ตอนที่17 **************
คืนนั้นผมก็นอนหลับไปได้อย่างปกติ คิดว่าไอ่คิมเองมันก็คงจะเหมือนกันเพราะเรื่องหนักอกที่เราต้องทนมาตลอดได้ถูกระบายออกไปบ้างแล้ว ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าโล่งใจขึ้นพอควร แต่ยังไงซะผมว่าตัวเองก็คงต้องทนรับอะไรอีกมากนัก
เพราะยังไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้ไปผมจะต้องเจออะไรบ้าง ความเจ็บปวดมันคงยังรอผมอยู่ตรงนั้นอยู่ดีละมั๊ง...........
พอรุ่งเช้าไอ่คิมมันก็เลยกลับบ้านมันไป ผมก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเห็นว่าไอ่เนมันโทรมาหลายมิสคอลอยู่ เลยลังเลนิดนึงแต่ก็ตัดใจโทรกลับไปหามันอยู่ดี
" เฮ้ย กูโทรไปตั้งหลายทีทำไรอยู่วะ ว่าจะชวนไปดูหนังกันนะ ไอ่คิมมันก็ไม่ว่าง กูเลยไปดูกะแฟนกูแล้วก็ไอ่บอลเองอ่ะ" มันโวยผมทันที
" เออ...... พอดีเครื่องมันรวนอยู่เลยเอาไปให้เค้าซ่อมน่ะ แล้วมึงมีอะไรรึเปล่าอะ" ผมแก้ตัวไปอย่างงั้น เพราะก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออก
" ก็มีเด่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายๆมาหากูที่บ้านทีดิวะ.... นะๆ อย่าลืมล่ะ" มันบอกแล้วก็วางไปเลยโดยที่ผมไม่ทันจะพูดอะไรเลย เลยได้แต่งงๆอยู่ครับเพราะอยากจะรู้ว่ามันเรียกผมไปทำไม
----------------------------
บ่ายวันนั้นผมก็เลยไปหามันที่บ้าน พอไปถึงก็เปิดประตูเข้าไปเลย ในบ้านเงียบมากผมเลยมองหามันว่าอยู่ไหน
แล้วอยู่ๆก็ได้ยินเสียงมันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นมันเดินถือเค๊กที่จุดเทียนไว้ออกมา ผมเลยยิ้มออกมาเลยนะครับ ดีใจที่มันไม่ได้ลืมวันเกิดผมไปจริงๆ ถึงจะช้าไปวันนึงก็เหอะ
" เอ้า เป่าเลยๆ อธิษฐานด้วยนะเว้ย" มันเร่งผม ทำให้ผมคิดไปว่าแล้วนี่ผมควรจะอธิษฐานอะไรดีล่ะ เพราะสิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือ ผมอยากตัดใจจากมัน
นี่ผมจะต้องอธิษฐานแบบนี้จริงๆเหรอ จะโหดร้ายกับมันไปมั๊ย ในเมื่อมันเป็นคนเตรียมทุกๆอย่างนี่ด้วยความตั้งใจให้ผมนะ ซึ่งแสดงว่ามันก็ยังรักยังแคร์ผมมากอยู่จริงๆ แต่ผมกลับกำลังจะต้องอธิษฐานว่าให้ตัดใจจากมันเนี่ยนะ
ผมก็เลยตั้งจิตอธิษฐานไปว่าอย่างน้อยผมขอให้อะไรๆมันดีขึ้นกว่านี้นะ และขอให้ผมพบทางออกที่ดีสำหรับผมและมันด้วย ขอแค่นั้นก็แล้วกันแล้วผมก็เป่าเทียนจนดับ
" เอ้อ.... ดีๆ กูขอโทษทีนะเว้ยที่ลืมวันเกิดมึงไปเลยเมื่อวานน่ะ ไอ่บอลมันชวนไปดูหนัง พอดีกูก็อยากดูเรื่องนี้จะตาย เลยพลอยลืมไปเลยว่ะว่าเมื่อวานวันเกิดมึง เลยมาขอแก้ตัววันนี้นะ อย่าโกรธกูเลยนะเว้ย" มันบอกแล้วก็ทำสายตาอ้อนวอนผมอยู่ ทำให้ผมมองไปที่สร้อยที่มันใส่อยู่ที่คอ ซึ่งผมได้ให้มันไว้ตอนวันเกิดมันเหมือนกัน
นี่มันก็ยังคงใส่ไว้ตลอดสินะ ตามที่มันสัญญาว่าจะเก็บรักษาไว้อย่างดี ผมเลยยิ่งรู้สึกได้ว่ายังไงมันก็ยังรักผมอยู่จริงๆ ถึงตอนนี้มันจะมีแฟนแล้วแต่ระหว่างผมกับมันก็จะยังคงรักกันอย่างนี้ไปได้ ซึ่งผมว่าผมคิดได้แล้วล่ะ
ผมคงจะค่อยๆทำใจไปอย่างนี้แล้วกัน เพราะยังไงซะมันก็คือเพื่อนรักผมนี่นะ
" เออ... กูไม่โกรธหรอก มึงก็ยังนึกได้อยู่ดีน่ะ แค่นี้กูก็ดีใจแล้ว ขอบใจนะเว้ย"
" อืม... แต่ว่าของขวัญน่ะกูติดไว้ก่อนนะ แล้วกูจะให้มึงอีกทีว่ะ นะเว้ย.. รับรองว่ามึงต้องถูกใจ" มันยิ้มบอกแล้วก็มาโอบไหล่ผม ผมเลยยิ่งอยากรู้นะว่ามันจะให้อะไรผมเนี่ย
-
-
หลังจากนั้นสองวันมันก็โทรมาบอกให้ผมไปหามันที่บ้านอีกแล้วครับ ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้นึกอะไรนะ แต่พอไปถึงมันก็ใส่กางเกงในตัวเดียวที่มีโบว์ของขวัญติดอยู่ที่กางเกงในของมันออกมาหาผมซะงั้น แล้วก็เปิดเพลงซะดังเลย ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไป
" เฮ้ย... นี่เชี่ยอะไรของมึงอีกเนี่ย ไอ่บ้า มึงใส่กางเกงในมาทำไม" ผมเลยด่ามันไป มันก็หัวเราะใหญ่เลยครับ
" อ้าว... ก็นี่ไงของขวัญกู กูมอบกายให้มึงเลยไง ฮ่าๆ เห็นป่ะ มีโบว์ผูกเรียบร้อย มารับไปดิ ฮ่าๆๆ" มันบอกแล้วก็ชี้ไปที่โบว์ที่ผูกอยู่แล้วก็ทำเต้นไปมาเหมือนพวกโชว์ในบาร์เลยครับ ผมเลยระเบิดหัวเราะออกมาเพราะขำมันสุดๆ
" โห.... ไอ่เชี่ยนี่ มึง.. คิดได้อีกนะ แม่ง... กูคงอยากได้มึงมากเลยนะ แหม... มอบกายให้ กูจะอ๊วก มึงเก็บไว้ให้เมียมึงเหอะว่ะ กูขอบใจมึงมากกก..ก ฮะๆๆ" ผมพูดไปก็ขำไปครับ ที่มันคิดมุขมาแต่ละมุขนี่ สุดๆจริงๆ คงไม่มีใครเค้ากล้าทำอ่ะ
" อ่านะ มึงทำมาเป็นปฏิเสธกู หล่อๆเท่ๆอย่างกูอ่ะ ใครๆเค้าก็อยากได้กันทั้งนั้นนะเว้ย ฮ่าๆ แล้วมึงจะเสียดายทีหลัง" มันว่าแล้วก็อ้อมไปหลังเคาท์เตอร์แล้วก็หยิบกีต้าร์ใหม่เอี่ยมติดโบว์ของขวัญที่มันซ่อนไว้ออกมา
" อ้ะ... นี่ของขวัญกู อันนี้ของจริงว่ะ ฮ่าๆ เซอร์ไพร์สมั๊ย กูไปเดินดูอยู่นานเลย พอไปเห็นอันนี้กูก็โดนใจว่ะ รู้สึกมันเหมาะกะมึงมากก็เลยซื้อมา สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังอีกทีนะเว้ยเพื่อน" มันเฉลยบอกผม ผมเห็นแล้วก็มัวอึ้งอยู่ พูดอะไรไม่ออกเลย
ดีใจจริงๆนะครับตอนนั้น ที่จริงกีต้าร์รุ่นนี้ผมก็อยากได้มากอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นรุ่นที่ดีที่สุดและเป็นของที่ประกอบด้วยมือไม่ใช่เครื่องจักร เรื่องความไพเราะของเสียงนั้นไม่ต้องพูดถึง มันสุดๆอยู่แล้วครับ ผมเองก็เคยไปเดินดูที่ร้านอยู่หลายทีเหมือนกัน
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือความตั้งใจของมันต่างหากครับ นี่มันเองก็คงตั้งใจมากๆและนึกถึงผมตลอดนะ ไม่งั้นมันก็คงไม่ไปสรรหาอะไรที่ผมชอบอย่างนี้มาให้ผมได้ และมันแพงมาก...... ใช่... มันแพงมากนะ ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้
" เฮ้ย... เดี๋ยวๆ แล้วมึงซื้อมาเท่าไหร่เนี่ย มันแพงจะตายห่านี่หว่ารุ่นนี้อ่ะ" ผมรีบถามมันอย่างตกใจ เพราะราคามันหลักหมื่นเลยนะครับ
" อืม.. มึงไม่ต้องคิดมากน่ะ ก็กูอยากให้มึงอ่ะ รุ่นนี้มันเหมาะกะมึงจริงๆนะ มึงคู่ควรแล้ว เพราะว่ามันเป็นคุณค่าที่มึงคู่ควร ฮ่าๆ" มันบอกแล้วก็ทำท่าทางล้อเลียนผมด้วยสโลแกนโฆษณาของผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนึง
" เฮ้ย... แต่...." ผมกำลังจะอ้าปากบอกกับมัน แต่มันก็ยกมือห้ามไว้ก่อน
" เออ.... มึงไม่ต้องมาแต่แล้ว สาด...ด จะให้เป็นเรื่องไปทำไมวะ ก็ซื้อมาแล้วอ่ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ไม่งั้นก็เอามาให้กูเล่นมั่งก็ได้ เอ้า...... มึงนี่ ผลัดกันเอามาเล่นแล้วกัน ดีมั๊ยอ่ะ" มันพูดแบบบ่นๆที่ผมเกรงใจมันอีกแล้ว ผมมานึกดูแล้วก็จริง ผมไม่ควรไปทำให้มันเสียความตั้งใจนะ
เพราะของแพงแบบนี้มันยังเต็มใจให้ผมได้ มันก็จะต้องรักและหวังดีกับผมจริงๆนะ
แล้วผมก็ยอมรับครับ ว่าผมอยากได้กีต้าร์อันนี้มากจริงๆ แค่เพราะว่ามันให้ผมนี่แหละ
แต่ต่อให้มันเป็นของกระจอกสักแค่ไหน ถ้ามันให้ผม ผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละครับ
และผมก็เลยกอดมันแน่นเลย ความรู้สึกที่ดีๆเหล่านั้นมันได้กลับมาอีกครั้งนะครับ ว่าอย่างน้อยมันก็รักผมอย่างเพื่อนที่มันรักที่สุดอยู่ดี โชคดีนะครับ ผมว่าผมยังคงรักษามิตรภาพของเราไว้ได้อยู่นะ โล่งใจไปที............
-
-
แต่ทว่าหลังจากวันนั้นแล้ว ผมก็ต้องกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่ามันก็ใช้ชีวิตกับแฟนของมันไปอย่างมีความสุขดีอยู่แล้ว และคงไม่มีที่ว่างสำหรับผมที่จะเข้าไปแทรกได้อีก
ซึ่งผมก็ยังทำใจไม่ค่อยได้อยู่ดีนะ แม้ว่ามันก็อยู่แค่ตรงนี้ ตรงหน้าผมนี่อ่ะ แต่บางทีมันก็กลับกลายเป็นเหมือนว่าอยู่ห่างไกลกันไปซะจริงๆ
และผมก็ยังต้องทำตัวให้เหมือนเดิมเป็นปกติไปเพื่อไม่ให้มันรู้ ซึ่งมันก็ดูจะยากสำหรับผมจริงๆ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผมต้องเห็นมันอยู่กับแฟนมัน ผมก็ยังต้องทำเป็นเลี่ยงๆหลบๆไปโดยอ้างนั่นอ้างนี่ตามเคย จนมีบางวันที่ผมหนีไปนั่งอยู่คนเดียวตามที่ต่างๆ ซึ่งไอ่คิมก็ดูจะเป็นคนเดียวนะที่เข้าใจผมดีที่สุดในตอนนี้
-
-
วันนี้ก็เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายแล้วครับ ผมเดินออกจากห้องสอบด้วยความรู้สึกมึนไปหมด เพราะว่าทำข้อสอบไม่ได้เอาเลย ซึ่งที่ผ่านๆมาก็พยายามอ่านหนังสือและทำงานส่งอาจารย์มาตลอดนะ แต่คะแนนมันก็ช่วยอะไรผมไม่ได้เท่าไหร่
ถึงตอนนี้แล้วผมก็คงได้แต่โทษตัวเองนะครับ ที่เราทำตัวเราเองแท้ๆ ถ้าทำใจได้มากกว่านี้ อะไรๆมันก็คงไม่แย่ลงไปอย่างนี้ ผมผิดเองนั่นแหละ..............
คงถึงเวลาที่ผมคงต้องหาทางสงบใจด้วยการไปอยู่คนเดียวสักพักนะ นี่ก็ใกล้จะปิดเทอมแล้วครับ มันคงเป็นเวลาที่เหมาะที่จะถอยห่างออกมาจากชีวิตมันสักพักนึง ผมอาจจะทำใจได้ง่ายกว่านะ
" ห๊ะ.... มึงจะบวชเหรอวะ ปิดเทอมนี้น่ะ นึกไงวะ" ไอ่เนมันพูดซะดังเลย ทันทีที่ผมบอกมันว่าจะบวชภาคฤดูร้อน
" แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย กูจะบวชแค่นี้ทำไมต้องตกใจซะขนาดนี้ ก็กูจะบวชให้พ่อแม่กูน่ะ ตั้งใจไว้นานแล้วไง" ผมบอกเหตุผลมันไปตามความจริง แต่ไม่ได้พูดต่อว่า แค่ขอเวลาไปอยู่เงียบๆสักพักแค่ตัวคนเดียว โดยไม่มีมันนะ...........
" เออๆ ก็ดีว่ะ เฮ้ย งั้นเอางี้ กูขอบวชด้วยคนดิวะ ปิดเทอมเวลามันก็เยอะอ่ะ" มันบอก แต่ผมสิตกใจมากๆครับที่อยู่ๆมันก็บอกยังงี้
" เฮ้ย มึงจะบ้าเหรอวะ ไปบวชนะเว้ย ไม่ใช่ไปเดินสยามกัน จะได้ง่ายๆอ่ะ ของยังงี้มันไม่ใช่ว่าอยากทำก็ทำนะเว้ย มึงช่วยคิดก่อนสักนิดเหอะว่ะ" ผมห้ามมันทันที ตกใจนะครับ ที่มันคิดจะมาบวชอยู่กะผมอีก ไอ่นี่มันอะไรของมัน นึกจะทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยคิดทบทวนให้ดีก่อน
และอีกอย่างผมอุตส่าห์หาทางจะห่างๆจากมัน แต่มันดันจะตามผมมาอีกเหรอนี่
" เออ... กูก็รู้ละน่า แต่กูก็อยากบวชให้พ่อแม่กูมั่งดิวะ พ่อแม่กูจะได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสวรรค์ไง ไม่ดีเหรอ ทำไมวะคนอย่างกูจะกตัญญูมั่งไม่ได้รึไงวะ นี่ถ้ากูบวชนะ พ่อแม่กูน่ะคงดีใจโคตรๆเลย" ผมเริ่มอึ้งๆไปนิดนึง และกำลังคิดหาเหตุผลไปห้ามมันอยู่นะครับ
" กูก็อยากทำเพื่อเค้าบ้างนะ แล้วก็เผื่อว่าพ่อกูเค้าอาจจะได้เข้าใจกูซะทีอ่ะ เป็นไง มึงว่าดีมั๊ยล่ะ" มันบอกผมแล้วก็ยิ้มอย่างมีความหวังมากๆ ผมเลยยิ่งต้องอึ้งไปอีก
จริงอยู่ผมก็ว่ามันคงจะดีมาก ถ้ามันบวชแล้วพ่อมันก็อาจจะปลื้มใจจนกลับมารักและเข้าใจมันได้ซะที แต่ว่านั่นก็เท่ากับว่าผมก็ต้องแลกกับความสงบสุขของผมนะ เพราะมันคงต้องมาอยู่กับผมตลอดอีก
ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะทำยังไงล่ะ ผมจะต้องทนบวชอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีความสงบในใจเลยเหรอ....
-
-
แล้วผมก็เลยต้องมาเตรียมงานบวชของตัวเองและของมันไปด้วย ซึ่งก็ทำให้ผมยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเองอยู่อย่างนี้ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงจะดีใจและมีความสุขมากจริงๆ ที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อมันอย่างตอนนี้นะ
แต่ว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นความทุกข์ใจของผมไปซะแล้ว ทำไมผมถึงโชคร้ายนักที่ไม่ว่าจะคิดทำอะไรก็ต้องเจอกับสภาพที่ไม่มีทางเลือกอยู่อย่างนี้ตลอดเลย
ครั้นจะไปห้ามมันก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะว่านี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้มันกับพ่อของมันกลับมาเข้าใจกันได้นะ ผมจึงไม่เหลือเหตุผลอะไรที่จะไปห้ามมันอีกแล้วล่ะ
เพราะงานนี้ผมดูแล้วว่า มันตั้งใจมากจริงๆ ซึ่งพ่อกับแม่ของมันถึงกับลงทุนทิ้งงานที่โน่นบินกลับมาร่วมงานนี้กันทั้งคู่เลยครับ มันบอกผมว่าพ่อมันก็ดีใจมากๆ ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงแม่มันเลยครับว่าท่านจะดีใจแค่ไหน
-
-
วันที่พ่อกับแม่ของไอ่เนกลับมาถึงที่สนามบินนั้น พวกเราสี่คน มีผม ไอ่เน ไอ่คิมและไอ่บอลก็ไปรับท่านด้วยกันจนบรรยากาศคึกคักเลยครับ พ่อกับแม่ท่าทางท่านก็ดีใจมาก เพราะสีหน้าท่านยิ้มแย้มกันตลอดเวลา
และสิ่งที่ผมหวังจะได้เห็นมาตลอดผมก็ได้เห็นแล้ว พ่อไอ้เนยืนสบตากับมันนิ่งๆอยู่นิดนึงก่อนที่จะยิ้มและกอดกับมันแน่น ไอ่เนก็ร้องไห้ออกมาเลย มันคงดีใจมากน่ะครับ ผมเห็นแล้วก็ปลื้มใจไปด้วยนะ
หลังจากที่งานทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเราก็เลยมาทำการไหว้ลาบวชกับพ่อและแม่ของมันด้วยกันเลยที่บ้าน แม่มันก็ปลื้มใจจนร้องไห้เหมือนที่คิดไว้ ส่วนพ่อของไอ่เนก็คงปลื้มมากครับ แม้ท่านจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รู้ได้จากสีหน้าและรอยยิ้มของท่านน่ะเองว่าตอนนี้ท่านคงมีความสุขที่สุดแล้วนะ
แม้กระทั่งผมเองตอนนี้จากที่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่พอมาเห็นมันและพ่อแม่ของมันมีความสุขอย่างนี้แล้ว ผมก็พลอยรู้สึกดีไปด้วยเลยนะ ก็ได้แต่หวังว่าอะไรๆมันก็คงจะจบลงอย่างมีความสุขได้ซะทีนะครับ
-
-
ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันที่เราจะบวชกันแล้ว ผมตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้าแล้วออกมาที่ศาลาเพื่อเตรียมความเรียบร้อย พอสักพักไอ่เนมันก็เดินมาหาผม มันว่าเดี๋ยวพ่อกับแม่มันจะตามมาทีหลัง เพราะเค้าจะไปดูเรื่องอาหารที่จะเอามาเลี้ยงพระเพล
พอใกล้ฤกษ์บวชของเรา ผมกับไอ่เนก็เลยเปลี่ยนชุดเตรียมตัวสำหรับพิธีโกนผม ไอ่คิมกับไอ่บอลมันก็มาด้วยกัน แล้วก็มาช่วยถ่ายรูปแล้วก็ช่วยทำโน่นทำนี่ให้ งานนี้ก็มีญาติๆและคนสนิทของทางพ่อแม่ไอ่เนอีกแค่ไม่กี่คนครับ เลยเป็นแค่งานเล็กๆเท่านั้น
ท่าทางไอ่เนตอนนี้มันก็ยังดูตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ เพราะตอนนี้เรามานั่งด้วยกันอยู่ที่หน้าศาลาเตรียมให้หลวงตาท่านโกนผมให้แล้วครับ
" เฮ่ย นิ่งๆ สำรวมไว้หน่อย ตื่นเต้นเหรอวะ" ผมหันไปบอกมัน มันก็ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็นั่งนิ่งๆพนมมือต่อไป
ผมเลยมองไปที่พ่อแม่ของไอ่เนแล้วก็มองไปยังไอ่คิมกับไอ่บอล ทุกคนก็ยิ้มแย้มกันเพราะชื่นชมยินดีไปกับพวกผมนะ ผมเลยตั้งจิตนึกไปถึงดวงวิญญาณของพ่อกับแม่ผม ขอให้ท่านได้รับรู้นะว่าวันนี้ผมได้บวชให้กับท่านแล้ว และขอให้บุญกุศลทุกๆประการนี้จงทำให้ท่านเป็นสุขด้วยเถิด
" เอ้า ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่มาตัดผมได้เลยนะโยม" หลวงตาท่านกล่าวขึ้น พ่อของไอ่เนก็เลยเดินมารับมีดจากหลวงตา แล้วท่านก็ไปตัดผมของไอ่เนกระจุกหนึ่ง ผมก็หันไปดูพ่อมันที่ตอนนี้หน้าตาท่านดูมีความสุขมากและมีน้ำตาคลออยู่ ยิ่งเห็นอย่างนี้แล้วผมก็ยิ่งมั่นใจจริงๆ ว่าการที่ไอ่เนมันลงทุนบวชครั้งช่างคุ้มเกินคุ้มจริงๆ
ก็เพราะสิ่งที่มันได้รับตอบแทนมาก็คือความรักและความเข้าใจจากพ่อของมันนี่แหละครับ
จากนั้นพ่อมันก็มาตัดผมอีกกระจุกนึงให้ผมด้วย ผมก็นั่งก้มหน้านิ่งๆ ในใจตอนนั้นก็รู้สึกดีครับ ว่าพ่อมันก็เหมือนพ่อผมนะ ท่านคงเอ็นดูผมมากเหมือนกัน จนผมก็รู้สึกได้ถึงความรักและอาทรนั้นเลย ส่วนแม่มันก็เหมือนกัน ท่านก็มาตัดผมให้เราทั้งคู่แล้วก็น้ำตาคลอตลอดด้วยความปลื้มใจไปแหละครับ แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร
ในขณะที่ไอ่เนนั้นมันยังคงนั่งนิ่งสนิท น่าแปลกที่ผมรู้สึกเหมือนว่ามันเปลี่ยนไปเลยนะครับ จากที่เมื่อกี๊มันยังดูตื่นเต้น แต่ตอนนี้มันกลับสงบนิ่ง สำรวมมากยิ่งกว่าผมซะอีกนะ
หลังจากที่หลวงตาท่านโกนผมให้เราแล้ว ก็เลยเข้าไปทำพิธีต่อในโบสถ์จนเสร็จนะครับ ระหว่างนั้นไอ่คิมกับไอ่บอลก็ช่วยถ่ายรูปพวกเราเก็บไว้เยอะเลย มันก็คงดีใจไปกับเราด้วยน่ะครับ
-
-
พิธีในวันนี้ทั้งหมดจบลงแล้ว ญาติโยมก็เลยพากันแยกย้ายกลับบ้านกัน ขณะนี้ไอ่เน ไม่ใช่สิครับ ต้องเรียกว่าเณรแล้วนะ กำลังเดินออกมาจากโบสถ์ ผมเองก็ไม่คิดนะว่า คนเราจากที่เคยๆเห็นกันตามปกติก็ไม่รู้สึกอะไรนะ แต่พอวันนี้ที่ได้เห็นในภาพของความเป็นเณรอย่างนี้แล้ว กลับดูสำรวม ดูดีมีสง่าราศรี และน่าเลื่อมใสอย่างมากเลยนะครับ
" เออ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรกันต่อล่ะ" เณรใหม่ยิ้มแล้วเอ่ยถามผม
" ก็ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวไปดูสถานที่ก่อนนะ ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง กุฏิอยู่ทางโน้นนะ ท่าน" ผมกล่าว แต่เณรก็ดันยิ้มทำหน้าเป็นขึ้นมาอีก
" อ้าว แล้วนี่ต้องเรียกท่านเลยเหรอวะ เออๆ ก็โอเคอ่ะ เป็นธรรมเนียมใช่ปะ"
" ใช่แล้ว ควรแทนตัวเองว่าเราด้วยนะ มันจะได้ดูสำรวมด้วยน่ะ" ผมอธิบาย
" ได้ๆ ตามนั้นนะ สงสัยน่ากลัวต้องปรับตัวอีกนานเลย เคยชินกับแบบเดิมๆน่ะ" เณรใหม่บอกแล้วก็เดินตามผมไปยังกุฏิ เพราะหลังจากวันนี้เราก็ต้องมานอนด้วยกันที่กุฏิหลังนี้ด้วยกัน จากนั้นก็เดินไปดูสถานที่ต่างๆกัน ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนยังไง ต้องไปฉันท์กันที่ไหน แล้วก็กลับมาพักกันที่กุฏิ
----------------------
คืนนั้นเราก็นอนกันในกุฏินั้น แต่ผมเองนอนไม่หลับเลยครับอาจจะเพราะว่ายังหัวค่ำไม่ดึกเท่าไหร่นะ แต่อีกสาเหตุนั้นก็เพราะผมยังคงคิดเรื่องของมันอยู่นะ
ส่วนตัวมันเองก็คงนอนไม่หลับเหมือนกันครับ ก็คงเพราะนอนดึกกันซะจนชินน่ะ หรือไม่ก็คงเพราะมันแปลกที่ก็เป็นได้
" นอนไม่หลับเหรอท่าน" ผมหันไปถาม
" อืมๆ นิดนึง สงสัยที่นอนมันแข็งน่ะ เลยเจ็บๆตามตัว"
" อ๋อ... พยายามทนไปก่อนนะ อีกไม่กี่วันคงชินไปเองน่ะ รีบนอนก่อนเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเลยนะ"
" โอเค... เฮ้อ.... จะว่าไปวันนี้เราดีใจมากจริงๆนะ ที่เห็นพ่อกับแม่มีความสุขได้ขนาดนั้น ทำสำเร็จซะที อุตส่าห์รอวันนี้มาตลอดเลยนะ" มันยิ้ม
" อืม ก็ดีใจด้วยนะท่าน วันนี้ท่านทำได้ดีมากจริงๆ ไม่เสียทีที่ได้มาบวชกันนะ ต่อไปนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ ในเมื่อทุกๆอย่างที่ท่านหวังไว้มันก็สำเร็จทุกอย่างแล้วนะ" ก็คงจะจริงนะครับ ต่อไปนี้ภาระหน้าที่ที่ผมจะต้องทำให้มันเป็นคนดีให้ได้ ก็คงจบลงซะทีนะ
" ก็นั่นแหละ ไม่มีอะไรต้องห่วงก็จริง แต่ต่อไปเราก็ขอให้ท่านกับเราน่ะ เป็นเพื่อนรักกันอย่างนี้ตลอดไปเลยนะ เพราะต่อให้เราจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีความหมายหรอกนะ ถ้าไม่มีท่านอยู่กับเราน่ะ เข้าใจมั๊ย" มันพูดแล้วก็ยิ้มอย่างเป็นสุขพลางเอื้อมมือมาจับผมไว้ ผมก็หันไปมองสบตากับมัน
นี่มันคงไม่รู้ตัวหรอกนะ ว่าสิ่งที่มันพูดนี้กำลังจะเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัดผมไว้กับมันอีกแล้ว.........
****************