[[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ  (อ่าน 93645 ครั้ง)

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ขอดันอีกทีนะครับ  เผื่อจะมีใครอ่านเจอเพิ่ม อิอิ o13

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
แป่ว พี่เจ้าของกระทู้(เอ่อ ชื่อไรแล้วอ่าคับ) ยังไม่มาต่ออีกเหรอค้าบ

ไม่เป็นไรๆ มานั่งจองคิวรออ่านต่อคับ (=w=)

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ดันมากไป ระวังเหนื่อยเน้อ 555

เอาใจช่วย รอตอนต่อไป

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
ช่วย กัน ดัน ๆ

อิ อิ

สนุก มาก ครับ

หา ตังค์ ใช้ เอง


ออฟไลน์ kuankao

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
 
ขอบคุณทุกๆท่านที่รออ่านนะครับ                                                    

ตอนที่8
      
                               *****************

         และแล้ววันที่ทำให้ผมได้รู้ว่าทำไมมันถึงต้องบาดหมางกับพ่อของมันอย่างนี้ 

         และทำไมชีวิตที่ผ่านมาของมันถึงได้ล้มเหลวไปหมดก็ได้มาถึงซะที

         ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนอีกอย่างของชีวิตมันและผมครับ       

         วันนั้นผมก็ไปหามันที่บ้านเหมือนเคยเพื่อไปซ้อมกีตาร์และแกะพวกเพลงที่เราจะเอาไปเล่นโชว์ที่ตรอกข้าวสารน่ะครับ      พอไปถึงก็พบว่าแม่มันออกไปแล้วผมก็เลยเข้าไปเริ่มซ้อมกีต้าร์กับมัน   

         แต่พอเล่นๆอยู่ไอ้เนมันก็ดันทำสายกีตาร์ขาดไปสายนึงมันก็เลยบอกว่าจะออกไปซื้อใหม่ที่ร้านเครื่องเขียนแถวนั้น
         
         " มึงรออยู่นี่แหละ   เดี๋ยวกูมา"   มันบอกแล้วก็รีบเดินออกจากห้องไป    ผมเลยนั่งซ้อมเพลงไปพลางๆ   สักแป๊บนึงก็เดินไปหยิบหนังสือเพลงที่ชั้นวางมาดูเพลงอื่นๆเพิ่มแต่ว่าไม่ทันระวังก็เลยปัดโดนถ้วยที่มันใส่เศษเหรียญล้มลง   

         เศษเหรียญเลยกระจายลงบนพื้น   บางอันก็กลิ้งเข้าไปใช้ชั้นด้วยผมเลยต้องนั่งลงเก็บ   เฮ้อ  หางานเพิ่มทำไมวะเรา

         แต่ในขณะที่ผมก้มลงเอามือล้วงเข้าไปใต้ชั้นวางของนั้น   ก็มองไปเห็นกล่องใบหนึ่งอยู่ใต้นั้นผมเลยเอื้อมดึงกล่องออกมาก่อนเพื่อจะได้เอื้อมไปเก็บเหรียญได้     แต่ความที่ตัวกล่องมันเก่ามากกระดาษมันคงเปื่อยเลยขาดออกจากกันดังแคว่กเลยครับ

         " เอ๋า..... เวรแล้วกู"   ผมบ่นกับตัวเองแล้วก็รีบเก็บกล่องที่ขาดรวบเข้ามาด้วยกันแต่ก็ได้เห็นว่าภายในกล่องนั้นมีกรอบรูปที่ดูเก่าๆหลายอันซ้อนกันรวมอยู่กับอัลบั้มรูป     

         ทันทีที่ผมเห็น   ด้วยความแปลกใจผมเลยหยิบกรอบรูปอันหนึ่งมาดูก็เห็นว่าเป็นภาพแม่มันแต่คงเป็นตอนท่านยังสาวๆนะครับ   ท่านกำลังนั่งอุ้มเด็กสองคนที่น่ารักมากแต่ผมก็นึกแปลกใจที่ถ้าเด็กคนนึงคือไอ่เนแล้วเด็กอีกคนคือใครล่ะ

          " เฮ้ย  ไม่รู้สายกีตาร์ยี่ห้อนี้มันจะดีรึป่าวว่ะ   เค้ามีแค่แบบนี้"   ไอ่เนเปิดประตูเดินเข้ามาพอดีครับ     ผมก็กำลังจะหันไปถามมันเรื่องรูปนี้พอดี    แต่พอมันหันมาเห็นกล่องและกรอบรูปที่ผมถืออยู่เท่านั้นแหละครับ    มันก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที

         " เฮ้ย  อะไรวะ  มึงมายุ่งอะไรกะของกูวะเนี่ย"   มันโวยวายเสียงดังแล้วก็กระชากกรอบรูปในมือผมไป   แล้วก็ผลักผมซะกระเด็นหงายไปเลยครับ     ผมตกใจมากแล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกงงเต็มที่   แต่พอเริ่มตั้งสติได้ก็กลายเป็นโมโหไปเลย

         " อะไรของมึงวะ   มาด่ากูทำไมเนี่ย   แค่กูดึงเอากล่องนี่ออกมาเพราะกูจะเอื้อมไปเก็บเหรียญที่กูทำตกให้มึงน่ะ   มันเป็นอะไรวะ  มึงถึงต้องทำหวงของแล้วมาโกรธกูซะขนาดนี้อ่ะ"    ผมยืนขึ้นแล้วโวยใส่มันไปด้วยความโมโหลืมตัวไปเลยครับ   

         แต่มันยังคงก้มหน้านั่งนิ่งถือกรอบรูปนั้นแล้วก็ค่อยๆวางลงในกล่อง     ด้วยความที่ผมก็โกรธมันเลยเดินไปหยิบกีต้าร์แล้วกำลังจะเดินออกไปจากห้อง

         " เฮ้ย   เดี๋ยว ไอ่อินอย่าเพิ่งไป    กู...   กูขอโทษว่ะ   ขอโทษที่โวยวายด่ามึงนะ..."   มันรีบลุกขึ้นยืน    เสียงมันสั่นแล้วก็เริ่มมีน้ำตาไหลตามมา   สีหน้าของมันทั้งเศร้าและดูสับสน   

         แล้วมันก็เริ่มเอามือมากุมขมับแล้วมันก็ทรุดลงไปนั่งอีก     ผมหันไปเห็นอาการของมันแล้วก็ใจหายเลยครับ   ความโกรธเมื่อกี๊หายไปทันที     ผมเลยวางกีต้าร์แล้วรีบเดินกลับไปนั่งข้างมัน

         " เฮ่ย   นี่มึงเป็นอะไรไปวะ  ไหนบอกกูดิ๊  กูงงไปหมดแล้ว   นี่มันเกิดอะไรกันแน่วะ"    ผมจับไหล่มันแลัวก็มองหน้าสบตากับมัน    มันก็ปาดน้ำตาทิ้งแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

         " กูผิดเองว่ะ   มึงเองไม่ใช่คนไว้ใจไม่ได้จะได้เที่ยวมารื้อค้นของๆกู   กูก็รู้ดี...   กูขอโทษนะเว้ย"  มันสะอื้นเบาๆ

         " เออๆ  กูก็ผิดด้วย   เมื่อกี๊กูก็โมโหมึงไปหน่อยว่ะ   แต่ว่านี่มึงร้องไห้ทำไมวะ   มันเกี่ยวกับรูปพวกนี้เหรอไง   ถ้ามันเป็นงั้นกูว่ากูเองนะที่ต้องขอโทษมึงน่ะ"   ผมมองหน้ามัน   มันก็ถอนหายใจยาวเหมือนมันพยายามรวบรวมความตั้งใจที่จะบอกกับผม

         " ไม่หรอกมึงไม่ผิดหรอกว่ะ    ทุกๆอย่างนี่มันเป็นปมปัญหาชีวิตของกูเอง    วันนี้กูอยากเล่าทุกๆอย่างให้มึงรับรู้ว่ะ  ในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูรักที่สุดนะ  มันคงถึงเวลาแล้ว"    มันบอกแล้วก็หยิบกรอบรูปอันนั้นขึ้นมาให้ผมดู   

         " ทุกอย่างที่เป็นอดีตที่เลวร้ายของกูน่ะกูก็แค่อยากพยายามลืมนะ    ถึงต้องเอามาเก็บไว้ที่นี่  เพราะกูทนที่จะเห็นมันอีกไม่ได้จริงๆ    นี่เป็นรูปแม่กูนั่นแหละ   เค้ากำลังอุ้มกูกับน้องชายกูน่ะ"   มันชี้ไปที่ตัวมันและเด็กอีกคนในรูป

               " หือ   นี่คือน้องชายของมึงเหรอวะ"   ผมตะลึงไปเลยแล้วจ้องมองเด็กในรูปนั้นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆก็ได้รู้ว่ามันมีน้องอีกคน

         " อืม...  ใช่   แต่ว่า...  น้องกูตายไปนานแล้วล่ะ   ตั้งแต่เด็กน่ะ"    มันบอกผมด้วยสีหน้าเศร้าแล้วก็ก้มหน้านิ่งไปนิดนึง   ผมสิ  พอได้ฟังอย่างนี้แล้วก็เล่นเอาอึ้งไปเลยครับ    แต่ก็เอื้อมมือไปจับมือมันไว้เพราะรู้สึกว่าใจมันตอนนี้คงแย่แล้ว  มันก็ยิ้มแค่มุมปากให้ผม

         " ขอบใจว่ะ   แต่...ให้กูเล่าต่อนะ   กูอยากบอกมึงทุกๆอย่างซะให้หมดๆไปวันนี้      แล้วต่อจากนี้ไปกูก็จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจเป็นเหมือนความลับระหว่างเราอีกว่ะ...  นะ"   ผมก็พยักหน้าให้มันอย่างเข้าใจ

         " ตอนนั้นน่ะกูเด็กๆ   แล้วน้องกูจะซนมากๆ  ดื้อจนใครเตือนใครห้ามก็ไม่ค่อยฟัง    มีวันนึงกูกับน้องกูเล่นกันอยู่ตรงชั้นบนแม่กูก็ดูอยู่     แต่พอดีแม่กูเค้าไปหยิบของก็แค่แป๊บเดียวเองนะ   แป๊บเดียวจริงๆตอนนั้นกูเล่นรถอยู่เพลินๆ  น้องกูก็ดันซนไปปีนตรงบันไดแล้วก็ลื่น"  มันเล่าไปด้วยเสียงที่ยังสั่นๆ  ตามันก็เริ่มจะมีน้ำตาคลอ 

         " กูก็พยายามจะคว้ามือไว้แล้ว    แต่ก็ไม่ทันอ่ะ    น้องกูก็เลยตกบันไดลงไป   แม่กูก็มาคว้าไม่ทัน"    มันพูดถึงตรงนี้แล้วก็สูดลมหายใจลึก    เหมือนกับจะฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา   ผมเห็นแล้วก็สงสารมันจริงๆครับ

         " น้องกูตกลงไปแล้วก็แน่นิ่งไปเลย    กูก็ตกใจได้แต่นั่งร้องไห้   แม่กูก็ร้องไห้วิ่งลงไปดูน้อง  แต่น้องกูก็คง....  ตายไปแล้ว
ตั้งแต่ตอนตกไปแล้วน่ะ"   มันพูดแล้วก็ก้มลงมองที่รูปภาพแม่กับน้องมัน 

         " มันคงเพราะกูเองที่ไม่ดูน้องให้ดีอ่ะ  เพราะกูมัวแต่เล่น  เพราะกูที่ช่วยน้องไม่ทัน   ใช่มั๊ยวะ  กูผิดเองอ่ะ  ฮือๆๆ"   มันกอดรูปภาพนั้นแนบอกแล้วก็ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น      ผมเลยกอดมันไว้พยายามจะปลอบมันแต่ก็ไม่ไหวครับ    เพราะสงสารมันจนทนไม่ไหวร้องไห้ไปกับมันด้วยซะแล้ว

         " เออ...  มึงจะโทษตัวเองทำไมวะ   ก็มึงยังเด็กอ่ะ  แล้วมึงก็พยายามแล้วด้วย   มันสุดวิสัยจริงๆน่ะ   มึงอย่าโทษตัวมึงเองเลยนะเว้ย... "    ผมก็ยิ่งกอดมันแน่นและลูบหลังมัน    อยากจะปลอบมันนะ  แต่ว่าใจผมเองตอนนี้ก็ดูจะพอๆกันกะมันเลย

         " แต่พ่อกูอ่ะเค้าโกรธกูมาก   ว่ากูทำไมไม่ช่วยน้อง  ไม่ดูน้องให้ดี  อยากให้น้องตายหรือไง   กูก็ไม่รู้จะทำยังไง   กูช่วยน้องแล้วแต่กูช่วยไม่ทันจริงๆอ่ะ    เค้าก็ไม่ฟังกูเลย   พาลโกรธเกลียดกูมาจนถึงทุกวันนี้แหละ    แค่ที่กูทำน้องกูตายกูก็เสียใจมากแล้วแต่พ่อกูไม่เคยเข้าใจกูเลย   ไม่เคยเลย   ฮือๆๆ"   มันยังคงฟูมฟายเรื่องที่พ่อโกรธมัน   

         ผมเองฟังแล้วก็นึกในใจว่าทำไมพ่อมันถึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลย   เค้าน่าจะสงสารไอ้เนมันบ้าง   แค่น้องตายทั้งคนมันก็เสียใจจะแย่แล้ว    ทำไมยังมาพาลโกรธมันให้มันต้องเสียใจหนักเข้าไปอีก     

         แต่พอลองนึกดูอีกทีผมก็นึกได้ว่าพ่อมันก็คงต้องเสียใจมากเหมือนกันที่เสียลูกไป   คิดว่าเค้าคงทำใจไม่ได้มากกว่า    ซึ่งผมก็คิดเอาเองนะครับตอนนั้น

         " เฮ้ย...  มึงฟังกูนะ พ่อมึงน่ะกูว่าเค้าคงไม่ได้เกลียดมึงจริงๆหรอก   มึงเป็นลูกเค้านะเว้ย   ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเกลียดลูกได้จริงๆหรอก   เค้าคงแค่รับไม่ได้น่ะ  ลูกตายไปทั้งคนนะเว้ย     แล้วเค้าก็คงโทษมันไปหมดทุกอย่างแหละว่ะ     ก็ยังดีนะที่เค้าไม่โทษแม่มึงว่าผิดไปด้วยจนต้องเลิกกันไปอะไรยังงั้น     เพราะงั้นที่พ่อมึงเค้าเป็นยังงั้นมันก็น่าเห็นใจแหละ"

            " แต่มึงเองก็น่าสงสารที่ต้องมารับเคราะห์ที่ยิ่งซ้ำเติมให้มึงเสียใจมากไปอีก    แต่ตอนนี้ที่กูบอกมึง  มึงก็คงพอเข้าใจแล้วนะเว้ย    ว่าพ่อมึงลึกๆแล้วเค้าก็ยังรักมึงอยู่ดี    กูเชื่ออย่างนั้นว่ะ"   ผมบอกแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆแล้วโอบไหล่มันไว้

         " ยิ่งตอนนี้เค้าเหลือแค่มึงคนเดียวแล้วนะเว้ย    เค้าต้องยังรักมึงแน่ๆมึงเชื่อกูเหอะ  กูมั่นใจว่ะ"   ผมสรุปในที่สุด   คิดว่าถ้ามันเข้าใจที่ผมบอกมันก็คงเข้าใจพ่อมันได้

         " อืม   มึง.. คิดงั้นจริงๆเหรอวะ   พ่อกูจะแค่เสียใจ   แต่ไม่ได้เกลียดกูจริงๆเหรอวะ"  มันยังถามผมอย่างสับสนและลังเล

         " ก็... อย่างที่กูบอกมึงนะ   กูยังเชื่อว่าคนเป็นพ่อแม่น่ะ  ไม่มีใครเกลียดลูกตัวเองได้ลงจริงๆหรอกว่ะ   หลวงตาเองท่านก็บอกกูอย่างนั้นเหมือนกัน    กูก็เชื่อมาตลอดแล้ววันนี้กูก็อยากจะขอให้มึงเชื่ออย่างนั้นด้วยเหมือนกันนะ    แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นได้เอง   อย่างน้อยๆมึงก็จะไม่ต้องน้อยใจพ่อมึงอีกแล้ว   เพราะตอนนี้มึงก็คงเข้าใจดีแล้วนะ   ว่ายังไงเค้าก็ยังรักมึงอยู่ดี"   

         " สำหรับเรื่องน้องมึง   กูก็ขอร้องมึงนะ   ว่ามึงอย่าโทษตัวเองอีกเลย   ตอนนี้มึงก็คงคิดได้แล้วนะว่ามันไม่ได้เป็นความผิดมึงเลย    แล้วก็ไม่ได้เป็นความผิดใครทั้งนั้น    เรื่องนี้มันคงหลอกหลอนมึงมาชั่วชีวิตแล้ว     ให้มันจบไปแค่นี้เหอะว่ะ...   นะ... "  ผมบอกแล้วก็กระชับวงแขนที่โอบไหล่มันอยู่ให้แน่นขึ้นเพื่อย้ำให้มันเข้าใจอีกครั้ง

         " ต่อไปนี้ชีวิตมึงก็จะได้หลุดพ้นไอ้ฝันร้ายอันนี้ไปซะทีน่ะ      กูอยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ   ได้มั๊ยวะ  ไอ่เน    กูก็จะไม่ขออะไรแล้ว   ก็แค่อยากเห็นเพื่อนกูมีความสุขได้จริงๆซะทีเท่านั้นเองว่ะ"   ผมบอกแล้วก็จ้องหน้ามัน   เราสบตากันนิดนึง   มันก็ยิ้มออกมาอย่างยอมรับและเข้าใจในทุกอย่างที่ผมบอก  แล้วก็กอดผม

         "  เออ... เอาล่ะ  กูเข้าใจแล้วนะ   เข้าใจทุกอย่างแล้วจริงๆ    ต่อไปกูก็จะไม่โทษตัวเองแล้วว่ะ   มึงจะได้หมดห่วงนะ    นี่ถ้ากูไม่มีมึงนี่  กูจะเป็นไงวะ   คงคิดไม่ได้อย่างนี้แน่    กูขอบใจมึงจริงๆนะเว้ย"   มันกอดผมแน่นแล้วก็ขอบคุณซ้ำๆอยู่อย่างนั้น   

         ผมว่ามันคงดีใจมากนะครับ   ซึ่งก็ไม่ต่างกับผมตอนนี้   ผ่านพ้นไปซะทีนะ   ปัญหาและเรื่องเลวร้ายทุกๆอย่างในชีวิตมัน

         " เออ   แล้วเรื่องพ่อมึงน่ะ    มึงก็ต้องลองคุยกับเค้านะ    พ่อลูกกันน่ะมันไม่ใช่คนอื่นเชื่อเหอะว่าสุดท้ายแล้วมึงกับเค้าจะต้องเข้าใจกันได้แน่ๆว่ะ... นะเว้ย     มึงเองก็รักเค้านี่   ก็บอกเค้าไปเลยว่ามึงน่ะรักเค้ามาก"   มันก็หันมามองผมด้วยสีหน้าที่ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก

         " เอาน่ะ   มึงลองดูก่อนนะ   กูว่าพ่อมึงเค้าจะเข้าใจมึงได้เองว่ะ     อย่าลืมว่าทุกวันนี้มึงยังมีเค้านะ     ยังมีโอกาสทำดีตอบแทนอะไรเค้าได้    แต่กูเองสิ   กูไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วนะเลยยังต้องเสียใจอยู่อย่างนี้    กูไม่อยากให้มึงเป็นเหมือนกูว่ะ   มึงเข้าใจมั๊ย"  ผมบอกแล้วก็ตบไหล่มันเบาๆเป็นการย้ำมันให้เข้าใจ   

         " อืม  กูเข้าใจแล้วว่ะ    นี่กูดีใจมากเลยว่ะ  ไอ่อิน  กูคิดถูกจริงๆที่วันนี้กูเล่าให้มึงฟังทั้งหมด   ตอนนี้กูสบายใจมากๆ   มันโล่งเหมือนยกภูเขาออกไปเลยจริงๆว่ะ "  มันยิ้มออกมาได้แล้ว

         ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดก็คือแบบนี้เอง    มันถึงได้บาดหมางกับพ่อมันมาตลอด     คนอย่างไอ้เน  ใจร้อน  ไม่ลงให้ใครเลยแบบนี้    ลองถ้าพ่อมันแรงมา   มันแรงกลับไปอีกไม่รู้กี่เท่าแน่ๆ   ที่ผ่านมาก็คงมีแต่เรื่องปะทะคารมกันมาตลอด   จนมันกลายเป็นอย่างนี้   

         ตั้งแต่นั้นมา   คงแทบจะไม่มองหน้ากันเลยนะทั้งพ่อทั้งลูก    แต่ต่อไปก็น่าจะดีขึ้นแล้ว   ไอ่เนมันคงเข้าใจพ่อมันบ้างแล้วน่ะครับ   

         " เออ  กูเห็นมึงยังงี้แล้วกูก็สบายใจแล้วว่ะ   เออ  แล้วรูปพวกนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ"  ผมถามมัน    มันก็ก้มลงไปเก็บรูปและของทุกอย่างลงในกล่องเหมือนเดิม

         " กูว่ากูคงจะยังต้องเก็บมันไว้อย่างนี้ก่อนนะ     เพราะว่าแม่กูเองน่ะ  ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้เหมือนกัน   เค้าก็ยังโทษตัวเองอยู่บ้างนะ   ถ้าเค้ากลับมาเห็นมันอีกเค้าอาจจะเสียใจอีกก็ได้ว่ะ" 

         " อืม งั้นก็เก็บไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน   สงสารแม่มึงจังว่ะ   เค้าคงเสียใจมากแหละ"  ผมสรุปเอาเอง   แม้จะนึกไม่ออกว่าแม่มันจะเสียใจแค่ไหน    แต่ก็คิดว่าสำหรับคนเป็นแม่คงไม่มีอะไรน่าเสียใจมากไปกว่าการต้องเสียลูกไปอีกแล้วละครับ

         " ใช่ว่ะ   แม่กูเสียใจมากที่สุดไปแล้ว   ต่อไปนะเว้ยกูจะต้องทำตัวดีๆให้ได้เลย    แม่กูจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก    เค้าก็เหลือแค่กูแล้ว   กูเลยคิดได้นะ   ว่าจะไม่ทำให้เค้าเสียใจเพราะกูอีกว่ะ"  มันบอกผมด้วยสายตาที่มุ่งมันจริงจัง

         " เออ  เยี่ยมเลย  มึงตั้งใจอย่างนี้ก็ดีแล้ว  รักแม่มึงให้มากๆนะเว้ย    ที่จริงตอนนี้แม้แต่กูเองกูก็ไม่รู้ทำไมนะ  กูเองก็รักแม่มึงมากว่ะ  รู้สึกเหมือนว่าท่านก็เป็นแม่กูจริงๆเหมือนกัน    เพราะถ้าแม่กูยังอยู่นะ   แม่กูก็คงน่ารักและใจดีเหมือนกับแม่มึงนี่แหละ   อดคิดไม่ได้นะว่าถ้ากูเป็นลูกแม่มึงจริงๆอีกคนก็คงดีนะ"  ผมเล่าไปก็ยิ้มไป    ลืมตัวเผลอบอกมันจนได้ว่าผมรู้สึกยังไงกับแม่มัน

         " มึงคิดงั้นจริงๆเหรอวะ    เออ  ถ้าแม่กูรู้เค้าคงดีใจอ่ะ    เพราะว่าเค้าก็รักมึงจะตายทุกวันนี้อ่ะ   อะไรๆก็มึง  พูดถึงมึงตลอด   มึงดีอย่างนั้น  ดีอย่างนี้  บอกให้กูเอาตามอย่างมึง    สงสัยเพราะกูเองอ่ะ   เชียร์มึงมากไปหน่อย สาธยายความดีของมึงให้เค้าฟังตลอดเลย  ฮะๆๆ "    มันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  ผมเลยหันไปจ้องหน้ามัน

         " หือ  เชียร์กูเนี่ยนะมึง   แล้วมึงจะมาเชียร์อะไรกูทำไมเนี่ย"   ผมสงสัย

         " ก็มึงจำได้มั๊ยล่ะว่า   กูเคยขอให้มึงมาอยู่ด้วยกันกะกูซะที่นี่เลยน่ะ     แล้วมึงก็บอกใช่มั๊ยว่าจะให้มาอยู่ในฐานะอะไร   ก็นี่ไงมาอยู่ในฐานะลูกแม่กูอีกคนไง    แล้วตอนนี้กูก็ทำให้แม่กูอ่ะเค้าเริ่มอยากจะให้มึงมาเป็นลูกจริงๆแล้วอ่ะ   แค่มึงตกลงเท่านั้นแหละ   นะเว้ย"   ผมฟังมันแล้วก็ทำหน้าไม่ถูกเลยครับ   

         อย่างแรกผมไม่รู้ว่าจะโกรธที่มันเจ้ากี้เจ้าการไม่ถามเราก่อน   หรือว่าผมควรจะดีใจที่มันทำให้ความหวังผมเป็นจริงแล้วดีนะ      ไอ้ที่เคยพูดกันไว้ผมก็นึกว่ามันคงแค่พูดเล่นๆเท่านั้น    ที่จะให้ผมมาอยู่กับมันเลยน่ะ   

         " โห  นี่มึงลงทุนจังนะ   กูก็เคยบอกแล้วว่าที่จริงกูเกรงใจมึงกับแม่มึงตะหาก   ถึงใจกูจะอยากเป็นลูกแม่มึงจริงๆแต่มันก็ไม่น่าจะเร็วและง่ายๆอย่างนี้น่ะ    เราก็เพิ่งมาคบกันจริงๆได้แค่กี่เดือนเอง  แม่มึงก็เพิ่งได้คุยกะกูแค่ไม่เท่าไหร่อ่ะ  มันอาจเร็วไปว่ะ     ขอเวลาให้กูหน่อยละกัน    แต่ว่านะ...."  ผมบอกแล้วก็สบตามันนิ่ง

         " ยังไงกูก็ต้องขอบใจมึงที่รักกู  ไม่เคยรังเกียจกูเลย   กูมันก็แค่เด็กวัดกำพร้าเอง   แต่ว่ามึงกับแม่มึงก็ยังรักและเอ็นดูกูมากขนาดนี้    กูก็พอใจแล้วว่ะ   และหลังจากนี้กูก็จะขอรักและนับถือเค้าไปอย่างนี้แหละว่ะ   มึงคงเข้าใจกูนะเว้ย"    ผมได้บอกสิ่งที่ผมรู้สึกกับมันไปแล้ว   มันก็ดูจะเข้าใจผมดี   

         วันนี้ผมดีใจมากครับที่ได้เคลียร์ปัญหาคาใจของมันลงไปได้แล้ว   

         ต่อจากนี้ชีวิตของมันคงจะเปลี่ยนไป   ที่ร้ายมันคงกลายเป็นดีได้ซะที   
       
         กูดีใจด้วยจริงๆว่ะเพื่อน.................................     

         ส่วนตัวผมนั้นก็ยิ่งดีใจครับที่ได้รู้ว่าแม่มันเริ่มรักและเอ็นดูผมมากเหมือนเป็นลูกจริงๆแล้ว   

         แต่ก็นั่นแหละครับ    เวลานี้ผมก็คงได้แค่รักและนับถือท่านไปอย่างนี้แหละ   

         มันดีที่สุดแล้วในความคิดของผม ณ ตอนนี้นะครับ   

                                                                                           ************                           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 22:10:57 โดย Goodfellas »

RomeO_C_Leng

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
สงสารเนนะ ต้องอยู่กับความรู้สึกที่ตัวเองเป็นคนผิดและคิดว่าพ่อยังโกรธอยู่
อิน ได้ช่วยไว้อย่างมากเลยนะ คำว่า เพื่อน มันก็ดีแบบนี้แหละ เนอะ
 :กอด1: น็อต

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
อินลืมตัวเผลอบอกว่ารู้สึกยังไงกับแม่ของเน
แล้วเมื่อไหร่จะลืมตัวเผลอบอกว่ารู้สึกยังไงกับเนซักทีน้า

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ขอดันไปหน้าแรกอีกทีครับ  ตกเร็วมาก

เผื่อใครอ่านเจอ

ก็งี้่แหละครับ  นิยายขายไม่ดีต้องดันเอง อิอิ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
มาช่วยดันค้า  :L2:
มิตรภาพจะเปลี่ยนไปแบบไหนหน๋อออ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
รีบมาอัพแล้วนะครับ

ตอนที่9              

                              *****************

         ทุ่มกว่าแล้ว   ผมยังนั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับมันจนแม่มันกลับมาพร้อมกับหอบหิ้วอาหารมากมายจากร้านของน้าติ๋วเพื่อนแม่นั่นเองครับ   แล้วแม่ก็เลยบอกให้ผมอยู่ทานด้วยกันเพราะว่าได้เอามาเผื่อผมด้วย    

         ค่ำนั้นผมก็เลยได้กินอาหารแสนอร่อยกับไอ่เนและแม่ของมัน   เรานั่งคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานเลยครับ   แม่เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องไอ่เนตอนเด็ก   แต่พอเล่าๆไปแม่ก็ดูอึ้งๆไปนิดนึงแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องไปเลย   ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ครับว่าแม่คงนึกถึงเรื่องน้องไอ่เนแล้วไม่อยากจะเล่าแน่ๆ  

         พอเรากินข้าวกันเสร็จแล้วผมกับไอ่เนก็ช่วยกันล้างจาน   เสร็จแล้วก็เดินมาหาแม่ที่นั่งบนโซฟาดูทีวีอยู่    ผมเลยไปนั่งข้างๆแม่ฝั่งนึง   แล้วมันก็เดินไปนั่งข้างแม่อีกฝั่งนึง

         " แม่  ผมมีข่าวดีจะบอก  ตอนนี้มีคนอยากเป็นลูกแม่อีกคนแน่ะครับ   แม่จะรับรึเปล่าอ่ะ"   อยู่ๆมันก็บอกแม่มัน   ผมก็อึ้งเลย   ไม่ทันตั้งตัวอ่ะครับ  เลยทำหน้าไม่ถูกมองหน้าแม่มันแบบเหวอๆไปเลย  แม่เค้าก็ยิ้มแล้วหันมามองผม

         " อ๊ะ  จริงๆเหรอลูก   ก็ดีน่ะสิ  อยากเป็นลูกแม่จริงๆรึเปล่า  แม่อยากจะมีลูกดีๆน่ารักๆแบบเราจะตายไปน่ะ"  แม่ลูบหัวผมเบาๆ  อย่างเอ็นดู

         " ก็ดีนะ  แม่มีอินเป็นลูกอีกคน   ถ้าเจ้าตัวดีนี่มันเกเรอีก  แม่จะได้ตัดหางปล่อยวัดมันไปได้เลยไง  เพราะว่ามีอินอยู่แล้วทั้งคนก็ไม่ต้องไปห่วงแล้วเนอะ"  แม่หันมากอดผมแล้วก็หันไปยิ้มเยาะไอ่เน   มันก็หน้าหุบทันที

         " โห่....  แม่อ่ะ   ก็ผมเป็นเด็กดีแล้วอ่า  ทำไมเห็นลูกใหม่ดีกว่าผมเนี่ย   ไม่ยอมด้วย  ฮึ"    มันแกล้งสะบัดหน้าทำงอน  แม่กับผมก็หัวเราะกัน

         " โอ๋ๆๆ  อย่างอนน๊าลูก   แม่ล้อเล่น  อ้ะ  งั้นรักทั้งคู่นั่นแหละ  นะ..."    แล้วแม่ก็กอดพวกผมทั้งสองคนไว้ด้วยกัน   ผมเองตอนนั้นอยากจะให้เวลามันหยุดไปอยู่แค่นั้นจริงๆครับ  ไม่อยากให้ความสุขนี้มันผ่านไปเลย    

         ถ้านี่เป็นแค่ฝันมันก็คงเป็นฝันที่ดีที่สุดแล้วล่ะสำหรับผมนะ  ผมได้มีแม่อีกครั้ง   แม่ที่รักผมจริงๆเหมือนกับแม่แท้ๆของผมเอง 

         และที่สำคัญผมก็มีมันอยู่ด้วยอย่างนี้   แค่นี้ผมก็คงไม่ต้องการใครอีกแล้วจริงๆครับ

                                                                              -

                                       -

         คืนนั้นผมเลยได้ค้างกับมันที่บ้านอีกครั้งเหมือนกับที่ผ่านมา  วันนี้ผมก็ดีใจมากนะครับที่ได้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นลูกของบ้านนี้จริงๆน่ะครับ    

         แต่ว่าผมเองก็ได้บอกแม่ไปแล้วว่าผมก็ไม่ได้หวังสูงอะไรขนาดนั้น    แค่อยากจะขอนับถือแม่ให้เหมือนกับแม่ผมจริงๆ    ซึ่งท่านก็เข้าใจผมดีแล้วบอกผมว่ายังไงก็รักผมไปแล้วล่ะ   ต่อไปเค้าก็จะถือว่าผมเป็นลูกเค้าจริงๆเหมือนกัน   และเค้าดีใจมากที่จะได้มีลูกที่ดีและน่ารักเพิ่มอีกคนนึง  


         " ถ้างั้นต่อไปอ่ะ   มึงก็ย้ายมาอยู่นี่เลยนะเว้ย   แล้วก็ให้แม่กูรับเป็นบุตรบุญธรรมเลย   นะเว้ย"   มันบอกผมขณะที่เรานอนกันอยู่บนเตียง

         " โห... มึงก็ยังงี้ทุกทีอ่ะ  ก็เอางี้กูขอเวลาอีกหน่อยแล้วกันนะ   ไม่รู้ดิว่ะ  กูอยู่วัดมาตลอดแล้วกูก็ยังอยากอยู่ดูแลหลวงตาท่านน่ะว่ะ"   ผมสรุปความคิดผมให้มันฟัง

         " เฮ้อ   มึงนี่ก็กตัญญูจริงๆ  เออ  ก็แล้วแต่มึงว่ะนะ"   มันพูดเสียงอ่อยๆไปเหมือนผิดหวัง   ผมก็ยิ้มแล้วแล้วหันไปจับไหล่มัน

         " เออ  แล้วมึงจะเหมือนน้อยใจไปทำไมวะ   ยังไงกูก็อยู่กะมึงตลอดอยู่ดีอะ  ไม่ไปไหนหรอก   ถึงกูจะไม่ได้มาอยู่กับมึงที่นี่เลย   แต่กูก็มานี่ตลอดอยู่ดี   มึงจะกลัวอะไรวะ"  

         " อืม  ก็จริงของมึง   แต่ไม่รู้ดิ  ยังไงกูก็ยังอยากให้มึงมาอยู่นี่กะกูอยู่ดีอ่ะ  แต่ว่าก็โอเค  ถ้ามึงเองอยากทำอย่างที่มึงตั้งใจน่ะนะ   กูก็ไม่ฝืนใจมึงหรอก"    มันว่าแล้วก็ยิ้มให้ผมอย่างเข้าใจ  
         
          " เออ   มึงเข้าใจกูก็ดีแล้วอ่ะ นอนเหอะ"  

                                       -

                                       -

         ดึกมากแล้วแต่ผมยังคงนอนไม่หลับ   ฝนตกค่อนข้างหนักอยู่นานแล้วจนอากาศเย็นลงมาก  

         ผมได้แต่นอนมองหน้ามันที่กำลังหลับอย่างสบายแล้วก็นึกถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา  

         แม้จริงๆผมก็อยากมาอยู่กับมันในบ้านนี้ไปตลอด   แต่ผมก็คงยังทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะความไม่เหมาะสมหลายๆอย่างในเวลานี้ที่ผมคิดไว้      

         ใจจริงผมก็ไม่อยากจะให้มันเหมือนเรื่องมากอะไรไปนะ   เพราะตั้งใจแล้วว่าต่อไปจะทำชีวิตให้มันง่ายๆขึ้น   ปล่อยวางอะไรที่ยึดๆติดไว้มันไปซะบ้าง    แต่สำหรับเรื่องที่จะเป็นบุตรบุญธรรมของแม่มันนี่ผมคงตัดสินใจได้แค่นี้จริงๆสำหรับตอนนี้นะครับ

         ขณะที่นอนมองมันอยู่นั้น   จู่ๆมันก็นอนหันมาแล้วกอดผมครับแต่มันก็ยังหลับอยู่   นี่มันเห็นผมเป็นหมอนข้างไปซะแล้วเหรอนี่   

         แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่า  อยากจะกอดมันบ้าง   ผมก็เลยพลิกตัวไปกอดมันแต่มันก็ยังคงหลับสนิท    

         ผมเลยลองสะกิดมันเบาๆ   แต่มันก็ไม่รู้สึก     สงสัยมันคงหลับสนิทจริงๆ

         แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก    ก็คือผมไม่เคยคิดนะว่าแค่เรานอนกอดกันกับมันอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ    

         ร่างกายมันอุ่นจัดเพราะอากาศตอนนี้มันเย็นมากและผมกับมันก็ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่เลย   ผิวเนื้อของเราจึงสัมผัสกันโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น    

         อกล่ำๆของมันแนบชิดอยู่กับอกผม   และหน้าของผมกับมันตอนนี้ก็ห่างกันแค่คืบเดียวแล้ว   จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นของมัน    

         ผมมองหน้ามันอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร    มองมันที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่

         ตอนนั้นผมเกิดความรู้สึกมากมายอยู่ข้างใน     มากจนไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกัน

         แต่ผมรู้แค่ว่ามันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆครับ    ก็ไม่รู้ว่าทำไม 

             และที่สำคัญผมอยากจะอยู่อย่างนี้ให้นานที่สุดเลย

         ได้กอดมันอย่างนี้   ใกล้ชิดกับมันอย่างนี้   ได้สัมผัสร่างกายมันอยู่ตรงนี้

         ผมลืมความรู้สึกที่ว่า  ทั้งมันและผมก็เป็นผู้ชายนะ

         ผมลืมไปเลยจริงๆครับ
         
           แล้วผมก็หลับไปในที่สุด
 
                                                                              -

                                       -

         ใกล้สว่างแล้ว  ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเรายังนอนกอดกันอยู่   ผมเลยลุกขึ้นนั่งเพื่อมองนาฬิกา  

         ตอนนั้นตีสี่กว่าแล้วครับ   หันไปมองมันแล้วผมก็ต้องนึกแปลกใจอีกนิดๆว่านี่ผมนอนกอดกับมันนานอย่างนี้เลยเหรอ

         แล้วตอนนั้นทำไมผมถึงได้รู้สึกดีๆอย่างนั้นได้นะ

            แต่ด้วยความที่ยังง่วงอยู่ผมก็เลยนอนต่อไปจนถึงเช้า  ขี้เกียจคิดครับ ขอนอนก่อนแล้วกัน ง่วงจริงๆ

         หลายวันผ่านไปผมก็ยังคงไปมากับบ้านมันอยู่    และก็ยังมีคิดถึงเรื่องคืนนั้นบ้างแต่ก็แค่นิดหน่อย  จนเริ่มลืมๆไป   แม่ของไอ่เนมีกำหนดการว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามอาทิตย์   เพราะท่านบอกว่าการกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้มีแต่อะไรดีๆจนไม่อยากกลับไปที่โน่นอีกเลย  

         จนวันนี้ผมก็มาที่บ้านเหมือนเคยแล้วก็พบว่าแม่กำลังเล่นเปียโนหลังนั้นอยู่พอดีเลยครับ    เลยตื่นเต้นมากที่ได้โอกาสไปนั่งดูแม่เล่นใกล้ๆ

         " เออ  เฮ้ย  กูจะออกไปหารุ่นพี่กูหน่อยว่ะ   เดี๋ยวกูกลับมาบ่ายๆนะ"  ไอ้เนเดินมาบอกผม

         " หือ..  ไปหารุ่นพี่?   คนไหนเหรอวะ  ให้กูไปด้วยมั๊ย"  ผมถามมัน

         " ไม่เป็นไร   มึงอยู่กะแม่กูนี่แหละ   เดี๋ยวบ่ายๆกูก็มา  เออ  ไปล่ะ"    พูดจบมันก็ออกไปทันที   ผมก็เลยนั่งดูแม่เล่นเปียโนต่อ   ซึ่งแม่นั้นเล่นเก่งมากจริงๆครับ   เพลงที่ดูว่าน่าจะยากแต่แม่ก็เล่นได้ดี  เพราะมากๆ  ทั้งที่ท่านก็ทิ้งๆไปบ้างไม่ได้เล่นบ่อยๆ

         " ถ้าเราอยากเรียนนะ  เดี๋ยวแม่ก็จะสอนให้จ้ะ   แต่ก็ต้องฝึกอ่านโน๊ตให้ได้คล่องๆก่อนน่ะนะ   แล้วเราก็ค่อยมาฝึกพื้นฐานกัน"

         " เมื่อก่อนแม่ก็สอนไอ้เนมันด้วยใช่ปะครับ   มันเล่นได้นิดนึงผมเคยเห็นมันเล่นน่ะครับ"   ผมบอกแม่   แม่ก็ยิ้ม

         " จ้ะ  ตอนนั้นมันก็พอเล่นเพลงง่ายๆที่แม่สอนได้หลายเพลง     แม่น่ะเคยตั้งใจไว้จ้ะว่าถ้ามีลูกนะ   แม่จะสอนเปียโนให้เล่นเก่งๆเลย   ไม่ว่าจะมีกี่คนก็เหอะ  ก็จะสอนให้เก่งให้หมดเลย   แม่ถึงได้พยายามสอนเจ้าเนมัน   แต่ก็น่าเสียดายนะที่..."    แม่หยุดคำพูดไว้แค่นั้นจนผมสงสัย   แล้วท่านก็หน้าเศร้าลงไปทันทีเลยครับ

         " เนมันได้เล่าเรื่องน้องที่เสียไปให้ฟังแล้วยังลูก"   แม่หันมาถามผมด้วยแววตาที่เศร้ามากๆจนผมเห็นแล้วเริ่มใจไม่ดี

         " เอ่อ...  ครับแม่   เนมันเล่าให้ฟังแล้วครับ   แต่ว่าเราแค่คุยกันแล้วผมก็บอกมันว่าอย่าโทษตัวเองอีกเลย   มันไม่ใช่ความผิดมันน่ะครับ    เป็นเรื่องสุดวิสัยไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น   รวมทั้งเรื่องที่พ่อก็โทษมันด้วย    ผมสงสารมันน่ะครับแม่    เห็นมันเป็นทุกข์ใจแล้วก็ไม่สบายใจไปด้วย  ไม่อยากให้มันคิดมากเลยครับ"    ผมบอกกับแม่  

         " จ้ะ  ก็เรื่องนี้น่ะตอนนั้นแม่เองแม่ก็เสียใจมากนะ  เพราะเราช่วยลูกไม่ทันจริงๆ    แค่นิดเดียวแท้ๆแต่ก็ไม่ทันจริงๆนั่นแหละ  หลังจากนั้นแม่ก็เหมือนช๊อคไม่รู้สึกตัวไปหลายชั่วโมงเลย   พอรู้สึกตัวก็ได้แค่รู้ว่าลูกตายไปแล้วนะ"   แม่เล่าด้วยเสียงที่เริ่มสั่น   ผมเลยเอื้อมไปจับมือแม่ไว้ทั้งสองมือเพื่อให้ท่านหยุดเล่า

         " แม่ครับ  พอก่อนนะครับ  อย่าเพิ่งพูดต่อเลย   เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้วนะครับ    ผมก็อยากจะให้แม่ทำใจคิดซะว่าน้องไปดีแล้วนะครับ"    ผมจับสองมือของแม่มารวบไว้ด้วยกันแล้วบีบเบาๆเพื่อปลอบใจท่าน   

         " ก็เหมือนกับไอ่เนที่ตอนนี้มันก็พอคิดได้   และไม่โทษตัวมันเองอีกแล้วน่ะครับ    ซึ่งผมดีใจมากนะที่ไม่ต้องห่วงมันแล้ว    และผมจะดีใจอีกมากๆเลยนะครับ    ถ้าแม่จะไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วเหมือนกัน    ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับ"   พอพูดจบผมก็กอดแม่   แม่ก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วกอดผมแน่น

         "จ้ะ  แม่ขอบใจนะลูกที่เราห่วงแม่    แต่ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ   แม่จะทำใจให้ได้จ้ะ    น้องน่ะจากเราไปแต่เค้าก็คงไปดีแล้วจริงๆ    ก็คงเหลือแต่พวกเราน่ะนะที่ต้องอยู่กันต่อไปให้ดี"    แม่พูดแล้วก็เอามือประคองใบหน้าผมขึ้นมา    ท่านสบตากับผมแล้วยิ้ม

         " แล้วตอนนี้นะแม่ว่าแม่ก็มีอินเป็นเหมือนตัวแทนของน้องอยู่แล้ว   ขอบใจมากนะลูก   แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วจ้ะ"   พูดจบแม่ก็กอดแล้วก็ลูบหัวผม    

         ผมก็ดีใจมากๆครับ   ดีใจที่ทำให้แม่ไม่ต้องคิดมากอีกแล้ว  

         ต่อไปนี้อะไรที่ค้างคาในใจของแม่ก็คงจะหมดไป   เหมือนๆกับไอ่เนมัน  ทุกอย่างที่เลวร้ายกำลังจะผ่านไปแล้วครับ  

                                       -

                                       -

         บ่ายสามโมงกว่าแล้วไอ่เนมันก็กลับมาที่บ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดีเพราะเห็นมันเดินผิวปากมาแต่ไกล   ผมเลยเดินไปหามันอย่างสงสัย

         " ตกลงไปไหนมาวะ  อารมณ์ดีเชียวมึง"   ผมเริ่มถามมันทันที   มันก็ทำหน้าเหมือนตกใจนิดนึงที่อยู่ๆผมก็โผล่มาถามมัน

         " อ๋อ  กูไปดูของกับพี่เอกมาว่ะ  มึงแดกข้าวยัง   แล้วแม่กูอ่ะ"  มันบอกแล้วก็เหมือนทำเป็นถามเรื่องอื่น  อ่ะ มีพิรุธนะมึง

         " ของอะไรกันวะ  ที่มึงว่าเนี่ย   แล้วพี่เอกนี่มันคนไหนเหรอวะ   รุ่นพี่ที่จบไปเหรอ"   ผมยังคงสอบปากคำมันต่อ

         " เออ...  ก็รุ่นพี่เราไง   มึงคงไม่ค่อยรู้จักมั๊ง   กูยังหิวอยู่เลยมีไรกินอีกมั๊ยวะ   ถ้าไม่มีก็เดี๋ยวออกไปกินตรงตลาดดีกว่า"   มันรีบเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วครับ    ไอ่นี่ชักยังไง

         " อืม  ไปก็ไป"  ผมตอบตกลง   แล้วก็เดินไปนั่งกินข้าวกะมันแถวตลาด    เลยบอกกับมันเรื่องที่ได้คุยกับแม่มันวันนี้    ว่าแม่ของมันก็ทำใจไปได้มากขึ้นแล้ว  ต่อไปคงไม่ต้องห่วงแม่อีกแล้ว  มันเลยดีใจใหญ่

         แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย   แต่ผมก็ยังคงสงสัยเรื่องที่มันออกไปกับพี่เอกวันนี้อยู่ดี   ว่าจริงๆแล้วมันไปทำอะไรกันแน่     แต่ก็ขี้เกียจจะสอบสวนไอ้ผู้ร้ายปากแข็งมันแล้วน่ะครับ

                                                                                                              -

                                       -

         ช่วงปิดเทอมนั้นผมก็ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่รับใช้หลวงตาท่านที่วัดแล้วก็ไปๆมาๆแต่ที่บ้านไอ่เนมัน     เราแกะเพลงซ้อมกีต้าร์กันเพื่อจะเอาไปเล่นโชว์หาตังค์    

         นี่ผมยังมีแผนว่าอาจจะออกไปเล่นที่สวนจตุจักรอีกที่นึงด้วย    แต่ยังลังเลกลัวจะมีเจ้าถิ่นน่ะครับ  ก็คงต้องดูให้ดีก่อน   วันนึงในขณะที่ผมก็กำลังจะออกไปหามันที่บ้านแต่มันก็โทรมาหาผมซะก่อน

         " เฮ้ยๆ  ข่าวดีเว้ย  มาหากูด่วน   พี่ที่โมเดลลิ่งเค้าโทรมานัดเราเทสต์งานแล้วเว้ย   ได้เกิดกันแล้วเว้ย   ฮ่าๆๆ"    เสียงมันตื่นเต้นเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว

         " เหรอวะ   เออๆ   เดี๋ยวกูไป"    ผมก็เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วยครับ   แล้วก็รีบบึ่งไปหามันที่บ้านทันที    พอไปถึงมันก็บอกว่าเค้าโทรมานัดให้ไปหาที่ออฟฟิศเค้าวันมะรืนนี้   ผมก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันแต่ก็เก็บฟอร์มไว้หน่อย   ไม่อยากเป็นไอ้บ้าเห่ออย่างมัน

         เวลาผ่านไปจนวันนี้เป็นวันที่เรานัดพี่เค้าไว้ครับ   ก็เลยจะรีบไปหาพี่เค้าที่ออฟฟิศแต่เช้าเพราะกลัวจะไปไม่ทันเวลานัดน่ะครับ    

         แต่ว่าเฉพาะผมนะที่กลัวไปไม่ทัน  ส่วนมันอ่ะ   เพราะบ้าเห่อครับ   มันแหกตาตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าเลย   แล้วแต่งซะอย่างหล่ออ่ะ  ทั้งหมวก  แว่น  เสื้อนอก  เสื้อใน  จนผมต้องบอกว่า

         " นี่มึงเป็นนักร้องเกาหลีจะไปขึ้นคอนเสิร์ตเรอะไง   ถ้ามึงจะแต่งยังงี้   ต่างคนต่างไปนะ  สัด...  เดินกะมึง  กูอายเค้า"

         " เอ๋า  เชี่ยนี่แม่ง   มันก็ต้องแต่งให้มันเด่นๆหน่อยเด่ะ   เตะตาเค้าดี   จะได้เลือกเราไง"   มันบอก    ดูสิครับ มันคิดได้ไง

         " แต่มึงก็ไม่ต้องซะขนาดนี้อ่ะ   หมวกกะแว่นแล้วก็ไอ้เสื้อนอกเนี่ย   ไม่ต้องเลยมึง   เอาแค่นี้พอ"   ผมบอกแล้วก็ถอดหมวกกะแว่นมัน    แล้วก็จับมันถอดเสื้อนอกออก  

         " อ้าว   เฮ้ย  แล้วแต่งไปงี้มันจะเวิร์คเหรอวะ"  มันมองตัวเองแล้วลังเล

         " เออ   แค่นี้มึงก็หล่อไม่มีที่ติแล้วครับ  ไปกันได้แล้วครับ   สาดด..ด"    ผมสรุปแล้วก็ออกมาขึ้นรถกัน      

         เราไปถึงที่ก่อนเวลาประมาณชม.นึงครับ   เลยเข้าไปนั่งรอพี่เค้าข้างใน  จนใกล้ถึงเวลานัดผมก็เห็นว่ามีวัยรุ่นที่รุ่นเดียวกับพวกเราทยอยกันเข้ามาคงมาเทสต์งานเหมือนเรา    

         ดูๆไปแล้วพวกนี้ก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยครับ   จนผมนึกหวั่นๆเหมือนกัน   ว่านี่เราจะได้งานนี้มั๊ยนะ

         " เอ้อ  ดีๆมากันแล้ว  เดี๋ยวเราตามพี่มาห้องนี้เลยจ้ะ"   พี่ออยที่ติดต่อเรามานั่นเองครับที่เป็นคนเรียกให้ผมกับไอ่เนตามเข้าไปอีกห้องนึง    แล้วเค้าก็มานั่งคุยกับเราว่า   วันนี้เดี๋ยวถ่ายรูปเป็นการเทสต์หน้ากล้องกันไปก่อน    

         แต่ว่าจะมีพี่จากแมกกาซีนแห่งนึงเค้าจะมาดูตัวพวกเราเลย   ถ้าเค้าตกลงเลือกเรา   พวกเราก็จะได้งานนี้ไป  เป็นงานถ่ายแฟชั่นของแมกกาซีนเค้า   ยิ่งทำให้พวกเราตื่นเต้นขึ้นอีก   เพราะแมกกาซีนนี้ดังมากอยู่   ถึงจะไม่ได้ขึ้นปกแต่แค่ได้ถ่าย  ผมว่างานนี้เราอาจได้เกิดกันจริงๆ

         " โห...  ตื่นเต้นว่ะ  ถ้าเค้าเลือกเราก็ดีดิ   แล้วมึงอ่ะ  ไม่ตื่นเต้นมั่งเลยรึไงวะ"   ไอ่เนหันมาถามผม   ท่าทางมันตื่นเต้น  ซึ่งผมก็พอๆกับมันแหละ

         " เออ  ก็ตื่นเต้นดิวะ   ถ้าได้งานนี้นะ  คงเจ๋งเลย"  

         " น้องคะทางนี้ค่ะ  เดี๋ยวมาแต่งหน้าทำผมก่อนค่ะ   แล้วเราจะเริ่มถ่ายกันเลย"   พี่ทีมงานคนนึงเดินมาบอกเรา   พวกเราก็เลยตามไปแต่งหน้าและทำผม    แล้วก็เข้าไปยืนให้พี่เค้าถ่าย    

         ผมเห็นว่าทีมงานเค้าก็มีหลายคนดูมืออาชีพกันทั้งนั้น   พวกผมก็เลยแค่ยืนเก๊กๆโพสท่าไปตามที่พี่เค้าบอก    ตอนนั้นผมก็ประหม่าเหมือนกันครับ   เลยพยายามเก็บอาการไว้     แต่ไอ่เนมันกลับดูมั่นใจไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่ครับ  แปลกดี   รึเพราะความเห่อของมัน
         
         พอถ่ายกันเสร็จพี่ออยเค้าก็ออกมาบอกเราว่า   พี่ที่มาจากแมกกาซีนเค้าโอเคแล้ว  เดี๋ยวให้พวกเราเตรียมตัวมาถ่ายหนังสือเค้าได้เลย   พวกเราก็เลยดีใจกันมาก      

         " โอเคนะจ๊ะ   เดี๋ยวอีกสองวันก็มาที่นี่อีกจ้ะ   เพราะทางเราจะเป็นคนถ่ายงานให้ทางแมกกาซีนเค้าเลย   เสื้อผ้าก็จะเป็นประมาณนี้นะ   เหมือนชุดไปเที่ยว"  พี่ออยบอกแล้วเอารูปเซตของเสื้อผ้าที่จะใช้ถ่ายให้พวกเราดู

         " จ้ะ  งั้นถ้าเข้าใจแล้วก็เจอกันอีกทีวันเสาร์นะ   วันนี้ขอบคุณมากจ้า"   พี่ออยบอกลาเรา   หลังจากที่ตกลงเรื่องงานคราวหน้าเรียบร้อย    พวกผมก็เลยออกจากออฟฟิศแล้วเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์

         " ฮ่าๆ  ดีใจว่ะ  ได้งานนี้ซะที   โชคดีนะที่เค้าเลือกพวกเราอ่ะ"  มันหัวเราะอย่างสบายใจ

         " อืม  งั้นอีกสองวันเราก็เตรียมตัวกันนะ   ตอนนี้กลับกันเหอะว่ะ"

         " เฮ้ย เดี๋ยวดิ  โธ่โอกาสดีๆอย่างนี้ต้องฉลองกันก่อนดิวะ   กูอยากกินพิซซ่าฉลองว่ะ  ไปๆ  กูเลี้ยงเอง"   มันว่าแล้วก็หันหน้าไปทางร้านพิซซ่าใกล้ๆตรงนั้นแล้วก็เข้าไปกินกัน   พอเสร็จแล้วเราก็กลับบ้านด้วยกัน
                           
                                       -

                                       -

         วันนี้เป็นวันนัดถ่ายงาน     พวกเราก็เตรียมตัวมาถึงที่ออฟฟิศพี่เค้าตั้งแต่เช้าเหมือนเคย    ก็มานั่งรออีกพักนึงจนพี่เค้ามาเรียกไปลองชุด      หลังจากนั้นก็มาฟังพี่สไตลิสต์เค้าอธิบายงานอีกที        

         รูปแบบของงานวันนี้พี่เค้าให้เราถ่ายคู่กันเลยส่วนนึงครับ   แล้วก็มีถ่ายเดี่ยวอีกด้วย   ผมรู้สึกว่าตื่นเต้นนิดหน่อย   แต่คราวนี้ไอ่เนมันกลับดูตื่นเต้นมากทีเดียว

         ทีมงานของพี่ๆเค้าทำงานกันอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพ  ครู่เดียวเราก็ถ่ายกันไปหลายภาพแล้ว  เปลี่ยนชุดไปหลายชุดด้วยกัน    ไอ้เนมันก็ยังมีเกร็งหน่อยๆ   ผมก็ยังตื่นเต้นเหมือนกัน   จนถ่ายกันเสร็จทั้งหมดทั้งคู่และเดี่ยว    แล้วพี่เค้าก็ให้เราไปดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ในจอคอมฯ  
   
         " โห... เฮ้ย  มึงแม่ง  ดูโคตรเท่เลยว่ะ  ดูดียังกะไม่ใช่มึงเลยอ่ะ"   ผมชมมันที่เห็นภาพที่ถ่ายออกมามันดูดีจริงๆ   หุ่นและผิวมันดูดีน่ะครับ   เวลาถ่ายถอดเสื้อโชว์หุ่นมันก็เลยยิ่งดูดีขึ้นอีก   

         แต่พอผมดูตัวเองแล้วก็ยังต้องทึ่งไปเลยครับ    เพราะพี่เค้าถ่ายผมออกมาได้ดูดีจริงๆจนจำตัวเองแทบไม่ได้ไปเลยเหมือนกัน  นี่เราเหรอวะเนี่ย  เออ  ค่อยมีหวังจะได้เกิดกะเค้าหน่อย

         " ฮ่าๆ  มันแน่อยู่แล้วเว้ย   หล่อเท่อย่างกู    หนังสือพี่เค้าต้องขายดีแน่ๆเว้ย"   มันคุยในทันที

         " อ่านะ   สัดนี่  ชมไม่ได้เลย   เหลิงทันที   หล่อเท่มากเลยอ่ะนะมึง"   ผมประชดมัน   พี่ตากล้องเค้าเลยหัวเราะ    แล้วก็ชมว่างานนี้เราสองคนได้เกิดแน่   เพราะว่างานที่ถ่ายออกมานี่มันดีมาก เจ้านายเค้าคงพอใจ   แล้วให้เรารอดูอีกทีตอนหนังสือวางแผง

         " เฮ้ย  ดีว่ะ  ได้ตังค์เยอะเลยเว้ยงานนี้   แถมได้มาจากความสามารถกูเองล้วนๆอีก   ดีใจจังว่ะ"    ไอ่เนบอกผมขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน  แล้วมันก็หยิบซองค่าตัวที่เพิ่งได้เอามาจูบอย่างปลื้มสุดๆ

         " เออ...  กูก็ดีใจ   ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอ่ะ กูก็จะได้เก็บไว้เป็นทุน  จะได้เรียนต่อ  จะได้ใช้ทำอะไรๆได้สบายหน่อย"   ผมบอกมันแล้วก็ยิ้มในความโชคดีของเราวันนี้

         " เฮ้ย  ถ้าสมมตินะ ว่าถ้าเกิดต่อไปเราดังขึ้นมาจริงๆ  มึงจะว่าไงวะ"   มันถามผม

         " อืม  ก็คงจะดีนะ  แต่ไม่รู้ว่ะ  กูว่ากูคงอยากร้องเพลงว่ะ  มีอัลบั้มตัวเองสักงานนึง  แค่นี้ก็คงพออ่ะ  ไม่ดังมากมายก็ไม่เป็นไรหรอก"  

         " เออ  ก็ดีนะเว้ย   กูก็เหมือนกันอ่ะ   เหมือนที่เราที่เคยคุยกันไง    กูก็ยังอยากให้เราออกอัลบั้มด้วยกันอยู่ว่ะ  ได้งั้นจริงๆคงดีเลยนะเว้ย"   มันว่า    ผมก็หันไปมองหน้ามันแล้วเราก็ยิ้มกันอย่างสุขใจเมื่อได้พูดกันถึงอนาคตที่ดีๆของเรา  

         อนาคตที่เราอยากทำให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ จนวันนี้โอกาสก็กำลังเข้ามาหาเราแล้วครับ    

         ผมคิดหวังไปว่าระหว่างนี้ถ้ามีงานมาเรื่อยๆผมก็คงจะเก็บเงินได้มากขึ้น  จะได้มาใช้เป็นค่าเล่าเรียนและใช้จ่ายไปได้   โดยไม่ต้องไปเหนื่อยกับการทำงานพิเศษต่างๆเหมือนที่ผ่านมาอีก      

         แต่ว่าสำหรับมันแล้วผมดูว่ามันคงแค่จะอยากดังและเป็นที่ยอมรับซะมากกว่านะ   เพราะมันคงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเงินนัก    

         แต่ยังไงซะผมก็ยังดีใจนะครับที่เห็นมันภูมิใจกับสิ่งที่มันทำ  และภูมิใจกับเงินที่มันหามาได้ด้วยตัวเองอย่างวันนี้

                                                                              *****************                                                   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 22:13:33 โดย Goodfellas »

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
 :z13: น็อต ให้ทะลุเลย
อิจฉา อิน ได้แม่คนใหม่แล้ววว

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
ดี ใจ ด้วย ครับ อิน

ได้ โชค 2 เด้ง เลย

ได้ เป็น ลูก แม่ และ ได้ ถ่าย แบบ อีก

รุ่ง ๆ

อิ อิ

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
โห ต่อไปก็คงจะมีนายแบบเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนอ่ะสิคับเนี่ย
ละก็อินก็มีแม่ซะทีนะคับ ขอให้มีความสุขมากๆน้า ทั้งอินละก็เนด้วย

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
ดันสักหน่อย
อิอิ จะดังไหมหน๋อ ทั้งสองคน

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิต หวังว่าคงรู้จักคว้าแล้วก้าวไปในทางที่ถูกนะครับ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
เอ่อ ขออนุยาด  ดันไปให้ขึ้นหน้าใหม่ก่อนนะครับ ไม่รู้จะสำเร็จมั๊ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2010 23:22:46 โดย Goodfellas »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
เชิญติดตามกันต่อเลยครับ   พิเศษ  ตอนนี้จะมีซาวน์แทรคให้ด้วยนะครับ    เมื่อทุกท่านอ่านจนถึงช่วงที่เป็นเนื้อเพลงแล้ว อยากให้คลิกเปิดเพลงฟังไปด้วยนะครับเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน

ตอนที่10

            

                                 ************

         วันนี้เป็นวันวางแผงวันแรกของหนังสือที่เราไปถ่ายกัน   มันโทรหาผมแต่เช้าอีกบอกให้ผมไปหาที่บ้านก่อน     แล้วหลังจากนั้นเราก็เลยเดินออกมาที่ร้านหนังสือแถวตลาด

         " เฮ้ย    นี่ไงๆเล่มนี้แหละ"    มันหยิบแมกกาซีนเล่มหนึ่งที่คิดว่าเป็นเล่มที่เราไปถ่ายกันมาเปิดดูอย่างตื่นเต้น    ผมก็ลุ้นระทึกไปด้วยกับมัน

         "ฮ่าๆ  นี่ไง  วู้..ว   เจ๋งๆ  เห็นมั๊ยมึง   โคตรเท่เลยว่ะ  ฮ่าๆๆ"   มันหัวเราะซะเลียงลั่น   ป้าที่ขายหนังสือแกเลยหันมามอง

         " ตื่นเต้นอะไรกันอ่ะลูก  หือ   เสียงดังเลย"   ป้าแกเอ่ยถามเรา  แล้วก็หัวเราะ

         " อ๋อ  นี่ครับป้า   พวกเราได้ถ่ายแบบลงหนังสือนี่ครับ   เลยดีใจไปหน่อย   ฮ่าๆ  ผมหล่อมั๊ยครับป้า"   มันรีบกางหนังสืออวดให้ป้าเค้าดู   ป้าแกก็ขยับแว่นแล้วมองดูรูปพวกเรา

         " เอ้อ  จริงๆด้วย   งั้นยังงี้เดี๋ยวก็ดังกันใหญ่แล้วสินี่"   ป้าเค้าเลยตื่นเต้นไปกะเราด้วยแล้วครับ  

         " อืม  มันคงยังไม่ถึงขั้นนั้นอะครับป้า   เพิ่งได้ลงหนังสือแค่เล่มเดียวเอง    ไว้ให้พวกผมไปเล่นหนังเล่นละครกันอีกซะ 2-3 เรื่องก่อนแล้วกันครับ    แล้วเดี๋ยวผมจะมาแจกลายเซ็นให้ป้านะครับ"    มันเลยคุยโอ่ไปกันใหญ่    ป้าเค้าก็หัวเราะชอบใจ    ผมเลยขี้เกียจจะไปเบรคมัน  

         พอเรากลับกันมาที่บ้านหลังจากที่ได้ซื้อแมกกาซีนนั้นเก็บไว้กันคนละเล่มมันรีบเอาไปให้แม่มันดูทันที    แล้วก็คุยโอ่ต่างๆนาๆ    แม่มันก็ชมว่าพวกเราถ่ายรูปขึ้นดีมาก   ดูหล่อเทียบกับดารานายแบบดังๆได้เลย    

         ผมฟังแล้วก็เขินในคำชมของแม่   แต่ไอ่เนมันเลยยิ่งทำยืดไปกันใหญ่   ผมก็เลยเบรคมันซะ

         " นี่ขนาดมึงเพิ่งได้ถ่ายลงแค่เล่มเดียวนี่   มึงยังเห่อขนาดนี้แล้วถ้าได้เล่นหนัง  ออกอัลบั้มจริงๆมึงจะเห่อขนาดไหนเนี่ย"

         " แต่แม่น่ะนะ   ชินแล้วล่ะ  ที่มีลูกบ้าเห่อนะ"   แม่บอกแล้วก็หัวเราะ  

         " โห่...  แม่อ่ะ   ผมไม่ได้เห่อซะหน่อย   ก็มันน่าดีใจนี่นา   ลูกแม่หล่อเท่ออกยังงี้ก็ต้องเกิดในวงการอยู่แล้วครับ"   มันยังคงหลงตัวเองได้อีก    ไปไกลแล้วนะมึง ไอ่เน

         " จ้า  ไม่เห่อก็ไม่เห่อ   ลูกแม่หล่อกันทั้งคู่แหละ   ดีแล้วล่ะ"   แม่บอกแล้วก็กอดพวกเราอีก   แม่ก็คงดีใจนะครับ   ที่เห็นพวกเราได้มีโอกาสดีๆเข้ามาอย่างนี้

         แล้ววันนั้นทั้งวันผมก็เลยซ้อมกีต้าร์กับมันต่อ     มีหลายเพลงที่ต้องซ้อมไว้น่ะครับ   ทั้งเพลงฝรั่งเพลงไทยเลย  รวมทั้งเพลงญี่ปุ่นด้วยครับ  เผื่อว่าจะมีคนญี่ปุ่นมาขอเพลงอีก  

         เราเลยลองมานั่งเลือกเพลงกันแล้วผมก็ไปสะดุดอยู่เพลงนึงเลยบอกไอ่เนให้มันลองแกะเพลงนี้มาลองเล่นกัน

         " เฮ้ย  เพลงนี้อ่ะ "เพียงเธอ"  ของพิช  วงออกัสที่มันเล่นในเรื่องรักแห่งสยามไง  เพลงนี้มันก็เป็นซาวน์แทรคอ่ะ  ลองเล่นกันดิ   เพราะดีนะ"  

         " ไหน  อืมๆ  กูยังไม่เคยฟังอ่ะ   เพราะงั้นเลยเหรอวะ"  มันบอก  ผมเลยลองเปิดเพลงในจากมือถือผมให้มันลองฟัง  มันก็ฟังอย่างตั้งใจ   ดูจากสีหน้ามันก็ดูจะอินไปกับเพลงบ้างแล้ว

http://www.4shared.com/embed/45759355/203eedf9

         อยากจะขอบคุณที่รู้ใจเข้าใจ     สิ่งดีๆทีให้มา    
         อยากจะขอบคุณที่สัญญาหัวใจ     ไม่มีวันห่างเหิน
         จากคนหนึ่งคนที่ไร้วันเวลา       หมดกำลังจะก้าวเดิน
         จากคนที่เคยเจ็บเหลือเกินที่ใจ       กลับกลายเป็นเบิกบาน

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

         แค่คนหนึ่งคนกับหัวใจให้เธอ      หมดไปเลยที่ฉันมี
         จะเป็นจะตายจะร้ายดีไม่แคร์      ไม่เคยจะหวั่นไหว
         จะมีแต่เธอที่แสนดีร่วมทาง        ตราบจนวันที่สิ้นใจ
         หนึ่งวันจะนานสักเท่าไรถ้าไกล        ห่างเธอไปสักวัน

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

           ให้เธอได้ยิน    เสียงจากใจฉัน   ที่จะคอยบอกทุกคืนวัน   ว่ารักเธอ

         ผ่านคืนวันโหดร้ายนานชั่วกาล    
         กลับมีคนห่วงใยกัน    สุขใจทุกวันมีเธออยู่ข้างกาย
         เริ่มรู้จักความหวาน    กับรักลึกซึ้งหมดใจ
         เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

         ว่าเสียงใจฉันเอง   ร้องเพลงให้เธอฟังอยู่  
         คือเสียงดังจากใจ  ร้องเพลงที่ใครไม่อาจฟัง  
         เสียงใจฉันเอง      ร้องเพลงให้เธอฟังอยู่
         คือเสียงดังจากใจ     ร้องเพลงที่ฟังเข้าใจเพียงเรา
      
         " เออ  ดีๆเพราะดีว่ะ  มีความหมายดีด้วย   กูชอบว่ะ  

         แล้วเราก็เลยแกะเพลงนี้กันต่อ   มันก็ลองฟังจนจำทำนองได้แล้ว   เลยลองเล่นกันดู

          ขณะที่ผมเล่นและร้องไปนั้น  ผมก็มองหน้ามัน     มันก็หันมาสบตากับผมตลอด     รู้สึกได้เลยครับว่าเพลงนี้มันเป็นเหมือนในใจผมจริงๆ    เป็นความรู้สึกของผมที่มีต่อมันว่าผมรักมันแค่ไหน    

         เพราะมันเป็นคนเปลี่ยนชีวิตที่ไม่มีใครของผมให้มีความสุขได้อย่างวันนี้    

         และเพราะว่าผมมีมันอยู่ข้างๆมาตลอด   ผมถึงได้รู้จักความรัก  และรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของชีวิตได้อย่างนี้    

         อยากขอบคุณมันจริงๆครับ    ขอบคุณมันด้วยเพลงนี้ที่ผมก็จะร้องจากใจผมข้างในจริงๆ   คิดว่ามันก็คงจะเข้าใจได้  

         เหมือนกับที่ในเพลงว่าไว้น่ะครับ    ว่าจะมีแค่เราสองคนจริงๆ  ที่จะเข้าใจความหมายของมันได้  

         " เออ  เพราะดีว่ะ  เราเล่นด้วยกันอย่างนี้มันก็ลงตัวดีนะ  ชอบว่ะ เพลงนี้"   มันบอกผมหลังจากที่เราเล่นกันจบเพลง

         " อืม  ก็ดีแล้วอ่ะ   ที่มึงชอบเพลงนี้เหมือนกู    แต่ที่มากกว่านั้นนะ   มันแทนความรู้สึกทั้งหมดของกูเลยนะเว้ย    ว่ากูน่ะรักมึงมากว่ะ    มึงเป็นเพื่อนแท้คนแรกและคนเดียวเลยที่กูมีนะ   ถ้าที่ผ่านมากูไม่มีมึงกูก็คงยังเป็นแค่เด็กวัดกำพร้าชีวิตล้มเหลวอยู่เลยมั๊ง"    ผมบอกมัน   มันก็ยิ้ม

         " เออ  ก็ใช่ว่าแค่มึงคนเดียวเมื่อไหร่ละ   กูก็รักมึงว่ะ   แล้วถ้ากูไม่มีมึงกูอ่ะต้องตายไปแล้วแน่ๆ   ตั้งแต่วันนั้นที่กูฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นมึงมาช่วยกูน่ะ    กูก็รู้เลยนะว่ากูคงจะได้มีเพื่อนแท้กับเค้าแล้ว   เพื่อนแท้ที่กูรอมาตลอดชีวิตกูนะ"     มันว่าแล้วก็ขยับมาโอบไหล่ผมไว้

         " งั้นต่อไปนี้กูขอให้เพลงนี้มันเป็นเพลงของเราเลยนะเว้ย   ดีมั๊ยวะ   เพราะมันก็แทนทุกๆอย่างในใจกูกับมึงที่รู้สึกเหมือนๆกันน่ะ"  ผมฟังมันแล้วก็ต้องยิ้มเพราะดีใจที่มันก็คิดเหมือนผม

         " อืม  ดีว่ะ  ยังงี้มึงกะกูก็เหมือนกับโต้งกะมิวในหนังรักแห่งสยามเลยนะเว้ย  เป็นเพื่อนรักกันน่ะ"  ผมบอกกับมัน

         " เออ  งั้นกูเป็นโต้งนะ   มึงก็เป็นมิวอ่ะ  ดีป่ะ   เพราะกูหล่อเหมือนมาริโอ้ไง ฮ่าๆ"    มันได้ทีครับ   เลยหาเรื่องชมตัวเองจนได้

         " อะโห...  มึงนะ  ไม่ค่อยเลย   หล่อเหมือนมาริโอ้เนี่ยนะ  กล้ามากอ่ะมึง   แต่ก็โอเค  กูเป็นพิชก็ได้"  ผมหัวเราะไปกับมัน

         " เอ...  แต่ว่า   เฮ้ย  ที่จริงในเรื่องนี่   มันไม่ได้รักแบบเพื่อนนะเว้ย   มันรักกันแบบเกย์เลยนี่นา"  มันพูดหน้าตื่นๆเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

         " หือ...  เหรอวะ   เออ  ก็ไม่รู้ดิ  ก็ยังไม่ได้ดูเลย   เคยดูมิวสิคเพลงนี้แค่ทีนึงเอง  เห็นว่าเหมือนมันเป็นเพื่อนรักกันอ่ะ   แล้วตกลงไม่ใช่เหรอ"   ผมนึกสงสัย

         " เออ...  กูก็ยังไม่ได้ดู    แต่ดูตัวอย่างนิดนึงอ่ะ   รู้สึกจะมีคนบอกแหละ  ว่าสองคนนี้มันจะรักกันแบบเกย์เลย"   ผมฟังมันแล้วก็ได้แต่หันไปมองหน้ามัน    มันก็มองสบตาผม   ทำให้ผมนึกไปว่าขืนเรารักกันแบบนั้นมั่งมันจะเป็นยังไงว้า   แล้วเราก็หัวเราะออกมากัน

         " เออ... ว่ะ  เชี่ยเอ๊ย   ขืนมึงกะกูรักกันยังงั้นนะแม่งคงไม่ไหวว่ะ   ฮ่าๆๆ"  มันหัวเราะชอบใจ

         " เฮ้อ...  นั่นดิ   มันจะเป็นไงว้า"   ผมก็หัวเราะไป   แต่พอย้อนมาคิดดูก็เริ่มรู้สึกแปลกๆอีกนะครับ      ทุกวันนี้ผมก็รักมันมากอย่างนี้แล้วถ้าวันนึงเราเกิดรักมันแบบนั้นขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงนะ    ซึ่งคำถามนี้ก็ทำให้ผมนึกกลัวในใจเหมือนกันครับ

                                       -

                                       -

         วันเปิดเทอมกำลังใกล้เข้ามา   พี่ที่โมเดลลิ่งติดต่องานเข้ามาให้พวกเราอีกครับคราวนี้เป็นงานโฆษณาออกทีวีเลย    พี่เค้าบอกว่าเจ้าของงานนี้เค้าเจาะจงตัวเราทั้งคู่มาเลย     จะให้ไปเป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์ของสินค้าของเค้าซึ่งก็คือโทรศัพท์มือถือน่ะครับ          
         จะว่าไปงานนี้มันก็ง่ายๆดีครับถ่ายกันแค่สองวันรายได้ก็ดีมากเลย   และเค้ายังให้โทรศัพท์ในแบรนด์ของเค้ามาให้เราใช้อีกด้วย   แต่ผมบอกเค้าว่าคงไม่รับเพราะอยากจะได้เป็นเงินเฉยๆน่ะครับ   อยากเก็บเงินมากกว่า  

         แต่พอไปบอกเค้าจริงๆ    พี่เค้าก็บอกว่าเอาไปเถอะ   เราเป็นพรีเซนเตอร์ให้เค้าก็ควรใช้ของๆเค้าด้วย    ผมเลยต้องยอมเอามาใช้โดยดี

         " กูไม่ค่อยอยากได้เลยว่ะ   ของเก่ากูก็ยังใช้ได้อันนี้มันดีเกินไปอ่ะ  กูไม่จำเป็นต้องใช้ที่มันดีขนาดนี้หรอก   อยากได้เป็นเงินมากกว่าว่ะ   น่าจะขอเค้าเปลี่ยนเป็นเงินได้นะ"   ผมบ่นกับมันขณะที่กลับบ้านด้วยกัน    มันก็หันมาหัวเราะ

         " มึงนี่   แม่งชักจะเห็นแก่เงินไปมั๊ยวะ  งกเงินนะมึงเนี่ย   เราเป็นพรีเซนเตอร์เค้านะเว้ย   ก็ต้องใช้ของๆเค้าเด่ะ    จะมาใช้ของถูกได้ไง   อันเก่านี่ของมึงอ่ะ   ขว้างทิ้งไปเลย   อันนี้อ่ะเจ๋งกว่าเยอะ  เชื่อกู"   มันว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์อันเก่าของผมทำท่าจะโยนออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์   ผมเลยรีบคว้ามือมัน

         " เฮ้ยย...ย   สาด..  ทำเชี่ยไรวะ   แม่ง   จะเอาของกูไปทิ้งทำเชี่ยไร   อย่างมากถ้ากูไม่ใช้กูก็เอาไปขายก็ยังได้ตังค์มั่ง   เสือกจะทะลึ่งมาทิ้งของกูซะแล้ว   รู้ดีนักนะมึง"  ผมด่าแล้วก็ตบกบาลมันไปหนึ่งที   โทษฐานที่เสือกรู้ดี   มันก็หัวเราะชอบใจที่แกล้งผม

                                       -   

                                       -

         หลังจากที่โฆษณาที่เราไปถ่ายกันได้ออนแอร์ออกไปแล้ว    มันก็ยิ่งยืดใหญ่เลยครับทีนี้ทำตัวราวพี่เคน  ธีรเดชกันเลยทีเดียว    สงสัยมันคงจะคิดว่าตอนนี้มันดังมาก    

         ตอนนั้นรร.เราก็เปิดเทอมไปหลายวันแล้วครับ    มันก็เลยยิ่งเที่ยวไปอวดใครต่อใครที่รร.ไปกันใหญ่   ว่าได้ออกทีวีแล้ว   เป็นพรีเซนเตอร์อย่างนั้นอย่างนี้    จนตอนนี้ใครๆเค้าก็อิจฉาเราไปเลย  

         " โห... ทีนี้เลยดังใหญ่เลยนะ   พวกมึงอ่ะ"

         " เฮ้ย...  ไว้มึงชวนพวกกูไปถ่ายแบบมั่งดิวะ   พวกกูก็อยากเกิดมั่งอ่ะ"

         " แม่ง   อิจฉามันเว้ย  เกิดกันใหญ่ละทีนี้    ดังแล้วก็อย่าลืมพวกกูอ่ะ   รายการไหนเค้าเชิญไปก็มาเรียกพวกกูมั่งนะ   กูจะได้ออกทีวีมั่งว่ะ  ฮ่าๆๆ"

         และอีกมากมายหลายความเห็น   เล่นเอาผมรับไม่ทันไปเลย    แต่มันสิครับยิ่งภูมิใจใหญ่ว่ากูดังแล้ว   จนผมก็นึกๆกลัวว่ามันจะมัวไปสนใจแต่เรื่องนี้มากไปจนไม่ค่อยสนใจเรื่องเรียน

         " เฮ้ย  เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้วนะเว้ย   อย่าลืมแล้วกันว่ายังไงมึงจะต้องตั้งใจเพิ่มเกรดมึงให้ดีให้ได้นะ   ส่วนเรื่องงานน่ะเราลดๆมันไปก่อนแล้วกันนะ    จะได้มีเวลา"   ผมเตือนมัน

         " เออ  กูก็รู้แล้วล่ะ   มึงไม่ต้องห่วงหรอก   เทอมนี้เกรดกูต้องดีขึ้นอีกให้ได้เลย   มึงก็ช่วยกูด้วยนะเว้ย"

         " ก็ช่วยกันเหมือนเดิมอ่ะ    มึงตั้งใจแล้วกัน   แม่มึงจะได้ดีใจให้สุดๆไปเลยทีนี้"

         " ใช่ๆ ทีนี้แม่กูก็จะได้หมดห่วงว่ะ   เอ้อ... เดี๋ยวอีกสามวันแม่กูก็จะบินกลับไปโน่นแล้ว   เราไปส่งเค้าที่สนามบินกันนะ"  ผมฟังแล้วก็เหมือนใจหายนิดนึง

         " เอ้อ... เหรอ  ก็น่าเสียดายนะ    ถ้าแม่มึงกลับมาอยู่นี่ตลอดไปเลยคงดีเนอะ"   ผมบ่นด้วยความเสียดาย   แต่ก็นั่นแหละแม่เค้าจะมาอยู่แต่ที่นี่ได้ไง   งานทางโน้นเค้าเยอะแยะ

         "  เหมือนกัน   กูเองก็อยากให้ทั้งพ่อกับแม่กูกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่แล้วว่ะ   แต่จะทิ้งงานทางโน้นมาก็คงไม่ได้กริด    ก็...ไม่เป็นไรนิ    มึงกะกูอยู่ทางนี้มันก็ยังพอโอเคนี่"   มันบอกแล้วก็หันมายิ้มกับผม

         " เออ...  ก็ใช่  มันอดใจหายนิดนึงไม่ได้ว่ะ   แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก     แค่วันนี้กูได้รู้แล้วว่าเค้าก็รักกูเหมือนลูกเค้าจริงๆ   กูก็ดีใจแล้ว"   ผมยิ้มออกมาอย่างสบายใจ  

         สำหรับผมตอนนี้ผมก็ขอแค่นั้นจริงๆครับ   รู้สึกดีที่ได้เหมือนกับมีแม่อีกครั้งนึง  

         นี่อาจจะเป็นบุญของผมที่ยังพอมีอยู่นะ   แค่นี้ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ
               
                                       -

                                       -

         ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้  เราต้องไปส่งแม่ไอ่เนกันที่สนามบินแล้วครับ    ไอ่เนมันก็ดูเศร้าๆไปเหมือนกันหลังจากที่ได้กอดกับแม่มัน    แล้วแม่มันก็หันมากอดผม

         " แม่ฝากดูแลบ้านแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีทั้งสองคนเลยนะลูก   ตั้งใจเรียนกันนะ   แม่ไปล่ะ"   แม่พูดไว้แค่นั้นเหมือนท่านกลัวว่าถ้าพูดมากไปกว่านี้แล้วจะตัดใจจากไปไม่ได้    

         พวกเราก็มองแม่เดินจากไปทางประตูผู้โดยสารจนลับตาไป    ผมหันไปก็เห็นมันยืนนิ่ง   ตามันยังคงมองไปที่ประตูผู้โดยสารที่แม่เพิ่งเดินหายไปนั้น

         " อิน...   มึงรู้มั๊ยวะว่าตอนนี้น่ะ   กูได้รู้แล้วนะว่ากูรักแม่กูมากขนาดไหนน่ะ"  มันพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยยังกะจะร้องไห้

         " เมื่อก่อนกูก็ไม่เคยคิดไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลยนะ  ไม่ว่าแม่กูจะอยู่นี่หรืออยู่โน่นกูเองก็ไม่เคยนึกจะใส่ใจเลย  มันเหมือนกับว่าก็ไม่ต่างกันอ่ะ   เค้าจะกลับมานี่มั๊ยกูก็เฉยๆ    แต่พอวันนี้กูก็ได้รู้แล้วว่ะ   ว่าจริงๆแล้วกูรักแม่กูมากจริงๆแหละ"   ผมฟังแล้วก็ยิ้ม   แล้วลูบไหล่มันเบาๆอย่างเข้าใจ

         " ก็คงเพราะเมื่อก่อนมึงคงไม่ค่อยได้ใส่ใจไง    เพราะมึงยังมีแม่มึงมาตลอด   มึงก็เลยอาจจะมองข้ามความรักของเค้าไปนะ   แต่ตอนนี้มึงก็คงเข้าใจทุกอย่างแล้ว  ก็ดีแล้วล่ะ   อืม...  ไปกันเหอะว่ะ   กลับบ้านกัน"   ผมยิ้มให้มันแล้วก็ชวนกันกลับบ้าน    

         ถึงแม้วันนี้ผมจะใจหายบ้างนะ   ที่ต้องจากแม่ที่แสนดีของผมไปแล้ว

         แต่มันก็ทำให้ผมดีใจได้อีกอยู่ดีนั่นแหละครับ...  

         ดีใจที่มันเข้าใจแม่มันแล้วว่ารักมันมากแค่ไหน     จนผมเลยนั่งยิ้มไปกับมันตลอดทางที่เรากลับบ้านกัน

  ยังไม่จบตอนครับ  ยังมีต่อ V
                               V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 22:25:09 โดย Goodfellas »

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ตอนที่10 (ต่อจากด้านบน)

         แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ตลอดทั้งเทอมนั้นเราก็ยังคงใช้ชีวิตกันไปอย่างเป็นสุขดี    มีมันและผมอยู่ด้วยกันตลอด     เพราะทุกวันนี้ผมกับมันคงเป็นเหมือนส่วนนึงของกันและกันไปแล้ว     จนผมไม่กล้านึกเลยว่าถ้าต้องจากมันไป   หรือไม่มีมันอีกแล้ว   ผมจะทำอย่างไรกัน

              วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของเราแล้วครับ   ซึ่งมันก็คือวันสุดท้ายของชีวิตเด็กม.ปลายอย่างเราด้วย   ผมทำสอบวิชาสุดท้ายไปอย่างค่อนข้างมั่นใจหลังจากที่ได้ติวกับมันมาเหมือนเทอมที่แล้ว     

         ดูๆไปตัวมันเองก็ดูจะมั่นใจมากว่าทำได้     ผมเลยโล่งใจไป   นี่คงต้องลุ้นผลสอบทั้งของตัวเองและของมันไปด้วยพร้อมๆกันอีกแล้วครับ

         " เย่ส....ส    สอบเสร็จแล้วเว้ย  ฮ่าๆๆ  วู้ว...ว"  มันตะโกนอย่างดีใจแล้วเต้นไปมาเหมือนนักบอลทำแพทริคยิงคนเดียวสามประตู  ก็เว่อร์ตามเคย   ผมไม่รู้จะทำไงก็เลยเดินหนีมันไปซะเลย    มันก็วิ่งตามมาติดๆบอกให้ผมรอมัน

         " เฮ้ย   เดี๋ยวพวกมึงมาเซ็นหนังสือกับเสื้อให้กูด้วยนะเว้ย"   ไอ้อ้นเพื่อนเราอีกคนนึงมันวิ่งผ่านมาแล้วก็ตะโกนบอกผมกับไอ่เนแล้วมันก็วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ไม่รู้มันจะรีบไปไหนของมัน

         " เออๆ    แล้วมึงก็มาเซ็นให้พวกกูด้วยนะ"  ผมตะโกนตอบมันไป     ในขณะนั้นพวกเพื่อนๆเราก็ทยอยกันออกมาจากห้องสอบกันหมดแล้วด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ     

         พวกเราเดินกันลงไปชั้นล่างออกไปหน้าตึกเรียน    มีพวกเพื่อนๆเราจับกลุ่มนั่งเล่นคุยกันอยู่   และอีกหลายๆคนก็เริ่มเอาเสื้อและหนังสือรุ่นมาแลกกันเซ็น   เป็นบรรยากาศที่ผมดูแล้วมีความสุขมากครับ

         " เออ... มาเดี๋ยวกูเซ็นเสื้อให้มึงคนแรกเลยนะเปิดซิงก่อนใครเลย"   ผมบอกแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียม   ใจอยากจะได้เซ็นให้มันเป็นคนแรกก่อนใครๆน่ะครับ  ก็เลยต้องรีบบอกมันก่อน

         " เออๆ  เอาเลยๆ"    มันบอกแล้วก็รีบหันหลังมาให้ผมเซ็น   

         " เฮ้ย  กูไม่เซ็นหลังดีกว่าเซ็นข้างหน้านี่อ่ะ"   ผมบอกให้มันหันหน้ากลับมาแล้วผมก็เขียนลงไปพาดยาวเฉียงจากซ้ายล่างขึ้นด้านบนว่า
         " กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป "   มันก็มองดูอยู่แล้วก็ยิ้ม

         " เฮ้ย... คำนี้เจ๋งดีว่ะ   แปลกนะกูก็ว่าจะเขียนคล้ายๆยังงี้อยู่ว่ะ  ทำไมใจมึงตรงกะกูวะ   กูจะเขียนว่า  เน&อิน  เพื่อนกันตลอดไป   แต่ไม่เจ๋งว่ะ  อันนี้ของมึงเจ๋งกว่า   เดี๋ยวกูเขียนมั่งนะ"   มันพูดอย่างตื่นเต้น   

         จนผมเองก็ยังนึกแปลกในใจว่า  เออ...  นี่มันก็คิดจะเขียนคล้ายๆเราจริงๆ   ไหงใจมันมาตรงกะผมได้นะ 

         " อ่านะ  จะก๊อบกูง่ายๆเลยว่างั้น"   ผมบอกมันแล้วก็หัวเราะ   แล้วก็กำลังเซ็นลงท้ายให้มันที่บนกระเป๋าเสื้อ   แต่ยังไม่ได้เซ็นลงไปเพราะผมเอามือสัมผัสที่บริเวณอกซ้ายของมันไว้อย่างนั้น   แล้วก็ถามมัน

         " มึงรู้มั๊ยว่าทำไมกูถึงต้องเซ็นให้มึงตรงนี้"   มันฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

         " ก็เพราะว่าเขียนที่ตำแหน่งหัวใจมึงพอดี  จะได้เหมือนกูเขียนลงไปบนใจของมึงไงล่ะ   เพราะที่กูจะเขียนก็มาจากใจกูเหมือนกันนะ   มันจะได้เหมือนกับสื่อเข้าไปโดยตรงที่ใจมึงไง  ดีมั๊ยล่ะ"   ผมบอกแล้วก็เลยเขียนลงไปว่า  "รักมึงมากว่ะ   จากอิน"  มันก็มองหน้าผมแล้วยิ้ม     

         ตอนที่เขียนนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจมันที่เต้นอยู่ข้างในเหมือนกับจะรับรู้ถึงความรักจากใจของผมแล้ว    แต่ว่าผมเองสิครับกลับยิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ทำไมผมถึงรู้สึกรักมันมาก     มากจริงๆจนเหมือนมันจะล้นออกมาแล้ว     

         ยิ่งผมได้มองหน้ามันตรงนี้      ผมก็ยิ่งเกิดความรู้สึกแปลกๆเหมือนตอนที่ได้นอนกอดมันคืนนั้น     และเหมือนกับตอนที่ร้องเพลง"เพียงเธอ"ไปกับมัน     ความรู้สึกอย่างนี้เริ่มผุดขึ้นมาวนๆอยู่ในหัวผมไปมาจนผมสับสน   

         " เอ้อ  มึงเขียนเสร็จแล้วก็มา...   กูจะเขียนให้มึงมั่ง  มาๆ"    เสียงมันปลุกผมจากภวังค์นั้น   นี่ผมนิ่งคิดไปเพลินเลยเหรอนี่

         " อ๋อ   เออๆ   อ่ะ  มึงเขียนเลย"  ผมยื่นปากกาให้มัน   มันก็เอาไปเขียนคำๆเดียวกับผมว่า  " กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป "  ที่ตำแหน่งเดียวกันกับผมเลย   แล้วมันก็ยิ้มชอบอกชอบใจใหญ่

         " เออ  ว่ะ  เจ๋งดีว่ะ  คำนี้เท่และได้ความหมายดีมากว่ะ   คิดได้ไงวะ" 

         " อืม  กูก็คิดอยู่นานนะ   แล้วก็นึกถึงคำนี้   มันแทนความหมายทุกๆอย่างดีอยู่แล้วอ่ะ   ใช่มั๊ยล่ะ"  แล้วมันก็เซ็นลงท้ายให้ผมที่กระเป๋าเสื้อเหมือนกัน   

         แต่มันก็ไม่ได้เซ็นทันที     กลับเอามือมาสัมผัสที่อกผมเหมือนกับที่ผมทำเลย   แล้วมันก็ยิ้มมองสบตากับผม   หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นเวลาสบตามันอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าทำไม

         " อืม  ทีนี้กูก็จะขอเขียนลงไปบนใจมึงมั่งนะ  แต่ทำไมใจมึงเต้นแรงจังวะ    สัด..   รับรู้ความรักจากใจกูรึไง  ฮะๆๆ"   ผมฟังมันแล้วก้รู้สึกเหมือนหน้าชาๆไปนิดนึง   เหมือนจะอายมันนะครับ  แต่มันก็ไม่เชิงน่ะ 

         ก็ผมจะไปอายมันเรื่องอะไรล่ะ   แต่ว่าตอนนั้นใจนึงก็นึกอยากจะให้มันเขียนให้เสร็จๆไปซะที     แม้จะยอมรับว่าจริงๆแล้ว  ก็อยากให้มันเขียนอยู่อย่างนั้นนานๆก็เหอะครับ

         " เออ... มึงก็เขียนๆไปซะทีดิวะ   เดี๋ยวจะได้ไปเขียนให้พวกมันมั่ง"   ผมเร่งมัน   ทั้งที่ก็ยังอยากอยู่อย่างนั้นนะ  เฮ้อ... ทำไมผมต้องทำอะไรตรงข้ามกับใจที่คิดด้วยน๊า

         " เฮ่ย... มึงนี่อย่าเพิ่งเร่งดิวะ  กูกำลังสื่อไปถึงใจมึงอยู่ไง   เห็นมั๊ย"     มันก็ยิ้มให้แล้วเริ่มเขียนต่อลงไปว่า  " รักมึงมากเช่นกันว่ะ  จากเน  เพื่อนมึง"   ซึ่งผมอ่านแล้วก็ต้องยิ้มออกมา   บอกไม่ถูกครับความรู้สึกตอนนั้น   

         มันทั้งปลื้มใจ  ดีใจมากๆหลายอย่างปนๆกัน   แต่รวมแล้วคือมีความสุขมากจริงๆ  ที่รับรู้ได้เลยว่าเป็นความรักและความรู้สึกจากในใจมันจริงๆ   ผมเลยกอดมัน

         "  เออ  ขอบใจนะเว้ยที่รักกูมาตลอดนะ   กูขอให้มึงรักกูอย่างนี้ตลอดไปนะเว้ย  ได้มั๊ยวะ   อย่าทิ้งกันไปนะเว้ย"    ผมบอกกับมันอย่างตื้นตันใจเต็มที่

         " อืม  กูก็ด้วย  ขอให้มึงรักกูอย่างนี้ตลอดไปเหมือนกันนะ   กูไม่มีวันทิ้งมึงแน่นอน   ชีวิตนี้กูคงมีแค่มึงที่เป็นเพื่อนแท้ว่ะ  ซึ่งกูก็คงไม่ต้องการใครแล้วเว้ย   มึงแค่คนเดียวกูก็พอใจแล้ว   ที่กูยังมีวันนี้ได้ก็เพราะมึงนะ   ขอบใจมึงจริงๆว่ะ เพื่อน"   มันว่าแล้วก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น      แต่พอดีพวกไอ่นนท์กับไอ่อ้นมันก็เดินเข้ามาหา

         " เฮ้ย....  อะโห  อะไรวะ  พวกมึงมากอดกันกลมอยู่นี่อ่ะ   จะซึ้งอะไรกันขนาดนั้นวะ  ฮะๆๆ"    พวกมันแซวเราทันที   แล้วก็เอาหนังสือรุ่นมากางให้ผมเซ็น      แล้วไอ่เนก็หันไปเซ็นหลังเสื้อให้พวกมัน       

         พวกเราผลัดกันเซ็นอยู่จนครบกันทุกคนแล้วก็เลยถ่ายรูปร่วมๆกันไว้หลายรูปเลยครับ    แล้วพวกมันก็แยกย้ายร่ำลากันกลับบ้านไป        ส่วนผมกับไอ่เนก็เลยว่าจะเดินไปกินข้าวกันที่โรงอาหารก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน       

         ระหว่างทางที่เดินไปนั้นผมก็ได้หยุดมองบริเวณโรงเรียนที่ผมและมันได้ใช้เวลาร่วมกันมาตลอดในชีวิตนักเรียนของพวกเรา

         โต๊ะม้าหินนั้นที่เรามานั่งเล่นกันเป็นประจำตอนพัก...

         สนามบอลที่เรามาเตะบอลกันประจำตอนเย็นๆ...

         มุมตึกหลังห้องน้ำนั้นที่บางทีผมกับมันและเพื่อนๆมาแอบหลบอาจารย์ตอนเข้าแถวเช้า...

         ห้องเรียน...  ตึกเรียนที่ผมกับมันนั่งเรียนด้วยกันมาตลอด...

         และทุกๆแห่งภายในโรงเรียนนี้กำลังจะกลายเป็นเพียงแค่อดีตสำหรับผมแล้วล่ะครับ     จะเหลือก็เพียงแค่ความทรงจำดีๆที่ผมมีกับมันตลอดเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกันที่นี่       

         พอคิดอย่างนี้แล้วก็รู้สึกใจหายมากเหมือนกัน    ผมเลยหันไปมองหน้ามัน   มันก็ยิ้มให้ผม   ยังดีนะครับที่แม้ผมจะต้องจากกรร.นี้ที่ผมรักไปในที่สุด     แต่ว่าผมก็ยังจะมีมันอยู่อย่างนี้ข้างๆผมตลอดไปนะ

                                       -

                                       -
         
         เย็นวันนั้นหลังจากที่ผมได้กลับมาที่ห้องแล้ว     ผมก็ถอดเสื้อนักเรียนที่เต็มไปด้วยข้อความต่างๆที่เพื่อนๆทุกคนเซ็นให้ผมแขวนไว้กับผนังห้อง    ผมยืนมองมันอยู่อย่างนั้นแล้วก็คิดทบทวนถึงเพื่อนๆทุกคนที่ได้เซ็นให้ผม       

         โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่คำที่ไอ่เนมันได้เซ็นให้กับผมแล้ว     ผมก็เลยหันไปมองที่รูปถ่ายผมกับมันตอนไปทำงานพิเศษเป็นตัวมาสคอตที่วางอยู่บนโต๊ะ    ทำให้ผมยิ่งนึกถึงทุกอย่างระหว่างผมและมันว่าที่ผ่านมาผมมีความสุขแค่ไหนที่มีมันเป็นเพื่อนที่รักที่สุด                    
         แต่แล้วพอผมยื่นมือไปแตะที่กระเป๋าเสื้อที่มันเซ็นไว้ว่า " รักมึงมากเช่นกันว่ะ  จากเน  เพื่อนมึง "      ซึ่งตรงคำว่า "เพื่อน" นั้น      มันกลับยิ่งตอกย้ำทำให้ผมสำนึกได้ว่าระหว่างมันและผมก็จะเป็นได้แค่เพื่อนที่รักกันที่สุดเท่านั้นจริงๆ
              
         พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอึดอัด  กังวล  ไม่สบายใจไปเลยครับ   เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้  ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว       

         ที่จริงถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์   หรือจะชอบมันแบบเกย์    ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี   

         ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    แต่ผมยังคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมันอะไรอย่างนี้บ้าง   

         แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    มากสุดก็แค่กอดกับมัน     แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง   

         เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง   

         แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ   

         ก็เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว

                                                                   *************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2010 22:36:15 โดย Goodfellas »

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออ ความรักมันห้ามกันไม่ได้ี่นี่เนาะ
อินก็เป็นคนที่ขาดความอบอุ่นมาก่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พอได้รับความอบอุ่นจากเนบ่อยๆก็เริ่มรู้สึกผูกพันและกลายเป็น "รัก" ในที่สุดสินะคับ
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคับ เหมือนว่าเนื้อเรื่องกำลังจะเข้มข้นขึ้น ^^

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ขอบคุณปิ๊งนะครับ  ที่มาคอยติดตาม

นึกว่าจะเขียนไม่สนุกซะแล้ว

แต่ก็โอเค  ถึงจะสู้เรื่องอื่นๆเค้าไม่ได้ก็เหอะ o13

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ชอบมากครับ  แต่เหมือนจะมาม่าเลยอ่ะ 

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
อ่า งงนิดนึงแฮะ

"มาม่า" ในที่นี้คือ...?
 :serius2:

enhumto

  • บุคคลทั่วไป
อยากรุ้ความหมายด้วยเหมือนกันครับ
คำว่า มาม่า เนี่ยมันมีนัยยังไงครับ
เห้นใช้กันเยอะมากๆในพันธิป

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
มาม่า = ดราม่า 555

แต่ช่วยกรุณาดูการจัดหน้ากับเว้นวรรคให้ด้วยค่ะ

ที่พิมพ์ยาวเป็นพรืด คนแก่อ่านแล้วปวดตามากค่ะ

มันต้องใช้เวลาในการอ่านนานกว่าปรกตินิดนึง

ไม่จำเป็นที่เราต้องพิมพ์ไปจนหมดบรรทัด แบ่งใจความขึ้นบรรทัดใหม่บ้างก็ได้


ตัวอย่างนะค่ะ

พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอึดอัด  กังวล  ไม่สบายใจไปเลยครับ   เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้        ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว     มันเหมือนมากกว่านั้นมาก   แต่ถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์   หรือจะชอบมันแบบเกย์    ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี   ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    แต่ผมคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมัน อะไรอย่างนี้บ้าง    แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    มากสุดก็แค่กอดกับมัน     แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง    เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง     แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ    เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว



กับแบบนี้ ดูแล้ว อย่างไหนอ่านง่ายกว่ากันค่ะ


พอคิดไปแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ ผมรู้สึกเหมือนอึดอัดกังวลไม่สบายใจไปเลยครับ
เพราะตอนนี้จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและมันโดยเฉพาะหลังๆมานี้        
ผมเริ่มจะคิดได้แล้วล่ะว่านี่ผมคงไม่ได้รักมันแค่เพียงเพื่อนเสียแล้ว    
มันเหมือนมากกว่านั้นมาก  

แต่ถ้าจะคิดว่าผมเป็นเกย์หรือจะชอบมันแบบเกย์    
ผมก็รู้สึกแย้งๆในใจอยู่ดี  
ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์หรอกนะครับ    
แต่ผมคิดเอาว่าถ้าเราจะรักมันแบบเกย์มันก็น่าจะมีความรู้สึกทางเพศกับมันอะไรอย่างนี้บ้าง    
แต่นี่ผมเองกลับรู้สึกว่าไม่เคยคิดอยากมีอะไรกับมันเลยจริงๆครับ    
มากสุดก็แค่กอดกับมัน    
แนบชิดกับตัวมันแบบนั้นมันก็รู้สึกดีมากจริงๆแค่นั้นเอง    
เหมือนว่าอาจจะแค่ผมเป็นคนขาดความอบอุ่นไปมั๊ง    
แต่จะว่าไปมันก็เหมือนยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกันครับ    
เลยคิดว่าสงสัยอย่างนี้ผมคงต้องลองหาทางพิสูจน์ใจตัวเราเองดูซะแล้ว


 แล้วคำพูดในเครื่องหมายคำพูด โดยปกติจะใช้คำภาษาปาก เหมือนตอนคนเราพูดกัน

แต่ในช่วงบรรยาย นอกเครื่องหมายคำพูด มักใช้เป็นทางการ ภาษาเขียน มากกว่า

เช่น


"รู้มั้ยทำไม ผมจึงรักเค้า"  คำถามที่ผมมักจะถามกับตัวเองอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่สามารถจะหาคำตอบได้สักครั้ง
  

หรือ


"ตะเอง ทำมัยไม่มาหาเค้าเหรอ" ผมถามเขาทางโทรศัพท์ด้วยความคิดถึงอย่างมาก


ประมาณนี้แหละค่ะ ลองปรับดูอีกนิดนะจ๊ะ

อ่านกำลังมันส์ เนื้อเรื่องชวนติดตามเลยล่ะค่ะ แต่คนแก่ปวดลูกกะตามาก สงสารคนแก่หน่อยเถอะน่ะ คนดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2010 15:55:06 โดย PEENAT1972 »

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
โห  ต้องแต๊งกิ้วนัทมากๆครับ  กอดที :กอด1:

ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะทำให้ยืดยาวเกินน่ะ  เลยไม่ได้คิดจะลองเว้นดู

งั้นเดี๋ยวจะค่อยๆแก้ให้นะครับ


ปล.ที่ว่าคนแก่ปวดตานี่  หมายถึงคนอื่นๆ  ไม่ใช่ตัวเอง ชิมิ :laugh:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด