ช่วงนี้มันตื้อๆ งงๆไงไม่รู้นะ เหอะๆๆๆ
“ คณะนี้ รับน้องถึงขั้นเข่าเขิ่วพังเลยเหร๊อออ ” เช้าวันต่อมา ผมเดินมาเรียนที่อาคารเรียนรวม โดนอาจารย์แซวแต่เช้า
“ พี่ไหวไหมอะ ” พวกน้องๆคณะอื่นถามด้วยความเป็นห่วง วิชาที่ผมลงตัวนี้เป็นวิชาบังคับของคณะนึง
“ สบายน่า ตั้งใจเรียนๆ ” ผมนั่งเรียนได้ไม่มีปัญหาอะไร ไอตัวที่มีปัญหารอกันอยู่ข้างนอกนู้น ทีแรกที่ไอวากดิษพูดว่าจะส่งคนมาเฝ้า ผมไม่ได้สนใจครับ เอาเข้าจริงมันเกณฑ์ปีสามกับปีสี่ผลัดเวรกันมายืนคนหรือสองคน
“ เอ้อ นักศึกษาคนนั้นเดินมานี่ ” หลังจากหมดคาบ อาจารย์เรียกผมไปหาครับ
“ ที่จริงเธอรักษาตัวให้หายก่อนดีกว่า อาจารย์จะบวกให้ ”
“ ผมยังมาเรียนไหวครับ ขอบคุณจริงๆครับ ” อาจารย์นั่งยิ้มให้ผม
“ อาจารย์รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ...... เอาเถอะต้องการอะไรก็ทำไป ขอแค่ในอนาคตพอเรามองกลับมาที่วันนี้ อย่าเสียใจที่ตัดสินใจล่ะ ไปเถอะ ” อาจารย์พูดโดนใจผมนะ แต่ตอนนี้อารมณ์มันไม่ปกติอะครับ
“ มีเรียนต่อไหมวะคิม ” พี่ปี่สามคนนึงถามผมหลังจากที่เดินออกมาหน้าห้อง
“ ไม่ละครับ เดี๋ยวผมกลับคณะเลย พี่ๆตามสบายเหอะ ”
“ ไม่ต้องมาเก่ง เดี๋ยวพวกกูตามไปด้วย ” เวลานี้ควรฟังรุ่นใหญ่ครับ
ผมนั่งรอจนถึงเย็นก็ได้เวลาชำระแค้น ผมเดินกระเผกๆ ควงไม้เท้ามายืนตรงหน้าพวกปีหนึ่งทั้งหลาย ไอพวกน้องๆปีหนึ่งหลายคนมองตาละห้อย
“ ผมไม่ถามหรอกนะว่า หนึ่งในพวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือปล่าว ผมแค่อยากบอกกับทุกคนว่า ถ้าผมไม่ตาย ผมยังอยากได้พวกคุณเป็นน้อง ฉะนั้นอย่าทำแบบนี้กับใครอีก อยากทำมาลงที่ผมนี่ ..... ปีหนึ่งหมอบบ !!!!! ”
“ ก้มหน้าลง ไอพวกบ้า !!!!!! ” ลูกคู่ผมเยอะครับ ฮ่าๆ
“ ฟังให้ชัดอีกที วันนี้ผมจะนั่งรออยู่ที่นี่ ถ้าคนไหนแน่จริง ..... มาเจอผมได้ ผมจะรอ ”
“ เฮ !!! ฮู้ววว สุดยอดๆ ” ปีสองของผมยืนปรบมือ ชื่นชมและให้กำลังใจครับ วันนี้ผมสอนเพลงเชียร์กับกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ แต่ผมให้มันรับกันจนค่ำมากๆ ถึงขนาดมีน้องเป็นลมด้วย
“ ทำไม เพื่อนเป็นลมแล้วยังไงห๊ะ ก้มหน้าต่อไป อย่าเงยหน้า !!!! ” ผมรีบส่งสัญญาณให้สาวๆพาคนที่เป็นลมออกจากแถว ปีหนึ่งหลายคนเริ่มหน้าไม่สู้ดี
“ วาก เพื่อนว่าพอก่อนดีไหม ” ไอหนิงประธานปีสองของผมเดินมาบอก
“ ไม่ได้ ทำไม เพื่อนรักมันมากไหม ไอพวกไม่เอาไหนเนี่ย ไป ไปกระโดดน้ำ ” ปีหนึ่งหลายคนไม่เชื่อหูตัวเอง เงยหน้ามองกันใหญ่ มันคงจะตกใจแหละ ประธานปีสองโดนสั่งกระโดดน้ำอะ
“ เงยหน้าทำไม !!!!! ... จำเอาไว้ หนึ่งในพวกคุณ ไม่ว่าคนไหนที่อยากพูดกับตัว มาได้เลย .... เพื่อนครับ จัดการต่อด้วย ” พอเสร็จงานผมก็เดินกระเผกๆมานั่งพัก เชื่อไหมครับปวดเข่ามากๆๆๆ
“ สัด ”
“ โอ้ย !!! ตบหัวกูไมวะ ” ไอหนิงเดินตัวเปียกมาตบหัวผมครับ
“ ไหนว่าให้กระโดดตบไง แม่งสั่งโดดน้ำเลยนะ แล้วกางเกงกูยังไม่ได้ซักเลย ” เหอะๆ ความจริงก็เป็นแผนที่เตรียมกันไว้ครับ
“ กูว่าแบบนี้ พวกนั้นจะรักมึงมากกว่าไง ไอคนที่แกล้งเป็นลมกลับแถวไปหรือยัง ” เตี๊ยมกันกระทั่งเด็กที่เป็นลมอะครับ เหอะๆๆ
“ กลับไปแล้ว เข่ามึงโอเคแน่นะเว้ย ”
“ ..... เสร็จแล้วก็กลับกันก่อนเลยนะ ” ผมบอกไอหนิง ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าปวดเข่ามากกว่าเดิมอีก แต่เอาไว้บอกไอดิษคนเดียวดีกว่า
“ ไม่ได้ มึงกลับด้วยกัน กิจกรรมจบแล้ว ”
“ มึงเห็นเข่า เห็นแขนกูไหม ยังไงกูก็จะรอพวกมัน ถ้าแน่จริงกูก็พร้อมจะเจอ ”
“ มึงนี่ดื้ออย่างพี่ดิษว่า เดี๋ยวกูมา กูไปบอกให้มันหาเดือนกับดาวก่อน มึงรอนี่นะ ” หืม ใกล้หาเดือนกับดาวกันอีกแล้ว เฮ้อ ผมกับพี่โจต้องมาบูมให้ปีหนึ่งอีก กูจะไหวไหมเนี่ย
ผมแกล้งเดินกลับตามพวกมัน ก่อนจะแอบเดินมาที่ลานอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ปิดไฟเลยยังพอมีแสงเรืองๆอยู่ ผมมานั่งรอพวกมันตามที่บอกไว้
“ พะ .... พี่ครับ ”
“ อะไร เป็นปีหนึ่งเหรอ ” พอผมหันกลับไป ต้องตกใจครับ ไอพวกปีหนึ่งห้าหกคน ตัวควายๆทั้งนั้นยืนรออยู่แล้ว
“ พี่ครับ พวกผมขอโทษครับ ” ปีหนึ่งกลุ่มนี้ก้มลงกราบผมครับ ผมรีบเรียกให้พวกมันลุก
“ มีอะไรคุยกันได้ ไม่ต้องทำขนาดนี้ ”
“ วันนั้นอะครับ พวกผมเอาพี่ไปเล่าให้เพื่อนกันที่สถาบันอื่นฟัง ผมว่าพี่เจ๋งดี ........ แต่พวกมันไม่เชื่อบอกว่าจะมาตีให้พวกผมดู ..... พวกผมปากหมาบอกว่ากล้าก็เอาดิ ไม่นึกว่ามันจะทำพี่จริง ขอโทษนะครับพี่ ผมผิดไปแล้วครับ พี่เอาคืนกับพวกผมก็ได้ครับ ”
“ เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องกราบแล้ว ลุกมาคุยกันดีๆ ” พอเห็นน้ำตาของพวกนี้แล้วใจอ่อนแฮะ
“ ผมรวบรวมเงินมาให้พี่ครับ ถ้าค่ารักษามากกว่านี้ ผมจะหามาอีกครับ ” มันคนนึงยื่นซองสีน้ำตาลหนาเตอะให้ ผมลองๆเปิดดู รู้สึกจะเป็นปึกแบงก์พันรวมกับแบงก์ห้าร้อย คร่าวๆหลายหมื่นนะเนี่ย
“ ถึงกูจะไม่หายโกรธ แต่กูจะไม่เอามาลงกับพวกมึง อย่างน้อยมึงยังกล้ามายอมรับผิด .... กูอยากให้เงียบแล้วจบๆไปซะ ส่วนเงินนี้เอาไว้ทำอย่างอื่นเถอะ .... อีกอย่างเรื่องของคณะเรา ไม่จำเป็นต้องไปคุยให้ใครฟัง ถึงเจ๋งก็เจ๋งแต่ที่คณะเรา ออกนอกคณะเราก็นักศึกษาธรรมดาๆ ”
“ พี่ครับ ..... ” มันคนนึงบอกชื่อสถาบันกับคณะให้ผม เป็นพวกที่อริกับคณะผม แต่ไม่มีเรื่องกันนานแล้ว
“ กูจะไม่ถามด้วยว่าพวกมันเป็นใคร แต่ช่วยไปบอกด้วยว่า คราวหน้าอย่ารุม ..... พอแค่นี้แหละ พวกมึงกลับได้ละ ” ผมค่อยๆลุกขึ้น พวกนั้นจะมาช่วย แต่ผมบอกปัดไป เพราะปากพวกมึงแท้ๆ ทำให้กูเจ็บ พอผมเดินพ้นลานกิจกรรมไอวากดิษกับพี่หมีมายืนรออยู่
“ มาทำอะไรกัน ”
“ กูต้องถามมึงน่ะ มาทำส้นเตียนอะไรคนเดียว อยากให้ไอเชี้ยดิษอกแตกตายหรือไง ” พี่หมีก็นะ พูดซะ
“ ขอโทษครับ .... แต่ผมคิดว่าเรื่องของผมเคลียร์แล้วนะพี่ ”
“ อะไร ใครเคลียร์ มาๆไปคุยกัน ” พี่หมีช่วยผมพยุง แต่ไอวากดิษยืนเฉยๆ ให้ผมเดานะ มันงอนผมอีกแล้ว
“ มึงจะจบได้ไงวะคิม กูไม่ยอมให้จบอะ ลากมันมาคุย ” พี่หมีอารมณ์ขึ้นเลยครับ
“ อย่าเลยพี่ ยังไงมันก็น้องเรานะ ในเมื่อเรารู้แล้วว่าใคร พอดีกว่า ”
“ มึงว่าไงดิษ ”
“ เจ้าตัวเค้าไม่เอาเรื่อง เราควรจะพอ ” โอ้ว
“ อะไรวะ พวกมึงเป็นอะไรไปเนี่ย เกิดรักน้องขึ้นมาหรือไง ”
“ เราทำกิจกรรมเพื่อให้รักกันไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าทำแบบนั้น เมื่อไหร่จะลบภาพเสียๆของคณะได้วะ ” วากดิษ มึงพูดดีว่ะ
“ จะกลับกันได้หรือยัง .... ปะน้อง ให้แม่พี่ตรวจเพิ่มหน่อย ”
“ หืม อะไรพี่ อะไรน้อง มึงสองคนไปจดทะเบียนกันเมื่อไรวะ ” พูดให้กูเขินอีกล่ะ
“ ไม่ยุ่งซักเรื่องนี่ ... ตายไหมวะ ท่านประธาน ”
“ เออ กูไปก็ได้ ไว้เจอกันๆ ”
“ ดิษๆ ช่วยพยุงทีดิ ” พอพี่หมีเดินลับไป ผมรีบโบกมือให้ไอวากดิษมาช่วย
“ เดินมาเอง ปากว่าไหวๆนี่ เดินมา ” เฮ้ย ทำไมมันทำแบบนี้กับผมล่ะ
“ ดิษ กู .... ” พูดไม่ออกเลย ผมพยายามกระเผกตามมันมา แต่ชักจะไม่ไหวครับ มันปวดมาถึงโคนขาแล้ว
“ ขอนั่งก่อนได้ปะ ปวดจริงๆ ” ไอวากดิษหันมาทำหน้าโหดเหมือนกำลังรับน้องผมอยู่
“ หมดหรือยัง ไอความเก่งน่ะ ”
“ ไอดิษ มึงจะโมโหอะไรกูนักหนา ...... จะให้ทำยังไง ” มันยังจ้องไม่เลิก
“ หลังจากได้เดือนของปีหนึ่ง น้องต้องเลิกทำกิจกรรม เอาเสื้อมาคืนพี่ ”
“ ได้ไงวะดิษ กูยังทำไม่จบเลยนะ ” มันเดินมาใกล้ๆผม
“ ลุก ”
“ ดิษ ..... ”
“ ลุกสิ !!!!! ” มันดึงตัวผมลุกขึ้น ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ดอะ มันจะทำอะไรผมเนี่ย
“ เฮ้ยๆๆๆ ” พอผมลุกขึ้นดี มันแย่งไม้เท้าผมไป ตัวผมเซไปชนกับไอดิษ ทั้งผมทั้งมันล้มลงไปกองข้างล่าง แต่เข่าผมไม่ได้กระแทกอะไรครับ มันคงตั้งใจให้ผมล้มแบบนี้อะ
“ สภาพแบบนี้ยังจะทำอะไรอีก ..... เวลาน้องทำแบบนี้ พี่เจ็บมากนะรู้ไหม ” อย่างกับหนังรักอย่างไงอย่างงั้น
“ มึงบอกกูใช่ไหมดิษ ..... ว่าอย่าปิดอย่าทำว่ายังไหว เวลาอยู่กับมึง หรืออยากให้กูต้องปิดว่ากูเจ็บ ” เวลานี้ในมหาลัยไม่มีคนเท่าไรแล้ว ยิ่งหลังมอยิ่งไม่มีครับ เป็นโอกาสของผมกับมันได้ปรับความเข้าใจกัน
“ น้อง คนรอบข้างรู้สึกไม่ดีไปด้วยนะ เวลานี้ไม่มีใครกล้ารับรุนแรง เพราะเป็นห่วงน้อง ..... หลังจากรับเดือน น้องไม่ต้องลงแล้วนะ พี่จะขอให้ปีสามลงต่อ ”
“ ..... อืม ” ไอวากดิษค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา มึงนี่หน้าตาดีนะดิษ หึหึ
ไอดิษพาผมกลับมาถึงที่ห้องจนได้ วันนี้ไอวินโทรมาบอกว่าคงไม่ได้กลับห้อง เพราะจะอยู่เฝ้าทางบ้าน ไอดิษพอได้ยินดังนั้นรีบวิ่งไปเก็บข้าวของมาขอนอนชั่วคราว
“ ที่จริงกูนอนคนเดียวได้อะดิษ ”
“ ไม่เอา ไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้ว ” พูดสองแง่สองง่ามนะไอเนี่ย
“ เออๆ ตามใจ ” มันยิ้มร่าเลย ผมกับมันช่วยกันนั่งทำงานกับการบ้านที่ได้รับมา ความจริงพอถึงปีสี่แล้ว งานที่คณะน้อยลงครับ หนักไปทางควบคุมดูแลรุ่นน้องมากกว่า ผมกับไอดิษกินข้าวกันบนห้องเพราะมันไม่ให้ลงไปข้างล่าง
“ กินยาด้วยนะ พี่อาบน้ำก่อน ” ผมพยักหน้า ไอดิษเดินเข้าห้องน้ำไป ผมหยิบซองยามาดู และตัดสินใจกินยาแก้ปวดมากกว่าที่เขียนเอาไว้ ยานี้ก็ดีครับ พอกินเข้าไปเริ่มเคลิ้ม หลังจากเช็ดตัวเสร็จผมนอนหลับลงไปเลย
...... ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหายใจอ่อนแบบนี้ แขนกับขาไม่มีแรงเลย ดิษ กูเป็นอะไรวะดิษ
“ อ่อก ..... อึ่กก ” ผมหายใจไม่ออกแล้ว ผมเห็นดวงดาวว่อนเต็มไปหมดเลย
“ อื้ม น้อง ..... น้องเป็นอะไร ”
“ อึ่ก ..... อ่ากกก ” ผมพยายามดิ้นๆๆๆ ไอดิษเปิดไฟจากมือถือส่องมาที่ผม ผมเห็นลางๆว่ามันกระโดดพรวดมาหาผม พอมันวิ่งไปเปิดไฟเสร็จก็รีบมาตบหน้ากับกดที่หน้าอกของผม
“ ตั้งสติไว้นะน้อง มองหน้าพี่ไว้ อย่านอนๆ ” ทำไมผมไม่มีแรงเลยล่ะ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“ มีอะไรพี่วาก .... เฮ้ย ทำไมตัวเขียวแบบนั้นวะพี่ เฮ้ยๆๆๆ เร็วๆ เรียกยามเร็วๆๆๆ เฮ้ยย เร็วเว้ย ” ไอวากดิษคงจะเป่าลมเข้าปากผมด้วยครับ เวลาที่เหมือนจะสลบลงไป พอมันกดๆที่หน้าอกและทำแบบนั้น ผมรู้สึกว่าดีขึ้นครับ
ในที่สุดก็มีคนมาช่วยกันแบกผมลงจากหอพัก ผมเห็นลางๆอีกว่าถูกส่งขึ้นมาที่รถพยาบาล พนักงานคนนึงเอาที่ครอบมาครอบที่จมูกและปากของผม ไม่นานผมก็นอนหลับไป