หายไปหลายวัน มาต่อแล้วนะครับ เอาตอนพิเศษก่อนๆ บันทึกเรื่องหน้า เป็นเรื่องของพวกผมแล้วครับ แฮะๆๆ เอาแต่พิมพ์เรื่องคนอื่นเนอะ มาตามอ่านกันครับๆ
******************************************************************
ตอนพิเศษ ความในใจ (เมื่อปีที่แล้ว)
เมื่อปีที่แล้ว คงจำได้ว่า แม่ของผมป่วยอยู่ที่บ้าน ผมต้องหายไปหลายวัน กลับมาก็ล่วงเลยไปหลายวัน แต่ความจริงในช่วงสามสี่วันหลังจากนั้น ก็มีเรื่องให้ที่ผมต้องการเอามาเล่าสู่กันฟังด้วย
หลังจากวันที่พวกผมส่งแม่เข้าโรงพยาบาล แม่ผมต้องพักรักษาตัวอยู่หลายสิบวันแน่ๆ แม่เลยให้ผมกลับมาทำงาน ผมกับวากดิษเลยตัดสินใจกลับไปทำงาน โดยที่มีแฟนของผู้ใหญ่จันทร์ (น้าชายของวากดิษ) มาเฝ้าไข้
พอเรากลับมาถึง ผมก็ค่อนข้างเครียดครับ เพราะตอนนั้นกำลังเอาเสมหะไปเพาะเชื้อดูว่าป่วยเพราะอะไร วากดิษเห็นอย่างนั้นก็เลยโทรไปตามพี่โจ พี่กริช ไอแบงค์ มาลากผมออกไปเที่ยว
ในวันที่เราไปเที่ยวกัน มันก็พาผมไปที่ร้านแถวไหนไม่รู้ (ร้านที่เจนกับวากดิษแข่งหล่อกัน แต่ตอนนั้นผมไม่ค่อยรู้จัก เพราะผมเลิกเที่ยวนานมากแล้ว หุหุ) ผมจะได้ไม่แม่นนัก รู้แต่ว่าที่ร้านส่วนมากเป็นพวกที่ชอบเพศเดียวกันเยอะมาก พี่นากเป็นคนแนะนำให้ จากนั้นเราก็เข้าไปนั่งกินนั่งดื่มกัน
“ วันนี้ เรายังฉลองปีใหม่กันอยู่นะครับ ใครมีคู่แล้ว ยกมืออออ ” ผมไม่มีอารมณ์ยกกับเค้าหรอกครับ แต่มือผมก็โดนจับยกเฉยๆ
“ ฮิ้ววววววว ” ผมได้แต่มองเลิกลั่กๆ เพราะคนที่จับแขนของผมยกขึ้นคือวากดิษครับ
“ แสดงตัวแบบนี้ ขอเชิญบนเวทีเลยครับ ” อ้าว สรุป ในร้านเค้าไม่มีใครยกหรอกครับ มีแค่ผมกับวากดิษ
“ เฮ้ย ดิษ เราไม่เอานะ ”
“ เอาน่าคิม อย่าเขินไปดิ ไปโชว์ลีลาเสือคิมหน่อย ” ไอแบงค์มันเล่นผมละครับ
“ อะไรเสือคิม ” พี่กริชหันไปถามหวานใจเค้า ตอนนั้นเค้าเพิ่งจะเริ่มคบกันใหม่ๆครับ
“ เอาไว้คิมไปก่อน ผมจะเผาให้ฟัง ” เออ มึงเผาไปเลย ผมเดินตามวากดิษไปที่เวทีครับ พบเสียงปรบมือเบาลง ไอพิธีกรหน้ากวนโอ้ย มันก็ชวนผมคุย (แต่แอบยอมรับว่า มันชอบคิดอะไรสนุกๆให้เล่นบ่อยครับ)
“ เป็นแฟนกันจริงหรือปล่าวครับ ”
“ จริงปล่าว ” ไอวากดิษมันหันมาถามผมออกไมค์ พวกในร้านเค้าก็หัวเราะดิครับ
“ จริงมั้ง ” ผมตอบ
“ ฮ่าๆๆ ” นั่นไง
“ แล้วแบบนี้จะเชื่อได้ยังไงครับเนี่ย ” พิธีกรมันต้อนครับ
“ .... นี่ครับ ” มันจับมือซ้ายผมยกอีกละครับ วันนี้มึงจับยกๆเหมือนกูเป็นแมวเลยเนอะ
“ กรี๊ดดดด ” พอยกขึ้นก็เห็นแหวนคู่ดิครับ ในร้านก็ตื่นเต้นตามระเบียบ จากนั้นพอพิธีกรมันเชื่อ มันก็ให้โจทย์พวกผมมา
“ อธิบายตัวตนแฟนของคุณ น้องหน้าหวานเริ่มก่อนครับ ” เชี้ย น้องหน้าหวานแล้วยื่นไมค์ให้กู เดี๋ยวโดนๆ
“ แฟนผม ........ ” ตอนฟังคำถามแรกๆไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ แต่พอต้องพูดจริงๆ มันเหมือนติดอยู่ที่ลำคอหมดเลย
“ ...... ” วากดิษมันก็มองผมด้วยครับ
“ ใจเย็นๆได้ครับ เวทีนี้เป็นของน้องละ ” ให้กำลังใจดีนี่
“ คือ ...... ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยครับ ผมรู้แค่ เค้ารักผมมาก และเค้าห่วงผมตลอดเวลา ..... เค้าซื่อตรงกับผมตลอดเวลา เท่านี้อะครับ ”
“ สุดยอดๆๆ ” เขินชิบหายเลย เหอะๆๆ วากดิษก็ยิ้มบางๆให้ผม แต่ผมแอบมองเห็นว่า มันกำมือเหมือนกำลังลุ้นอะไรอยู่อย่างนั้นเลย
“ ต่อไป น้องสอยหลังได้เลยครับ ” ดูมันพูด ผมก็ยืนมองหน้ามันมั้ง เมื่อกี้กดดันกูดีนัก
“ แฟนผม ..... เจ้าชู้มากครับ ”
“ อะไรนะ ” ผมหลุดถามออกไปเฉยๆเลยครับ ก็มันตกใจอะ
“ แหม อย่าเพิ่งร้อนตัวไปสิ น้องหน้าหวานก็ ” ฮึ่มมมมม เดี๋ยวมึงอะโดน พิธีกร
“ แฟนผม ..... ทึ่มมากด้วยครับ ” เออ สนุกมันเลยสิ ในร้านก็สนุกพวกเค้าอะครับ ผมเลยตัดสินใจฟังเฉยๆดีกว่า
“ เค้าไม่เคยรู้เลยว่า เค้าทำให้ผมห่วงแทบทุกวินาที ที่ผมไม่อยู่ใกล้ๆ ” โห ลีลาการพูดมันถึงอารมณ์จริงอะครับ
“ แม้แต่เวลานอน ผมยังห่วงว่า เค้าจะฝันถึงผมหรือปล่าว ”
“ หูววววว ”
“ เพราะในฝันของผม มีเค้าอยู่ตลอดเวลาครับ ”
“ ฮิ้ววววววววว ” ไอเสียงดังๆเนี่ย มาจากโต๊ะพวกผมนี่แหละ
“ ผมอยากบอกเค้าว่า .... ผมห่วงเค้ามากกว่าที่เค้ารู้ครับ ” แต่ประโยคนี้สิครับ ทำให้ผมช็อตไปชั่วขณะ เพราะผมเคยได้ยินคำๆนี้มาเมื่อนานแล้ว ขณะที่คนในร้านกำลังปรบมือให้คำพูดของวากดิษ ...... ประโยคนั้นทำให้ความคิดของผมเหมือนกับย้อนกลับไปเมื่อปีแรกที่ผมเข้าเรียนมหาลัย
ย้อนกลับไปในปีแรกๆที่ผมเข้าเรียน นึกตามนะครับ หุหุ
ปีแรก พวกผมมีหน้าที่พิเศษ ต้องจัดการกับหญ้ารกๆในแปลงหลังมอ จุดที่เรารับน้องกันอะครับ ต้องเตรียมพื้นที่เอาไว้เพาะปลูกนู้นนี่ด้วย ก็เลยต้องมารวมๆกันช่วงบ่ายวันศุกร์
“ เฮ้ย มึงอะ มาช่วยงานเพื่อนบ้างสิ ” ผมหันไปมองคนที่เหมือนๆจะเรียกผม ตอนนั้นกำลังเริ่มซ้อมเชียร์ รับน้อง ผมก็เริ่มจะมีชื่อขึ้นมา เพราะผมเลือดออกตอนที่รับน้องวันแรก แต่คนที่ไม่รู้ก็หาว่าผมเรียกร้องความสนใจ สำออย และมีคนเอาไปคุยอีกว่า ผมรู้จักกับพี่รหัสคือพี่โจ ทำให้ผมไม่ค่อยได้รับงานของพี่ๆมาทำเท่าไร และที่สำคัญ เพราะทางบ้านผมพอจะมีเงิน ก็เลยโดนแบ่งแยกอีกว่าผมเป็นพวกคนรวย หยิ่งจองหอง ผมก็ไม่สนใจครับไร้สาระ
“ กูก็ช่วยอยู่ที่ไง ตักดินให้พวกมึงอยู่เนี่ย ” ผมบอกเพื่อนคนนั้น
“ อะไรมึง มาทำอะไรที่มันใช้แรงหน่อยดิวะ ทำแต่งานง่ายๆ ” ได้ยินดังนั้นก็เดือดดิครับ ผมเดินปรี่ไปหามันเลย
“ แล้วงานอะไรใช้แรง ชกมวยไหม ”
“ เฮ้ย หยุดเลย ” ทันใดนั้น วากเกอร์ขาโหดคนที่ผมโคตรเหม็นหน้า (ตอนนั้น แฮะๆๆ) ก็เดินมา
“ พี่ดิษ ไอคิมมันท้าผมต่อย ”
“ อะไรวะ อย่าทำหน้าตัวเมียสิวะ มึงพูดว่า ...... ”
“ หยุดได้ไหม !!!!! ” ผมตาเหลือกเลยครับ
“ อะไรครับ ” ผมถามวากดิษ
“ ทำอะไร ให้สมกับเป็นนักศึกษาหน่อยซิ อย่าเอาแต่ชวนทะเลาะกับคนอื่น ” โห ผมงี้ขึ้นเลยครับ
“ ผมว่าพี่นั่นแหละมีปัญหา พี่เชื่อมันแล้วไม่เชื่อผมเลยหรือไง ” ผมเถียง
“ พอ !!!! เลิกเถียง ไปทำงานที่อื่น ขุดหลุมก็ได้ถ้าแรงเยอะนักน่ะ ไป ” พอมันคล้อยหลัง ผมก็เดินกลับไปเคลียร์กับไอคนนั้นต่อ เพราะมันเหมือนยังนินทาผมไม่หยุดอะ
“ เมื่อกี้มึงอะไรอีก ”
“ อย่าหาเรื่องเพื่อนสิวะ ” ไอนี่มันพูดเหมือนยุให้วากดิษได้ยินเลย แล้วก็จริงๆครับ ผมโดนวากดิษลากออกมาด้วยความรุนแรง แล้วก็จ้องหน้าผมอีก (คือเค้าน่ะ แค่จ้องหน้าก็ทำคนอื่นกลัวได้ละครับ เหอะๆ)
“ จะมาเรียนหรือมาหาเรื่อง ” ดูเค้าซักสิ
“ พี่ ถามหน่อย ทำไมพี่ต้องจ้องหาเรื่องผมด้วย ”
“ ....... อะไรนะ จ้องหาเรื่อง ”
“ ใช่ พี่อะจ้องหาเรื่องผม เมื่อกี้ก็คอยดูผมอยู่ใช่ปะ ว่าผมเดินไปหาไอนั่น ” วากดิษเริ่มไม่จ้องหน้าครับ แต่หันไปทางอื่นแทน แปลกคนเนอะ
“ เอาอะไรมาพูด ”
“ พี่ ถ้าเป็นเพราะผมสนิทกับพี่โจน่ะ ไม่ใช่อะไรเลยนะพี่ .... ”
“ เลิกทำตัวสนิทกับรุ่นพี่ซะ คนอื่นเค้ามองอยู่ ถึงจะเป็นที่รักของคนอื่น แต่กูคนนึงจะไม่ยอมหรอก ” ผมตกใจเลยครับ
“ อะไรนะพี่ ว่าไงนะ ” กูเป็นที่รักก็ไม่ได้ นี่มันยังไงวะ
“ มึงน่ะ ....... ไม่เข้าใจกูหรอก ” พูดจบก็เดินไป เออ ไอวากบ้า
จากนั้น ในคณะก็พูดไปต่างๆนาๆว่า ผมจองหอง ชอบชวนทะเลาะ กลายเป็นเรื่องเลยครับ คือพวกพี่ๆเค้าเข้าใจ เพราะเค้าคบหากับผม แต่พวกเพื่อนๆหลายคน มันดันรุมตั้งแง่กับผม เป็นเหตุให้ผมมีเพื่อนที่สนิทๆไม่ถึงสิบคน ทั้งๆที่คณะมีคนตั้งเป็นร้อยๆคน (คงรู้แล้วว่า ทำไมผมถึงพูดถึงเพื่อนแค่ไม่กี่คน)
ครั้งนึง ผมเคยโดนพวกเพื่อนรุมแกล้งด้วยการบอกวันซ้อมเชียร์ผิด ส่วนเพื่อนๆที่สนิทก็ไม่รู้ นึกว่าผมรู้แล้วว่าเค้าเลื่อนซ้อม ผมขาดซ้อมวันสำคัญไปวันนึง ผมโดนประจานคาลานเชียร์เลยครับ แถมยังจะโดนตัดรุ่นด้วย
“ เก่งนักเหรอ ไอ !!@@!!@!! ” ตอนนี้ผมลุกยืนอยู่ คนข้างในก็รุมด่าไปตามรายการที่เตรียมไว้ ส่วนพวกเพื่อนที่ไม่ชอบหน้าผมมันก็นั่งยิ้มดิครับ
“ พวกคุณ ” วากดิษมาละครับ พอเจอหน้าคนนี้ ผมคิดเลยว่าผมโดนตัดรุ่นแน่ๆ
“ ครับ ”
“ พวกคุณรู้จักปีหนึ่งคนที่ยืนไหม ” ผมยืนนิ่งๆรอฟังคำตอบ แต่สิ่งที่พวกนั้นตอบทำเอาผมโกรธเป็นไฟเลยครับ
“ ไม่รู้จักครับ ” ผมคิดว่าพวกมันคงกลัวโดนลงโทษครับ
“ รู้จักครับ ” สรุปรุ่นพี่ก็ให้ยกมือกัน คนรู้จักมีน้อยกว่าครับ
“ พวกโกหก ” วากดิษวากใส่พวกที่บอกไม่รู้จักครับ
“ ไอพวกไม่รักเพื่อน ไอเลววว ” ตอนนั้นผมก็งงๆครับ เพราะความจริงผมก็น่าจะโดนตัดรุ่นไปแล้ว
“ เพื่อนคุณ คุณยังทำแบบนี้อีก ไม่สมเป็นคนที่อยากเป็นน้องผมเลย ทุเรศ คนที่บอกว่าไม่รู้จัก ไปกระโดดน้ำ ไป !!!! ” ขณะที่กำลังงงๆ ผมก็ยกมือขึ้น
“ อะไรปีหนึ่ง ”
“ ให้พวกผมโดนลงโทษด้วยกันเถอะครับ ” ผมพูด
“ ปล่อยมันปีหนึ่ง ให้พวกโกหกหน้าไม่อาย โดนลงโทษ ”
“ แต่พวกผมเป็นเพื่อนกันครับพี่ ”
“ ........ ” เงียบทั้งลานเลย ปกติไม่ค่อยมีใครเถียงรุ่นพี่หรอกครับ มีผมนี่แหละ แฮะๆๆๆ
“ ตามใจ ไปกันให้หมด ”
ในที่สุด ก็ได้อาบน้ำโคลนถ้วนหน้าครับ แต่ตอนที่โดนลงโทษ เพื่อนหลายคนก็มาขอโทษผม เพราะแต่ละคนรู้ว่าวากดิษไม่ชอบหน้าผม (ตอนนั้นเข้าใจแบบนั้น) แต่ครั้งนี้เห็นว่าผมถูก แสดงว่าผมถูกจริง จากนั้นมา ผมก็โดนแรงต้านน้อยลง ขณะเดียวกันวากดิษ ก็ยังทำเหมือนไม่สนใจผมเหมือนพี่ๆคนอื่น
เหตุการณ์สุดท้าย ก่อนที่ผมจะได้รู้เหตุผลลึกๆที่วากดิษทำตัวแบบนั้น คือวันที่มีเลี้ยงน้องกัน ตอนนั้นกำลังจะมีการรับน้อง แต่พี่ๆเค้านัดเลี้ยงก่อน ผมก็ไปร่วมด้วย
“ เรามันไม่ใช่ที่รักนี่ ถึงไม่มีคนช่วย ” ไอคนคนเดิม ไอบ้าที่ชอบกัดผมตลอดเวลานั่นแหละครับ แขวะผม
“ ที่รักอะไร กูเรียนรู้เรื่อง พี่เค้าก็ให้หนังสือ เกี่ยวอะไรกับที่รัก ” คือว่า พี่ปีสองปีสามหลายคน เอาหนังสือมาส่งให้ผมเรียนครับ เพราะตอนนั้นเราสอบกลางภาคกันไป คะแนนผมดีมาก
“ ไม่จริงหรอก ไอเด็กเส้น ” อ้าว
“ มึงนี่ขี้แพ้ชวนตีจริงๆ กูไปทำอะไรให้นักหนา ถึงต้องกวนตีนกู ”
“ มึงสิกวนตีน ” พอมันพูดจบ มันก็ต่อยผมเฉยเลยครับ ผมหงายไปอีกทาง พอผมตั้งตัวขึ้นได้ ผมก็จะเอาคืนครับ
“ อย่า ”
“ พี่ดิษ ปล่อยกูนะเว้ย ไม่เห็นหรือไง มันต่อยกูก่อนอะ ” ผมดิ้นสู้ครับ แต่แรงเค้าเยอะมาก (เยอะเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เหอะๆ)
“ ถอยมานี่ เร็ว ” ผมโดนลากออกมา ทั้งๆที่โดนต่อย ส่วนพี่อีกสองสามคนก็เดินไปหาไอคนที่ต่อยผม
“ พี่ดิษ ผมทนไม่ไหวละ ผมทำอะไรให้พี่นักหนา พี่ถึงต้องเกลียดผมขนาดนี้ ” ในวงที่ผมโดนลากออกมา มีแต่ปีสามละครับ
“ หืม มึงว่าอะไรนะ ไอดิษเนี่ยนะเกลียดมึง ” คนที่พูดคือพี่หมีครับ
“ ใช่พี่ พี่ดูเอาสิ ผมโดนต่อย ผมโดนนินทา ผมโดนว่า ผมโดนสารพัด ทำไมผมไม่เคยถูกสายตาพี่เลยวะ ”
“ ........ ” วากดิษ กำมือแน่น หลับตากัดฟันกรอดๆ มันจะฆ่ากูไหมวะ
“ ไอดิษ มึงก็บอกซะทีสิวะ ว่ามึงทำแบบนั้นทำไม ปกติมึงก็ยุติธรรมกับทุกคนนะ ” พี่อีกคนพูดขึ้น คือ ในคณะแทบจะรู้กันทั่วว่า พี่ดิษไม่เคยเข้าข้างผมเลย
“ ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะพวกมึงไง ไอพวกโง่ ” พูดจบ วากดิษก็เดินไป ผมได้แต่มองตามไป แล้วก็ต้องแปลกใจครับ เพราะวากดิษเดินไปต่อยไอคนที่ชอบกวนตีนผม แล้วต่อยแรงด้วยครับ เลือดสาดเลย จากนั้นมาด้วยเหตุที่ว่ามานี้ ทำให้พวกเพื่อนๆรุมเกลียดไอคนที่ชอบหาเรื่องผมแทน และมันก็ลาออกไปจากนั้นไม่นาน
หลังจากงานเลี้ยงรับน้องกันจบ ผมตั้งใจว่าจะต้องเคลียร์ใจกับวากดิษจริงๆจังๆ เพราะผมไม่เข้าใจไอที่มันพูดว่า ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะพวกพี่ๆปีสองปีสามทำแบบนี้ ผมเลยแอบไปดักรอมันที่ห้องนอนที่หอ
“ มาทำไม กลับไปนอนซะ ”
“ พี่ ผมขอคุยด้วย ” วากดิษถอนหายใจ
“ ถึงพี่ไม่ชอบขี้หน้าผมก็เถอะ ”
“ ทำไมชอบคิดอะไรเอง กูเกลียดขี้หน้ามึงยังไง ” แล้วเค้าไปโมโหใครมาวะ
“ ผมคิดอะไรเองตรงไหนพี่ พี่ลองนึกนะ ........ ” ขณะที่ผมกำลังจะอธิบาย มันก็โยนกระเป๋าใส่เตียงนอนของมัน แน่จริงไม่เขวี้ยงลงพื้นวะ หึหึหึ
“ อะไร มึงนั่นแหละต้องคิดตามที่กูพูด กูเคยบอกไหมว่าอย่าสนิทกับรุ่นพี่มากนัก คนในรุ่นมึงเค้าจะเพ่งเล็ง บอกว่าทำตัวให้ดีๆเพราะมึงเด่นตั้งแต่วันแรกๆ นิสัยเข้าชู้ของมึงน่ะ คนเค้าจะหมั่นไส้ กูเคยบอกไหม ”
“ ก็ใช่ พี่บอก แต่ว่า ..... ” กำลังจะบอกว่าไม่เข้าใจ แต่มันไม่ให้พูดครับ
“ วันนั้นที่หลังมอ ถ้ามึงหาเรื่องไอเชี้ยนั่น มึงจะโดนเพ่งเล็งมากขึ้นไหม แล้ววันนั้นถ้ามึงต่อยมันกลับ คนก็จะพากันไม่ชอบมึง เพราะมึงใจร้อน อะไรพวกนี้มึงเคยคิดเองไหม ” ผมนิ่งเลยดิครับ
“ ครับ ”
“ กูเคยคิดว่ามึงจะดูแลตัวเองได้ดีซะอีก .... ต้องให้กูห่วงอยู่เรื่อย ”
“ อะไรนะพี่ ”
“ หึ โง่ ...... ” โดนอีกละกู
“ งั้น ขอบคุณนะพี่ ...... ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ” มันยิ้มออกครับ
“ กูห่วงมึง มากกว่าที่มึงเข้าใจแล้วกัน ” มันพูดเหมือนขอไปทีครับ ผมเลยไม่ถามต่อ แล้วตอนนั้นก็เรื่มจะเซงๆอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันด้วย เลยเดินหนีออกไป แต่คำว่าห่วงผมมากกว่าที่ผมเข้าใจเนี่ย ติดอยู่ในหัวตั้งแต่นั้นมา........ กลับมางานเลี้ยงของเราครับ พอเราขึ้นไปทำกิจกรรมบนเวทีกันจบ ผมก็เดินลงมาข้างล่างกับวากดิษ รายนั้นยิ้มภูมิอกภูมิใจ แต่ผมอะเหมือนโดนน้ำเย็นสาดให้ตื่นนอนเลยครับ ตอนนั้นผมนั่งเงียบๆความจริงๆไม่ได้คิดถึงเรื่องแม่แล้ว แต่มานึกถึงประโยคๆนั้นแหละครับ
หลังจากเราแยกย้ายกัน ผมสองคนก็กลับมาที่หอพักกัน
“ เมื่อกี้ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้อายนะ พี่แค่อยากให้คิมยิ้มบ้าง ..... พี่นี่เล่นอะไรไม่รู้เนอะ ” ยิ่งผมคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้ว ทำให้ผมน้ำตาซึมออกมาไม่รู้ตัวเลยครับ
“ คิม .... เป็นอะไรเหรอน้อง ” ผมได้แต่ยิ้มให้มัน แต่พูดไม่ออกครับ
“ ขอบคุณนะ ” วากดิษมองตาปริบๆ
“ เรื่องอะไร ??? ” หน้างงๆของมันนี่ตลกมากครับ
“ ที่ ........ ที่ผ่านมาทั้งหมดเลย ขอบคุณนะ ”
“ อืม พี่ห่วงน้องนะ ” จบละครับ
**********************************************************************
ช่วงหลังนี้ ไม่ค่อยมีโอกาสกลับมาอ่านบันทึกเลยครับ อ่านหนังสือซะมาก บันทึกเลยช้า แต่ผมไม่อยากนึกๆคิดๆแล้วพิมพ์อะ อยากเอาอะไรที่มาจากสิ่งที่บันทึกมาพิมพ์ ^^ ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ
ปีใหม่นี้ ขอให้ผู้ที่ต้องเดินทางกลับบัานถึงที่หมายโดยปลอดภัยและกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองด้วยแรงใจเต็มเปี่ยมนะครับ สวัสดีปีใหม่ๆ