อ่านจบอย่าเพิ่งคิดไปไหนนะ ใจร่มๆ แฮะๆๆ
************************************************************
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า มองดูโทรศัพท์เป็นอย่างแรก แอบหวังว่าวากบ้ามันจะโทรกลับมาหากันบ้าง แต่ไม่มีเลยครับ ผมเห็นไอวินกำลังนอนอุตุอยู่ เลยไม่อยากปลุกมันตอนนี้ครับ ผมเดินขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็เดินลงมาปลุกไอวิรออกไปหาข้าวกินข้างนอก จากนั้นก็กลับมาแต่งตัวออกไปทำงานกันครับ
“ พี่อย่าเครียดเลยนะ ” ไอวินพูดกับผมบนรถโดยสาร รถช่วงเช้านี่คนจะน้อยครับ
“ เออน่า ไม่เครียดคงไม่ได้หรอก ”
“ พี่ดิษคงมีเรื่องสำคัญจริงๆนั่นแหละ ไม่ก็อาจจะลืมมือถือทิ้งไว้ ” ผมก้มหน้าลงมามองไอวิน มันนั่งที่เบาะส่วนผมยืน
“ ไม่ต้องแก้ตัวให้มัน พี่จะรอถามมันเอง ”
“ เดี๋ยวพูดไปพูดมาก็จะทะเลาะกันอะพี่ ”
“ ไม่ต้องรู้ดีเลย นั่งเฉยๆเหอะ ” ไอวินถอนหายใจเฮือก เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนมาถึงที่ทำงาน
“ เที่ยงเจอกันนะพี่ ” ไอวินต้องไปทำงานอีกห้องนึงครับ
“ อืม ขยันๆเก็บเงินไว้ขอไอเดย์ ” มันทำท่าอายๆครับ
“ บ้าว่ะพี่ ” เหอะๆ เขินเป็นด้วยนะเดี๋ยวนี้ ผมเข้ามานั่งรอที่โต๊ะ พักนึงก็เริ่มมีคนเข้ามาทำงานครับ
“ ทำไมกลับมาไวจังล่ะพี่ ไหนว่าจะมาวันนี้ไง ”
“ ก็มาวันนี้ไง ” ผมตอบไอคนที่ถามมา
“ โห ตอบแบบนี้มีเรื่องดิพี่ ตอบตามความจริงมาเลย ” จะบอกมึงดีไหมว่า วากดิษมันหายหัวจนผมต้องกลับมาอะ
“ มันไม่มีเรื่องน่าสนใจแล้ว ห่วงงาน ” โกหกซะเลย หึหึหึ
“ ผมก็นึกว่าจะถือโอกาสไปเที่ยวกับพี่ดิษ เห็นลาไปเฉยๆ ”
“ พี่ดิษบอกไหมว่าไปไหน ” ผมถามมันอีก
“ ขนาดพี่ยังไม่รู้ ผมก็คงไม่รู้อะพี่ ”
“ เออ ไปทำงานไป ” แล้วผมก็นั่งกลุ้มต่อไปครับ
ช่วงสายๆพี่ริชเข้ามาทำงาน พอเจอหน้าผมก็เดินดุ่ยๆเข้าไปในห้อง ไม่ทักไม่ทายเลยครับ ผมเห็นแปลกๆเลยเดินเข้าไปขอคุยด้วย
“ ไม่ทักกันเลยนะพี่ ” พี่ริชมองหน้าผม แต่ไม่พูดอะไร
“ โกรธอะไรผมหรือปล่าวพี่ ”
“ ไม่หรอก ไปทำงานดีกว่าไป วันนี้พี่ยุ่งๆ ” ตามปกติ พี่ริชแกชอบหยอกผมเป็นกิจวัตรเลยครับ พอเห็นแบบนี้ผมเลือกหนีดีกว่า เหอะๆ
ช่วงที่งานว่างๆ ผมเลือกเดินไปตามหาวากดิษที่ห้อง แต่ก็ไม่พบ ผมถามเลขาฯ เค้าบอกว่าวากดิษไม่ได้บอกว่าไปไหน ผมเลยถามหาเบอร์ติดต่อ เพราะเวลาหัวหน้าลางานต้องมีเบอร์ที่ติดต่อได้ แต่เลขาฯตอบกลับมาว่า มันไม่ได้ให้เบอร์ไว้ แต่ให้เอางานไปผ่านผู้จัดการอีกคนนึงแทน มันเริ่มจะแปลกๆมากขึ้นทุกทีนะเนี่ย
พอผมเดินกลับมา ผมก็เห็นพี่ริชทำหน้าเครียดตลอดเวลา ผมสังเกตช่วงที่เดินออกมาจากห้องอะครับ วันนี้พี่แกปิดประตูไว้ด้วย ทำให้ผมชักจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยตัดสินใจเข้าไปหาพี่ริชอีกรอบ
“ พี่ ...... ” พอเข้ามาในห้อง ผมก็เห็นแฟ้มกองอยู่เต็มโต๊ะ
“ พี่ทำงานอยู่นะ ”
“ ผมทราบครับ แต่ผมอยากรู้อะไรนิดหน่อย ”
“ บอกไม่เข้าใจหรือไง ออกไป ” เฮ้ย ทำไมสวมบทโหดแบบนี้วะ ผมก็ต้องจำใจออกมาอีกรอบ แต่ตอนออกมาคราวนี้ ผมเห็นพี่เลขาฯของวากดิษเดินมา ผมก็รีบเดินไปหา
“ พี่มาทำไมเหรอครับ ”
“ อ๋อ พี่มารอเอกสารที่ส่งมาให้พี่ริชจ้ะ ”
“ เอกสารของผู้จัดการเหรอครับ ทำไมต้องผ่านพี่ริชล่ะครับ ”
“ พี่ไม่แน่ใจนะ แต่เข้าใจว่าพี่ริชจะเอาไปส่งอีกที ” ได้ยินดังนั้น ผมก็จะกลับเข้าไปอีก แต่พี่ริชเดินออกมาพอดี
“ เดี๋ยวคุณไปกับผมนะ คิมรับงานแทนพี่ด้วยนะ ”
“ พี่จะไปหาดิษเหรอครับ ผมไปด้วยสิ ”
“ ไม่ได้ไปหา พี่ต้องออกไปทำธุระหลายที่ คิมอยู่รับงานด้วย ห้ามหนีนะ ” พูดจบก็เดินไปครับ
ผมนั่งคิดอยู่คนเดียวว่า ทำไมวันนี้แต่ละคนดูแปลกๆ เหมือนไม่อยากพูดกับผมเลย ในที่สุดผมคิดได้ว่าน่าจะโทรไปสอบถามจากแม่ของวากดิษ
“ สวัสดีครับแม่ ”
“ จ้ะๆ คิมเหรอจ้ะ ”
“ ครับ คือ ผมติดต่อดิษไม่ได้เลยครับ ”
“ ............ ” ท่านเงียบอยู่นาน แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรต่อมา
“ แม่ครับ ”
“ คือ น้ายุ่งมากเลยจ้ะ ขอตัวก่อนนะ ” ผมชักจะอยู่ไม่สุขแล้วครับ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกกลัวว่า ดิษคงเจอกับเรื่องไม่ดีแล้วแน่ๆ เพราะคนใกล้ชิดทำท่าเหมือนไม่รู้ไม่เห็น เลี่ยงๆไปเรื่อย ผมเลยตัดสินใจหนีงานไปที่โรงพยาบาลของแม่ท่านวากเป็นแห่งแรก
พอผมไปถึง ผมไม่ได้โทรหาก่อนครับ แต่ตรงไปที่สำนักงานของแม่ท่านวาก ระหว่างทางผมก็มองดูอะไรไปเรื่อย แล้วก็ต้องตกใจครับ เพราะที่รายชื่อผู้ป่วยน่ะ มีรายชื่อของวากดิษอยู่ ผมรีบตรงเข้าไปถามพยาบาลแล้วรีบเข้าไปที่ห้อง แต่ไม่พบครับ
“ น้องคะ ”
“ ครับพี่ ” พยาบาลคนนั้นเดินมาหาผมครับ
“ คุณดิษมีกำหนดกลับบ้านวันนี้ค่ะ ”
“ ขอบคุณมากครับ ” ผมรีบเดินไปที่สำนักงานของแม่ท่านวาก แต่ก็ต้องตกใจสุดขีดครับ
ภาพที่เห็นคือ วากดิษกำลังกอดคอกับผู้หญิงคนนึง ผมจำได้ว่าเป็นน้องของพี่กริช เดิมทีผมก็จะเข้าไปหานั่นแหละ แต่เห็นสองคนนั้นสนิทสนมกันมากผิดปกติครับ วากดิษก็ยิ้มร่าควงแขนกันออกไป ผมหน้าชาเลย ผมลองโทรไปหาวากดิษ รายนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็เก็บเข้ากระเป๋าไป ผมเดือดเป็นไฟเลยครับ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยตัดสินใจนั่งรถตุ๊กตุ๊กแอบตามไป
สองคนนั้นเข้าไปเที่ยวกันในห้างสรรพสินค้าครับ ผมไม่ตามไปต่อ แต่เลือกกลับดีกว่า ตอนนี้แขนขาของผมอ่อนไปหมดเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันรู้ตลอดเวลาเลยสินะ ว่าผมโทรมาหา แต่มันก็ไม่รับสาย และที่มันถามผมว่าไปกี่วัน ก็เพราะจะได้กลับมาทำตัวปกติเวลาที่ผมกลับมาอย่างนั้นเหรอ ระหว่างทางกลับ ผมเดินด้วยเท้ากลับมาที่หอพักครับ เหนื่อยก็เหนื่อย แล้วยังร้องไห้อีก กว่าจะกลับมาถึงก็ช่วงเย็นแล้ว
“ ......... ” ผมมองดูโทรศัพท์ของผม คิดว่าเมื่อไรที่มันจะโทรมาหาผมซักที แต่ก็ไม่มีเลย ผมเข้าไปอาบน้ำล้างคราบน้ำตา พอออกมา วากดิษก็นั่งอยู่ที่เตียงแล้ว ที่สำคัญเสื้อผ้าของมันไม่ใช่ตัวเดิมที่ผมเห็นตอนอยู่โรงพยาบาล เหมือนกับว่ามันอาบน้ำมา
“ กลับมาไม่บอกกันเลยนะ ” มันยิ้มให้ผม วินาทีนั้น ผมต้องตัดสินใจเสี้ยววินาทีเลยว่า ผมจะปรี๊ดแตกใส่ หรือควรจะทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ อือ ..... อืม อยากให้ดิษแปลกใจไง เผื่อกำลังทำอะไรลับๆล่ออยู่ ”
“ มามะ ให้พี่กอดหน่อย ” ตอนที่มันกอดน่ะ ผมหลับตานิ่ง กำหมัดแน่น กลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่เลยครับ
“ ทำไมไม่ไปทำงานเหรอ ” ผมถามวากดิษ
“ พี่กลับไปช่วยพ่อทำงานน่ะ ..... คิมนั่นแหละ ทำไมไม่โทรหาพี่บ้างเลย นึกว่าลืมพี่แล้ว ” ผมรีบหันกลับไปหามันอย่างรวดเร็ว นี่มันโกหกผมจริงๆแล้วนะเนี่ย
“ เรา ........ เรายุ่งๆน่ะ ” วากดิษมันทำเหมือนปกติจนผมไม่กล้าทำอะไรเลยครับ มันน่ากลัวจริงๆ
“ งั้น ...... พี่ขอนะ ” มันขออะไรคงรู้นะครับ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมแทบไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากความเจ็บ ทั้งเจ็บกาย เจ็บใจ มันทำให้ผมกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ผมอยากจะถามมันทุกเรื่องที่ผมสงสัย แต่ผมไม่อยากทำตอนนี้ ผมอยากจะรู้ว่า มันกำลังทำในสิ่งที่ผมกลัวอยู่หรือปล่าว ..... มันนอกใจผมหรือปล่าว นั่นแหละ
คืนนั้น เราเดินไปกินข้าวที่ร้านแถบนั้น ผมเห็นมันหยิบมือถือดูบ่อยๆ แต่ผมแกล้งเป็นไม่สนใจ ผมจะคอยดูต่อไปจะดีกว่า
วันต่อมา ผมเข้าทำงานพร้อมกับวากดิษ พอเจอหน้าพี่ริชพี่แกก็เดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว
“ เมื่อวานทำอะไร หายไปไหนมา ”
“ ผม ..... ออกไปข้างนอกครับ ”
“ พี่บอกว่ายังไง มีคนมาติดต่องาน ใครก็ไม่อยู่ อยากให้มันเจ๊งนักหรือไง ” วากดิษก็ยืนอยู่ด้วยครับ แต่มันไม่ได้ออกปากอะไรช่วยผมเลย
“ ผมขอโทษครับ ”
“ ..... อืม ต่อไปพี่สั่งแล้วอย่าฝ่าฝืนคำสั่งอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน ” ผมจุกข้างในเลยครับ มันเหมือนไอที่อัดอั้นข้างในก็จะบ้าตายแล้ว มาเจอแรงอัดของพี่ริชอีก แต่ช่างเถอะครับ ผมควรจะอดทนรอ
ต่อมาอีกหลายวัน ผมกับดิษ ก็อยู่ปกติดีครับ ดิษไม่ได้แอบไปทำนู้นทำนี่หรืออะไรที่น่าสงสัย แต่ก็มาถึงวันนึงครับ
“ คิม พี่จะไปต่างจังหวัดสามวันนะ ” มันบอกผมตอนที่เรากลับมาที่หอแล้วครับ
“ ไปไหนล่ะ คิมไปด้วยนะ ”
“ อยากโดนพี่ริชบีบคอหรือไงเล่า น่านะ ” ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกครั้งครับ
“ อืมๆ แล้วจะโทรหานะ ”
วันนั้นพอวากดิษคล้อยหลังไป ผมก็จ้องรออยู่แล้วครับ พอเห็นมันออกไป ผมก็ขับรถของห้างออกตามไปทันที ผมกะจะจับให้ได้ครับว่ามันจะไปไหนกันแน่
ผมตามไปถึงรู้ว่ามันไปที่โรงพยาบาลครับ แต่มันไม่ได้เข้าไป สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมต้องตกใจอย่างที่สุดเลย วากดิษรับผู้หญิงคนนั้นที่น่าจะเป็นน้องของพี่กริชขึ้นรถไป คงไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรอีก ผมถูกมันหลอกแล้วจริงๆ
ผมกลับมาที่ทำงาน วิญญาณแทบจะยังไม่เข้าร่างดีเลย พี่ริชก็เดินตรงมาหา แกตั้งท่าจะด่าผม
“ พี่ ...... ”
“ ออกไปไหนมา ”
“ มันขอให้พี่ทำแบบนี้เหรอ ” พี่ริชทำตาโตเลยครับ
“ อะไร .... พูดถึงอะไร ”
“ ทำไมพี่ต้องช่วยมันสวมเขาให้ผม คิดว่าผมควายนักหรือไง ” พี่ริชกระพริบตาปริบๆ จังหวะนั้นผมหวดหมัดใส่พี่ริชเลยครับ พี่ริชล้มกลิ้งไปที่โซฟา
“ โอย คิมทำอะไร ”
“ พี่ไล่ผมออกเลยแล้วกัน ผมไปล่ะ ”
“ คิม ..... คิม ” ผมเดินออกมาเก็บข้าวของที่จำเป็น แล้วเดินออกไป
ผมเดินทางกลับมาที่หอ ระหว่างทางไอวินก็โทรมาหาเป็นระยะๆผมเดาว่ามันคงรู้ว่าผมต่อยพี่ริช ตอนนี้ผมกะจะกลับไร่ของพ่อผม เพราะผมทนไม่ไหวครับ สันดานลึกๆมันกำลังจะตื่นขึ้นแล้ว
พอผมกลับมาถึงหอ ก็ต้องได้ระทึกอีกผมเห็นรถของดิษอยู่ที่หอ ผมรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ที่หน้าห้องมีรองเท้าชายหญิงอย่างละคู่ครับ ผมแทบจะหยุดหายใจเลย ผมค่อยๆเดินไปเปิดประตู
“ คิม !!!! ” ภาพที่เห็นคือ วากดิษนอนอยู่บนเตียง ส่วนผู้หญิงคนนั้นกำลังยืนอยู่ข้างๆ มีถุงยาบางอย่างวางข้างๆเตียง ตอนนั้นผมไม่ทันคิดอะไรเลยครับ ผมตรงเข้าไปกระชากวากดิษ แล้วชกต่อยไม่คิดชีวิตเลย เลือดของมันที่จมูกไหลออกมามากทีเดียว
“ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ หยุด อย่าทำนะ ” ผมหันกลับไปหาไอต้นเสียง
“ มึงกล้ามากนะ ” ผมคำรามใส่ผู้หญิงคนนั้น
“ คิม ........ อย่าทำร้ายผู้หญิง ฟังพี่ก่อน ”
“ ไม่คิดเลยนะ ว่ามึงเป็นคนแบบนี้ ” ไอดิษพยายามดึงร่างของตัวเองขึ้นมา
“ อย่าเพิ่งไป ..... ฟัง ..... อือออ ” ไอวากดิษมันหอบก่อนจะนอนหงายลงไป มันคงจะเจ็บจนลุกไม่ไหวอะครับ
“ คุณรีบช่วยสิคะ ” ผู้หญิงคนนั้นบอกผม
“ เอาสิ ..... มันเป็นของมึงแล้วไง ถ้าตายก็เผาด้วยแล้วกัน ” ผมเดินออกมาจากห้อง น้ำตาไหลพรากๆเลยครับ มันพาผู้หญิงมาถึงหอของเราเลยเหรอ มันกลายเป็นอะไรไปแล้วนะ หรือเพราะที่ผ่านมาผมมันไม่ดีพอ หรือในที่สุดมันก็เบื่อผม
ผมปิดมือถือ ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าใครจะห่วงหรือใครจะสนใจ ผมมีเงินอยู่แค่ไม่กี่บาท เพราะปกติผมฝากเงินไว้กับไอดิษ ผมน่าจะมีเงินพอแค่กลับไปถึงหมู่บ้าน แต่เงินคงไม่พอเหมารถกลับไปถึงไร่ ผมต้องเดินเป็นสิบกิโลเลยครับ แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไรจริงๆ
ผมนั่งรถไปก็คิดไปต่างๆนาๆ ไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่ผมรู้เพียงว่า ถ้าผมไม่กลับบ้าน ผมอาจจะคิดสั้นก็ได้ เพราะหลายปีมานี้ ผมยอมฝากทุกอย่างไว้กับไอดิษแล้ว ผมลืมคิดไปเลยว่า เกิดไม่มีมันขึ้นมาผมจะอยู่ยังไง ผมเลยต้องกลับไปหาพ่อกับแม่ของผม
ผมมาถึงตัวอำเภอก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว ผมเลือกเดินตามถนนกลับไปที่ไร่ ผมเดินไปได้พักนึง รองเท้าดันมาพังอีก ผมคิดว่าทำไมชีวิตกูต้องรันทดขนาดนี้ด้วยวะ ขนาดรองเท้าแม่งยังจะทิ้งกูเลย
พอถึงหน้าไร่ก็มืดค่ำมากๆแล้วครับ ผมปวดขาปวดเนื้อตัวไปหมดทั้งตัว คนงานบางคนกำลังจะกลับเข้าหมู่บ้านก็มาเจอผมพอดี
“ อ้าวคุณคิม ทำไมกลับมาล่ะครับ ”
“ พ่ออยู่ไหม ”
“ พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงบอกว่าจะไปหาคุณคิมครับ ไปตั้งสามสี่วันแล้วนะครับ ” คงจะแวะไปหาผมอะครับ ช่างเถอะ วันนี้ผมไม่ไหวแล้ว ผมขอให้ขี่จักรยานไปส่งผมที่เรือนหลังไร่ พอถึงผมก็ล้มตัวนอนแล้วหลับไปเลย
รุ่งเช้าผมได้ยินคนมาเคาะประตู ผมรู้สึกเหมือนตัวเองป่วยครับ ป่วยมากซะด้วย ผมเดินไปเปิดประตูถึงเห็นพ่อของผมยืนอยู่
“ เอ็งเป็นอะไรมากไหม เอ็งรู้เรื่องได้ยังไงวะ ”
“ ฮืออออ พ่ออออ ” ผมพุ่งเข้าไปกอดพ่ออย่างจัง
“ เฮ้ย ทำใจเย็นๆหน่อย มันยังไม่ตายไวๆนี้หรอก มันมาหาแล้ว ”
“ หืมม ” ผมว่ามันแปลกๆนะ
“ เอ็งนี่นะ ทำไมต้องรุนแรงขนาดนั้น นิสัยเก่าไม่หายขาดเลยหรือไงวะ ” อะไรอะ
“ พ่อ มันน่ะปิดบังผม ทำร้ายผมนะ ..... พ่อไล่มันกลับไปเลย ” พ่อผมยิ้มๆ
“ มันโกหก เพราะมันรู้ว่าเอ็งจะเป็นแบบนี้ไงล่ะ ” อ้าว
“ อะไรกันพ่อ ”
“ เอ็งก็รู้ว่ามันป่วยไม่ใช่เหรอ ”
“ ห๊ะ !!!!!! ”
“ ไปคุยกับมันไป มันมารออยู่ ” พ่อผมลากผมไป ผมก็งอแงเป็นเด็กเลยครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะสิครับ
พอมาถึงเรือนใหญ่ ผมก็เห็นวากดิษที่นั่งหน้าซีด ที่มุมปากน่ะฝีมือผมเอง จมูกก็มีรอยช้ำด้วย แต่อีกคนที่ยืนนี่สิครับ
“ เอ็งรู้จักแก้วน้องหมอกริชหรือยังล่ะ ” พ่อถามผม ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นที่ผมเจอเค้าอยู่กับดิษ ยืนยิ้มแห้งให้ผม
“ สวัสดีค่ะ ...... พี่คิม ”
“ มันอะไรกันน่ะ ”
“ พี่ดิษจะเล่าหรือให้แก้วเล่าอ่ะคะ ” วากดิษส่งสายตาเจ้าเล่ห์นิดหน่อยมาหาผม
“ คิม .... ” วากดิษเอ่ยชื่อของผม
“ อะไร ”
“ แก้วจบพยาบาล เค้าทำงานอยู่เมืองนอก ”
“ หืม พยาบาล แล้วไง ”
“ คิม ..... ” มันทำท่าเหมือนน้ำตาจะไหลครับ พ่อของผมเลยพอแก้วออกไป ให้ผมอยู่กับดิษแค่สองคน
“ มึงเป็นอะไรน่ะ ทำท่าร้องไห้ทำไม ”
“ พี่กลัว ....... พี่กลัวว่าพี่จะอยู่กับคิมได้ไม่นาน ” ผมแทบหยุดหายใจเลยครับ
“ พูดอะไรบ้าๆวะ เป็นอะไร ”
“ เดือนสองเดือนมานี้ อาการพี่แย่ลงเยอะมากเลยคิม พี่อาจจะตายตอนไหนก็ได้นะคิม ” พอผมได้ยินเท่านั้นเอง ทุกอย่างเหมือนกับว่าสว่างวาบในหัวเลยครับ
“ แสดงว่า ..... ช่วงที่หายไปน่ะ ไป ..... ไปอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ ”
“ ใช่ ...... พี่หายใจไม่ทัน สลบไป ..... พี่คิดว่าจะไม่ได้ตื่นมาเจอคิมแล้ว ” พอผมได้ยินอย่างนั้น จู่ๆผมก็วิ่งหนีออกมาครับ น้อยคนที่จะรู้ว่า คนแบบผม ความจริงชอบหนีปัญหาอยู่เสมอเลย ที่ผมวิ่งออกมาเพราะหัวของผมโล่งไปหมดแล้วครับ ดิษป่วยหนักอย่างนั้นเหรอ และที่มันบอกว่ากลัวจะอยู่กับผมได้ไม่นาน มันใช่เรื่องจริงหรือปล่าว เฮ้ย นี่ผมฝันไปใช่ไหม เคยไหมครับ เวลาที่ได้ยินหรือได้รู้อะไรก็ตามที่มันรุนแรงมากๆ มันจะเหมือนกับเราโดนตีหัวด้วยของแข็ง หรือเวียนหัวมากๆเหมือนว่าเรากำลังจะตื่นจากฝันน่ะ ผมกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ เรื่องทั้งหมดนี่เกินที่ผมจะรับได้นะ
*****************************************************