ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ช่วงนี้เด็กๆหน้าใหม่เริ่มขนของเข้ามาพักที่หอพักในมหาลัย ตกกลางคืน ไม่ได้หลับได้นอน เพราะพี่ๆทำกิจกรรม โวยวายทั้งคืน ผมไม่ได้เป็นกรรมการหอ เลยได้แต่นั่งมองบ้าง ออกไปนอกหอบ้าง
ไม่กี่วันต่อมา ก็ถึงวันปฐมนิเทศของน้องๆปีหนึ่ง ผมมานั่งรอตั้งแต่ช่วงเช้าร่วมกับพี่ๆปีสี่หลายคน บรรยากาศดีครับ น้องๆมีผู้ปกครองมาให้กำลังใจกันด้วย
“ กูไม่ค่อยเห็นเพื่อนๆกูเลยว่ะ ” พี่ฟางประธานใหญ่บอกผม
“ เดี๋ยวคงมามั้ง ปกติก็ช้าไม่ใช่เหรอ ”
“ ไม่แน่อะดิ คราวที่แล้วเพิ่งโดนคณบดีติง กลัวมันจะแข็งข้อ ” พี่ฟางค่อนข้างจะเป็นมือประสานมากกว่าเป็นหัวหน้า ทำให้บางทีพวกที่เอาแต่ใจ พาลมาบีบคั้นแก
“ ไม่ต้องกลัวพี่ พวกผมเยอะ ” ผมชี้ไปที่พวกปีสอง กับเพื่อนๆของผม ที่ผมบอกแบบนั้นเพราะ ผมกับปีสองสนิทกันมากตั้งแต่รับน้อง และส่วนมากปีสองนับถือที่ผมทุ่มเทให้พวกมัน ทั้งๆที่มีอาการบาดเจ็บ อันนี้มันบอกต่อๆกันมา จริงเท็จไม่รู้ครับ
“ เออๆ ”
เวลาแปดโมงกว่าๆ คณบดีและคณะอาจารย์มาร่วมในพิธีปฐมนิเทศ แต่ปีนี้คณบดีขอคุยด้วยแค่เดี๋ยวเดียว จากนั้นก็มีการให้พบอาจารย์ที่ปรึกษา เรียกว่าเป็นปีแรกที่ทำแบบนี้
“ จากนั้น เชิญพบกับพี่ๆผู้แทนของคณะ ” คณบดีส่งสัญญาณให้พวกผมเดินมาด้านหน้า ส่วนท่านและคณะอาจารย์เดินออกไปนอกห้อง
“ สวัสดีทุกคน ผม นาย ............. เป็นประธานคณะประจำปีการศึกษานี้ ขอต้อนรับทุกคนสู้คณะ ” พี่ฟางพูดแบบไม่จริงจังนัก แต่ก็มีพวกปีสี่บางคนชวนน้องคุย บางคนก็ส่งเสียงก่อกวน
“ ขอโทษครับประธาน ” ผมพูดแทรก ผมทนที่พวกปีสี่ก่อกวนไม่ไหวละครับ
“ ว่าไง ” ผมกระซิบให้พี่ฟางเรียกปีสี่พวกนั้นออกมา
“ ทีมงานปีสี่ เชิญด้านหน้าทุกคนนะครับ ขอความร่วมมือด้วย ” พอผมพูดจบพวกพี่ปีสี่ที่อยู่ฝ่ายเราปรบมือให้ เรียกว่าไอพวกที่ก่อกวนหน้าจ๋อยไปตามๆกัน ที่น่าเห็นใจคือปีหนึ่งดิครับ ไม่รู้ต้องเจออะไรกันบ้าง
ตอนเย็น ผมขอให้ปีสองมาคุยด้วยนิดหน่อย ทำนองว่าหลังจากได้น้องรหัส ขอให้ช่วยดูแลดีๆ อย่าให้ปีสี่ลงไปแทรกแซง เพราะยังไม่ใช่เวลาของปีสี่ น้องๆก็ตอนรับดีครับ
“ อ้าว มึงมาทำไมอีกเนี่ย ” ผมกลับมาที่หอ หลังจากเสร็จธุระที่คณะ เจอไอวินกับไอเดย์กำลังนั่งคุยกันอยู่หน้าห้อง
“ ผมมานั่งเป็นเพื่อนไอเดย์ ”
“ ปกติมึงอยู่ห้องกู ไม่เห็นมึงตัวติดกับมัน ” ผมหมายถึงตอนที่มันเป็นรูมเมทของผมอะ
“ ก็ ....... ยุ่งว่ะพี่ ” ผิดอีกกู
“ วินมึงไปเหอะ ” ไอเดย์เดินเข้ามาในห้องฉับๆ ไอวินกับผมได้แต่มองหน้ากัน ไอวินขอตัวลงไปข้างล่าง ผมเดินเข้ามาในห้อง
“ พี่นี่อะไรกับวินมากปะ ” เชี้ย พูดแบบนี้ยิ่งเหมือนไอดิษ ฮ่าๆๆ
“ กูจะอะไรได้ ” ผมถอดเสื้อโยนใส่ตะกร้า
“ เสื้อด้วยนะพี่ ถอดโยนๆ เหม็นว่ะ ”
“ มึงเป็นอะไรมากไหมวะ ” ผมทำอะไรขัดใจมันซะหมดเลยครับ
“ พี่ บอกตามตรง ไม่อ้อมค้อมนะ ไอวินมันต้องแอบชอบพี่แน่ๆ ” ผมหันไปมองไอดิษจูเนียร์แทบไม่ทัน
“ อะไรนะ ”
“ ดูดิ พี่หน้าตา ...... หุ่นก็โอเค มันเห็นพี่ทุกวัน มันต้องชอบพี่บ้างล่ะ ” ตรรกะอะไรของมัน
“ กูว่าไอวินไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก มึงอะคิดเองเออเอง ”
“ ไม่ใช่หรอก ” ดื้ออีก
“ มีเรื่องหนักใจหรือไงมึง ” ผมเดินมานั่งข้างๆมัน ผมเดาเอาเองว่า ไอเดย์คงไม่คิดจะกินผมแน่
“ .......... ” ไอเดย์เงียบไปพักนึง แล้วมันก็ยอมพูด
“ ภาคจะไปทำกิจกรรมนอกมหาลัย แบบไปเลี้ยงๆกันไม่ได้รับหนักนะ ไอวินมันจะชวนพี่ไปด้วย บอกว่าพี่เก่งเรื่องดูแลกิจกรรม เผื่อมีเรื่องจะได้ห้ามกัน ”
“ ถามกูซักคำยัง ” จะเอากูไปเป็นหนังหน้าไฟ เผือกไม่บอก
“ มันบอกให้ผมคุยให้ ”
“ แล้วประโยคไหนที่มึงมากล่าวหาว่ามันชอบกู ” ผมถามมันกลับ
“ มันชื่นชมพี่มากไปอะ ”
“ ไอเด็กขาดความอบอุ่น ” ผมว่ามันเล่นๆ ผมคิดว่าไอเดย์มันอาจจะถลำลงไปมากกว่าเดิม ทีแรกผมคิดจะเตือนมันอีกรอบ แต่คิดอีกที ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นบ้างน่าจะดี ผมเดินออกมานอกห้องโทรคุยกับไอดิษ มันบอกว่ากำลังจะกลับแล้ว เพราะพ่อของมันเรียกมาช่วยงาน
“ ดิษ มึงจำไอวินได้มะ ”
“ จำได้สิ น้องที่ให้พี่ไปช่วยงานศพ เมทของน้องใช่ไหม ” จำแม่นว่ะ
“ น้องเค้าชวนกูไปทำกิจกรรมภาคเค้า กูไปด้วยดีปะ ”
“ ไปสิ ช่วยคณะอื่นน่ะ ดีกับคณะเรานะ ” เป็นอันว่าไปได้
“ คืองี้ด้วย ไอคนที่กูบอกว่าหน้าคล้ายมึงอะ มันทำท่าจะชอบไอวิน ”
“ เหรอ อยากช่วยเค้าหรือไง ”
“ ไม่ใช่เว้ย แต่กูสงสารวินมัน กลัวมันจะสับสน เกิดมันไม่ชอบกันจะวุ่นไหมอะ ” ผมเอาสิ่งที่เกิดกับผมสองคนมาตั้งอะครับ แล้วเกิดกังวลใจแทนน้องๆ
“ อย่าไปคิดเรื่องของเค้าเลยน้อง เอาใจช่วยก็พอ ถ้าเค้ารักจริงเค้าต้องมีทางของเค้าเอง ” แหม ตอบพระเอกจริงนะมึง
“ อืมๆ แล้วเหนื่อยปะ วันนี้อะ ”
“ ก่อนคุยโทรศัพท์เหนื่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ ” หึหึหึ อยู่ใกล้ๆนะ จะกัดคอให้
“ ค่ำๆโทรหาใหม่นะ ” ผมวางสาย
“ อะไรพี่ ”
“ เฮ้ยย ” ผมคุยเพลินไปครับ ไม่ได้ดูว่ามีคนแอบฟัง
“ พี่ปิดบังอะไรผม ” ไอเดย์มายืนจ้อง หน้าตากวนบาทามาก
“ ยุ่งนะมึง ” มันยิ้มที่มุมปาก แล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง ผมเดาว่ามันคงไปหาไอวิน เฮ้อ มึงอยากทำอะไรกันก็เชิญเหอะ กูจะทำอย่างที่ไอดิษบอก เอาใจช่วยมึงห่างๆแล้วกัน
ผมตกลงว่าจะไปงานของคณะไอวินกับไอเดย์ โดยที่ไอเดย์ดูจะอารมณ์ดีพิกล ไม่รู้มันไปรู้อะไรมา จากนั้นผมก็วุ่นกับกิจกรรมของคณะ โดยที่ต้องเน้นเรื่องการเรียนไปด้วย
ผลการเรียนของผมไม่สู้ดี เพราะผมทำคะแนนวิชาทั่วไปไม่สูง ผมลงวิชาหลายตัวตามรุ่นพี่ ทำให้เกิดปัญหาในช่วงนี้ หลังจากรับน้องเสร็จไปแต่ละอาทิตย์ ผมต้องมาทบทวนหนังสือ และงานกับเพื่อนๆพี่ๆ จนรู้สึกเหนื่อย
“ คิม วันนี้มึงต้องลงคุมน้องนะ ไหวไหมมึง ” พี่ปีสี่คนนึงเดินมาคุยกับผม ตอนนี้ปีสองสอนเพลงไปเรียบร้อย
“ สบายพี่ ” ผมวางงานไว้ที่สดมสรของคณะ รีบมาที่หลังมอทันที
รับน้องวันนี้เน้นเครียดเล็กน้อย ส่วนมากให้ปีสองเจ็บแทน ผมพยายามคุมไม่ให้มีน้องร้องไห้ และก็ผ่านไปด้วยดี ผมสังเกตว่ามีปีสี่สายแข็งแอบมาดูด้วย ผมนั่งมองดูปีหนึ่งร้องไห้ตอนที่ได้พี่รหัสกัน เหมือนภาพที่ผมเจอเมื่อสองปีที่แล้ว ผมว่าการรับน้องน่าจะเป็นแบบนี้แหละ ดุมีความสุขดี
ผมกลับมาที่คณะ แล้วต้องตกใจสุดขีด
“ งานกูไปไหนหมดวะ ”
“ อะไรวะคิม ” พี่โจกำลังนั่งทำงานอีกที่ เดินมาหาผม
“ งานผมพี่ งานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ หายหมดเลย ” ผมเดินหารอบๆ ไม่เจอครับ
“ ใจเย็นน้องๆ ” พี่ๆหลายคนช่วยผมหางานที่ว่า แต่ก็เหมือนเดิม ไม่เจอครับ
“ ต้องมีคนจงใจแกล้งผม ”
“ อย่าเพิ่งพูดไปน้อง ” พี่โจพยายามบอกผม
“ ไอพวกหน้าตัวเมียเอ้ย ” ผมเดาไปว่า ต้องมีคนแกล้งผม และไม่ต้องสงสัยว่าใครทำ ผมกำลังโดนพี่ร่วมคณะบางคนเล่นงานแล้วครับ วันนั้นผมเดินไปหาอาจารย์วิชานั้น เพื่อไปขอต่อรองเอางานส่งทีหลัง
“ เธอมัวแต่รับน้องเหมือนพี่เธอน่ะสิ ” โดนเทศน์เลยครับ
“ ปล่าวครับ งานหายจริงๆครับ ” อาจารย์ท่านนี้เป็นคนที่เคยสั่งงานไอดิษอะครับ อาจจะคุยง่าย
“ แต่ต้องทำให้ดีนะ ” ผมรีบสวัสดี แต่ตอนกำลังจะเดินออกผมไปสะดุดตางานชิ้นนึง
“ อาจารย์ครับ งานนี้ใครส่งครับ ”
“ ดูชื่อสิ ” ผมเปิดดูภายใน ช็อคเลยครับ นี่งานของผมนี่หว่า
“ อาจารย์ นี่งานของผม ” อาจารย์รีบหยิบไป และเอาไปเทียบงานชิ้นเก่า ท่านหน้าเครียดเลยครับ
“ หมายความว่าไง ” ผมเล่าให้ฟังคร่าวๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาของคณะนะครับ ผมไม่อยากให้คณะอื่นรับรู้ด้วย
“ ชั้นจะหักคะแนนนายคนนี้ เธอเอากลับไป ” ผมถืองานกลับมา ในใจตอนนี้ผมแค้นสุดขีดเลยครับ ผมดิ่งตรงมาที่คณะ
“ ใครเอางานกูไป ” ผมน่ะรู้ว่าใครครับ มันเป็นปีสี่สายแข็งคนนึง
“ กูเห็นงานวางอยู่ ไม่มีชื่อ กูแค่เอาไปแปะ ทำไมมีปัญหานิ ” ผมเดินไปถีบกลางอกเลยครับ มันกระเด็นตกโต๊ะ ปีสี่พวกนั้นเดินจะมาเอาเรื่อง ผมก็หยิบไม้เตรียมลุย
“ เฮ้ย หยุดไอพวกเชี้ย ” ไม้แทบหลุดจากมือ คนที่เดินมาคือพี่หมีกับ ........ กับไอวากข้าวกล้อง ไหนมันว่าจะยังไม่กลับมาไง
“ ดีครับพี่ ” พวกปีสี่ยกมือสวัสดีพี่หมี พี่หมีเดินมาข้างหน้า โดยหันหลังให้พวกมัน และหันหน้าหาผม แกแอบขยิบตาทีนึง ก่อนจะชกหน้าผมแบบเบาๆ
“ มึงเป็นวาก แล้วทำแบบนี้ได้ยังไง มึงสัญญากับกูว่าไงไอคิม ”
“ มันน่ะพี่ มันเอางานผมไป พี่ดูดิ ” ผมยื่นงานให้ และพยายามบอกว่ามันขโมยงานผมไป พี่หมีหันมาส่งสายตาพิฆาตใส่ไอคนนั้น
“ มึง ...... ทำ ..... เหรอ ” เสียงไอวากดิษครับ เย็นยะเยือกเลยว่ะ
“ ปล่าวๆๆๆ ปล่าวนะพี่ ผมไม่ได้ๆๆ ” ไอนั่นปากสั่น นั่งสั่นเลยครับ
“ เลือกเอา โดนตีน กับ โดนไล่ออก มึงเลือกอะไร รู้ใช่ไหมการเอางานคนอื่นไปแบบนี้ ถ้าถึงหูคณบดีจะเป็นยังไง ”
“ ขอโทษจริงๆครับ ขอโทษๆ มีคนสั่งผมมา ”
“ มึงเงียบ !!!!! ” มีปีสี่อีกคนพยายามสั่งให้ไอคนนั้นเงียบ เอาล่ะทีนี้ กูว่าคณะแตก
“ มึงสั่งใครเงียบ ” พี่หมีเดินไปหาไอคนที่เสียงดังเมื่อกี้
“ ปล่าวพี่ พี่จบไปแล้ว กลับมาทำไม ” โห ที่ว่าคณะแตกสงสัยน้อยไปวันนี้
“ กูจบแล้ว แล้วไง กูเป็นพี่บัณฑิตมึงไง ไหนว่าแข็งนักไง แค่ประเพณีว่าต้องเคารพพี่บัณฑิตมึงยังไม่รู้เลย มาถามกูเมื่อกี้ มึงหมายความว่าไง ” โดนสอนซะงั้น สมแล้วมึง
“ อย่าให้กูรู้ว่าพวกมึงมาแกล้งกันอีก คราวหน้าไม่ใช่แค่กูสองคนนะ พี่บัณฑิตอีกหลายสิบ จะมาตัดรุ่นพวกมึง ” ท่านวากดิษพูด ทีนี้จบครับ พวกนั้นออกไปนอกสโมสร ส่วนผมได้แต่นั่งนิ่งๆ
“ ดีนะที่ไอโจแม่งจมูกไว ” ไอดิษบอกผมว่า ไอโจโทรไปหา บอกให้ไอดิษช่วยห้ามผมด้วย เพราะหลายๆคนรู้ว่ามีปีสี่จงใจแกล้งผม
“ เสร็จธุระ คิมมากับพี่ ” ไอดิษลากผมออกมาครับ เพราะปีสี่จะประชุมเพื่อจัดการปัญหากันต่อ
ไอดิษพาผมออกจากมหาลัย มาที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจเข่า ซึ่งผมน่ะลืมไปแล้วว่าเคยป่วย ปรากฏว่ามีหินปูนเกาะที่เข่าด้วย ต้องให้ยากันเพิ่ม จากนั้นมันพาผมมานั่งคุยกัน มันบอกว่ามันจะจะเซอไพรส์ผม แต่ดันมาเกิดปัญหาซะก่อน มันเลยต้องมาที่คณะแทน
“ คิม พี่ว่าหยุดดีไหม เรื่องรับน้อง ” มันบอกผมเป็นรอบที่สามครับ
“ อืม กูขอคิดดูก่อน ”
“ พี่อยากให้รู้ว่า มีคนนึงนะที่ห่วงใยน้องเสมอ ” มันกอดคอผม และเอาหัวชนด้วย กูอายตัวเองนะเนี่ย
“ คร้าบ ผมก็ห่วงครับ ” ผมพูดเพราะๆกับมัน ไอดิษยิ้มร่า ก่อนที่เราจะกลับมาที่มหาลัย
สองครั้งที่มันขอให้ผมเลิกกิจกรรมรับน้อง ผมยอมรับว่าผมเอาหูทวนลมมาตลอด แต่ครั้งนี้ผมกำลังใช้ความคิด ผมเริ่มจะล้าลงทุกวัน ไฟในตัวเริ่มจะอ่อน อาจจะถึงเวลาที่ผมต้องเลือกบางอย่างให้ตัวเองเสียที
**************************************************************************
ผิดพลั้งขออภัยนะครับผม ไม่ได้ตรวจอักษร ถ้าพบจะมาขอแก้ไขเน้อ
พรุ่งนี้มีธุระแต่เช้ามืด ต้องรีบนอน
แต่รัก คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมนะ