ไม่ได้มาซะหลายวัน แบบว่ามีเรื่องที่ทันด่วนมาก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับวากดิษครับ แต่ตอนนี้ปกติแล้ว คิดอยู่นานเลยว่าจะเล่ายังไงดี สำหรับเรื่องที่เกิดเมื่อไม่กี่วันก่อน
แต่วันนี้ต่อก่อนแล้วกันนะครับ
*****************************************************************
ผมสามคนนั่งมองหมายเรียกที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็นั่งคุยกันว่า พ่อของเดย์รู้ที่อยู่ที่ทำงานของพวกเราได้ยังไง แต่พูดคุยกันยังไงก็ยังไม่ได้คำตอบซักที
“ เราอยู่อย่างนี้ไม่ได้มั้ง ผู้ใหญ่เล่นแรงมากเลย ” วากดิษพูดขึ้น
“ บอกเดย์ดีไหมพี่ ”
“ ไม่ได้ๆ ” ผมบอกไอวิน
“ น่าจะบอกน้องมันหน่อยนะพี่ว่า ” วากดิษเสนอครับ
“ ถ้าบอกมันตอนนี้ กลัวมันจะไม่ ....... ” ผมหันไปเห็นแววตาหวาดกลัวของไอวินเข้าพอดี จะว่าไปตอนนี้ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจริงๆครับ
“ อืมๆ ” วากดิษนี่เข้าใจง่ายครับ
“ แล้วผมจะทำยังไงดีอะพี่ ถ้ามันถามผมว่า พ่อเรากดดันวินหรือปล่าวไรงี้อะ ” มันหน้าตายังตื่นไม่หายเลยครับ
“ ใจเย็นหน่อยน่า วันนี้ก็เก็บของกันไปก่อนเถอะ ” เราสามคนวางหมายเอาไว้ที่โต๊ะ แล้วช่วยกันเก็บของที่เริ่มมีการขนกลับมาจากการสัมมนา
“ เฮ้ยวิน ตอนนี้พักที่ไหน บ้านหรือปล่าว ” ผมถามไอวินขณะกำลังเก็บของ
“ ไม่พี่ ผมพักข้างนอกแล้ว ”
“ มาอยู่กับพวกพี่ไหมวะ ” วากดิษเงยหน้ามามองพวกผม พี่ท่านไม่ได้ใช้แรงงานหรอกครับ เค้าต้องเรียงงานบนโต๊ะ
“ ห้องเดียวกันเหรอ ไม่ดีมั้ง ” เหอะๆๆ
“ ไม่ดีกว่าพี่ เกรงใจพี่สองคน ”
“ ไม่ได้หมายความว่าห้องเดียวกัน ให้นอนหอเดียวกัน ไหนๆก็ทำงานด้วยกันแล้ว ” ไอวินทำท่านึกๆ
“ ก็ไม่ดีอีกแหละพี่ ”
“ ยังไงวะ ”
“ หอพักของพวกพี่ ราคาสูงอะ ที่ผมอยู่ถูกกว่าตั้งครึ่ง ตอนนี้ผมยังไม่ได้เงินเป็นรายเดือนเลยพี่ มันจะไม่พอจ่าย ” โห มันคิดรอบคอบกว่าผมอีกครับ
“ งั้น เคยนึกถึงค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถที่ขึ้นไปกลับดูหรือยังว่าคุ้มกว่าจริงหรือปล่าว ”
“ ก็ ..... ผมไม่ได้คิดหรอกครับ ” เข้าทางกูเลย หึหึหึ
“ เอางี้สิ พี่จะออกค่าหอให้ครึ่งนึง มันน่าจะพอๆกับที่วินจ่ายหอเดิม ” โอ้โหๆ พี่วากดิษใจป้ำครับ
“ ผมเกรงใจอะพี่ ” มันเป็นคนขี้เกรงใจอยู่แล้วครับ
“ ถ้าเกรงใจพี่จริงก็มาเถอะ เพราะพี่ดูท่าทางแล้ว แฟนพี่คงไม่หยุดตื๊อง่ายๆ ถ้าไม่ยอมเค้าก็จะมาบีบบังคับพี่ต่อ ” อ้าว มีพาลว่ะ
“ อะไรๆ ใครบังคับอะไรใคร ” วากดิษยักไหล่แล้วก็ทำงานต่อ มาดเค้านี่นะ
“ ที่สำคัญ ช่วงพี่ไม่อยู่ วินจะได้เฝ้ายามแทนพี่ด้วย ”
“ เฮ้ยๆ ไปใหญ่ละ เฝ้ายามอะไร ”
“ ไม่ต้องห่วงพี่ ถ้าพี่คิมวอกแวก ผมรายงานแน่ ” อ้าว ไอสองคนนี้เฮ้ย
“ ไอวิน มึงน้องกูนะ ” มันนั่งยิ้มๆ
“ ผมก็น้องพี่ดิษด้วยไง แฮ่ๆ ” มองในมุมนี้ ไอวินดูน่ารักกว่าตอนแรกที่เจอกันมากเลยครับ แต่ผมมองมันเป็นน้องนะ ไม่ได้คิดไปไกลกว่านั้น หุหุ
หลังจากจัดการงานกันเสร็จ เราสามคนออกไปหาข้าวกลางวันกินกัน พวกคณะที่รุดหน้ามาก็เริ่มมาถึง พวกผมเลยกะว่าจะถือโอกาสไปช่วยไอวินย้ายของ แต่ทันใด ระหว่างกำลังจะเดินทางนั้น ผมก็คิดถึงคนๆนึงเข้าพอดี
“ ดิษ ดิษไปกับวินได้ปะ ขอคิมไปทำธุระ ” วากดิษทำคิ้วขมวด
“ ธุระที่พี่รู้ไม่ได้เหรอ พี่กะว่าจะทำอาหารให้กินด้วยนะ เย็นๆจะพาวินไปเดินเล่นด้วยกันสามคน ไหนจะพาไปหาพ่อพี่อีก น้องจะหนีไปคนเดียวแบบนี้ได้ไง ” ผมหันไปมองหน้าไอวิน ซึ่งมันก็ทำหน้างงๆ
“ ปกติพี่คุยกันแบบนี้เหรอครับ ”
“ อ้าว จะให้คุยยังไง ภาษาเหน่อหรือไง ” ผมตั้งใจล้อวากดิษครับ เพราะวากดิษพูดเหน่อๆ ฮ่าๆๆ
“ ไม่อะ พี่คุยกันเหมือนอยู่คนละบ้าน มีเรื่องคุยกันไม่หยุดเลย ...... แบบนี้คงไม่เหงากันเลยล่ะสิ ”
“ จริงเหรอ ” ผมถาม
“ ผมอยากคุยกันได้ทุกเรื่องกับเดย์แบบพวกพี่จัง ” มันพูดไปแล้วก็ยิ้มเศร้าๆออกมา
“ ดิษ ระหว่าง จัดการไอเด็กขาดความอบอุ่นนี่ด้วยนะ ”
“ อืม เสร็จแล้วโทรบอกนะ พี่จะไปรับเอง ” ผมบอกทำนองให้วากดิษปลอบใจน้องมันอะครับ จากนั้นพอวากดิษไปแล้ว ผมก็รีบโทรหาลุงคนที่เป็นทนายที่ช่วยกันจัดการยัยแจงงี่เมื่อคราวก่อน
“ สวัสดีครับลุง ”
“ ครับ ไม่ทราบใครครับ ” ทนายความนี่พูดเพราะเนอะ
“ ผมคิมครับลุง ที่เราเคยทำงาน ...... ”
“ น้องคิมๆ ว่าไงน้อง ” ว่าไงน้อง เหอะๆๆ
“ คือ ผมมีเรื่องต้องปรึกษา ผมถูกหมายเรียกจากตำรวจอะครับ ” จะลงท้ายว่าลุงก็ไม่กล้าครับ เค้าอยากเป็นพี่อะ แฮะๆๆ
“ เหรอ ไปทำอะไรเข้าล่ะ ”
“ ผมต้องเล่ายาวหน่อยครับ ...... พี่ คือ ผมไปหาได้ไหมครับ ” เวลาตอนนั้นบ่ายแก่ๆแล้วครับ
“ มาที่ศาลจังหวัดเลย พี่อยู่ที่บัลลังค์ที่ ...... มานะ ” อ้าวเฮ้ย ศาลเหรอ ให้ผมไปหาที่ศาลเพื่ออะไรล่ะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ เราเป็นคนโทรไปหานี่นะ อย่างไรก็ต้องไปแหละ
ผมไม่รู้หรอกครับว่าศาลจังหวัดที่ว่าอยู่ตรงไหน จำได้ว่าต้องไปแถบๆกำแพงเมือง เลียดคูเมืองไป จากนั้นก็อาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้างครับ ในที่สุดก็มาถึงจนได้ ตอนที่เดินเข้าไปมีเครื่องตรวจอาวุธด้วย ผมต้องส่งบัตรประชาชนให้เค้าสแกน จากนั้นก็ยืนงงครับ เพราะที่ทนายบอกว่าบัลลังค์ๆ ผมไม่รู้ว่าคืออะไร
“ เอ่อ พี่ครับ บัลลังค์ ...... ไปทางไหนครับ ” พี่พนักงานก็ยิ้มๆให้
“ มาฝึกทนายเหรอคะ ขึ้นไปชั้นสองค่ะ บัลลังค์คือห้องพิจารณาคดีนะคะ และก่อนเข้าไปปิดดทรศัพท์ด้วยนะ ท่านผู้พิพากษาห้องนี้เข้มงวดมาก ” เอาซะกูอยากเดินกลับเลยพี่ก็นะ ผมมองซ้ายมองขวาไปห้องน้ำ จัดเสื้อผ้า หน้า ผม ให้เข้าที่ ก่อนเดิมตรงไปตามที่พี่เค้าว่า พอเปิดห้องเข้าไป .......
“ .......... ” ในห้องตอนนี้มีชายสวมครุยสีดำสองคนนั่งอยู่ด้านบน น่าตื่นเต้นมากครับ ผมโค้งคำนับแล้วตรงไปนั่ง จากนั้นลุงทนายก็เดินมา
“ คนที่มาเกี่ยวกับคดีไหมคุณทนาย ”
“ ไม่เกี่ยวครับ ” ผมรีบตอบแทน กลัวมากเลยครับ
“ คิม เอาหมายออกมาซิ ” ผมรีบส่งหมายให้ลุงทนาย พอทนายดูหมายปับก็เดินนำผมไป และให้ผมนั่งที่ม้านั่ง
“ รอคนไปก่อน จะให้คุยกับท่าน ”
“ ท่านไหนครับ ”
“ ท่านที่นั่งบนบัลลังค์ไง ” จะห้ามก็ไม่ทันแล้วครับ ลุงทนายเดิมไปแล้ว
ผมนั่งรออยู่นานมากครับ แต่ก็คุ้ม เพราะผมไม่เคยมีโอกาสได้มาดูที่เค้าทำกันจริงๆว่าเป็นยังไง ต่างจากในละครเยอะเลยครับ
“ เอาล่ะ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ ” ตอนนี้พวกคนที่อยู่ในห้อง ออกกันไปหมดแล้ว เหลือผู้พิพากษาท่านเดียว (อีกท่านลุกไปก่อนแล้ว)
“ น้องของผมถูกหมายครับ หมายเรียกนี่ ไม่ได้ลงชื่อพนักงานสอบสวนจริงๆ เหมือนคดีก่อนเลยครับ ” อะไรกันก็ไม่รู้ครับ ผู้พิพากษาหยิบหมายมาดู แล้วก็เอาอีกใบมาเทียบ
“ เดี๋ยวผมจะคุยดู ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ” จากนั้นท่านก็ส่งหมายคืนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
“ เมื่อกี้อะไรครับ ”
“ ช่วงนี้มันมีข่าวไม่ดี เกี่ยวกับตำรวจน่ะ พี่เห็นว่าเป็นหมายเรียกเลยเอาให้ศาลดู ..... ดูนะ ในหมายมันไม่ลงชื่อพนักงานสอบสวน มันใช้คอมพิวเตอร์ ถึงมีตราสำนักงานตำรวจจริง ก็ใช้ไม่ได้ เมื่อกี้บอกว่ามีเรื่องจะเล่า บอกพี่มาสิ ” ทีแรกผมก็เขินๆคำว่าพี่นะครับ แต่ตอนนี้ชินแล้วครับ
“ ……………. ” ผมเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ลุงทนายฟัง พอฟังจบ ท่านก็หยิบหมายมาดูอีกรอบ
“ คนกล่าวหาชื่อคุ้นๆ เหมือนพี่จะรู้จักนะ ”
“ ท่านเป็นฑูตครับ ”
“ อืม ไม่แปลกใจแล้ว คิมไม่ต้องกังวลเรื่องหมายเรียกนี่นะ เอาใบนี้ไปลงชื่อ ให้อีกสองคนลงชื่อมาด้วย พี่เป็นทนายให้เอง แล้วเดี๋ยวพี่ขอดูให้แน่ๆ เราจะได้นัดกันอีกที ” ผมยกมือสวัสดี จากนั้นก็โทรหาวากดิษ
“ สวัสดีครับพี่ ” ไหง กลายเป็นไอวินนี่รับสายซะล่ะ
“ ดิษล่ะวิน ”
“ พี่ดิษบอกว่า งอนพี่คิมครับ ” อ้าว
“ งอนเรื่องอะไร ”
“ พี่ไม่ยอมโทรหาเลย ........ พอๆละพี่ คุยเองเหอะ ” ดูไอวากบ้ามันทำครับ
“ น้องหายไปไหนตั้งนาน พี่เป็นห่วง ” มันพูดไม่อายเลยครับ
“ เดี๋ยวกลับไปจะบอก มารับเราหน่อยสิที่ศาลนะ ”
“ หา !!!! ศาลเหรอ น้องอยู่ศาลได้ยังไง โดนจับแล้วเหรอ ” ให้พรกูจังนะ
“ ยังๆ เรามาปรึกษาเรื่องหมายนั่นแหละ มารับนะๆ ”
“ อืม ตอนนี้เย็นแล้ว งั้นเราออกไปเดินซื้อของกันเลยแล้วกัน น้องเดินไม่ไหว พี่จะให้ขี่หลัง ” เอาอีกล่ะ ถ้าเป็นงั้นจริง ภาพคงน่าดูชมมากเลยล่ะครับ ผู้ชายสองคนขี่หลังกันเดินห้าง
ดิษมารับผมที่หน้าศาล จากนั้นก็ไปเดินที่ห้างกัน ไอวินก็คุยกับไอเดย์ไปด้วย ส่วนมากเป็นไอเดย์มากกว่าที่คุย เพราะไอวินนั่งฟังเป็นส่วนมาก
“ เป็นไง พอจะหายคิดถึงไหม ” ผมถามไอวิน
“ ดีขึ้นบ้างพี่ ...... ดีแล้วที่พี่ให้ผมมาอยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงเหงาจริงๆ ” มันตั้งท่าจะร้องไห้อีกแล้วครับ
“ ไม่เอาน่าน้องชาย ”
“ ผมเข้าใจความรู้สึกกับคำพูดของเดย์ที่บอกว่า ...... มันลืมไปช่วงนึงว่าแม่เสียแล้ว เพราะผม ” มันเอาซะผมซึ้งเลยครับ วากดิษก็ได้แต่ถอนหายใจ เอาเถอะ ผมจะพยายามช่วยไอสองคนนี้เท่าที่ผมมีแรงแล้วกัน
จากนั้นวันเวลาก็ผ่านไปจนถึงวันที่ใกล้ถึงกำหนดตามหมายเรียก พวกผมสามคนสนิทสนมกันมากขึ้น นับไอโต้งที่ยังคงทำงานอยู่ด้วยกัน ก็เป็นเอฟโฟว์ได้เลย ส่วนยัยนัทและจอย ขอออกไปทำงานตามสายของเค้าครับ ทำให้บรรยากาศไม่ครึกครื้นเหมือนก่อนๆ
“ คิม ” ขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ พี่ริชก็เดินมาหา
“ พี่ว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ ”
“ อะไรครับพี่ ”
“ พี่ได้ยินว่า ห้างเราโดนเรียกไปสอบเรื่องภาษีน่ะ ” อะไรกันนะ
“ แต่เราก็เสียถูกต้องตลอดมานี่ครับ ” ผมไม่ได้ทำงานโดยตรง แต่เวลาวากดิษเอาเอกสารรายงานกลับมา ผมก็ขอศึกษาอยู่ตลอดครับ
“ พี่ไม่ทันช่วงที่แจงอยู่ ได้ยินทำนองว่า เราไม่ได้เอาส่วนที่หายไปมาคำนวณภาษี ตามปกติมันก็ไม่เอามารวมนะ พี่กำลังต้องไปที่สรรพากร คิมอยู่ทางนี้ ตรวจงานด้วยนะ ” พอพี่ริชเดินกลับไป ผมก็นึกถึงพ่อไอเดย์ขึ้นมาทันที ผมรีบเดินตรงไปที่ห้องทำงานวากดิษเลยครับ
“ ดิ ...... ” พอถึงห้อง วากดิษก็ชูมือทำนองว่าเดี๋ยวก่อนๆ ผมเลยเดินมานั่งที่เก้าอี้แทน
“ ครับ ผมทราบครับ ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการแล้วครับ …… ขอบคุณครับ ”
“ เป็นยังไงบ้าง ” วากดิษปาดเหงื่อที่หน้าผาก ผมอยากเดินไปเช็ดให้จริงๆครับ แต่ก็เกรงใจที่ทำงาน
“ มันมีคนมาก่อไฟข้างๆคลังของเราน่ะ ”
“ เกี่ยวกับพ่อของเดย์ไหม ”
“ พี่ไม่รู้สิ เราด่วนสรุปไม่ได้นะ อาจเป็นพวกมือบอลธรรมดาๆ ”
“ เรื่องภาษีล่ะว่ายังไง ” วากดิษทำหน้าสงสัย
“ ภาษีอะไร พี่ไม่รู้เรื่อง ” ท่าทางวากดิษเหมือนไม่รู้เรื่อง ผมเลยเล่าให้ฟังครับ
“ .............. ”
“ ทำไมเงียบล่ะ ”
“ วันก่อน พ่อของเดย์โทรมาถามถึงเดย์ พี่บอกว่าไม่รู้ เค้าบอกว่าอาจจะให้คนไปค้นที่หอพักเราก็ได้ แล้วก็บอกพี่ว่าเลิกยุ่งกับเรื่องของลูกเค้าได้แล้ว ถ้าไม่ฟังก็จะต้องตักเตือน ” เอาล่ะครับ
“ ขอเราคุยกับลุงทนายก่อนนะ ”
“ อืม บอกท่านมาที่นี่ก็ได้ มาตกลงกัน ” ผมรีบติดต่อลุงทนาย แล้วเล่ารายละเอียด ไม่นานนักท่านก็มาถึงที่ห้าง
“ ผมไปตามเรื่องให้แล้ว เรื่องหมาย ตำรวจโดนขอร้องให้ทำก็เลยออก ผมไปจัดการมาแล้ว ส่วนภาษีเค้าก็มีอำนาจตรวจได้ตามหน้าที่ แต่ดูๆแล้วต้องมีคนบอกมา เรื่องไฟไหม้ข้างคลังเก็บของกำลังดูอยู่ ...... เท่าที่ผมรู้มา ท่านนี้ไม่ธรรมดานะ เพื่อนฝูงเยอะ ” เอาแล้วสิ
“ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับ ” ผมถาม
“ บางทีก็ถึงเวลาต้องคุยล่ะครับ ต้องเจอหน้าคุยกันตรงๆ ”
“ ครับ ขอบคุณลุงมากนะครับ เดี๋ยวผมขอตกลงกันแล้วจะแจ้ง ” ลุงทนายดูจะนับถือดิษครับ เวลาเรียกตัวเองจะเรียกว่าผม
“ ดิษเราเอายังไงดี ”
“ บอกให้พ่อเลี้ยงเถอะ พี่จะไปบอกพ่อกับแม่ เราปล่อยแบบนี้นานๆไม่ดีหรอก ”
“ ได้ ” ผมจัดการโทรไปหาพ่อของผมที่ไร่ ปรากฏว่าพ่อของผมบอกว่า กำลังจะมาหาผมเร็วๆนี้อยู่แล้ว ทำเอาผมแปลกใจมากครับ ปกติพ่อผมไม่ออกจากไร่ง่ายๆ
“ พ่อจะมาทำอะไรเหรอครับ ”
“ ข้าจะไปคุยกับพ่อเดย์ ”
“ ทำไมงั้นล่ะพ่อ ไหนว่าจะรอก่อน ”
“ ลูกเค้าอ่อนแอมากแล้ว ถ้านานกว่านี้ ...... เออน่า ปล่อยให้พ่อคนเค้าคุยกันดีกว่า เองรอนั่นนะ พรุ่งนี้ข้าไป ” พอคุยจบก็วางสาย ไอที่ว่าอ่อนแอมาแล้วนี่ยังไงกันนะ จากนั้นก็ได้ยินว่า พ่อของวากดิษก็คุยกับพ่อผมแล้วเหมือนกัน สรุปแล้ว พรุ่งนี้ พ่อของผมกับพ่อวากดิษจะไปพบพ่อของเดย์ด้วยตัวเองครับ หวังว่าจะทำให้ชีวิตของน้องชายที่ชื่อเดย์ของผมดีกว่าที่เป็นอยู่นี้นะ
**********************************************************************
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ ^^