่างบาง รีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันที คิโยโนบุ เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนจะดึงเสื้อลง เพื่อปิดรอย แดงที่มองเห็นได้ อย่างชัดเจนบนผิวอก
เสียงฝักบัวถูกเปิดออก จุนใช้น้ำเย็นๆราดตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งแบบนั้น

"จุน! นายจะทำบ้าอะไรน่ะ!" ร้องออกมาพลางก็วิ่งเข้าไปปิดฟักบัว ดวงตาสีน้ำตาล อ่อน มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เส้นผมยาวๆนั้น เปียกลู่ลงมา ชายหนุ่มร่างสูงไม่ตอบอะไร ดวงตารีมองอีกฝ่ายทั้งๆที่ยังอยู่ภายใต้ฝัดบัวก่อนจะเปิดมันออกแล้วจับฝักบัวรดน้ำเย็นๆใส่อีกฝ่ายทันที

"โอ้ย... จุน...หยุดนะมันเปียดหมดแล้ว " มือเรียวยกขึ้นป้องน้ำ ก่อนจะหันไปปิดน้ำ "เล่นอะไรของนาย" พูดพลางก็ใช้มือเช็ดน้ำออกไปจากใบหน้า

" กลับมาได้แล้ว .. เมื่อกี้ พวกเราน่ะ...ไม่เป็นตัวเองซะเลย "จุนบอกแล้วเสยผมที่เปียกน้ำขึ้น แล้วชนหน้าผากกับผนังห้องน้ำซ้ำๆ อย่างต้องการจะเรียกสติคืนมา

"จุน...เดี๋ยวเจ็บ " คิโยโนบุ เข้าไปดึงไหล่ทั้งสองข้างของร่างสูงให้หันมาหาตัวเอง แทนจะเอาหัวไปโขกกับกำแพง

"ฉันขอโทษ " ร่างบางพูด ก่อนจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้  จุนได้แต่ปล่อยให้คิโยโนบุ กอดตัวเองเอาไว้แบบนั้น โดยที่ไม่ตอบสนอง หน้าผากของเขายังคงสัมผัสกับผนังกระเบื้องเย็นๆของห้องน้ำ

".............................................."
".............................................."

 คิโยโนบุกอดอีกฝ่ายเอาไว้เช่นนั้น ไม่มีใครพูด หรือขยับอะไรปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมมีเพียงเสียงของหยดน้ำหยดลงกับพื้นห้องน้ำดังสะท้อน...เข้าไปถึงข้างในอก ความร้อนจากร่างกายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ค่อยจางหายไป เหลือเพียงความเย็นจากน้ำที่ยังคงเปียกชุ่มอยู่บนเนื้อผ้าและเส้นผม  ชายหนุ่มร่างบางค่อยลออกมามือเรียวเลื่อนมาแตะบ่าของอีกฝ่ายเอาไว้

"ฉัน...กลับดีกว่า...ขอโทษที่ทำให้นายลำบาก"  ว่าพลางก็ถอยออกมาจากห้องน้ำ

ไม่มีเสียงที่เรียกเอาไว้หรือมือที่ดึงรั้ง เจปล่อยให้อีกฝ่ายออกจากห้องเขาไปเงียบๆ โดยที่เขายังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำแบบนั้น บานประตูปิดลงเบื้องหลัง ว่าที่เจ้าบ่าวเดินเชื่องช้าไปยังรถของตัวเอง เนื้อตัวยังเปียกชื้นแต่เขาไม่ได้สนใจมันแล้ว คิโยโนบุ เปิดประตูรถ ก่อนจะทิ้งตัวลงกับเบาะของคนขับ เสียงถอนหายใจแรงดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยแรงกระแทกอย่างแรงบนพวงมาลัย
 
"บ้าเอ้ย บ้าที่สุด บ้าๆ บ้า!!! "  เสียงตะโกน ลั่น ด้วย ความเจ็บปวด ความรู้สึกโล่งอกที่ได้พูดออกไป ความรู้สึกอิ่มเอมกับการสัมผัสหายไป เหลือเพียงแค่ความรู้สึก ผิด... จากการกระทำของจุน มันทำให้เขารู้สึกผิดมากเหลือเกิน  เสียงนาฬิกา ดังขึ้น จากโทรศัพท์มือถือ เป็นเสียงเตือน หากแต่เขาไม่ได้ตั้งเอาไว้ แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็ทำให้สึกแย่มากขึ้นไปอีก

"20 กันยายน... วันแต่งงานของเรานะ อย่าลืม "
 
อีกด้านหนึ่ง...ว่าที่เจ้าบ่าวเดินออกจากห้องเชฟหนุ่มไปแล้ว ทิ้งความรู้สึกที่รุนแรงและอัดอั้นภายในใจออกมาจนหมด ให้เจได้รับรู้และรับมันเอาไว้  หนุ่มผมยาวเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปียกโชกแล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมศีรษะเอาไว้จะให้เขาทำลงไปได้ยังไง ในเมื่อมือข้างซ้ายของคนที่เขากำลังจะกอดอยู่เมื่อครู่มีแหวนสวมอยู่แบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บในอก

...Ting...Tong...


เสียงออดดังขึ้นที่หน้าประตู  เรียกให้ เจ้าของบ้านเดินไปเปิดประตูต้อนรับ  แต่กลับไม่มีคนเดินไปรับ จนคนที่มาหาต้องใช้กุญแจสำรองเปิดเข้ามา

"เห็นรถอยู่...ก็นึกว่าจะเดินมาเปิดให้เสียอีก " เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ เมื่อไหล่ล้าถูกปลดปล่อยจากกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ชอบหอบไปไหนมาไหนด้วยเสมอ

"...ทำอะไรอยู่น่ะ" ว่าพลางก็เดินไปดูคนที่นั่งอยู่บนโซฟา "ตายแล้ว ทำไมเปียกไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ! " อาคาริถามขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าอีกฝ่าย  "เดี่ยวก็เป็นหวัดหรอกทำไมไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า... ทำอะไรน่ะ ซ่อมท่อน้ำรั่วรึยังไง?!" ที่ถามไปเพราะบางที ชายหนุ่มก็จะซ่อมแซมอะไรด้วย ตัวเองเสมอ

อ้อมแขนแกร่งนั้นดึงร่างของหญิงสาวเข้ามากอดทันที ใบหน้าได้รูปซบกับไหล่บางของพาร์ติเช่ย์สาว..เธอดีกับเขาขนาดนี้..

"จุน...เป็นอะไร" มือเรียวที่ยุ่งกับการทำขนมมาทั้งวัน ยกขึ้นแตะศีรษะที่คลุมด้วยผ้าขนหนูของอีกฝ่าย อย่างเป็นห่วงเป็นใย "มีอะไรหรือเปล่า จะเล่าให้ฟังได้ไหม...คุณไม่พูดแบบนี้ ฉันเป็นห่วงนะ"

" ผมแค่รู้สึกเหนื่อยน่ะ..อาคาริ " จุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง มือทั้งสองข้างยังคงกอดร่างของอีกฝ่ายเอาๆว้

...ทำให้ผมสงบทีเถอะ อาคาริ ..

"โถ...ซ่อมท่อ จนเหนื่อยก็ไม่บอก "อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อยเพียงเพื่อจะขยับเข้าไปจูบริมฝีปากของอีกฝ่าย แผ่วเบา "อาบน้ำอีกรอบไหม... " เสียงที่ถามนั้นฟังดูซุกซนเล็กๆ

" คืนนี้อยู่ด้วยกันเฉยๆได้ไหม? " ชายหนุ่มสูดลมหายใจก่อนจะเช็ดผมตัวเองต่อ แล้วพูดออกมาตรงๆ เหมือนทุกครั้งที่เขาพูดกับคนตรงหน้า ตรงไปตรงมาเสมอ

".....โอเค... แต่คุณต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เรียบร้อย หน้าร้อนก็เถอะ...เดี๋ยวเป็นหวัดนะ" อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอพร้อมกับรอยยิ้ม ทั้งคู่คบกันแบบนี้ตรงไปตรงมาไม่มีการบังคับหรือฝืนใจใดๆ

................................

"เออนี่ จุน... " หญิงสาวเอ่ย ขึ้นเบาๆ ก่อนจะลุกไปคว้ากระเป๋าใบใหม่มาก่อนจะหยิบเอาสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ขณะนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงเพื่อดูทีวีกับคนรัก "คุณคิดว่า นี่เป็นไง แบบเค้ก " ว่าพลาง ก็ยื่น แบบเค้กแต่งงาน ให้กับอีกฝ่าย ดู รูปเสก็ตเค้กแต่งงาน ปรากฏตรงหน้าเชฟหนุ่ม พร้อมกับรายละเอียดอธิบายส่วนประกอบและการตกแต่ง นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทั้งคู่ทำเหมือนกัน เค้กแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ตกแต่งด้วยน้ำตาลปั้นที่ถูกทำให้เป็นดอกไม้ลายวิจิตรแบบญี่ปุ่น คล้ายกับลายของชามประจำตระกูลอิชิดะ

" สวยดี .. เน้นตกแต่งแบบนี้ ข้างในอร่อยรึเปล่าล่ะ? "  ถึงจะชมไปแบบนั้นแต่ก็ยังไม่วายแหย่อีกฝ่ายอยู่ดี

"อ้าว...แล้วสูตรวันก่อน เจ้าบ่าว เขาว่าไงบ้างล่ะ " หญิงสาวว่าพลางยิ้ม แน่นนอว่าพาร์ติเช่คนดังคนนี้ย่อมมั่นใจในฝืมือของตัวเองอยู่แล้วเธอเป็นคนในอาชีพนี้ หนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของการเป็น ผู้หญิง ที่ทำอาหาร คำถามของอาการิ ทำให้เชฟหนุ่มต้องนึกถึงผู้ว่าจ้าง คนที่เพิ่งจะเอาความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดมาโถมใส่เขาลงไปทั้งหมด ใบหน้า แววตา ริมฝีปาก ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาทั้งดีใจ ปรารถนา เร่าร้อน และเสียใจนั้นยังเด่นชัดในความรู้สึก

" เขา..ไว้ค่อยเอาร่างไปให้เขาดูอีกทีสิ .. ผมตัดสินใจแทนไม่ได้หรอก " จุนตอบหลับมา ก่อนจะขยับตัวลงนอนยังที่นอนข้างๆอาการิ

" นอนดีกว่า " ท่าทางแบบนั้น ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆ

"คุณก็นัดให้หน่อย ก็แล้วกัน... " อาการิ เอาสมุดไปเก็บ  ก่อน จะเดินกลับมา นอนลงที่ข้างๆ ของอีกฝ่าย แขนเรียว ยกขึ้นโอบรอบ ไหล่นั้น ก่อนจะขยับตัวเข้าไปจูบเบาๆ "ฝันดีนะคะ "  ว่าพลางก็กดรีโมทปิดทีวี

" อืม " หนุ่มผมยาวรับคำ แต่ก็ไม่ได้หันไปตอบอะไรอีก เมื่ออาคารินอนลงข้างๆ เขาก็หันหน้าไปอีกข้าง ดวงตารียงคงมองไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย เหมือนกับใจของเขาตอนนี้
 
................................................
 
ก่อนที่ทั้ง อาการิ และ จุนจะออกไปทำงาน ทั้งคู่มักจะนั่งทานอาหารเช้าด้วยกันเสมอ ไข่ออมเล็ท หน้าตาน่าทาน ไส้กรอกทอด กับ ขนมปังปิ้ง ตามด้วยกาแฟร้อนอีกคนละถ้วยเป็นอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ที่อาคาริมักจะทำให้พ่อครัวอาหารญี่ปุ่นคนนี้ทานเสมอ แต่บางครั้ง ชายหนุ่มผมยาวก็จะโชว์การทำอาหารใช้ให้อีกฝ่ายทานเช่นเดียวกัน  

"จุน... ตื่นได้แล้วนะคะ  " เสียงเรียกดังมาแต่ไกลก่อนจะตามด้วยสัมผัสเบาๆบนแผ่นอก

" อื้อ " เสียงครางต่ำๆดังในคอ แต่ก็ยังไม่ค่อยอยากตื่นเท่าไหร่เลย

"จุน.... ไม่ตื่นเหรอ ไปทำงานไม่ใช่หรือไง " หญิงสาวยิ้มให้กับท่าทางแบบนั้น ร่างบางนั้นนั่งลงบนขอบเตียง ปลายนิ้วไล้เล่น บนอกเสื้อ ดวงตาสีดำสนิทไบ้มองใบหน้าของคนรัก ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาเรื่อย ก่อนที่สายตา จะไปหยุดอยู่ที่รอยแดงจางๆ ที่โผล่พ้น เสื้อยืดคอวีที่อีกฝ่ายใส่อยู่
 
....รอยอะไร....

นิ้วเรียวไล้เบาๆ  ความรู้สึกบางอย่างบอกให้เธอคิดไปว่ามันคือรอยอะไรกันแน่

"จุน....ตื่น" คราวนี้ เสียงที่เรียกนั้น ค่อนข้างจะเน้น เสียงนั้นทำให้เชฟหนุ่มค่อยๆลืมตาตื่น เสียงแห้งๆ ทักทายสาวคนรักเบาๆ

" อืม เช้าแล้วเหรอ? " เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ผมตัวเองไปมา

"อืม... "หญิงสาวพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสบดวงตาของอีกฝ่าย

"จุน... ฉันรู้นะว่า ทั้งคุณทั้งฉํนเองก็ยุ่งๆ ช่วงหลังๆมานี่... แค่อยากจะถามน่ะ...ถามเฉยๆนะ ว่า... ได้ มองใครคนอื่นรึเปล่า " หญิงสาวถามออกมา ลังเลเล็กๆ แต่ก็ถามออกมาจนได้

" มองคนอื่น? "
ชายหนุ่มทวนคำถามนั้นพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ" ทำไมถามแบบนั้น? "

"ก็.... เห็นอะไรแปลกๆ นิดหน่อย" หญิงสาวตอบพลางชี้ไปที่ รอยแดงเป็นจ้ำ จนแทบจะเหมือนรอยกัดนั้น  ชายหนุ่มมองตามนิ้วที่อีกฝ่ายจิ้มอยู่ก่อนจะถอนหายใจ แล้วสบตาของหญิงสาว

" ผม..ไม่รู้สิ อาการิ "

".........ไม่รู้ว่ามองหรือเปล่า แต่เธอคงมองคุณแน่ล่ะ... " หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางเสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง

"แต่คุณ...มองฉัน...แน่ๆ ใช่ไหม..." เสียงนั้นถามขึ้นแผ่วเบา

...... มองแต่ฉันงั้นเหรอ?.....มองทั้งๆที่ยังไม่ยอมถอดแหวนเสียด้วยซ้ำ....เชฟหนุ่มอดที่จะคิดย้อนถึงเจ้าของแหวนวงนั้นไม่ได้ ภาพ สัมผัส และอุณหภูมิเย็นเฉียบของแหวนวงนั้น

" ใช่ .. ผมมองเห็นคุณอยู่เสมอแหละ อาการิ " เจตอบกลับไปอย่างนั้น พร้อมกับยืนยันด้วยการดึงเธอมากอด ทั้งๆที่ในใจเมื่อครู่กลับนึกถึงใครอีกคน

"ขอโทษนะ....ที่ถามอะไรแบบนี้... " หญิงสาวพูดขึ้นเบาๆ ในใจรู้สึกเจ็บ เพียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันคือร่องรอยของใครบางคนที่ทิ้งเอาไว้ ด้วยอารมณ์ที่เร่าร้อน ไม่อยากจะนับอีกหลายรอยที่อาจะซุกซ่อนอยู่ข้างใต้เสื้อยืดที่อีกฝ่ายใส่  "แต่บอกไว้เลยนะ...ว่าการปิดบังหรือโกหกอะไร...มันก็จะต้องโกหกไปเรื่อยๆ... "หญิงสาวหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย "และฉันไม่ชอบ..." เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยิ้มกว้าง "ไปกินข้าวกันดีกว่า "

เจมองตามแผ่นหลังของคนรักของเขา ความเด็ดเดี่ยวของเพศแม่นั้นทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ การคบกัน พูดกันตรงๆ คือนิสัยของเธอที่เขาชอบ และความเด็ดเดี่ยวนี้ก็เช่นกัน หากว่าอาจารย์พละคนนั้นไม่ได้กำลังจะแต่งงาน เขาก็คงจะพูดความจริงกับเธอไปแล้ว

" นายเองก็ต้องโกหกเธอไปเรื่อยๆเหมือนกันใช่ไหม? " ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

..................................to be con

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2010 07:17:51 โดย goldfishpka »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
กดรีเฟรชดูตั้งหลายรอบแนะ เห็นหัวเรื่องเปลี่ยนแต่ไมเนื้อเรื่องยังไม่ขึ้น
นับถือผู้หญิงคนนี้จัง เป็นเราวีนบ้านแตกไปล่ะ o1
นั่นซินะ จะต้องโกหกกันไปจนถึงเมื่อไหร่  :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด