เชียร์ใครเป็นแพ้กู ฮ่าๆๆๆ มาๆอ่านกันต่อดีกว่า
ผมอารมณ์ขุ่นมัวอย่างรุนแรง ไม่ค่อยสนุกกับพวกเพื่อนๆที่ร้องเพลงกันอย่างออกรสชาติ ผมนั่งอยู่กับพวกนั้นจนเริ่มจะแยกย้าย ช่วงที่ชุลมุนผมก็แอบแยกกับพวกนั้นด้วย
“ คิมๆ ” ผมตกใจรีบหันไปตามเสียงเรียก ปรากฏว่าเป็นดาครับ
“ ว่าไง ” ดาเอาเท้าจิ้มๆพื้นของห้าง ท่าทางน่ารักเชียวล่ะ
“ คิมไปส่งดาได้ไหม คือกิ๊กจะเที่ยวกับแฟนต่อ ” ผมกำลังกดเปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากที่ปิดหนีไอดิษ
“ เอ่อ คือว่า ” ดาชักสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย ผมไม่ได้หวั่นไหวกับใบหน้าหรอกนะ แค่ตอนนี้กำลังเซ็งไอวากบ้า ที่มันไม่ยอมบอกผมเรื่องผู้หญิง เลยอยากจะไปส่งเค้าเฉยๆ
“ อืมๆ ดากลับเองก็ได้ บายๆ ” ดายิ้มๆ เดินหันหลังไป ผมวิ่งเหยาะๆไปดักด้านหน้า
“ เราไปส่งดีกว่า ผู้หญิงกลับคนเดียวไม่น่าอุ่นใจ ปะ ” ผมเดินนำหน้าดาออกมาจากโซนร้องเพลง มายืนรอรถประจำทางที่หน้าห้าง
“ คิม โทรศัพท์คิมดังหรือปล่าว ” ผมเอามือทาบกระเป๋ากางเกง นี่กูเหม่อไปถึงไหนวะเนี่ย โทรศัพท์ดังยังไม่รู้ตัว
“ ไร ”
“ เสียงเข้มเลยนะ โทรมาหาพี่เหรอ ” ไอนี่ทำเนียนละ
“ เออ เบอร์กูขึ้น ก็ต้องเป็นกูดิ ” ดายืนมอง ทำตาปริบๆ
“ โมโหใครหรือปล่าว ” โอย กูล่ะจี๊ด อยากจะแหกปากด่ามันมากๆ
“ มึงควรจะรู้ดีนะ ”
“ คิมๆรถมาแล้ว ” ขณะที่ผมกำลังจะโวยวาย ดาพูดเสียงอ่อยๆเพื่อบอกผม
“ จ้ะๆ ” ผมค่อยๆเดินขึ้นรถพร้อมกับดา โดยให้ดานั่ง ส่วนผมยืนโหน
“ คิมอยู่กับใคร ทำไมต้องพูดจ้ะจ๋า ”
“ กูอยู่กับใครมึงจะคิดทำไม ทีมึงหายไปทั้งคืนกับใครก็ไม่รู้ล่ะ เคยคิดไหมว่ากูจะคิดไง ” บนรถก็มีผู้โดยสารหลานคนนะ แต่เวลาผมอารมณ์ขึ้น ผมไม่อายใครหรอก
“ จะโกรธเรื่องที่พี่ไม่รับสายก็ว่าไป อย่าใส่ความพี่สิ ”
“ ไอเชี้ย มึงนี่หน้าหนาจริงๆนะ เฮ้ยยยยยยย ”
“ คิม !!!!!!! ” จังหวะที่ผมด่ากราดไอดิษผ่านโทรศัพท์ รถโดยสารหักเลี้ยวอย่างกระทันหัน ถ้าเป็นปกติผมคงจะใช้แขนสองข้างจับราว แต่เพราะต้องถือสายคุยกับไอดิษ ทำให้เหลือมือข้างเดียว ตัวของผมเหวี่ยงไปชนกับราวประตู โทรศัพท์กระเด็นหล่นไปบนถนน
“ โอย ”
“ คุณเป็นอะไรไหม ” นี่แหละนะน้ำใจของคนไทย ทั้งที่ผมเสียมารยาทไป แต่พอบาดเจ็บ ก็ยังมีคนเป็นต้องห่วงใยกัน
“ ไม่เป็น ....... ไร ” ที่เว้นไปยาวๆเพราะ หน้าผากมีเลือดออก และเสื้อขาดนิดนึง
“ นี่ คนขับน่ะ จอดก่อนได้ไหม !!!!! ” คุณยายท่านนึงตะโดนใส่คนขับ เค้าก็จอดให้โดยดี พอรถจอดสนิท คนขับเดินมาดูผม
“ เมื่อกี้มันตัดหน้าครับ ถ้าไม่หักหลบ อาจจะชนกัน วันนี้เพิ่งออกกะบ่ายเอง ยังไม่ได้เงินเท่าไรเลย ซวยจริงๆ ” เออ มึงซวย งั้นกูก็โคตรซวยอะ
“ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมลงเลยแล้วกัน ดากลับเองได้นะ ” ผมหันไปหาดา
“ ไม่อะ เราว่าเราไปส่งคิมที่หอก่อนดีกว่า วันนี้เรานอนหอในก็ได้ ”
“ อืมๆ ขอบคุณนะครับ ” ผมหันกลับไปขอบคุณคนที่เป็นห่วงและช่วยเหลือ ก่อนจะลงมานั่งรถตุ๊กกลับมาที่มหาลัยแทน
“ คิมไม่รู้สึกปวดหัวใช่ไหม ”
“ อืม ” ดาเดินมาส่งผมที่หน้าหอ ไอหน้าผากที่แตกไม่รู้สภาพแย่แค่ไหน แต่ผมไม่อยากไปเรือนพยาบาลแล้วครับ ช่วงนี้รู้สึกจะใช้บริการบ่อย
“ แผลน่ะ ขอดาดูหน่อยได้ไหม ”
“ เอ่อ ทำไรอะ ” ดาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับแผลให้ ผ้าเช็ดหน้าน่ะใช้ไม่ได้แล้วแน่ๆ ดายิ้มๆและส่งผ้าผืนนั้นให้
“ เดี๋ยวเลือดจะหยดใส่ เราไปนะ ”
“ ขอบใจนะ ” ผมยืนส่งดาจนเค้าเดินลับตาไป ตอนนี้ต้องยืมโทรศัพท์ใครซักคนเพื่อโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนว่าโทรศัพท์ผมหมดอายุแล้ว
“ ไอวินเว้ยๆ ” ผมจำได้ว่าไอวากดิษมันไปวิ่งเต้นแลกห้อง เลยวิ่งมาหารูมเมทเก่าของผม
“ อ้าวพี่คิม ดีครับ ..... ไปตีกับใครมาพี่ ” มันคงสังเกตที่หน้าผากของผม
“ เหอะน่าๆ ขอยืมมือถือทีดิ ของพี่พังแล้วว่ะ ” ผมไม่ว่าอะไรครับ เดินเอามือถือมาให้โดยดี ผมโทรไปบอกแม่ว่าโทรศัพท์พัง จะออกไปซื้ออีกที แต่ไม่ได้เล่าเรื่องหน้าผากแตก กลัวแม่จะเป็นห่วง
“ พี่ดิษไปไหนล่ะครับ ” มึงนี่ก็จะช่างซักไปไหนวะ
“ ตายแล้วมั้ง ”
“ โมโหกันเรื่องไรพี่ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจมากนะเว้ย ” ผมเดินกลับมาที่ห้อง ล้างหน้าล้างแผล พอมองดีๆแผลไม่ลึกมากครับ แค่มีเลือดออกเฉยๆ ผมมองผ้าเช็ดหน้าที่ดาให้ แล้วซักจนสะอาด ตากไว้ในห้องน้ำ เฮ้อ ขนาดแค่คนรู้จักยังห่วงใยกันขนาดนี้ แต่มึงยังโกหกกูอยู่ได้นะไอดิษ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไอดิษไม่ได้ติดต่อผมและเพื่อนๆก็ไม่ได้พูดว่ามันได้ติดต่อกับใครบ้าง ช่วงวันสองวันแรกผมยอมรับว่าทั้งเครียดและโมโหมากๆ แต่หลังๆเริ่มจะไม่รู้สึกแล้ว ผมไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับไอดิษจะเข้าใจอะไรยากนัก มันคงเป็นแค่ความหลงชั่วขณะของไอวากดิษ พอผมรับเป็นแฟน มันคงจะเริ่มเบื่อและกำลังทำในสิ่งที่ผมชอบทำมาตลอด ...... การทิ้งคนที่รักเรา
“ วันนี้ปีสี่ลงห้องมื๊ดมืด มึงจะวิ่งกับปีสามไหมวากคิม ” ถ้าจำกันได้ พวกปีสี่จะลงสามครั้ง ก่อนหน้านี้ปู่ๆย่าๆเค้าลงกันไปแล้วหนึ่งครั้ง ปีหนึ่งงี้หน้าซีดเป็นแถบๆ
“ สงสัยจะไม่ไหวว่ะ กลัวมันจะกำเริบ ” ผมชี้ที่เข่า ไอเรก็พยักหน้าเข้าใจ
“ กูดีใจนะ ที่มึงไม่ฝืนตัวเอง พี่ดิษนี่เก่งเนอะ เปลี่ยนมึงได้ ”
“ ใช่มันเก่ง ” อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเศร้าได้
“ ตั้งแต่วันไปร้องเพลง กูว่ามึงเหงาหงอยผิดปกตินะ ทำไมวะคิดถึงพี่แกมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ ”
“ ใช่ ” ผมบอกไอเร มันตกใจรีบมานั่งข้างๆ
“ เฮ้ยๆ กูถามจริงใจนะเว้ย ไม่ได้ตั้งใจล้อจริงๆนะมึง ” ที่มันรีบพูดแบบนี้ เพราะผมน้ำตาซึมครับ
“ กูรู้ไง ถึงบอกมึงตรงๆ กูไม่ได้โมโหมันว่ะ แต่กูเสียใจ ” ผมสะอึกสะอื้นนิดหน่อย
“ ทำไมมึงไม่คุยกับพี่เค้าวะ วันนี้แกก็น่าจะมา ...... หรือไม่ได้คุยกัน ”
“ วันที่เราร้องเพลงกัน ไอดิษมันไม่ได้กลับไปนอนที่เรือนนอน มันแอบไปหาแฟนเก่าของมัน มึงจะคิดอะไรได้วะเร ถ้าเป็นกูอะ มึงจะคิดยังไง ” ไอเรถอนหายใจหลายเฮือก
“ มึงแน่ใจนะ ว่าแกทำแบบนั้นจริง พี่ดิษมีข่าวลือแบบนั้นออกบ่อย ”
“ กูถามมัน แต่มันไม่ตอบ กูไม่รู้จะถามอีกทำไม ”
“ เออน่า งั้นมึงไม่ต้องลงรับน้องกับพวกกูก็ได้ นั่งพักอยู่หอนี่แหละ ” ผมรับปากมันไปส่งๆ ความจริงวันนี้ผมกะจะลงอยู่แล้ว เพราะนั่งอยู่แบบนี้มีแต่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน
ผมสวมเสื้อช็อปของคณะ และเดินตรงมาที่คณะ ตอนนี้ปีสี่กับปีหนึ่งเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว พวกปีสามกำลังยืนกอดคอกันอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไปร่วมวง
“ เฮ้ย ...... มาทำไมวะ ” พี่คนนึงทักผม
“ มาวิ่งกับพี่ไงถามได้ ”
“ ไม่ใช่เว้ย ขามึงอะ เดี๋ยวพวกกูโดนพี่ดิษเล่นหนักนะเว้ย ” หึ ไอวากดิษ
“ น่าพี่ หนักก็หนักด้วยกัน ” พี่ๆหัวเราะให้ชะตากรรมของรุ่นตัวเอง พักใหญ่ๆเสียงประธานหมีก็ดังขึ้น ผมกับพี่ปีสามโดนสั่งให้วิดพื้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ปีนี้โหดนะเนี่ย
“ ไอฟาง ...... มาทำไม ” พอผมลุกขึ้น ไอวากข้าวกล้องก็มายืนตรงหน้าพอดี ตอนนี้เป็นตอนที่ประธานปีสามกับวากเกอร์ต้องไปแสดงละคร ซึ่งที่จริงวันนี้ผมต้องขาดครับ
“ มาทำหน้าที่ครับพี่วาก โอ้ไม่ดิ พี่ประธานซีเนียร์ ” ปีสองของผมกับปีสามหลายคนเริ่มมองหน้ากันเอง คือถ้าปีสี่ไม่พอใจ ปีสามก็ต้องโดนจนกว่าเค้าจะพอใจอะ ไอวากข้าวกล้องเดินมาใกล้ๆและกระซิบข้างๆหู
“ ถ้าไม่อยากให้ปีสามเจ็บหนัก ไปนั่งกับเพื่อนๆซะ ” มีขู่ๆ
“ เอาสิ กูอยากเจ็บอยู่แล้ว เผื่อมันจะเจ็บจนกูลืมมึงได้ ” ไอวากข้าวกล้องปั้นหน้าเหี้ยมมองผมแบบ น่ากลัวมาก พี่ๆปีสามหลายคนเกาหัวแกรกๆ ความจริงผมก็ชักจะหวั่นๆแล้วล่ะ
“ ประธานปีสาม กับวากเกอร์เข้าไป ” ผมเดินลิ่วๆตามพี่ฟางเข้าไป พี่โจเองยืนอยู่หน้าห้อง พี่เค้ายิ้มส่งกำลังใจให้ด้วย
พี่หมีจัดปีสามค่อนข้างหนัก คำสั่งที่พวกผมโดนคือวิ่งรอบมหาลัยสิบสองรอบ เพิ่มจากปีที่แล้วสองรอบ พอผมเดินออกมาเตรียมตัววิ่ง พี่โจที่ดักผมอยู่พูดขึ้น
“ ดีนะเพิ่มแค่สอง นึกว่าเพิ่มอีกสิบรอบ ” ผมวิ่งมาพร้อมๆกับพี่ปีสาม เพิ่งจะรู้ความจริงว่า ไม่ได้ไปวิ่งรอบมหาลัยอะไรหรอกครับ แค่วิ่งรอบคณะ แต่ผมน่ะจะไม่ไหวตั้งแต่สองรอบแรกแล้ว พี่โจกับพี่อีกคนมาช่วยจับมือให้ผมทิ้งน้ำหนักเบาลง
พอครบตามที่สั่ง เข่าของผมเจ็บจิ๊ดๆขึ้นมา ผมเดินกระเผกๆมานั่งกับพวกปีสองด้วยกัน รอไปที่หลังมอ เพื่อฉลองให้ปีสามที่จะได้ลูกๆกันในวันนี้
“ ใครให้มึงมาวะ ” ไอโต้งพูดเสียงดุ
“ กูอยากมาเฉยๆ ไมวะ ”
“ มึงคิดไหมว่าพี่ดิษห่วงมึงขนาดไหน เค้าไม่เป็นอันทำการทำงานเลยนะเว้ย ” ผมลุกพรวดขึ้นเอาหน้าชนกับไอโต้ง
“ มึงเป็นมันหรือไง ถึงรู้ว่ามันห่วงกูขนาดไหน ” ไอโต้งผงะไป
“ มึงน่ะพอแล้วโต้ง ไปๆ ” ไอเรมาห้ามทัพไว้ ที่ผมไม่ได้ระวังมาก เพราะตรงนั้นไม่ค่อยมีคนมากนักครับ ส่วนมากไปสนามหลังมอหมดแล้ว
“ มีอะไรกันเพื่อนพ้อง เออๆ สวัสดีๆ ” พี่โจเดินมาพอดี พวกผมยกมือสวัสดี
“ ปล่าวพี่ ผมไปรอหลังมอนะ ” ไอโต้งคงไม่อยากมีเรื่องกับผม มันเลือกแยกไปดีกว่า
“ พวกเราไปกันเหอะ ปีสี่ใกล้ปล่อยปีหนึ่งแล้ว ปะๆ ” พี่โจแอบส่งสัญญาณบางอย่างกับผม ผมไม่เข้าใจหรอกว่าอะไร แต่เดาว่าเป็นเรื่องของไอดิษ
ผมกับเพื่อนปีสองยืนบูมคณะให้พี่ปีสาม ฉลองที่ได้ลูกรหัส ปีหนึ่งก็เป็นเหมือนกับผมเมื่อปีที่ผ่านมา หลายคนร้องไห้ หลายคนดีใจ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ เวลาที่เราก้าวมาอีกจุด เราจะเห็นความสวยงามของสิ่งที่ผ่านมา
“ คิมน้องรัก ” พี่โจเดินมาหาหลังจากกิจกรรมจบลง
“ ครับ ”
“ พี่ว่าจะบอกอะไรนิดนึง ..... คือช่วงนี้พี่ดิษงานยุ่งมาก พี่เค้าห้ามบอกคิม แต่พี่ว่าน่าจะต้องบอก ” ผมหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน
“ แล้วมันได้บอกไหม ว่ามันแอบไปกกกับแฟนเก่าทันทีที่ห่างจากผมน่ะ ”
“ หืม บ้าน่า พี่ดิษเนี่ยนะ ......... ดิษนี้แน่นะ ” มันนี่สร้างภาพเก่งชะมัด
“ มันเลี่ยงไม่พูด ไม่ตอบ แล้วมันก็แอบซ้ายแอบขวา ขนาดวันนี้มันยังไม่คุยกับผมเลย ”
“ วันนี้กิจกรรม พี่ดิษคงไม่ว่างจะปลีกตัวมั้ง ” ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้พี่โจดู
“ ผมเปลี่ยนโทรศัพท์มาหลายวัน มันไม่ได้ติดต่อหรือพยายามจะคุยกับผมด้วยซ้ำ ผมว่ามันจะทิ้งผมพี่ ”
“ ไม่มีทางๆ อย่าคิดไปไกลขนาดนั้นคิม เอางี้ เชื่อใจพี่ พี่จะไปถามความจริงให้ แต่อย่ารีบร้อนทำเรื่องผลีผลาม โอเคนะ ” ผมรับปากพี่โจ เพราะตอนนี้ผมใจเย็นลงมาก และผมก็เตรียมใจรออยู่แล้ว ...... ผมไม่น่าจะใจอ่อนให้มันเลย ผมไม่น่าหลงรักผู้ชาย ...... กูไม่ควรหลงรักมึงเลยจริงๆ