เรื่องงงๆนิดหน่อยนะ แฮะๆ แต่อยากเล่าอะครับ
****************************************************************
ตอนพิเศษ สัมภาษณ์ลูกจ้างใหม่
หลังจากที่ถูกกันออกมาจากงานของฝ่ายบริหาร ผมก็กลับมานั่งคิดว่า ผมน่าจะไม่ขยับไปหาเรื่องในเวลานี้ ควรจะรอเวลาไปเรื่อยๆ รอจนกว่าทั้งตัวผมและที่ทำงานพร้อม ค่อยตัดสินใจเดินงานของตัวเองต่อ และหลังจากที่คิดได้ดังนั้น ผมก็กลับมานั่งทำงานตำแหน่งเดิมคู่กับหัวหน้าริชต่อ
ส่วนไอวิน ตอนนี้ได้งานที่เกี่ยวกับสายวิชาที่เรียนมาแล้ว ก็มายื่นลาออกไป ทำให้ตำแหน่งที่ห้างของเรารับมันมาว่างลงครับ
“ คิม มานี่หน่อย ” พี่ริชเปิดประตูออกมา ยืนพิงขอบประตูเรียกผม เท่ซะ
“ ครับพี่ ” ผมเดินเข้ามาในห้องทำงาน
“ อ่ะ เอาไปอ่าน แล้วก็ไปแทนพี่ด้วย ” ผมรับมาส่งๆ ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะปกติพี่แกส่งอะไรมาให้ ผมก็รับมาทำหมด
“ ครับ ..... งานด่วนไหมพี่ ”
“ ด่วน ” จากนั้นพี่ริชก็นั่งทำงานต่อ
ผมเดินออกมาจากห้อง ไหนๆก็บอกว่าด่วน เปิดอ่านเลยแล้วกัน พอเปิดอ่านทำเอาผมตกใจมากครับ เลยรีบเดินกลับมาที่ห้องทำงานของพี่ริชอีกรอบ
“ พี่ ”
“ เดี๋ยวนี้ไม่เคาะประตูเลยนะ ” ยังมีอารมณ์เล่นกับกูอีก
“ พี่ ..... นี่มันสัมภาษณ์งานนะครับ ผมจะไปได้ยังไง ” ในเอกสารหน้าแรกก็ทำผมลมแทบจับแล้วครับ มันคือเอกสารที่เป็นคำสั่งให้ฝ่ายผมไปสัมภาษณ์งานพนักงานใหม่ที่มาสมัครแทนตำแหน่งของไอวิน
“ มีขาก็เดินไปสิหรือต้องให้ดิษอุ้มไป ”
“ พี่เว้ย !!!! ” พี่ริชตาเหลือกเลยครับ
“ โอเคๆ ไม่ล้อก็ได้ ..... พี่ติดงานนี่ รอฟังสัมภาษณ์ไม่ได้ ” แกชอบออกไปข้างนอกอะครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทำงานนะ แต่พี่ริชแกรับทำงานประชาสัมพันธ์กับประสานงานกับพวกผู้ใหญ่ นายทุนอะไรทำนองนี้ด้วย
“ ก็ให้ฝ่ายบุคคลเค้าทำหน้าที่ไปสิพี่ ”
“ เหรอ อืมๆ ”พี่ริชหยักหน้าหงึกๆ ท่าทางยังกวนตรีนไม่หยุดเลยอะ พี่ริชหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลข
“ หัวหน้า ..... คิมไม่ยอมทำตามคำสั่งพี่น่ะครับ ”
“ เฮ้ยๆ ” ผมหลุดพูดออกมา
“ อย่าแทรกซี่ๆ ..... อ๋อครับ อยู่กับผมนี่แหละ ..... อ่ะ คุย ” สรุปมันยังไงวะเนี่ย ผมเดินมานั่งแล้วรับสายต่อ
“ ครับ ”
“ คิมพี่ (ชื่อหัวหน้าฝ่ายบุคคล) เองนะ ..... เออ วันพรุ่งนี้มาสัมภาษณ์เด็กที่มาสมัครงานหน่อยสิ ”
“ เดี๋ยวผมไปพบนะครับ ”
“ ได้ๆ ” ผมวางสาย แล้วเปิดเอาเอกสารทั้งหมดมาดู
ในเอกสารมันเป็นเอกสารคำสั่งใบนึง อีกในคือคุณสมบัติเบื้องต้น กับหน้าที่ที่เราจะมอบหมาย อีกส่วนก็มีชื่อผมเป็นกรรมการคัดเลือก อีกคนก็หัวหน้าฝ่ายบุคคล และอีกคนก็ฝ่ายบุคคล
“ ทำไม ต้องเป็นผมล่ะพี่ ในนี้มันระบุชื่อผมเลยนะ ทำไมครั้งแรกบอกว่าไปแทนพี่ล่ะ ” พี่ริชนั่งยิ้ม
“ แค่อยากจะให้คิมทันคนมากขึ้นไง เวลาใครใช้ทำอะไร ดูซะก่อนว่าเค้าให้ทำอะไร ยังไง จะได้ไม่โดนใครทำร้ายจิตใจอีกไง ” โห มีสอนด้วยครับ
“ ขอบคุณครับพี่ งั้นผมไปคุยกับหัวหน้าก่อนนะ ” พี่ริชยิ้มๆให้ จากนั้นผมก็ออกมาครับ
ผมไปนัดแนะกับหัวหน้าฝ่ายบุคคล เรื่องต่างๆ คำถาม คำตอบ การแต่งกาย แล้วก็กลับมาทำงาน หลังจากหมดเวลางานก็กลับมาที่หอพร้อมกับวากดิษครับ
“ วันนี้เหนื่อยไหม ” ดูถามดิ
“ ถามทุกวันเลยนะ ” ผมถามกลับไป
“ ก็พี่เห็นคิมถืองานกลับมาด้วย พี่เลยกลัวคิมเหนื่อยไง ” ทำตัวน่ารักเข้าไป
“ ดิษ เราไปเยี่ยมพ่อก่อนปะ แล้วค่อยกินข้าวนะ ” ผมพูดครับ
“ อืม ทำตัวเป็นสะใภ้ที่ดีนะ ..... โอ้ยๆ อย่าตีดิ พี่เจ็บนะ ”
“ พูดแบบนี้อีก มีเรื่องแน่ ” มันดูไม่กลัวเลยอะครับ กูขู่นะเว้ย
“ เรื่องอะไร ไม่ให้พี่เอาเหรอ ...... แน่ใจ ” เดี๋ยวนี้มันมึนขึ้นเยอะเลยครับ เถียงไปก็เท่านั้นแหละ
“ พอๆ ไปล้างตัวได้ละ ” ผมไล่มันครับ
“ ได้ อาบด้วยกันนะ ประหยัดน้ำ ” อ้างแต่ละอย่าง ช่างเหอะ ตามใจมันครับ
เย็นจนถึงค่ำของวันนั้น ดิษกับผมก็ไปเฝ้าพ่อของดิษที่โรงพยาบาล ตอนนี้หน้าตาท่านสดใจขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายไม่ค่อยรับกับในหน้าเท่าไรครับ ค่อนข้างจะผอม หลังจากที่ท่านช่วยจัดการเรื่องของไอวินไอเดย์ ก็ป่วยอย่างที่เข้าใจกันครับ
“ ข้าว กล้อง ...... ” ช่วงนี้พูดได้ไม่กี่คำหรอกครับ
“ ครับ ” วากดิษเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
“ กลับ ...... เถอะ ”
“ ครับพ่อ แล้วผมจะมาหาตอนเช้า ” ช่วงนี้จะว่าไป ตั้งแต่พ่อของมันดูดีขึ้น มันก็ดีขึ้นด้วยครับ เพราะช่วงนั้นดิษกินข้าวน้อย นอนดึก เวลานอนก็นอนไม่หลับ
“ คิม เรากลับเถอะ ” วากดิษเดินมาจูงมือผมครับ ตอนนี้ผมไม่ค่อยอายแล้วครับ เมื่อก่อนก็เขินๆอยู่
“ คิม ” พ่อวากดิษเรียกผมครับ
“ ครับอา ” ผมเดินมาหา วากดิษก็ยังจับมือผมอยู่ ผมเห็นสายตาของท่านมองที่มือของผมสองคน
“ อย่าปล่อย ..... มือกันนะ ” ผมยิ้มให้อาครับ ก่อนจะเดินออกมา แอบยิ้มในใจเลยครับ ถ้าพูดได้ ผมก็จะพูดว่าผมไม่คิดจะปล่อยมือมันแน่นอนครับพ่อ
วันรุ่งขึ้น ผมแต่งตัวหล่อที่สุดเท่าที่จะหล่อได้ ใส่สูท ผูกเนกไทอย่างเท่ ฮ่าๆ เดินเข้ามางี้ สาวๆกรี๊ดเลย พอผมเดินผ่านก็ยังมีเสียงไม่หยุด กูหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ หุหุ
“ พี่คิม ดูนั่นดิ ” ผมหันไปตามมือของน้องคนนึง เจอเลยครับ
คนที่บรรดาลูกจ้างของเรากรี๊ดๆไม่ใช่ผมคนเดียวครับ (ที่เค้ากรี๊ดผม เพราะปกติผมแต่งตัวแย่มาก เหอะๆๆ) แต่เป็นคนหน้าตาหวานน่ารักมากทีเดียว มองการแต่งกายก็เห็นเลยว่าเป็นผู้ชาย แต่ที่แปลกคือเค้าผอมและหน้าอกก็ไม่มี ดูยากว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ
“ หล่อมากเลยอะพี่ ”
“ อืม ” ผมตอบผ่านๆ แต่ตาก็หยุดมองไม่ได้หรอครับ เพราะมันหล่ออย่างว่าจริงๆ ผมแพ้จริงๆ
“ หรือพี่คิมว่าไม่หล่อเหรอ ”
“ หล่อแบบนี้จะไหวเหรอ ผู้ชายผู้หญิงก็ไม่รู้ ” ผมตอบ
“ แหม .... ทีพี่พวกหนูยังกินไม่ได้เลยอะ ”
“ เลอะเทอะละยัยนี่ ที่กินชั้นไม่ได้เพราะชั้นมีแฟนแล้วหรอก ” เวลาพูดกับผู้หญิงผมจะพูดประมาณนี้อะครับ
“ ช่าย แฟนดุด้วย ..... หนูไปถ่ายรูปลงไอจีดีกว่า ” เหอะ พวกบ้า
ผมเดินมานั่งเตรียมสัมภาษณ์งาน รู้สึกกดดันครับ เพราะผมไม่ชอบซักไซ้ประวัติชีวิตใคร ส่วนนึงผมก็ไม่ชอบให้ใครซักไซ้ด้วย ก็เลยพยายามจะอยู่ตรงกลาง จะถามเฉพาะเรื่องงาน ส่วนจิตวิทยาอื่นๆ ให้หัวหน้าบุคคลเค้าจัดการ
ในรายการมีคนมาสมัครประมาณหกคน ที่มาสมัครกันน้อย เป็นงานด้านภาษาครับ คนที่จะเข้ามาก็เลยตั้งคุณสมบัติไว้พอสมควร เพราะคนที่จะเข้ามา จะต้องเป็นคนแปลภาษา หาข้อมูลวิชาการภาษาอังกฤษ ซึ่งพวกผมที่ทำงานงูๆปลาๆมากสุดๆ คนที่จะมาทำงานนี้ต้องเก่ง ถ้าไม่เก่งพวกผมก็แย่ด้วย
เราสัมภาษณ์กันไปเรื่อย ผมยอมรับว่า สามคนแรกผมไม่เห็นแววเลยครับ คือมีความรู้ตามที่ตั้ง แต่การตอบคำถามเวลาเราสอบถาม ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย แล้วก็มาถึงคนที่สี่
“ สวัสดีครับ ” พอโผล่เข้ามา ผมต้องดูรายชื่ออีกรอบ มันนางสาวอะ
“ น้องผิดคิวหรือปล่าว ” ผมถาม
“ ปล่าวครับ ชื่อผม นางสาว ...... ” คนที่เดินเข้ามา คือคนที่พวกข้างนอกกรี๊ดกร๊าดกันอะครับ ที่แท้เค้าเป็นผู้หญิง
“ เชิญนั่ง ” หัวหน้าบุคคลให้นั่งครับ จากนั้นก็เริ่มสัมภาษณ์
เราให้แนะนำตัวกับประวัติเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วก็ให้ลองค้นหาข้อมูลที่เราต้องการ และให้แปล ต้องทำอย่างรวดเร็วครับ และคนนี้ก็ทำได้ด้วย แถมยังไล่ตอบคำถามพวกผมได้เกือบครบ โดยที่สองคนจากฝ่ายบุคคลแบไต๋จะรับแน่ๆแล้วครับ
“ ขออภัยนะ ” ผมแทรกเข้ามา ก่อนที่จะให้เค้ากลับไป
“ ครับ ”
“ คุณเป็นผู้หญิง แต่ทำตัวเป็นผู้ชายอย่างนี้น่ะเหรอ ” เค้าจ้องผมตาเขม็งเลยครับ
“ ผมรักจะเป็นแบบนี้ครับ .... อึดอัดเพราะเรื่องนี้เหรอครับ ” หัวหน้าบุคคลพยายามจะแตะขาผม สงสัยกลัวเค้าโกรธมั้ง
“ ปล่าว .... แล้วเราจะแจ้งผลสัมภาษณ์ ” คนนั้นเดินออกไป ดูอายุในใบสมัครแล้วเป็นน้องผมสองปีครับ
ในที่สุดเราสามคนก็ให้คะแนน แล้วใส่ซองส่งไปให้หุ้นส่วนเค้าประชุมกัน ประชุมไม่นานครับ ก็มีมติมา เป็นน้องผู้หญิงที่เป็นผู้ชายคนนั้นเอง แต่ผมได้ยินด้วยว่า มีคนตำหนิที่เรารับคนเพศที่สามเข้ามา ความจริงผมเดาว่าจะเหน็บผมกับดิษมากกว่า
หลังจากเราแจ้งผลไปให้น้องเค้าทราบ น้องเค้าขอมาที่ห้างอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังไม่ถึงวันนัดเข้าทำงาน ขอพบผมโดยตรง ระหว่างทางที่มา ก็มีทั้งหญิงทั้งชายเดินไปหา คือไม่รู้นะครับ ผู้หญิงมองเค้าก็คงมองว่าเท่ ส่วนผู้ชายบางคนก็ชอบผู้หญิงแบบนี้ สรุปเค้าเป็นยอดนิยมแทนผมไปแล้วครับ
“ พี่ฮะ ”
“ ว่าไง ชื่ออะไรล่ะเรา ”
“ ชื่อเจนฮะ ” อืมเจน
“ อยากเจอพี่เหรอ มีอะไร ”
“ ต่อไป พี่มองผมเป็นผู้ชายนะฮะ ผมเห็นสายตาที่พี่มองผมวันนั้น รู้ว่าพี่กำลังสงสัยผม ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ไม่ต้องกังวลว่าผมจะทำให้งานพี่เสีย ผมตั้งใจเต็มที่ฮะ ” พูดจาฉะฉานกว่ากูอีก
“ พี่ไม่ได้สงสัย พี่ก็แค่ .... ” ขณะที่ผมกำลังจะพูด ก็มีผู้ชายหน้าตาเข้มๆคนนึงเดินมา
“ คุยกับใครเวลาทำงานน่ะ ” วากดิษครับ หุหุ มันเดินมาแล้วก็วางมือที่โต๊ะ ซึ่งผมก็วางมืออยู่
“ ....... สวัสดีฮะ ผมเจนครับ เพิ่งได้งาน อยากมาคุยกับพี่หัวหน้าน่ะฮะ ”
“ เฮ้ย พี่ยังไม่ได้เป็นหัวหน้า ” ผมรีบบอก ขณะเดียวกันเจนก็มองมาที่มือของผมกับวากดิษ แล้วก้ทำตาโต
“ เอ๋ !!!!! ” มันอุทานออกมา จากนั้นก็มองหน้าวากดิษ ทีแรกผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ แต่พอมองที่นิ้วนางถึงรู้ว่า เจนมันเอ๋อะไร มันเห็นแหวนของผมกับดิษนี่เอง
“ ได้ยินว่ายังไม่ถึงวันทำงาน .... มาหาคิมทำไม ”
“ ชื่อคิมเหรอฮะ สวัสดีครับพี่ ” มันยื่นมือมาให้ผมด้วยครับ แต่วากดิษจับมือแทนผมเฉย มึงหึงอะไรกับเค้าเนี่ย
“ ไปรายงานตัวกับหัวหน้าไป ชื่อริช อยู่ในห้อง ” เจนยิ้ม แล้วก็ลุกขึ้นมองหน้าวากดิษ ผมรู้สึกว่า มันเหมือนการเปล่งแสงใส่กันนะเนี่ย
“ ขอตัว ” เจนสะบัดมือแล้วเดินไปเข้าพบที่ริช
“ คนนั้นมันอะไรน่ะ มันส่งสายตาให้คิมทำไม ” ผมโดนลากมาสอบถึงห้องทำงานท่านผู้จัดการเลยครับ
“ อะไรของดิษเนี่ย เค้าเป็นผู้หญิง ”
“ โกหก ..... หน้าตาดีอย่างนั้นนะ อย่าโกหกพี่ ”
“ ผู้จัดการก็เข้าประชุมคัดเลือกอะ ” วากดิษทำหน้านึกอยู่ครู่ ก็ร้องอ๋อ
“ แต่ไม่รู้ล่ะ พี่ได้ยินว่าพวกนี้ชอบผู้ชายหน้าหวานๆ ”
“ เฮ้ย ว่าเราหน้าหวานเหรอ ” ผมสวนทันควัน
“ วากหน้าหวาน ลืมฉายาที่พวกน้องรหัสมันตั้งให้แล้วเหรอ ” ฉายานี้หายไปนานนะเนี่ย
“ เอาน่าอย่าคิดมาก ” ผมปลอบๆมันไปครับ
ผมก็ทำงานไปตามปกติ แต่มีเจนมาทำงานด้วยในฝ่ายเดียวกัน เค้าขยันดีครับ ได้ของขวัญจากสาวๆเยอะมาก ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับ แต่ชักจะหวั่นๆที่วากดิษพูด ว่าพวกนี้ชอบผู้ชายหน้าหวาน มันจริงเหรอวะ
ช่วงนั้นมีอยู่วันนึง พวกเรามีนัดกันไปกินเที่ยว ผมก็ไปด้วยเพราะฝ่ายเดียวกันไปกันหมด ส่วนวากดิษไม่ได้ตามมาด้วยครับ ต้องตามไปเฝ้าพ่อ พองานเริ่ม พวกเราก็กินเหล้ากันยกใหญ่ ส่วนผมงดครับ
“ เรามาร่วมสนุกกันครับ มาโหวตหนุ่มหล่อประจำวันกันดีกว่า ขึ้นมาๆ ” หนุ่มหล่อบ้าอะไร ฮุ้ว
“ พี่เจนขึ้นไปสิคะๆๆ ” หืม ผมหันขวับเลย
“ พี่คิม ไปด้วยกันไหมฮะ พี่น่ารักดีนะ ”
“ ฮิ้ววววววววว ” เชี้ย เริ่มแล้วไง
“ เจนแอบจีบพี่คิมอ่า ” ตอนนี้พี่ริชเริ่มหูผึ่งครับ
“ พอเหอะน่าๆ ..... อ้าวดิษมาได้ยังไง ” วากดิษมายืนยิ้มอยู่ข้างหลังผมแล้วครับ
“ มาสิเจน ไปวัดกันใครหล่อกว่า ” โอ้โห วากดิษแรง
“ ได้ครับ ลองเลย ” ผมได้แต่ส่ายหน้าครับ ส่วนคนอื่นๆเค้าไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไรกัน ยกเว้นพี่ริชที่ดูจะหัวไวเป็นพิเศษ
พิธีกรมันก็ทะลึ่งไปเรื่อย ผมนั่งมองผู้ชายที่ไปประกวด ที่มันไปประกวดกันเพราะ รางวัลคือเหล้าฟรีสองขวด ในใจผมก็แอบเซ็ง เดี๋ยวนี้กูไม่หล่อแล้วเหรอวะ เหอะๆๆ
“ มาโหวตกันครับ เจนหรือดิษ เจนหรือดิษ .... ” แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ ไอสองคนนั้นมันยืนอยู่สองคนสุดท้ายด้วยอะดิครับ ขณะที่ไอพิธีกรกำลังจะให้โหวต เจนก็ขอไมค์มาพูด
“ ผมว่าให้คนนึงตัดสินดีกว่าครับ ”
“ โอโห ใจป้ำนะครับ ..... สู้กันตัวๆ เจนน่าจะชนะนะเนี่ย ” ไอพวกที่มาเที่ยวดูจะนิยมหน้าหล่อกึ่งใสของเจนมากกว่าครับ แปลกดีเหมือนกัน
“ ให้คนชื่อคิม โต๊ะนั้นเลือกครับ ว่าใครหล่อกว่า ”
“ กรี๊ดดดดดดดดด ” เวรสุดๆเลย ไฟมันมาจ่อที่ผมแล้วครับ ผมต้องเดินด้วยความอายสุดขีดมาใกล้ๆเวลา ขณะที่พี่ริชกระซิบว่า
“ คิม ..... ตอบให้ดีนะ ”
“ ครับพี่ ”
ผมเดินขึ้นมาบนเวที โดยที่ก็หวั่นๆ ไม่รู้จะตอบยังไง ในที่สุดก็คิดได้ แล้วตอบออกไปว่า
“ ผมว่า .... ผมหล่อที่สุดแล้วครับ ให้สาวๆเลือกดีกว่า ”
“ ฮ่าๆๆๆ ” หัวเราะกันได้ยกนึงครับ จากนั้นเค้าก็ไปเลือกกันเอง ผลก็เจนชนะครับ
ต่อมา เจนกับดิษก็ชอบเขม่นกัน นับวันยิ่งมาก ผมได้แต่งงๆครับ ไม่นึกว่าเจนที่ผมมองว่าเป็นผู้หญิงทำดูเหมือนผู้ชายมาก แต่ต่างตรงที่อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง
หลังจากนั้นมีหลายครั้งที่เจนพยายามจะรุกใส่ผม และดิษก็ไม่อยากมีปัญหา ทั้งๆที่เค้าก็ไม่พอใจ แต่แทนที่เจนจะเข้าใจผมบ้าง เจนกลับเปิดเผยมากขึ้นว่ากำลังจะจีบผม ที่ทำงานก็เริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะพวกนั้นรู้ว่าดิษมันมีนิสัยยังไง ในที่สุดก็มาถึงวันที่ผมต้องพูดตรงๆ
“ เจน ”
“ ครับพี่คิม ” เวลาผมเดินมาหาที่โต๊ะ เค้าจะยิ้มรับเสมอ
“ พี่ขอคุยด้วยหน่อย ” เจนเดินตามผมมา
“ เจน ...... พี่ไม่ได้รังเกียจอะไรเจนนะ แต่พี่ว่าเจนหยุดทำแบบนี้เถอะ ”
“ ทำไมครับ พี่ลำบากใจเพราะเริ่มชอบผมใช่ปะ ” ผมมองยังไงก็เหมือนน้องชายที่ยังไม่โตอะครับ
“ ไม่หรอก แต่ถ้าเจนไม่หยุด พี่จะโกรธจริงๆแล้วนะ พี่ไม่ใช่คนชอบนอกใจใครนะเจน ..... หยุดก่อนที่พี่จะเกลียดเถอะ ” ผมพูดจบก็เดินออกมาเลย ผมได้ยินเสียงสะอื้นด้วย แต่ไม่ได้หันกลับไปหรอกครับ
เวลาที่เราเจอใครที่รักเรา ผมก็รู้สึกดีหรอกนะครับ แต่ถ้าเป็นลักษณะยั่วตลอดเวลา ทั้งที่ผมมีแฟนอยู่แล้ว ผมไม่ชอบเลยจริงๆ และครั้งนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยต้องพูดไปตรงๆ
จากนั้นสามวัน เจนก็ขอลาออกครับ หลายคนตกใจมาก เพราะไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้ พี่ริชให้ผมตามไปคุย ผมตัดสินใจไปคุยด้วยอีกครั้งนึง เจนให้เหตุผลกับผมทางข้อความว่า
“ ผมทำงานในที่ที่มีคนที่ผมแอบชอบไม่ได้ ยิ่งมองพี่กับพี่ดิษรักกัน ผมทนทำงานไม่ได้เลย ..... และผมไม่อยากให้พี่เกลียดผม ไม่เห็นหน้าพี่สองคนดีที่สุดแล้ว จากนี้ไปพี่จะได้สบายใจ ”
ผมเอาเรื่องนี้ไปคุยกับวากดิษ เพราะรู้สึกว่าเรื่องที่ผ่านมามันทั้งตลกทั้งเศร้า ทำไมเพราะรักมันทำให้เรื่องพัวพันจนมั่วแบบนี้ ผมไม่เข้าใจครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน วากดิษตอบสั้นกับผมว่า
“ พี่เข้าใจเค้านะ ..... คิมไม่ฉลาดอาจจะไม่เข้าใจ ”
“ ด่าโง่ เดี๋ยวมีเรื่องๆ ..... แต่เราต้องหาคนอีกแล้วเหรอ ตำแหน่งงานนี้เสียไปสองแล้วนะ นี่แค่สองสามเดือนเอง ” เจนทำงานไปประมาณสามเดือนเศษๆครับ
“ ไม่ต้องคิดมากหรอก ...... มีนักเรียนนอกจะมาสมัครงานอยู่แล้ว ”
“ ใคร ... ไอเดย์เหรอ เฮ้ย จริงอะ ” ผมเพิ่งรู้ว่า ที่มันไปเรียนน่ะแค่หกเดือนครับ
“ ไม่รู้สิ ...... อยากรู้ คืนนี้พี่ขอค่าบอก ”
“ แม่ม ทะลึ่งจริงๆ เลยโว้ย ”
“ ฮ่าๆๆ ”
*******************************************************************
เรื่องก็ประมาณนี้ครับ แต่ขอฝากไว้ก่อนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจดูถูกอะไรคนที่มีรสนิยมแบบนั้นนะครับ ผมก็แค่งง แฮะๆๆ
แล้วจะรีบมาต่อเรื่องไอวินไอเดย์ต่อไปนะครับผม จุบๆ ^^