มอบดอกไม้ในช่วงสงกรานต์ อากาศไม่ร้อนอย่างที่คิด แต่ไอตัวถึกก็ไม่ให้ออกไปเล่น บอกว่ากลัวคนปะแป้งผม นี่ถ้ากูเป็นผู้หญิงมึงคงล่ามโซ่กูไว้อะ บ้าเนอะ มาต่อกันดีกว่าๆ หุหุ
ผมยังนั่งคุยกับไอโปรต่ออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะขอกลับได้ ไอนั่นมันคุยเก่งมาก
“ แล้วมึงจะกลับยังไงอะ ” มันดีนะ ตอนคุยกันไม่ถามว่าจะกลับยังไง ตอนจะกลับถึงถาม ดึกๆแล้วน่ากลัวด้วยมหาลัยผม
“ เดินกลับนี่แหละ ”
“ โอ้โห นี่มึงยอมเดินมาหากูถึงคณะทั้งที่เจ็บเข่าเหรอวะ มึงแอบชอบกูปล่าว ”
“ กูผิดนัดกับมึงบ่อยแล้ว ส่วนแอบชอบมึงอะ กูไม่ชอบให้เสียชาติเกิดหรอก” แอบกัดมันคืนครับ
“ เออๆ ปากดีนะมึง ” พูดไม่ดูตัวเองเลยมัน
“ เดี๋ยวๆ นึกออกแล้ว ให้พี่นากไปส่งดิ แกเอามอไซค์มา ” ไม่ทันได้ห้ามมันครับ มันวิ่งพรวดๆเข้าไปแล้ว พี่นากเดินงงๆออกมา พอเจอหน้าผมถึงยิ้มให้
“ ไปส่งมันที่หอทีดิพี่ เข่ามันเจ็บ ”
“ เข่าไม่เจ็บพี่ก็ส่งได้ ” หืม ไอนากหันมามองหน้าผม อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็งงว่ะ พูดจาแปลกๆ
“ ไปนะเว้ย เจอวันหลัง ” ผมโบกมือลาไอโปร แล้วซ้อนมอไซค์ของพี่นากกลับหอ ระหว่างทางไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พี่แกออกตัวกระชากบ่อย ผมต้องขยับไปเกาะพี่แกไว้
“ ช่วงนี้เรียนหนักเหรอ ไม่ค่อยแวะมาหาพี่ๆเลย ” ถึงหอ พี่นากกับผมยืนคุยกันต่อ
“ แฮะๆ ตั้งแต่ตอนทาสีนู่นเลยใช่ปะครับ ”
“ อืม ดิษกับหมีมาคณะเราบ่อยนะ ช่วงหลังอธิการให้จับมือกันทำงาน ” จับถูกคณะด้วยท่านอธิการ เจอกันทีไร ร้านเหล้าวายทุกที
“ ครับ ไว้ผมจะแวะไปบ่อยๆ ” พี่นากยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะต่างคนต่างกลับ ผมรีบเดินขึ้นหอพัก ระหว่างทางเจอพวกพี่ๆเพื่อนๆในหอหลายคน รวมทั้งไอวากดิษ
“ เข่าเจ็บแท้ๆ ยังมีแรงออกไปแรด ” โหเว้ย
“ แรดบ้านมึงอะ ออกไปหาเพื่อนมา ” ฐานะวากคนใหม่มีหรือจะยอม ฮ่าๆๆ
“ แล้วมึงจะยุ่งไรกับลูกนักหนา มันจะไปไหนเรื่องของมันดิ ” พี่คนนี้พูดถูกใจ ธุระอะไรของมันไม่รู้สิ
“ จริงๆก็แบบนั้น กูมันคนไม่สำคัญ ” มาอีกแล้ว คำพูดงงๆของมัน คราวนี้ผมตรงเข้าไปหามันเลย
“ มานี่เดี๋ยว มีเรื่องจะคุยด้วย ” ไอดิษมันมองหน้าผมตื่นๆ คำพูดที่ไอโปรบอกผมท่าทางจะมีมูลซะแล้ว ผมลากมันขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึก ปกติช่วงค่ำๆพวกสิงห์อมควันจะมาพ่นบนนี้ แต่นี่ดึกแล้วเลยไม่ค่อยมีคนขึ้นมา
“ ทำอะไรลับๆล่อๆ ” ยังไม่วายบ่นอีกไอนี่
“ คณะเราสอนไม่ให้บอกอะไรกันตรงๆเหรอวะ ”
“ ... อะไรของมึง ” ทำงงเหมือนซะด้วย
“ กูรู้หมดละ มึงบอกมาเร็วๆ ” ต้องแกล้งเป็นรู้นี่แหละครับ ถึงจะบีบไอนี่ได้
“ ใครบอกวะ เค้าให้บอกตอนพวกมึงจะขึ้นปีสอง ไอโจใช่ไหม ” แม่ง ฟาดงวงฟาดงาเลย แสดงว่ามีจริงๆด้วย เรื่องแบบนี้น่าจะให้คนในคณะรู้ก่อน
“ คนคณะศิลป์เล่าให้กูฟัง ”
“ อะไรวะ เรื่องของคณะคนอื่น ”
“ กูว่านะ ไอเรื่องแบบนี้อะ คนอื่นเค้ารู้กันหมดแหละ ยกเว้นพวกกู วางแผนกันยังไง ” ได้ทีแอบแขวะมันซะเลย ไหนว่าเตรียมรับน้องมาดี
“ ตอนจะขึ้นปีสอง พี่รหัสจะมาบอกน้องว่า มีเรื่องรักหรือขัดเคืองกัน โดยเฉพาะเรื่องรัก อย่าพูดตรงๆ ”
“ เรื่องรัก ... เรื่องรักนี่ยังไงวะ ” ไอดิษถอนหายใจเฮือกๆ เหมือนมันอึดอัดอะไรมาก
“ ไอควาย !!! ” มันด่าผมออกมาดังพอสมควร แล้วเดินโมโหออกไป อ้าว นี่กูผิดอะไรล่ะเนี่ย
“ หลานคิม ” วันต่อมา ผมตื่นสายเพราะไม่มีเรียนเช้า พวกพี่ๆเพื่อนๆไปเรียนกันหมด ผมเดินลงมาหาอะไรกินที่โรงอาหารเลยเจอพี่ปันเข้า
“ ครับ ”
“ วันนี้ไอหมีมันจะวางแผนรับน้อง หลานไปด้วยนะ ” เฮ้อ ภาระท่านวากมาแล้ว
“ ครับ ”
“ เออ แล้วเมื่อคืนไปยั่วโมโหอะไรพ่อดิษ ”
“ ยั่วอะไร ไม่เห็นทำอะไรมันเลย ”
“ เหรอวะ เออ ... แล้วไมมันบอกจะเล่นมึงหนักๆ รู้ใช่ไหมว่าต้องรับกับมันอีกรอบ ” อ้าว อะไรของมันวะ
“ อารมณ์ประจำเดือนมาของมัน ใครจะรู้ล่ะพี่ ” พี่ปันหัวเราะ
“ อาจจะล้อเล่นมั้ง เจอกันหลาน ” พี่ปันตบไหล่สองสามที พอเดินมาถึงโต๊ะ มีคนโทรศัพท์เข้าเครื่องผม
“ สวัสดีครับ ”
“ อื้อ คิมตื่นยัง ” ผมรีบเอามือถือมาดูให้ดี ว่าใครโทรมา เป็นซันสาวคนเมื่อวานเองครับ
“ เอ่อๆ ตื่นแล้วดิ เพิ่งตื่นเหรอเนี่ย ”
“ อืมๆ เพิ่งตื่น อยากคุยกะคิมคนแรก ” หวานซะ
“ มีเรียนหรือปล่าว ”
“ คุยกันถามแต่เรื่องเรียน ท่าทางจะขยัน ” ที่จริงไม่กล้าคุยเรื่องอื่นอะ ยังไม่สนิทกัน
“ ปล่าวหรอก มีธุระที่คณะ ไว้คุยกันนะ ”
“ อือๆ ” พอกดวางสาย รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ผมน่าจะคบใครกับเค้าอีกครั้ง บางทีความรู้สึกที่แปลกๆนี้อาจจะหายไปก็ได้
“ คราวะท่านวาก ” พี่ๆในคณะนั่งเล่นอยู่ที่ชมรมเยอะครับ เค้าไม่เรียนหนังสือกันหรือไง เห็นมาทีไรเจอแต่หน้าเดิมๆ
“ ดีครับพี่ๆ ปีหนึ่งไม่มาเลยเหรอ ”
“ ไม่ค่อยมากันหรอก ถือว่าไม่ใช่ธุระก็แบบเนี่ย ” แอบน้อยใจรุ่นน้องตัวเองซะด้วย
“ พี่หมีคุยๆไว้บ้างยังพี่ ” ทำหน้าที่วากเกอร์ที่ดีหน่อย เดี๋ยวชาวบ้านจะว่าเอา
“ ตามแนวมันนะ มันไม่รับหนัก มันชอบรับบ่อยๆมากกว่า ไม่เหมือนพ่อมึง ” กูไม่น่ามีพ่อรหัสเป็นมันจริงๆนะเนี่ย ไปไหนมีแต่คนชัง
“ เออ แล้วเข่าเป็นไงบ้าง ไม่มีอะไรใช่ไหมวะ ” ผมชอบตรงที่ห่วงใยกันนี่แหละครับ นอกจากพี่น้องแท้ๆของผมแล้ว ไม่มีเพื่อนหรือรุ่นพี่สมัยมัธยมทำแบบนี้มาก่อน
“ เป็นๆหายๆพี่ วันไหนมันบ้ามา ผมก็เป็น วันไหนมันอารมณ์ดี ผมก็หาย ” พี่ๆที่นั่งด้วยพากันส่ายหน้า คงจะเบื่อมันพอได้
“ นินทาผู้ใหญ่ นิสัยหมาลอบกัด ... มึงมานั่งอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปเรียนหนังสือ หรือมึงอยากเรียนหกปีจบ ” ตายยากมาก ไอวากดิษมาแล้ว มาไม่มาปล่าวอีก
“ มีเรียนสิบโมง ถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งครับ ไอพี่เห็ดปีสี่ ” ปกติเค้าเรียนเฮดที่แปลว่าหัวอะครับ ฮ่าๆๆ
“ หึ งั้นเหลืออีกชั่วโมง มึงมานี่เลย ”
“ เฮ้ยๆ มันมีเรียนต่อนะมึง เอาไว้เย็นก็ได้ ” พี่คนนึงรีบมาห้ามไว้ ผมรู้ทันทีว่าไอเวรนี่จะแดกผมอีกแล้ว
“ มึงรู้เหรอเค้ารับกันยังไง ” อ้าว เงียบหมดเลย ผมเดินตามไอวากดิษไปที่ห้องเก็บของ
“ จำเพลงมหาลัยได้หมดหรือยัง ”
“ เค้ายังไม่สอนพวกกู บอกจะสอนก่อนเปิดเทอม ” มหาลัยผมใช้ปีสองเชียร์มหาลัย โชคไม่ค่อยดีครับ เค้าจะจัดแข่งประเพณีกับอีกมหาลัยนึง สองปีครั้ง
“ มึงจะเป็นวากเกอร์คณะ จำเพลงได้ไม่ครบ แล้วจะคุมน้องๆตอนเชียร์ยังไง อีกความหมายมึงจะคุมเพื่อนๆมึงได้ยังไง เคยใส่ใจอะไรเกี่ยวกับคณะบ้างไหม ” มันด่าผมจริงใจมาก อารมณ์มันออกมาทางเสียงหมดเลย
“ ผมผิดไปแล้วครับ ” นึกไม่ออกก็เอาประโยคนี้มาบอก หุหุ
“ คุกเข่า ”
“ ห๊ะ ว่าไงนะ ” มันอาจจะสั่งเพราะประเพณี แต่มันรู้จักผมดี รู้ว่าผมเข่าไม่ดี ทำไมมันต้องสั่งแบบนี้ นึกถึงที่พี่ปันบอกตอนก่อนมาที่นี่ ว่ามันโมโหผม จะเล่นผมหนักๆ ยิ่งทำให้อารมณ์ของผมขุ่นกว่าเดิม
“ บอกให้คุกเข่า ” ในห้องมืดมาก มองไม่เห็นกัน ผมค่อยคุกเข่าข้างที่ไม่เจ็บลง แต่ไอดิษมันมาพยุงไว้ก่อน
“ โง่ขนาดนี้มึงจะเป็นวากได้ไหมเนี่ย ” ไอนี่มันบ้าๆบอๆว่ะ
“ มึงสั่งให้กูคุกเข่าอะ ”
“ กูมองมึงไม่เห็น มึงก็มองกูไม่เห็น แค่มึงนั่งลงเฉยๆ กูจะว่าอะไรไหม โง่ โง่แม่งทุกเรื่อง ”
“ ฮุ้ววววว ” ผมระบายอารมณ์ใส่มัน
“ เลิกด้วย ไอฮุ้วๆของมึงอะ ” เออ ผิดแม่งทุกเรื่อง แค่ฮุ้วแม่งยังผิด
“ กูให้ยืมสมุดเพลงเชียร์ไปฝึก ทำนองมึงต้องไปขอฟังจากคณะอื่น ให้วากเกอร์ของคณะอื่นร้องให้มึงฟัง ” ยุ่งยากอีกละ เอาซีดีที่เปิดตอนสมัครสอบให้กูฟังซะก็หมดเรื่อง
“ มึงต้องใส่เสื้อของกูไป จำไว้ว่ากูให้ยืม มึงต้องเอามาคืนตอนบ่ายสาม กูจะให้มึงทุกวันอังคาร ” นี่มัน
“ งั้นกูมีเวลาวันเดียวให้ฝึกเหรอ ”
“ อาทิตย์ละวัน กูให้สามอาทิตย์ ถ้าทำไม่ได้ กูไม่ให้มึงเป็น ” โห โหดชิบหาย ยากกว่าท่องตารางธาตุอีก
“ มีแค่แปดเพลง คงไม่ลำบากมากหรอก อย่างน้องมึงก็ได้แล้วสามเพลงนี่ ” เสียงมันเย้นหยันเหลือเกิน หมั่นไส้ว่ะ
“ สามเพลงห่าไร ”
“ ไอโปร เพลงคณะเรา ... แล้วก็สาวของมึงไง หึ ”
“ อะไรของมึง สาวของกูบ้าอะไร ยังไม่รู้จักกันเลย ” ผมเข้าใจความหมายของมันนะครับ
“ หึ ชอบเค้าก็บอกมาเหอะ ”
“ พูดอย่างกับหึงกู ฮุ้ว ” น่ารำคาญอะ
“ ... ถ้ากูหึง มึงรู้สึกอะไรไหมล่ะ ”
“ ห๊ะ ” มันพูดอะไรอีกละ นับวันมันจะยิ่งเพี้ยนขึ้นๆ
“ หึหึ มึงยังเหมือนเดิม ถึงกูพูดตรงๆ มึงก็ไม่เข้าใจ โง่ ” อ้าว นี่กูผิดไหม ที่ไม่เข้าใจมึงพูดเนี่ย