สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องขำขัน สรุปแล้วมีอาจารย์เท่านั้น ที่ทำข้อสอบได้
มาต่อให้อีกครั้ง ก่อนจะลงสนามรบ
“ อะไรนะพี่ ”
“ ... ไอดิษ เป็นโรคหัวใจ ” ผมตกใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากพี่หมี เพราะผมมั่นใจว่าพี่เขาไม่เล่นๆกับเรื่องร้ายแรงแบบนี้
“ มันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ... ทำไมมันไม่เคยพูด ”
“ ในคณะรู้กันไม่กี่คน มันมาเป็นหนักช่วงรับน้องจบ หมายถึงตอนเข้ามาใหม่ๆ ... พี่สงสัยว่าจู่ๆมันก็ไม่กินเหล้า บุหรี่ก็สูบน้อยลง มันเช่าหอในไว้แต่ไม่ยอมมานอน ” มันทำตัวลึกลับขนาดนี้ คนในคณะไม่สงสัยได้ยังไงวะ
“ ตอนนั้นมันอ้างว่าเลิกกับแฟน ” แถไปได้อีก ตัวเองป่วยแท้ๆ
“ เราต้องบอกแม่ของมันนะพี่ ”
“ เขารู้กันหมดนั้นแหละ มันไม่ยอมกลับบ้านเอง ” แม่งดื้อด้านจริงๆ
“ มันกลับบ้านครั้งแรกก็ตอนไปพร้อมมึง … เข้าใจที่กูจะบอกไหม ”
“ ไม่ได้โง่ขนาดนั้นพี่ จะให้กล่อมมันกลับไปรักษาตัวว่างั้น ” พี่หมีพยักหน้า
“ อีกอย่าง ... ” ยังมีอีก
“ อันนี้ไม่น่ารู้หรอก ปะ ไปดูมันต่อ ” ผมว่าจะถามต่อว่ามันเป็นโรคหัวใจอะไร เพราะเท่าที่จำได้อะไรที่เกี่ยวกับหัวใจเค้าเรียกว่าโรคหัวใจทั้งหมด
“ ให้กูกลับบ้าน ... กูไม่กลับ ”
“ กลับเหอะๆ ” พี่หมีส่งสัญญาณให้ผมแล้ว
“ มึงกลับไปให้แม่ตรวจนิดๆหน่อยๆไม่เห็นเป็นอะไร ... กูว่าจะไปด้วย ” มันหันมามองหน้าผม แล้วก็ไม่ใช่แค่มันนะ พวกเพื่อนๆก็มองตาม
“ วันนี้ พวกมึงจะไปกินเลี้ยงกันไม่ใช่เหรอวะ ไอคิมจะไปกับกูได้ไง ” กลายเป็นเด็กขี้ระแวงซะ
“ กูไม่ไปกินก็ได้ ” มันทำหน้าเข้าใจ ระหว่างที่ปล่อยให้ไอวากนรกกับพี่หมีคุยกัน ผมก็ออกมากับเพื่อนๆ
“ พอส่งพี่ดิษแล้ว มึงตามมาก็ได้ ” ไอเรบอก
“ คงไม่ยอม พี่เขาหวงไอคิมจะตาย ”
“ มึงจะสื่ออะไรวะไอวาฬ ” พักนี้มันหายๆไป เพราะสายพี่ฟางก็มีเลี้ยงน้องบ่อย
“ เออๆอย่าเพิ่งสนใจ ว่าแต่ทำไมมึงต้องลงทุนไปกับพี่เขาวะ เห็นไม่ค่อยถูกกัน ” ไอเรนี่ถามเก่งว่ะ น่าเอาไปเป็นทนายความ พี่หมีเพิ่งพูดทำนองว่าคนรู้ไม่เยอะ ผมคงบอกพวกมันไม่ได้
“ ดูดิ มันกลัวแต่กูจะหนีกลับบ้าน ” ไม่ชอบอ้างแบบนี้เลย
“ พวกกูก็ห่วงเหมือนกัน ทำไมไม่คิดว่าพวกกูจะคิดมากบ้างวะ ” ท่าทางงานจะเข้า ดันทำเหมือนห่วงพี่มากกว่าเพื่อนอีกกู
“ พวกมึงอย่าไปกดดันเพื่อนดิ ไว้จะโทรหา ” ไอโต้งพูดดูดีกว่าเพื่อน มันคงจะไปเตรียมตัวเที่ยวกัน ผมเดินกลับมาที่เรือนพยาบาล
“ เอาไง ไปกันสองคนจะไหวแน่นะ ” พี่หมีถาม
“ ไม่ใช่เด็กเว้ย ปะคิม ”
“ ... ” พี่หมีมองหน้าไอวากนรกค้างเลย
“ เป็นไรวะ ”
“ เดี๋ยวนี้คุยกับลูกมึงเพราะเนอะ ” นั้นสิ
“ ไม่อยากคุยกับมึงแล้วว่ะ ไปเหอะ ” พักนี้เรียบร้อยขึ้นแปลกๆ สงสัยเพราะป่วย ผมสามคนเดินมาจนถึงหน้ามอ พี่หมีแกกลัวว่าไอดิษจะล้มอีกรอบเลยขอเดินมาส่งที่หน้ามอ พอส่งแล้วพี่เขาก็ไป
ระหว่างทางที่มาผมกับมันไม่ได้คุยอะไรกันเลย ไอดิษบอกแค่ว่าถึงแล้วปลุกด้วย ผมจำได้ว่าโรงพยาบาลที่ผมเคยมารักษา (มาเป็นระยะแต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ) ต้องต่อรถอีกต่อนึง
“ สายไหนวะ ” ผมนึกไม่ออกครับ
“ โง่จัง สาย ... ไง ” ตกใจครับ มันนั่งมองหน้าผมนี่หว่า
“ไม่หลับแล้วนอนทำไมวะ ”
“ มึงจะลาออกหนีไอโจมันเหรอ มันเป็นผัวมึงหรือไง ” ท่าทางหมาจะกลับมาอาศัยในปากมันแล้วล่ะ ดีได้ไม่เกินชั่วโมงหรอก
“ กูกำลังคิดว่า กูจะเรียนต่อไหม ไม่ได้เกี่ยวกับพี่โจ ” มันลุกขึ้นกดออด คงถึงที่จะต้องต่อรถแล้ว ผมเดินลงตามๆมันมา
“ เฮ้ย รถจะออกแล้ว มาเร็ว ! ”
“ !!! ” อึ้งแดรก มันคว้ามือผมวิ่ง ทำไมผมตกใจเหมือนโดนใครตุบกบาล มึนๆงงๆไปหมด
“ นั่งดิ ยืนทำไม ” มาถึงรถเมื่อไรวะ
“ คิดจะทำอะไรห่วงพ่อกับแม่บ้าง ไม่ใช่โดนเขาหักอกแล้วมาทำเศร้า ”
“ ไอเห้นี่ กูไม่ใช่เกย์ อย่าพูดแนวๆนี้อีกนะ กูไม่ชอบ ”
“ มึงหนีไม่พ้นหรอก ” มันพูดแมวๆจบแล้วก็เอาหัวไปพิงกระจกรถ แม่งกะไม่ให้กูด่าเลยนะไอเวร
“ เป็นอีกแล้วเหรอลูก ” กว่าจะถึงโรงพยาบาล ผมหาวจนนึกว่าจะนอนในรถอยู่แล้ว
“ ครับ เดือนนี้ รู้สึกสองครั้ง ”
“ บ่อยไปนะ เครียดหรือปล่าว ” หืม มันมีอะไรน่าเครียด เห็นไปล่อสาวทุกวัน
“ ทำไมถามเรื่องเครียดล่ะครับ ”
“ ข้าวกล้องไม่มีเรื่องอื่นแทรกซ้อน มีแต่เครียดเท่านั้นแหละ ครั้งที่ทะเลาะกับพ่อก็เป็น จำได้ไหม ” ผมว่าแม่ลูกน่าจะมีเรื่องคุยกันมากกว่านี้ เลยขอตัวออกมามาด้านนอก
“ ว่ายังไงคิม ” คุณหมอที่รักษาผมท่านคงเห็นพอดี
“ ครับ ”
“ เข่าไม่ปวดนะ ” ผมพยักหน้าตอบ
“ เอาไว้สอบเสร็จมาตามนัดนะ ... น้าว่ามีเรื่องอื่นจะบอก ” มีอะไรลึกลับอีกไหม ถึงมีผมก็ไม่หวั่นครับ เพราะช่วงนี้เจอมาจนชิน
“ เอ่ หมอรู้เรื่องของพี่ดิ ... พี่ข้าวกล้องไหมครับ ”
“ รู้สิ เค้าป่วยโรคเดียวกับแม่เขา ” แปลกๆเนอะ ทำไมคุณหมอที่น่าเป็นน้องของแม่ไอวากพูดเหมือนกับรู้จักกันดี ทั้งที่ไอวากพูดว่าเป็นลูกเมียน้อย
“ ที่หนักกว่าน่าเป็นไขมันที่มันผลิตไปเกาะผนังหลอดเลือดมากกว่า ”
“ คืออะไรเหรอครับ ”
“ เข้าใจว่านะ เป็นความผิดพลาดของร่างกาย มันอาภัพตั้งแต่เด็กๆ ไม่น่าต้องมาป่วยแบบนี้ เฮ้อ ... น้าขอตัวนะ ”กำลังคิดว่า ผมเอาตัวเองมาวุ่นวายกับปัญหาครอบครัวเขาหรือปล่าว
“ เฮ้ย ! โทษๆ ” ผมเดินพรวดเข้ามาไม่ทันสังเกตว่าไอวากนรก มันถอดเสื้อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของโรงพยาบาลอยู่ ที่จริงมันขาวจั๊วเลยนี่หว่า
“ มองก็มองไปดิ ใครว่ามึง ” ผมนึกว่ามันผิวคล้ำมาตั้งนาน เหอะๆ หลงเข้าใจผิดว่ามันผิวสีไม่เหมือนพ่อกับแม่
“ มึงนอนคนเดียวได้ใช่ไหมวะ ” เตรียมชิ่งละกู รถยังเหลือครับ ไปถึงขนส่งบ้านผมค่อยให้คนงานขับรถมารับ
“ กูก็นอนคนเดียวมาตั้งแต่เกิดแล้ว ... ไม่มีมึงเฝ้าก็ไม่ตายหรอก ” อ้าว มาทำดราม่าใส่กูอีก
“ เออๆ กูอยู่เฝ้าก็ได้ ” ผมนั่งลงบนโซฟา ถอดรองเท้าออก
“ พักนี้เจอกับไอคนชื่อนากบ้างมะ ”
“ ไม่อะ มีไร ” ตั้งแต่ไปช่วยทาสีก็ไม่ได้เจอกันอีกครับ
“ ดีแล้ว ” ดีอะไรของมันอีก
ผมนั่ง นอนเฝ้า เปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อยๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอมทนนั่งอยู่แบบนี้ ตัวมันเองก็สบายดี แค่มีสายน้ำเกลือสอดตรงแขน
“ ไอคิม ”
“ หือ ”
“ มึงว่า ... เรื่องแบบนี้มีจริงไหมวะ ”
“ เรื่องอะไรล่ะ พูดแบบนี้จะรู้ไหม ” มันหัวเราะหึหึ แล้วหันมามองผม
“ มึงนั่งเขียนจดหมายถึงคนที่มึงชอบมาตลอด นึกถึงเขาทุกวัน ตื่นมาก็คิดถึงเขาเป็นคนแรก อ้อนวอนให้สวรรค์ส่งคนนั้นกลับคืนมา ... เป็นไปได้ไหมว่า เขาจะกลับมา ” ฟังแล้วอึ้งนะ มันมีอารมณ์สุนทรีขนาดนั้นเชียว
“ มึงไปคัดนิยายรักบทไหนมาเล่าให้กูฟัง ”
“ โง่อีกละ ถามว่า เขาจะกลับมาไหม ” ด่ากูโง่วันละสิบครั้ง ฉลาดตายเลยมึงอะ
“ กูจะไปรู้เขาได้ไงว่าจะกลับมาไหม ฮุ้ว ”
“ ถ้าคนๆนั้นเป็นมึงล่ะ มึงจะคิดยังไง ”