แวบๆมาต่อให้ครับ ช่วงนี้ไม่คลื่นไส้แล้ว มีวินๆนิดหน่อย อดกินเหล้าเลย เหอะๆๆๆ
มาต่อกันครับๆ
*************************************************************
หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องมาที่สำนักงานของลุงทนาย ระหว่างทางวากดิษพยายามเรียกผมตลอด แต่ผมไม่ได้ตอบ อยากรู้ว่าหน้าตาอย่างมันนี่จะง้อคนอื่นยังไง
ส่วนคณะที่ตามมานี้ก็มีแต่พวกที่รู้จักกันทั้งนั้น ผมค่อนข้างจะเขินๆเพราะเราไม่ใช่แค่อายุน้อย แต่อาวุโสในงานก็น้อยมากๆ กลัวจะมาเป็นภาระมากกว่า
“ ผมไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลย ” ผมบ่นกับพี่โต้ง
“ ใครว่า ถ้าไม่ใช่คิมมาบอกกับพี่ พวกเราจะรู้เหรอ ” พี่โต้งปลอบผมครับ
“ นั่นสิ ต้องชมมากกว่านะ ” วากดิษสอดละครับ
“ เฮอะ !!!! ” ผมกับพี่โต้งแทบจะอุทานพร้อมๆกัน ทั้งหมดก็เพราะมึงหูเบาไม่ฟังกูอะ
“ พี่ ...... ไม่ได้ตั้งใจนะ ” เวลาเห็นพี่วากของผมทำหน้าสำนึกผิดนี่ แอบสะใจยังไงไม่รู้ดิ
“ วันที่มาโวยวาย นึกว่าจะมาต่อยพี่ซะแล้ว ” พี่โต้งคงพูดถึงวันนั้นอะครับ วันที่เค้ามาโมโหใส่ผมกับพี่โต้งที่ที่ทำงานของผม
“ ถ้าพี่คิดจะแย่ง ....... ” วากดิษเหมือนพยายามจะพูดเรื่องของเราครับ ผมเลยรีบเอ็ดมัน
“ แย่งอะไร ” พี่โต้งหันมาถามผมแทน
“ อ๋อ คงหมายถึงแย่งลูกน้องมั้งครับ ” ผมยังไม่อยากให้พี่โต้งรู้เรื่องของผมอะครับ อายพี่แก
“ เรื่องนี้ว่ากันทีหลัง ทนายมาตามแล้ว ” เราพักเรื่องส่วนตัวไว้ก่อนครับ มาสู้เรื่องงานกันต่อ
ขั้นตอนต่อจากนี้ ลุงทนายบอกว่าเราจะส่งเรื่องทั้งหมดไปให้หุ้นส่วนใหญ่ คือที่มีหุ้นมากๆรับทราบ จะได้ลงคะแนนปลดผู้จัดการออก เจ๊แจงนี้เค้าเด็กมีเส้นครับ พ่อเจ๊เป็นหุ้นส่วน
“ เราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ ” พี่โต้งถาม เรื่องนี้ท่านวากดิษค่อนข้างจะเสียงอ่อยๆ เพราะเรื่องเกิดใต้ตำตาตัวเอง เลยได้แต่ยอมรับตามพวกเรา
“ มันต้องใช้เสียง ... เท่าไรน้า ผมก็จำไม่ค่อยได้ ” ลุงรีบค้นข้อมูลในแฟ้ม
“ ใช่หนึ่งในสามไหมครับลุง พอเสนอแล้วค่อยลงมติว่าจะปลดไหม ตอนปลดใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ” ผมลองบอกลุงทนาย เพราะจำได้ว่า ตอนที่เข้าทำงานใหม่ๆ เค้าแจกคู่มือให้ผมอ่าน ในคู่มือก็จะมีข้อบังคับของห้างอยู่ด้วย
“ เออ ใช่ ไอน้องจำแม่นนะ ” แหม เรียกไอน้อง เหอะๆๆๆ
“ น้องเค้าเรียกกฎหมายด้วยนะครับลุง ” วากดิษรีบเสริม รู้สึกจะพยายามช่วยผมเหมือนกันนะ หุหุ
“ พอดีเลย เดี๋ยวน้องมาช่วยพี่ทำงาน ” นั่นแหละครับ เป็นคำเชิญที่ผมได้รับ และผมก็ตอบรับโดยดีด้วย
พอเสร็จจากงาน แต่ละคนก็เหนื่อยมากๆ ที่เหนื่อยอาจจะเหนื่อยใจมากกว่าครับ เพราะครั้งนี้เหมือนรบพุ่งกันเอง แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ ผลประโยชน์เป็นของส่วนรวมนี่เนอะ ไม่ใช่ของคนกลุ่มเดียว
“ คิม วันนี้คู่หมั้นเค้านัดพี่ไปที่เที่ยวน่ะ คิมไปกับพี่นะ ” พี่โต้งออกปากชวนผมครับ
“ ไม่พี่ วันนี้คิมต้องไปขนของ ย้ายกลับหอเดิม ” วากดิษแย่งตอบอีกแล้วครับ ผมว่าวันนี้มันไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลย นี่เป็นเพราะผมหรือปล่าวนะ
“ พี่ว่าพี่ถามคิมนะ ” แป่ววววว ฮ่าๆๆ หน้าจ๋อยเลยครับ
“ วันนี้ผมคงยุ่งๆนิดหน่อยนะครับพี่ ”
“ อืม แล้วพี่จะโทรหาเรานะ ” พอพี่โต้งเดินไป วากดิษมันทำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ ทำไม ประจำเดือนไม่มาเหรอ ” ผมแหย่มัน
“ พี่ว่าพี่คนนี้ต้องคิดไม่ค่อยซื่อกับคิมแน่ๆ ”
“ ได้ยินมะ พี่เค้ามีคู่หมั้นแล้ว ระแวงไม่เข้าเรื่อง ” วากดิษหันมามองผม
“ พี่รักคิมนะ ” อ้าว เล่นพูดแบบนี้ กูก็เขินเป็นเด้
“ ค่อยคุยทีหลังดีปะ จะพาไปขนของกลับหอไม่ใช่เหรอ ”
“ ครับผม !!!!! ” ท่าทางดีใจของพี่วาก ทำให้ผมยิ้มออกเหมือนกันครับ
ดิษพาผมขับรถมาเก็บของที่ห้องพักที่ผมมาเช่าไว้ชั่วคราว พอดิษมาเห็นหน้ามันเสียเลยครับ เพราะสภาพค่อนข้างทรุดโทรม ไม่สะอาดมากนัก อย่างว่าตอนนั้นผมไม่มีเงินมากนี่เนอะ ต้องเอาเงินที่เหลือจากที่พ่อให้มาใช้
“ ลำบากมากไหมน้อง ” ผมเริ่มเอาเสื้อที่ราวแขวนมาพับๆยัดใส่กระเป๋า ตอนมาผมมาแค่กระเป๋าใบเดียว ของเลยมีไม่มากครับ
“ ลำบากสิ ” วากดิษถอนหายใจเฮือก ผมเดานะว่า วากดิษคงคิดว่าผมจะโกรธมากที่ต้องมาลำบากแบบนี้ แต่ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้โกรธมันเลย ตอนเนี่ย กำลังกวนมันเฉยๆ
“ ........ ” หลังจากนั้นเราเก็บของกันเงียบๆ ดิษก็ไม่ยอมพูดยอมจาครับ พอเรียบร้อยเราก็ไปหาแม่ของดิษ
ที่โรงพยาบาล ผมขอโทษแม่วากดิษก่อนที่ไปโดยไม่บอกกล่าว ท่านไม่ได้ว่าอะไรครับ แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไร
“ เพราะดิษเอง ”
“ อ้าว ข้าวกล้องไปเกี่ยวอะไรกับน้องเค้าล่ะ ” แม่ท่านวากถามต่อ
“ แจงเค้าทำให้ผม ..... ไม่หรอก เป็นเพราะดิษเองนี่แหละ ” ท่าทางไม่ดีละครับ ดิษเอาแต่โทษตัวเอง
“ คือ เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ........ ” ผมตัดสินใจเล่าให้น้าฟังเกือบทั้งหมด พอจบ น้าก็ร้องอุวะออกมาทันที
“ เห็นนิ่งๆ ไม่ธรรมดานะ ”
“ น้ำนิ่งไหลลึกไงแม่ ”ผมอาจจะเพิ่งมาสังเกตเอาวันนี้ว่า วากดิษเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นครับ
“ ต่อไปน่ะ คุยกันบ้าง ถึงจะเป็นเรื่องงานเราก็คุยกันได้ลูก ”
“ ครับ ผมจะจำไว้ครับน้า ” น้ายิ้มๆให้ จากนั้นเราก็ไปหาข้าวกินกัน แล้วถึงกลับหอพักครับ
พอถึงหอพักผมกระโดดลงไปนอนที่เตียงเลยครับ นุ่มดีจริงๆ ส่วนวากดิษพอขนของขึ้นมาก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่นานนักสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้น
“ ดิษ .... ร้องไห้เหรอ !!!! ” นาทีที่ผมเห็นน้ำตาของดิษ ใจผมร่วงลงไปกองกับพื้นเลยครับ ผมเดินไปกอดโดยที่ไม่คิดอะไรเลย ผมรู้แค่ผมอยากกอดเค้าเท่านั้น
“ พี่ไม่น่าพาคิมมาลำบากเลยจริงๆ คิมแค่ดูแลหอนี้ก็พอ ต่อไปไม่ต้องทำแล้ว ”
“ ไม่เอาน่า คิมขอโทษนะ เมื่อกี้ คิมไม่น่ากดดันดิษมากไป ” วากดิษยังก้มหน้างุดๆอยู่
“ พี่อยากพูดทุกอย่างให้คิมเข้าใจนะ ....... อุ๊บบบ ” ดิษยังไม่ทันพูดจบ ผมก็จูบปากมันซะแล้ว ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่า ผมห่วงมันมากแค่ไหน แต่ผมก็เป็นคนๆนึงที่ปากหนัก พูดเหตุผลก็ไม่ค่อยเป็น ที่ผมทำได้มีแค่การแสดงออกทางกายเท่านั้นเอง
หลังจากเสร็จกิจ เหอะๆ พออาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย เราก็มานอนบนเตียงคุยกัน
“ เมื่อกี้อยากพูดอะไร ” ผมถาม
“ เอ ...... ลืมแล้ว เราทำกันอีกครั้งปะ เผื่อจะนึกออก ” ดูแม่ม
“ เออ ไม่คุยก็ไม่คุย ฝันดีนะ ”
“ โอ๋ๆๆ ล้อเล่นน่า ” หน้ามึงดูไม่ล้อเล่นเลยแหละ
“ ตอนแรกเลย พี่อยากให้คิมมาทำงาน เพราะรู้ว่าคิมไม่ชอบอยู่ว่างๆ ประกอบกับแจงพูดทำนองว่า อยากให้น้องๆมาช่วยทำงาน พี่เลยบอกคิม ” ยัยแจงเป็นคนเริ่มสิ
“ พอคิมเข้ามาทำงาน พี่ถึงเพิ่งรู้ว่าแจงรู้เรื่องของเราแล้ว แจงพยายามพูดอ้อมๆว่า ตัวพี่ต้องทำตัวเป็นกลาง อย่าเข้าข้างคนของตัวเอง ทำให้พี่คิดไม่ตกว่าต้องปฏิบัติกับคิมยังไง ทั้งในที่ทำงานและที่หอพักด้วย ” ดูไปแล้ว ดิษเองก็ลำบากไม่แพ้ผมเหมือนกันนะครับ
“ วันที่เกิดเรื่อง วันที่คิมไม่ให้เอาของออกจากคลัง พี่เลยคิดไปเองว่า คิมน่าจะรู้ว่าแจงกับพี่เคยคบๆกันมา ..... คิมคงหึงแล้วอยากมีปัญหากับแจง ....... เหอะๆ พี่นี่โง่ดีแท้ๆ ” ผมขยับไปลูบหลังของมัน
“ ช่างเถอะ เรื่องคราวนี้ คิมก็อยากพิสูจน์บางอย่างในตัวคิมให้ดิษเห็นเหมือนกัน ”
“ พี่เชื่อมาตลอดนั่นแหละ ปัญหามันอยู่ที่พี่เอง ...... ตอนที่ทำไร่ทำนา ไม่เห็นมีปัญหาเหมือนตอนนี้เลย ” ดิษน่าจะหมายถึง ตอนที่มันงอนผมแล้วหนีไปครับ
“ งานไม่เหมือนกัน ทุกอย่างก็ต้องต่างกันสิ ” ผมพยายามปลอบใจเค้าครับ
“ ........... พี่ว่าจะเลิก พี่ไม่อยากปวดใจเหมือนครั้งที่แล้ว ”
“ เลิก หมายความว่าไง ” ผมถาม
“ พี่จะขอออกไปทำงานที่ไกลๆ ไม่ทำงานแบบนี้แล้วไง เราจะได้ไปทำงานที่เราถนัด ”
“ แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอดิษ ” ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเลยครับ
“ พี่ไม่ได้ยอมแพ้นะ ....... เราแค่ ”
“ แค่หนีปัญหาใช่ไหม ” ดิษนิ่งเลยครับ
“ ถ้าอนาคตมีปัญหาใหญ่กว่านี้ เราต้องหนีอีกไหม ทำไมไม่ค่อยๆเรียนรู้แล้วสู้ล่ะ ” ผมพูดกับดิษ มันยิ้มออกแล้วครับ
“ งั้น ......... ” ดิษกุมมือของผมไว้
“ คิมสัญญากับพี่ได้ไหมว่า ไม่ว่าเรื่องอะไร คิมจะอยู่กับพี่น่ะ ” ผมหัวเราะออกมาครับ
“ ดิษ ...... คราวนี้คิมก็อยู่ดิษ ”
“ พี่หมายถึงเรื่องนี้ไง กลับมาทำงานกับพี่เหอะ ” ผมนั่งๆคิด ก่อนจะให้คำตอบ
“ ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก เรื่องยังไม่จบเลย ขืนกลับไปตอนนี้ได้ถีบคนตกสระอีก ” ดิษดูจะไม่ค่อยพอใจ แต่ไม่ยอมพูดครับ
“ งั้นคืนนี้ พี่ขอ ....... อีกนะ ” ผมได้แต่ยิ้มๆ ไม่ยอมก็กระไรอยู่อะ เหอะๆๆๆ แต่ขณะที่วากดิษกำลังจะเขมือบผม พี่โต้งก็โทรมาพอดี
“ อะไรของเค้าวะ ” วากดิษบ่นเลยครับ เหอะๆๆ
“ เหอะน่า ขอคุยก่อน สวัสดีครับพี่ ”
“ คิม ........ พี่ไม่กล้าเข้าไปน่ะ พี่ไม่เคยเที่ยวเลย ดิษปิดโทรศัพท์พี่ติดต่อไม่ได้ คิมมาเป็นเพื่อนพี่ทีนะ ” น่าสงสารคุณชายจริงๆเลย ผมตัดสินใจไปครับ
“ ดิษ ปิดโทรศัพท์เหรอ ”
“ ใช่ พี่กลัวจะมีมารมาผจญไง ” ดูมันดิ
“ มาเหอะน่า ถือว่าช่วยพี่แกนะ ปะๆๆ ” ผมกึ่งดึงกึ่งลากดิษให้ไปแต่งตัว เฮ้อ เกิดเป็นคนมีพวกพ้องเยอะก็แบบนี้แหละนะ เหอะๆๆ
**************************************************************