สวัสดีวันจันทร์ (ค่อนไปทางวันอังคาร 0.0") แวะมาต่อตอนต่อไปให้นะครับ
*******************************************************
ผมกับพรรคพวกหยุดตรงหน้าห้องพักผู้ป่วย ที่เป็นห้องพักของไอดิษ พวกเราไม่กล้าเข้าไปครับ เพราะกลัวไอวากบ้ามันจะอาละวาดใส่
“ กูเข้าไปเองก็ได้ ” ผมบอกพวกมัน
“ เอางั้นเหรอวะ ” ไอโต้งไม่มั่นใจ ไหนทีแรกมึงคะยั้นคะยอกูจริงเลย
“ ค่อยๆคุยแล้วกัน ” ไอหนิงให้กำลังใจ ส่วนยัยนัทกับไอเรมองผมเฉยๆ
“ อืมๆๆ ”
พอเข้ามาในห้อง ไอดิษกำลังนั่งเหมือนรู้ว่าจะมีคนมาหา มันส่งสายตามหาโหดมาที่ผม ผมไม่หลบสายตา เพราะไม่มีประโยชน์ ผมตัดสินใจทำด้วยตัวผมเอง ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“ ทำบ้าอะไรอยู่ ” มันถามผมเป็นประโยคแรก เชื่อปะว่า ความกล้าของผมหายไปหมดเลย ไอที่เตรียมๆมาตอบ หลุดหายไปในลำคอ
“ ปล่าว ”
“ ใช่สิ ชีวิตมีแต่ทำให้คนอื่นลำบากใจ ” โห
“ ไม่ใช่นะเว้ย ”
“ หายไปเฉยๆแบบนี้ อยากให้คิดว่าตายแล้วหรือไง ”
“ ถ้าจะใส่อารมณ์ กูออกไปก่อนดีกว่า ” ผมทำท่าจะเดินหนี
“ ไปเลยสิ พี่เคยห้ามได้ที่ไหน ” วันนี้ ท่าจะจบไม่สวยอะครับ ผมหันกลับมาสู้หน้ามันอีกรอบ
“ มึงไม่ใช่กู มึงไม่เข้าใจหรอก ”
“ แต่น้องอธิบายให้พี่เข้าใจได้นี่ หรือคิดว่าพี่โง่ขนาดพูดยังไงก็ไม่เข้าใจ ” ผมเริ่มจะเม้มปากละ มันพูดมามีแต่แทงดำผมอะ
“ ไม่ใช่เพราะมึง ”
“ พ่อพี่ล่ะสิ ” ผมเงยหน้ามองมัน ไอดิษผอมลงอีกแล้ว คราวนี้หน้าตาไม่สู้ดีนักครับ ผมทำอะไรลงไปเนี่ย
“ ไหงคิดงั้นล่ะ ”
“ คิมไม่ใช่คนแรกที่ทำตัวแบบนี้ พี่พอจะรู้อยู่ ”
“ แล้วมาโวยวายใส่กูทำไมอะ ”
“ พี่คิดว่าคิมจะต่างจากคนเก่าๆของพี่ ไม่นึกว่าน้องจะใจเสาะขนาดนี้ ” ผมกัดกรามกรอดๆ มันยั่วโมโหผม น้ำเสียงกับใบหน้าของมันไม่ได้พูดเล่นๆ มันกำลังใส่อารมณ์กับผม
“ เออ กูมันควาย พอใจยัง ”
“ ด่าเข้าเถอะ แล้วไปไหนก็ไปซะ พี่ไม่สนใจ หลายวันมานี้ พี่ทำใจได้แล้ว ”
“ มึง มึงว่าไงนะ ”
“ ไม่คุ้นกับคำพวกนี้สิ พี่บอกเลิกคิมไง โง่จริงด้วย ” มันพูดแล้วยิ้มเยาะผม ผมเดินตรงเข้าไปจะชก แต่ไอดิษคว้าหมอนมาฟาดหน้าผมอย่างแรง จนผมกระเด็นไปข้างเตียง
“ แค่คนป่วยยังไม่มีปัญญาเลย ออกไปได้แล้ว ” นาทีนั้น ผมจำได้ว่าผมกลายเป็นคนอาละวาดแทน เพื่อนๆต้องรีบวิ่งมาห้าม และลากผมออกไป หลายคนโดนลูกหลงจากความบ้าบอของผม วันนั้นผมต้องหาเหล้ามากินเพื่อให้หลับลงได้ มันพูดถูกทุกอย่าง ผมไม่คุ้นกับคำบอกเลิกเลย เพราะผมไม่เคยโดนมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่น่าจะเจ็บปวดขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมแม้แต่ตอนนอน ผมยังหยุดร้องไห้ไม่ได้
แม้ผมจะทำใจไม่ได้แม้แต้น้อย แต่ผมรู้หน้าที่ของผมดี เวลาแห่งการสอบเริ่มต้นขึ้น และผมก็เตรียมตัวไม่พร้อม ผมทำใจแล้วว่าเทอมนี้ผมคงมีปัญหากับผลการเรียน แต่ผมเตรียมพร้อมสู้ต่อในอนาคต ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าผมไม่จบในสี่ปีตามแผนปกติ เพราะผมคงสอบไม่ผ่านวิชาบังคับ ที่ต้องใช้ต่อยอดในอีกวิชา ที่จะเปิดเพียงปีละหนึ่งตัว
“ แม่ วันนี้คิดเหนื่อยมากเลย แม่อวยพรคิมทีดิ ” ผมต้องโทรหาแม่ทุกคืน หลังจากติวหนังสือกับเพื่อนๆ ผมไม่มีกำลังใจที่อื่นเหลืออีกแล้ว
“ คิม อกหักเหรอลูก ” ผมถอนหายใจ
“ รู้ได้ไงอะ ”
“ หายจากบ้านไปสามปี ไม่เคยโทรหาแม่ถี่ขนาดนี้ ทำไมแม่จะเดาไม่ออก ” เก่งนะแม่ผมเนี่ย
“ แม่ ไม่โกรธคิมนะ ” ตอนนี้ผมกลายเป็นคนขี้กลัวไปแล้ว ผมกลัวคนจะไม่รัก กลัวคนจะโกรธเวลาผมทำตัวงี้เง้า
“ จ้ะ จะโกรธได้ยังไง แล้วสอบเสร็จจะไปไหนต่อ กลับบ้านไหม ”
“ จะกลับกลางเดือนแล้วกันนะครับ แม่คิมนอนนะ ”
“ นอนซะนะ ” ผมวางสาย แล้วนั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวที่ห้อง
ผมเลิกทำงานที่ร้าน เลิกเช่าหอนอก กลับมาอยู่หอใน เวลานี้บางคณะสอบเสร็จก็พากันไปเลี้ยง แต่ผมเหลืออีกหนึ่งวิชา พรุ่งนี้บ่าย ผมหยิบหนังสือมานั่งอ่านทบทวน ก่อนนอน พอดีไอเดย์กลับมาที่ห้อง พร้อมกับไอวิน
“ ดีพี่ โห ขยันอะ ” ไอวินเพิ่งเจอกับผมนี่แหละ มันวุ่นๆเหมือนกัน
“ เออ เดี๋ยวมึงอยู่ปีสามเมื่อไร มึงจะเหมือนกู ” ผมแซวมัน
“ จริงอะ ไม่ใช่โดนทิ้งเหรอ ”
“ วิน !!!!! ” ไอเดย์รีบเอ็ดคู่ขามัน ผมไม่โมโหหรอกครับ
“ ช่างมันเหอะน่า โดนทิ้งทำไมต้องให้คนอื่นลำบากใจ ” ผมบอกไป
“ พี่ แต่ผมว่ามันไม่ใช่นะ ” ไอเดย์รีบคลานเข่ามาใกล้ๆ
“ ยังไงวะ ”
“ พี่ดิษไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน ผมเจอไม่กี่ที แต่ผมมั่นใจนะ ” ผมยิ้มๆ
“ ไม่ต้องปลอบใจกูหรอก กูไม่น่าสมเพชขนาดนั้นซักหน่อย ” ช่วงนี้ทุกคนพยายามจะช่วย อันนี้ผมเข้าใจนะ
“ ไม่ใช่พี่ ผมว่าพี่ดิษต้องตั้งใจทำอะไรแหละ ” ไอเดย์ย้ำคำเดิมครับ
“ พอๆ พี่เค้าจะสอบ มึงนี่วุ่นวาย มาเลยๆ ” ไอวินรีบดึงไอเดย์ออกไป ให้ผมอยู่คนเดียวที่ห้อง พวกมันสองคนสอบเสร็จแล้วครับ เลยไม่อยากกวน มันลงไปคุยกันข้างล่างแทน แต่มันพูดน่าคิดนะ ไอดิษมันไม่เคยเปลี่ยนมาตลอดสิบปี มันมาเปลี่ยนเอาแค่ไม่กี่สิบวัน จะเป็นไปได้เหรอ หลังสอบผมคงต้องคิดดูอีกที
รุ่งขึ้นผมตื่นเช้ามาท่องหนังสืออีกรอบ ผมกะว่าจะต้องชดเชยวิชาที่ผมเสียไป ผมมาที่คณะนั่งรอเพื่อนๆ แล้วรอสอบพร้อมกันช่วงบ่าย วิชานี้ผมต้องเอเท่านั้นครับ ถ้าไม่อยากจบช้าไปสองปี
หลังจากสอบเสร็จ เพื่อนๆก็ชวนกันออกเที่ยว ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว อยากออกไปสูดอากาศ ใช้ชีวิตโสดซะบ้าง แต่ติดที่ไอพวกเพื่อนบ้าๆ มันมีคู่กันหมดทุกคนเลย ผมตัดสินใจโทรชวนไอแบงค์ หวังว่ามันจะสอบเสร็จ และว่างเที่ยวกับผมนะ
“ ว่าไงคิม ”
“ สอบเสร็จยัง มาเที่ยวกันหน่อยดิวะ ” ผมรีบชวน
“ ได้ ที่ไหนล่ะ ” ผมบอกสถานที่ เวลาเรียบร้อยก็วางสาย อย่างน้อยกูมีคนโสดไปเป็นเพื่อนล่ะวะ
คราวนี้พี่ๆปีสี่นันทนาการให้น้องๆครับ เพราะหลังจากนี้ครึ่งปีต้องไปฝึกงาน เหมือนกับ .......... ไอวากบ้าตอนนั้น ทำไมพูดเรื่องอะไรไม่เคยพ้นมันเลย ร้านก็เลือกที่ปลอดภัยอะครับ คือเมาก็นอนก่ายนอนกองได้เลย
“ มึงชวนไอแบงค์มาทำไม ” ไอโต้งถาม
“ ก็ทำไมล่ะ มันว่างนี่ ”
“ ไม่ใช่เว้ย คือ ...... เออ ช่างเหอะ ” อ้าว ไอนี่ ตกลงเอาไงแน่วะ
พอเหล้าถึงกระเพาะ แอลกอฮอร์ทำงาน ไอพวกรักสนุกก็มันกันเต็มเหนี่ยว ผมไม่ชอบเต้น ไม่ชอบดิ้นอะครับ เลยนั่งเฉยๆ พอดีไอแบงค์มาชวนออกไปข้างนอก เลยตามออกมา
“ เลิกกับพี่ดิษเหรอ ”
“ อืม รู้ได้ไง ”
“ มีคนบอกมา แต่ทำไมไม่เลิกใส่สร้อยของพี่ดิษ ” ผมมองดูที่อกตัวเอง
“ ยังลืมมันไม่ได้ ”
“ ลืมพี่เค้าเหอะ แล้วมาคบกัน ” ผมไม่แปลกใจเลย ที่มันจะพูดแบบนี้
“ กูไม่ใช่คนอ่อนไหวนะแบงค์ แล้วกูก็ผู้ชายด้วย ไม่แน่กูอาจจะคบผู้หญิงก็ได้ ” ไอแบงค์จุดบุหรี่ดูด ดูมันจะไม่เร่งเร้าผมเท่าไร
“ ถ้าคิมไม่มีคนทำให้ลืมพี่ดิษ ไม่มีทางหรอก ”
“ อะไรวะ ” ไอแบงค์คงจะลำบากมากขึ้น หลังจากที่ไม่ได้ทำงานแบบเดิม แต่สีหน้าดีขึ้นเยอะนะครับ
“ หึ ดูอย่างกูสิ ยังลืมมึงไม่ได้เลย ”
“ เรื่องตอนเด็ก มึงจะเก็บใส่ใจทำไม ” ผมตอบไป
“ ถ้าเทียบกัน ตอนที่มึงดีกับกู มึงทำด้วยความเต็มใจ ไม่ได้คิดอะไรกับกู ส่วนพี่ดิษทั้งรักทั้งห่วงมาเป็นสิบปี และสามสี่ปีหลัง พี่เค้าแอบปลูกต้นรักไว้ในใจมึง ไม่ง่ายหรอกๆ ”
“ วกวน งงว่ะ พอๆเข้าไปด้านในเหอะ ” ขณะที่ผมผลักประตู ก็มีกลุ่มคนเดินสวนออกมา ผมม่ได้สนใจ แต่จังหวะนั้นมีคนคว้ามือของผมไว้ แล้วกระชากออกมา ผมเซๆจนเกือบล้ม โชคดีไอแบงค์คว้าไว้ทัน
“ มึง ....... ไอดิษ ” ไอดิษตัดผมทรงใหม่ ย้อมสีด้วย ไม่อยากพูดเลยว่า หล่อชิบหาย
“ เลิกไม่ทันไร มีผัวใหม่เลยเหรอ ” ทั้งผมและไอแบงค์อึ้งตามๆกัน
“ อะไรพี่ ทำไมพูดแรงจัง ” ไอแบงค์ท้วง
“ ชวนมันมาทำไม รู้อยู่นี่ว่ากูจะมา ” มันเปลี่ยนสรรพนามด้วย ไอนี่สมองมีปัญหาหรือปล่าววะ
“ ดิษ มึงเป็นอะไร ”
“ อยากให้กูหึงล่ะสิ สิ้นคิดนะ ” หลังๆนี่ชักจะปรี๊ดนะ ผมส่งสัญญาณให้ไอแบงค์เข้าไป ส่วนผมกับมันเดินมาเคลียร์ด้านนอก
“ ว่าไง ”
“ อะไรว่าไง ดึงออกมาเองนี่ กลัวแฟนใหม่อายหรือไง ” ไอดิษนี่กลับไปบริโภคสุนัขหรือไงวะ มันทำตัวเหมือนตอนที่ผมเจอมันใหม่ๆไม่มีผิดเลย
“ กูว่ามึงมากกว่าหึงกู ” ผมสวนคืนมั่ง
“ ห๊ะ ”
“ ชัดเลย หึงกูนี่ …….. มึงหยุดคิดไปเองได้ละ แล้วก็เลิกฝืนตัวเองด้วย ” ผมบอกอีกครั้ง
“ คิดเองยังไง ” ผมนึกถึงตอนที่ไอแบงค์ถามถึงสร้อยที่คอผม และตัดสินใจคว้าไปที่ลำคอ และผมก็เห็นว่าสร้อยของผมกับมันยังอยู่จริงๆ ผมคิดเองนะว่า ไอคำพูดกับการทำตัวแบบนี้ คงเป้นเหมือนเกราะที่มันจะยกมาใช้ป้องกันความรู้สึกของตัวมันเอง
“ สร้อยไง มึงใส่อยู่ ...... แล้วกูก็ใส่ด้วย ” ไอดิษคว้าผมเข้าไปจูบปาก โดยยังไม่ทันตั้งตัว มันจูบไปและน้ำตาไหลไป แล้วมันก็ผละออก
“ อย่าทำอีกได้ไหม พี่ทนไม่ได้แล้วนะ ”
“ กูเข้าใจแล้ว กูก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ” ผมสองคนยืนกอดกันนิ่งๆ บางทีน่าจะดีกว่าพูดกันด้วยซ้ำไป
“ อั่นแน่ๆ คู่เอกแอบมากอดกันเว้ย ฮ่าๆๆๆ ” ผมรีบสลัดหนีจากกัน มีคนแอบดูเหรอเนี่ย
“ โห มีอายๆ ไม่ต้องเลย ” ครบชุดเลยครับ เพื่อนๆที่สนิท พี่ๆหลายคน รวมพี่หมี พี่ปันด้วย (พี่ปันเป็นพี่รหัสของไอดิษครับ)
“ มึงสองคนนี่อึดกว่าที่คิดว่ะ กูว่าน่ะไปไม่รอดนะ เก่งนี่พวกมึง ” พี่ปันให้พรครับ เหอะๆๆๆ
“ ปะๆ ฉลองเหอะ งานเสร็จละ ” พี่ฟางประธานใหญ่พูด
“ อะไรวะพี่ ” ผมถามกลับไป
“ เอ้า งานนี้เค้าจัดให้ท่านมหาวากสองท่านนะเนี่ย ฮ่าๆๆ ” พวกผมทยอยเดินกลับเข้าไป ไอแบงค์ยิ้มเศร้าๆให้ และเดินกลับเข้าไป ขอโทษด้วยว่ะแบงค์ ขอโทษที่ชอบมึงไม่ได้ มึงเพื่อนกู
ผมกับไอดิษนั่งมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่เราสองคนรู้ดีว่า เราจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และดูเหมือนว่าจะเป็นอุปสรรคที่หนักที่สุดของเราสองคนแน่นอน
************************************************************
ส่วนจดหมายของท่านวากดิษ ผมถามๆแล้ว คงจะไม่เศร้าเหงาหงอยร้อยเปอร์เซนต์หรอก (แอบไปถาม เพราะคิดเหมือนทุกคนแหละ) ก็ลองๆติดตามไปแล้วกันนะ มันพิมพ์เองอะ
ส่วนผีแดงแพ้คาบ้านนี่ ไม่ได้ดูเลยอะ แฮะๆๆ อย่างน้อยก็ไม่ช้ำใจแหละ
ปล. ขอบคุณท่านผู้อ่านที่รักทุกคนเน้อ จะรีบๆมาต่อครับ