รีบมาอัพแล้วนะครับ
ตอนที่9 *****************
ทุ่มกว่าแล้ว ผมยังนั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับมันจนแม่มันกลับมาพร้อมกับหอบหิ้วอาหารมากมายจากร้านของน้าติ๋วเพื่อนแม่นั่นเองครับ แล้วแม่ก็เลยบอกให้ผมอยู่ทานด้วยกันเพราะว่าได้เอามาเผื่อผมด้วย
ค่ำนั้นผมก็เลยได้กินอาหารแสนอร่อยกับไอ่เนและแม่ของมัน เรานั่งคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานเลยครับ แม่เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องไอ่เนตอนเด็ก แต่พอเล่าๆไปแม่ก็ดูอึ้งๆไปนิดนึงแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องไปเลย ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ครับว่าแม่คงนึกถึงเรื่องน้องไอ่เนแล้วไม่อยากจะเล่าแน่ๆ
พอเรากินข้าวกันเสร็จแล้วผมกับไอ่เนก็ช่วยกันล้างจาน เสร็จแล้วก็เดินมาหาแม่ที่นั่งบนโซฟาดูทีวีอยู่ ผมเลยไปนั่งข้างๆแม่ฝั่งนึง แล้วมันก็เดินไปนั่งข้างแม่อีกฝั่งนึง
" แม่ ผมมีข่าวดีจะบอก ตอนนี้มีคนอยากเป็นลูกแม่อีกคนแน่ะครับ แม่จะรับรึเปล่าอ่ะ" อยู่ๆมันก็บอกแม่มัน ผมก็อึ้งเลย ไม่ทันตั้งตัวอ่ะครับ เลยทำหน้าไม่ถูกมองหน้าแม่มันแบบเหวอๆไปเลย แม่เค้าก็ยิ้มแล้วหันมามองผม
" อ๊ะ จริงๆเหรอลูก ก็ดีน่ะสิ อยากเป็นลูกแม่จริงๆรึเปล่า แม่อยากจะมีลูกดีๆน่ารักๆแบบเราจะตายไปน่ะ" แม่ลูบหัวผมเบาๆ อย่างเอ็นดู
" ก็ดีนะ แม่มีอินเป็นลูกอีกคน ถ้าเจ้าตัวดีนี่มันเกเรอีก แม่จะได้ตัดหางปล่อยวัดมันไปได้เลยไง เพราะว่ามีอินอยู่แล้วทั้งคนก็ไม่ต้องไปห่วงแล้วเนอะ" แม่หันมากอดผมแล้วก็หันไปยิ้มเยาะไอ่เน มันก็หน้าหุบทันที
" โห่.... แม่อ่ะ ก็ผมเป็นเด็กดีแล้วอ่า ทำไมเห็นลูกใหม่ดีกว่าผมเนี่ย ไม่ยอมด้วย ฮึ" มันแกล้งสะบัดหน้าทำงอน แม่กับผมก็หัวเราะกัน
" โอ๋ๆๆ อย่างอนน๊าลูก แม่ล้อเล่น อ้ะ งั้นรักทั้งคู่นั่นแหละ นะ..." แล้วแม่ก็กอดพวกผมทั้งสองคนไว้ด้วยกัน ผมเองตอนนั้นอยากจะให้เวลามันหยุดไปอยู่แค่นั้นจริงๆครับ ไม่อยากให้ความสุขนี้มันผ่านไปเลย
ถ้านี่เป็นแค่ฝันมันก็คงเป็นฝันที่ดีที่สุดแล้วล่ะสำหรับผมนะ ผมได้มีแม่อีกครั้ง แม่ที่รักผมจริงๆเหมือนกับแม่แท้ๆของผมเอง
และที่สำคัญผมก็มีมันอยู่ด้วยอย่างนี้ แค่นี้ผมก็คงไม่ต้องการใครอีกแล้วจริงๆครับ
-
-
คืนนั้นผมเลยได้ค้างกับมันที่บ้านอีกครั้งเหมือนกับที่ผ่านมา วันนี้ผมก็ดีใจมากนะครับที่ได้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นลูกของบ้านนี้จริงๆน่ะครับ
แต่ว่าผมเองก็ได้บอกแม่ไปแล้วว่าผมก็ไม่ได้หวังสูงอะไรขนาดนั้น แค่อยากจะขอนับถือแม่ให้เหมือนกับแม่ผมจริงๆ ซึ่งท่านก็เข้าใจผมดีแล้วบอกผมว่ายังไงก็รักผมไปแล้วล่ะ ต่อไปเค้าก็จะถือว่าผมเป็นลูกเค้าจริงๆเหมือนกัน และเค้าดีใจมากที่จะได้มีลูกที่ดีและน่ารักเพิ่มอีกคนนึง
" ถ้างั้นต่อไปอ่ะ มึงก็ย้ายมาอยู่นี่เลยนะเว้ย แล้วก็ให้แม่กูรับเป็นบุตรบุญธรรมเลย นะเว้ย" มันบอกผมขณะที่เรานอนกันอยู่บนเตียง
" โห... มึงก็ยังงี้ทุกทีอ่ะ ก็เอางี้กูขอเวลาอีกหน่อยแล้วกันนะ ไม่รู้ดิว่ะ กูอยู่วัดมาตลอดแล้วกูก็ยังอยากอยู่ดูแลหลวงตาท่านน่ะว่ะ" ผมสรุปความคิดผมให้มันฟัง
" เฮ้อ มึงนี่ก็กตัญญูจริงๆ เออ ก็แล้วแต่มึงว่ะนะ" มันพูดเสียงอ่อยๆไปเหมือนผิดหวัง ผมก็ยิ้มแล้วแล้วหันไปจับไหล่มัน
" เออ แล้วมึงจะเหมือนน้อยใจไปทำไมวะ ยังไงกูก็อยู่กะมึงตลอดอยู่ดีอะ ไม่ไปไหนหรอก ถึงกูจะไม่ได้มาอยู่กับมึงที่นี่เลย แต่กูก็มานี่ตลอดอยู่ดี มึงจะกลัวอะไรวะ"
" อืม ก็จริงของมึง แต่ไม่รู้ดิ ยังไงกูก็ยังอยากให้มึงมาอยู่นี่กะกูอยู่ดีอ่ะ แต่ว่าก็โอเค ถ้ามึงเองอยากทำอย่างที่มึงตั้งใจน่ะนะ กูก็ไม่ฝืนใจมึงหรอก" มันว่าแล้วก็ยิ้มให้ผมอย่างเข้าใจ
" เออ มึงเข้าใจกูก็ดีแล้วอ่ะ นอนเหอะ"
-
-
ดึกมากแล้วแต่ผมยังคงนอนไม่หลับ ฝนตกค่อนข้างหนักอยู่นานแล้วจนอากาศเย็นลงมาก
ผมได้แต่นอนมองหน้ามันที่กำลังหลับอย่างสบายแล้วก็นึกถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา
แม้จริงๆผมก็อยากมาอยู่กับมันในบ้านนี้ไปตลอด แต่ผมก็คงยังทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะความไม่เหมาะสมหลายๆอย่างในเวลานี้ที่ผมคิดไว้
ใจจริงผมก็ไม่อยากจะให้มันเหมือนเรื่องมากอะไรไปนะ เพราะตั้งใจแล้วว่าต่อไปจะทำชีวิตให้มันง่ายๆขึ้น ปล่อยวางอะไรที่ยึดๆติดไว้มันไปซะบ้าง แต่สำหรับเรื่องที่จะเป็นบุตรบุญธรรมของแม่มันนี่ผมคงตัดสินใจได้แค่นี้จริงๆสำหรับตอนนี้นะครับ
ขณะที่นอนมองมันอยู่นั้น จู่ๆมันก็นอนหันมาแล้วกอดผมครับแต่มันก็ยังหลับอยู่ นี่มันเห็นผมเป็นหมอนข้างไปซะแล้วเหรอนี่
แต่อยู่ๆผมก็รู้สึกว่า อยากจะกอดมันบ้าง ผมก็เลยพลิกตัวไปกอดมันแต่มันก็ยังคงหลับสนิท
ผมเลยลองสะกิดมันเบาๆ แต่มันก็ไม่รู้สึก สงสัยมันคงหลับสนิทจริงๆ
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก ก็คือผมไม่เคยคิดนะว่าแค่เรานอนกอดกันกับมันอย่างนี้มันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ
ร่างกายมันอุ่นจัดเพราะอากาศตอนนี้มันเย็นมากและผมกับมันก็ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่เลย ผิวเนื้อของเราจึงสัมผัสกันโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น
อกล่ำๆของมันแนบชิดอยู่กับอกผม และหน้าของผมกับมันตอนนี้ก็ห่างกันแค่คืบเดียวแล้ว จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นของมัน
ผมมองหน้ามันอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร มองมันที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่
ตอนนั้นผมเกิดความรู้สึกมากมายอยู่ข้างใน มากจนไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกัน
แต่ผมรู้แค่ว่ามันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆครับ ก็ไม่รู้ว่าทำไม
และที่สำคัญผมอยากจะอยู่อย่างนี้ให้นานที่สุดเลย
ได้กอดมันอย่างนี้ ใกล้ชิดกับมันอย่างนี้ ได้สัมผัสร่างกายมันอยู่ตรงนี้
ผมลืมความรู้สึกที่ว่า ทั้งมันและผมก็เป็นผู้ชายนะ
ผมลืมไปเลยจริงๆครับ
แล้วผมก็หลับไปในที่สุด
-
-
ใกล้สว่างแล้ว ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเรายังนอนกอดกันอยู่ ผมเลยลุกขึ้นนั่งเพื่อมองนาฬิกา
ตอนนั้นตีสี่กว่าแล้วครับ หันไปมองมันแล้วผมก็ต้องนึกแปลกใจอีกนิดๆว่านี่ผมนอนกอดกับมันนานอย่างนี้เลยเหรอ
แล้วตอนนั้นทำไมผมถึงได้รู้สึกดีๆอย่างนั้นได้นะ
แต่ด้วยความที่ยังง่วงอยู่ผมก็เลยนอนต่อไปจนถึงเช้า ขี้เกียจคิดครับ ขอนอนก่อนแล้วกัน ง่วงจริงๆ
หลายวันผ่านไปผมก็ยังคงไปมากับบ้านมันอยู่ และก็ยังมีคิดถึงเรื่องคืนนั้นบ้างแต่ก็แค่นิดหน่อย จนเริ่มลืมๆไป แม่ของไอ่เนมีกำหนดการว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามอาทิตย์ เพราะท่านบอกว่าการกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้มีแต่อะไรดีๆจนไม่อยากกลับไปที่โน่นอีกเลย
จนวันนี้ผมก็มาที่บ้านเหมือนเคยแล้วก็พบว่าแม่กำลังเล่นเปียโนหลังนั้นอยู่พอดีเลยครับ เลยตื่นเต้นมากที่ได้โอกาสไปนั่งดูแม่เล่นใกล้ๆ
" เออ เฮ้ย กูจะออกไปหารุ่นพี่กูหน่อยว่ะ เดี๋ยวกูกลับมาบ่ายๆนะ" ไอ้เนเดินมาบอกผม
" หือ.. ไปหารุ่นพี่? คนไหนเหรอวะ ให้กูไปด้วยมั๊ย" ผมถามมัน
" ไม่เป็นไร มึงอยู่กะแม่กูนี่แหละ เดี๋ยวบ่ายๆกูก็มา เออ ไปล่ะ" พูดจบมันก็ออกไปทันที ผมก็เลยนั่งดูแม่เล่นเปียโนต่อ ซึ่งแม่นั้นเล่นเก่งมากจริงๆครับ เพลงที่ดูว่าน่าจะยากแต่แม่ก็เล่นได้ดี เพราะมากๆ ทั้งที่ท่านก็ทิ้งๆไปบ้างไม่ได้เล่นบ่อยๆ
" ถ้าเราอยากเรียนนะ เดี๋ยวแม่ก็จะสอนให้จ้ะ แต่ก็ต้องฝึกอ่านโน๊ตให้ได้คล่องๆก่อนน่ะนะ แล้วเราก็ค่อยมาฝึกพื้นฐานกัน"
" เมื่อก่อนแม่ก็สอนไอ้เนมันด้วยใช่ปะครับ มันเล่นได้นิดนึงผมเคยเห็นมันเล่นน่ะครับ" ผมบอกแม่ แม่ก็ยิ้ม
" จ้ะ ตอนนั้นมันก็พอเล่นเพลงง่ายๆที่แม่สอนได้หลายเพลง แม่น่ะเคยตั้งใจไว้จ้ะว่าถ้ามีลูกนะ แม่จะสอนเปียโนให้เล่นเก่งๆเลย ไม่ว่าจะมีกี่คนก็เหอะ ก็จะสอนให้เก่งให้หมดเลย แม่ถึงได้พยายามสอนเจ้าเนมัน แต่ก็น่าเสียดายนะที่..." แม่หยุดคำพูดไว้แค่นั้นจนผมสงสัย แล้วท่านก็หน้าเศร้าลงไปทันทีเลยครับ
" เนมันได้เล่าเรื่องน้องที่เสียไปให้ฟังแล้วยังลูก" แม่หันมาถามผมด้วยแววตาที่เศร้ามากๆจนผมเห็นแล้วเริ่มใจไม่ดี
" เอ่อ... ครับแม่ เนมันเล่าให้ฟังแล้วครับ แต่ว่าเราแค่คุยกันแล้วผมก็บอกมันว่าอย่าโทษตัวเองอีกเลย มันไม่ใช่ความผิดมันน่ะครับ เป็นเรื่องสุดวิสัยไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องที่พ่อก็โทษมันด้วย ผมสงสารมันน่ะครับแม่ เห็นมันเป็นทุกข์ใจแล้วก็ไม่สบายใจไปด้วย ไม่อยากให้มันคิดมากเลยครับ" ผมบอกกับแม่
" จ้ะ ก็เรื่องนี้น่ะตอนนั้นแม่เองแม่ก็เสียใจมากนะ เพราะเราช่วยลูกไม่ทันจริงๆ แค่นิดเดียวแท้ๆแต่ก็ไม่ทันจริงๆนั่นแหละ หลังจากนั้นแม่ก็เหมือนช๊อคไม่รู้สึกตัวไปหลายชั่วโมงเลย พอรู้สึกตัวก็ได้แค่รู้ว่าลูกตายไปแล้วนะ" แม่เล่าด้วยเสียงที่เริ่มสั่น ผมเลยเอื้อมไปจับมือแม่ไว้ทั้งสองมือเพื่อให้ท่านหยุดเล่า
" แม่ครับ พอก่อนนะครับ อย่าเพิ่งพูดต่อเลย เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้วนะครับ ผมก็อยากจะให้แม่ทำใจคิดซะว่าน้องไปดีแล้วนะครับ" ผมจับสองมือของแม่มารวบไว้ด้วยกันแล้วบีบเบาๆเพื่อปลอบใจท่าน
" ก็เหมือนกับไอ่เนที่ตอนนี้มันก็พอคิดได้ และไม่โทษตัวมันเองอีกแล้วน่ะครับ ซึ่งผมดีใจมากนะที่ไม่ต้องห่วงมันแล้ว และผมจะดีใจอีกมากๆเลยนะครับ ถ้าแม่จะไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วเหมือนกัน ผมอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับ" พอพูดจบผมก็กอดแม่ แม่ก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วกอดผมแน่น
"จ้ะ แม่ขอบใจนะลูกที่เราห่วงแม่ แต่ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ แม่จะทำใจให้ได้จ้ะ น้องน่ะจากเราไปแต่เค้าก็คงไปดีแล้วจริงๆ ก็คงเหลือแต่พวกเราน่ะนะที่ต้องอยู่กันต่อไปให้ดี" แม่พูดแล้วก็เอามือประคองใบหน้าผมขึ้นมา ท่านสบตากับผมแล้วยิ้ม
" แล้วตอนนี้นะแม่ว่าแม่ก็มีอินเป็นเหมือนตัวแทนของน้องอยู่แล้ว ขอบใจมากนะลูก แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วจ้ะ" พูดจบแม่ก็กอดแล้วก็ลูบหัวผม
ผมก็ดีใจมากๆครับ ดีใจที่ทำให้แม่ไม่ต้องคิดมากอีกแล้ว
ต่อไปนี้อะไรที่ค้างคาในใจของแม่ก็คงจะหมดไป เหมือนๆกับไอ่เนมัน ทุกอย่างที่เลวร้ายกำลังจะผ่านไปแล้วครับ
-
-
บ่ายสามโมงกว่าแล้วไอ่เนมันก็กลับมาที่บ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดีเพราะเห็นมันเดินผิวปากมาแต่ไกล ผมเลยเดินไปหามันอย่างสงสัย
" ตกลงไปไหนมาวะ อารมณ์ดีเชียวมึง" ผมเริ่มถามมันทันที มันก็ทำหน้าเหมือนตกใจนิดนึงที่อยู่ๆผมก็โผล่มาถามมัน
" อ๋อ กูไปดูของกับพี่เอกมาว่ะ มึงแดกข้าวยัง แล้วแม่กูอ่ะ" มันบอกแล้วก็เหมือนทำเป็นถามเรื่องอื่น อ่ะ มีพิรุธนะมึง
" ของอะไรกันวะ ที่มึงว่าเนี่ย แล้วพี่เอกนี่มันคนไหนเหรอวะ รุ่นพี่ที่จบไปเหรอ" ผมยังคงสอบปากคำมันต่อ
" เออ... ก็รุ่นพี่เราไง มึงคงไม่ค่อยรู้จักมั๊ง กูยังหิวอยู่เลยมีไรกินอีกมั๊ยวะ ถ้าไม่มีก็เดี๋ยวออกไปกินตรงตลาดดีกว่า" มันรีบเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วครับ ไอ่นี่ชักยังไง
" อืม ไปก็ไป" ผมตอบตกลง แล้วก็เดินไปนั่งกินข้าวกะมันแถวตลาด เลยบอกกับมันเรื่องที่ได้คุยกับแม่มันวันนี้ ว่าแม่ของมันก็ทำใจไปได้มากขึ้นแล้ว ต่อไปคงไม่ต้องห่วงแม่อีกแล้ว มันเลยดีใจใหญ่
แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมก็ยังคงสงสัยเรื่องที่มันออกไปกับพี่เอกวันนี้อยู่ดี ว่าจริงๆแล้วมันไปทำอะไรกันแน่ แต่ก็ขี้เกียจจะสอบสวนไอ้ผู้ร้ายปากแข็งมันแล้วน่ะครับ
-
-
ช่วงปิดเทอมนั้นผมก็ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่รับใช้หลวงตาท่านที่วัดแล้วก็ไปๆมาๆแต่ที่บ้านไอ่เนมัน เราแกะเพลงซ้อมกีต้าร์กันเพื่อจะเอาไปเล่นโชว์หาตังค์
นี่ผมยังมีแผนว่าอาจจะออกไปเล่นที่สวนจตุจักรอีกที่นึงด้วย แต่ยังลังเลกลัวจะมีเจ้าถิ่นน่ะครับ ก็คงต้องดูให้ดีก่อน วันนึงในขณะที่ผมก็กำลังจะออกไปหามันที่บ้านแต่มันก็โทรมาหาผมซะก่อน
" เฮ้ยๆ ข่าวดีเว้ย มาหากูด่วน พี่ที่โมเดลลิ่งเค้าโทรมานัดเราเทสต์งานแล้วเว้ย ได้เกิดกันแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ" เสียงมันตื่นเต้นเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว
" เหรอวะ เออๆ เดี๋ยวกูไป" ผมก็เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วยครับ แล้วก็รีบบึ่งไปหามันที่บ้านทันที พอไปถึงมันก็บอกว่าเค้าโทรมานัดให้ไปหาที่ออฟฟิศเค้าวันมะรืนนี้ ผมก็ตื่นเต้นมากเหมือนกันแต่ก็เก็บฟอร์มไว้หน่อย ไม่อยากเป็นไอ้บ้าเห่ออย่างมัน
เวลาผ่านไปจนวันนี้เป็นวันที่เรานัดพี่เค้าไว้ครับ ก็เลยจะรีบไปหาพี่เค้าที่ออฟฟิศแต่เช้าเพราะกลัวจะไปไม่ทันเวลานัดน่ะครับ
แต่ว่าเฉพาะผมนะที่กลัวไปไม่ทัน ส่วนมันอ่ะ เพราะบ้าเห่อครับ มันแหกตาตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าเลย แล้วแต่งซะอย่างหล่ออ่ะ ทั้งหมวก แว่น เสื้อนอก เสื้อใน จนผมต้องบอกว่า
" นี่มึงเป็นนักร้องเกาหลีจะไปขึ้นคอนเสิร์ตเรอะไง ถ้ามึงจะแต่งยังงี้ ต่างคนต่างไปนะ สัด... เดินกะมึง กูอายเค้า"
" เอ๋า เชี่ยนี่แม่ง มันก็ต้องแต่งให้มันเด่นๆหน่อยเด่ะ เตะตาเค้าดี จะได้เลือกเราไง" มันบอก ดูสิครับ มันคิดได้ไง
" แต่มึงก็ไม่ต้องซะขนาดนี้อ่ะ หมวกกะแว่นแล้วก็ไอ้เสื้อนอกเนี่ย ไม่ต้องเลยมึง เอาแค่นี้พอ" ผมบอกแล้วก็ถอดหมวกกะแว่นมัน แล้วก็จับมันถอดเสื้อนอกออก
" อ้าว เฮ้ย แล้วแต่งไปงี้มันจะเวิร์คเหรอวะ" มันมองตัวเองแล้วลังเล
" เออ แค่นี้มึงก็หล่อไม่มีที่ติแล้วครับ ไปกันได้แล้วครับ สาดด..ด" ผมสรุปแล้วก็ออกมาขึ้นรถกัน
เราไปถึงที่ก่อนเวลาประมาณชม.นึงครับ เลยเข้าไปนั่งรอพี่เค้าข้างใน จนใกล้ถึงเวลานัดผมก็เห็นว่ามีวัยรุ่นที่รุ่นเดียวกับพวกเราทยอยกันเข้ามาคงมาเทสต์งานเหมือนเรา
ดูๆไปแล้วพวกนี้ก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลยครับ จนผมนึกหวั่นๆเหมือนกัน ว่านี่เราจะได้งานนี้มั๊ยนะ
" เอ้อ ดีๆมากันแล้ว เดี๋ยวเราตามพี่มาห้องนี้เลยจ้ะ" พี่ออยที่ติดต่อเรามานั่นเองครับที่เป็นคนเรียกให้ผมกับไอ่เนตามเข้าไปอีกห้องนึง แล้วเค้าก็มานั่งคุยกับเราว่า วันนี้เดี๋ยวถ่ายรูปเป็นการเทสต์หน้ากล้องกันไปก่อน
แต่ว่าจะมีพี่จากแมกกาซีนแห่งนึงเค้าจะมาดูตัวพวกเราเลย ถ้าเค้าตกลงเลือกเรา พวกเราก็จะได้งานนี้ไป เป็นงานถ่ายแฟชั่นของแมกกาซีนเค้า ยิ่งทำให้พวกเราตื่นเต้นขึ้นอีก เพราะแมกกาซีนนี้ดังมากอยู่ ถึงจะไม่ได้ขึ้นปกแต่แค่ได้ถ่าย ผมว่างานนี้เราอาจได้เกิดกันจริงๆ
" โห... ตื่นเต้นว่ะ ถ้าเค้าเลือกเราก็ดีดิ แล้วมึงอ่ะ ไม่ตื่นเต้นมั่งเลยรึไงวะ" ไอ่เนหันมาถามผม ท่าทางมันตื่นเต้น ซึ่งผมก็พอๆกับมันแหละ
" เออ ก็ตื่นเต้นดิวะ ถ้าได้งานนี้นะ คงเจ๋งเลย"
" น้องคะทางนี้ค่ะ เดี๋ยวมาแต่งหน้าทำผมก่อนค่ะ แล้วเราจะเริ่มถ่ายกันเลย" พี่ทีมงานคนนึงเดินมาบอกเรา พวกเราก็เลยตามไปแต่งหน้าและทำผม แล้วก็เข้าไปยืนให้พี่เค้าถ่าย
ผมเห็นว่าทีมงานเค้าก็มีหลายคนดูมืออาชีพกันทั้งนั้น พวกผมก็เลยแค่ยืนเก๊กๆโพสท่าไปตามที่พี่เค้าบอก ตอนนั้นผมก็ประหม่าเหมือนกันครับ เลยพยายามเก็บอาการไว้ แต่ไอ่เนมันกลับดูมั่นใจไม่ค่อยประหม่าเท่าไหร่ครับ แปลกดี รึเพราะความเห่อของมัน
พอถ่ายกันเสร็จพี่ออยเค้าก็ออกมาบอกเราว่า พี่ที่มาจากแมกกาซีนเค้าโอเคแล้ว เดี๋ยวให้พวกเราเตรียมตัวมาถ่ายหนังสือเค้าได้เลย พวกเราก็เลยดีใจกันมาก
" โอเคนะจ๊ะ เดี๋ยวอีกสองวันก็มาที่นี่อีกจ้ะ เพราะทางเราจะเป็นคนถ่ายงานให้ทางแมกกาซีนเค้าเลย เสื้อผ้าก็จะเป็นประมาณนี้นะ เหมือนชุดไปเที่ยว" พี่ออยบอกแล้วเอารูปเซตของเสื้อผ้าที่จะใช้ถ่ายให้พวกเราดู
" จ้ะ งั้นถ้าเข้าใจแล้วก็เจอกันอีกทีวันเสาร์นะ วันนี้ขอบคุณมากจ้า" พี่ออยบอกลาเรา หลังจากที่ตกลงเรื่องงานคราวหน้าเรียบร้อย พวกผมก็เลยออกจากออฟฟิศแล้วเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์
" ฮ่าๆ ดีใจว่ะ ได้งานนี้ซะที โชคดีนะที่เค้าเลือกพวกเราอ่ะ" มันหัวเราะอย่างสบายใจ
" อืม งั้นอีกสองวันเราก็เตรียมตัวกันนะ ตอนนี้กลับกันเหอะว่ะ"
" เฮ้ย เดี๋ยวดิ โธ่โอกาสดีๆอย่างนี้ต้องฉลองกันก่อนดิวะ กูอยากกินพิซซ่าฉลองว่ะ ไปๆ กูเลี้ยงเอง" มันว่าแล้วก็หันหน้าไปทางร้านพิซซ่าใกล้ๆตรงนั้นแล้วก็เข้าไปกินกัน พอเสร็จแล้วเราก็กลับบ้านด้วยกัน
-
-
วันนี้เป็นวันนัดถ่ายงาน พวกเราก็เตรียมตัวมาถึงที่ออฟฟิศพี่เค้าตั้งแต่เช้าเหมือนเคย ก็มานั่งรออีกพักนึงจนพี่เค้ามาเรียกไปลองชุด หลังจากนั้นก็มาฟังพี่สไตลิสต์เค้าอธิบายงานอีกที
รูปแบบของงานวันนี้พี่เค้าให้เราถ่ายคู่กันเลยส่วนนึงครับ แล้วก็มีถ่ายเดี่ยวอีกด้วย ผมรู้สึกว่าตื่นเต้นนิดหน่อย แต่คราวนี้ไอ่เนมันกลับดูตื่นเต้นมากทีเดียว
ทีมงานของพี่ๆเค้าทำงานกันอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพ ครู่เดียวเราก็ถ่ายกันไปหลายภาพแล้ว เปลี่ยนชุดไปหลายชุดด้วยกัน ไอ้เนมันก็ยังมีเกร็งหน่อยๆ ผมก็ยังตื่นเต้นเหมือนกัน จนถ่ายกันเสร็จทั้งหมดทั้งคู่และเดี่ยว แล้วพี่เค้าก็ให้เราไปดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ในจอคอมฯ
" โห... เฮ้ย มึงแม่ง ดูโคตรเท่เลยว่ะ ดูดียังกะไม่ใช่มึงเลยอ่ะ" ผมชมมันที่เห็นภาพที่ถ่ายออกมามันดูดีจริงๆ หุ่นและผิวมันดูดีน่ะครับ เวลาถ่ายถอดเสื้อโชว์หุ่นมันก็เลยยิ่งดูดีขึ้นอีก
แต่พอผมดูตัวเองแล้วก็ยังต้องทึ่งไปเลยครับ เพราะพี่เค้าถ่ายผมออกมาได้ดูดีจริงๆจนจำตัวเองแทบไม่ได้ไปเลยเหมือนกัน นี่เราเหรอวะเนี่ย เออ ค่อยมีหวังจะได้เกิดกะเค้าหน่อย
" ฮ่าๆ มันแน่อยู่แล้วเว้ย หล่อเท่อย่างกู หนังสือพี่เค้าต้องขายดีแน่ๆเว้ย" มันคุยในทันที
" อ่านะ สัดนี่ ชมไม่ได้เลย เหลิงทันที หล่อเท่มากเลยอ่ะนะมึง" ผมประชดมัน พี่ตากล้องเค้าเลยหัวเราะ แล้วก็ชมว่างานนี้เราสองคนได้เกิดแน่ เพราะว่างานที่ถ่ายออกมานี่มันดีมาก เจ้านายเค้าคงพอใจ แล้วให้เรารอดูอีกทีตอนหนังสือวางแผง
" เฮ้ย ดีว่ะ ได้ตังค์เยอะเลยเว้ยงานนี้ แถมได้มาจากความสามารถกูเองล้วนๆอีก ดีใจจังว่ะ" ไอ่เนบอกผมขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน แล้วมันก็หยิบซองค่าตัวที่เพิ่งได้เอามาจูบอย่างปลื้มสุดๆ
" เออ... กูก็ดีใจ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอ่ะ กูก็จะได้เก็บไว้เป็นทุน จะได้เรียนต่อ จะได้ใช้ทำอะไรๆได้สบายหน่อย" ผมบอกมันแล้วก็ยิ้มในความโชคดีของเราวันนี้
" เฮ้ย ถ้าสมมตินะ ว่าถ้าเกิดต่อไปเราดังขึ้นมาจริงๆ มึงจะว่าไงวะ" มันถามผม
" อืม ก็คงจะดีนะ แต่ไม่รู้ว่ะ กูว่ากูคงอยากร้องเพลงว่ะ มีอัลบั้มตัวเองสักงานนึง แค่นี้ก็คงพออ่ะ ไม่ดังมากมายก็ไม่เป็นไรหรอก"
" เออ ก็ดีนะเว้ย กูก็เหมือนกันอ่ะ เหมือนที่เราที่เคยคุยกันไง กูก็ยังอยากให้เราออกอัลบั้มด้วยกันอยู่ว่ะ ได้งั้นจริงๆคงดีเลยนะเว้ย" มันว่า ผมก็หันไปมองหน้ามันแล้วเราก็ยิ้มกันอย่างสุขใจเมื่อได้พูดกันถึงอนาคตที่ดีๆของเรา
อนาคตที่เราอยากทำให้มันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ จนวันนี้โอกาสก็กำลังเข้ามาหาเราแล้วครับ
ผมคิดหวังไปว่าระหว่างนี้ถ้ามีงานมาเรื่อยๆผมก็คงจะเก็บเงินได้มากขึ้น จะได้มาใช้เป็นค่าเล่าเรียนและใช้จ่ายไปได้ โดยไม่ต้องไปเหนื่อยกับการทำงานพิเศษต่างๆเหมือนที่ผ่านมาอีก
แต่ว่าสำหรับมันแล้วผมดูว่ามันคงแค่จะอยากดังและเป็นที่ยอมรับซะมากกว่านะ เพราะมันคงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเงินนัก
แต่ยังไงซะผมก็ยังดีใจนะครับที่เห็นมันภูมิใจกับสิ่งที่มันทำ และภูมิใจกับเงินที่มันหามาได้ด้วยตัวเองอย่างวันนี้
*****************