รายงานรายที่สามไม่ผ่านคร้าบ คณบดีโหดเกินพิกัด สงสัยต้องลงกับน้องปีหนึ่งซะแล้ว
ช่วงนี้บางทีมาแต่งตอนสติหลุดลอย ไม่รู้ว่าจะอ่านได้ไหม ยังไงช่วยๆคอนเมนท์เยอะๆ จะได้เอามาปรับ เล่าให้คนฟัง พิมพ์ให้คนอ่านเอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้หรอก จริงมะ
“ คิม ทำไมไม่กินข้าวกินปลาวะ เที่ยงครึ่งแล้ว ”
“ เดี๋ยวหิวแล้วกูลงไปกินเอง ” ไอเรเพื่อนรักเดินมาดูอาการ หลังกลับจากไร่ ผมไม่ค่อยอยากคุยอยากพูดกับใคร
“ มึงจะกินอะไร กูจะลงซื้อให้ ”
“ ขอกูอยู่คนเดียวได้มะ ”
“ มึงหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ได้ไงวะ ที่บ้านมึงมีเรื่องอะไร ” ไอเรพยายามถามต่อ
“ ถ้ามึงยังไม่หยุดถาม กูจะหายไปเลยนะ เจอกันเฉพาะตอนเรียน ”
“ พาลกูอีก เออๆ ตามใจมึง ไม่กินก็ไม่กิน ” ไอเรมันคว้าย่ามจะเดินออกไป
“ เร กูขอบใจ ”
“ เออ มึงมีเพื่อนมีพี่ มึงเป็นแบบนี้ คนอื่นก็ไม่สบายใจ ” พูดแล้วก็เดินออกไป ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
“ น้องปีหนึ่งเชิญทางนี้ๆ ” วันนี้พี่ปีสี่นัดรวม ไม่ใช่รับน้องย้อนหลังหรืออะไร แต่เพื่อชี้แจงเรื่องกีฬาภายใน
“ กีฬาภายในปีนี้เราได้คู่กับคณะศิลปะศาสตร์ วันพรุ่งนี้สามโมงเย็น ไปซ้อมเชียร์รวมกันที่ลาน ... นะน้องๆ ” พอชี้แจงจบ ผมก็ลุกเป็นคนแรก
“ เฮ้ย ไอหลาน ” ผมหันไปตามเสียง เรียกหลานๆกูหันไว้ก่อนแหละ
“ ดีครับพี่ปัน ” พี่ปันประธานคณะ ไอคนที่เคยรับผมวันที่ได้รุ่นอะ
“ ทำไมผอมขนาดนี้วะ ไอดิษมันห่วงลูกมัน ฝากมาถามอาการ เป็นไงวะ ”
“ ยังไม่ตายพี่ บอกมันหน่อย ” พี่ปันผงะเล็กน้อย ก่อนจะลากคอผมออกมาไกลๆ
“ มีปัญหากันใช่ไหม ไอดิษก็ท่าทางไม่ดี ”
“ มันเป็นอะไรก็เรื่องของมัน ผมไม่เห็นต้องเกี่ยว ” พี่ปันตบหัวผมหนึ่งที ดีนะตบเบาๆ
“ ในคณะนี้ช่างหัวมันไม่ได้ โดยเฉพาะสายแกเอง ต้องดูแลกันหน่อย มีเรื่องอะไร ”
“ ผมเคารพพี่นะ แต่เรื่องนี้ผมเล่าไม่ได้จริงๆ ถ้าอยากรู้ต้องถามจากมัน ” พี่ปันมองผมงงๆ
“ จะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แกสองคนคงมีเหตุผล เพราะถามมันแล้วเหมือนกัน ” ยังดีที่มีสามัญสำนึกของมนุษย์ ไม่เอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง ผมแยกกับพี่ปันแล้วดิ่งตรงกลับหอทันที
“ อ้าวคิม กลับมาแล้วเหรอ ” พี่โจเข้ามาหลังผมไม่นาน
“ เรื่องพี่ดิษ ... ”
“ ขอร้องพี่ อย่าถามอีก ” พี่โจส่ายหน้าแล้วก็ไม่พูดไม่จา ในหอเริ่มลือกันมากขึ้นๆ ว่าผมกับพี่ดิษเกลียดขี้หน้ากัน สาเหตุมั่วกันไปสารพัด แต่ใครจะรู้บ้างว่าสาเหตุที่แท้จริง คือสิ่งที่ไม่เคยมีใครเคยนึกมาก่อน
“ เกษตร เพลงเชียร์ร้องได้ไม่ครบ ทำไมไม่จำอะไรเลย !!! ” วันต่อมาผมต้องมารวมกับพวกคณะศิลปศาสตร์ คนที่ได้เป็นผู้นำคือคณะศิลปะศาสตร์ ต่อไปจะเรียกแค่ศิลป์นะครับ
“ เกษตรคุกเข่า ศิลป์ท่าเตรียม ” มึงสั่งกูท่าเตรียมยังจะดีกว่า
“ โอ๊ะ ... ” ผมเจ็บเข่าขึ้นมา
“ เธอๆ ไหวไหม ” มีสาวคนหนึ่งถามผม ผมแค่พยักหน้าให้
“ เฮ้ย ทำไมคุกเข่าไม่ติดพื้น ” มีรุ่นพี่ศิลป์คนหนึ่งเดินมาเตะเข่าผม
“ กูเจ็บโว้ย !!! ” ผมตะโดนใส่หน้าจนรุ่นพี่คนนั้นหน้าจ๋อย พวกเพื่อนๆผมเริ่มหันมา
“ ใครมีอะไร ” ไอคนนำถามขึ้น ผมพยายามเงียบไว้ อารมณ์ยิ่งไม่ดีมาหลายวัน มาทำกูเจ็บอีก ทนไม่ได้ขึ้นมาไม่รับประกันนะมึง
“ ถามทำไมไม่ตอบ !!! ” อ่อ มึงยั่วกูเองนะ
“ กูเป็นโรคเข่า เพื่อนมึงเตะเข่าจนกูเจ็บ ลงโทษบ้าอะไรให้คุกเข่าห๊ะ !!! ” สะใจไหมน้อง ฮ่าๆ หน้าเจื่อนหมดแถวเลยครับ ทั้งรุ่นพี่ที่คุมข้าง แม้แต่ไอคนนำก็ด้วย
“ มึงกับใคร เค้าเป็นพี่นะเกษตรปีหนึ่ง ”
“ ตอนมันเตะมันเป็นพี่ไหมล่ะ ” ผมตะโดนสวนไม่หยุด
“ ไอหลานๆ มานี่ๆๆๆ ” พี่ๆปีสี่ของคณะผมเริ่มกวักมือเรียนให้ไปหา
“ ผู้นำคร้าบ ขอคุยกับหลานผมหน่อยคร้าบ ” พี่ๆปีสี่ขออนุญาตไอนั้น ไปขออนุญาตทำอะไร หน้าตาอย่างกับลูกคุณหนูมาทำริเป็นผู้นำเชียร์ พอผมเดินมาหาพวกพี่ๆขำกันใหญ่
“ ไปโวยวายแบบนั้นได้ไงวะ ” พี่คนหนึ่งถามผม
“ เจ็บอะพี่ ลงโทษส้น ... อะไร ให้คุกเข่า ก้มหน้า ไม่ก็ท่าเตรียมดิ ”
“ เดือนปีนี้เถื่อนชิบหายเลย ใครเลือกมาวะ ” รุมให้พรกูอีกละ
“ พูดกับคนนำเชียร์ได้ยังไง ท่าเตรียม ... ” ใครมาสั่งกูอีก เดี๋ยวมีเรื่อง
“ ไอดิษ มึง ” พวกรุ่นพี่ปีสี่เริ่มจะหวั่นๆ
“ ไม่ได้ยินหรือไง ท่าเตรียม !!! ” มันตะคอกผม
“ รุ่นพี่สั่งก็ทำสิวะ ” คราวนี้พี่ปันบอกครับผมต้องทำตาม ไอคนชั่วมึงมาทำไมวะ ผมวิดพื้นตามที่มันสั่งแล้วลุกขึ้น
“ ไปนั่งหน้าแถว ”
“ ไอดิษ นั้นลูกมึงนะนั้น ” พี่ๆเริ่มบอกมัน แต่มันหน้าโหดมากๆ
“ ผมขอโทษด้วย ปีสามทำเชียร์ครับพี่ ไปสิ !!! ไปหน้าแถว ” ผมวิ่งกระเผกๆ ระหว่างทางผมล้มลงนอน เพราะมันปวดขึ้นมาอีก ผมจำได้ว่าน้าของไอชั่วนี่บอกว่าต้องไปฉีดยาซ้ำอีกครั้ง แต่ผมทะเลาะกับมันเลยไม่ได้ติดตามอาการ
“ มา เกาะไว้ ” ไอนั้นวิ่งตามมาพยุง ผมสะบัดหนี คราวนี้มันอุ้มผมขึ้นมาเลย
“ พี่ๆผมขอพามันไปโรงพยาบาลก่อนนะ ”
“ มันไม่เป็นอะไรมากมั้ง ไปเรือนพยาบาลก็ได้ ” ถูกๆพี่ๆ บอมันเร็ว มันอุ้มผมเดินไปเรื่อยๆแล้ว
“ ต้องไปโรงพยาบาลครับ ไว้ผมรีบกลับมา ” มันอุ้มผมเดินออกมาจากลานซ้อมเชียร์
“ มึงจะมาทำอะไรกูอีก ”
“ ไม่ทำให้เจ็บตัวจะมาด้วยกันหรือไง ” พูดอะไรไม่เข้าใจ
“ เลยกำหนดฉีดยามาหลายวันแล้ว ถึงจะโกรธมากขนาดไหน ก็ห่วงตัวเองบ้าง ” แม่ง ด่าไม่ออกเลย
“ มึงพยายามไถ่โทษอยู่ใช่ไหม ”
“ รู้สึกผิดไหม ... ใช่ แต่ไม่ได้อยากทำเพราะแค่นั้น ”
“ พูดห่าอะไร ” ผมตวาดใส่มัน
“ ไม่ได้หวังให้ยกโทษวันนี้หรอก ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ”
“ เรื่องนี้ จนตายกูก็ไม่ยอมหรอก มึงกับกูไม่มีทาง ” มันหัวเราะเบาๆ
“ แค่ให้มาอยู่กันสองคน ยังพูดขนาดนี้แล้วเลย มึงยกโทษให้กูก่อนตายอยู่แล้ว ” ไอเลวนี่ พอเราเงียบลง ผมเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ไร่ในคืนนั้น
“ ลุงโรจน์ครับ ... ผมขอคุยกับเขาเองเถอะครับ ”
“ อืมๆ ลุงจะนั่งอยู่ตรงนี้นะ ” พ่อของผมลุกไปนั่งที่ระเบียงชั้นล่างกับแม่
“ มีอะไรกันแน่ครับ ”
“ ก่อนฟัง รับปากก่อนได้ไหมว่าจะตั้งสติดีๆ ” ผมพยักหน้า จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งสติอะไรหรอก แค่อยากรู้
“ มีคืนนึงตอนเราไปเที่ยวภาคใต้ เราสองคนทำอะไรเลยเถิดกัน ”
“ ห๊ะ อะไรนะ ” ท่านวากเริ่มเอามือมาแตะไหล่
“ แค่ช่วยกันธรรมดา ไม่ได้ลึกซึ้งแบบนั้น ... พอรุ่งขึ้นคิมกลัวมาก เลยหนีไปปีนต้นไม้ คิมตกลงมาจากต้นไม้ หัวซีกซ้ายโขกกับต้นไม้ ” ผมช็อกไปเลยจริงๆ เรื่องตกต้นไม้ที่หลายๆคนเล่าให้ผมฟังมาจากเหตุการณ์นี้เหรอ
“ ทุกคนรู้แค่คิมตกต้นไม้ แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นมีอะไร ... พี่ขอโทษ พี่แค่ ... ” ผมปล่อยหมัดใส่ปากมันอย่างจัง แม่ของผมร้องกรี๊ด พ่อก็รีบวิ่งมาห้าม
“ ไอคิมๆ ... นี่ ! หยุด ไอกองๆ มาช่วยกูหน่อย เร็ว ๆ ” พ่อผมพยายามดึงแขน แต่ไม่ไหวหรอก ผมระดมต่อยกับเตะมันจนหมอบ ไม่นานพี่กองคนงานก็เข้ามาล็อกผมไว้
“ คุณคิมครับ อย่าใช้กำลังครับ ”
“ ไอชั่ว ที่กูเป็นแบบนี้เพราะมึง ไอเลวเอ้ย ” …
“ ทำไมไม่มาตามนัดล่ะ ไม่ปวดแย่เลยเหรอลูก ” เสียงของน้าไอชั่วนั้นนี่
“ เอ่อ ครับ ” ผมกำลังนึกอะไรเพลินๆ ไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง
“ แต่รอยกางเกงนี่มันเปื้อนๆนะ ดิษ เล่นอะไรพิเรนทร์กันอีกใช่ไหม ” สมควรโดนด่า ไอชั่ว
“ ทำยังไงต่อครับน้า ”
“ ฉีดยาพันผ้า น้าว่าเอายาแก้ปวดไปกินด้วยดีกว่า คืนนี้คงเดินไม่ได้หรอก ” เวรแล้วไง เดินไม่ได้จะให้ฉี่ยังไงอะครับ
“ มีคนดูแลไหมลูก ” ถามแปลกๆ ยังไม่ได้แต่งเมียนะครับน้า
“ เดี๋ยวผมพาไปห้องผมครับ ” หา กูไม่ไปกับมึงนะ
“ กู ... เอ่อ ผมนอนหอก็ได้ พี่โจดูแลอยู่แล้ว ”
“ ตามใจ ที่ไหนก็ได้ ” ทำไมมันง่ายจังล่ะ มันพาผมออกจากโรงพยางบาลตรงกลับหอเลย พอถึงบนห้อง พี่โจ พี่โบ้ พี่ฟาง เพื่อนๆของผมก็มานั่งรอที่หอแล้ว
“ ไงวะ วีรกรรมมึงดังแล้วนะ ” ไอเรบอกผม
“ วีรกรรมอะไร กูไปทำอะไร ”
“ เอ้า โง่อีก ก็ที่ตะคอกประธานศิลป์ไงคร้าบ ” พี่ฟางอธิบาย ไอนั้นเป็นประธานคณะเหรอ หน้าคุณหนูแบบนั้นอะนะ
“ เกิดมาหน้าอ่อนเอง ใครจะไปรู้ ” ผมสะบัดแขนไอชั่วนั้นออก แล้วพุ่งลงไปนอนบนเตียง
“ เอาไง ให้พวกกูนอนด้วยไหมคิม ” ไอโต้งถามผม
“ ไม่ต้องหรอก พี่โจอยู่คนเดียวก็พอ ”
“ คืนนี้ไม่ได้หรอกว่ะคิม พี่ต้องไปคุยกับพวกรุ่นพี่ศิลป์เรื่องอุปกรณ์กับคัตเอาท์ ” มีงานกันหมดเลย
“ แล้วคนเดินถือป้ายคณะคู่กับนัทเอาไง คิมมันจะไหวมั้ย ” พี่ฟางหันมาถามต่อ
“ ไม่ติดสำออย ยังไงก็ไหว ” อ้าว ไอนรกดิษ
“ ทำไมหน้าด้านจัง ทั้งหมดนี่มึงยังไม่สาแก่ใจหรือไง ” ผมสวนด่ามันออกไป ในห้องเงียบไปทันที
“ พูดอะไรกันอะ ” ไอวาฬนั่งเงียบมานานถึงกับถามออกมา
“ มันโมโหเรื่องที่สั่งทำท่าเตรียม โวยวายมาตลอดทางละ ” ไอนั้นพยายามช่วยกลบเกลื่อน
“ โมโหร้ายจริงมึง ” ไอเรพูด
“ งั้นคืนนี้ผมมาเฝ้าให้ก็ได้ครับ ” ไอโต้งอาสา
“ ไม่ไปดูแลนัทหรือไง เค้าต้องทำงานหลายอย่างนะ ” ไอนั้นพูด
“ เค้าเข้าใจครับ เพื่อนป่วยทั้งคน ” กูเริ่มรักมึงมากขึ้นละโต้ง
“ ก็ได้ งั้นมึงไปหาผ้าปูมา เอาหมอนผ้าห่มมาด้วย ” พูดอะไรของมึงไอวากบ้า
“ เอามาทำไมพี่ ”
“ คืนนี้กูนอนบนเตียงไอโจ มันนอนพื้น เฝ้ามันสองคน ” เสียงห๊ะแทบจะดังพร้อมๆกัน มึงจะมายุ่งกับกูอีกทำไมวะ ไอวากนรก