ผมตั้งสตินิดนึง ก่อนจะค่อยๆเรียงเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เจอยัยเจ๊นั่น จนมาถึงช่วงเวลาที่เราต้องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างหนัก แล้วจึงมาถึงเหตุการณ์ที่เค้าส่งข้อความมารบกวนผม
“ ฟังแล้ว ไม่สมเป็นคนที่เป็นรุ่นพี่เลย ” พี่หมอกริชพูดเป็นคนแรก ส่วนวากดิษยังเงียบๆอยู่
“ ความจริง ....... ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้ งั้นถือว่าผมมาระบายให้ฟังก็แล้วกัน ” ผมพูด
“ ไม่ได้ๆ ” วากดิษยังเงียบอยู่เหมือนเดิม คนที่พูดเมื่อกี้คือพี่กริชครับ
“ ........... ” ผมหันไปมองวากดิษ มันลุกขึ้นแล้วควักมือถือออกมา ไม่รู้ว่าโทรหาใคร
“ แจง นี่ดิษนะ ”
“ อ้าว ” พี่กริชอุทานเลยครับ
“ เรามาเจอกันเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นดิษจะขุดเอาเรื่องที่แจงทำไว้ประจานให้ทั่ว แล้วมาดูกันว่าจะยังนั่งทำงานได้อีกไหม ” เวลาโมโหนี่ ช้างตกมันยังอายเลยแหละ
“ กริช มีตรวจไหม ไปด้วยกันปะ ”
“ พี่เป็นหมอนะเว้ย มีคนไข้มาก็ตรวจ ไม่มีถึงจะว่าง นี่ไม่ติดว่า ผอ. สั่งไว้ ก็ไม่ว่างเหมือนกัน ........ ที่สำคัญ เอากระรอกขี้ดื้อไปสั่งสอนซะด้วย ” พูดอะไรกันอะ
“ อืมๆ งั้นเดี๋ยวคุยกัน เราไปกันเถอะคิม ” ผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เพราะยังรู้สึกไม่ดีที่ไม่ยอมปรึกษาเรื่องนี้กันดิษ ดิษพอผมนั่งรถไปถึงตึกหลังนึง ก่อนจะนำผมเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้ามาถึง วากดิษก็ไปถามพนักงานจะเข้าพบยัยเจ๊แจง พนักงานบอกว่าไม่ได้นัดไว้ ให้เข้าพบไม่ได้
“ ผมมีเรื่องด่วน เกี่ยวกับความล่มจมของที่นี่ ต้องคุยกับเค้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเจอกันที่ศาล ” อุ้ยยยย
“ เอ่อ อย่างนั้นขอความกรุณารอซักครู่ ” แล้วเมื่อกี้บอกไม่ให้เข้าพบ น่านัก
พนักงานพาผมเข้าไปที่ห้องประชุม ปรากฏว่ายัยเจ๊นั่นเค้านั่งอยู่กับผู้ชายสูงวัยคนนึง ผมเดาว่าคงเป็นพ่อของเจ๊แจง วากดิษไม่ลังเลที่จะผลักประตูเข้าไปหา
“ สวัสดีครับลุง ขออนุญาตครับ ”
“ โอ้ย แบบนี้ไม่ต้องขอกันแล้วมั้ง ไม่เห็นกันอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ” เริ่มจะไม่แปลกใจแล้วล่ะครับ ว่ายัยตัวลูกได้เชื้อใครมา เหอะๆ
“ พูดถึงผมเหรอครับ ” พี่วากเราดันสู้ครับ ตาแก่นั่นไม่ยอมตอบ เอาแต่พ่นคำว่า เหอะ เหอะ แบบเนี่ย
“ มารบกวนเวลางานกันทำไม ”
“ ขอโทษแฟนเราเดี๋ยวนี้ ” เฮ้ย
“ ...... อะไรนะ ฮะๆ แจงทำอะไรให้เหรอ แกล้งกันคราวที่แล้วยังไม่หนำใจเหรอ ” มีว่ากูอีก ผมกำลังจะอ้าปาก แต่วากดิษเอามือมากุมก้นน้อยๆของผมไว้ ผมเลยไม่ได้พูดครับ
“ แจง ดิษไม่คิดเลยนะ ว่าแจงเป็นคนนิสัยหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ ” สะดุ้งทั้งพ่อทั้งลูกเลยครับ
“ ดิษ เกินไปหรือปล่าว ” พ่อเค้าพูดครับ
“ ลุงครับ การที่ผมชอบผู้ชายคนนี้มาก มันทำให้ใครเป็นอะไรเหรอครับ ”
“ พ่อคะ ดิษกำลังว่าหนู เค้าปกป้องแต่แฟนเค้า ” ยัยนั่นกำลังจะพล่ามต่อ แต่พ่อเค้าโบกมือซะก่อน
“ มาด่าลูกลุง ต่อหน้าลุง แสดงว่าเหลืออดมากเลยใช่ไหม ” ฟังดูแปลกๆไหมครับ
“ แฟนผมโดนแจงคุกคามจนความดันขึ้น นอนโรงพยาบาลมาหนึ่งอาทิตย์ อ้วกจนมีเลือดออกภายใน จะให้ผมเฉยได้อีกเหรอครับ ” เฮ้ยๆๆ มันจะไม่ใช่แล้วนะ ถ้ากูมีอาการแบบนั้นจริง ป่านนี้ตายไปแล้วมั่งเฮ้ย เหอะๆๆ
“ แกไปทำอะไรคนอื่นเค้า ”
“ ปล่ะๆ ....... ปล่าวนะคะพ่อ ”
“ ลูก เป็นลูกไอโรจน์ใช่ไหม ” ผมเสนอหน้าออกมาจากหลังวากดิษ
“ ครับ ”
“ พูดออกมา พูดออกมาให้หมด ว่ามันทำอะไร ” อุ้ย มีมันๆแล้วครับ
ผมค่อยเล่าอย่างละเอียด บางจังหวะยัยแจงพยายามจะเดินหนี แต่พ่อของเค้าสั่งว่ากลัวความจริงหรือไง แกเดินออกไปแล้วพ่อจะไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือไง เรียกว่า เรียกศรัทธาที่ผมมีต่อตัวพ่อของยัยแจงคืนมาเลยครับ และผมถึงไม่แปลกใจที่พ่อผม พ่อวากดิษ และลุงคนนี้ มาทำธุรกิจร่วมกัน บทจะต้องเด็ดขาด แม้แต่ลูกก็ไม่ได้เข้าข้าง
“ แจง หวังว่าดิษจะกลับไปคบแจงหรือไง ”
“ บอกแล้วไงว่าไม่จริง !!!!!! ” โห มีกรี๊ดแล้วครับ สงสัยผีจะเริ่มออกละ
“ ลุงครับ ผมเคยคบกับแจง ลุงก็คงรู้ เราได้มารู้จักกันก็เพราะแจงแนะนำผมต่อหน้าลุง แต่ผมบอกตรงๆกับแจงเมื่อหลายปีก่อน ว่าผมมีคนที่อยู่ในใจแล้ว ผมรักเค้ามาก และตอนนี้เค้าก็รักผมเช่นกัน ” เชื่อปะครับ พอถึงจังหวะนี้ ผมเกิดอายขึ้นมา เพราะผมไม่คิดว่าดิษจะเปิดเผยขนาดนี้ ตอนแรกผมกลัวจนลืมนึกเรื่องนี้ไปครับ
“ ถ้าแจงจบเรื่องนี้ได้ ผมเชื่อว่าเราจะกลับมาทำงานด้วยกันได้ครับ ”
“ พวกเสแสร้ง ” ทีนี้ ยัยเจ๊พูดจบก็เดินหนีออกไปเลยครับ ลุงถึงกับกุมขมับ
“ เกินไป เกินไปจริงๆ ”
“ ลุงครับ ผมขอโทษด้วยครับ ผมกับดิษไม่น่าบุ่มบ่ามเข้ามาแล้วทำเสียมารยาท ” ลุงเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ ไม่เลย ลุงเพิ่งรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ แฟนหลายๆคนก็ทนไม่ได้ แม้แต่แม่ของมันเองก็ยังไม่ทน ” อาการน่าเป็นห่วง
“ ผมตั้งใจมาพูดต่อหน้า เพราะรู้ว่าแจงเกรงใจลุง ” ลุงส่ายหน้า
“ เค้าไม่เกรงใจลุงหรอก แต่เพราะลุงปกป้องเค้าตลอด มันเลยเสียคน ....... แย่มาก สู้ลูกสองคนไม่ได้ ” มีเรียกลูกด้วย เหอะๆ
“ อย่างนั้น ผมขอตัวนะครับ ” ดิษขอตัวครับ
“ เออ ........ สองคนน่ะ คบหากันนานๆนะ คนรักกันน่ะ จะมีคนอิจฉาเสมอๆ ” หลังจากสอนบางสิ่งบางอย่างให้กับผมสองคนแล้ว ผมกับวากดิษก็นั่งรถกลับกันครับ
ระหว่างทางที่มา พี่วากดิษเปิดเพลงดิสโก้ยุคเก้าศูนย์ฟังแล้ว ผิวปาก ร้องเพลงอารมณ์ดีใหญ่เลย
“ อาการหนักพอๆกับแฟนเก่าแล้วมั้ง ” ผมแซว
“ ไหนพูดมาซิ ช่วงนี้ทำผิดอะไรบ้าง ” หืม
“ อะไรผิด ทำอะไรล่ะ ”
“ ทำงานจนตัวเจ็บป่วยก็หนึ่งละ ปิดเรื่องที่ควรบอกพี่ก็อีกหนึ่ง คราวก่อนที่ไร่ก็เสี่ยงอยู่คนเดียว เห็นพี่ไม่มีน้ำยาใช่ปะ ”
“ ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ” ดิษหันมามองหน้าผม
“ เมื่อก่อน เราจะแก้ปัญหาของตัวเรายังไงพี่ไม่คิดอะไรนะ เมื่อก่อนเราต่างคนต่างอยู่ แต่ตอนนี้เรานอนห้องเดียวกัน บางทีก็นอนเตียงเดียวกันแล้ว ปัญหาของคิมก็คือของพี่ด้วย ต่อไปอย่าคิดเองเออเองคนเดียวนะ พี่เป็นห่วง ”
“ เมื่อกี้ คิดอะไรอยู่ ถึงเข้าไปแบบนั้น ” ผมถามต่อครับ
“ อย่างแรก พี่โมโหมาก อยากหาที่ระบาย สองพี่อยากให้คิมรู้จริงๆว่า พี่พร้อมจะปกป้องคิม ไม่ว่าจะยังไงพี่จะไม่ให้คิมต้องลำบากอีก พ่อพี่สั่งพี่ไว้ พ่อเลี้ยงก็สั่งไว้ ถ้าพี่ทำไม่ได้ พี่จะมีหน้าไปพบท่านสองคนได้ยังไง ”
“ ขอโทษนะ ต่อไปไม่ทำแล้ว ” ผมเอามือไปลูบๆขาของดิษ
“ ทุกที ”
“ อ่า ...... นะ ครั้งนี้จริงๆ ” ผมยังไม่หยุดลูบขาครับ ดิษเริ่มดิ้นยุกยิกๆ
“ กลับถึงหอ รับผิดชอบด้วย ท่าทางมันตื่นแล้ว ”
“ ทะลึ่งว่ะ ”
ในที่สุดเราก็ผ่านเรื่องที่หนักไปได้อีกเรื่อง เรื่องที่ผ่านมา ทำให้ผมเรียนรู้คำว่าคนรักมากขึ้น ผมเชื่อว่าวันนี้ยังไม่ใช่วันที่หนักที่สุดสำหรับผม แต่ผมจะค่อยๆสร้างเกราะคุ้มกันมาปกป้องความรักและคนรักของผม ผมสัญญาครับ
หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ ทำงาน เที่ยว เรียนหนังสือเพิ่ม จนทุกอย่างเริ่มจะคงที่ ก็ได้ข่าวจากมหาลัยว่า น้องชายที่เคยอยู่ห้องพักเดียวกัน คือ วิน จะรับปริญญา
“ แล้วแฟนที่รักของมึงอะ ”
“ .......... ผมซ้อมรับ วันที่ ..... นะพี่ รับจริง ..... ว่างก็มานะพี่ ” อ้าว ตอบไม่ตรงคำถามว่ะ พอมันวางสายผมก็ตรงรี่ไปหาวากดิษ ซึ่งกำลังหัวหมุนกับเอกสารอยู่
“ พี่วาก น้องรับปริญญา ” ดิษเงยหน้ามองผม
“ ใครล่ะ ”
“ วินนี่ ” มันพยักหน้า แล้วหันไปสนใจเอกสารต่อ
“ เราดูแล้ว ตรงวันเสาร์ ขอไปถ่ายรูปกับมันนะ ” ที่ต้องมาบอก เพราะปกติวันเสาร์ ผมจะหากิจกรรมทำกันครับ ..... ไม่ใช่แต่กิจกรรมในร่มหรอกน้า หุหุหุหุหุหุ
“ เอาสิ ” ท่าทางจะยุ่งมากแฮะ ผมกำลังจะไปพอดี บังเอิญนึกเรื่องที่จับจากคำของไอวินได้
“ เอ่อ รู้สึกว่าวินกับเดย์จะไม่ค่อยดีอะ ”
“ หืมมมมม ....... ว่าอะไรนะ ”
“ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น ”
“ พี่รู้สึกว่า คิมกำลังจะไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้านอีกแล้ว ” เหอะ นึกว่าสนใจแต่เอกสาร ชิๆๆๆ
“ ไม่ยุ่งหรอก แต่สงสัยไง ”
“ งั้นก็เก็บความสงสัยไว้ลึกๆ ลึกแบบที่พี่จะมองไม่เห็นอะ ”
“ คร้าบ ไม่ต้องห่วง ” ผมก็คิดไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งหรอกครับ เพราะยังไม่หายเหนื่อยจากเรื่องยัยเจ๊แจงเท่าไร
มาถึงวันที่นัด ผมก็แต่งหล่อออกมาจากหอพัก พอดีที่หอพักที่ผมอยู่กับวากดิษใกล้กับมหาลัย ก็เลยออกมาสายๆได้ และไม่ต้องนั่งรถด้วย ผมเดินเข้ามาในคณะมนุษย์ของไอวินเป็นครั้งที่สองในชีวิต ก็มองหาไอน้องสองคน แล้วก็เจอจริงๆครับ
“ เฮ้ยวิน ”
“ พี่ ถ่ายรูปกับผมก่อน ” ผมกำลังจะเดินไปหาไอวิน ก็มีผู้ชายคนนึงโฉบมาตัดหน้า ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ เป็นไอเดย์นั่นเอง
“ พี่มางานกู ” เอาล่ะๆ ผัวเมียจะวางมวยในชุดครุยกันละครับ
“ เหรอ ไหนล่ะ ชื่อมึงติดตรงไหน ” อะไรกันวะ ไม่เจอกันเดี๋ยวเดียว แหกตูดหนีกันซะละ แล้วท่าทางจะโกรธกันมากด้วย
“ กูมาของทั้งสองคนแหละ พี่ดิษมาไม่ได้ ฝากพี่หาแสดงความยินดี อ่ะ ” วากดิษเค้าชอบฝากเงินให้รุ่นน้องครับ แต่ไม่มากอะไรหรอก แค่เป็นสัญลักษณ์ที่เค้าชอบทำน่ะครับ
“ ขอบคุณครับ ” ไอสองคนนั้นขอบคุณผม แล้วก็ถ่ายรูปกัน
ผมไม่ได้ไปแสดงความยินดีที่คณะของผม เพราะมีปัญหาภายในครับ ผมรู้สึกเบื่อและเสียดายสิ่งที่ทำไว้ที่นั่น เลยตัดสินใจไม่ไป ผมนั่งรออยู่แถวๆนั้น รอไอสองคนนั้นออกมาก่อน จะได้เรียกมาคุยซักหน่อย
“ อ้าว พี่รอผมเหรอครับ ” ผมมองไปด้านหลังของไอวิน
“ ผัวมึงล่ะ ” ไอวินทำหน้าเข้มใส่ผม กูผิดอะไรล่ะเนี่ย
“ ไม่ต้องพูดถึงละพี่ ”
“ คือ ...... ” พอผมกำลังจะพูด ไอคำที่ว่าเก็บความสงสัยไว้ลึกๆที่วากดิษเตือน มันดันเด้งเข้าในหัวครับ ผมเลยหุบปากไว้ก่อน
แต่ไอความสงสัยบวกกับความห่วงมันสองคนมันไม่ยอมหยุดสิครับ ผมเลยโทรไปนัดแนะกับพี่โจแทน พี่โจเลยบอกว่าจะบอกพี่นากให้ แล้วจะได้ให้มันสองคนไปสะสางกันที่ร้านของพี่นาก โดยใช้งานเลี้ยงบังหน้า หวังว่าจะได้รู้นะว่า ไอสองคนเนี่ย หมางเมินกันด้วยเรื่องอะไร
*****************************************************
ขอบคุณที่มารอนะครับ แฮะๆ