แอบมาต่อๆ ฝนตกๆ
*********************************************************************
ผมกับวากดิษกลับมาที่หอแทบจะทันที หลังจากที่วากดิษหวิดปะทะกับหัวหน้างานคนใหม่ของผม ตลอดทางที่กลับ พี่ท่านก็ปั้นหน้าดุเข้มไม่พูดไม่จา ทำผมกลัวว่าพออารมณ์โมโหครอบงำแล้วมันจะเสียสติเอา
“ ดิษ ”
“ หืม ” ยังมีสัญญาณตอบรับแฮะ
“ เอาไงต่อดี ” ผมถามไป
“ ก็ยื่นเรื่องย้ายมาตามปกติ ” มันพูดเหมือนเมื่อกี้ผมไม่ได้ยินเค้าสองคนขึ้นเสียงกันอะ
“ พี่หัวหน้าบอกว่าจะไม่ให้เราย้าย จำไม่ได้เหรอ ”
“ ช่างมันสิ คิมสมัครใจจะย้ายมานี่ เค้าห้ามไม่ได้หรอก ที่เหลือพี่จัดการเอง ”
“ งั้นจะจัดการยังไง ”
“ เอาน่าๆ ” ไอเอาน่าๆนี่ไม่รู้ว่าผมจะออกมาเป็นยังไงนะ แต่ผมก็ไม่ได้ถามต่อครับ ไม่อยากให้ดิษเครียดกว่านี้
พอตกกลางคืน ผมนั่งเล่นที่พื้น เอาหนังสือมาอ่านไปเรื่อยๆ ส่วนวากดิษนั่งเล่นที่เตียง อ่อ ลืมบอกไปว่า ดิษมันไปถอนเตียงขนาดใหญ่มาแทนเตียงเก่า ผมสองคนนอนเตียงเดียวกันถาวรแล้วครับ
“ คิม ”
“ ครับ ” ผมขานรับ
“ คิมรู้จักเดย์ได้ยังไงนะ ลองเล่าให้พี่ฟังทีสิ ” เออ มาแปลกแฮะ
“ เดย์มันมาเป็นเมทเราแทนวินไง ก็เท่านั้นแหละ ”
“ อย่างวินเนี่ย พี่พอจะรู้จักนะ เพราะเคยไปช่วยงานศพทางบ้าน ..... เดย์เนี่ย พี่ดูจากท่าทาง เป็นคนมีเงินนะ แต่ไม่รู้เหมือนกัน เค้าอาจจะมีปัญหากับทางบ้าน ” อะไรวะ มันเดาไปมา เกือบถูกเลยครับ
“ รู้ได้ยังไง ”
“ พี่รู้สึกว่าเดย์กับพี่คล้ายกันไง ” อืม ทั้งหน้าตาทั้งทางบ้านเลยแหละ เหอะๆๆ
หลังจากนั้นผมก็เข้านอนกันครับ ปรากฏว่าตอนกลางดึกมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ผมงัวเงียๆลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ เห็นเป็นเบอร์ของไอวิน เลยกะจะลุกออกไปคุยข้างนอก แต่วากดิษดันจับแขนผมไว้
“ คุยนี่ก็ได้ ”
“ อืมๆ ...... ว่าไงวะวิน ”
“ ฮือออ ..... ฮือออ ” อ้าวๆ
“ เป็นอะไรวะวิน ” ผมมองๆไปที่วากดิษ รายนั้นเริ่มขยับซ้ายขยับขวา
“ พี่ ...... ไอเชี้ยเดย์ มันบอกเลิกผม ” เออ ให้มันได้ยังงี้สิ
“ ใจเย็นนะๆ แล้วทำไมถึงโทรมาเอาป่านนี้ ”
“ มันพาผมมากินข้าว ....... แล้วมันก็บอกเลิกผม มันไม่บอกอะไรผมเลย ” เฮ้อ ไอเด็กสองคนนี้นี่ กูอยากจะว๊ากใส่แม่มจริงๆ
“ ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ ” นึกเป็นห่วงมันครับ
“ กำลังเดินกลับบ้านครับ พี่ไม่ต้องห่วง ..... ฮือ ไอเชี้ยเดย์แม่งสารเลว ” ปิดท้ายมีด่าด้วย ผมกดวางสาย
“ อะไรเหรอน้อง ”
“ ฮุ้ววว พูดยังไงดีเนี่ย ” วากดิษดึงผมลงไปนอน
“ พูดไปสิ เรื่องอะไร ” ตั้งแต่ย้ายมานอนเตียงเดียวกัน มึงกอดกูตลอดเลยนะ
“ วินกับเดย์เลิกกัน ”
“ อีกแล้ว ” ไอสองคนนี้ต้องใช้คำว่าอีกแล้วนั่นแหละถูกแล้วครับ
“ ความจริงคือแบบนี้ ...... ไอเดย์มันเป็นลูกทูต พ่อมันกำลังจะส่งไปเรียนเมืองนอก ” วากดิษพลิกตัวผมไปหามัน
“ เดย์เป็นลูกทูต คิมรู้ได้ยังไง ” สงสัยคืนนี้ไม่ได้นอนละกูว่า เหอะๆ
“ วันนั้นไปส่งมันที่บ้านไง เราจะเอาไงดีอะ ” ช่วงนี้ผมใช้ประโยคนี้บ่อยมากครับ
“ ถ้าเดย์ต้องไปเรียนเมืองนอกจริง ไม่ว่าใจเค้าอยากไปหรือปล่าว คงไม่กล้าขัดใจพ่อหรอก ..... เราค่อยคุยๆกับสองคนนั้นทีหลังเหอะ อย่างน้อยถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้เค้าจากกันด้วยดี วันนี้นอนดีกว่า ” ผมค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง แต่อดคิดถึงไอสองคนนั้นไม่ได้ ทำไมมันสองคนต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยนะ จะใช้คำว่าแทบจะไม่มีทางเลือกเลยก็ว่าได้ ถ้าเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันมาเกิดกับผมและดิษบ้าง เราจะทำอย่างไรล่ะ
รุ่งเช้า ผมตื่นมาก่อนวากดิษ แล้วโทรไปหาไอเดย์เจ้าปัญหา มันไม่รับสายครับ เดี๋ยวนี้หัดไม่รับสายกูนะมึง จากนั้นผมกับวากดิษก็ตื่นไปหากับข้าวข้างนอกมากินกัน แล้วเราถึงออกไปทำงาน
พอมาถึงที่ทำงาน ผมไม่รู้ว่าจะเข้าไปทำงานที่ไหนดี เลยเข้าไปที่ฝ่ายบุคคลก่อน จะได้ปรึกษาว่าผมจะขอย้ายฝ่ายได้หรือ ปล่าว โดยที่วากดิษก็เข้าไปคุยด้วย
“ ไม่ใช่พี่ไม่อยากให้ย้ายหรือทำความเห็นให้นะดิษ แต่เราเพิ่งปรับบุคลากรไปหยกๆ ฝ่ายของดิษก็เพิ่งจัดการไป ถ้าจะย้ายอีก คนอื่นจะว่าเอานะ ” ฝ่ายบุคคลชี้แจงให้ฟัง
“ งั้นก็ไม่มีปัญหานี่ดิษ ” ผมบอก แต่วากดิษทำท่าโมโหครับ เลยเดินออกไปก่อน ผมรู้สึกดีนะครับที่ดิษไม่เอาเรื่องไปฟ้องให้ผู้ใหญ่จัดการ ผมหันไปยิ้มๆกับพี่ฝ่ายบุคคล
“ ได้ยินว่าหัวหน้ามาใหม่ ไม่ถูกกันเหรอ พี่ได้ยินคนคุยกันว่า เค้าไม่ถูกกับดิษ ” โห ข่าวไวดีจริงๆ
“ ทำนองนั้นพี่ ”
“ คิมก็ระวังตัวหน่อยนะ เค้าเป็นเพื่อนแจง ” เอาอีกแล้ว สภาพห้างของเราตอนนี้ ออกแนวผวายัยแจงงี่มากเลยครับ
ในที่สุดผมก็เลือกมานั่งทำงานฝ่ายเดิม ผมมาถึงที่ทำงานเช้ามากถ้าเทียบกับคนอื่นๆ แต่พอเข้ามาถึงฝ่ายก็ต้องแปลกใจครับ เพราะไฟที่ห้องทำงานหัวหน้าเปิดอยู่ ผมลองเดินไปด่อมๆมองๆก็เห็นหัวหน้ากำลังนั่งทำงานอยู่ ท่าทางขยันแฮะ
“ สวัสดียามเช้าครับหัวหน้า ” ผมทักทาย หัวหน้าผมหันมายิ้มให้ เริ่มรู้สึกว่าพี่แกมีเสน่ห์ดีเวลาทำงานครับ
“ มาเช้านะ มากับดิษหรือปล่าว ” ทำไมถามแบบนี้วะ
“ เกี่ยวกับงานหรือปล่าวครับ ” ผมถามกลับไป
“ เราจะคุยกันแค่เรื่องงานเหรอ แน่ใจว่าจะทำแบบนี้ ” ผมรู้ว่าไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไรแล้วครับ
“ ไม่รู้ว่าหัวหน้าคิดกับผมยังไง แต่ผมมาทำงานไม่ใช่เหรอครับ ”
“ โอเคๆ ...... เอาเอกสารพวกนี้ไป ตรวจคำผิด แล้วเรียงพิมพ์ใหม่ทั้งชุด พวกคุณน่ะทำงานชุ่ยมาก ” ผมเดินไปหยิบแฟ้มสามปึกแล้วเดินออกมา พอเปิดอ่านถึงรู้ว่าไม่ใช่ผมทำและที่ลงชื่อเรียงก็ไม่ใช่ผมด้วย คงเป็นงานช่วงที่ผมไม่สบายและหัวหน้าคนเก่าก็กำลังทำเรื่องย้าย เรื่องนี้ให้แก้ไขก็ถูกต้องครับ แต่ไอที่ด่าว่าพวกผมชุ่ยเนี่ยไม่ค่อยจะถูกต้องนะผมว่า
ตลอดทั้งวัน ผมนั่งจัดการกับงานที่บกพร่องแล้วส่งให้หัวหน้าตรวจใหม่ เรียกว่าทั้งวันไม่ได้กินข้าวเลย ไอตัวหัวหน้านี่ก็ดูจะไม่ธรรมดาซะแล้วครับ พอเห็นผมไม่พัก เค้าก็ไม่พัก จนน้องๆพี่ๆในฝ่ายเริ่มจะเครียดๆกัน
“ บ่ายกว่าแล้ว พักทานข้าวได้แล้วนะ ” ผมเดินไปบอกน้องๆ ผมเป็นผู้ช่วยครับ เลยสามารถพูดกับทุกคนได้
“ ผมไม่กล้าออกไปด้านนอกอะพี่ หัวหน้าดุ ”
“ งั้นจะกินข้าวกันยังไงล่ะ ”
“ สั่งข้าวมาแล้วพี่ เผื่อพี่ด้วย ” สงสัยเห็นผมโดนกดดันครับ เลยอยากเลี้ยงข้าว สรุปวันนี้ทั้งวันผมไม่ได้ออกไปสูดอากาศด้านนอกเลย
ผมโดนใช้งานหนักมาประมาณสามวัน จนพอเข้าวันที่สี่ซึ่งตรงกับวันศุกร์ รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายออกอาการอยากจะอ้วก ผมเลยไปขอลางานช่วงบ่ายกับหัวหน้า ที่ถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้ชื่อเล่นของเค้าเลย เป็นคนที่สังคมแคบมากครับ
“ ลางานช่วงบ่าย ทำไมตรงกับที่ดิษลาเลยล่ะ ” ทำท่าจะกัดกูอีกล่ะ
“ ดิษไปดูพื้นที่จัดสัมมนาครับ ผมป่วย ” หัวหน้าเดินดุ่ยๆมาหาผมแล้วแตะมือที่หน้าผากโดยที่ผมแทบไม่ทันตั้งตัว ผมงี้ขยับหนีแทบไม่ทัน
“ ทำอะไรครับ ” มันยิ้มๆ
“ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก แค่อยากพิสูจน์ว่าป่วยจริงไหม ”
“ แล้วผมไปได้ไหมครับ ” ผมรีบถาม
“ ตัวอุ่นๆ คงป่วยจริงนั่นแหละ พักเถอะ ” ผมเดินออกมาจากห้อง พาลคิดไปว่า ทำไมเค้าเป็นคนแปลกๆได้ขนาดนี้ ทำท่าจะลวนลามกันในที่ทำงานด้วย และขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับก็ดันไปแอบได้ยินผู้ชายสองคนนินทากัน ทำนองว่า
“ หัวหน้าคนนี้ชอบผู้ชาย ทำไมเราไม่ลองเอาตัวแลกดูล่ะ ไม่ได้เสียหายอะไร เผื่อว่าเค้าติดใจเราอาจจะได้ดี ” ผมได้ยินก็ตกใจนะครับ ที่ทำงานกำลังจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ และที่สำคัญถ้าหัวหน้าดันไปทำแบบที่ไอพวกนี้คุยกันจริง คงจะแย่กว่าเดิม แต่ช่างเหอะ เรื่องของเค้านี่ ไม่สนใจหรอก
ช่วงบ่าย พอผมกลับมาถึงหอ ผมก็โทรให้ไอวินมาหาที่หอ พอมันมาถึงก็ร้องไห้ใส่ผมเลย มันบอกว่า ไอเดย์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ตอนนี้มันแค่ต้องการรู้ว่าทำไมไอเดย์ต้องทำแบบนั้น
“ ผมไม่คิดว่าจะคืนดีได้หรอกพี่ แต่ผมอยากรู้ว่าผมผิดอะไร มันถึงเลิกกันง่ายๆ อย่างน้อยผมไม่ใช่ของเล่นของมันนะพี่ ”
“ พี่ว่า ถ้ามันคิดว่าเองเป็นของเล่น มันคงไม่ตื้อมานานขนาดนี้หรอกน่า ใจเย็นหน่อย ” ขณะที่พูดไป ผมก็โทรหาไอเดย์ไปด้วย ในที่สุดมันก็รับสาย
“ ไอสัด มึงอยู่ไหน ” ผมว่ามันก่อนเลยครับ
“ ถ้าโทรมาเรื่องไอวิน ผมไม่คุย ผมไม่ค่อยว่าง ”
“ เออ ถ้าไม่คุยกับกู ก็ไม่ต้องถือกูเป็นพี่ ” ผมขู่ครับ
“ ...... จะคุยอะไรพี่ พี่ก็รู้ความลำบากใจของผม ” ผมตัดสินใจเปิดเสียงลำโพงให้ไอวินได้ยินด้วย
“ เรื่องทางบ้านมึงน่ะเหรอ ทำไมไม่แค่เล่าให้มันฟังวะ ” ไอวินทำตาปริบๆ มันคงไม่รู้มาก่อนแน่เลย
“ เล่าให้ฟังแล้วยังไงล่ะพี่ วินจะเป็นยังไงต่อ สู้ให้เค้ารู้สึกว่าผมเลวๆไม่ดีกว่าเหรอ เค้าจะได้ลืมคนที่ไม่เอาไหนแบผมเร็วๆไง ” จัดเต็มเชียวนะไอดิษน้อย
“ มึงจะไปเมืองนอกใช่ปะ ” ไอวินตาโตกว่าเดิม
“ ถ้าไม่ไป คราวนี้ผมโดนตัดหางปล่อยวัดแน่ พ่อผมบังคับ ”
“ งั้นมาคุยกันก่อนไม่ดีกว่าหรือไงวะ ”
“ ............ ” มันเงียบไปครับ
“ มาคุยกับวินมันก่อน โอเคไหม เดี๋ยวกูนัดอีกที ” เรื่องของมันสองคน ทำให้ผมนึกถึงซีรี่ย์เกาหลีเรื่องนึง ที่พระเอกจะต้องไปเมืองนอกอะไร เหอะๆๆ
“ ก็ได้พี่ นัดมาแล้วกัน ” ผมกดวางสาย
“ มันจะไปเมืองนอก พี่รู้ทำไมไม่บอกผมล่ะ ”
“ เฮ้ยๆ อย่ามาทำเหมือนจะโกรธกูนะเว้ย ” ผมรีบดักคอ
“ ปล่าว ไม่ได้จะโกรธ แต่ทำไมพี่ไม่บอกผม ”
“ กูเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง แล้วกูก็ไม่คิดว่าไอเดย์ตัดสินใจยังไง ถึงไม่ได้เล่าให้ฟังไง ” ผมยังเล่าเรื่องครอบครัวของไอเดย์ให้ไอวินฟังด้วย
“ ดูเหมือนมันจะไว้ใจพี่มากกว่าผมอีกนะ ” มีน้อยใจๆ ผมเอื้อมมือไปตบหัวมันหยอกๆ
“ อย่าโทษมันเลยนะ คุยกันก่อนแล้วค่อยคิด ”
“ สรุป ยังไงผมกับมันก็ต้องจบกันอยู่แล้ว เฮ้อ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ” วินดูจะพยายามปลงครับ ตรงจุดนี้ผมไม่คิดว่าวินจะทำใจได้เร็ว ผมรู้จักน้องคนนี้น้อยไปซะแล้วครับ
วินขออยู่กับผมก่อน จากนั้นช่วงเย็นวากดิษก็มารับผมสองคนไปกินข้าวข้างนอก ดิษดูอารมณ์ดีมากครับ
“ มีเรื่องน่ายินดีปะ ” ผมถาม
“ มีสิ เราจะไปจัดสัมมนากัน งานนี้กลับมาพี่อาจจะได้งานคืน ”
“ เจ๋งอะพี่ ..... แต่ผมไปด้วยได้ปะ ผมนอนในรถก็ได้ ” ไอวินพูดแทรกขึ้นมา ตอนนี้มันคงไม่อยากอยู่คนเดียวครับ ดิษก็น่าจะเข้าใจ
“ ไปด้วยกันนั่นแหละ ” ผมบอก
ก่อนวันไปสัมมนาสองวัน ผมมานั่งทำงานตามปกติ ส่วนไอวินวากดิษให้มาช่วยทำงานแบบทดลองงาน เพราะว่าภาษาอังกฤษของไอวินแข็งกว่าพวกผมมาก แต่ที่จะดูไม่ดีก็คือ หัวหน้าใหม่ของผมดูจะถูกชะตากับไอวินมากๆ และไอวินก็ดูจะเข้ากันได้กับไอวิน ผมล่ะไม่ค่อยสบายใจเลย
จนมาถึงตอนเที่ยง ไอวินก็เดินไปทำธุระข้างนอก ส่วนผมอยู่ที่โต๊ะ
“ คิม ”
“ ครับหัวหน้า ”
“ พี่เพิ่งได้ยินว่า วินกับคิมสนิทกันมาก ..... วินเพิ่งเลิกกับแฟนเหรอ ” ท่าไม่เวิร์คละ
“ หัวหน้าอย่าฉวยโอกาสดีกว่าครับ ” ผมรีบดักคอ
“ ที่จริงเลยน่ะ พี่ไม่ถูกใจวินหรอก แต่เห็นคิมหวงน้องขนาดนี้ ใครจะไปคิด เราอาจจะสนุกกันก็ได้ ” เอาล่ะ ได้ยินประโยคนี้เข้า ของขึ้นเลยครับ ผมลุกขึ้นประชันหน้าเป็นครั้งแรก
“ ขอคุยในห้องครับ ” หัวหน้าเดินนำผมมา
“ ทำไมเหรอ อยากมีอะไรกันในห้องหรือไง ” หน้าตาดี แต่ทำตัวน่าถีบมากครับ
“ พี่ ต้องการอะไรบอกมาเลยดีกว่า ” ไอหัวหน้านักเรียนนอกยิ้มอย่างกวนทรีนมาก
“ พี่ขอมีอะไรกับคิมครั้งเดียว แล้วพี่จะไม่ยุ่งกับวิน ไม่ขวางเรื่องย้ายด้วย ”
“ ฮ่าๆๆๆ ” ผมหัวเราะครับ
“ ตกลงเหรอ ” ไอหัวหน้าถามกลับมา
“ ฟังดีๆนะ ...... คอ วอ ยอ สมองมึงมีแต่เรื่องเป้ากางเกงหรือไง ” ความจริงด่าเต็มๆครับ ไอนั่นมันยังยิ้มไม่เลิก
“ ก็ได้ จำชื่อพี่ไว้แล้วกัน พี่ชื่อริช ..... สุดท้ายคิมจะยอมเป็นของพี่ เจอกันวันสัมมนานะ ” ผมขนลุกครับ ไม่อยากสนทนาต่อกับไอคนนี้แล้ว ผมเดินออกมาตั้งสติด้านนอก แล้วคิดไปว่าไอนี่ประสาทพอๆกับยัยแจงงี่เพื่อนมันเลย
************************************************************