ตอนนี้จะเริ่มเศร้าขึ้นเรื่อยๆแล้ว โปรดอย่าคิดมากนะครับ มันก็เป็นเพียงช่วงชีวิตนึงที่ทุกคนคงต้องเจอนะ ติดตามอ่านกันเลยครับ
ตอนที่16 **********
วันนี้ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าเลยแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ที่ไม่ได้ไปเรียน เพราะวันนี้เป็นวันเกิดผมเองครับ ที่จริงก็อยากคิดนะ ว่าวันนี้เป็นวันดีของผม ดังนั้นผมก็เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกมาใส่บาตรให้หลวงพี่กับหลวงตาท่าน แล้วก็มากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อกับแม่ของผม
ตอนสายๆผมเลยมาทำความสะอาดบริเวณที่ใส่อัฐิของพ่อกับแม่ผมซึ่งอยู่ที่บริเวณกำแพงวัดใกล้ๆกันนั้นเอง แล้วผมก็นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้นนานเลย
ใจผมตอนนั้นมันก็คิดอะไรไปเรื่อยครับ ผมหวังอยากให้พ่อกับแม่ผมยังอยู่จังนะ ท่านคงมีคำอวยพรดีๆให้ผมในวันนี้ได้ ซึ่งผมอยากจะได้กำลังใจจากท่านอย่างมากในตอนนี้นะครับ
เพราะผมอ่อนล้าเต็มทีแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะโทษมันหรอกครับ
ผมอาจจะผิดเองก็ได้ที่ปล่อยให้มันไปจากผมเองนะ
แต่ก็นั่นแหละ ถึงตอนนี้ผมอยากให้พ่อกับแม่แค่มากอดผมเพื่อปลอบใจผมสักครั้ง แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
แค่เพราะว่าปาฏิหาริย์มันไม่มีจริงนั่นแหละครับ.....................
แต่พอมาคิดอีกทีก็รู้สึกว่าอาจจะดีแล้วล่ะ ที่พ่อกับแม่ผมไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วตอนนี้
เพราะถ้าท่านต้องมารับรู้ว่าผมกลายเป็นเกย์ไปแบบนี้ท่านอาจจะต้องเสียใจมากนะ
ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยครับ แล้วอย่างนี้ถ้าพ่อแม่ของไอ่เนมันรู้ล่ะ ผมจะทำยังไง
ผมยังจะมีหน้าไปเรียกแม่มันว่าแม่ได้อีกเหรอ ในเมื่อผมเองที่ทำให้ลูกชายที่เหลืออยู่คนเดียวของเค้าจะต้องกลายเป็นเกย์ไปด้วยน่ะ
แค่คิดผมก็รู้สึกผิดซะจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว เพราะงั้นต่อไปนี้ทุกอย่างมันคงต้องหยุดไว้แค่นี้แหละครับ
ผมจะยอมให้ทุกอย่างมันจบลงที่ผมแค่นี้ก็แล้วกัน ให้มันได้มีชีวิตในแบบที่มันต้องการ
ลาทีนะ.... วันเวลาแห่งความสุขที่ผมเคยมีเพราะมัน
ลาก่อน....... อนาคตที่จะได้มีมันอยู่ข้างๆตลอดไป
คงถึงเวลาที่ผมต้องตื่นจากฝันแล้วล่ะครับ................
พอผมคิดมาถึงตรงนี้แล้ว น้ำตามันก็มาจากไหนไม่รู้นะตั้งมากมาย ก็คงเป็นน้ำตาของความปวดร้าวในใจผมตอนนี้นั่นแหละ ซึ่งผมก็กลั้นไม่ไหวอีกแล้ว เลยนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงนั้น
ต่อหน้าที่เก็บอัฐิของพ่อกับแม่ผมนั่นเอง แต่ผมก็ไม่หวังให้พ่อกับแม่ปลอบใจผมแล้วละครับ
เพราะผมมันผิดเองแหละ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเลยเถิดมาจนเป็นอย่างนี้นะ
ผมสมควรได้รับแล้วล่ะ...................
-
-
หลังจากที่ร้องไห้อยู่เป็นนาน ผมก็เลยรีบกลับมาห้องผม ก็นึกขึ้นมาได้นะครับว่าไอ่เนมันคงรู้ว่าวันนี้มันวันเกิดผม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ผมไม่อยากจะเจอมันเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มันมาจัดงานวันเกิด หรือทำอะไรๆให้ ไม่อยากแม้แต่จะให้มันเอาของขวัญมาให้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นผมเลยหยิบโทรศัพท์มาปิดเครื่องไว้ แล้วก็แต่งตัวว่าจะออกไปไหนสักแห่งก็ได้ ที่ๆมันจะตามหาผมไม่เจอในวันนี้นะ และก่อนที่มันจะมาหาผมถึงนี่ ผมคงต้องหลบไปซะก่อน
แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก ซึ่งผมก็ตกใจเลยนะ นึกว่าหนีมันไม่ทันเพราะมันมาถึงที่แล้ว แต่ฟังจากเสียงเรียกแล้วก็ไม่ใช่มันนี่ ผมเลยเปิดประตูออกไป แล้วก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีก ที่พบว่าเป็นไอ่คิมน่ะครับ
" เฮ้ย ว่าไงวะ สุขสันต์วันเกิดนะเว้ยมึง จะพาไปเลี้ยงมั๊ยเนี่ย กูรอกินอยู่ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่วะ" มันยิ้มแล้วอวยพรให้ผมทันที
" อ้าว เฮ้ย มึงมาได้ไงอ่ะ แล้วไอ้พวกนั้นน่ะ" ผมรีบถามมันทันที แล้วก็รีบโผล่หน้าไปมองข้างนอกว่าไอ้เนกับไอ้บอลตามมันมารึเปล่า
" เปล่า กูมาคนเดียวอ่ะ ว่าจะมาเซอร์ไพร์สมึงก่อนคนอื่นมันน่ะ"
" เออ ว่ะ มึงทำสำเร็จแล้วล่ะ กูเซอร์ไพร์สจริงๆ แต่เดี๋ยวกูว่ากูจะออกไปข้างนอกหน่อยว่ะ อยากออกไปเดินเล่นหน่อยนะ" ผมบอกมันกะว่าเดี๋ยวจะหาเรื่องชิ่งหนีมันไปดีกว่า อยากอยู่คนเดียวอ่ะครับ
" อ้าว แล้วจะไปไหนล่ะ ตกลงไม่เลี้ยงเหรอวะ ฮะๆๆ"
" เออ คงไม่ไหวว่ะ ไม่ค่อยมีตังค์เลยน่ะ ติดไว้ก่อนนะ อืม เดี๋ยวกูไปก่อนแล้วกันนะ" ผมเลยตัดบทมันแล้วก็กำลังจะก้าวออกจากห้องไป
" เออ งั้นกูไปด้วยเด่ะ มีไรอยากถามมึงอยู่หน่อยนึงนะ ไปหาที่นั่งคุยกันก็ได้อ่ะ ว่าแต่แล้วมึงว่าจะไปไหนล่ะเมื่อกี๊" ซวยจนได้ครับ มันจะตามผมไปด้วยอ่ะ ทำไงดี
" อ๋อ เออ....อ คือ... กูว่ากูจะออกไปที่รร.เก่ากูน่ะ ก็ไม่รู้ดิ อยู่ๆกูก็อยากไป ไม่ได้ไปตั้งนานละ ว่าจะไปนั่งเล่นๆนะ มันเงียบๆดี วันนี้วันหยุดน่ะ" ผมอ้างไปโน่นเลย เพราะมันแว่บเข้ามาในความคิดน่ะครับ
" เออ ไปดิๆ กูก็อยากไปดูรร.เก่ามึงว่ะ ว่าจะเป็นไงนะ" เฮ้อ.... ไม่รู้จะทำไงเลยครับ สลัดมันไม่หลุด งั้นก็ให้มันไปด้วยก็ได้ครับ อาจจะดีนะ เผื่อมันจะได้นั่งเล่นเป็นเพื่อนผม
-
-
แล้วเราก็เดินเข้ามาในรร.ด้วยกันครับบรรยากาศนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่วันนี้มันก็เงียบสงบดีเพราะว่าเป็นวันหยุด แล้วผมก็ไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินที่นั่งเล่นกันประจำกับไอ่เนมันเมื่อก่อนนี้
แต่แล้วภาพความทรงจำเหล่านั้นมันก็เริ่มผุดขึ้นมาในใจผมมากมายเลย กลายเป็นว่านี่ผมคงตัดสินใจผิดละมั๊งที่ว่าจะหลบมาที่นี่ เพราะตอนนี้อดีตเก่าๆที่เคยแสนดีเหล่านั้นมันเริ่มมาทำร้ายจิตใจผมเข้าอย่างจังแล้ว สงสัยผมคงต้องไปที่อื่นดีกว่ามั๊งนี่
" เอ้อ ไอ่คิม กูว่าเดี๋ยวเราไปที่อื่นกันดีกว่าว่ะ อยากไปเดินเที่ยวมากกว่านะ ไปเหอะ" ผมเอ่ยชวนมันไปที่อื่นแทน ก่อนที่ผมจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้
" เฮ่ย เดี๋ยวดิ เพิ่งมาถึงเอง จะรีบไปไหน นั่งคุยกันก่อนดิวะ" มันเรียกให้ผมนั่งลง ก็เลยนั่งลงไปข้างๆมันครับ
" กูมีเรื่องอยากถามมึงนะ ว่าหมู่นี้มึงเป็นอะไรวะ มึงเหม่อลอย หน้าตาอมทุกข์ตลอด มีเรื่องอะไรเหรอวะ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกกันบ้างสิวะ อย่าเก็บไว้คนเดียวอยู่เลย กูห่วงมึงนะ" มันเอ่ยถามผม ซึ่งผมก็อ้ำๆอึ้งๆไปเพราะว่าไม่นึกว่ามันจะถามเรื่องนี้นะ
" อืม กูขอบใจว่ะที่ห่วงกูนะ คือ... เอ่อ... คือว่ากู... แบบว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องบางวิชาน่ะ มันยากว่ะ ก็เลยกลุ้มๆนะกลัวเกรดมันแย่ตั้งแต่เทอมแรกน่ะ ก็แค่นั้นนะ" ผมอยากจะเขกกบาลตัวเองจริงๆที่อ้างกับมันไปอย่างไม่เนียนจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกเลย แล้วนี่ไอ่คิมมันฉลาดจะตาย มันคงเชื่อผมหรอกนะ
" เออ.. แค่นั้นเองเหรอวะ นี่มึงกังวลแค่นี้น่ะเหรอวะ มึงแน่ใจเหรอ แต่กูว่านะ เรื่องแค่นี้มันไม่น่าจะทำให้มึงวิตกจริตเป็นทุกข์ได้ขนาดนั้นหรอกว่ะ หรือว่ามึงไม่อยากบอกกูจริงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกว่ะ กูเข้าใจนะ" มันบอกแล้วก็กำลังจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไป ผมเลยคว้ามือมันไว้
" เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ ไม่ใช่หรอกว่ะ เออ กูขอโทษนะ ไม่ใช่ว่ากูไม่ไว้ใจมึงหรอก แต่กูเองไม่แน่ใจไง ว่ามึงจะรับได้มั๊ยถ้ากูบอกมึงไปน่ะ ก็เท่านั้นแหละ ยังไงมึงก็เพื่อนกูนะเว้ย" ผมร้องบอกมันอย่างไม่สบายใจที่เหมือนทำตัวไม่ไว้ใจมัน แต่มันกลับยิ้มแล้วก็มองสบตาผม
" เรื่องไอ่เนใช่มั๊ยล่ะ" อยู่ๆมันก็พูดขึ้น ผมก็ตกตะลึงจนตาค้างเลยนะ นี่มันรู้ได้ไงอ่ะ
" เฮ้ย... ทำไมมึงรู้วะ" ทีนี้ผมอึ้งไปเลย เพราะงงมากๆเลยครับ อย่างกับว่ามันอ่านใจผมได้งั้นแหละ
" เออ กูรู้แล้วกัน ตกลงว่าเพราะมันใช่มั๊ย ที่ทำให้มึงวิตกจริต คิดมากได้ขนาดนี้น่ะ ที่จริงกูลองสังเกตมึงนานแล้วเหมือนกัน ยิ่งหลังๆมานี่ไอ่เนมันไปอยู่กับเด็กมันตลอด มึงก็เริ่มซึมๆไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย"
" หรืออย่างตอนที่ไอ่เนมันอยู่กับเค้ากูก็เห็นเลยว่าสายตาที่มึงมองมันน่ะ มันไม่ใช่สายตาของเพื่อนกันแล้วล่ะ กูก็เลยต้องมาถามมึงเพราะอยากได้ยินจากปากมึงเองนี่ไง" มันสรุปอาการที่ผมเป็นอยู่ซะทะลุปรุโปร่งเลย นี่แสดงว่ามันอ่านผมได้ง่ายยิ่งกว่าอ่านหนังสือซะอีกนะครับ
" เฮ้อ... เออ ว่ะ กูก็ว่านะ กูคงเป็นเกย์จริงๆนั่นแหละ กูก็เลยไม่กล้าบอกใครนะ แต่ที่จริงกูก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกนะ ไม่รู้ดิ" ผมบอกมันแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างรู้สึกสับสนในใจ
" อืมๆ งั้นมึงฟังกูนะ คนเรานะเว้ย ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วมันรับในสิ่งที่เพื่อนมันเป็นไม่ได้ละก็นะ กูว่ามึงก็เลิกคบกันไปเหอะว่ะ จะคบกันไปทำไมให้เสียเวลาวะ จริงมั๊ย" มันพูดสัจธรรมให้ผมฟัง ซึ่งก็ชี้ทางสว่างให้ผมเลย
" เออ... ก็จริงของมึงว่ะ โทษทีนะเว้ย คิม ที่กูเองมองข้ามมึงไปน่ะ"
" เอาเหอะๆ ไม่เป็นไรหรอกว่ะ กูก็ว่ากูน่ะเข้าใจมึงดีนะ แต่มึงสงสัยมั๊ยล่ะ ว่านี่ทำไมกูถึงรู้และมองออกได้ว่ามึงรักมันอยู่น่ะ" คำพูดนี้ของมันทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันทีเลยครับ
" ที่กูรู้น่ะ ก็เพราะว่าที่จริงกูเองตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากมึงนักหรอกนะ" มันพูดแล้วก็มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายจนผมต้องรีบหันกลับไปมองมันทันที
" เฮ่ย อะไรนะ มึงว่ามึงไม่ต่างจากกูเหรอ ไม่ต่างยังไงวะ ไอ่คิม"
" ก็อย่างที่กูพูดนั่นแหละ กูเหมือนมึงก็เพราะกูก็รักไอ่บอลมันไงล่ะ มึงเข้าใจยัง" มันบอกแล้วก็หันมามองหน้าผม แต่ผมสิครับ ฟังแล้วรู้สึกยังกับมีฟ้าผ่าลงมาเลยนะ ก็คิดไม่ถึงจริงๆนะครับว่าความจริงมันจะเป็นแบบนี้น่ะ
" มึงคงเห็นน่ะนะ ว่ากูกับมันสนิทกันมานาน ที่กูรักมันก็อาจจะเพราะว่าความเคยชินนะ ชีวิตกูมีแต่มันมาตลอด แล้วมันก็ชอบพูดชอบทำเหมือนกะว่าเราเป็นผัวเมียกันยังงั้น หึ... มันก็ตลกดีนะ จากที่เล่นๆกันจนตอนนี้กูกลับคิดเป็นจริงจังไปซะแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ แต่กูก็แน่ใจแล้วนะ ว่ากูรักมันจริงๆ ทีนี้เห็นมั๊ยว่ากูกะมึงเหมือนกันจริงๆน่ะ" มันว่าแล้วก็หันมายิ้มให้ผม ทุกอย่างจากปากของมันนี้ทำให้ผมได้แต่อึ้งไปนะ
ไม่เคยคิดครับว่าตั้งแต่แรกๆที่นึกว่ามันคงล้อเล่นกัน แต่แท้จริงแล้ว ไอ่คิมมันก็คิดจริงจังมาตลอดนะนี่
เพียงแต่ผมเองไม่เคยฉุกคิดว่าที่จริงแล้วนั่นน่ะ มันรักไอ่บอลอยู่ตะหาก..........................
" เฮ้ย แล้วถ้างั้นไอ่บอลล่ะ มึงบอกมันรึยัง ว่ามึงรักมันน่ะ" ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เลยถามมันไปทันที มันก็ถอนหายใจอย่างปลงๆแล้วก็หันมา
" กูว่านะ แค่นี้กูก็รู้คำตอบแล้วว่ะ คงไม่ต้องไปถามมันหรอกนะ กูไม่อยากเสียเพื่อนน่ะ ยังไงซะกูก็คงไม่มีหวังหรอกว่ะ ในเมื่อรู้ยังงี้แล้วกูว่ากูคงเลือกรักษามิตรภาพไว้ดีกว่านะ ก่อนที่กูอาจจะไม่เหลืออะไรเลยน่ะ" ผมเริ่มคิดตามคำพูดมันไป ก็คงจะจริงของมันนะครับ
" มึงลองคิดดูนะ ถ้ากูยังมัวหวังจะรักษาไอ้ความรักที่มันคงเป็นไปไม่ได้ของกูไว้น่ะ วันนึงกูอาจจะเสียมันไปก็ได้ ถึงวันนั้นแม้แต่หน้ามันก็คงมองกันไม่ติดหรอกว่ะ ทีนี้นะ กูก็คงไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ต้องเสียทั้งความรักของกู แล้วยังต้องเสียความเป็นเพื่อนของเราอีกนะ ถ้าเป็นงั้นกูยังจะทนอยู่เป็นคนได้อีกเหรอวะ มึงเข้าใจมั๊ยวะ ไอ่อิน" คราวนี้มันพูดแล้วก็ก้มหน้าร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่นเลยครับ ผมก็ตกใจเลยรีบโอบไหล่มันไว้ มันก็เลยโผกอดผมไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่
ตอนนั้นผมสงสารมันมากนะ จนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ไปกับมันด้วย เพราะตัวผมเองก็เต็มกลืนกับสภาพที่เป็นอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่ว่าผมเองยังโชคดีกว่ามันมากนักที่อย่างน้อยไอ่เนมันก็ยังรักผมบ้างนะ
แม้จะเป็นเพียงแค่ในตอนนั้นก็เถอะ...........
แต่มันสิครับ แม้แต่จะบอกมันก็บอกไม่ได้ เพราะว่ามันก็คงไม่อยากเสียไอ่บอลไปจริงๆ
และมันทนอยู่อย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นะครับ ซึ่งมันก็เก่งที่กลบเกลื่อนไม่ให้ใครดูออกว่ามันคิดอะไรอยู่
และการที่มันทำแบบนั้นมันก็คงต้องทนเจ็บปวดทรมานมาตลอดเลยนะ
กูสงสารมึงจริงๆว่ะเพื่อน................
-
-
หลังจากที่เราร้องไห้กันซะจนสาแก่ใจแล้ว ผมก็รู้สึกเหนื่อยในใจจริงๆครับ เพราะผมว่าผมก็คงต้องทำเหมือนไอ่คิมมันแล้วนะ คือต้องตัดใจจากไอ่เนมันให้ได้จริงๆแล้วล่ะ
เพราะผมก็คงไม่อยากที่จะสูญเสียไปหมดทุกๆอย่าง แม้แต่มิตรภาพอย่างที่ไอ่คิมมันบอกไว้น่ะ
ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คงทนไม่ได้แน่ๆนะ.........
แม้ว่าต่อจากนี้ไปผมคงต้องเจ็บปวดที่ต้องทนเผชิญหน้ากับไอ่เนมัน แต่ผมก็จะพยายามเข้มแข็งให้ได้อย่างที่ไอ่คิมมันเคยต้องทนมาแล้วให้ได้ครับ
และอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็จะมีไอ่คิมมาเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดแล้วนะครับ มันก็คงพอจะช่วยปลอบใจผมได้บ้างนะ
ส่วนผมก็จะขอช่วยเป็นกำลังใจให้มันบ้างเหมือนกันครับ....................
" เฮ้อ ... ขอบใจว่ะ อิน กูโล่งใจไปเยอะเลยว่ะ ได้บอกมึงไปแล้วกูก็เหมือนยกภูเขาออกไปนะ โชคยังดีนะที่กูมีมึงอยู่ ต่อไปเราก็ต้องทนให้อะไรๆมันผ่านไปด้วยกันนะเว้ย โอเคนะ" มันบอกแล้วก็จับมือผมเหมือนว่าจะให้เป็นสัญญาของเรา ผมก็ยิ้มแล้วจับมือกับมัน
" เออว่ะ กูเข้าใจแล้วนะ ต่อไปกูจะเข้มแข็งอย่างมึงว่ะ กูจะได้ทำใจได้ซะทีนะ อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปน่ะ แต่ตอนนี้กูยอมรับว่ะ ว่าเหนื่อยในใจจริงๆนะ อยากพักสักวันน่ะว่ะ" ผมบอกกับมันแล้วก็เอนตัวนอนลงไปกับม้าหิน
" ดีแล้วว่ะ เราก็ค่อยๆทำใจกันไปละกัน แต่ว่าวันนี้นะ กูขออยู่กะมึงยังงี้แหละ มึงก็พักให้มันสบายๆไปเหอะว่ะ" มันยิ้มบอกผมแล้วก็เอนหลังลงไปนอนบนม้าหินเหมือนกันโดยหันหัวมาชนหัวผม เวลาอยู่กับมันตรงนี้ผมว่าผมสบายใจขึ้นมากแล้วจริงๆนะครับ แต่อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมา มันก็เลยลุกขึ้นรับ
ผมเลยถือวิสาสะลองฟังดูก็เลยรู้ว่ามันคุยกับไอ่เนอยู่ครับ รู้สึกว่ามันกำลังจะชวนไอ่คิมไปดูหนังนะ ให้ไอ่คิมตามไปที่โรงหนังเลย ไอ่บอลกับแฟนไอ่เนมารออยู่แล้ว ผมก็เลยทำหน้าบอกใบ้ไอ่คิมว่าอย่าบอกมันว่าผมอยู่ที่นี่นะ ไอ่คิมมันก็เลยบอกไปว่าออกมาธุระข้างนอก ไม่ว่างอยู่แล้วมันก็วางหูไป
" นี่กูก็ขี้เกียจไปแหละว่ะ วันนี้กูอยากอยู่กะมึงยังงี้อ่ะ ขี้เกียจจะไปไหนแล้วว่ะ"
" อืม แล้วนั่นมันจะไปดูหนังกะแฟนมันเหรอวะ ถ้างั้นมันก็คงไม่ตามมาหากูแล้วล่ะ มันคงลืมไปน่ะ ว่าวันนี้วันเกิดกู แต่ก็ดีแล้วว่ะ กูก็ไม่อยากเจอมันตอนนี้เหมือนกันนะ มันลืมไปพอดีก็ดีแล้วว่ะ" ผมบอกมันไปแต่ใจนึงก็เสียใจอยู่ครับ ว่าในที่สุดแล้วมันก็ลืมผมจริงๆ
" เอ้อ ไหนๆก็วันเกิดมึงนะ ก็ต้องฉลองหน่อยสิวะ ไปเหอะ ไม่มีตังค์กูเลี้ยงเองก็ได้วะ ฮะๆ" ไอ่คิมบอกผมแล้วก็หัวเราะอย่างร่าเริงเลยครับ ผมก็รู้นะ ว่ามันคงแค่อยากปลอบใจผม ไม่อยากให้ผมเสียใจที่ไอ่เนมันลืมวันเกิดผม ก็ต้องขอบใจมันนะครับ
-
-
แล้วผมกับมันก็ออกมาขึ้นรถไปยังห้างแห่งนึงใกล้ๆแถวนั้นแล้วก็เข้าไปนั่งกินกันในร้านอาหารร้านหนึ่ง เราก็ได้คุยกันไปอย่างสนุกจนเพลินไปเลย ออกมาจากร้านอีกทีก็ค่ำแล้ว ผมเลยชวนไอ่คิมมันไปนอนกับผมที่วัด มันก็ตกลง หลังจากที่เรากลับเข้ามาในห้องกัน ไอ่คิมมันก็เดินไปหยุดมองที่เสื้อที่ไอ่เนมันเซ็นให้ผม
" เสื้อนี่เซ็นให้กันตอนที่จบม.6ใช่มั๊ยวะ อ้อ .. แล้วนี่เหรอที่มันเซ็นให้มึงน่ะ" มันถามผมแล้วก็หันมายิ้ม
" ดีนะ เข้าใจคิดดีว่ะ ประโยคนี้กูชอบนะ มันมีความหมายดี"
" อ๋อ มันเขียนตามกูน่ะ กูก็เขียนประโยคนี้ให้มัน มันก็เลยเขียนบ้างนะ แต่ที่มันลงท้ายไว้นั่น " จากไอ้เน เพื่อนมึง" มันก็คงหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆว่ะ ระหว่างเราสุดท้ายก็คงเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิมนะ ก็ทำไงได้ล่ะ ยังดีกว่าต้องเสียมันไปเลยน่ะนะ" ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆใจ มันก็เลยจับไหล่ผมแล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจ
แล้วเราก็เลยนอนคุยกันไปหลายเรื่องเลยครับ ตั้งแต่เรื่องที่มันมาคบกับไอ่บอลได้ยังไง มันบอกผมว่าตอนมันม.4 ตอนนั้นมันยังเป็นแค่เด็กเรียนเนิร์ดๆคนนึงเท่านั้น มีแต่โลกส่วนตัว ไม่กล้าคิดกล้าทำอะไรเลย ขณะที่ไอ่บอลตอนนั้นมันโคตรจะเกเร โดดเรียนตลอด คบแต่พวกเด็กแสบด้วยกัน
ก็น่าแปลกดีที่ทำไมมันต่างกันสุดขั้วอย่างนั้นแต่มาคบกันได้ไง มันก็บอกว่าปกติไอ่บอลมันจะชอบมาลอกการบ้านมันบ่อยๆเลยสนิทกันมากขึ้น และพอมาคุยมาคบกันมากขึ้นก็เหมือนมันได้เรียนรู้กันและกันนะ จากที่ไอ่คิมมันไม่มั่นใจตัวเองก็กลายเป็นว่ามั่นใจ กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น ส่วนไอ่บอลมันก็เลิกเกเรไป แล้วก็พยายามขยันเรียนมากขึ้นเพราะไอ่คิมนั่นแหละครับ ซึ่งก็สมแล้วล่ะนะ ที่มันจะสนิทกันมากอย่างนั้น
ดูๆไปแล้วผมว่าพวกมันก็แทบไม่ต่างกับผมและไอ่เนเลยนะ มาคบกันได้เพราะเหตุผลที่ไม่น่าจะเป็นได้ แต่พอมาคบกันแล้วมันก็เหมือนกับต่อกันติด เหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกคู่กัน เพราะมันก็เติมเต็มส่วนที่หายไปให้กันและกันไปได้อย่างดี
ส่วนผมนั้นก็ได้เล่าเรื่องผมกับไอ่เนให้มันฟังเหมือนกันครับ เป็นครั้งแรกนะที่ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง ไอ่คิมมันก็ยังบอกนะว่ามันเองเชื่อว่าไอ่เนมันก็คงยังรักผมอยู่ คนเราถ้าลองได้ผ่านอะไรๆมาด้วยกันขนาดนั้นแล้ว มันก็คงไม่ร้างลากันไปได้ง่ายๆหรอกครับ ซึ่งผมเองก็เริ่มรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
เพียงแต่ว่ายังไงซะตอนนี้ผมก็คงต้องเลือกทางเดียวกับไอ่คิมมันนะครับ คือตัดใจแล้วกลับไปเป็นเพื่อนมันเหมือนเดิม เพราะตอนนี้มิตรภาพของเรามันสำคัญที่สุดแล้วจริงๆ
และไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆ เพราะไม่งั้นชีวิตผมก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้วจริงๆ.............
******************