A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1116978 ครั้ง)

@Kanda@

  • บุคคลทั่วไป
เค้าเรียกว่า อาจารย์ดูศิษย์ 555+

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
เย้ เย้ อ่านทันแล้วจิ้ม จิ้ม จิ้ม+ไปเลย o13 o13 o13

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ก่อนเจอกับบทเรียนบทแรก  ต้องมีPre-testก่อนค่ะน้องน็อต
ว่าด้วยเรื่องความตั้งใจจริง และความอดทน
เห็นปะคะว่าคุณชั้นน่ะใช้วิธีการสอนทันสมัยเชียวแหละ

ถูกต้องละคร้าบ พี่แก้ว  สมันนั้นก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น  คนโบราณเค้าถือว่าวิชาเป็นของสูงส่งหาค่ามิได้  จะร่ำเรียนกันแต่ละทีก็ต้องดูศิษย์กันหน่อย

ว่าคนไหนตั้งใจมากพอ ถึงจะถ่ายทอดให้  ไอ้แค่บททดสอบแค่นั้นอ่ะ  ผมว่ามันยังเด็กๆเลย คุณชั้่นยังปรานีนะเนี่ย  อิอิ

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2:
พ่ออัชย์ไม่รู้สึกอะไรกับหมอปีย์สักหน่อยหรือคะ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5

Ramika

  • บุคคลทั่วไป

@Kanda@

  • บุคคลทั่วไป
อ่า... เข้ามารอเชฟอัชย์ กลายเป็นพ่อครัวอัชย์ 555+  :impress2:

Ramika

  • บุคคลทั่วไป

aimaim

  • บุคคลทั่วไป
ท่าทางคุณชั้นคงไม่อยากสอนอ่ะ เลยหาเรื่องแกล้ง เหอๆๆ ทนไว้นะอัชย์ เพื่อนสูตรการทำอาหารโบราณ จะได้ประดับสมองเอากลับไปปรับปรุงร้านอาหารของหนูวาด ( ใช่ไหม?? )

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
อดทนๆ เข้าไว้น้า พ่ออัชน์  ความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามก็อยู่ที่นั่นจ้า :กอด1:

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
คุณชั้นโหดดดดดด

เหอๆ ตอนนั้นยังดูใจดีอยู่เลยอ่า

สู้ๆนะอัชย์ ยังไงหมอปีย์ก็เป็นกำลังใจให้ อิอิ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
แสงแดดยามเช้าส่งลอดผ่านพุ่มไม้หนาที่หน้าบ้าน ผู้คนเรือนนี้ดูจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวกว่าเรือนหมอปีย์ อาจเพราะ เจ้าของเรือนหลังนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดในกฎต่างๆภายในบ้านก็เป็นได้

พวกบ่าวไพร่เดินผ่านผม ทุกคนต้องหันมามองและสนใจว่าผมมานั่งทำบ้าอะไรอยู่บนก้อนหินเปื้อนเขม่าอย่างนี้ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม
ทำไมคนอย่างผมถึงต้องอดทนทำอะไรที่ลดศักดิ์ศรีตัวเองอย่างนี้

เวลาผ่านไปช้าๆ รู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็ดวงตะวันจากก่อนหน้านี้อยู่ลิบออกไปและส่องแสงอ่อนๆอุบอุ่นมายังผม ตอนนี้มันเริ่มเข้ามาใกล้หัวผม และแผดอำนาจความร้อนแรงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับจะยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ทรมานที่ผมได้รับอยู่ตอนนี้ให้หนักเข้าไปอีก


"ร้อนเว้ย" หลายครั้งที่ผมคิดถึงคำนี้อยู่ในใจ และหลายครั้งที่ตัดสินใจจะลุกเดินกลับไม่อยากรงอยากเรียนมันแล้ว  แต่เหมือนคำพูดของคุณชั้นวนเวียนอยู่ในสมอง

และผมก็ไม่ใช่คนจำพวกที่จะยอมให้ใครมาดูแคลนเอาได้ง่ายๆ

"อยากรู้นัก จะให้กูนั่งรอจนถึงเมื่อไหร่" ผมบ่น หันไปคว้ากิ่งไม้แห้งๆมาขีดเขียนลงบนพื้นดินแก้เบื่อ

ตอนนี้รู้สึกชาที่ขา แต่ก็ต้องทนเพราะไม่อยากให้ใครมาว่าเอาได้ว่าเป็นพวกหยิบหย่ง หยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ผมหันไปมองทางเรือนของคุณชั้นถี่ขึ้น และบ่อยครั้งที่มักจะเห็นหนูวาดแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง เธอคงอยากจะเข้ามาหาผม แต่โดนคุณชั้นห้ามไว้เลยไม่กล้า


"ร้อนเว้ย"

ดวงอาทิตย์แผดแสงลามเลียไปตามแผ่นหลัง ผมก้มหน้างอตัวชันเข่า ความร้อนที่ต้องเผชิญตอนนี้ กำลังจะทำลายความอดทนที่ผมมีอย่างช้าๆ






"นังผาด ไปเอาของที่เตรียมมาได้แล้ว" เสียงคุณชั้นดังขึ้นมาก่อนระฆังความอดทนผมจะหมดลง

เธอลงจากเรือนเดินตรงมาที่ผม ผมหันไปมองเธอยังไม่กล้าลุก รอให้เธอสั่งให้ผมลุกเอง เพราะกลัวว่าเดี๋ยวทำอะไรไม่ถูกใจคุณเธอเข้า มีหวัง อาจโดนสั่งให้หยุดหายใจเลยก็ได้

"เอ่อ" ผมทำท่าจะเอ่ยปากถาม แต่ทันทีที่เธอเดินผ่านผมไป เธอกลับผ่านไปเฉยๆ ไม่เหลียวมามองแม้แต่น้อย จะว่าเธอไม่เห็นก็ไม่น่าเป็นไปได้ ผมก็ตัวเท่าหมี ไม่ใช่จอมปลวกที่ไหน

"อะไรของเจ๊อีกวะ" บ่นๆ



แล้วคุณชั้นก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมนู่นเตรียมนี่

"นังผาด ส้มซ่าอยู่ไหน"

"เอาน้ำส้มมะขามเปียกไปละลายน้ำที"

"หันพริก กับผักชีไว้รอท่า ชักช้า เดี๋ยวจะไม่ทันฉันเที่ยง"

และอื่นๆอีกมากมายจนผมเวียนหัว


"แล้วจะให้กูมานั่งทำสากอะไรตรงนี้" ผมลุกขึ้นยืนอย่างหมดความอดทน เดินตรงไปหาคุณชั้นที่กำลังนั่งหั่นหมูอย่างชำนาญ

"ประทานโทษเถอะครับ คุณหญิง เมื่อไหร่จะสอนผมทำอาหารเสียทีหละขอรับ กระผมนั่งรอจนริดซี่จะแตกทะลักแล้วนะขอรับ" ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิด ระคนประชดประชัน

"ไปติดไฟเสียที เสียเวลามานานแล้ว" แต่เธอไม่สนใจ กลับหันไปสั่งให้บ่าวผู้ชายเพียงไม่กี่คนในบ้านไปจุดไฟที่เตาที่ผมนั่งอยู่

"คุณชั้นครับ"  ผมไม่ลดละ ยังคงใช้ลูกตื้อเดินตามเธอต่อไป "สอนผมเสียทีเถอะครับ"

แต่ก็เหมือนเดิม เธอยังคงไม่สนใจ ผมเฝ้าอ้อนวอนเธอหลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายความไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำของผมก็ทำให้ผมต้องพูดบางอย่างออกไป

"คุณชั้นครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณทำอะไรอยู่ แต่ถ้าหากว่าจะให้ผมมาที่นี่เพื่อที่จะได้แกล้ง หรือทำให้ตัวเองไร้ค่า ผมว่าอย่าเลยครับ เพราะที่ผ่านมาผมก็ไร้ค่ามามากพอแล้ว  ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพราะอยากมาเรียนรู้อาหารไทย เพื่อจะนำไปสืบสานต่อไปให้คนรุ่นหลาน รุ่นเหลนคุณได้เรียนรู้วิถีอาหารไทย ผมตั้งใจจะเรียนจริงๆนะครับ"



เธอหยุดหั่นหมู  นิ่งไปพักหนึ่ง แต่ไม่มองหน้าผม สักพักเธอจึงเรียกบ่าวอีกคน

"นังป่วน ไปเอาข้าวสารที่จะหุงตอนเย็นนี้ ใส่กระด้งมานี่"  บ่าวผู้หญิงคนนั้นรีบเดินก้มงุดๆไปตักข้าวสารที่อยู่ในโอ่งดินเผา 9-10 กะลา ใส่กระดังมาวางไว้ใกล้ๆผม

"เลือกข้าวเปลือกออกจากข้าวสารเหล่านี้ เย็นนี้เราจะใช้หุง" เธอว่า ผมทำสีหน้างงๆ นี่นะหรือการสอนของเธอ นี่มันอะไรกันให้มานั่งเลือกข้าวเปลือกออกจากข้าวสารนี่นะ  แต่ตอนนี้ก็ตัดสินใจทำ เพราะดีกว่าไม่มีอะไรทำเอาเสียเลย

ผมนั่งก้มหน้าก้มตาเลือกข้าวเปลือกออกใส่กะลาอีกใบที่บ่าวเตรียมมาไว้ให้  มือตะกุยหาข้าวเปลือกไปเรื่อยๆ
"ให้เราช่วยมั๊ย"  เสียงเล็กแหลมดังขึ้นใกล้ๆ ผมเงยหน้าขึ้น

"หนูวาด" อารามดีใจเผลออุทานออกมาเสียงดัง
"ให้เราช่วยนะ เราชอบหาข้าวเปลือก" ว่าแล้วเธอก็นั่งลงใกล้ๆผม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นยายทวดผมเต็มตา เธอยังมีเค้าโครงเหมือนหนูวาดยายทวดผมมาก ไม่ว่าจะดวงตา จมูก ปาก หรือแม้แต่เส้นผม

"ยายทวด" ผมจ้องมองเธอก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ

"หนูวาด ทำอะไร" เสียงดุเล็กๆดังขึ้น คุณชั้นนั่นเอง หนูวาดสะดุ้งลนลาน
"หนูวาดกำลังช่วยเลือกข้าวเปลือกเจ้าค่ะ" เธอรีบตอบ
"ไม่ต้อง มิใช่กิจของเด็ก ขึ้นเรือนไป" คุณชั้นดุ หนูวาดหน้าเสีย เธอก้มหน้ารีบเดินหายขึ้นเรือนไป


"จะดุไปไหนของเจ๊วะ" ผมบ่นในใจ








ไฟที่เตากำลังลุกโชนด้วยถ่านจากไม้มะขาม กะทะไปใหญ่ที่ก้นสีดำ แต่เนื้อกะทะด้านในกลับเรียบ มัน วาว บ่งบอกถึงการใช้งานที่โชกโชน

คุณชั้นหยิบเส้นหมี่ที่แช่น้ำไว้มาสะเด็ดน้ำ ก่อนจะเอาลงหม้อ และพรมด้วยน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าที่ผสมกันก่อนหน้านี้

"พรมให้ทั่วๆ ทั่วแล้วกลับอีกด้าน พรมให้ทั่ว เส้นจะได้พองนุ่ม" เธอบอก

ผมนั่งมองทุกขั้นตอนที่เธอทำ แต่อีกสายตาก็ต้องคอยนั่งเลือกข้าวเปลือกออก ถึงมันจะน่าเบื่อแค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าโดนไล่ตะเพิดกลับบ้าน

หลังจากนั้นคุณชั้นก็เอาหอมกับกระเทียมที่สับรวมกันละเอียดลงไปเจียวในกระทะ เสียงดังซู่ว์ พอเหลืองหอม จึงใส่หมูและกุ้งนางลงไปผัดตาม ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กลิ่นหอมของมันทำให้ท้องเริ่มร้อง ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไร แต่ผมก็ว่ามันน่าอร่อยจังเยยยยยย :impress2:

เมื่อกุ้งกับหมูเริ่มสุก เธอจึงตักเต้าเจี้ยว เติมน้ำตาลทราย น้ำส้มมะขามเปียก น้ำปลา ก่อนจะผัดไปอีกพักใหญ่ และชิมน้ำนั้นจากปลายจวัก สีหน้าเธอตอนชิมเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สักครู่ เธอจึงพยักหน้าและเติมน้ำส้มซ่าลงไป คนอีกครู่ จากนั้นจึงตักหมูกับกุ้งใส่ถ้วยทิ้งไว้แต่น้ำในกระทะ และเธอก็เคี่ยวมันจนข้น

ผมพยายามนึกว่าเธอจะทำอะไร สิ่งที่เธอทำอยู่มันต่างจากที่แม่ครัวที่ร้านผมทำ แม่ครัวผมเธอจะใส่เครื่องปรุงอะไรแต่ละอย่างต้องชั่งตวงวัดอยู่หลายรอบ  แต่คุณชั้นเธอใส่ทุกอย่งลงไปอย่างมั่นใจและชำนาญ สิ่งนี้แหละที่ผมจะต้องเรียนรู้มาจากเธอให้ได้

"ผาด เอาเปลือกส้มซ่าไปหั่น อย่าให้ติดผิวขาวๆนะ มันจะขม" เธอสั่ง



ข้าวเปลือกที่อยู่ในกระด้งนั่นก็ไม่ยอมหมดสักที ผมละคันไม้คันมืออยากจะไปโชว์การควงตะหลิวให้คุณชั้นดูเป็นขวัญตาเต็มที  จะได้รู้มั่งว่าผมก็ไม่ใช่คนบ้าไร้วิทยายุทธมาจากไหน

เมื่อน้ำในกะทะถูกเคี่ยวจนข้นดี เธอจึงหยิบถ้วยหมูกับกุ้งใส่กะทะลงไปอีกที นัยว่าไม่ต้องการให้หมูกับกุ้งแข็งกระด้างก็เป็นได้ เคี่ยวไปสักพัก เธอก็ตักทั้งหมดขึ้นพักไว้
 

 จากนั้นก็ตั้งกระทะใหม่ ใส่น้ำมัน เร่งไฟโดยการใส่ถ่านเพิ่ม เมื่อน้ำมันเดือดเธอหยิบพริกป่นโรยลงไปในน้ำมัน ก่อนจะหยิบเส้นหมี่ลงไปทอด ทันทีที่มันโดนน้ำมัน เส้นหมี่ก็พองขึ้นจนเต็มกะทะ พริกที่เธอเอาลงไปโปรยตอนแรกก็เครือบเส้นหมี่สีสวยงาม และเวลากินน่าจะมีรสเผ็ดปลายลิ้น ผมเดาเอา

คุณชั้นทอดเส้นหมี่จนเหลืองกรอบ ฟูน่ากิน จากนั้นเธอก็ตั้งกระทะใหม่อีกรอบ เอาไม้คีบคีบถ่านออกให้ไฟอ่อนลง คนสมัยนี้นี่ลำบากกันจริงๆเน๊อะ โชคดีที่สมัยผมไม่ต้องมานั่งทำอะไรอย่างนี้ ไม่งั้นมีหวัง วันๆนึงไม่ต้องทำอะไรแน่ๆ

เธอนำน้ำปรุงที่เคี่ยวไว้แล้วลงกะทะ ก่อนจะนำเอาเส้นหมี่ลงไปคลุก  กลิ่นของมันหอมจนผมแทบจะละลาย น้ำลายถูกกลืนลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงผมจะไม่ชอบใจคนทำเท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้กลิ่นอาหารที่เธอทำ ความไม่พอใจที่มีอยู่ในใจหายไปหมดสิ้น
   เมื่อเส้นหมี่คลุกเคล้าจนได้ที่แล้ว เธอยกมันออกมาใส่หมอพักไว้ ก่อนจะนำเต้าหูไปทอด ตามด้วยไข่ที่ใช้มือจุ่มก่อนจะโรยลงในกระทะออกมาเป็นตาข่าย สวยงามปราณีต เมื่อของตกแต่งถูกเตรียมเสร็จ คุณชั้นจัดแจงโรยหน้าด้วยเต้าหู้ทอด ไข่ ใบกุยช่ายหั่นเป็นท่อนๆ กระเทียมดองหั่นแว่น ผักชี และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย
เป็นอันเสร็จพิธี

"ยกขึ้นเรือน เดี๋ยวเราจักแต่งตัว เจ้าตักใส่ปิ่นโตเตรียมรอท่าไว้ เราจักเอาไปวัด" 

และแล้วผมก็รู้แล้วว่าเธอทำอะไร

"หมี่กรอบนั่นเอง"  ผมว่า พลางมองตามหม้อที่บ่าวยกขึ้นเรือนหายไป

"อยากกินว่ะ" ผมบ่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น หน้าที่ของคนบ้าไม่สมประกอบอย่างผมก็คือเลือกข้าวเปลือก เพราะฉะนั้น เมื่อยังไม่เสร็จก็ต้องทำต่อไป























                     ข้าวเปลือกที่ผมเลือกไว้เกือบเต็มกะลาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเยอะมากขนาดนี้ นี่ถ้าไปเอาไปหุง มีหวังคงไม่ต้องกินข้าวกันพอดี มัวแต่นั่งคายข้าวเปลือก

"คนที่นี่เป็นไก่กันหรือไงวะ ถึงมีข้าวเปลือกปนในข้าวกันขนาดนี้" ผมบ่น เมื่อยังไม่มีวี่แววว่าจะหาหมด  ทุกทีที่คุ้ยลงไปในข้าวสาร ผมมักจะเจอข้าวเปลือกอย่างน้อย สองเมล็ดเสมอ



                รถเกวียนพาคุณชั้นที่แต่งตัวสวยงามออกนอกบ้าน เธอคงจะไปวัดตามที่เธอว่า แต่ก็นะ จะใจดำอะไรกันขนาดนั้น ทำเสร็จน่าจะมีกะจิตกะใจเอามาให้เรากินมั่ง อุตส่าห์นั่งตากแดดรอจนเกือบแห้งค่อนวัน ไหนจะต้องหลังขดหลังแข็งนั่งเลือกข้าวเปลือกจนตาลาย

"จะจงเกลียดจงชังอะไรกันนักหนาเนี๊ยะ" ผมพูด


"นี่"..............................เสียงเด็กผู้หญิงคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง
"หนูวาด"  ผมดีใจ  เธอมายืนใกล้ๆผมก่อนจะฉีกยิ้มด้วยความเป็นมิตร ในมือถือชามอะไรมาด้วย
"กินมั๊ย หนูวาดเอามาเผื่อ" แล้วเธอก็หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะยื่นชามหมี่กรอบให้ผม ผมมองเธอด้วยความตื่นตัน ก่อนจะรับมันไว้

"ขอบคุณนะ หนูวาด"

"อื้ม" เธอพยักหน้า แล้วก็หันหลังวิ่งหายเข้าบ้านไป


ผมมองหมี่กรอบที่อยู่ในจานด้วยความตื้นตัน

 "หนูวาดก็ยังเป็นหนูวาดอยู่วันยังค่ำ"  ก่อนจะใช้มือหยิบมันเข้าปาก

   และทันทีที่หมี่กรอบเข้าปากผมรับรู้ได้ถึงรสเปรี้ยวก่อนอันดับแรก และเมื่อกลืนลงคือจะได้กลื่นหอมของส้มซ่าตามด้วยรสหวาน และรสเค็มบวกเผ็ดนิดๆติดปลายลิ้น


   ถึงแม้จะผมจะเคยกินหมี่กรอบมาบ้างแล้ว แต่สำหรับหมี่กรอบนี่ ผมสาบานได้เลยว่าไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่า

"ต้องเอาสูตรมาให้หมดให้ได้"  ผมพูดกับตัวเองตั้งใจแน่วแน่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเลือกข้าวสารต่อไป






ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย ชองโปรดเลยค่ะ   อ่านไปก็หิวไป   5555 อยากเรียนของเขานิ ต้องอดทนเด้อเจ้าบ้า
+1 :กอด1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
"หันพริก กับผักชีไว้รอท่า ชักช้า เดี๋ยวจะไม่ทันฉันเที่ยง"
คุณเซ็งเป็ดเผลอไปรึเจ้าคะ
พระต้องฉันเพลค่ะ คือเวลา 11.00 น.ค่ะ
วันนี้คุณชั้นสอนไปแล้ว ว่าด้วยเรื่องหมี่กรอบ ใช่ไหมคะ

kingphai

  • บุคคลทั่วไป
ว้าววว
อยากกินมั่งอ่าา
หากินได้ที่ไหนนี่..

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
ดึกแล้วนะ  แต่ป้าอยากกินหมี่กรอบหน้าตาน่ากินแบบนั้น  คงจะอย่อยน่าดูชม  อิอิ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อ่านไป  นึกภาพตามไป  น้ำลายย้อยเลยตรู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ของโปรดเหมือนกัน หิวข้าว  :serius2:
คิดถึงหมี่กรอบคุณยาย
หมอปีย์เขิน นายเอกเราก้อความรู้สึกช้าจริง
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2011 23:39:03 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
"โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย เมื่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" ผมร้องครวญคราง
"เฮ้ย หมอ ขอน้ำลอยดอกมะลิแก้วสิ หิวน้ำ"  มาอยู่ไม่เท่าไหร่สั่งเจ้าของบ้านได้แล้ว กูนี่เก่งจริงๆ


"เปนอันใดไปเล่า เจ้าบ้า ไหนเจ้าบอกเราว่าจักไปเรียนทำอาหาร ใยกลับมาบอบช้ำราวกับไปรบรากับพม่ารามัญมาเยี่ยงนี้" หมอปีย์ปิดหนังสือ ถอดแว่นและตะโกนให้บ่าวเอาน้ำมาให้

"โอย จะไม่ให้ชั้นบอบช้ำชั้นได้ยังไงวะ คิดดู"  ผมได้ทีฟ้องหมอปีย์ซะเลย จัดแจงลุกขึ้นนั่ง ทำท่าเม๊าซ์อย่างออกรส "ให้ชั้นนะไปนั่งรอบนก้อนหินนะ ตั้งนานแน่ะ กว่าจะสอน พอจะสอนไอ้เราก็นึกว่าจะให้ทำอะไร ที่แท้ก็ให้นั่งเลือกข้าวเปลือกทั้งวัน เล่นเอาชั้นปวดหลังปวดคอไปหมดแล้ว" ผมบ่น

"กระนั้นเองรึ" เขาไม่มีท่าทีจะเห็นใจผมแม้แต่น้อย

"เออ ก็กระนั้นเองนะสิ ชั้นนะอุตส่าห์ตั้งใจไปเรียนเต็มที่ ตอนเรียนที่ออสเตรเลียนะยังไม่ตั้งใจขนาดนี้ รู้ดีไม่ไปซะก็ดี โธ่" บ่าวหยิบขันน้ำที่ลอยดอกมะลิมาให้ผม
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิทำให้ผมยกขันขึ้นดื่มน้ำเย็นๆจากโอ่งดินจนหมดภายในรวดเดียว


"จะให้นั่งเลือกทำไมข้าวเปลือก ให้คนใช้เลือกก็ได้" ผมว่า

หมอนั่นมองผมเงียบๆ ก่อนจะนิ่งไปพักใหญ่

"เจ้าบ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าว เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตชาวสยามเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ข้าวมิใช่เป็นเพียงพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับชาวนาเป็นสำคัญแต่ยังป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและคติความเชื่อต่างๆในสยามอีกด้วย ข้าวอยู่ในฐานะพืชศักดิ์สิทธิ์ มีชีวิต และวิญญาณ เช่นเดียวกับมนุษย์ คนสยามแต่โบราณเชื่อว่าข้าวเป็นสิ่งมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่ามีเทพธิดาที่เรียกว่า "แม่โพสพ"เป็นผู้คอยปกป้องรักษาข้าว เราจึงต้องแสดงความเคารพ ระลึกถึงบุญคุณของแม่โพสพ คุณชั้นเธอคงอยากให้เจาคำนึงถึงคุณค่าของข้าวเป็นอย่างแรกเสียกระมังจึงสั่งให้ทำเยี่ยงนั้น

เจ้ารู้หรือไม่ว่า ในสมัยพระเจ้ามังรายได้ถึงกับขนาดตรากฎหมายในลักษณะของการละเมิดข้าวไว้ว่า

       “ผู้ใดขี้ใส่ข้าวแรกท่านตั้งแต่ตอนหว่านกล้าไปจนถึงตอนย้ายปลูก จะเก็บเกี่ยว ให้มันหาเหล้า ๒ ไห ไก่ ๒ คู่ เทียน ๒ เล่ม ข้าวตอกดอกไม้บูชาข้าวและเสื้อนา”

หมอปีย์ร่ายมาซะยาว

"เหรอ นายว่าอย่างนั้นเหรอ" ผมก็ชักจะเห็นด้วยกับหมอนั่น "ก็อาจจริงนะ เอาเถอะ ยังไงชั้นก็ไม่ยอมแพ้ให้ง่ายๆหรอก เอ ว่าแต่ นายกำลังอ่านอะไรอยู่เหรอ เห็นอ่านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" ผมถาม


หมอปีย์ทำหน้าสงสัย ก่อนจะร้องอ๋อ

"เล่มนี้น่ะหรือ"

"อื้อ"

"เรามีคำถามจักถามเจ้าหน่อย เจ้าเกี่ยวกับเรื่องเอ่อ.........เรื่อง.."เขาทำท่าตะกุกตะกัก

"เรื่องอะไร ถามมาเหอะ" ผมรำคาญ

"เรื่องเอ่อ  เรื่องบุรุษที่มีใจให้แก่บุรุษน่ะ เจ้าพอจะรู้เรื่องพรรค์นี้บ้างหรือไม่" เขาพูด ก้มหน้าหลบตา

"บุรุษที่มีใจให้แก่บุรุษ?" ผมทวนคำถาม ไม่เข้าใจ    "อ้อ   ชายรักชายน่ะนะ" ในที่สุดก็ตีความหมายออก
"เข้าใจสิ ทำไมจะไม่เข้าใจ บ้านเมืองชั้นมีให้เห็นกันเกลือน เดินกอดกัน จูงมือกันให้ว่อน ทำไมเหรอ"

"กระนั้นเลยรึ" เขาทำหน้าสงสัย

"ไม่มีอันใดดอก เราแค่อ่านประวัติของเจ้าพระยาวิทเยนทร์มาน่ะ"

"ทำไมเหรอ มีอะไร" ผมทำท่าสนใจขึ้นมา

"อ้อ พอดีเรากำลังอ่านเรื่องราวของท่านเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการทูต แต่มาติดใจเอาตอนที่นึง ในหนังสือเล่าว่า พระยาวิชเยนทร์ เปนชนชาติกรีกที่มาค้าขายในเมืองสยาม และได้เติบโตมั่งคั่ง เหตุเพราะเป็นคนโปรดของพระนารายณ์ ตามหนังสือกล่าวว่า พระยาวิชเยนทร์ คนนี้มีแรงโน้มน้าวทางเพศมาก กล่าวว่า ในสมัยกรีกนั้นชายรักชายถือเป็นเรืองธรรมดามาตั้งแต่สมัยโซเครติส และเพลโตลงมา เมื่อชายใดย่างเข้าวัยกลางคน ก็มักนิยมเปลี่ยนความสนใจไปที่ผู้ชายเยาว์วัย

 ดังนั้น สมัยพระยาวิชเยนทร์ยังเด็กนั้น บิดาได้มอบให้แกกัปตันอังกฤษ ในหนังสือนี้เล่าว่า พระยาวิชเยนทร์เมื่อสมัยหนุ่มนั้น มีสง่าราศีมาก ลักษณะสวยงามผิดตา มีอัชญาสัยและเฉลียวฉลาดเปนที่ต้องตาต้องใจบุรุษอื่นเมื่อได้พบเห็น และอยากครอบครองเสมอ ดังจะเห็นได้จาก ราชทูตไทยที่กลับจากเปอร์เซียก็ชักชวนพระยาวิชเยนทร์ไปอยู่เสียด้วยกรุงศรีอยุธยา นายบาร์นาบี พ่อค้าชาวอังกฤษก็แย่งชิงพระยาวิชเยนทร์มาอีก ไม่นานพระยาวิชเยนทร์ก็ได้พบกับเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เป็นที่พึงใจแก่ท่าน จึงถึงกับเปิดทางให้พระยาวิชเยนทร์ได้เข้าเฝ้า พระนารายณ์ และพระนารายณ์เองก็ทรงโปรดปรานชายหนุ่มคนนี้มาก ถึงขนาดรับสั่งให้เข้าเฝ้าเพื่อปรึกษาเรื่องต่างๆทุกวัน  บาทหลวงเดอ เบช เล่าว่า บางครั้งอยู่ด้วยกันสองต่อสองตั้งแต่เช้าถึงค่ำ เปรียบเสมือนสหายสนิทก็มิปาน"

ผมนั่งฟังหมอปีย์เล่าอย่างตั้งใจ

"ในหนังสือฝรั่งเศสเล่มนี้กล่าวว่า ความโปรดปรานที่พระนารายณ์มีต่อพระยาวิชเยนทร์นี้ มีมากจนเกือบผิดปกติ บาทหลวงผู้นี้เล่าว่า ครั้งหนึ่งทั้งสองออกล่าสัตว์ด้วยกัน และได้เผชิญหน้ากับควายป่าฝูงหนึ่ง พระยาวิชเยนทร์หลบมิทัน ถูกฝูงควายล้อม เมื่อพระนารายณ์เห็นดังนั้น จึงทรงวิ่งฝ่าเข้าไปประทับเคียงข้าง โดยมิได้หวั่นเกรงอันตราย ควายตัวหนึ่งวิ่งเข้าขวิดพระยาวิชเยนทร์ แต่ท่านหลบทัน เขาควายไปเกี่ยวจนเสื้อคลุมท่านขาด   วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงรับสั่งให้ข้าราชการ นำผ้าแพรสวยงามมาถวาย พร้อมกับมีพระลายลักษณ์อักษรมาว่า "เสื้อผ้านั้นขาดชำรุดเสีย ก็พอจะหาใหม่มาทดแทนได้ แต่ตัวท่านนั้นหากเป็นอะไรไป จะถือเป็นการสูญเสียที่มิอาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ เพราะฉะนั้น ขออย่าทำตัวให้ตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้นอีก"


ผมฟังเรื่องราวที่หมอปีย์เล่ามาอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะนี่เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้

"นายหมายความว่า.................." ผมถาม

"เรามิได้ตั้งใจจะแนะว่าพระยาวิชเยนทร์นี้มีความสัมพันธ์อื่นใดนอกเหนือจากมิตรสหายของพระนารายณ์ เราเพียงแค่ต้องการจะถามเจ้าว่า หากบุรุษผู้หนึ่งจะเอ็นดู รักใคร่ ห่วงใย และกรุณาบุรุษเพศเดียวกัน เจ้าจักรู้สึกเยี่ยงใด"หมอปีย์ถาม

"ไม่รู้สิ ชั้นว่าเรื่องของสมเด็จพระนาราย์อาจไม่มีอะไรตามที่หนังสือของชาวฝรั่งเศสผู้นี้เขียนก็ได้ อย่าลืมนะว่า ประวัติศาสตร์มีความจริงมากน้อยแค่ไหน เราพิสูจน์ไม่ได้ เรื่องของพระนารายณ์ให้ชาวฝรั่งเศสผู้นี้เขียนก็เป็นแบบนี้ แต่หากให้คนไทยเขียนก็อาจเป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้ เพราะฉะนั้นนายอย่าปักใจเชื่อเลย"  ผมพูดเป็นเรื่องเป็นาราวมากที่สุดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่

แหม รู้สึกตัวเองเป็นผู้มีความรู้เหมือนกันนะนี่

"แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่เราอ่านมา คือเรื่องของกรมหลวงรักษณ์รณเรศในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ถูกตัดสินประหารชีวิตเหตุเพราะชำระความราษฎรมิได้เปนยุติธรรม รับสินบน เอาเปรียบประชาชน มักใหญ่ใฝ่สูง สั่งสมกำลังโจร และที่สำคัญที่เราอ่านแล้วอดสนเท่ห์ไม่ได้นั่นก็คือ  ตั้งแต่ท่านเล่นละครเข้าแล้วก็ไม่ได้เข้าบรรทมข้างในด้วยหม่อมห้ามเลย บรรทมอยู่แต่กับชายนักแสดงละคร ได้สอบถามนักแสดงละครทราบว่า ท่านได้เป็นสวาทไม่ถึงกับชำเรา แต่เอามือเจ้าละคร และมือท่านกำคุยหฐานด้วยมือทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเปนแต่เท่านั้น"  หมอปีย์อ่านในหนังสือให้ฟัง

"โอ้ยยยยยยยยย ไอ่บ้า ภาษาอะไรฟังไม่เข้าใจ" ผมบ่น เมื่อมันแปลยากแปลเย็น
"ก็แปลได้ความว่า ท่านได้ใช้มือร่วมสังวาทกับพวกละครนั่นหละ" หมอปีย์พูด หน้าแดงก่ำ

"เจ้ยยย เหรอ" ผมตกใจ
"เจ้าคิดว่าเรื่องพวกนี้เปนเยี่ยงไร"

"แล้วทำไมวันนี้นายถึงสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษวะ" ผมถาม

"ตอบเรามาเถอะ"

"ก็นว่าเรื่องของพระนารายณ์อาจเชื่อถือไม่ค่อยได้ เพราะนานแล้ว หรือถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านะจะมีจิตใจรักใคร่ อาจแค่รู้สึกถูกชะตาและก็พระยาวิชเยนทร์ก็รอบรู้  อย่างที่เรารู้ๆพระนารายณ์ท่านสนใจด้านติดต่อต่างชาติ การที่ท่านสนิทกับพระยาวิชเยนทร์ ก็เพื่อประโยชน์ด้านนี้ก็เป็นได้"

เป็นอีกครั้งที่ผมโชว์ภูมิ ลุกขึ้นและปรบมือให้กับความเก่งครั้งนี้ครับ !!!!


"ส่วนเรื่องหลังนี่ไม่รู้ว่ะไม่ออกความคิดเห็น  ว่าแต่นายยังไม่ตอบชั้นเลยว่าทำไมนายถึงสนใจค้นคว้าเรื่องพวกนี้" ผมเซ้าซี้

"เอ่อ .......เราก็แค่เอ่อ........."อีกล่ะ อ้ำอึ้งอีกแล้ว "ช่างมันเถิด เจ้าบ้า เราเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย คงไม่หวังให้เจ้ามาเข้าใจเราดอก"

พูดจบหมอนั่นก็ลุกขึ้น หอบหนังสือแล้วเดินหายเข้าห้องไป

"อ้าว ไอ่นี้ ????"



 




* อ้างอิงจากหนังสือ เล่าเรื่องเมืองสยาม และเกร็ดสนุกในอดีต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2011 23:40:33 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
อูย อ่านไปแล้วก็หิวไป
อยากทานหมี่กรอบสูตรคุณหญิงจัง
ปกติทานแล้วไม่หวานไปก็เค็มเกิน หาอร่ิอยๆยากจัง

มาดิทเพิ่ม

ประวัติศาสตร์ไทยยังมีอะไรที่หน้าค้นหาอีกเยอะ แต่ในตำราเรียนไม่ค่อยเอามาใส่ไว้นี่สิ
เดี๋ยวจะไปหาหนังสือมาอ่านบ้างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2011 23:40:33 โดย cocoaharry »

@Kanda@

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
กรีดดดดดดดดดดดดดดด

เอาอีกกกๆกๆกๆกๆกๆกๆกๆกๆกๆกๆๆกๆกกๆๆกๆกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ค้างนะะะะะะ

aimaim

  • บุคคลทั่วไป
หาข้อมูลได้แน่นและแปลกดีมากค่ะ นับถือๆๆ

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
หมอปีย์บอกเป็นนัยๆ แล้ว เจ้าบ้ายังไม่รู้เรื่องอีก :z3:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
สมัยนี้น่าจะมีแบบหมอปีย์บ้าง  ห้าๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด