งานเยอะครับท่านที่รัก มาแวบต่อตอนดึกๆ ฮ่าๆ
****************************************************************
เลิกจากงานเลี้ยง ผมกับเพื่อนบางคน รวมทั้งไอวากบ้า มานั่งกินข้าวต้มกันต่อ
“ พี่ดิษย้อมผมสวยมากเลยค่ะ ” จอยแอบชมไอดิษ
“ เหรอ พี่รอให้บางคนชมอยู่น่ะ ” ใครวะ
“ มึงชมพี่เค้าหน่อยดิวะ ” ไอโต้งดันไหล่ของผม หึ กูไม่ชมแม่งหรอก
“ พี่ดิษหายดีแล้วใช่ไหมครับ ” แบงค์ถามบ้าง วันนี้มันดูปกติดีครับ ไม่เศร้าเหมือนครั้งก่อนๆ
“ ใกล้แล้ว พี่ก็รอให้บางคนถามอยู่นะ ” ผมวางตะเกียบตูม ทั้งโต๊ะเงียบกริบ
“ พี่ดิษครับ พี่หล่อม้ากมาก ผมทรงสีขี้สนิมนี่โคตรหล่อ แล้วพี่หายดีหรือยังครับ อ๋อๆ ถ้าไม่หายดี มันคงไม่ถ่อมาหรอก ...... ได้ข้อสรุปไหมพวกมึง ” ไอพวกนั้นนั่งหัวเราะ
“ ใช่สิ เราคนไม่สำคัญ ” มันหยอกเล่นครับ แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักจะมองว่ามันทำจริงจัง
“ ไม่สำคัญได้ไงคะ อีคิมมันรักพี่จะตาย ” ผมเงยหน้ามองยัยนัทแทบไม่ทัน
“ มึงเอาไรมาพูด ” ผมเอ็ดมัน
“ แหม ไม่ค่อยนะแก ทำเป็นสบายดี เวลาคนพูดถึงพี่ดิษ ไม่ลุกหนีก็ทำหน้าหมาป่วย ชั้นเห็นกันหรอกย่ะ ” ยัยนี่พูดซะเถียงไม่ออกเลย พอไอดิษเห็นผมเถียงไม่ออก มันก็นั่งอมยิ้มไม่พูดอะไรต่อ
จากนั้นผม ไอดิษ กับไอแบงค์มาไล่ส่งเพื่อนๆ และสุดท้ายก็มาส่งไอแบงค์อีกที มันบอกว่ายังไงก็จะรอผม แต่ผมคิดเองนะ ว่าคนเราคงไม่รอสิ่งไหนก็ตามทั้งชีวิตหรอก จริงหรือปล่าวนะ
“ นอนไหนดี บ้านพี่หรือโรงแรม ”
“ ทำไมมีแค่สองที่วะ ” ไอดิษหันมายิ้ม
“ วันนี้ต้องเอากันไม่ใช่เหรอ ” กูนึกละ นิสัยแม่งจริง
“ ให้กูเอามึงไหมล่ะ รับรองโอเค ” ผมสวนมั่ง ไอดิษยักไหล่
“ ใครใหญ่กว่า คนนั้นได้สิ ” หมั่นไส้ว่ะ
“ ตกลงจะไปนอนไหน กูง่วงแล้ว ”
“ ก็สองที่น่ะ ไปไหน ” มันทำหน้าจริงจังอะ
“ เอางั้นจริงอะ แต่กูไม่ไหวนะเว้ย ” ไอดิษมองผมนิ่งๆ
“ นี่คิดว่าพี่จะเอาจริงอะ ฮ่าๆๆๆ ตลกเนอะ ” เออ หน้ามึงโคตรหื่นเลย ไอบ้า เราสองคนตกลงนอนโรงแรมครับ เพราะผมไม่กล้าไปนอนบ้านไอดิษ กลัวพ่อของมันจะว่าเอาอีก
ที่โรงแรม ผมเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ไม่มีเหตุเสียเลือดเกิดขึ้น เพราะง่วงนอนกันจริงๆ แต่หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไอดิษก็ชวนผมคุยเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ วันนั้น พ่อพี่พูดยังไงเหรอ ” ตอนนี้ปิดไฟทุกดวงแล้ว ผมให้ไอวากบ้ากอดอยู่
“ ท่านไม่อยากให้เราสองคนเสียอนาคต ให้กูไปดีกว่า ”
“ ที่หนีไปนี่ ตั้งใจจบกับพี่จริงๆสิ ”
“ ไม่นะเว้ย กูแค่ .......... แค่อยากพิสูจน์ตัวเอง ” ไอดิษหายใจแรงขึ้น อาการป่วยของมันคงยังไม่เป็นปกติแน่เลย
“ เรื่องอะไร ”
“ เรื่องว่า กูกับมึงน่าจะไปกันได้ แม้ว่ากูจะไม่มีเงินทองเลยไง ” ไอดิษเอาคางมาชนหัวของผม
“ โง่นะ ”
“ เออ อีกอย่าง กูเป็นห่วงมึง กลัวมึงจะต้องทะเลาะกับพ่อ มึงจะมีบาปติดตัว ..... อย่างน้อยก็รักกันแล้ว ” ผมมึนๆนิดหน่อย เลยหน้าด้านพอจะพูดอะไรเลี่ยนๆ
“ ห่วงพี่จริงอะ ”
“ อืม ” ไอดิษบิดตัวผมให้หันหน้ามาชนกับมัน แล้วจูบปาก อารมณ์ตอนนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก เพราะผมก็ไม่อยากฝืนตัวเองมากกว่านี้ ช่วงที่ผ่านมา ตอนที่เราห่างกัน ผมทุกข์ใจมาก จนร่างกายเกือบจะรับไม่ไหว หลังจากที่ทุกอย่างกลับมาที่เดิม ผมกับมันเลยต้องการใกล้กันมากกว่าที่เคย
“ ไม่มีถุงเหรอวะ ” ไอดิษส่ายหน้า
“ แล้วเจลล่ะ ครีมก็ได้ ” ไอดิษมองตาปริบๆ
“ ไม่มีพวกนั้น ก็เจ็บตายห่าพอดี ” คราวก่อนผมก็ทั้งจุกทั้งเจ็บไปรอบแล้ว ...... แต่ก็แรกๆอะ ฮ่าๆๆๆ
“ เชื่อดิ ไม่เจ็บหรอก ” ผมทำใจให้มันจัดการ แต่คราวนี้มันทำได้อย่างที่บอกจริงๆด้วยครับ ผมรู้สึกเต็มที่ ผมสองคนใส่กันจนหมดแรง หลังจากล้างตัวรอบสอง เราถึงมานอนคุยกันต่อ
“ พี่ว่าเราน่าจะกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม ” พออารมณ์หื่นหดหาย ความควายมาแทนอีกละ
“ แล้วจะเป็นยังไงต่อ เราต้องมานั่งทุกข์กันต่ออีกเหรอ กูไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก ”
“ ถ้าเราเอาแต่หนี เรื่องมันจะไม่เปลี่ยนน่ะสิ ถ้าเราทำให้เค้าเห็น บางทีเค้าอาจจะอ่อนลง ” ผมคิดครู่นึง
“ คงจะยาก พ่อมึงยอมคนที่ไหน ” ไอดิษลูบหัวผม กอดผมแน่นขึ้น
“ ตลอดหลายสิบปีนี้ พี่ไม่เคยขออะไรจากเค้าเลย พี่มั่นใจว่า เค้าจะต้องยอม ” ผมไม่อยากขัดความตั้งใจของมันครับ ผมยอมตามที่มันบอก และเราก็หลับไป
เช้าวันต่อมา ผมกับไอดิษกลับมาที่บ้านของมันอีกครั้ง ผมต้องมาเผชิญหน้ากับพ่อของไอดิษอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ เพราะท่านนั่งอยู่บนรถเข็น ร่างกายซูบผอมลงมาก
“ สวัสดีครับอา ” อารับไหว้ ผมสะกิดให้ไอดิษไหว้ ไอดิษเดินตรงไปหาพ่อ และก้มลงกราบที่ตัก ทำเอาผมและแม่เลี้ยงของไอดิษตกใจมากเลยทีเดียว
“ พ่อครับ ผมกลับมาเยี่ยมครับ ”
“ ......... ” ผมเดาว่า มันทำแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้ง
“ ไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นก็ได้ พ่อไม่เปลี่ยนใจ ” ผมรู้สึกเฉยๆนะ แต่ไม่รู้อารมณ์ของไอดิษ
“ ครับ ผมรู้ แต่ผมก็ไม่เปลี่ยนใจเหมือนกัน ...... ผมไปข้างบนนะแม่ ”
“ จ้ะๆ น้องกลับมาบ้านนะลูก ไปเจอกันหน่อย ” น้องนี่ใครหว่า
“ ครับ ” ไอดิษเดินมาจูงมือผมต่อหน้าพ่อและแม่เลี้ยง พ่อของมันยังทำหน้านิ่ง แต่แม่เลี้ยงแอบส่งยิ้มให้ เฮ้อ ถ้าคิดตลกๆ ใครไม่คุ้นเคยกับครอบครัวนี้ จะนึกว่าไอดิษมีพ่อเลี้ยง แต่มีแม่จริงมากกว่า
ไอดิษเดินมาเคาะประตู ห้องที่อยู่ใกล้บันไดที่ชั้นสอง ซักพักก็มีคนมาเปิดประตู
“ ดีพี่ ..... ” คนที่โผล่หน้าออกมา หน้าคล้ายๆไอดิษ แต่ดูจะตี๋กว่าไอดิษ และเด็กกว่ามาก
“ นี่แฟนพี่ ชื่อคิม ”
“ พี่คิม เฮ้ยยยยยยยยยยยย ” ผมตกใจ ไอคนตรงหน้าโวยวายเสียงดัง
“ คิมคงจำไม่ได้มั้ง ไอนี่คือเด็กที่เคยวิ่งเล่นที่ไร่คิม ตอนรุงโรจน์จัดงาน ”
“ พี่มานั่งก่อนๆ ” เด็กนั่นดึงผมกับไอวากดิษเข้ามาในห้อง
ได้ความว่า ชื่อข้าวจ้าว เป็นน้องคนละแม่กับไอดิษครับ ผมจำคนไม่เก่งอย่างที่รู้ๆกัน แค่จำได้ว่าอาพ่อไอวากดิษ เคยไปร่วมงานบ่อยๆ
“ พี่คิมเท่มากอะ ชอบขี่จักรยานทัวไร่ พี่ข้าวกล้องก็ไปออกบ่อย ..... แต่พี่คิมสมองเสื่อมด้วยเหรอครับ ”
“ ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่หลงลืมบางอย่างน่ะ ” ผมกำลังแปลกใจที่ทำไมน้องของไอดิษถึงดูจะไม่ทุกข์ร้อนที่พี่มันชอบผู้ชาย
“ แต่ไง พี่ข้าวกล้องก็สมหวังแล้วนี่ ” ไอดิษนั่งยิ้ม
“ น้องรู้ได้ไง เรื่องนี้เนี่ย ” ผมถามจากข้าวจ้าวเลยครับ ไม่ถามไอวากบ้าหรอก
“ พี่ข้าวกล้องพูดให้ฟัง ”
“ มึงนี่บอกไปทั่วเลยนะ ” ผมหันไปค้อนไอวากบ้า
“ พี่คิมอย่าว่าพี่ข้าวกล้องเลยครับ พี่ข้าวกล้องผ่านเรื่องร้ายมาเยอะแล้ว ”
“ เฮ้ยๆ ล้ำเส้นละ ” ท่านวากปรามน้องมันครับ
“ แม่เล่าให้ผมฟังแล้วว่า พ่อยุ่งกับพี่สองคน ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ เนี่ยผมไม่คุยด้วยตั้งแต่กลับมา ” โห สามัคคีกันจริง
“ ไงก็ต้องทน ทนมาตั้งหลายปีแล้ว ” ข้าวจ้าวย้ำอีกครั้งก่อนที่ผมจะออกมา แต่วันนี้ทำให้รู้มากขึ้นว่า รอบตัวของไอดิษยังพอมีคนช่วยเหลือเยียวยาจิตใจมันบ้าง
“ เอาไงดี ” ผมถามไอดิษช่วงกลางวัน มันจะให้ผมลงไปกินข้าวร่วมโต๊ะกัน
“ ก็ทำไปเหอะ เค้าไม่กล้าโวยวายหรอก ” ผมตามใจมันครับ เราลงมากินข้าวข้างล่าง พ่อของท่านวากต้องกินข้าวต้ม พวกผมก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ
“ ข้าวกล้อง วันนี้ไปดูของที่โรงเก็บสินค้าหน่อย เค้าจะส่งมาให้ ”
“ ได้ครับ คิมรีบกินเดี๋ยวไปด้วยกัน ” มันหันมาบอกผม
“ คิมอยู่บ้านนี่แหละ พ่อจะคุยงานด้วย ”
“ งานอะไร คิมจะรู้ได้ไง ” ไอดิษเริ่มขึ้นละครับ ทั้งแม่เลี้ยง ทั้งข้าวจ้าวเริ่มจะกินข้าวไม่อร่อย
“ ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่คุยด้วย .... ไปเหอะน่าๆ ” ผมกระซิบ ไอดิษส่งเสียงฮึดฮัด คงจะงอนผมด้วย พอกินเสร็จ มันรีบออกไปเลย
หลังจากนั้น ผมต้องนั่งประชันหน้ากันอีกครั้งกับพ่อของท่านวาก
“ อาพูดไม่ชัดเหรอ ”
“ ชัดครับ ”
“ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น ไม่รู้หรือไง ” ถ้าไม่ใช่พ่อไอดิษนะ หึหึหึหึ
“ อาแน่ใจใช่ไหมครับ ”
“ ใช่สิ ”
“ อย่างนั้นฟังในสิ่งที่ผมจะบอกให้จบ และวันนี้ผมจะกลับออกไปก่อน ” พ่อท่านวากมีแววตาสับสน
“ อาเลี้ยงดิษมา อาดูแลมันอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผลจากที่อาเลี้ยงดูและปลูกฝังมัน ทำให้มันเสียคนไปหลายครั้ง ตลอดเวลาสามปีมานี้ ผมไม่เคยเห็นมันมีความสุขเลยเวลาที่มันกลับมาที่นี่ อย่างน้อยถ้าอาจะเลี้ยงมันด้วยวิธีแบบนี้ อาควรให้มันได้มีความสุขบ้าง ..... อย่างน้อยนะครับ ให้มันได้พบกับความสุขบ้าง ” พ่อของมันนั่งกัดฟันกรอดๆ
“ คิมจะรู้ดีกว่าอาได้ยังไง อย่าอวดรู้มากไป ”
“ พ่อจะรู้ในมุมของพ่อ แฟนจะรู้ในมุมของแฟนครับ อาน่ะอย่าทำในสิ่งที่ว่าผมแล้วกัน ขอตัวครับ ” ผมเดินออกมาจากห้อง เดินไปไหว้ลาแม่เลี้ยงของไอดิษ ข้าวจ้าวอยู่ตรงนั้นด้วย
“ ผมกลับครับน้า ”
“ อยู่ก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวข้าวกล้องกลับมาไม่เห็นคิม จะเป็นเรื่อง ”
“ ใช่พี่ พี่อยู่ผมอุ่นใจนะ ” ผมยิ้มให้สองคน ผมว่าในบ้านนี้ ไม่ได้อึดอัดเพราะคนอื่นแล้วล่ะครับ
“ ผมพูดหลายเรื่อง แรงด้วย ผมไม่กล้าสู้หน้าเวลานี้อะครับ ขอโทษด้วย แล้วผมจะโทรบอกไอดิษครับ ”
“ จ้ะๆ ” ผมออกจากบ้าน เดินมาขึ้นรถที่ปากทาง กลับมาที่มหาลัย
ช่วงนี้ เป็นช่วงหลังสอบเสร็จ เพื่อนๆหลายคนเก็บข้าวของเตรียมจะกลับบ้าน ทำให้หอเริ่มเงียบ และผมก็ต้องเก็บของด้วยเหมือนกัน เพราะทางหอจะปรับปรุงตึกพัก
ผมแบกเสื้อผ้าที่จำเป็นออกมา ไม่รู้จะไปไหนดี ไอดิษคงรู้ว่าหอจะปิดช่วงนี้ ถึงชวนผมกลับไปบ้านมัน แต่หลังจากที่มันโดนยัดเยียดให้ไปตรงดูของ มันก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม
“ อ้าวคิม ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ ”
“ ดีพี่ กลับบ้านเหรอครับ ” พี่โจสุดหล่อเดินแบกเป้มาอีกคน
“ ใช่ แล้วคิมรอใคร พี่ดิษเหรอ ”
“ เห็นว่า เรามีปัญหากับพี่ดิษ ” พี่โจมานั่งข้างๆผมครับ
“ ไม่มีแล้วพี่ ” พี่โจยิ้ม มองไปข้างหน้า
“ คิมกับพี่ดิษนี่ลุ้นให้เลิกกันยากนะ ”
“ อะไรนะพี่ ” คือได้ยินชัดแหละ แต่อยากให้แน่ใจว่าพี่แกพูดแบบหยอกๆหรือตั้งใจพูด
“ ไม่มีอะไร เอางี้ปะ ถ้ายังหาที่พักไม่ได้ ไปพักบ้านพี่ก่อน ” นาทีนั้นผมไม่มีที่ไปจริงๆครับ จะกลับไร่ก็ยังไม่อยากไป เพราะต้องคุยกับไอดิษก่อน ไปพักที่บ้านพี่โจก่อนก็ดีแฮะ
****************************************************************