แมนฯยูแพ้เลย งื้อออ เอาให้ผ่านช่วงนี้ไปเลยเนอะๆ ไม่ต้องลุ้นละ คึคึ
**************************************************************
หน้าที่ 41 วรรค 5
หลังจากที่ผมได้พูดปรับความเข้าใจกับพี่ๆเพื่อนๆ ผมก็กลับมาที่หอ แต่ดันมาเจอคู่กรณี ก็ไอวากดิษแหละครับ นั่งอยู่หน้าประตูห้องของผม
“ ดิษ !!!!! ...... ”
“ หึ กลับดึกขนาดนี้ไปพรอดรักกันที่ไหนมา ” พอมันพูดมา ผมก็กะจะสวนกลับ แต่คิดอีกทีไม่ดีกว่าครับ
“ นายคิดว่ามีคนชื่อพานคนเดียวหรือไงที่เราจะไปพรอดรักด้วย ” มันทำตาโตเลยครับ
“ คนหลายใจนี่นะ ” เพิ่งสังเกตว่าในมือของมันมีขวดเหล้าด้วย
“ เฮ้ย นี่ยกเป็นขวดๆเลยเหรอ พอๆ ”
“ ไม่ต้องมาสนใจ ” มันยังผอมอยู่เลย แล้วยังจะกินเหล้าอีก ตัวงี้เหม็นทั้งบุหรี่ทั้งเหล้า
“ ดิษ ขอเถอะนะ ถ้าไม่อยากเห็นหน้าเราไม่อยู่ก็ได้ ” มันมองหน้าผม
“ เปิดประตู ” ผมเปิดประตูให้ครับ
“ ทำอะไรน่ะ อื๊มมมมม ” ไอดิษจูบปากผมอยากจังเลยครับ จากนั้นมันก็ผลักผมลงไปนอนที่เตียง
“ จะทำอะไร ”
“ ถามเหมือนคนใสซื่อนะ ” มันต้องการมีเซ็กส์เหรอ
“ ถ้าจะทำ ก็คุยกันก่อน ”
“ ไม่คุย รู้สึกอยากน่ะมาหาไม่ได้เหรอ ” โดนอีกฉึกแล้วครับ มันเห็นผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย แต่ผมก็ดันคิดถึงสิ่งที่พี่นากพูดได้ว่าผมอาจจะกำลังโดนไอดิษปั่นหัว
“ แล้วมานี่ทำไม ”
“ บอกว่าอยากไง ” มีเสียงอ่อยแฮะ
“ ผู้หญิงเค้าไม่ทำให้หรือไง ” มันเหมือนกับนึกออกครับ ก็เลยทำท่าจะจู่โจมอีก ผมนอนนิ่งๆเลย
“ ถ้าจะแค่สั่งสอนเราก็พอเถอะ เราเจ็บแล้ว ”
“ หึ เจ็บเหรอ ...... กล้าใช้คำว่าเจ็บเลย รู้เหรอว่ามันเป็นยังไง !!!!! ” ดูเหมือนมันจะระเบิดแล้วครับ
“ ดิษ นายป่วยนะ นั่งพักก่อน ”
“ พอเถอะ ที่มาแค่มาเอาของที่จำเป็น ” มันเดินเข้าไปแบกกระเป๋าแล้วเก็บของบางอย่าง โดยที่ผมได้แค่ทนนั่งมอง เพราะผมไม่รู้ว่าดิษเป็นอะไร ผมพยายามโน้มน้ามแต่เหมือนดิษไม่ยอมเปิดใจให้ผม
“ เรายังโอเคไหมดิษ ”
“ ........ ”
“ เราผิดไปแล้ว ขอโทษ ” มันยืนนิ่งไปพักนึง ก่อนจะเดินออกไปเฉยๆ นี่มันจะไม่ยอมให้อภัยผมจริงๆเหรอ
รุ่งเช้าผมรีบสลัดความคิดแง่ลบออกไป เพื่อจะแก้ปัญหาของตัวเอง ผมออกจากหอตั้งแต่เช้ามืดไปรอแม่ของวากดิษที่โรงพยาบาล
“ อ้าวคิม ” พี่กริชเดินมาหาผมครับ
“ พี่ไม่ได้กลับบ้านเหรอครับ ” แกยิ้มๆให้
“ อาชีพหมอก็แบบนี้แหละ ”
“ กับแบงค์เป็นไง ”
“ เค้าพูดกับพี่แล้ว แต่ยังไม่ยอมยกโทษให้ เรายังคุยกันไม่จบน่ะ ”
“ ค่อยๆทำไปล่ะพี่ มันไม่ง่ายเหมือนปลอบใจผู้หญิง ...... แม่ล่ะ ”
“ หมายถึง ผอ.เหรอ ..... อยู่ห้อง ”
“ นั่นก็ไม่ได้กลับบ้านเหรอครับ ” พี่กริชพยักหน้า
“ มาพี่พาไป ...... พี่มีเรื่องจะได้พูดกับท่านก่อนด้วย ” พี่กริชพาผมมาถึงห้องพัก ห้องที่วากดิษต้องใช้ครั้งก่อนๆอะครับ ปกติแม่ท่านวากท่านไม่ค่อยมาใช้ ไม่รู้ทำไมถึงนอนที่นี่
“ ผอ.ครับ คิมมาขอพบครับ ”
“ มาเลยจ้า ” พอเจอกัน ผมก็เดินไปกราบ แม่ท่านวากลูบหัวผมครับ ทำให้ผมคิดว่าท่านคงไม่ได้โกรธผมอยู่
“ คือว่า ...... เรื่องครั้งก่อน ผมเข้าใจผิดไปครับ ผอ. ” พี่กริชรีบพูดก่อน
“ อืม แม่ก็คิดว่าคิมไม่ทำหรอก ...... แต่ข้าวกล้องดูแย่มาก คิมเจอเค้าแล้วใช่ไหม ”
“ ครับแม่ ”
“ แม่ไม่อยากเห็นเค้าเป็นอย่างนี้เลย โชคดีที่พ่อเค้าไปพักอยู่กับไร่ของพ่อน้องคิม เลยไม่เห็นข้าวกล้องในสภาพนี้ ที่กลับไปทำงานก็แอบกลับไป ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ” มันนี่ดื้อดีจริงๆ
“ ผมคิดว่าเค้าจะรีบกลับไปหาคิมน่ะครับ ”
“ อะไรล่ะพี่ ”
“ ดิษมันห่วงคิม ขนาดตอนตื่นยังเรียกหาคิมเลย ตอนนี้เป็นปัญหาของนายสองคนแล้ว ” พี่กริชพูดเป็นฉากๆ
“ หน้าตาไม่น่าชำนาญเลยนะกริช ” โดนผอ.แซวซะแล้วไง ฮ่าๆๆ
พอเจอกับแม่ของวากดิษเรียบร้อย ผมก็โทรไปหาพ่อครับ เพราะไม่รู้ว่าทางนั้นรู้อะไรบ้างหรือปล่าว
“ ดีครับพ่อ ”
“ เออ เป็นยังไงบ้าง ได้ยินว่าข้าวกล้องมันฟื้นแล้วนี่ ”
“ ครับพ่อ ...... คือว่าพ่อ ” ผมอ้ำอึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะบอกพ่อดีไหม
“ เอ็งมีอะไรจะบอกก็บอกเลย เคยบอกแล้วไงว่ามีอะไรก็ให้บอกพ่อ ” เหมือนโดนบังคับเลยอะ ผมตัดสนใจเล่าให้พ่อของผมฟังเป็นฉากๆ แทบไม่ตกไม่หล่นเลยครับ
“ .......... ”
“ เงียบทำไมอะพ่อ ”
“ เลิกกันเลย ” ช็อคเลยครับ
“ อะไรนะพ่อ ”
“ เอ้า จะไม่เลิกเหรอ ”
“ ก็จะให้เลิกได้ยังไงล่ะพ่อ ”
“ เออ ไม่เลิกก็คบกันต่อ ทำยังไงก็ได้ให้มันยกโทษ ทำเป็นไหม ” ดูถามเข้า
“ ไม่แน่ใจอะพ่อ ” ความจริงคือทำไม่เป็น ฮ่าๆๆ
“ ลองรับรู้ความรู้สึกของมันบ้าง มันทำอะไรให้ก็ลองทำกับมันดู ง้อกัน มันไม่ยากเท่าจีบกันหรอก ”
“ โด่ ..... พูดอย่างกับรู้มากอะ ” กัดคืนมั่งๆ
“ รีบทำซะก่อนที่พ่อมันจะรู้ สงสารพ่อมัน ”
“ อาสบายดีใช่ไหมพ่อ ” เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกันครับ
“ อืม มันก็คงปกติได้เท่านี้ รีบไปจัดการให้เวลาสองวัน ” อะไรเนี่ย
“ สองวันมันจะทันได้ไงล่ะพ่อ ”
“ เอ็งโวยวายกันมานานแล้วล่ะ ให้เวลาอีกสองวัน ไม่ดีข้าจะลุยเอง ข้าเอาจริงนะ ” เสียงจริงจังผิดปกติอะ
“ ครับ ผมทำงานละนะ ”
พอผมมาถึงที่ทำงาน ผมรีบตรงไปห้องผู้จัดการก่อนเลย แต่ทางนั้นยังไม่มาครับ ผมนั่งรอพักนึง พี่พานก็เดินมาหา
“ ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ” เค้าเดินมาทักผม ท่าทางเหมือนไม่ดีกว่าผมซักเท่าไรครับ
“ ทำไงได้ล่ะ ” ผมตอบไป
“ แต่เช้าอีกแล้ว ” เสียงที่คุ้นเคยมาละครับ มาได้เวลาทุกที
“ ดิษ ขอคุยด้วยหน่อย ” พี่พานเดินเข้าไปใกล้กับวากดิษ ผมล่ะกลัวเค้าจะทะเลาะกันจริงๆ
“ ยังอยากคุย ทำเรื่องย้ายเสร็จค่อยมา ” หืม ย้ายอะไร
“ ดิษ !!!!! ” พวกผมมาทำงานกันเช้าครับ พวกน้องๆผู้ขยันยังไม่มากัน จะมีก็แม่บ้าน แต่ด้วยที่วากดิษอารมณ์ไม่ดีเลยไม่มีใครเข้ามาใกล้
“ เรียกทำไม ” ผมได้แต่นั่งมองผู้ชายหุ่นน้องควายสองคนเขม่นกันครับ
“ นายสองคนรักกันอยู่ ทำไมต้องทำให้มันเจ็บทั้งสามคน ”
“ พูดอะไรอีกล่ะ ” วากบ้ามันวางกระเป๋าแล้วครับ จะว่าไปมันหุ่นเพรียวลงแบบนี้ก็ดูเท่ดีนะ เอ้าๆ เค้าทะเลาะกันนี่หว่า
“ เรื่องคนสามคนน่ะ เลือกได้ไม่ใช่เหรอว่าจะให้จบแบบไหน เจ็บแค่คนเดียวหรือเจ็บกันทุกคน ”
“ มึงเข้ามาแทรกระหว่างพวกกู ยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ ” หืม พวกกูนี่ใช่กูปะวะ
“ ใช่ไง ก็ให้กูเจ็บคนเดียวได้ไหม ” วากดิษยังจ้องหน้ากับพี่พานไม่เลิก ไฟจะลุกอยู่แล้วครับ
“ เอ่อ ใจเย็นกันหน่อยก็ดีนะ ...... คือดิษเราแวะมาสวัสดีตอนเช้าน่ะ เที่ยงไปกินข้าวกันนะ ” วากดิษหันมามองผมแทบไม่ทัน
“ เหอะ นี่อะไรวะเนี่ย ” พี่พานสบถเลยครับ
“ เที่ยงไม่ว่าง มีนัดคุยงาน ” อั่นแน่ๆ ยังจะมาดเยอะ
“ เราไปรอก็ได้ ”
“ หิวข้าวอย่าโวยวายแล้วกัน ” ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไปครับ ว่าแต่มันตกลงไหมเนี่ย
พอดิษเข้าห้องไป ผมก็เรียกพี่พานออกมาด้านนอก
“ พี่พาน ผมขอบคุณนะที่จะช่วย แต่ผมว่าไม่อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า ”
“ จะดีเหรอ ดูคิมกับเค้ายังแทบไม่ดีขึ้นเลย ”
“ ผมดูแลกันเองได้ ขอตัวนะพี่ ” พี่พานดูจะเศร้านะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องแข็งใจไม่สนเค้า เพราะที่ผ่านมาผมประมาทความสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดมากไป ผมเข้าใจแล้วว่ามันไม่ต่างกันเลยไม่ว่าชายหรือหญิง
วันนั้นแทบเป็นวันแรกที่ผมไม่สนใจในงานเหมือนที่ผ่านมา ผมนั่งรอเวลาเที่ยงเท่านั้น พอเวลาใกล้เข้ามา ผมรีบตรงไปขออนุญาตกับพี่ริชทันที
“ พี่ ผมขอไปกินข้าวกับดิษนะครับ ”
“ หืม คืนดีกันแล้วเหรอ ”
“ ยังอะพี่ ” พี่ริชยิ้มให้ผม
“ ระวังตัวหน่อยล่ะ คนกำลังโมโหมันควบคุมยาก ” มีเตือนด้วย
“ พี่ ผมฝากดูอาการพี่พานหน่อยนะ ” พี่ริชหรี่ตามองมาที่ผม
“ กำลังวางแผนอะไรหรือปล่าว ”
“ ไม่นี่ครับ ” ผมแกล้งทำตาใส่ซื่อใส่พี่ริช แกก็หัวเราะนิดหน่อยแล้วให้ผมไป บอกว่าไปทั้งบ่ายก็ได้
ผมมานั่งรอหน้าห้องของดิษ ตอนนี้ยังไม่เดินออกมาเลย ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
“ น้อง พี่ดิษล่ะ ” ผมถามเลขาของดิษครับ
“ อ่อ พี่ดิษบอกว่าออกไปธุระข้างนอก แต่จะกลับมาก่อนเที่ยง ” มันน่าจะยังไม่ลืมผมนะ หึหึ
“ แล้วทำไมน้องไม่ตามไป ”
“ หึ ผมบอกไม่ได้ครับ ความลับของเจ้านาย ...... ผมขอไปกินข้าวก่อนนะพี่ ” ไอนี่นะ ผมนั่งรออีกพักนึง วากดิษก็กลับมาจริงๆครับ
“ กินข้าวหรือยัง ” ผมถามวากดิษ
“ ถ้าบอกว่ากินแล้วเชื่อไหมล่ะ ” ยังๆ
“ ........ ” ผมยืนขึ้นช้าๆ แล้วเดินไปประชิดกับตัวมัน วากบ้าดูจะตื่นๆนะ
“ ขอจับมือหน่อยนะ ” ดิษเบือนหน้าไปอีกทางครับ ผมจับที่มือของวากดิษ อยากรู้ว่าเค้ายังสวมแหวนของเราหรือปล่าว แล้ว ......
“ นายก็ยังสวมมันอยู่ ” ดิษเหมือนจะคิดออกครับ เลยดึงมือกลับ
“ แหวนมันราคาแพง ไม่ใส่ก็เสียดาย ” ผมกุมมือมันอีกรอบ ทีแรกก็ขัดขืนครับ แต่พอผมไม่ยอมปล่อยเค้าก็นิ่งลง
“ หลับตาแล้วยืนอยู่แบบนี้ซักหน่อยนะ ” แปลกครับ มันทำตามเฉยเลย
“ หึ ” พักนึงเราถึงลืมตาครับ
“ อะไร ไม่พอใจเหรอ ”
“ ไม่หรอก ..... เก่งเหมือนกันนี่ เลิกเล่นแล้วกินข้าวเถอะ ” กูกำลังจะทำซึ้งซักหน่อย บูดอีกล่ะ
พอขึ้นรถ ดิษบอกให้ผมพาไป เพราะผมเป็นคนชวน ผมถามว่ามีงานด่วนอีกไหม แต่รายนั้นเงียบๆ ผมเลยเดาว่าไม่มี ผมกะจะทำสิ่งที่ผมไม่เคยทำให้มันเลยจริงๆ
“ ไม่แพงไปเหรอ ” มีถามๆ
“ นั่งกินกันเย็นๆเถอะน่า ” ผมมาที่ภัตตาคารที่ไม่ได้แพงอะไรมากนักครับ แต่มีอาหารที่ยกระดับขึ้นมาหน่อย เพราะผมกำลังจีบเค้านี่จะพาไปร้านปกติได้ยังไง
“ สั่งเป็นหรือปล่าว ” มันถามซะเด็กเสิร์ฟหลุดขำเลย
“ นายอยากทานอะไรพิเศษ สั่งแล้วกัน เราจะดูรายการปกติให้ ” ผมสั่งๆเรียบร้อยก็นั่งรอครับ ส่วนวากดิษไม่ได้สั่งอะไร
“ นายเชื่อเราไหม ” ผมถามดิษ
“ อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลยนะ ”
“ อืม ” ผมสังเกตว่าระหว่างกินอาหาร วากดิษจะมองผมอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าทำไมครับ ผมคงต้องเก็บไว้ถามทีหลัง
“ ไปเดินเล่นกันไหม ” ผมถามหลังจากกินข้าวกันเรียบร้อย วากดิษปล่อยให้ผมพาไปที่สวนสาธารณะครับ
“ ถ้าต้องการคำตอบน่ะ ยังบอกไม่ได้ ” เรานั่งพักมองไปที่คูน้ำในเมือง
“ ดิษ เราไม่ได้คาดคั้นอะไรนายหรอก ..... แค่อยากอยู่ใกล้ๆ ” วากดิษหันหน้าหนีครับ แต่ผมขยับตัวตามมัน
“ ยุ่งน่า ”
“ ฮ่าๆๆๆ หน้าแดงเหรอวะ ” ไม่ผิดครับ ไอดิษมันหน้าแดง แต่ไม่ได้ใช่โมโหนะครับ
“ สนุกมากมะ ”
“ โอเคๆ ขอโทษ ไม่รู้ว่าเขินเป็นด้วย ”
“ เกินไปแล้วนะ ทำไมต้องเขิน ” ผมทำได้แค่ยิ้มครับ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ มันควรจะเกิดตั้งแต่นานมาแล้ว ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่าแท้ๆเลย
“ เราไม่มีวันเข้าใจความทุกข์ที่เกิดกับดิษหรอกนะ เราทำได้แค่ยอมรับผิดกับเรื่องที่ผ่านมา ”
“ อืม ”
“ ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองอีก นายเลือกเชื่อเราแล้วครั้งนึง ตอนนี้เราเองก็เลือกนาย ” วากดิษหันมามองผมครับ
“ เลือกอะไร พี่ไม่เข้าใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว ” หึหึหึหึหึ พี่ไม่เข้าใจๆ เลิกแอ๊บแล้วสิท่า
“ จำที่พี่ปันพูดได้ไหม ”
“ ......... อ๋อ พี่ปันเล่าเหรอ ”
“ เมื่อคืนนี้เราไปคุยกันน่ะ พี่ปันบอกให้เราเลือกว่าจะเชื่อดิษไหม ” ดิษนั่งยิ้มๆ
“ พี่ขอเวลาหน่อยได้ไหม ”
“ หืม เวลาอะไร ” วากดิษมองผมอย่างที่เคยแล้วครับ แววตาดุดันที่มีให้ผมมานานหายไปหมดแล้ว
“ มันมีหลายเรื่องที่พี่ต้องจัดการก่อน และพี่ยังตอบคิมไม่ได้ ถ้าพี่ยังคิดแบบนี้อยู่ ”
“ ได้สิ ..... นานเท่าไรก็จะรอ รักไปแล้วนี่ ” วากดิษถอนหายใจยาว แล้วลูบหัวผม
จากนั้นผมก็กลับมาเข้าหน้ากับวากดิษเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ปกติเสียทีเดียว เพราะวากดิษยังไม่ได้กลับมาที่หอ และเรื่องสองเรื่องก็ยังไม่ได้คุยกัน คือเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่โรงแรมกับวันที่มาหอพักโดยทำท่าจะบังคับขืนใจผม
แต่ด้วยความที่ว่าผมกับดิษเจอกันที่ทำงาน ผมขับรถไปรับส่ง กินข้าวด้วยกัน เย็นก็ไปเดินเที่ยว ทำให้ผมลืมไปว่าผมไปสัญญากับพ่อว่าภายในสองวันผมจะจัดการเรื่องของดิษให้เรียบร้อย และแล้ววันชี้ขาดเรื่องของผมก็มาถึง
“ คิมๆๆๆ ” ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่ที่หอพักในวันหยุด พี่เคนพี่ชายคนโตของผมก็โทรมาหา
“ อะไรพี่ ตกใจอะไร ”
“ พ่อเอ็งไปหาไอข้าวกล้องแล้วอะ บอกว่าจะให้แกสองคนเลิกกัน เฮ้ยนี่มันอะไรน้อง ”
“ ชิบหาย ตายห่ะ ”
“ อะไร ”
“ ผมวางสายก่อนนะพี่ๆ ” ผมลุกพรวดรีบแต่งตัวแล้วออกไปที่บ้านของวากดิษทันที
พอผมไปถึงก็อาจจะช้าไปแล้วครับ เพราะพ่อผมคงมาถึงแล้ว ผมเห็นเพื่อนผมจากไร่ยืนอยู่ใกล้ๆกับรถของพ่อผม
“ ไงคิม ”
“ พ่อกูมาทำอะไร ”
“ ไม่รู้สิ บอกว่าให้ขับรถมาให้ ” ผมรีบเข้าไปในบ้าน ก็เจอเลยครับ พ่อของผมนั่งอยู่กับแม่ของวากดิษ ส่วนไอดิษนั่งคุกเข่าอยู่
“ ตกลงเอายังไง ”
“ พ่อ ทำอะไรน่ะครับ ” ผมตรงไปหาวากดิษที่กำลังนั่งน้ำตาซึมอยู่
“ ไปขึ้นรถ เดี๋ยวกลับไร่กับพ่อ ”
“ พี่คะ ใจเย็นๆหน่อยนะคะ หนูได้ยินว่าสองคนเค้าก็คุยกันดีแล้ว ” ก็จริงอะครับ
“ ผมก็ไม่ได้จะเป็นคนมากเรื่อง แต่มันอะไรนักหนา ก็คือลูกผมผิดมันเอนเอียงไป แต่มันก็ยืนยันหนักแน่นว่ามันยังรักข้าวกล้อง ทำผิดครั้งเดียว ถึงขั้นต้องหมางเมินเลยหรือไง แทนที่จะเร่งแก้ปัญหา ดันเอาแต่ผลักกันไปกันมา อยู่ไม่ได้ก็เลิก ลูกผมก็มีที่ทางไม่ต้องมายุ่งยากก็ได้ ” ดิษมันน้ำตาไหลเป็นสายเลยอะครับ ผมค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ดิษ
“ พ่อ ”
“ ไปนั่งกับมันทำไม ลุกเดี๋ยวนี้ !!!! ” ทำไมพ่อของผมถึงน่ากลัวขนาดนี้นะ กระชากแขนผมด้วยอะ
“ พ่อ อย่าให้คิมตายเลยนะ ”
“ อะไรวะ ”
“ ผมเหมือนใจจะขาดแล้วอะพ่อ ” พ่อของผมปล่อยมือ มันแปลกมากเลยครับ ผมไม่รู้สึกอยากร้องไห้ แต่มันเหมือนอยากจะเข้าไปอยู่ที่มืดๆเงียบๆที่ไม่ต้องสนใจอะไร
“ พอก่อนเถอะนะครับ ” วากดิษเอ่ยปากแล้วครับ
“ ข้าวกล้องจะทำอะไรน่ะลูก ” วากดิษประคองผมลุกขึ้น
“ ผมอยากพาคิมไปที่ๆสงบกว่านี้ครับ เค้าจะบ้าแล้ว ” หืม ใครบ้า กูเนี่ยนะ
“ ข้าพาลูกข้าไปก็ได้ ”
“ พ่อเลี้ยงจะไม่กดดันเค้าใช่ไหมครับ ”
“ มาๆ เฮ้ยไอหนุ่มพาคิมไปที่รถ ” ไอหนุ่มนี่ไม่ใช่ชื่อนะครับ แค่เรียกผู้ชายคนนึง
“ ครับนาย ” ไอเพื่อนผมนั่นแหละที่มา มันก็ตกใจพอสมควร แต่ก็รีบมาหื้วผมไป พ่อผมบอกว่าจะตามมา ส่วนดิษเองก็เดินขึ้นห้องไปครับ
“ คิม มึงเป็นเกย์จริงดิ ” ผมเห็นไอเพื่อนผมทำหน้างงไม่ได้เลยบอกมันไป
“ เออ มึงจะจับกูแก้ผ้าแห่รอบหมู่บ้านไหม ”
“ เชี้ย จะทำได้ไง ”
“ ดิษเป็นแฟนกู ”
“ พี่น่ะเหรอ เหอะๆๆ สงสัยเพราะมึงสนิทกันมากไป ”
“ ช่างเหอะ สรุปไม่รู้จริงเหรอว่าพ่อกูมาทำไม ”
“ ไม่รู้ บอกแค่ให้ไปเอาชุดสูทที่ร้านให้ด้วย เพิ่งไปกันก่อนมานี่แหละ ” แปลกแฮะ เหมือนพ่อของผมไม่ได้จะมาที่นี่ตั้งแต่แรก
“ ไปๆ ” พ่อผมมาแล้วครับ พอขึ้นรถพ่อก็ไม่ได้พูดเรื่องวากดิษ
“ อะไรนะ เย็นไปไหนนะ ”
“ งานแต่งงาน ไปหาชุดหล่อๆไปกับข้า ”
“ ผมไม่มีอารมณ์ ”
“ ไม่มีก็ต้องไป ” เออ บังคับก็ไม่บอก ผมก็ไม่ได้ถามอะไรอีกหรอกครับ พ่อผมส่งผมลงหอแล้วบอกว่าจะมารับตอนเย็น วากบ้านายอย่าเป็นอะไรไปนะ
***************** มีต่อครับ บรรทัดไม่พอ *****************