อีกครึ่งชั่วโมงทำงาน รู้สึกสบายๆ แฮะๆๆ
ใบแทรก ว่าด้วยตรุษจีน
อย่างที่ผมเกริ่นนำไปคราวก่อนว่า ผมป่วยนอนซมอยู่หลายวันแล้ว มันออกอาการซึมง่วง แต่ไม่ค่อยเบื่ออาหารหรอกครับ เหอะๆ ส่วนมากมันจะเพลียไม่มีเหตุผลเลย
“ นอนแบบนี้ ไม่ดีมั้งน้อง เราไปหาหมอเถอะ ” ผมสะลึมสะลือมามองหาต้นเสียง มันอยู่ไหนเนี่ย
“ ไปทำไมเล่า ป่วยแล้วก็นอนพักเลยดิ ” เจอละครับ วากดิษยืนมองผมอยู่ใกล้ๆนี่เอง แต่ที่มองไม่ค่อยชัด เพราะมันยังไม่สว่างเลย
“ งั้นนอนแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะพาออกไปข้างนอก ” พูดจบวากดิษก็หายไป ผมก็หลับต่อ
ผมนอนหลับต่อไปได้น่าจะราวๆชั่วโมง วากดิษก็มาปลุกกินข้าวเช้า ขณะที่ผมกำลังจะแกะยาเม็ดเหลืองๆ เป็นยาแก้แพ้กินหลังอาหาร วากดิษก็คว้ามือหมับ
“ ไม่เอา เดี๋ยวง่วง ”
“ อะไรเล่า กินยาแก้แพ้ก็ต้องง่วงดิ ” มันยิ้มพิมพ์ใจเลย
“ นั่นไง วันนี้พี่จะหาไปหาอาม่า ” ผมขมวดคิ้วทันทีเลยครับ
“ หืม มีอาม่าด้วยเหรอ ” ความจริงผมก็เคยมีครับ แต่เสียไปแล้ว ผมชักจะเริ่มตะหงิดๆว่า วากดิษคงมีเชื้อจีนแน่ๆและไม่ใช่จากทางแม่แน่นอน เพราะผมเคยไปเยี่ยมบ้านแม่เค้าออกบ่อย
“ มีสิ ปกติพี่ไปทุกปี ไปช่วยทำนู่นทำนี่เอาไว้ไหว้วันก่อนตรุษจีนไง ”
“ เหรอ ไม่เคยรู้เลยแฮะ เหอะๆๆ ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนไป วากดิษก็เหมือนจะรู้ครับ มันเอามือลูบหัวผมซะแรงเลย
“ เพี้ยงๆ หายไข้แล้วไปกับพี่เร็ว ” เล่นเป็นเด็กเลยนะ จากนั้นผมก็ไปล้างหน้าล้างตา แล้วออกไปกับวากดิษ
ระหว่างทางก็ต้องพกยาดมไป สูดไปตลอดทาง วากดิษบอกให้ดื่มน้ำเยอะหน่อย ผมก็ทำๆตาม เพราะคิดว่าคงได้ทำอะไรไม่มาก แต่พอมาถึงก็ต้องแปลกใจเลยครับ
“ เค้าทำอะไรกันอะ ” ผมถามวากดิษ มันก็ยิ้มแหยๆให้ผม
“ ทำของไหว้ไง มาสิ ” ผมเดินตามวากดิษไป บ้านของอาม่าวากดิษมีลานหลังบ้านกว้าวทีเดียวครับ ข้างหน้าเป็นตึกแถว
ผมมองๆไป ด้านหลังนี่เหมือนกับเป็นที่ทำกิจการอะไรซักอย่าง เพราะกว้างมาก คนที่มาทำก็ดูมีอายุ สงสัยจะเป็นคนที่คุ้นเคยกัน
“ อ้าว อาข้าวกล้อง ” เป็นอากับเค้าแล้วเหรอ หึหึหึ
“ สวัสดีครับอาโก นี่ ...... ผมครับ ” อาโกนี่อะไรวะ แล้วเค้ากระซิบอะไรกัน
“ อ๋อ ..... แหม เลือกซะหน้าตาดีเลยนะ ” กูเริ่มจะเข้าใจละ สงสัยว่ากูเป็นเมียเค้าแน่เลย
“ สวัสดีครับ ผมคิมครับ ”
“ จ้ะๆ มาสิ อาม่าอยู่ในห้อง ...... ท่านเพิ่งล้มน่ะ ” ผมเดินตามอาโกที่ว่าไป ถึงห้องกระจก คล้ายจะเป็นห้องคนป่วยเลยครับ
“ อาม่า !!!!! ” พอถึงห้อง ไอวากบ้ามันวิ่งไปซุกอาม่าเหมือนเด็กเลยครับ ผมงี้เอ๋อเลย
“ อะไรกันเล่าอาข้าวกล้อง อาม่าลุกไม่ขึ้นๆ ” ผมกดอาม่านอนเฉยเลย อาม่าก็ดูใจดีนะครับ
“ ม่า ...... เนี่ยสะใภ้ ” อาโกก็หัวเราะคิกคัก ส่วนผมสะดุ้งดิครับ
“ เหอะ ” อาม่าพ่นเสียงเหมือนไม่พอใจออกมา ทำเอาผมใจแป้วเลย จะเป็นยังไงกันหว่า ผมเข้าไปสวัสดี อาม่าก็ทำท่าไม่ค่อยสนใจจะคุยกับหลานท่าเดียว ผมก็นิ่งครับ เพราะผมชินแล้ว ปกติพ่อผมก็แบบเนี่ย
พอสายเข้ามาหน่อย ผมเริ่มจะแย่สิครับ เพราะผมรู้สึกเหนื่อยๆ ถ้าเป็นปกติจะไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่ช่วงที่ผ่านมาสองวันสามวันก่อนวันที่มาบ้านอาม่าผมรู้สึกเพลียๆ
“ เอาคนแบบนี้มาช่วยงาน จะไหวเหรอ ” โอ้ อาม่าเริ่มแรงน้อ
“ จะให้ผมทำอะไรครับอาม่า ”
“ ไปยกไก่มาลวกแล้วถอนขนไป ”
“ ม่าอะ ” ไอวากดิษมันก็อ้อนๆ แต่อาม่าไม่ฟังเลยครับ ผมก็รับปากแล้วไปจัดการลวกไก่กับถอนขนครับ
การลวกกับถอนขนเนี่ย ผมโดนใช้ให้ทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ ที่บ้านผมต้องทำกับข้าวกินกันเป็นสิบ ก็เลยไม่ยาก แต่ที่เป็นอุปสรรคคือ ผมป่วยอยู่น่ะสิครับ พอทำไปนานๆ ขนไก่ขนเป็ดที่บ้านนี้เค้ารับมาทำเอง มันปลิวไปปลิวมา ผมก็จามตลอดเลย
“ หนุ่ม ทำไมมาทำของล่ะ ” ป้าใจดีคนนึงเดินมาถามครับ
“ อาม่าให้มาทำครับป้า ”
“ เอ ..... ปกติอาม่าไม่ให้คนอื่นทำนะ มาๆป้าช่วย ” ไปๆมาๆก็มีคนมาช่วยผมทำหลายคนเลยครับ แต่ละคนคุยสนุกดี พูดเหน่อเหมือนไอวากบ้าเลย ฮ่าๆๆๆ
ผมนั่งทำไปได้ซักชั่วโมงกว่า ป้าๆก็ให้ผมไปทำอย่างอื่น ผมก็ขนพวกน้ำตาลกับแป้งมาไว้ที่เตาถ่าน พอหันกลับมาก็เห็นไอวากดิษที่กลายเป็นเด็กขี้อ้อนเดินเกาะแขนอาม่าออกมา
“ ม่าอะ ไหนว่าจะไม่ทำแล้วไงปีนี้อะ ” เห็นมันทำท่าแบบนี้แล้วอารมณ์ดีครับ เหอะๆๆ
“ อย่ามานะอาข้าวกล้อง ไปช่วยงานช่วยการคนอื่นเค้ามั่งไป ” โดนซะ
“ คิม มาช่วยพยุงอาม่าหน่อย ” ผมก็เดินไปตามที่มันว่ามา อาม่าก็ยังปั้นหน้าดุอยู่อีก เฮ้อ สงสัยจะไม่ชอบหน้าผมแน่เลย แต่ก็แหงล่ะ ผมเป็นผู้ชายนี่เนอะ
“ อาคิม เดี๋ยวช่วยอาม่าต้มเป็ดไก่ ทำพะโล้ด้วย ”
“ โหม่า ทำไมคิมต้องทำด้วยล่ะ ” ถามมีเหตุผลๆ
“ ถ้าลื้องานเยอะ ก็ไปทำเถอะไป เค้าจะทำของไหว้กัน ” แง้ว หน้างอเลยครับ ฮ่าๆๆ ผมก็เดินจับแขนอาม่ามานั่งข้างๆเตาถ่านแล้วเริ่มต้มเป็ดไก่กับพะโล้
ปกติผมไม่เคยต้องมานั่งหน้าเตาถ่านเลย พอต้องมาทำจริง ยอมรับว่าคนที่นั่งทำของพวกนี้ ต้องทนมากทีเดียวครับ เพราะมันร้อนจริงๆ ผมนั่งไม่นานก็ต้องขยับออกมานิดนึง แต่อาม่าไม่มีถอยเลยครับ ให้ผมหยิบนู้นหยิบนี่ตลอด
“ คล่องแคล่วดีนะ เคยทำมาก่อนเหรอ ” อาม่าถามผม
“ ช่วยแม่ทำบ่อยๆครับอาม่า ” ถามจบก็ทำหน้าบึ้งต่อ ผมทำอะไรผิดอีกเนี่ย
พอต้มไก่เนี่ยอาม่าจับดู ก็ไม่มีอะไรครับ แต่เริ่มมายากตรงพะโล้สิครับ เพราะมันต้องปลุกรสด้วย
“ อาม่าผมว่าเค็ม ” ผมบอกอาม่า ตอนนี้แหละที่คนหันมามองกันหมด แล้วก็เงียบด้วย
“ ว่าไงนะ ”
“ ผมว่าน้ำเค็มครับอาม่า ” วากดิษมันเดินดุ่ยๆมาเลยครับ
“ ไหนๆ ..... ไม่เค็มหรอกม่า ”
“ ว่าไปนะดิษ มันเค็มไปจริงๆ ”
“ อาม่าต้มมาสี่สิบห้าสิบปี จะเค็มได้ไง ลิ้นไม่ถึงเลย ” มีว่าผมอีก
“ ก็ ..... ผมว่ามันเค็มอะ ” วากดิษมันสะกิดครับ แต่ผมไม่รู้แหละ ก็ให้ผมช่วยแล้วนี่ ผมก็ต้องบอกแหละ
“ ........ อาข้าวกล้องเอาหม้อมาแยกเลย ตอนเลี้ยงคนงานมาดูว่าใครอร่อยกว่า ” เล่นกันเป็นเด็กเลยไง สรุปแยกต้มสองหมอครับ
“ เธอปรุงไปเลยครึ่งนึง ถ้าไม่อร่อย มีเรื่อง ” อ้าว โดนแน่เลยกู เถียงใครไม่เถียงซะแล้วกู ในที่สุดผมก็ช่วยกันปรุงกับวากดิษ จากนั้นก็เอาไปวาง เป็ดส่วนหนึ่งก็เอามาต้มแล้วสับๆรอไว้
ช่วงกลางวันจะมีพวกคนงานแถวนั้น ซึ่งเป็นของโรงงานข้าวพ่อวากดิษนั่นแหละครับ มากิน ทุกปีอาม่าจะต้มเลี้ยงคนงานด้วย ผมก็นั่งอยู่กับวากดิษ มันไปซื้อผ้าเย็นมาให้ผมด้วย
“ เฮ้อ อาม่าก็ร้อน ไม่ซื้อมาให้เรามั่ง ” โดนอีกล่ะ เหอะๆ
“ ก็อาม่าอะ ..... คิมป่วยอยู่อะม่า ” อาม่าหันมามองหน้าผม แต่ไม่ปั้นหน้าเข้มละครับ แปลกๆดี
“ อาม่า ปีนี้ต้มสูตรใกม่เหรออาม่า ” ระหว่างนั่งเล่น คนงานคนนึงก็ทักขึ้นครับ
“ ทำไมเหรอ ไม่อร่อยเหรอ ” ถ้าไม่อร่อย สูตรใหม่กูซวยนะพี่
“ อร่อยดีอาม่า ไม่เค็มครับ ” เหมือนยิงจุดโทษเข้านาทีสุดท้ายเลยครับ อยากเฮมากๆ ฮ่าๆๆ
“ อ่อๆ ” แหม ไม่ยอมพูดเลยอะ
ผมนั่งอยู่จนถึงบ่ายแก่ๆ วากดิษว่าจะพากลับ เพราะผมซึมมากแล้ว เราเลยไปลาอาม่ากันครับ
“ อาคิม ..... ขอบใจมากนะ ”
“ ทำไมเหรอครับอาม่า ”
“ อาข้าวกล้องกับอาป๊าไม่ค่อยรักกัน ”
“ อาม่าอะ ” ก็จริงครับ ปกติเห็นเรียกพ่อๆ
“ ต่อไปก็เรียกอาป๊าเถอะลูก ...... เห็นแก่อาคิมมั่ง ” ผมนั่งยิ้มให้อาม่า
“ ครับอาม่า ” วากดิษรับคำของอาม่า
“ อาม่าทำมาเป็นสิบๆปี ไม่มีใครบ่นเลย ฮะๆๆ ..... อาม่าเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง อาคิมต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดนะ อย่าเกรงใจคนอื่นมากไป ” ผมไหว้อาม่า ท่านก็ลูบหัวแล้วบอกผมว่าให้มาวันไหว้ด้วย
เราก็กลับกันมาถึงหอพักครับ ผมก็นอนซม พอกินข้าวเย็นแล้วผมก็กินยาแล้วนอนเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมมาที่บ้านอาม่าอีกครั้ง วันนี้ญาติพี่น้องของวากดิษมากันเยอะเลยครับ แม่ของวากดิษ คือแม่เลี้ยงก็มา ข้าวจ้าวก็มาด้วยครับ โตขึ้นแล้วหล่อมาก หึหึหึหึ
“ พี่คิมมาด้วยเหรอครับ ” ข้าวจ้าวเดินมาทักทาย
“ ดิษให้มาน่ะ ” จากนั้นวากดิษก็พาไปหาพวกญาติๆ
หลังจากจุดธุปจุดเทียนไหว้กันแล้ว ก็มีการแจกอั่งเปา หลายๆคนทำงานแล้วก็ไม่รับครับ แต่อาม่าแจกให้ผมด้วย พอถามเหตุผลก็ให้ว่า
“ แจกให้สะใภ้ ใครจะทำไม ” อายอะ เหอะๆๆ
***********************************************
มันไม่ดีขึ้นมาวันสองวันครับ ก็เลยไปหาหมอเมื่อวาน หมอบอกว่าผมนอนดึกบ่อยไป ร่างกายมันไม่ไหวเลยเตือนให้รู้ว่า นอนดึกๆแบบนี้อีกไม่ไหวนะ ไม่งั้นจะป่วยกว่านี้ ก็เลยจำใจดิครับ วากดิษลากไปนอนเลย (นอนเฉยๆ คึคึคึคึ)
อาจจะไม่ยาวเท่าไร แต่อยากมาเล่าให้ฟังก่อนครับ ทีนี้ต้องปรับเวลาชีวิตใหม่เลย นอนดึกๆก็ไม่ได้ งื้อออ เช้าทำงาน คงต้องหาเวลามาพิมพ์ครับ หุหุ ขอบคุณที่มาให้กำลังใจนะครับ แล้วจะมาต่อบันทึกนะครับผม