A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1118189 ครั้ง)

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


  โอว ตอนนี้มาย้อนอดีตหมอปีย์กันรึนี่ ก็เป็นบุคคลน่าสงสารเหมือนกันนะ

  แต่หมอปีย์ก็เปิดใจแสดงออกซะขนาดนี้แล้ว น้องอัชย์ไม่ใจอ่อนสักหน่อยเหรอครับ





ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
หมอปีย์เปิดขนาดนี้ พ่ออัชย์ยังใจแข็งอยู่ใย

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
โถ  น่าสงสารหมอปีย์ อุตส่าห์รอนางในฝัน แต่พอนางก้าวออกมาสู่โลกจริง กลับกลายเป็นเจ้าบ้าไปเสียได้  กร๊ากก

บ้าแต่ก็น่ารักใช่ป่ะหมอ  คึ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เฮ้อ พ่ออัชย์ คิดอะไรอยู่น้อออ

รู้ก็บอกว่ารู้ แต่ปลายทางจะเป็นยังไงก็คุยกันให้เข้าใจไม่ดีกว่าเร้อออ
:เฮ้อ:

ปล.แก้คำผิดให้นะคร้าบ  ท่าทางวันนี้จะรีบพิมพ์รีบลงมาก อิอิ

อ้างถึง
“ก็เอ่อ เป็นสตรีที่มาจากราชวงศ์อู่ทอง แล้วก็ลอบมีสัมพันธ์กับพันบุตรศรีเทพ คนเฝ้าหอพระ แล้วก็” ผมพยายามระลึกชาติอย่างหนัก
“แล้วก็ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัว........................รู้แค่นี้แหละ”  แต่จนปัญญาจริงๆ
อ้างถึง
“มิได้เลวไปหมดดอก ในความอัปยศนั้น บัวผันกลับมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนเองที่พิเศษกว่าหญิงอื่น
อ้างถึง
ป่วยการจะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้วเจ้าบ้า เอาเป็นว่าเรื่องนี้หาได้มีใครถูกใครผิดไม่ ไว้เจ้ารักใครสักคนอย่างหมดใจ แล้วจะเข้าใจตัวพระนางศรีสุดาจันทน์ และตัวเรา”
อ้างถึง
ผมพยักหน้า พอนึกภาพความสัมพันธ์ของสองคนนี้ออก
อ้างถึง
“อืม เหรอ แล้วเขาเอ่อ แบบว่า อายุขนาดนั้นแล้วไม่มีแฟน เอ่อ ชั้นหมายถึงผู้หญิงที่หมายปองอ่ะ มั่งเหรอ” ผมอ้อมแอ้มถาม
อ้างถึง
“มีสิทำไมจักไม่มี มีมากด้วย สาวๆทั้งบางนี้ บางไหนล้วนแล้วแต่เคยเขียนเพลงยาวไปให้หมอปีย์กันทั้งนั้น แต่แกก็มิเห็นจักสนใจผู้ใด ฉันเคยถามแก เพราะเห็นว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเขาออกเหย้าออกเรือนกันไปหมดแล้ว แกบอกฉันว่า แกรอนางในฝันอยู่ ฉันนี้ หัวเราะจนปวดท้อง”
อ้างถึง
“อ้อ อย่าไปถือสาหาความเลยแม่ เจ้านี่สติมิค่อยจักเต็มบาท ตั้งแต่จมน้ำมาครานั้นก็พร่ำเพ้อมิเป็นภาษา” หมอปีย์เร่งแก้ตัวให้พัลวัน แต่ฟังคำแก้ตัวของมันแล้วนั้น เหมือนมันหลอกด่ากันเลย

โอ้วว ขอบพระคุณมากขอรับ
พอดีกระผมรีบจริงๆด้วย สะเพร่าไปหน่อย เดี๋ยวจะค่อยๆตามแก้นะครับ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

OuOkung

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน
พล็อตเรื่องหน้าสนใจมากครับ ภาษาที่ใช้ก็ดี เข้าใจง่าย

เฮ้ออ ยิ่งอ่านยิ่งสงสารหมอปีย์แหะ อัชย์ก็ซื่อเกิน :เฮ้อ:
รออ่านตอนต่อไปนะครับ o13

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
นี่อัชย์แกล้งโง่รึเปล่านะ?

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
หมอปีย์ขอเเบบสวีทๆ หน่อย รุกให้เเบบอัชย์อึ้งไปเลย

MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
อัพแล้วๆดีใจมากเลย
ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกหลุมรักหมอปีย์
รีบๆรักกันเร็วๆนะ

Monkizzz

  • บุคคลทั่วไป
เออ อยากรู้จริงเชียวว่าถ้าหมอลองได้ไปยุคของเจ้าบ้าแล้วจะเป็นเยี่ยงไร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CheeTah

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
พ่ออัชย์เข้าใจสายตาของหมอปีย์ว่าเยี่ยงไรหรอ

อยากรุๆ อิอิ :-[

ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
พ่ออัชย์เข้าใจหมอปีย์ว่ากระไรรึ 

หากเข้าใจจริงรีบรับรักได้แล้วน้ะ สงสารหมอจริงเชียว

ออฟไลน์ dragonnine

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-16
ทำไม...พ่ออััชย์ ถึงต้องหลีกเลี่ยงความรู้สึกตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่ใจล่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
หมอปีย์พยายามอีกหน่อยนะ ส่วนพ่ออัชย์ก็ยอมเปิดใจให้กว้างเสียที

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
พ่ออัชย์คนดี ศรีสวาทของหมอปีย์  หมอปีย์รักขนาดนี้แล้ว รับรักเถิดดด สงสารคุณหมอคนดียิ่งนัก

ออฟไลน์ J_Dargon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

A. marco

  • บุคคลทั่วไป
ผมสงสัยและคิดมากมายเกี่ยวกับเรื่องย้อนอดีต  ถ้ามันเป็นชะตาที่อัชย์ต้องเจอ แล้วอยากรู้ว่าใครเป็นคนกำนดน๊า  หนูวาดรึเปล่า หรือ วินยาณของทุกคนในบ้านนั้นที่ยังไม่ผุดไม่เกิด  แต่ที่แน่ๆคือพี่เซ็งเป็ดกำนด กร๊ากกก

หมอจับกดๆๆเลย

ออฟไลน์ Tinton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรื่องสนุกมากครับ

ออฟไลน์ SecondaryTrauma

  • Today is a gift, that is why call ... "The Present"
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
กลิ่นน้ำอบน้ำปรุงหอมกรุ่นอบอวลไปทั้งเรื่องเชียวละพ่อนนท์

ว่าแต่

"เมื่อไหร่จะเข้าใจ เมื่อไหร่จะรักกัน"

//ฮัมเพลงเบาๆ ออกจากระทู้ พร้อมกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงติดกาย

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติศาสตร์หรือเกร็ดวัฒนธรรมไทยเท่าไหร่นะครับ แต่ก็พอจะเห็นว่าหาข้อมูลมาอย่างดี ถือว่าเป็นเรื่องที่สวยงามเรื่องหนึ่งทีเดียว ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :m28:
แม่รำพึงนี่ก็หมายปองพ่อหมออยู่เป็นแน่ ...

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“ป้าแม้นฟันเหยิน เขามีงานอะไรกันเหรอ” ผมถามป้าแม้นน้องสาวยายเมี้ยนตัวแสบขี้ฟ้อง เมื่อเห็นที่บ้านคุณชั้นบ่าวไพร่วิ่งกันให้วุ่นราวกับมีใครคลอดลูก
“เอ็งนี่ มิรู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ ปัดเดี๋ยวฟาด” แกทำหน้าตาดุ ฟันยิ่งเหยินไปใหญ่
“โถป้า ล้อเล่นน่ะ ป้าก็  สวยๆขนาดนี้ชั้นก็แซวเล่นเป็นธรรมดา นอกจากฟันเหยินแล้วยังดำปี๋อีก งามแต้ แม่คุณเอ้ย”
ป้าแม้นเขินอายม้วนต้วน แต่สักพักแกเหมือนได้สติ
“เอ๊ะ เอ็งหลอกด่าข้ารึปล่าวไอ้บ้า”
“เอาน่า เขามีงานอะไรกันเหรอ คุณชั้นจะแต่งงานอีกรอบรึไง”
“อ้ายทะลึ่ง เอ็งนี่ลามเหมือนขี้กลาก” แกด่า “วันนี้มีเจ้านายจากวังในมาเยี่ยมคุณ คุณเลยให้พวกข้าทำอาหารพิเศษรับรอง”
“โห สงสัยต้องสำคัญมากแน่ๆ ถึงได้วิ่งกันวุ่นขนาดนี้” ผมถามพลางนั่งลงบนกระต่ายขูดมะพร้าว “นี่แสดงว่าวันนี้ชั้นก็ไม่ได้เรียนนะสิ เห้อ เออ ป้า” ผมถาม ป้าเมี้ยนแกกำลังจัดผัดสดวางเรียงลงบนถาดทองเหลืองลดลายวิจิตรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“มีอะไรให้ชั้นกินบ้างหล่ะ” ผมลูบท้อง นัยว่าหิวมาก
“หาเอาในครัวนั่นหล่ะ มีอันใดเหลือๆก็กินประทังไปก่อน ข้ายุ่งมิมีเวลามีต่อล้อต่อเถียงด้วย”
“โห คนสวยใจดำอ่ะ” ผมทำหน้ามุ่ย ได้แต่ถอนหายใจ มาอยู่นี่ตั้งนานแล้วคุณชั้นเธอยังไม่ยอมสอนอะไรให้เลย อย่าว่าแต่สอนเลยพูดด้วยเธอยังไม่พูดด้วยเลย เกลียดอะไรผู้ชายนักหนาวะ สงสัยจะโดนผู้ชายหักอก

บ่าวไพร่ในเรือนคุณชั้นต่างพากันไปออกันที่เรือนใหญ่ ต่างคนต่างสาละวนกับงานเรือน บ้างก็ช่วยกันขัดกระได ขัดอ่างล่างเท้า บ้างก็ไปหาบน้ำมาเติมในโอ่ง บางคนกวาดลานบ้านไปพลางวิ่งไปจับลูกไม่ให้ลงไปเล่นใกล้สระพลางดูวุ่นวายดีพิลึก ส่วนผมนั้นนั่งแกร่วอยู่ที่เรือนครัวคนเดียว
บางครั้งก็อยากจะไปร่วมวุ่นวายกับเขาบ้าง แต่พอมาคิดดูแล้ว แขกไม่ได้รับเชิญอย่างผม เข้าไปก็พาลจะทำให้คุณชั้นเธอเหวี่ยงเอาอีก
“เฮ้อ อยู่ที่ที่เราควรอยู่น่ะดีแล้ว” ผมว่า พลางลุกขึ้นยืนอย่างเบื่อหน่าย บิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้านก่อนจะเดินขึ้นเรือนครัวไปเพื่อจะมองหาว่าพอมีอะไรเหลือๆให้คนจรหมอนหมิ่นอย่างผมได้กินบ้าง
“นี่อะไรน่ะ” ผมเปิดฝาละมีดู เจอขนมจีนเส้นสดที่เหมือนเพิ่งทำมาใหม่ๆ ขดอยู่บนใบตอง ข้างๆกันนั้นเองก็เจอผัดสดที่เหลืออยู่ไม่กี่อย่างเอง
“โห เหลือแค่โหระพา กับ พริกนี่อ่ะนะ จะให้กูกินเส้นขนมจีนกับพริกรึไง” ผมบ่นเป็นหมีกินผึ้งเพราะความหิว
สายตาสอดส่ายมองหาอะไรก็ได้ที่เป็นเนื้อเป็นหนังที่พอจะกินได้
“ตู้กับข้าวพวกบ่าว” เป้าหมายต่อไปที่ผมจะไปรื้อ คือตู้กับข้าวที่พวกบ่าวเก็บของกินที่เหลือๆไว้ ผมเปิดมันออกมาดูว่ามีอะไรกินได้บ้าง
“ปลาสลิด ปลาอินทรีย์เค็มทรงเครื่อง อืม แค่นี้ก็พอมั้ง” ของทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ปลาสลิด เส้นขนมจีน ผัก ปลาเค็ม และของแห้งอื่นๆถูกยกมาวางเรียงกับพื้นเรือนครัว เพื่อให้ผมใช้สมองอันน้อยนิดวิเคราะห์ดูว่า
“กูจะทำอะไรแดกดีวะ”
“เอ ปลาสลิดตัวโตน่ากินดีนะ เส้นขนมจีนก็เหลืออีกตั้งเยอะทิ้งไปก็คงเปรี้ยว โหระพา” ผมเด็ดใบมาขยี้ดมดู “อืม กลิ่นหอมกว่าโหระพาใบใหญ่ที่บ้านเสียอีก ปลาเค็ม แอ่ะ ไม่เอาดีกว่าเหม็นคาวไม่ปลื้มๆ”
นับว่าเป็นงานที่หนักเอาการ
“มีเส้น มีปลาสลิด รู้แล้ว เย้!!!  สปาเก็ตตี้ปลาสลิด เจ้ย ไม่ใช่สิ ขนมจีนปลาสลิด อื้ม ฟังดูไม่เลว” ผมแม้มปากเอาจริงก่อนจะลงมือเตรียมของ
“ก่อนอื่นนะครับต้องทอดปลาสลิดก่อน แต่ว่าเนื่องจากว่าเราไม่มีน้ำมันเพราะยุคนี้เจริญมาก ไม่มีน้ำมันมะกอกใช้ เราจึงต้องใช้ไอ้นี่ แต้แด่มมมมมมมมมม” ผมชูมันหมูชิ้นสีขาวๆขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมา พลางเลียนแบบเชฟดังที่ทำอาหารโชว์ตามทีวีแก้เหงา
“ยางรองเท้าแตะ จ๊ากซ์ ไม่ใช่ มันหมูนั่นเอง” เล่นมุขเองตบเองเสร็จสรรพ
“กระทะร้อนแล้วนะครับตอนนี้ สังเกตุได้จากควันที่พุ่งขึ้นมา โยนมันหมูลงไปครับ อย่าให้เลยกระทะนะครับ  ฉี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้ยินเสียมั๊ยครับ ร้อนจริงๆ มันหมูนี้ดี เจียวเสร็จสามารถเอากากไปผัดพริกขิงได้อีกด้วย เคยได้ยินเจ๊ชั้นขาโหดพูดให้ฟังนะครับ” ไม่วายจะไปกัดคุณชั้น
“ระหว่างที่รอให้น้ำมันพรายจากหมูตายทั้งกลมนี้ไหลออกมา เราก็มาจัดการกับผักเหล่านี้กันนะครับ” ผมหันขวับอย่างกระฉับกระเฉง แหมก็สนุกดีเหมือนกันนะนี่
“ขนมจีนปลาสลิดทอดของเราในวันนี้นะครับ เราจะใช้พริกแห้งนะครับ กับกระเทียม บุบแค่พอแหลก” ปั๊ง!!! ผมใช้มีดทุบกระเทียมไทยกลีบเล็กที่กลิ่นไม่เล็กเลย ตามด้วยหั่นพริกแห้งออกเป็นท่อนๆ และหันไปทุบพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กแต่โคตรพ่อโคตรแม่เผ็ด
“ใบโหระพาครับเด็ดแช่น้ำไว้ก่อนเลยจะได้ไม่เหี่ยว เอาหล่ะที่นี้เราก็มาดูกันว่า น้ำมันจากหมูตายทั้งกลมออกมาเยอะรึยัง สงสัยถ้าเชฟจะทอดเฟร้นฟรายกิน คงต้องโยนหมูทั้งคอกลงไปเจียวกว่าจะได้น้ำมันสักกะทะ แต่ก็ดีครับ จะได้ไม่เป็นไขมันในเส้นเลือดอุดตาย”
ผมใช้กระจ่าตักมันหมูที่ตอนนี้แฟบเหลือก้อนเท่านิ้วโป้ง ก่อนจะโยนปลาสลิดลงไปทอดเสียงดังฉ่า
“ร้านเขาร้านใหญ่ ขายเพียงไข่เจียว
รับทรัพย์ทุกวัน และรับรางวัล
เขาสอนนักเรียน เปิดเป็นโรงเรียน โรงเรียนสอนการเจียวไข่
แค่เพียงน้ำมันวางลงบนเตา รอไฟให้ร้อน
ฉันต้องรับต้องรับมา ปริญญาทางไข่เจียว
วางลงบนเตา รอไฟให้ร้อน
แม้สิ่งนั้นจะนิดเดียว เดียว เดียว เดียว เดียววววว”
ระหว่างที่รอให้ปลาสลิดสุกกรอบได้ที่ก็ไม่ให้เสียเวลา ร้องเพลงไข่เจียวของเฉลียงแก้เบื่อ
“เอาละครับ น่าจะได้แล้วครับ เราก็ตักขึ้นวางพักบนกระดาษซับมันซึ่งที่นี่ไม่มีครับ งั้นเราก็จะใช้ใบตองแทน รอให้เย็นแล้วก็ค่อยๆใช้มีดแซะเนื้อปลาออกจากก้างนะครับ แบบนี้”
มีดค่อยๆเฉือนเลาะเนื้อปลาสลิดที่เหลืองกรอบหอมน่ากินออกเป็นชั้นๆ จริงๆแค่ปลาสลิดทอดอย่างเดียวผมก็กินได้แล้ว แต่มันไม่มีข้าวสวยนี่สิเรื่องใหญ่
เมื่อเนื้อปลาถูกเลาะออกมาและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะประกอบร่างของขนมจีนปลาสลิดกรอบ อาหารฟิวชั่นฟู๊ดที่ผมคิดค้นขึ้นมาเองเสียที

ผมก้มหน้าก้มตาอยู่ที่เตาเสียนานจนลืมเงยหน้าขั้นไปมองเรือนใหญ่ ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่นั่นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ช่างเหอะ จะไปสนใจทำไม อาหารมื้อใหญ่รออยู่ข้างหน้านี้แล้ว
ผมเอากระทะวางลงบนเตาถ่านอีกครั้ง การประกอบอาหารกับถ่านก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ เพราะมันจะมีกลิ่นหอมของถ่านไม้บางๆ ไม่มีกลิ่นแก๊ส อีกอย่างอาหารที่ทำจากถ่านจะสุกระอุและดูน่ากินกว่า
เมื่อกระทะร้อนผมก็เอาน้ำมันหมูปาดกระทะไปแค่ปลายจวักเพื่อไม่ให้ติด จากนั้นใส่กระเทียมและพริกแห้งลงไปผัดเสียงดังฉ่า
“ฮัดชิ้ว” กลิ่นฉุนของพริกกับกระเทียมขึ้นจมูก แต่นี่แหละเสน่ห์ของอาหารไทยเขาหล่ะ
“ฮัดชิ้ว”
“ฮัดชิ้ว”
“ฮัดชิ้ว เอ็งทำบ้าอันใดของเอ็ง เจ้าบ้า”
ระหว่างที่ผมผัดพริกแห้งกับกระเทียมอยู่นั้น ก็มีเสียงจามของคนอื่นตามมาเป็นระยะ พร้อมเสียงด่าของป้าเมี้ยน
“แหม่ กลิ่นเด็ดขาดจริงๆ” ผมว่าพลางเอาปลาสลิดลงไปผัด

ตอนนี้กลิ่นฉุนของพริกแห้งกับกระเทียมค่อยๆจางไป เหลือแต่เพียงกลิ่นหอมอบอวลลอยฟุ้งทั่วเรือนเท่านั้น
ผมนั่งผัดไปผัดมาอย่างไม่รีบร้อน เพราะไฟก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย ระหว่างนั้นก็ทอดสายตามองไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเรือนใหญ่
“แหม ท่าทางจะมีแขกไม่ธรรมดามาเยี่ยม หนูวาดแต่งตัวซะสวยเชียว” ผมหันไปดูยายคนสวยของผมกำลังสนุกอยู่กับการช่วยยกสำหรับขึ้นบนเรือนอยู่ที่กระได ระหว่างนั้นก็หยิบเส้นขนมจีนลงไปคลุกเบาๆ
“น่ารักเหมือนกันนะนี่ยายเรา” ระหว่างที่ผมนั่งปลื้มยายตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ ผมก็เห็นเธอยื้อแย่งชามใส่บางอย่างจากบ่าวผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเธอจะไม่เต็มใจให้หนูวาดช่วย
“ให้หนูวาดช่วย ช้อยขอให้หนูวาด” เสียงของเธอแหลมเล็กขึ้นมา
“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณ ไม่ได้ มันร้อน ประเดี๋ยวจะลวกมือ” เธอส่ายหัวใหญ่
“ไม่ร้อนหรอก ช้อย หนูวาดถือได้ ให้หนูวาดยกไปเอง” แต่ยายผมก็ดื้อหัวชนฝาพยายามจะแย่งชามแกงนั้นมาให้ได้
“คุณวาดเจ้าขา ประเดี๋ยวมันหกนะเจ้าคะ ปล่อยเถิดเจ้าค่ะ”
ทั้งสองยื้อหยุดฉุดกระชากอยู่ครู่ใหญ่  
“เดี๋ยวก็ได้หกกันพอดี” ผมบ่น พลางโรยปลาสลิดทอดลงไปจากนั้นตามด้วยเกลือป่น พริกไทยป่นที่แม่ครัวเขาตำไว้ แล้วหยิบมาชิมเส้นนึง
“เอ ยังขาดเค็ม” ผมพบว่ารสชาติมันยังขาดรสเค็มที่ไม่ใช่เค็มของเกลือ แล้วมันคืออะไรกันนะ
“อ้อ รู้แล้ว” ผมรีบกระโดดขึ้นเรือนไปหยิบปลาอินทรีย์เค็มทรงเครื่องมาโรยคลุกรวมลงไป
“อืม รสชาติกำลังดีเลย อร่อยแล้ว” เมื่อเห็นว่าขนมจีนปลาสลิดกรอบของผมรสชาติกลมกล่อมกำลังดีแล้ว จึงขยุ้มใบโหระพาโรยลงไป แล้วตักขึ้น
และแล้วสิ่งที่ผมนึกกลัวก็เกิดขึ้น
เพล้ง!!!
“ว้าย คุณวาด” เสียงบ่าวกรีดร้องขึ้นมา ผมเองก็พาลตกใจไปด้วย ชามที่ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่เมื่อครู่หล่นลงแตก ทำให้แกงหกเรี่ยราด
คุณชั้นได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น รีบเดินลงมาดู และพบว่าหนูวาดยืนตัวสั่นหน้าซีด
ชามกระเบื้องลายครามที่เคยสวยงาม บัดนี้ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆกองอยู่ข้างบันได ข้างๆกันนั้นมีบ่าวผู้หญิงนั่งคุดคู้ก้มหน้าตาสั่นด้วยกลัวอาญา หนูวาดเองนั้นก็ไม่ต่างจากบ่าวสักเท่าไหร่
ผมลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจเช่นกัน คิดว่าคุณชั้นคงฟาดหนูวาดไม่ยั้งเหมือนที่แม่ผมเคยทำ แต่เธอกลับไม่ทำอย่างนั้น เธอมองหนูวาดแค่เพียงสายตา แค่นั้นก็ทำให้หนูวาดถึงกับร้องไห้โฮออกมาแล้ว คุณชั้นชี้นิ้วขึ้นไปบนเรือนเหมือนจะบอกให้หนูวาดเข้าไปอยู่แต่ในห้อง ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านอีก
“เข้าไปในห้อง ป้าจักจัดการเจ้าที่หลัง แม่วาด” น้ำเสียงแข็งกร้าวน่ากริ่งเกรงนั้น ทำให้หนูวาดเดินคอตกขึ้นเรือนไป




“แย่แล้ว แย่แล้ว” เสียงป้าแม้นวิ่งโครมๆมาที่เรือนครัว
ผมนั้นกำลังจัดจานไว้อย่างสวยงามเพื่อจะได้กินกับข้าวที่ตัวเองทำ หมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ชิมกับข้าวที่แทนสปาเก็ตตี้ปลาสลิดของโปรดสักที แต่ยังไม่ทันจะเอาเข้าปาก
“เจ้าบ้า หลีกไปๆ” ป้าแม้นแทบจะกระโดดขี่คอผมอย่างเร่งรีบ ผ้าถุงผ้าแถบกระเจิดกระเจิง  ควานหาบางอย่างในครัวจ้าละวั่น
“หาอะไรป้า” ผมถาม
“หาสำรับเหลือๆนะสิวะ ไอ้บ้า คุณวาดเธอทำแกงเขียวหวานเนื้อที่ไว้รับแขกหล่นแตก เรื่องใหญ่เลยล่ะเอ็งเอ้ย ไม่มีสำรับรับแขกน่ะ” แกเลิกลักตอบไม่มองหน้าผม ยังคงตั้งหน้าตั้งตารื้อถ้วยชามข้าวของออกมาจากตู้กับข้าว
“เอ็งเห็นผักปลา ในนี้บ้างมั๊ยวะ” แกหันไปบ้วนน้ำหมาก
ตายห่าแล้วกู ซวยแล้วมั๊ยหล่ะ เอาของเขามาทำกินหมดแล้ว
“ของอะไรป้า” ผมเฉไฉทำเสียงสูง
“ก็ปลาสลิด ปลาเค็ม ไหนจะผัก จะหญ้าในนี้ไงวะ เห็นรึเปล่า”
“อ้อ” ผมทำท่าเพิ่งนึกขึ้นได้ รู้อยู่เต็มออกว่าตัวเองไปเอาของเขามา “ปลาสลิดนี้เหรอ” ผมชี้ไปที่ปลาสลิดที่นอนนิ่งเหลือแต่ก้าง “ชั้นเอาไปทำกับข้าวเสียแล้ว ก็ ก็ป้าบอกว่าให้หากินเอาเอง”
“ตายละวา อกอีกแป้นจะแตก แล้วข้าจะเอาที่ไหนมาทำสำรับรับแขกละนี่ โธ่ อีแม้นเอ้ย” แกเดินกระสับกระส่ายไปมา พลันสายตาเหลือบไปเห็นขนมจีนปลาสลิดทอดของผม
“นี่อันใด” ป้าแม้นส่งสายตาไม่ไว้วางใจ
“อย่านะป้า ของชั้น” ผมไม่ยอมแพ้ ส่งสายตาขู่กลับ แต่ไม่เป็นผล แกยกชามอาหารเช้าผมขึ้นมา
“เอานี่แหละว่ะ ข้าขอก่อนแล้วกันนะเจ้าบ้า” ว่าแล้วแกก็ฉวยชามวิ่งหน้าตั้งโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของผม
“ป้าแม้น จะเอาไปไหน นั่นมันของชั้น เอาไปไม่ได้นะป้า” ผมวิ่งตามไปติดๆ จะเอาไปได้ยังไง จะเอาอาหารจานนั้นไปรับแขกได้ยังไง นั่นมันผมทำกินเล่นๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2011 23:32:36 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ป้าแม้นวิ่งถือชามขึ้นเรือนไปโดยมีผมวิ่งตามมาหยุดอยู่หน้าบันได ไม่กล้าตามขึ้นไป
“นังแม้น หยุดวิ่งประเดี๋ยวนี้” เสียงคุณชั้นดุ “มิใช่สาวๆแล้ว หกล้มกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมาจักลำบาก ไหนหล่ะ ของที่เราให้หา”
ผมได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจนของคุณชั้น ใจหนึ่งอยากจะเดินขึ้นไปขอชามอาหารคืน แต่อีกใจก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณชั้นเธอจะว่าอย่างไรกับอาหารจานนี้
“นี่เจ้าค่ะ คุณ อิชั้นหามาได้แค่นี้เจ้าค่ะ” ผมย่องเข้ามาใต้ถุนเรือน
“กระไร นี่มันกระไรหน้าตาประหลาดนัก”
“อิชั้นก็มิทราบเจ้าค่ะ เห็นเจ้าบ้ามันทำไว้น่ะเจ้าค่ะ”
“หน้าตาพิลึก เอาไปเททิ้งเสีย เอาอาหารหน้าตาประหลาดเยี่ยงนี้ไปรับแขก ขายหน้าแย่”
เธอพูดทำลายน้ำใจผมจนไม่เหลือชิ้นดี ใจร้ายมาก ถึงแม้อาหารจานนั้นมันจะไม่ได้ดูดี ดูหรูหราอะไร แต่ผมก็ตั้งใจทำนะ
“แต่คุณเจ้าคะ ในครัวไม่เหลืออะไรแม้แต่น้อยนะเจ้าค่ะ ข้าวสารเพียงหยิบมือก็มิเหลือ” ป้าแม้นยังคงพูดต่อ ส่วนผมนั้นทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความน้อยใจ
“คุณลองชิมเสียหน่อยนะเจ้าคะ บางทีรสชาติมันอาจไม่ได้เลวเหมือนหน้าตาก็ได้นะเจ้าคะ” นี่ด่าหรือชมเนี๊ยะป้า
 “หากไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการณ์เอานะเจ้าคะ นี่ก็ใกล้เพลาหม่อมจะมาแล้ว” ผมฟังจากน้ำเสียงของป้าแม้นแล้ว หม่อมคนนี้คงจะสำคัญไม่น้อย
“จักให้เราชิมไปได้อย่างไรเล่า นี่มันอาหารคนหรืออาหารสุนัขก็มิอาจเดา”
คำพูดคำนั้นเองของคุณชั้นที่ทำให้ผมถึงกับสะอึก นี่มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ มันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือ ทั้งชีวิตผมมันห่วยแตกขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมเสียใจ เหมือนน้ำตาจะไหล แต่มันก็ไม่อาจไหลได้ความรู้สึกคับแค้นใจไหลปร่าไปทั่วร่าง

คุณชั้นเงียบไปรวมทั้งคนบนเรือนด้วย ผมนั่งฟังคำพูดอะไรก็ได้สักคำที่จะออกมาจากปากคุณชั้น แต่ข้างบนเรือนนั้นไม่ได้พูดอะไรกันเลย นั่นยิ่งทำให้ผมกระสับกระส่ายหนักเข้าไปอีก
“โธ่เว้ย” ผมทนที่จะรับฟังคำวิจารณ์อะไรจากปากคุณชั้นไม่ได้อีกแล้ว  ผุนผลันลุกขึ้นวิ่งออกไปจากบ้านผม ไม่สิ เรือนคุณชั้นอย่างเร็วที่สุด







“ Damn it!!!” เสียงปะทุอารมณ์คบแค้นในใจของผมดังลั่นเรือนหมอปีย์ ในขณะที่หมอนั่นนั่งอยู่ที่เดิม
“เป็นอะไรไปอีกเล่า” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันเบื่อ เบื่อ เบื่อที่นี่  I hate this place.It's not my place. I wanna go home. MY HOME” เสียงตะโกนร่ำร้องอะไรสักอย่างที่ผมโหยหาดังก้องไปทั่วบ้าน รวมทั้งในหัวผมด้วย
“จงพูดมาเถิดพ่อ เราจักรับฟัง”
“ไม่มี ไม่มีอะไรจะพูด” ผมนั่งลงใกล้ๆเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“แต่   ชั้น  ชั้นเบื่อ นายเข้าใจมั๊ย ชั้นเบื่อ ชั้นมาที่นี่ทำไม มาทำไม  what I am doing here. I have no one here. She ignored me. She didn’t care how I feel. She is so cruel.”
“ผู้ใดกันเล่า”
“คุณชั้น คุณชั้นน่ะสิ ชั้นทำอะไรไม่เคยถูกใจสักอย่าง”
“อย่าคิดให้มากไปเลยพ่อ คุณชั้นเธอหาใช่คนใจไม้ไส้ระกำดอก ตามที่เรารู้ ถึงแม้เธอจะมิใช่คนอ่อนโยน แต่ก็หาได้ใจร้ายใจดำไม่”
“นายไม่เข้าใจหรอก นายไม่ใช่ชั้นนิ”
“เชื่อเราเถิด พ่อ  เชื่อเรา”
เขาปลอบใจ ถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้ผมหายเครียด แต่อย่างน้อยก็ทำให้พอบรรเทา
“อ้อ แล้วอีกอย่าง เจาลืมไปแล้วกระมังว่า ที่แห่งนี้ ที่ที่เจ้าบอกว่าไม่มีใคร เจ้ายังมีเรา  ยังมีเรา นะพ่ออัชย์”
ผมยิ้มออกมาได้ในที่สุด รู้สึกเบาหวิวขึ้นมาทันที
 



“เจ้าบ้า” เสียงกระซิบดังขึ้นที่ชานเรือน
“ป้าแม้น มาทำอะไรที่นี่” ผมชะโงกหน้าออกไปนอกชาน
“คุณชั้นให้หา” เธอทำท่าตื่นเต้น
“คุณชั้นให้หา” ผมทวนคำป้าแม้น แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็เออนะสิวะ เร่งเข้า ประเดี๋ยวจักไม่ทันการณ์” ป้าแม้นเต้นผางๆ
“เรื่องอะไร ให้หาชั้นเรื่องอะไร”
“เออวะ เจ้านี่ จักให้ข้าต้องอกแตกตายไปก่อนหรือกระไร ลงมา”
ผมเดินงงๆลงมาจากเรือน นึกไม่ออกจริงๆว่าคุณชั้นเรียกหาผมเพราะเรื่องอะไร
“เร่งตามข้ามาเถิด แขกคุณชั้นจักมาแล้ว”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้นล่ะป้า”
“อุบ๊ะ ก็คุณชั้นจักให้เจ้าเร่งทำสำรับเพิ่มนะสิ เจ้านี่”

แค่นั้นแหละครับ ทันทีที่ผมได้ยิน หัวใจผมพองโตลิงโลด ดีใจอย่างบอกไม่ถูกจนต้องร้องตะโกนออกมาลั่นบ้าน
ในที่สุดคุณชั้นก็ยอมรับผมแล้ว ผมทำให้เธอเห็นว่าผมมีตัวตนแล้ว คราวนี้แหละ ผมจะทำให้สุดฝีมือ เพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า ผมน่ะ มีดีมากกว่าที่คิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2011 23:35:09 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ กว่าจะไร้เดียงสา

  • อาจมีค่าเพียงหยดน้ำ...สักวันจะกลายเป็นฝน
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-26
 :z13: :z13:

อยากอ่านฉากอัศจรรย์..... :o12:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
:z13: :z13:

อยากอ่านฉากอัศจรรย์..... :o12:

ประสบการณ์พี่มิโชกโชนพอ คงต้องรบกวนน้องนางช่วยแล้วหล่ะ ฉากนี้อ่ะ

ออฟไลน์ O[]OVampire

  • เพียงเธอสบตา...แทบลืมหายใจ เพียงเธอ...จากไป...ตราบชั่วลมหายใจ ...ไม่ลืม
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-0
มาแบบเนื้อหานิดเดียวอ่า...อยากอ่านต่อมากมาย
กำลังสนุกเลย

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
สั้นๆค่ะ

"หิว"   :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
บรรยายซะหิวเลย ถ้าเราเป็นเจ้าบ้านะเราก้คงโกรธเจ้ชั้นเหมือนกันอะ

อยากกินขนมจีนปลาสลิด~

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอยากกินขนมจีนปลาสลิดฝีมือพ่ออัชย์บ้างอ่ะ ...รออ่านต่อไปค่ะ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   โอว จุดกำเนิดของอาหารเทพ มาจากการยำรวมกันของของเหลือในตู้นี่เอง





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด