ทางที่เลือกเดิน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทางที่เลือกเดิน  (อ่าน 64976 ครั้ง)

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 o1

ลูกบิดขยับ

หมายความว่าอย่างไร ไม่อยากจิ้นเลยอ่ะ

มาต่อไว ๆ นะครับ  รออยู่

เป็นกำลังใจให้คับ

 :teach:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
คมจาเข้ามามั้ยน๊า รออ่านอยู่จ้า  :o9:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อืม ล็อกประตูแล้ว ยังอยากรู้ว่าเขาจะเข้ามารึเปล่า  o22
มาต่อไว ๆ น้า สนุกดีจ้า   :interest:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :laugh3: :laugh3:  ปรากฎว่าเปนโน้ตจะเข้ามาฆาตกรรมทิศ  :laugh3: :laugh3:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

hayuho

  • บุคคลทั่วไป
คือไอ้ที่ลูกบิดขยับเนี่ยผมยากสื่อว่ามันเป็นความต้องการส่วนลึกๆของทิศน่ะครับ o8
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 5 สนามเด็กเล่น

“ทำไงดีวะ”ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ในตอนเย็นของวันศุกร์ที่วุ่นวาย โอย ใครจะช่วยกูได้มั้งเนี่ย
พอผมนึกภาพเพื่อนๆทีละคนๆ คนแรกที่ปรากฏออกมา กลับเป็นไอ้คมครับ ไม่รู้ทำไม ผมหยิบโทรศัพท์มาโทรหามัน

“...ตู๊ดดดด.........ตู๊ดดด.......เออว่าไง”มันรับแล้วครับ

“ไอ้คม ทำไงดีกูหลงทาง”ผมพูดอย่างร้อนรน

“เฮ้ย!!!”มันก็น่าตกใจอยู่หรอก..เฮ้อ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน ผมต้องไปทำธุระให้ญาติที่อยู่ในกรุงเทพ ผมนั่งรถเมล์ไปบ้านของแกซึ่งค่อนข้างไกล
นั่งรถ 2 ชั่วโมงแน่ะ(รถติด) พอผมทำธุระเสร็จ ขึ้นรถกลับดันหลับซะนี่ นั่งจนถึงท่ารถโดนกระเป๋าไล่ลงมา
งงงวย งวยงง เอ ที่นี่ที่ไหน ..........แย้กกกกก!!!!........หลงทางในเมืองใหญ่ซะแล้ว........
เออลองเดินไปเดินมาดูก่อนแล้วกัน......เดิน....เดินแล้วก็เดิน.....ไม่คุ้นแฮะ.......หรือจะนั่งแท็กซี่กลับเลยควักกระเป๋าเงินออกมา......แย้กกระเป๋าหาย.....เคยไหมครับอาการหน้ามืดจากการตกใจ.......แงกูจะตายไหมเนี่ย  เหงื่อออกเต็มตัว......

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“มึงก็นั่งแท็กซี่มาดิอย่าโง่”มันว่า

“กระเป๋าหาย”ผมพูดแบบสำนึกผิด.......ทั้งๆที่ไม่รู้ต้องรู้สึกผิดทำไม.....แต่รู้สึกเหมือนจะโดนผู้ใหญ่ดุอ่ะ

“เฮ้ย..........มึงนี่น้าไม่เคยจะรอบคอบเลย......แล้วมึงอยู่ไหนล่ะ”มันถาม

“เอ๋า....ถ้ากูรู้ว่าอยู่ไหนเค้าจะเรียกว่าหลงทางเหรอ.....มึงคิดไหมเนี่ยก่อนที่จะถามกู”แน้มีย้อนแฮะผม

“อย่ากวนตีน.....ไปถามคนแถวๆนั้น”มันออกคำสั่ง ผมได้ยินเสียงรถดังในมือถือมันคงกำลังเรียกแท็กซี่
ผมเลยเดินไปถามคนแถวๆนั้นว่าที่นี่ที่ไหน ผมโคตรอายเลย พอรู้แล้วก็บอกมันไป ก็ได้ยินมันบอกกับแท็กซี่อีกทอดหนึ่ง

“รออยู่นั้นแหละ...อย่าวิ่งพล่านไปไหนล่ะ”มันว่าก่อนจะตัดสายไปดื้อๆ วิ่งพล่าน??? มึงเห็นกูเป็นอะไรเนี่ย
เอาน่าๆ อย่างน้อยๆมันก็จะมาช่วยล่ะวะ ผมนั่งรอตั้งนานมันก็ไม่โทรมาซะที ร้อนก็ร้อน มืดก็มืด
น่ากลัวกูจะโดนปล้นมั้ยเนี่ย

“น้องครับ”มีคนพูดข้างหลังครับ

“ครับ”ผมหันหน้าไป ปรากฏว่าเป็นคนที่ผมถามทางอ่ะครับ ผู้ชายคัวท้วมๆ ดำๆ หนวดๆ

“พี่ยืมตังค์หน่อยดิ 20 บาท”เอาแล้วไงกู พูดไม่ทันขาดคำ โดนปล้นซึ่งๆหน้าเลย

“เอ่อ.....กระเป๋าตังค์ผมหายน่ะครับพี่”ผมว่า พร้อมกับใช้สมองอย่างรวดเร็ว

“งั้นน้อง...”โจรยังพูดไม่ทันขาดคำผมก็พูดสวนขึ้นมา

“อ้าวพอดีเพื่อนโทรมาแล้ว....ขอบคุณครับพี่ที่บอกทาง”ผมรีบเดินมา เอามือถือมาแนบหูแทบไม่ทัน จั้มอย่างรวดเร็ว
มือถือก็ต่อสายไอ้คมตั้งแต่อยู่ในกระเป๋าแล้ว เผยพิรุธสุดๆ

“...ตู๊ดดดด.........ตู๊ดดด......”รับดิ๊รับดิ๊ ผมบ่นอุบ มึงไม่รับกูตายแน่เพราะผมได้ยินเสียงคนเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด

“เออ....อะไรอีก”มันรับแล้วครับ

“มึง.....มีคนเดินตามกูมาอ่ะ”ผมว่า แอบหันหลังไปดู ปรากฏว่าพี่อ้วนดำตามมาจริงๆครับ

“คิดมากรึเปล่ามึง”มันว่าน้ำเสียงสงสัย

“มากป๊ามึงดิ......ไอ้คนที่กูถามทางนั่นแหละ.....มันมาขอตังค์กู........กูบอกไม่มีแล้ววิ่งหนีมา........
แล้วตอนนี้มันก็เดินตามมาอยู่เนี่ย”ผมว่าเบาๆ พร้อมเร่งฝีเท้าโดยเร็ว เหงื่อเริ่มแตกแล้วครับ

“จริงดิ”มันถามผมตื่นๆ

“เออ......แม่งมืดก็มืด.....ถ้ากูโดนฆ่าตายที่นี่......คงหลายวันกว่าจะมีคนมาพบศพ”แน้ผมยังมีมุขเล่นอีก

“แล้วมันตามมาใกล้มั้ย”มันถาม ผมเหลียวหน้ากลับไปก่อนจะออกวิ่ง พร้อมบอกมันว่า

“มัน.....มันวิ่งตามกู....มาแหล่ว....มึงมาช่วยกูที”ผมวิ่งสุดขีดครับ แต่ก็ยังไม่ว่างมือถือ

“มึงรีบวิ่งหาแสงดิ.....ไม่งั้นก็หาคนเยอะๆ”มันพลอยตื่นเต้นไปด้วยครับ

“รู้...แฮ่กๆ......แล้ว”ผมตอบไปหอบไป

“พ้นยัง”มันถามต่อ ผมหันหลังกลับก่อนที่จะบอกมันว่า

“...แง......มันมีเพื่อนด้วย....2 ....คน.....มึงรีบมาดิ”ผมบอกมัน......มือก็ถือมือถือ.......ขาก็โกยสุดขีด

“มึงอยู่ไหนแล้ว....ลองร้องไห้คนช่วยดิ”มันว่าน้ำเสียงร้อนรน

“....กู.....แฮ่กๆ.....กำลังวิ่งเข้าหาเซเว่น....แฮ่กๆ..”ผมตอบไป....เวลาเหลียวหน้าไปมองยังไม่มี....
แต่ยังได้ยินเสียงวิ่งตามอยู่

“กูเห็นมึงแล้ว......รถแท็กซี่อยู่หน้าเซเว่นเนี่ย...รีบขึ้นมา”มันว่า แต่สำหรับผมเหมือนเสียงสวรรค์เลยครับ
มองไปที่แท็กซี่ด้านหน้า ไอ้คมมันเปิดประตูรถไว้คอยท่าแล้ว ผมเห็นมันห่างไปประมาณแค่ 10 เมตร
พอผมถึงรถ ผมก็มุดเข้าไป ไอ้คมมุดตามาแล้วปิดประตูไห้ผม ดังปึง แล้วรถก็แล่นจากไปทันที

“แฮ่กๆๆๆ”ผมยังหอบไม่หยุดยั้ง แต่ไอ้คมหัวเราะร่า มันด่าว่าผมงี่เง่าครับ มันบอกผมว่า

“ลุงแกวิ่งไล่เด็ก.....แล้วก็ตะครุบตัวเด็กได้ตั้งแต่รถกูจอดหน้าเซเว่นแล้ว” แป่ว ผมหน้าแตกแหลกละเอียด

“แล้วไอ้เพื่อนลุงที่มึงเห็นอ่ะ คงเป็นลูกมั้ง 10 กว่าขวบทั้ง 2 คน”มันยังไม่หยุดครับ ถึงว่าทำไมมันเหมือนหนัง
โจรจะวิ่งไล่ปล้นคนกลางเมืองเรอะ ผมคิด แต่ปากก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอหรอก

“ก็หน้าแกเหมือนโจรนี่หว่า.....โคตรน่ากลัวเลย”ผมยังตื่นเต้นไม่หาย มันหัวเราะอีกพักใหญ่ ก่อนจะถามผมว่า

“กลัวมากมั้ย”

“เออดิ.......มึงลองมาเจออย่างกูมั่งดิ”ผมโวย

“หายกลัวยัง”มันพูดเบาๆ

“กำลัง....ยังใจเต้นไม่หายเลย”ผมตอบ พร้อมเอามือกุมหน้าอกไว้ ที่มันเต้นตุบๆ เพราะความตื่นเต้น
ผมนั่งนิ่งๆอยู่นาน มันก็ไม่ได้พูดอะไร ผมคิดว่ารอลงรถก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องกระเป๋าตังค์ที่หายไปละกัน
ขณะที่คิดอยู่รถก็ขับผ่านถนนราชดำเนิน ที่ถูกประดับประดาด้วยแสงไปที่สวยงาม(ช่วงนั้นมีเทศกาลน่ะครับ)

“อยากไปเดินจัง”ผมรำพึงเบาๆ

“พี่ครับจอดตรงนี้แหละครับ”มันบอกคนขับแท็กซี่แล้วจ่ายเงินทันที

“เฮ้ย...ยังไม่ถึงมหาลัยเลย”ผมพูด แต่มันก็แค่นั้นครับเพราะมันดันผมออกมานอกรถเรียบร้อย

“ก็กูลืมว่ากูมีตังค์ไม่พอ เนี่ยกูเหลือ 5 บาทเอง เราเดินกลับละกัน ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกน่า”มันว่าพร้อมเดินนำหน้าเลย

“ทำไมมึงไม่มีความรอบคอบเลย.....แม่งไม่รู้จักพกเงินเยอะๆ”ผมบ่นอุบก่อนที่จะเดินตามมันไป

“เออ....เนี่ยเพราะกูมาช่วยมึงไง..กูเลยรีบออกมา....ไม่ได้เอาตังค์มาเผื่อ...พอใจยัง”มันพูด หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง

“...ขอโทษ.....กูก็บ่นไปงั้นแหละ.....น้า..นะ”ผมก็ง้อมันไป เพราะผมทำไห้มันลำบากนี่ครับ

“ช่างมันเหอะ”มันว่า ท่าทางยังงอนอยู่ ผมจึงเล่าเรื่องตลกๆไห้มันฟังหลายเรื่อง เช่น
มีพระอาจารย์ที่เคยสอนศาสนาผมตอน ม. ปลาย แกออกสาวอย่างเด่นชัด ผมจึงตั้งฉายานามให้แกว่าหลวงป้า
พอไอ้คมฟังเท่านั้นแหละครับ มันหันเราะก๊ากเลย ถัดจากนั้นผมก็เล่าเรื่องอีกหลายเรื่องจนมันยิ้มออก
คงหายงอนผมแล้วมั้ง ขณะที่เราพูดคุยกัน เราก็เดินชมความสวยงามของถนนยามค่ำกันด้วย
ผมรู้สึกสนิทใจกับมันมากๆครับ รู้สึกเหมือนว่าผมสามารถเล่าทุกอย่างไห้มันฟังได้อย่างไม่ต้องอาย
ท่ามกลางผู้คนรอบกายผมรู้สึกว่ามันเข้าใจผมครับแปลกดีจริงๆ เราเดินกันอยู่นาน
ผมไม่มีอะไรจะพูดเลยบอกมันว่า

“ขอบใจนะที่มาช่วยกู....ไม่งั้นกูคงแย่แน่”ผมบอกมันแต่ไม่ยอมมองหน้ามัน ผมรู้สึกว่ามันกำลังมองมาครับ

“ไม่เป็นไรมึงกำลังลำบากกูฟังเสียงก็รู้แล้ว”มันบอก ยิ้มนิดหนึ่ง

“นี่มึง..มึง”ผมพูดได้แค่นั้นครับเพราะมือถือมันดังขึ้นมาซะก่อน มันรีบรับ

“ว่าไง ไอ้โน้ต”มันตอบในโทรศัพท์ครับ ผมรู้สึกแปลกๆครับที่ได้ยินชื่อไอ้โน้ต แน่นอนย่อมไม่ไช่ความรู้สึกที่ดี

“อืมกูจะไปเดี๋ยวนี้”ไอ้คมพูดพร้อมโบกมือเรียกแท็กซี่

“อือๆ เดี๋ยวไปรับแค่นี้แหละ”มันวางหูเปิดประตูแท็กซี่ที่พึ่งจอด

“แล้วกูหล่ะ”ผมถามมันเพราะรู้ว่ามันจะทิ้งผมแล้ว

“เอ้ากลับแท็กซี่ซะ”มันเอาเงิน 100 บาทยัดมาที่มือผมแล้วขึ้นรถหนีไปเลยครับ ผมงง ไหนบอกกูมีเงินแค่ 5 บาทวะ
ผมกะจะเรียกแท็กซี่กลับ แต่ไหนๆก็เกือบถึงมหาลัยแล้วเดินกลับก็ดี แก้เซ็งดี ไม่รู้ผมเป็นอะไรครับรู้สึกเซ็งมากมาย
เลยเดินไปเรื่อยเปื่อย พอเมื่อยกำลังดี ก็อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็ถึงหอแล้ว แต่อารมณ์ยังคงเซ็งดุจเดิม
สายตาเหลือบไปเห็นสนามเด็กเล่นเล็กๆข้างถนน มีชิงช้าด้วยแฮะ กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ผมเลยนั่งชิงช้าซะเลย
ไกวไปไกวมาอารมณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว ผมหยิบเครื่องเล่น mp3 ออกมา (พกติดตัวเสมอ เวลาอยู่คนเดียวจะได้ไม่เหงา)
เปิดเพลงฟังเพลินๆ ได้หลายเพลงอยู่ก็มีมือมาตบที่บ่าผมอย่างแรง ป้าบ ผมหันขวับกลับไปอย่างแตกตื่น
คนที่ตบบ่าผมคือ......คือ......ไอ้พี่จางครับ

“โห....ดำก็ดำยังโผล่มาข้างหลังอีก....เกรงใจผมมั่งเห้อ”ผมโวยนิดๆหันหน้าไปด้านหน้าต่อ

“นี่ไอ้ทิศ....พาพี่ไปส่งหอหน่อยดิ”พี่จางว่า กลิ่นเหล้าหึ่ง

“พี่รู้มั้ย...ผมเจอพี่ทีไรพี่ก็เมาทุกที.....พี่ไม่เบื่อเหรอที่เจอผมตอนตัวเองเมา”ผมบ่นอย่างเซ็ง

“ไม่..........พี่เจอทิศเวลาไหนพี่ก็ไม่เบื่อ”พี่จางว่าพร้อมเอาคางมาเกยบ่าผมจากด้านหลัง

“เน่ะๆ....อย่ามาลามปามนะ...ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่เมา........ถ้าอยากกลับกลับเอง....ใครจะแบกไหว”ผมยังบ่น
พร้อมเบี่ยงหน้าออกจากการเสียดสีของพี่แก

“น่านะ....พี่เมาจริงๆ.....แล้วเราก็ประคองพี่เฉยๆก็ได้นี่นา”พี่แกว่า ผมก็เออๆ กลับก็กลับวะ
อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลับคนเดียว

“โอเค...งั้นสมมุติว่า...ผมเชื่อว่าพี่เมาแล้วกัน.....พอใจยัง”ผมว่า แล้วลุกขึ้นมือที่วางบนไหล่ผมให้โอบรอบคอ
แต่ไอ้พี่จางเอามืออีกข้างมาโอบเอวผมด้วย

“พี่ๆเกินไปละ....ผมลดตัวลงช่วยพี่ก็ถือเป็นพระกรุณาธิคุณแล้ว....เกรงใจผมมั่ง”ผมก็บ่นไปตามประสา
แต่ไม่ได้ปัดมือพี่แกออกเพราะตัวผมเล็ก แขนข้างเดียวกลัวว่าจะไม่พอรับน้ำหนักควาย เลยยอมๆพี่แก
แต่ปากผมก็ยังบ่นไม่หยุด คล้ายกลัวแถวนี้เงียบเกินไป ส่วนพี่จางก็คุยจ้อไม่หยุด ผมเลยรู้สึกดีที่มีเพื่อนคุย
ถึงไม่ค่อยจะมีสติก็เหอะ

.....................................................................................ท่ามกลางความสงบของสนามเด็กเล่นผมไม่รู้เลยว่ามีอีกสายตาที่คอยจ้องมองมาตลอดด้วยความสับสน...........ไอ้คมนั่นเองที่ยืนอยู่หลังพุ่มไม้ด้านข้างนั่น

stoty by นายโฮะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่างนี้อาจติดขัดหน่อยนะครับเพราะเน็ตที่บ้านมีปัญหาน่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ เริ่มมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันแล้ววุ้ย  o18

in_the_sky

  • บุคคลทั่วไป
ทิศน่ารักอ่ะ แอบเชียร์พี่จาง......ได้ใจจริงๆ o13



abcd

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้มีแต่คนแผนสูง  :o9:  คนนึงบอกลืมเงินมีติดตัวแค่5บาท  อีกคนก็แกล้งเมา  o3  ถ้าเมาจริงต้องทำไม่ได้แน่ๆ  o17

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 o1

ขอให้เข้าใจกันกันนะ คม กับ ทิศ

เป็นกำลังใจให้น๊า...........

มาต่อไว ๆ นะครับ

 :impress:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LingNERD*

  • จบแล้ว...รักที่เคยมี *
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เรื่องสนุกมากคับ มาต่อเร็วๆนะ เปงกามลางใจให้คับ o13 :like6:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

หายไปนานจังเลยครับ

รออยู่นะครับ

 o15

hayuho

  • บุคคลทั่วไป
ตามคำเรียกร้องครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 6 การตัดสินใจที่เงียบเหงา

“ก๊อกๆ”ผมได้ยินเสียงเคาะประตูห้องแต่เช้าครับ รำคาญชิ๊หาย ใครวะผมคิด

“เออๆ กำลังๆ”ผมบอกงัวเงียก่อนจะเดินไปเปิดประตู

“เฮ้ย....อ้าวมีอะไรแต่เช้า”ไอ้คมครับมันมาหาผมแต่เช้า ในสภาพชุดนิสิตเรียบร้อย

“กูมีเรื่องคุยด้วย”มันว่าแล้วเดินเข้ามานั่งที่เตียงผมอย่างไม่เกรงใจ ด้วยความที่เรียนสายศิลป์
ตารางเรียนของผมเลยว่างกว่าพวกพี่เมทเยอะ พวกพี่ๆเขาไปเรียนแต่เช้า ส่วนผมโน่น 10 โมงก็ยังทัน

“มีอะไร”ผมนั่งลง สังเกตมันก้มลงมองอะไรของมัน ผมเลยก้มตาม ปรากฏว่าผมใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนครับ
เสื้อก็ไม่ใส่ มันเลยค่อนข้างไม่สุภาพ ผมรีบเอาหมอนมมาบังไว้เลยครับ อายเลย

“เอ้าก็ว่ามาดิจะไปอาบน้ำ”ผมโวยตามนิสัย พยายามหลบตามัน

“เมื่อวานกลับยังไง”มันถามผม

“ก็เดินกลับ...ไหนๆก็เกือบถึงหอแล้ว”ผมเริ่มสร่างแล้วครับ สังเกตุมันอารมณ์ไม่ค่อยดีครับ คิ้วขมวดเชียวนะมึง

“กลับคนเดียวเหรอ”มันถามผม ผมก็คิดเมื่อวานไอ้พี่จางถือเป็นคนมั้ยวะ5555

“ก็ไม่เชิง....มีคนเมากลับด้วย”ผมเลยตอบมันไปยิ้มๆ ขำพี่จางแก

“เออ ....งั้นกูไปละ”มันว่า ลุกเลยครับ เดินจ้ำๆไปถึงประตู ผมเลยงง อยู่ๆก็โกรธซะงั้น

“เฮ้ยเดี๋ยว”ผมลุกขึ้นคว้าหมับที่แขนมัน กระชากมันหันหน้ามา หน้ามันงี้โคตรหน้ากลัวเลยครับ

“แล้วเมื่อวานมึงกับไอ้โน้ตไปไหน”ผมถามอย่างอารมณ์เสียทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม

“ทำไมมึงอยากรู้เหรอ”มันว่า ผมสาบานได้มันแอบยิ้มครับ ฮึ่มไอ้เลว

“ไม่หนิ”ผมว่าลอยหน้าลอยตา

“แล้วมึงดึงแขนกูทำไม”มันว่ามียิ้มมุมปาก พอผมรู้ตัวว่ายังจับแขนมันอยู่ ผมก็ปล่อยดิครับ แล้วรีบแก้ตัวทันที

“ก็กูไม่ได้ใช้ตังค์ที่มึงให้ไว้กลับหอนี่ เลยจะเอาคืนให้”55555ผมแก้ตัวอย่างแนบเนียน

“มึงกระเป๋าตังค์หายไม่ไช่เหรอ....เก็บไว้แดกข้าวเลย”มันว่า

“แหมหวานกันแต่เช้าเลยนะคู่นี้.....เรารึอุตส่าห์มาชวนไปเรียน”เสียงของพี่จางดังขึ้นก่อนที่แกจะโผล่มาตรงประตู
แล้วเห็นสภาพผม

“เฮ้ย....ไอ้ทิศมึงถึงขั้นแก้ผ้าแล้วเหรอ”พี่จางยังแซวไม่เลิก ขำครับขำ พี่แกหัวเราะไม่เลิก ส่วนผมเอามือบังเป้าเอาไว้
ไอ้คมยืนตรงกลางนิ่งๆ

“ไม่ใช่อย่างงั้น  ไอ้คมมันมาเอาเงินที่ผมยืมมันไปน่ะ”ผมรีบแก้ตัวแต่รู้สึกอายชิหายเลย

“เออ.......กูไปได้ยัง”ไอ้คมว่า กระแทกเสียงใส่ผม แล้วเดินออกไปเลย ผมก็งง อารายของมันว้า

           วันนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเรียนเลย  คอยแต่คิดเรื่องไอ้คมกับไอ้โน้ต  ว่ามันไปไหนกัน แถมยังหวั่นๆ
เรื่องที่มันเป็นเมทกันด้วยครับ  แล้วคิดว่าไอ้คมมันโกรธผมเรื่องเมื่อเช้ารึเปล่า  พอนึกๆแล้วตกใจ 
กูคิดถึงมันทำไมเนี่ย  แล้วที่กูนึกแบบนี้  กูหึงมันเหรอ  ............นึกไปนึกไป    แม่ง หรือกูจะชอบมันวะ   
พอนึกอย่างนี้แล้วใจสั่นเลยครับ  น้ำตาพาลจะไหล  นึกในใจ  “ไม่เอากูไม่อยากเป็นเกย์” 
แต่เดือนกว่าที่ผ่านมาที่มีมันอยู่ด้วย  ผมไม่เคยเหงาและเดียวดายอีกเลย  เพราะคำพูดและสายตาที่ไอ้คมมองมา
มันช่างอ่อนโยนและจริงใจ  มันคอยอยู่เป็นเพื่อนของผมเสมอโดยไม่เรียกร้องอะไรจากผมเลย  แต่ผมมีแต่แกล้งมัน 
หยอกมัน.....................ผมเริ่มถามใจตัวเองว่าผมชอบมันไหม 
ผมก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าผมมีความสุขที่มีมันอยู่ด้วยมั้ย  ซึ่งมันมากมายจนผมลืมความทุกข์กัดกินจิตใจมาตลอดได้ 
และแน่นอนว่าไม่อยากให้มันไปใหน  ถ้าถามว่าผมหึงหวงมันใหม  มันก็มีบ้าง อย่างเมื่อคืน  แต่เรื่องหวง
กับเพื่อนผมก็เป็นนะ  เลยไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่  ผมเลยคิดว่าผมอาจจะคิดกับมันอย่างเพื่อน.............
แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมกลัวเหลือเกิน  คือสิ่งที่อยู่ในตาของมัน  โดยเฉพาะ  ตอนที่มันแย่งมือถือของผมไป 
ผมกลัวเหลือเกินว่ามันคืออะไร  อีกใจหนึ่งก็มุ่งหวังให้มันมากกว่านั้น.......................................
และตรงนี้แหละที่ผมหนักใจ   ถ้าผมเกิดคิดกับมันมากกว่าเพื่อนล่ะ..........ความรักแบบนี้คงไม่มีผลลงเอยที่ดี..............
ผมกลัวใจตัวเอง.......กลัวใจมัน...........กลัวทำมันเสียใจ.......กลัวเกินกว่าที่จะเดาอนาคต..........และผมก็ตัดสินใจ....
ที่จะห่างจากมันไปทีละนิดๆ  โดยไม่ให้มันรู้ตัว  เดี๋ยวมันจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงทำให้ผมต้องห่างๆมัน.....
ทั้งๆที่ทุกอย่างเป็นเพราะผมอ่อนแอเอง......โชคดีที่ตอนเช้ามันโกรธผม.....มันคงไม่อยากเจอผมอีกพักใหญ่......
พอคิดถึงตอนนี้  น้ำตากลับไหลออกมา  เพื่อนๆ  พากันมองมา  เพราะผมเป็นคนร่าเริงเสมอ  แต่ทำไมวันนี้...........
พอน้ำตาไหลผมก็ยิ่งมั่นใจว่าผมต้องเริ่มห่างๆมันให้เร็วที่สุด  เพราะการไม่มีมันอีกหน่อยคงยากกว่านี้ 
ดังนั้นต้องรีบตัดปัญหา.............พอตัดสินใจแล้วผมก็เช็ดน้ำตา    ยิ้มให้อากาศ 1 ที  แล้ว คิดแผนต่างๆนานา 
โดยลืมนึกไปว่า............................ตัวผมจะทนเหงาได้ไหมเมื่อไม่มีมัน..................

ตกเย็น  ไอ้คมโทรหาผม ผมไม่ยอมรับ   รอจนมันวางไป  .......พักนึงมันก็โทรมาใหม่   ไม่ยอมหยุดเลย   ผมเลยต้องรับ

“อื่อ”ผมพูดในโทรศัพท์

“ทำไมไม่รับ” ไอ้คมถามครับ  น้ำเสียงโคตรกดดันเลย

“กูนอนอยู่”  ผมตอบไปตามประสา

“โกรธกูเหรอ”มันถาม

“โกรธเรื่องอะไร”ผมถามมันกลับ

“ก็เรื่องที่กูปล่อยให้มึงกลับคนเดียว”มันว่า

“ไม่หรอกก็มึงมีธุระกับไอ้โน้ตนี่”ผมว่า แต่ในใจก็รู้สึกแปลกๆ

“พอดีเมทกูอีกคน เข้าโรงพยาบาล กูกะไอ้โน้ตก็เลยไปเยี่ยม”มันอธิบาย

“เหรอ”ผมพยายามต่อบทสนทนา อยากถามมันว่าเมื่อเช้าทำไมมันโกรธผม แต่ก็บอกตัวเองว่า
อยากห่างจากมันแล้วนี่นา การที่ไม่รู้อะไรเลยน่าจะดีกว่าสำหรับผม

“จะเล่นแบตใหม”  มันถาม

“ไม่อ่ะ  ขี้เกียจ”

“แล้วการ์ตูนล่ะ  จะไปเช่าใหม”  มันเริ่มพูดธรรมดาแล้วครับ

“นี่มึงใกล้สอบแล้วนะ  กูจะอ่านหนังสือ” ผมตอบไปให้ปรกติที่สุด

“เออๆ  แล้วแต่มึงละกัน”  มันพูดน้ำเสียงธรรมดามากๆ จนผมใจหาย .....นี่มึงไม่โกรธกูเลยเหรอที่กูปฏิเสธมึง....
ใจหนึ่งก็ดีใจที่มันไม่ได้ผูกพันกับผมมากมาย.....ใจหนึ่งก็......................เฮ้อ......

   ผมอ่านหนังสือจนเบลอ.........เลยจะออกไปหาอะไรกิน.......ผมเดินลงมาจากหอ.......เผชิญกับสายตา
ที่ยังคงนินทาไม่เลิก..........ผมชินซะแล้ว..............ตามทางเดินที่คิดเคยมีมัน....แต่วันนี้กลับไม่มี.....
ผมดีใจที่ผมรีบตัดใจจากมันไม่ให้มันเกินเลย.........ขนาดเวลา 1 เดือน ยังเป็นอย่างนี้ 
แล้วหากยิ่งนานวันเข้าผมต้องทุกข์ใจอย่างหนักแหงๆ........ผมยิ้มแห้งๆให้อากาศ 1 ที่แล้วเดินต่อเรื่อยเปื่อย...........
ทำไมผมไม่สามารถหยุดคิดถึงมันได้นะ......มันก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง...............แค่เพื่อน..........
นับแต่นี้ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ให้มันอีก.............................ผมเดินๆ จนมาถึงสนามเด็กเล่นเมื่อวาน
อย่างไม่รู้ตัว เออแปลกดีแฮะเหมือนขาของผมมันพาเดินมาโดยอัตโนมัติ ผมนั่งลงที่ชิงช้าอันหนึ่ง
เหม่อมองชิงช้าที่ว่างเปล่าด้านข้าง นึกภาพไอ้คมนั่งอยู่ ผมถามตัวเองทำไมต้องเป็นมัน ......แต่ผมก็ตอบไม่ได้......
เพื่อไม่ไห้ฟุ้งซ่าน....ผมเอาหูฟังมาฟังตามเคย...........สายตายังคงมองชิงช้าอย่างหงอยๆ......ยื่นมือไปไกวมันเบาๆ.........

   หลายวันผ่านไปโดยที่ผมไม่เจอมันเลย  พอเจอมัน มันก็จะจ้องตาผม  แต่ผมย่อมไม่โง่พอจะพลาดอะไร 
ผมเดินไปทักทายมันตามปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส  หยอกล้อ  เพียงแต่ไม่ค่อยไปใหนกับมันบ่อยๆเหมือนก่อน 
มันเริ่มโทรหาผมบ่อยๆ ครับ  แต่ผมก็อ้างว่า  ผมจะอ่านหนังสืออย่างงั้นอย่างงี้ 
เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนสอบปลายภาคเสร็จ..................ผมไม่อยากกลับบ้านจึงเรียน summer ส่วนไอ้รัน  ไอ้นิว  พี่จาง
ไอ้โน้ต  ไม่มีใครเรียนเลย  ไอ้คมก็ด้วย  ผมถามมันตอนสอบเสร็จ

“เฮ้ยมึง  เรียน summer  เปล่า”

“ไม่ว่ะไม่มีตังค์หรอก” มันพูดพร้อมๆ จ้องหน้าผม

“ก๊าาาก...ดีๆ...จะได้ไม่ต้องมีคนมากวนใจกู” ผมหัวเราะอย่างร่าเริง

“เฮ้ย” มันตะโกนเรียกเมื่อผมวิ่งตามเพื่อนที่คณะที่กำลังไปฉลองสอบเสร็จ  แต่สายไปแล้ว

“โชคดี  เจอกันเปิดเทอม  ไอ้คม” ผมโบกมือให้มัน  แล้วรีบหันหน้ากลับมา 
เพราะผมขี้เกียจเสแสร้งให้มันสบายใจเต็มทีแล้ว

........................................summer  เรื่มขึ้น

ผมไปเรียนรายวิชาที่เลือกเอาไว้  กับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้อยู่หอ 4- 5 คน  เรียนทั้ง วัน  กลับหอมาพบกับห้องที่ว่างเปล่า.....
เพราะเมทผมไม่มีใครเรียน summer ซักคน...ผมวางกระเป๋าลงบนเตียง.......ความเหงาเริ่มเข้าครอบงำ.......
ล้มตัวลงโดยที่เท้ายังสัมผัสพื้นห้องที่อบอุ่น  ด้วยแสงอาทิตย์สีส้มยามเย็น......ผมเปิดฟังเพลงจากเครื่องเล่น......
เอามือก่ายหน้าผาก.....ปิดบังดวงตาเอาไว้......รู้สึกแย่มาก......น้ำตาจะไหลซะงั้น......ผมรีบลุกขึ้น.........
เดินไปที่ระเบียงห้อง.......เกาะกุมมันเอาไว้......จับจ้องมองดวงอาทิตย์อย่างเงียบงัน.........เนิ่นนาน.........
จวบจนลาลับไป....

“ก๊อกๆ”เสียงคนเคาะประตูครับ

“คร้าบๆ”ผมเดินไปเปิดประตู  พร้อมๆกับปรับสีหน้าเสียใหม่

“แอออออ๊ด”ประตูเปิดออกครับ   ผมพบกับใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่ได้เจอมานาน

“ไปกินข้าวกัน”  ตายห่าาาาาาาาา.........ไอ้คมครับมันมาได้ไงเนี่ย

story by นายโฮะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2007 14:38:25 โดย hayuho »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ทิศรักคมเข้าแล้วซิ   :o9:









เชียร์คม  :loveu: เชียร์คม  :loveu: เชียร์คม

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :teach:

เหมือนรีบนครับ เชียร์คม

ขอบคุณที่มาต่อนะครับ ดีใจจัง

จะรออ่านต่อไปคับ  :impress:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งตามอ่านทันวันนี้ หนุก ๆ ชอบ ๆ  o13 ต่อเร็ว ๆ นะ  o11

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เนื้อเรื่องไหลไปเรื่อยๆ จัง

เวลาจะตัดบทเปลี่ยนฉากก็ตัดฉับเอาดื้อๆ

เวลาตัวละครคิดเองในใจ  บรรยายยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ย่นย่ลงนิดส์นึง เอาแต่ที่ใจความ

เลือกใช้ประโยคและถ้อยคำที่สั้นแต่กินใจ  บ่งบอกถึงอารมณ์ของตัวละครนั้นๆ ให้ชัดเจน จะดีกว่านะ

หวังว่าคงไม่หงุดหงิดกะเม้นต์ของเจ้นะ 

แต่ถ้าไม่ชอบคราวหน้าเจ้จะเม้นต์แบบใสๆ  ก็ดี  ไม่ปวดสมองด้วยที่ต้องอ่านแล้วยังต้องวิเคราะห์จุดด้อยของนิยายคุณน้องไปด้วย  มันไม่ใช่เรื่องที่เพลิดเพลินหรอกนะที่ต้องทำแบบนี้  แต่ว่าทำให้เพราะว่ารักดอกหนา  อยากให้เขียนได้ดีๆ (แต่เรื่องของตัวเองก็เขียนไม่ได้เรื่อง อิอิ)  :laugh:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........คมจะปล่อยที่รักอยู่คนเดียวได้อย่างไร......... o3 o3 o3

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o12 o12  ทิศทำอย่างนี้จะเปนการทำร้ายจิตใจตัวเองแล้วก็คมอะป่าวครับเนี่ยะ  :o7: :o7:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ดูเหมือนตาคมจะรู้ทันทิศอยู่แฮะ  :try2:
มีการหลอกว่าไม่ได้ลง summer แต่ก็โผล่มาให้ประหลาดใจเล่น  o8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






hayuho

  • บุคคลทั่วไป
โอ....เป็นคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากครับ.....ผมจะรับไว้ปรับปรุงนะครับ(อันที่จริงผมแต่งเองงงเองก็เยอะนะ :try2:)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 7 ผลรวมของความรู้สึก

.............ระหว่างทางที่เราเดินไปร้านอาหาร

“กูนึกว่ามึงกลับบ้านซะอีก...ไอ้ห่าดันโผล่มาตกใจหมด”ผมพูดพร้อมกับออกสีหน้าให้สมบทบาทที่สุด

“อ๋อกูทำงานพิเศษน่ะ...ใกล้ๆนี่เอง”มันตอบแล้วยิ้มให้ผมครับ

“เหรอวะ.........ดีจัง...งั้นมึงเก็บเงินไว้นะ  กูจะได้กินของฟรี5555”  ผมทำท่าเลียริมฝีปาก

“เออๆๆ      อยากกินอะไรก็ว่ามาเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”  มันพูดพร้อมหันไปด้านหน้าครับ

“กูพูดเล่นน่า.....เกรงใจ”  ซวยละผมหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ

“ทำไมต้องเกรงใจกูด้วยล่ะ  กูนึกว่ามึงตะกละซะอีก555”  ไอ้นี่กัดด้วยเว้ย

“เฮ้ยๆ  พูดให้ดีนะพูดกะกูเดี๋ยวเจอบาทาไร้เงานะ”  ผมบอกมันทำท่าขึงขัง

“ก๊าาาาากก....อย่างมึงเตะบาทาไร้เงา...กุก็เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้อะดิ” มันสวนครับ

“เออ...เดี๋ยวมึงจะเสียใจ555”ผมสวนมันไปหนุกๆ

“อยากรู้เหมือนกัน”มันว่า

“แล้วมึงทำงานกี่เดือนวะ” ผมถามไปงั้นๆ แหละ

“ตลอด summer”  มันตอบผมครับ  ผมมองมันตาโต....งั้นกูก็ต้องอยู่กะมันตลอด summer เหรอวะ 
แม่งไม่เห็นใจกูเลยนะมึง  ผมคิด

.......สรุปคือผมต้องไปกินข้าวกะมันทุกค่ำแล้วมันก็จะมาเล่นห้องผมบ่อยๆโทรมาหาผมทุกๆเที่ยง....
ผมก็อ้างไปต่างๆนาๆเพื่อจะได้ไม่ต้องไกล้ชิดกะมัน

..................................................................
(ผม) มึงกูมีเรียนเช้าไปกินกะมึงไม่ได้
(มัน)เดี๋ยวกูซื้อมากินห้องมึงก็ได้...มึงกินอะไรล่ะ  เดี๋ยวซื้อมาให้
................................................................................
(ผม)มึงๆห้องกูผีดุนะมึงไม่กลัวเหรอ
(มัน)จิงดิงั้น.....กูอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง
.................................................................................
(ผม)มึงๆพรุ่งนี้กูมีสอบไปดึกไม่ได้
(มัน)งั้นเลิกเรียนแล้วมาหากูเลยนะ
..............................................................................
(ผม)มึงๆ กูไม่สบายไม่อยากให้มึงมาห้องกูเดี๋ยวติดหวัด  แค่กๆ(ตอแหลไป)
(มัน)งั้นเดี๋ยวกูไปนอนเฝ้ามึงเอง....มียารึยัง
.............................................................................
(ผม)มึงๆ  กูมีธุระกลับดึกๆ ง่ะ คงไปกะมึงไม่ได้
(มัน)งั้นกูนอนรอที่เตียงมึงเลยนะ
................................................................
            ผมสุดจะหามุขมายับยั้งมันได้แล้วก็เลยไปกะมัน  แล้วก็ให้มันมานอนด้วยบ่อยๆ(คนละเตียงนะ) 
จนผมเริ่มยอมๆมัน  ชวนไปไหนก็ไป   เป็นอย่างนี้ทุกวันๆ  จนเกือบหมด summer   
ผมต้องยอมรับว่าผมมีความสุขมากระหว่างนี้  เหมือนความฝัน  ผมไม่นึกเลยว่าผมก็มีวันที่มีความสุขกับเขาด้วย

           วันนึงผมรอมันที่ห้องตั้งแต่เลิกเรียนเพื่อจะได้ไปกินข้าวเหมือนทุกๆวัน......แต่มันก็ไม่มา......จน 2 ทุ่ม ......
โทรหาก็ปิดเครื่อง....ผมเลยเดินไปกินข้าวคนเดียว   ระหว่างทางที่ไปผมก็คอยหันหลังไปมองว่ามันจะตามมารึยัง......
มือถือก็ถืออยู่ในมือเมื่อไหร่ที่มันโทรมาจะได้รับได้ทันทีเลย......เดินๆหยุดๆตลอด.....เหลียวหน้ากลับไปมองหลายครั้ง.........รู้สึกอ่อนแอขึ้นมาทันใด.......ผมนั่งลงในมุมมืด.........ก้มหน้า.....ผมร้องไห้ให้มันอีกครั้ง.........
แต่ไม่มากมายนัก......ไม่มีเสียงสะอื้น...

“ไหนบอกจะไม่ร้องไห้ให้มันวะ”ผมคิด...และนึกภาพว่ามันกำลังเดินตามผมมาตามทางเดิน....
แต่พอเหลียวหน้ากลับไปอีกทีก็เจอแต่ความว่างเปล่า.......อันที่จริงแล้วตอนที่มันเริ่มเข้ามาในชีวิตผม.....
ผมค่อนข้างจะมีทัศนะคติที่ดีกับตัวเองแล้ว......อย่างน้อยผมก็สามารถอยู่คนเดียวได้........แต่ว่าตอนนี้.....ทำไม่ได้.....

   รู้สึกตัวอีกทีในมือผมถือขวดเบียร์เปล่าอยู่ในมือ 2 ขวด นั่งอยู่ที่ม้านั่งเหม่อมองชิงช้าที่ว่างเปล่า
ในสนามเด็กเล่นตามเคย สำหรับผม 1 ขวดก็เต็มที่แล้ว(คออ่อนสุดๆ)  ผมมึนๆ 
แล้วนึกออกว่าซื้อมาจากเซเว่นด้วยตัวเอง................

“ขอโทษ”เสียงคนที่คุ้นหูดังขึ้นข้างๆม้านั่ง

“ใคร”ผมถามเสียงเครียด

“กูเอง”ไอ้คมนั่งลงมาข้างๆผม

ผมเงื้อมือต่อยมันทันที  แต่ด้วยความเมามันจึงพลาดไปโดนพนักพิงอย่างจัง....

“โอ้ย”ผมร้อง....มือมีเลือดออกนิดหน่อย

“ใครบอกให้หลบ”ผมถามมัน ปากพวยพุ่งกลิ่นแอลกอฮอล์

“กูไม่ได้หลบ”  มันโต้เถียง

“กูไม่สน”ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ

.........................เงียบกันไปพักใหญ่

“ป่ะกลับกัน” มันลุกขึ้นจะประคองผม

“มึงรู้มั้ยว่ากูเหงา”  ผมพูดขึ้นมองหน้ามันด้วยสายตาอาฆาต

“อะไรของมึงกูมาช้าแค่นี้.....แม่งต้องโกรธกูขนาดนี้ด้วย.......ก็กูทำ  OT  แบตมือถือกูก็หมด”มันเริ่มรำคาญครับ

“ไม่ไช่เรื่องนี้”ผมบอกมัน

“งั้นอะไร”

“มึงรู้มั้ยว่ากูเหงา”  ผมถามประโยคเดิม

“รู้....ก็กูอยู่เป็นเพื่อนมึงแล้วไง” มันตอบโดยที่อารมณ์เสีย

“มึงรู้มั้ยว่ากูเหงามากขนาดใหนตลอดชีวิตกู........กูมีแต่เพื่อนเท่านั้น.....แต่ที่นี่กูไม่มี”ผมพูดน้ำตาคลอเบ้า

“...........................” มันเงียบครับคงรู้ว่าผมยังพูดไม่จบ

“ตอนที่มึงเริ่มไปกินข้าวกับกู.......กูเริ่มอยู่คนเดียวได้แล้วมึงรู้มั้ย”

“............................”

“แล้วมึงเข้ามาหากูทำไม.................ทำให้กูอ่อนแอทำไม”ผมปล่อยน้ำตาเลยครับ

“...........................”

“ทำไมมึงไม่สงสารกูบ้าง.....อย่างมึงโดนล้อว่าเป็นคู่เกย์กับกูมึงก็หนีกูไปแล้ว.......ฮือ....ทำไม่มึงไม่ช่วยให้กูชินกับมัน”

“................................”

“แล้วมึงมาทำดีกับกูทำไม........กูเป็นผู้ชายนะ.......ฮือ.....”

“..........................”

“มึงเห็นมั้ย...........แค่มึงไม่มามันก็ทำให้กูทรมานขนาดนี้แล้ว....ฮือ......น่าสมเพชมั้ยล่ะ.........สะใจมึงรึยัง”
ผมเค้นเสียงออกไรฟันและเริ่มสะอื้น

“............................”

“.......กูทรมาน.......ฮือๆ....”

“..................”มันก้มหน้าลงครับ

 “..รู้งี้กูเลือกเรียนมหาลัยเดียวกับเพื่อนเก่ากูก็ดีหรอก.......ฮือ.....จะได้ไม่ต้องมาเจอ.....มึง.....ฮือๆ”ผมเริ่มเพ้อครับ

 “.......ขอโทษ...”มันพูดเป็นคำแรกครับ  น้ำเสียงสั่นๆ

“.....ฮือ...มึง....มึงทำให้กูชอบมึงมากขนาดนี้มึงพอใจรึยัง” ผมสารภาพไปแล้วครับ 
ด้วยการเค้นเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น

“....................”มันทำท่าอึ้งครับ

“.....มึงได้ยินยัง......กูชอบมึง.....ฮือ....ชอบทั้งๆที่รู้ว่าปลายทางของมันมีแต่ความทรมาน...............
เพราะกูรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”ผมตะโกนเลยครับสุดเสียง...โชคดีที่มันค่อนข้างดึกแล้วไม่มีใครเดินผ่านมาครับ

“.......................”มันจับไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมไว้ครับ

“ไอ้คม.....ฮือ....กูขาดมึงไม่ได้.....ฮือ......กูจะทำยังไงดี”  ผมกอดมันแน่นเลยครับ   ผมเริ่มเสียงอ่อยๆ......
ฟุบลงบนไหล่ที่แข็งแรงของมัน...............เนิ่นนาน......จนหลับไปตามเคย...........

“กูขอโทษนะ  ทิศ  แต่กูก็ทรมาน”ไอ้คมพูดอย่างแผ่วเบาราวกับจะกระซิบให้ตัวเองได้ยิน
.............................
...............................
.................................................

เช้าถัดมา

“อือ” ผมบิดขี้เกียจขึ้นมา  เหยียดขา  ลืมตา

“เฮ้ย”  ไอ้เชี่ยคมตัวมึงมาทำอะไรบนตัวกูเนี่ย ...... แขนแม่งหนักจัง  ขาก็หนักขนหยุบหยับ...แหวะ....เสื้อกูหล่ะ..
ทำไมกูไม่ใส่เสื้อ..............กางเกงล่ะ........เฮ้อโชคดี......กางเกงยังอยู่............ผมรีบยันตัวขึ้นเห็นมันนอนตะแคงอยู่.....
นี่คงกอดผมตลอดคืน......หน้าตอนหลับที่ไม่มีคำพูดคอยกวนทีน.....ยิ่งเข้มกว่าเดิม......ปากก็แดงจัง......
ตัวขาวๆกระทบกับแสงอาทิตย์รำไร.........กล้ามก็เป็นมัดๆเลยแฮะ......คิดแล้วเขิน......อ้าวเขินทำไมวะ....
ว่าแต่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหว่าทำไมเวียนหัวจังวะ......ช่างแม่ง......นอนต่อดีกว่า.........
ว่าแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปข้างๆไอ้คม..........
story by นายโฮะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สั้นจังเดี๋ยววันนี้ลงแถมให้อีก 1

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สั้นจริง ๆ ด้วย (อิอิ ล้อเล่นน้า)  o18
มาต่อไวไวน้า  o15

hayuho

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8 เกราะป้องกัน......หัวใจ

“เฮ้ยตื่น”

“มึง”

“เฮ้ย”

โอ้ยเสียงใครแม่งหนวกหูว้อย  อันนี้ไม่ได้พูดนะครับ(ขี้เกียจอ่ะคนพึ่งตื่นนอน)

“ไอ้ทิศ”

“อืม” ผมพูดพร้อยพยักหัวหงึกๆ

“ตื่น” มีคนพูดครับแต่ผมยังไม่รู้ว่าใคร(ขี้เกียจนึก)

“แปป”  ผมยังนอนคว่ำอยู่

............5 นาทีผ่านไป............

“เฮ้ยตื่นยัง”  มีเสียงคนพูด

“เออๆ  ตื่นแล้ว” ผมลุกขึ้นมา  แต่ก็อยากจะล้มตัวไปนอนต่อเหลือเกิน.....ผมนั่งนิ่งอยู่นาน....ระลึกชาติ.....นึกออกนิดๆ

“ไอ้คมเหรอ”  ผมถาม

“เออ  มึงไปอาบน้ำซะ  แล้วมาแดกข้าว”  ก็น่าจะเป็นมันนะเพราะนอกจากมันก็ไม่มีใครที่ผมรู้จักที่อยู่หอตอน
summer นี่นา

“อือ”  ผมเดินไปอาบน้ำ  ระหว่างนั้นก็  ระลึกถึงชาติเมื่อคืน  ....อืมจำได้แต่ว่า...เจ็บมือเพราะชกไอ้คมไม่โดน
ไปโดนพนักพิงแทน  พอเอามือมาดู

“อ้าว มีพลาสเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่”  นึกๆไป  ยิ้มไป  เฮ้ย  กูบอกอะไรมันไปป่าววะ  ซวยแล้วกู  มันจะไม่เอาไปแฉเหรอวะ   หรือกูต้องย้ายที่เรียนเนี่ย

“เหยิ้ยก”ผมสบถ  บ่นอุบอิบไปเรื่อย  พออาบน้ำเสร็จก็กลับมาใส่เสื้อผ้าที่ห้อง  อ้ะๆ  รู้นะคิดอะไร 
ปกติเขาจะใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวไปเข้าห้องน้ำกันน่ะ  อย่าคิดมากดิ

“มึง”ผมพูดกะไอ้คมที่นั่งบนโต๊ะเตี้ยที่พื้น  พร้อมกับเช็ดผมที่เปียกอยู่

“อะไร”มันถาม  พร้อมกับลวนลามผมด้วยสายตาเที่ยวหนึ่ง  อันที่จริงผมไม่ได้หุ่นดีอะไร  แต่ผมเล่นกีฬาทุกวัน 
บวกกับความผอม  กล้ามเนื้อจึงค่อนข้างเห็นได้ชัด  บวกกับความขาวและหน้าหวานๆด้วยแล้ว5555 
มีแต่คนหลง555  ต่อๆ  มัวแต่ชมตัวเอง  พอผมเห็นมันมองผมก็รีบหันหน้าหนี  ใส่เสื้อผ้าทั้งๆที่เปียก

“เมื่อคืนกูพูดอะไรบ้าง”  ผมถามมันในใจก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ

“เปล๊าไม่มีอะไรนี่  ทำไมอยากรู้เหรอ”  มันบอกพร้อมกับบุ้ยใบ้ให้ผมนั่งลง

“เอ๊มึงนี่กูจะได้รู้ว่ากูเผยความลับของสวรรค์  มากขนาดไหนไง5555” ผมพูดพลางนั่งลงไป

“ไม่มีอะไรมาก  มึงแค่บอกว่ามึงเหงา  แล้วมึงก็ด่ากูซะเสียหาย  จะชกกูด้วย  แล้วก็.........” มันจ้องหน้าผมที่กำลังโซ้ยโจ๊กที่มันซื้อมาถวาย  แต่ผมมีเหรอจะเผยพิรุธ  ผมก็ทำหน้าเฉยๆ  มั้งๆที่หน้ามืดจะเป็นลมอยู่แล้ว

“แล้วมึงก็อ้วก....กูก็เลยถอดเสื้อมึงออก”  มันว่า

“จริงดิกูขอโทษนะ  เมื่อวานกูไปดูหนังเศร้ามาน่ะเลยอินไปหน่อย”  ผมว่า 555  การโกหกระดับกูไม่ทีใครจับได้หรอก

“พ่อมึงเป็นไร”มันถามผมครับ

“คน”ผมตอบขณะที่เป่าโจ๊กอยู่

“กูถามดีๆ  มึงพูดดีๆได้มั้ยวะ”  มันทำตาโตแล้วครับ

“กูพูดถึงพ่อเหรอเมื่อวาน” ผมกินไปทำท่าไม่รู้ไม่ชี้

“เปล่ากูได้ยินตอนที่มึงไป กินกะพี่จาง”  มันเพ่งเลยครับไม่ไช่จ้อง

“ยอมรับแล้วอะดิ๊ว่าตามกูมา555”  ผมพูดพร้อมกับเอาช้อนชี้หน้ามันยิ้มเยาะๆ

“เออน่า”  มันทำท่ารำคาญ

“...มะเร็ง..”  ผมพูด ขณะที่ช้อนตักโจ๊กเข้าปาก

“....มึงเหงามากเหรอ...”  มันทำหน้าสงสารครับ

“กูบอกมึงแล้ว  ว่ากูแค่อินกะหนังมึงจะอะไรมากเนี่ย  แล้วมึงไม่ต้องมาสงสารกูนะ  กูไม่ชอบให้คนมาสมเพช”
ผมบอกมันเริ่มยัวะ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“  เมื่อไหร่มึงจะเลิกโกหกวะ”  มันทำท่าเอือม  ผมกระแทกช้อนลงถ้วยแล้วเงยหน้ามองมัน

“...ถ้ากูบอกว่าเหงาแล้วมึงจะทำอะไรได้....มึงจะอยู่กับกูรึไง....ถ้ามึงจะทำอย่างเมื่อวานก็เงียบไปเลย.....
กูเกลียดที่สุดคือความเหงาแล้วก็ความผิดหวัง......แล้วเมื่อวานกูเจอทั้ง 2 อย่างมึงพอใจยัง”

“...ก็กูบอกกูขอโทษแล้วไงเมื่อวานน่ะ”  มันพูดครับน้ำเสียงเริ่มอ่อยๆลง

“กูจำไม่ได้......แต่ช่างมันเถอะ...กูเป็นคนมีเหตุผลเดียว....เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กูไม่แคร์หรอก...แต่อย่าทำอีกละกัน”
ผมพูดพร้อมกินที่เหลือจนหมด

“....ขอโทษ..”มันก้มหน้าพูด

“...มึงโรคจิตป่าววะ.....เมื่อวานคนที่เป็นบ้าน่ะกู....แค่มึงไม่มากูกะจะชกมึงซะงั้น”  ผมพูดให้มันสบายใจ 
พร้อมๆกับปิดบังความรู้สึกให้ลึกมากกว่าเดิม  เมื่อรู้ว่ามันแคร์ผมขนาดไหน

“ไม่หรอก....กูเข้าใจมึงนะไอ้ทิศ....ว่ามึงต้องอยู่คนเดียวมานานขนาดไหน.....ก็ตอนขากลับมึง...พูดออกมาหมดเลย” 
มันยังนั่งก้มหน้าอยู่ครับ

“เฮ้ย....ไหนมึงบอกกูว่ากูไม่ได้พูดอะไรไง”  ผมขมวดคิ้ว

“แหะๆๆ.....กูแค่บอกว่ามึงพูดอะไรออกมาเฉยๆหนิ  แล้วมึงก็พูดเยอะมาก  กูจำได้ไม่หมดหรอก”  มันเดินหนี
ไปนอนที่เตียงแล้วครับ(เตียงผม)

“นี่ๆ......กูพูดอะไรแปลกๆรึเปล่า”  ผมสะกิดๆ  มันครับ

“...ก็ไม่นี่นา...”มันทำท่าคิดครับ

“เออ...ก็ดีแล้ว”ผมโล่งอกเลยครับ  กำลังจะเอาจานไปล้างซะหน่อย มันดันพูดว่า

“แต่ว่า....”  ผมนี่นะเอามือตบหน้าผากด้วยความเซ็งจัด

“อะไรของมึงอีก”ผมบ่น

“มึงบอกว่าอยากไปเดินราชดำเนิน”  มันพูดแล้วทำท่านึก

“ตอนไหนวะ”  ผมงงเกาหัว  แกรกๆ

“เออน่าจะไปป่าว  เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”  มันว่า

“แล้วแต่มึงละกันวันไหนล่ะ”อ้าวแบบนี้ผมก็ยอมไปกะมันอะดิครับ  งงๆตัวเองเหมือนกันนะ

“วันศุกร์ละกันนะ”  มันฟุบลงกับผ้าห่มพูดอู้อี้

“เออๆ”  ผมตอบไปอย่างอารมณ์ดี(อย่าถามนะว่าทำไม)

หลายวันผ่านไปวันนี้ก็วันพฤหัสบดีแล้ว  พรุ่งนี้ผมก็จะได้ไปเที่ยวกะไอ้คม  ใจหนึ่งก็ดีใจ  ใจหนึ่งก็กลัว 
เมื่อวันนั้น(วันที่มันนัดผมน่ะครับ) มันส่ง message มาหาผมว่า “มึงไม่เข้าใจหรอกว่ากูห่วงมึงขนาดไหน 
แต่ก็ไม่เป็นไร  ยังไงกูก็ห่วงมึง”  ผมงี้ปลื้มเลยครับ  ผมใช้เวลาหลายวันว่าผมควรทำยังไงกับความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน 
ผมก็ได้ข้อสรุปว่า “ผมมัวแต่คิดถึงคิดถึงความรู้สึกคนอื่น และสายตาจากคนรอบข้างมานาน
การทำอย่างนั้นมันทำให้ผมยิ่งจมดิ่งลงไปในหลุมแห่งความโดดเดี่ยว  ดังนั้นผมจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่มันมอบให้
แต่ก็จะไม่เรียกร้องอะไรจากมันด้วยเช่นกัน”  นั่นคือถ้ามันมาหาผมมาคุยกับผม 
ผมก็จะคุยกับมันปกติหยอกล้อธรรมดา แต่ผมจะไม่คอยชวนมันคุยหรือแคร์มันออกหน้าออกตา 
ถ้ามันโทรมาผมก็จะรับแต่ผมจะไม่เป็นฝ่ายโทรหามันก่อน และยังมีมาตรการอื่นๆอีกมากมายที่ไปในทำนองนี้ 

“สวัสดีครับ”ผมรับโทรศัพท์ครับ

“เฮ้ย  เป็นไงไม่เจอกันนานไปกินข้าวกัน”พี่จางครับ  พี่รหัสของผมเอง

“พี่อยู่ไหนน่ะ  แล้วจะไปกินกี่โมง  กินที่ไหน” ผมถามคำถามเป็นชุดเลยครับ 
พอฟังความจบผมก็ออกไปกินของฟรีทันทีเลย  กินกันได้สักพัก  พี่จางก็ยืมมือถือผมออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
พักนึงแกก็กลับเข้ามา

“แกกับไอ้คมเป็นอะไรกัน” พี่จางถามไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยครับ

“เฮ้ยพี่  ทำไมว่างี้ล่ะ”ผมตกใจครับหน้าซีดเลย  หรือพี่จางจะรู้ว่าผมชอบไอ้คม

“ก็เห็น message รักที่มันส่งมาหาแกไง”  พี่เขาทำท่าทางผู้ชนะครับเค้นถามความจริงใหญ่เลย

“อ๋อ  พอดีวันนั้นผมดื่มหนักน่ะมันเลยมาส่ง”ผมก็แก้ตัวไป  แต่ไม่ได้โกหกนะครับแค่ปิดบังความจริงบางอย่างเฉยๆ 5555 คนอย่างผมถ้าได้แก้ตัว ต่อให้เปาบุ้นจิ้นก็จับไม่ได้ 5555

“แต่มันไงๆ อยู่นา  ผู้ชายเค้าไม่ส่งของแบบนี้หากันหรอก.......อืมหรือว่ามันชอบแกวะ”พี่จางพูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามา

“เฮ้ยไม่หรอกพี่....คิดมากน่า”ผมกินไม่ลงเลยครับ  พอคิดๆดู  มันก็ทำดีกับผมเกินไปนะครับ  เกินกว่าที่เพื่อนทำให้กัน

“แกคิดดีๆนะอย่าเล่นกับไฟนา....เดี๋ยวไอ้คมมันจะเสียใจ.....ถ้าแกจะชอบผู้ชายมาชอบพี่ดีกว่า”
พี่จางพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง

“เฮ้ยพี่....ไม่ขำนา.....ผมไม่ได้....”พูดไม่ออกครับเพราะผมก็ไม่รู้ตกลงผมเป็นอะไร...

“อ้าวแกไม่รู้เหรอ.....พี่เล็งแกมาตั้งนานแล้ว”พี่จางทำหน้าทะเล้น

“พี่ๆเกินไปแล้ว......ผมอิ่มแล้วผมกลับก่อนนะ”ผมลุกขึ้นยืน  กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย 
กลัวพี่จางจะเป็นเหมือนพี่ต้อม  ผมไม่อยากทำให้พี่จางเสียใจ

“เฮ้ย....เราก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดินนั่นแหละ......เพียงแต่ให้แกรู้ไว้ว่าพี่ก็ชอบแกเหมือนกัน”พี่เขาทำหน้าจริงจังครับ

“แล้วแต่พี่ละกัน”ผมอยากกลับแล้วครับมันงงไปหมด

“....ถ้าพี่ทำให้ไม่สบายใจพี่ก็ขอโทษละกันนะ...”พี่เขาทำหน้าเศร้าๆ

“...พี่ผมไม่เป็นไร...........ผมขอโทษนะครับพี่”ผมก็รู้สึกผิดครับ

“งั้นไปฉลองที่พี่อกหักกันเถอะนะ”พี่จางพูดพร้อมจูงมือผมเลย

“เฮ้อ.........ซวยกูอีกแล้ว”ผมบ่นอุบอิบให้ตัวเองครับ   คืนนั้นพี่จางเล่าประสบการณ์ชายรักชายให้ผมฟังมากมาย 
พี่แกโชกโชนจริงๆครับ พี่แกบอกตอนนี้พี่แกก็มีแฟนแล้ว แต่เขาเห็นผมตลกดี แล้วพี่จางเค้ารู้สึกเป็นห่วงผม
พี่จางเลยบอกผมว่าผมไม่ต้องอึดอัด ให้คิดว่าพี่จางเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่ผมพึ่งพิงได้พี่เขาก็พอใจแล้ว
ผมได้อะไรหลายอย่างจากพี่จาง  แต่ผมก็ไม่สามารถตอบแทนอะไรพี่แกได้  แต่ดูๆแล้วพี่จางไม่ได้เสียใจมากมายนะ 
ผมก็ดีใจ..........ระหว่างทางที่ผมเดินกลับหอพร้อมๆกับพี่จางที่แกล้งเมาแล้วโอบผมอีกตามเคย....
ผมก็ฉุกใจคิดคำๆนึงที่พี่จางพูดออกมา.... “แกคิดดีๆนะอย่าเล่นกับไฟนา....เดี๋ยวไอ้คมมันจะเสียใจ” 
คำพูดนี้ดังสะท้อนก้องอยู่ในความคิด........อันที่จริงในตอนแรกๆผมตั้งสมมุติฐานไว้ว่า 
ไอ้คมมันไม่ได้ชอบผม...มันแค่อยู่กับผมแล้วสนุกดีเพราะความฮาของผมก็ได้.....
ผมจึงยอมที่จะเป็นฝ่ายแอบชอบมันโดยไม่เรียกร้องอะไรจากมัน....ผมยอมทรมาน......
แต่ถ้ามันชอบผมและเราเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนกัน......เราคงมีความสุข......
แต่ความสุขนั้นผมไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดไหน......ไม่ไช่ผมไม่เชื่อใจมัน........ไม่ไช่ผมไม่ไว้ใจตัวเอง....แต่....
ผมรู้ดี......ไม่ว่าเราจะรักกันมากเท่าไหร่ความรักแบบนี้ก็ต้องจบลงในวันหนึ่ง.......
เพราะเราไม่สามารถอยู่ข้างกายกันได้ตลอดไป..........และรสชาติของการร้างลามันยากเกินทนรับได้จริงๆ......
ผมไม่รู้ว่าความสุขจากการได้มีความรักมันจะคุ้มค่ากับการลาจากในวันนึงมั้ย............ผมไม่รู้.....ไม่รู้จริงๆ....
และไม่อยากเสี่ยงด้วย......ท้ายที่สุดแล้วผมจึงคิดว่า.......
“การที่เราเปิดใจจะรักใครสักคน....ก็หมายความว่าเราถอดเกราะที่ป้องกันจิตใจออกและปล่อยให้ความรู้สึก
โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างเต็มที่.....ไม่ว่าสุขหรือเศร้า......ไม่ว่าดีหรือร้าย....โดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้........
จวบจนวันที่ทุกอย่างจบลง”พอผมส่งพี่จางเรียบร้อยแล้ว  ผมจึงมานั่งลงที่ชิงช้าที่เดินเช่นเคย
และตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมีความสุขจากการได้แอบชอบคนๆหนึ่ง.......
เพราะผมจะหยุดความสัมพันธ์ของเราตรงนี้......เพื่อไม่ไห้ทั้งมันและผมต้องเจ็บปวดในภายหลัง.......
น้ำตาไหลอีกแล้วครับ......สมเพชตัวเอง........ตัดพ้อโชคชะตา.........ผมเดินกลับหอด้วยความเหงาหงอย...........
แต่อย่างน้อยผมก็ได้ตัดสินอนาคตของตัวเองแล้ว......... “คนอย่างกูอยู่คนเดียวดีที่สุด”...ผมพูดเบาๆ...
ให้มันล่องลอยไปตามสายลมที่พัดไหวอย่างอ่อนโยน
story by นายโฮะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปกติผมแต่งได้วันละ 1 ตอนเลยพยายามลงวันละ 1 ตอนด้วย ตอนนี้แต่งถึงตอนที่ 14 แล้ว คาดว่าอีกไม่เกิน 3 ตอนก็จบ ไม่รู้มันสั้นไปมั้ย แต่ผมก็ไม่อยากยืดเรื่องนะ เอาเป็นว่าตามนั้นละกัน

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ขอบคุณครับที่มาต่อ อ่านแร้วลุ้นจังเรย

เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :teach:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ตอนนี้อ่านแล้วเศร้าๆเหงาๆ  :o11:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
พี่จางนี่ก็แฟร์ดีแฮะ  :impress2:

อ่านง่ายดี  o13

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชักอยากให้จางเป็นพระเอกซะแล้วซี  o22  o22

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
แต่อย่างน้อยผมก็ได้ตัดสินอนาคตของตัวเองแล้ว......... “คนอย่างกูอยู่คนเดียวดีที่สุด”...ผมพูดเบาๆ...
ให้มันล่องลอยไปตามสายลมที่พัดไหวอย่างอ่อนโยน

ประโยคนี้เขียนได้ดีนะ  สำนวนสวย  เริ่มมีลูกเล่นกะคำ  สายลม...พัดไหว...อย่างอ่อนโยน  เก่งขึ้นนะเนี่ย

ปล. ทำไมสรุปชีวิตของตัวเองเหมือนเจ้เลย.................“คนอย่างกูอยู่คนเดียวดีที่สุด”.........................  :o11:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
“คนอย่างกูอยู่คนเดียวดีที่สุด”

............ถึงแม้มันจะไม่สุข.....แต่มันก็จะไม่ทุกข์มากกว่าที่เคยเป็น... o7 o7

hayuho

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 9 สัญญาที่เป็นไปไม่ได้
เช้าวันศุกร์.....หลังการตัดสินใจ  ผมก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่จะตามมา  พอคิดอย่างนี้แล้วผมก็โล่งใจ  อย่างน้อยๆ  ก็กำหนดเป้าหมายได้แล้ว  เราไปถึงราชดำเนินกันประมาณเกือบ 2 ทุ่ม  คนเยอะมากๆ 
ผมว่าน่าจะหลายแสน  ทั้งผมและไอ้คมต่างก็แต่งตัวกันหล่อสุดฤทธิ์(อย่าถามนะว่าทำไม) 
นี่อาจเป็นเดทครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด  ผมจึงพยายามพูดคุยกับมันให้สนุกที่สุด
 ผมมีความสุขมาก  พวกเราหัวเราะกันเสียงดังจนคนแถวนั้นมองมา 
“ก๊กกาาากก” เสียงผมและมันประสานเสียงขณะซื้อลูกชิ้นทอด  ท่ามกลางผู้คนมากมาย
 ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองที่ประดับประดาตามต้นไม้นับล้านดวง  ส่องสว่างจนถนนทั้งสาย
คล้ายอยู่ในห้วงความฝัน  ผมเดินข้างๆมัน  รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก 
เราเดินกันจนเมื่อยสุดท้ายจึงมาหยุดอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  ผมนั่งลงข้างๆมันบนม้านั่ง
 ล้วงเอาน้ำออกมากิน

“ไอ้คม  ไอ้HEREโน้ตเมทสุดที่รักของมึงจะมาวันไหนวะ”  ผมถามมัน พร้อมๆกับกระดกขวดน้ำ

“สัปดาห์หน้า  แล้วกูไม่ได้รักมัน  มึงพูดดีๆนะ”  มันพูดขณะเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ

“แหมๆ  เขินอะดิ๊  ก๊าาากก  กูอยากรู้  มันชอบส่วนไหนของมึงวะ”  ผมหัวเราะร่วน

“คนมันหล่ออ่ะนะช่วยไม่ได้555”  มันพูดไปเก๊กไป

เราคุยไปหัวเราะไป  นาน ประมาณ  30 นาทีเห็นจะได้ 

“พอๆ  อย่าพูด กูหัวเราะจนปวดท้องแล้วเนี่ย”  ผมพูดให้มันหยุดครับ  จากนั้นเราก็นั่งมองผู้คน  แสงไฟ 
และรถราที่ผ่านมา อย่างเงียบงัน  ผมมีความสุขมากและก็รู้สึกได้ว่ามันก็มีความสุข
 ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนี้  ผมกลับรู้สึกว่า ณ เวลานี้มีแค่ผมกับมันเท่านั้นที่สื่ออารมณ์ที่ไม่ต้องเอ่ยออกมา
 ผมยิ้มอย่างแผ่วเบาไปด้านหน้า  เนิ่นนาน  จนผู้คนเริ่มบางตาลง

“ไอ้คม” ผมเรียกมันเบาๆ

“หืม” มันตอบมาเหมือนเพิ่งตื่นจากพวัง

“มึง” ผมเริ่มกลัวครับ

“อือ” มันตอบ  โดยที่เราทั้ง 2 คนยังหันไปด้านหน้าอยู่เหมือนเดิม

“มึงคิดยังไงกับกู”มันหันหน้ามาเลยครับ  แต่ผมยังเหม่อมองไปเบื้องหน้าเหมือนเดิม

“แล้วมึงคิดยังไงกับกู”มันดันถามผมคืนครับ พร้อมกับหันไปมองด้านหน้า

“มึงตอบกูก่อน”ผมบอกมันเบาๆ  ถ้าเป็นปกติผมคงกวนตีนมันไปแล้ว  แต่คราวนี้ผมจริงจังครับ

“.....กู....กูอยากอยู่ใกล้ๆมึง.....มันสนุกดี”มันบอกผมเบาๆ

“แล้วมึงล่ะ”มันถามผมต่อ

“กูก็เหมือนกัน.....มีมึงอยู่ด้วยแล้วกูไม่เหงา”ผมตอบไปด้วยรอยยิ้มเหงาๆ  เมื่อคิดว่าถ้าผมบอกมันว่า
ไม่ต้องมายุ่งกับผม  ต่อแต่นี้ไม่ต้องสนใจผม  มันจะเกิดอะไรขึ้น

...........เงียบกันไปพักใหญ่............

“ไอ้ทิศ”มันเรียกผม

“อือ”ผมขานรับ

“มึงคบกับกูได้มั้ย”มันพูดครับแต่ไม่ยอมมองหน้าผม

“เฮ้ย”ผมตกใจครับ  หันหน้ามามองมัน  ซวยละกู  เอาแล้วไง  ดีใจจัง  แต่ก็รู้ดีว่าผมต้องปฏิเสธมันอยู่ดี

“อือ.....ก็ได้”ผมได้ยินตัวเองตอบไปแบบนั้นครับ.....แย้ก....ไอ้บ้าไหนว่าจะปฏิเสธวะ.....ผมหน้ามืดทันที......เหมือนจะเป็นลม
“งั้นมึงเป็นแฟนกูแล้วนะ”มันทำน้ำเสียงยินดีถึงขีดสุดเลย

“..ด.....เดี๋ยวๆ...”ผมรีบปรามมันครับ.......อะไรกันเนี่ยกู.....ผมยังงงๆเลยปล่อยคำถามถ่วงเวลาไปก่อน

“ทำไม”ผมถามมันเสียงสั่นๆ  หันหน้าไปมองถนน

“กูชอบมึงมานานแล้ว”มันเขินครับ

“ทำไมต้องเป็นกู.....กูเป็นผู้ชายนะ”ผมถามมันทั้งๆที่ยังงง

“กูไม่รู้แต่กูว่ามึงน่ารักดี.....รู้ตัวอีกทีกูก็รู้สึกแบบนี้แล้ว”มันตอบเรียบๆ

“ไอ้คมมึงเป็น....เอ่อ...เกย์เหรอวะ”ผมก้มหน้าถามมันเบาๆ  แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าต้องการคำตอบแบบไหน

“ไม่......กูไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเลย......มึงเป็นคนแรกที่กูชอบขนาดนี้”มันพูดคำว่าชอบบ่อยเหลือเกินครับ

“มึงรู้มั้ยอนาคตจะเป็นยังไง”ผมถามมัน....เริ่มโมโห.....โมโหตัวเอง......โมโหมัน...ที่มาชอบคนเพศเดียวกัน

“รู้”มันตอบอย่างเด็ดเดี่ยว

“แล้วทำไมมึงยังทำ”ผมถามมันเสียงสั่นๆ

“หรือมึงไม่ชอบกู”มันหันหน้ามามองผม

“.....กูเหรอ....กูก็ชอบมึง”ผมยังคงมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย

“มึงมีความสุขมั้ยเวลาที่อยู่กับกู”

“มี”

“แล้วมึงกลัวทำไมอนาคต......ถ้าตอนนี้มึงไม่มีความสุขมึงมั่นใจเหรอว่าอนาคตมึงจะมี”มันคาดคั้น 
ส่วนผมสติสตังค์ไปหมดแล้วครับ....ทำได้แค่ตอบคำถามมันไปเรื่อยๆ

“กูไม่รู้.....ไม่รู้อะไรทั้งนั้น.....อย่าพึ่งถาม...กูเบลอๆ”ผมหันไปมองหน้ามันเป็นครั้งแรกตั้งแต่พูดเรื่องนี้กันมา

“กูรู้ว่ามึงคิดอะไร.....มึงไม่อยากให้กูชอบมึง.....มึงไม่อยากให้ความรักของเราต้องจบลงอย่างเจ็บปวด......
มึงเลยจะหนีใช่มั้ย”มันจ้องตาผมเขม็ง

“อืม”ผมพยักหน้าอย่างโง่งม.....ทึ่งที่มันรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไร....ขนาดผมยังงงกับตัวเองเลย

“กูก็เคยคิดแบบมึง......กูพยายามห่างๆมึง....แต่กูทำไม่ได้...กูอยู่ใกล้มึงมากเกินเลยชอบมึงแบบถอนตัวไม่ขึ้น”
ตามันสุดจะจริงใจเลยครับ

“ไอ้บ้า....มึงไม่อายเหรอ”ผมเขินครับหันหน้าหนีเลย

“กูไม่กลัวอนาคต.....กูแค่อยากให้ตอนนี้กูมีความสุขก็พอแล้ว......กูไม่เคยชอบใครเท่ามึงเลย.....
กูจะไม่มีวันปล่อยมือมึงก่อนแน่นอน.......นี่ไม่ไช่คำสัญญา...แต่กูรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น.........มึงก็เหมือนกัน.....เลิกหนีซะที”มันเอามือมาวางบนมือผมครับ ....ผมชอบที่มันบอกว่า...ขอแค่ตอนนี้มันมีความสุขก็พอ....
และที่มันว่ามันไม่กลัวอนาคต.....2 อย่างนี้ไม่เคยอยู่ในข่ายความคิดของผมมาก่อน....ผมแปลกใจ
ในความกล้าของมัน

.....ผมคิดอยู่นานจนมันถาม

“ตกลงมึงเอาไง”

“มึงว่าเราจะมีความสุขกันมั้ยวะ”ผมถามมันลอยๆ

“กูน่ะมีแน่แต่มึงน่ะ กูไม่รู้”มันว่า

“แต่กูกลัว...ถึงเราจะพยายามแค่ไหนแต่กูก็กลัวอยู่ดี”

“กูไม่ทำให้มึงเสียใจแน่นอน......มึงเอาไง....จะปฏิเสธกูก็ไม่ว่า....กูเตรียมใจมาแล้ว”

“มึงรู้มั้ยว่า....วันนี้กูมาเพื่อปฏิเสธมึงนะ”ผมบอกมันเบาๆ

“....กูรู้ว่าทำไม.....แล้วกูก็ดีใจที่มึงห่วงกู....แต่กูทนไม่ไหวแล้วกูต้องพูด....ตกลงเอาไง”

ผมเงียบอยู่นาน ก่อนถอนจะถอนหายใจ แล้วตอบมันว่า

“ไอ้คม.....มึงอย่าทิ้งกูล่ะ”

“เออ....มึงก็อย่าทิ้งกู”มันบอกผม

“อือ...ได้กูจะไม่ทิ้งมึง”ผมสัญญาไป.....ทั้งที่รู้ว่าวันนึงเราคนใดคนนึงต้องฉีกสัญญาทิ้ง.....
แต่ตอนนี้ขอให้ผมมีความสุขก็พอแล้วนี่นา....พอคิดได้อย่างนี้ผมก็ยิ้มเลยครับ.....ใช่......ตอนนี้กูก็มีความสุขได้....ไม่เห็นต้องรออนาคตที่ไม่แน่นอนเลย

“กูชอบมึงนะไอ้คม”ผมยิ้มให้มัน.....มันยิ้มตอบ....มือที่จับผมไว้ยิ่งแน่นกว่าเดิม
story by นายโฮะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่รู้เป็นไรคอมพ์ที่บ้านล็อกอินไม่ได้ แล้วคอมพ์ที่คณะดันจัดหน้ากระดาษไม่ได้เลยจัดแบบมั่วๆ หวังว่าคงไม่งง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด