ใครไม่รู้มาต่อช้าๆ
***************************************************
พวกผมช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู ตัดต้นไม้ คุยกันไป ทำงานไป สนุกดี หลังจากนั้นก็มาหามุมสงบๆนั่งสังสรรค์กัน
ตอนเย็น พ่อของพี่โจกลับบ้านจริงอย่างที่พี่โจบอก พอท่านกลับมาถึงกับยืนงงอยู่นานครับ
“ มากันมากขนาดนี้ จะมีที่นอนเหรอ ” พ่อของพี่โจถาม
“ ผมไม่รบกวนครับ คือเดี๋ยวจะกลับไปนอนที่อื่นครับ ” ไอมิคพูดเสียงอ่อยๆ ไอนี่มันขี้เกรงใจมากครับ
“ โจ มีที่นอนให้เพื่อนหรือยัง ” แต่น้ำเสียงพ่อของพี่โจ ดูเป็นมิตรมากเลยนะ
“ ก็ให้นอนกองๆกันอะพ่อ ” กูคนนะพี่
“ ตามสบายๆ ไม่ต้องเกรงใจ ...... นั่นเคยมาบ้านเราไหม ” พ่อพี่โจชี้มาทางผม ผมเคยมาแล้วครั้งนึงจริงๆครับ
“ ผมเคยมาแล้วครับพ่อ ” ผมรีบตอบ
“ มาหาพ่อทีนะ ” แล้วท่านก็เดินเข้าไปในบ้าน คือ พวกผมกินกันอยู่นอกบ้านครับ
“ พี่ พ่อพี่จะฆ่าผมแทนพี่ไหมอะ ” ผมถาม
“ ไม่หรอกน่า ไปเหอะๆ ” ผมส่งสายตาให้ไอดิษ มันยิ้มๆให้
พ่อของพี่โจ รออยู่ที่ห้องทำงาน ท่านให้ผมนั่ง แล้วเริ่มพูคุยกัน
“ ชื่ออะไรนะลูก ” ลืมง่ายนะครับ ฮ่าๆ
“ คิมครับ ”
“ จำได้ว่า เป็นน้องรหัสโจ ”
“ ใช่ครับ ขออภัยที่มารบกวนนะครับ ” พ่อพี่โจหัวเราะ
“ มาเป็นเพื่อนเค้าบ้างน่ะดีแล้ว พ่ออยากให้เค้ามีเพื่อนเยอะๆ เห็นพวกเราช่วยทำงาน หน้าตาน่าไว้ใจ พ่อก็สบายใจ ” แสดงว่าเพื่อนเก่าๆพี่โจหน้าเถื่อนดิ ฮ่าๆๆ
“ ครับ ”
“ ฝากโจด้วยลูก ” ผมยกมือไหว้ แล้วเดินออกมางงๆ ที่งงเพราะทำไมต้องฝากพี่โจด้วย หวังว่าพี่โจคงไม่มีปัญหาลึกๆอะไรอีกนะ
คืนนั้นไม่มีอะไรมาก นอกจากกินเหล้า คุยกัน จากนั้นก็ค่อยๆแยกกันไปนอนตามมุมต่างๆ
“ พี่คิม ” เสียงเหมือนไอมิคนะ
“ ไงน้อง ”
“ พี่ดิษเรียกครับ ” โห เดี๋ยวนี้มึงใช้น้องใช้นุ่งมาเรียกกูเชียวนะ ผมพยักหน้าให้ ไอมิคก็เดินเซๆเข้าไปนอนในบ้าน
“ มีไร ”
“ หน้ามุ่ยเชียว มานี่ ” ไอดิษดึงผมลงไปกอด กลิ่นเหล้าจากตัวมันนี่หึ่งเลยครับ วันนี้ทำไมมันเมามากขนาดนี้วะ
“ เหม็นว่ะ ” ผมแกล้งพูด
“ คิม อย่าทิ้งพี่นะ ” ซะงั้นอะ
“ ทำไมคิดว่ากูจะทิ้งมึงล่ะ ”
“ สายตามันฟ้อง น้องกลัวพี่จะลำบาก กลัวพี่จะมีปัญหากับครอบครัว ใช่ไหม ” รู้ดีจริงมึง
“ ก็ใช่ กูห่วงมึงงาย ”
“ พี่เคยบอกไหมว่า ถ้าคิมรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกอึดอัด ให้บอกพี่ทุกเรื่อง ครั้งนึงตอนเรารับน้องที่เข่าของคิมไม่ดี พี่บอกอีกครั้งนะ ถ้ารู้สึกไม่ดีที่เราคบกัน บอกพี่นะ ” เวลาเมา มึงก็มั่วใช่ได้นะกูว่า
“ อืม ” ผมนั่งเล่นกันอยู่ไม่นาน ก็เข้าไปนอนในบ้านกับพวกน้องๆ
รุ่งขึ้น พ่อของพี่โจสั่งให้แม่บ้าน เข้าใจว่าไม่ได้จ้างประจำอะครับ ไปซื้อของมาเตรียมทำข้าวเลี้ยงพวกผม
“ ว่างๆมาเที่ยวเล่นได้นะ ” พ่อบอกพวกผม หลังจากที่ขอตัวกลับบ้านใครบ้านมัน
“ ขอบคุณมากคร้าบบ ” จากนั้นไอมิค ไอโซ่ ก็ขอตัวกลับ ที่เหลือยังอยู่ครับ
“ เราเอาไงต่อดี ” ผมถามพวกนั้น
“ เที่ยวบ้านมึงดีกว่า จะได้บอกแม่มึงไง ” ไอหนิงบอก
“ จะไปจริงอะ ไม่มีใครติดธุระอะไรนะ ”
“ ขนข้าวขนของมารอแล้ว ไอดิษสั่งพี่มา ” พี่นากชี้ไปทางไอดิษ มันยังแฮงค์ๆอยู่เลย
“ งั้นเอารถไปอีกคันเหอะ จะได้ไม่แน่น ” พี่โจเสนอ จากนั้นเราก็ไปขอพ่อของพี่โจ เอารถไปหนึ่งคัน พ่อพี่โจอนุญาตครับ พวกผมบางคนต้องไปเก็บของ เราเลยกลับมาที่มหาลัย เก็บเสื้อผ้า เดินทางไปไร่ของพ่อผมกัน
ผมโทรบอกแม่ ให้คนงานเตรียมที่หลับที่นอนให้ แต่แม่ของผมรีบพูดสวนขึ้นมาครับ
“ คิม หลวงตาอยากเจอคิมมากเลย คิมไปพบท่านก่อนสิลูก ”
“ หลวงตา หลวงตาท่านไหนแม่ ”
“ ที่ตั้งชื่อให้ลูกไง ไปหาท่านนะ ” พอวางสาย ผมรีบบอกพวกนั้น
“ กูต้องไปหาหลวงตา ท่านเคยตั้งชื่อให้อะ พวกมึงเอาไง ”
“ ก็ไปด้วยกันดิ มาด้วยแล้ว ” พวกผมว่าตามนั้นครับ
เราเดินทางกันมาถึงวัดที่หลวงตาจำพรรษาอยู่ วันอยู่อีกจังหวัดนึง คือไม่ใช่จังหวัดเดียวกับไร่ของพ่อผม จะว่าไปก็คือไกลนั่นแหละ (คำที่ใช้กับพระสงฆ์อาจจะไม่ถูกต้อง ขออภัยท่านผู้รู้เน้อ)
“ กราบนมัสการครับ ” ผมเดินเข้าไปก่อน
“ มาจนได้นะ โยม ” แฮ่ะ ที่ท่านพูดว่ามาจนได้ เพราะท่านเคยเรียกผมมาหาหลายครั้งแล้ว และผมก็ไม่เคยมาเลยซักครั้ง ผมนั่งลงข้างๆส่วนเพื่อนๆก็ตามมากราบหลวงตา
“ โยมคนไหนคนพี่ ” ไอดิษรีบยกมือ มันรู้ได้ไงว่าท่านพูดถึงมัน
“ โตมากเลยนะ อาตมาจำได้แต่ตอนที่โยมจูงมือโยมน้อง ” พวกที่มาด้วยกันหัวเราะคิกคักๆ กูเขินนะสาด
“ ผมก็จำคิมได้แต่ตอนเล็กๆเหมือนกันครับ นึกแล้วมีความสุข ” โห มึงนี่พูดไม่กลัวกูอายเลยอะ
“ วัยเด็ก ไม่มีอะไรให้คิด หรืออาจจะคิดไม่เป็น เลยดูเป็นสุขซะทุกอย่าง แท้จริงทุกอย่างก็เหมือนเดิม ต่างที่เราโตขึ้น ” ผมยกมือท่วมหัวเลยครับ
“ อาจารย์ครับ ผมอยากถามเรื่อง ........ ”
“ เอ้อ โยมพี่น้องสองคน มาช่วยอาตมาที่กุฏิดีกว่า มากันหลายคน ไปช่วยกันจัดของที่ศาลาก็ดี ” โดนหลวงตาขอแรงกันถ้วนหน้าครับ ฮ่าๆๆ
พอผมมาที่หน้ากุฏิของหลวงตา ท่านให้ผมสองคนนั่งลง ไม่ได้ชวนผมมางานอะไรหรอกครับ ท่านเพียงแต่ต้องการพูดกับผมแค่สองคน
“ ......... ” หลวงตายิ้มให้ผมสองคน
“ เอ่อ หลวงตาครับ ” อันนี้ผมพูดขึ้น
“ เราชื่อดิษ ..... ทั้งคู่นะ ” ท่านพูดชื่อจริงของผมสองคน
“ ครับอาจารย์ ” ผมว่าไอดิษมันคงอยากรู้มากครับ มันรีบตอบเลย
“ กี่ปีแล้วนะ นานมากจริงๆ ดีที่พ่อของโยมดิษคนน้องติดต่ออาตมาตลอด ทำให้อาตมายังคอยจะพูดกับทั้งสองคน ” ผมเริ่มสนใจแล้วดิครับ
“ ทำไมผมสองคนถึงชื่อเหมือนกันครับ ” ท่านวากรีบแหลมขึ้นมาอีก
“ โยมสองคนดูนะ อาตมาจะเอานี่ให้ดู ”
หลวงตาหยิบกระดาษเก่าๆแผ่นนึง ท่านอธิบายเรื่องเกี่ยวกับความรู้ด้านทำนายทายทัก ชี้ให้ดูเส้น ชี้ให้ดูราศี เวลาเกิด ไล่ไปไล่มาตามตำราที่ท่านมี ท่านเข้าใจได้ว่า ผมสองคนคงเคยทำบุญกุศลกันมา แต่ก็คงจะมีกรรมต่อกันมากด้วย เลยต้องมาเจอกันจนได้
“ อาตมาไม่คิดว่า โยมดิษคนน้องจะไม่มาหาอาตมาเลย ตั้งแต่โตมา เราจึงไม่ได้บอกกัน ”
“ น้องเค้าประสบอุบัติเหตุด้วยครับ ความจำเลยอาจไม่ดีในช่วงนั้น ” หลวงตาเพิ่งทราบครับ
“ แต่ว่า ....... ”
“ โยมสองคน รักชอบพอกันหรือปล่าว ” ท่านคงจะพอมองออกครับ สายตาไอดิษฟ้องมากๆ
“ ครับ ”
“ เดิมไม่ชอบพอกัน โยมก็คงจะเจอวิบากกรรมมาก มาชอบพอกันนี่ ....... ” ผมเริ่มคิดมากเลยนะครับ ที่คิดมามากตั้งแต่เรื่องพ่อท่านวากข้าวกล้องแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มนึกไปถึงพ่อกับแม่ของผมบ้าง
“ เราจะไปไม่รอดเลยเหรอครับอาจารย์ ” ไอวากรีบถามอีก
“ ไม่เชิงหรอก อาตมาไม่รู้จริงๆ ปกติถ้ารักกันมากก็เลิกรากันยาก ”
“ ผมมั่นใจครับ ” ไอวากดิษออกตัวแรง ไม่ระวังล้มเลยครับ
“ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โยมดิษคนพี่หรอก ” หือ
“ ผม ” ผมทวน
“ โยมเป็นคนขี้กลัว กลัวที่ว่าคือกลัวคนอื่นลำบาก ทุกข์ทน ถ้าได้รู้อะไรเข้า โยมจะอ่อนไหวง่าย อันนี้อาตมาฟังมาจากพ่อของโยมด้วย ” จริงด้วยครับ
“ เรื่องความรัก อาตมาไปกำหนดแทนอารมณ์ของใครได้ แต่อาตมาบอกได้เลยว่า โยมสองคนถึงเลิกรา ก็ยังจะพบกันต่อๆไปอีก วันนี้ค้างที่วัดกันเถอะ เริ่มเย็นแล้ว จะได้ไม่ต้องไปเสียค่าโรงแรม ข้าวปลาหาจากข้างนอกนะ ” ผมสองคนกราบหลวงตา แล้วเดินลงมาจากกุฏิ พวกเพื่อนๆมัน
พอลงจากกุฏิ ผมกับไอดิษไม่ได้คุยกันอีกเลยครับ เพราะไอวากมันก็เครียดๆ ส่วนผมน่ะเครียดเป็นทุนเดิม ยิ่งมาเจอคำทักของหลวงตา ผมยิ่งเครียดไปอีก
“ สองคน ทำอะไรมาวะ ทำไมหน้าตาบูดๆ ” พี่นากถาม
“ ปล่าว ” ไอวากดิษตอบ
“ ปล่าวทีไร แม่งเรื่องเยอะทุกที ” พี่นากพูดต่อครับ
“ พี่เรียกพวกผมมาเยอะแยะ มีอะไรปรึกษาได้นะพี่ ” ไอหนิงบอกไอวากบ้า ผมเดาว่าหน้าตาของไอดิษคงเครียดจริงๆ เพราะแต่ละคนรุมถามไอวากดิษมากกว่า
“ มึงไปกินข้าวกันเถอะ กูขอนั่งเล่นในวัด ” ไอดิษบอกพวกผม
“ ก็ได้พี่ งั้นผมซื้อข้าวมาให้ ปะๆ ” พี่โจปล่อยไอวากง่ายๆเลยครับ พอเดินพ้นระยะมา เพื่อนผมรีบถามทันที
“ พี่โจ ทำไมปล่อยพี่ดิษแบบนั้นล่ะ ”
“ ปกติแกไม่ค่อยหนีคนอื่น นี่คงหนักจริงๆ คิมตกลงมีอะไรเหรอ ” พอฟังแบบนี้ ผมอารมณ์พุ่งขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
“ ช่างมันเถอะ จู่ๆก็ปอดขึ้นมามั้ง แม่งมาทำให้กูหวั่นไหว แล้วก็ทำใจตุ๊ด ฮุ้ววว ช่างมัน ไปหาไรกินเหอะ ” ผมพูดเป็นชุดๆ พวกนั้นหยุดถามทันที เราเดินออกมากินข้าวหน้าวัด ก่อนที่จะกลับเข้ามาในวัด พี่โจเอาข้าวกล่องให้ไอวากข้าวกล้องกิน มันยังอยู่ที่เดิม หันมายิ้มแห้งๆให้ ผมไม่สนใจมันหรอกครับ
บางที พอมันได้ยินมาแบบนี้ มันอาจจะเกิดกังวลขึ้นมาก็ได้ ไม่แปลกหรอกครับ ไอดิษมันเป็นคนคิดไกล ถ้ามันมองว่าจะไปไม่รอด มันอาจจะขอเลิกกับผมจริงๆก็ได้
**************************************************