A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117339 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
กำลังสนุกเลย

ชอบจังคำนี้

"คุณชั้นให้หา"

คำนี้ไม่ได้ยินนานแล้ว

BF-e

  • บุคคลทั่วไป
 โอ้ววว   เค้าเรียกเเล้วว :a2:

MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
ถึงจะมีหมอปีย์แค่นิดเดียว แต่ก็หวานจนมดกัน
เอาแล้ว พ่ออัชย์จะได้เกิดก็งานนี้แหละ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
คุณชั้นนี่พูดอะไรไม่ถนอมน้ำใจกันเลย เเย่จริงๆ สุดท้ายก็ต้องมากง้อนายเอกของเราจนได้

รีบมาต่อนะคะ สนุกมากค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยพ่ออัชย์จะได้แสดงฝีมืออาหารยุคปัจจุบันอวดรึเปล่า

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมของหมดบ้าน ไม่มีสำรองเลยเหรอ

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
คุณหมอปีย์แอบหยอดคำหวานนิดๆนะนี่
คราวนี้ได้แสดงฝีมือ ทำเต็มที่เลยนะ พ่ออัชย์

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อ่านฉากนี้แล้วท้องร้องเลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ celegana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ในที่สุดเจ้าอัชย์ก็ทำสำเร็จซะที เย้ๆๆๆ :mc4:

หมอปีย์ก็ขยันหยอดจั๊งงงงงงงงง เมื่อไหร่จะใจอ่อนซะทีน้าาาาาาาาาาา อิอิ

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ลังเข้มข้นเลย

อ่านแล้วสะท้อนใจ  เฮ้อ เป็นคนไทยที่ลืมความเป็นไทย

แล้วเราจะเหลือความเป็นไทยให้ภูมิใจได้ยังไงนะ

ปล.เหนื่อยใจกับปอมากๆ ทำเหมือนจะรู้ใจหมอปีย์  แต่ก็เหมือนจะไม่รู้ในเวลาเดียวกัน  นี่ปอ  โง่จริงๆหรือว่าแกล้งโง่เนี่ย

ปล.  คิดถึงแดง
ปล2. +1 จ๊า

bow55

  • บุคคลทั่วไป
รู้แต่ทำเป็นไม่รุ้นะเนี้ย

Monkizzz

  • บุคคลทั่วไป
เจ๋งไปเลย ขนมจีนปลาสลิด อยากกินบ้างอ่ะ

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :m28:
มันเป็นไงหว่า...ขนมจีนปลาสลิด ???  :m23:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2


หลังจากงานวันนั้นผ่านพ้นไป ผมก็ได้แสดงฝีมือให้คุณชั้นเห็นแล้วว่าผมสามารถทำได้ ด้วยการมีส่วนประกอบอาหาร และเวลาที่จำกัด ผมทำให้แขกของคุณชั้นประทับใจ และชมเปาะว่าคุณชั้นมีผู้ช่วยที่มีฝีมือน่าทึ่ง ตัวคุณชั้นเองก็ถึงกับอมยิ้มเมื่อได้รับคำชม
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนกำลังใจให้ผมทนอยู่ที่นี่ต่อไป พร้อมๆกับความสัมพันธ์ที่เริ่มดีขึ้นระหว่างผมกับคุณชั้น

“วันนี้มิไปเรือนคุณชั้นเหรอ พ่ออัชย์” หมอปีย์ทัก
“ไม่อ่ะ วันนี้ชั้นว่าจะเอาของเล่นไปฝากเจ้าแดงมันเสียหน่อยน่ะ ซื้อมาหลายวันแล้ว” ผมเดินเข้าไปในห้องของหมอปีย์
“เจ้าพอมีเวลาสักครู่หรือไม่” เขาหันมาถามขณะที่ผมนั่งลงบนเตียง
“มีสิ มีอะไรเหรอ”
“ช่วยเราแปลข้อความทางการแพทย์บทนี้หน่อย เราพยายามแปลหลายต่อหลายหน ก็ไม่ได้สักที”
เขาเดินมานั่งใกล้ๆพร้อมกับหนังสือ
“ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้” ผมขยับออกมาเมื่อเห็นว่าหมอนั่นนั่งเสียชิด
“ไม่ได้ดอก เราหูมิใคร่ดี” เขาขยับตามมาอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นตะโกนให้” ผมยิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะมาไม้ไหน หนาวๆแบบนี้เกิดมันอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมาแย่เลยกู
“เจ้ากลัวเราหรือ”
“เออสิ” ผมตอบตรงๆก่อนจะขยับหนี “ดูตาสิ หื่นซะขนาดนั้น”
“เรามิทำอันใดเจ้าดอก เจ้าบ้า เราแค่อยากจะ..............อยู่ใกล้ๆเจ้า”
โห พูดซะผมใจอ่อนเลย
“อยู่ใกล้ๆชั้นเนี๊ยะนะ บ้ารึป่าว” ผมหน้าแดง จู่ๆมีผู้ชายมาบอกว่าอยากอยู่ใกล้ “ก็นี่ไงใกล้กันจนจะขี่กันได้อยู่แล้ว”
“มันยังใกล้ไม่พอสำหรับเรานี่ ใจจริงเราอยากจะทำมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ ให้สมกับที่เรารอคอย”
“อี๋  ไม่สบาย กินยาผิดป่ะเนี๊ยะ ไหนดูดิ” ผมลืมตัวเอามือแตะหน้าผากเขา หมอปีย์นั่งนิ่งก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา เอามือของเขาจับมือผม
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเราคิดเยี่ยงไรกับเจ้า” เขาส่งสายตาหวานซึ้งจนผมแทบละลาย
“งึ” ผมรู้ แต่แกล้งส่ายหน้าใสซื่อไปอย่างนั้นแหละ
“เจ้าไม่รู้จริงๆหรือ”
“ใครจะไปรู้หล่ะ ชั้นไม่ได้มีเวทมนต์อ่านใจคนได้เสียหน่อย”
“แต่ถ้าเราให้พรเจ้าได้หนึ่งข้อ เราจักให้พรเจ้า รู้ใจตัวเอง มากกว่าอ่านใจคนอื่น”
ผมนิ่งไปครู่ใหญ่ ในขณะที่ในห้องนั้นมีแต่เราสองคน เสียงให้ใจของเรานั้นถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงลมพัดใบไม้ไหว แต่ใบไม้ที่ไหวอยู่ข้างนอกนั้น ไม่อาจเทียบได้กับใบไม้ที่ไหวอยู่ในใจ..................ผม
“หากเจ้ามิรู้ว่าเราคิดเยี่ยงไรกับเจ้าจริงๆ เราจักบอกเจ้า”

แล้วใบไม้ที่ไหวอย่างรุนแรงนั้นก็หยุดนิ่งราวกับพายุเมื่อครู่สงบลงไปแล้ว เมื่อไม่มีลมพัด บรรยากาศภายในห้องนั้นก็อึดอัดขึ้นทันที ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก
 ไม่ ผมยังไม่พร้อมจะรับฟังอะไรตอนนี้
“หากนายคิดว่านายพร้อมจะรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากคำพูดคำนั้นของนายได้ ก็ตามใจ” ผมก้มหน้านิ่ง แววตาเต้นระริก
“เราไม่คิดแล้ว พ่ออัชย์ เราไม่คิดอันใดอีกแล้ว เราคิดมามากพอแล้ว มากเสียจนวันหนึ่งเราเกิดกลัว กลัวว่าหากเรามัวแต่คิด วันนั้นเราจักเสียเจ้าไปอีก”

เขาหายใจถี่ขึ้น แต่ไม่ถี่เท่ากับที่ผมเป็นอยู่ เหงื่อเริ่มไหลปร่าไปตามแผ่นหลัง มือจิกที่ขาตัวเองอย่างแรงแต่กลับไม่เจ็บปวด
พายุในใจที่สงบไปเมื่อครู่นั้น คล้ายๆกับว่าเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า พายุใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
“เอ่อ นายแน่ใจแล้วเหรอ” ผมลังเลที่จะฟังทั้งๆที่ไม่ใช่คนที่ต้องพูด แต่กลับกลายเป็นคนที่ตื่นเต้นเสียเอง  
เขาพยักหน้าแววตาแน่วแน่
“ได้ อยากพูดอะไรก็พูด ชั้นจะตั้งใจฟัง” ผมกัดฟันพูด หันไปมองหน้าหมอนั้นอย่างเอาจริงเอาจัง
“ได้พ่ออัชย์ ตั้งใจฟังเราให้ดีนะ”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง มุ่งมั่นว่าอย่างไรเสีย วันนี้ก็จะฟังคำๆนั้นของหมอปีย์ให้ได้
“ครั้งแรกที่เราเจอเจ้า........................”
ใจผมเริ่มสั่นโครมคราม
“เจ้าเหมือนเดินออกมาจากความฝัน..........................”
เหงื่อเริ่มซึมหน้าผาก
“เรารู้ทันทีว่าเวลาแห่งการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว.............................”
มือทั้งสองข้างกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ถึงแม้เจ้าจะมิได้เป็นอย่างเราวาดไว้ในมโนภาพก็ตาม”
ตัวผมเริ่มกระสับกระส่ายไปมา
“วันนี้เราพร้อมแล้ว เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เราไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเจ้าจักรู้สึกอย่างไร หรือใครจักรู้สึกอย่างไร “
...................
“เรามิคาดหวังความสมหวัง”
“เรามิคาดหวังความสุขในบั้นปลาย”
“เรามิคาดหวังให้ใครมาอยู่ข้างกาย”
“แต่สิ่งที่เราคาดหวังคือ เราอยากให้เจ้าได้รับรู้ จากปากของเรา...............จริงๆ”
.....................
“พ่ออัชย์” เขาจ้องมองผมไม่กระพริบ
“หา หึ อะไร” ตื่นเต้นๆ จนบอกไม่ถูก
“เรา....................................”
หัวใจเต้นตุบๆ
“เราอยากบอกเจ้าว่า....................”
ตึกๆ ตึกๆ
“เรา...............................”
ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ผมหายใจไม่ออก ผมจะเป็นลม
“เรา......รั.................................”
“เฮ้ยหมอ!!!” ผมลุกพรวด “ชั้นลืมไป ว่า ชั้นเอ่อ ชั้นต้องไปหาไอ้แดงมันน่ะ” ผมหันซ้ายหันขวาทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ชั้นไปก่อนนะหมอนะ ค่อยคุยกัน” แล้วผมก็พรวดพราดวิ่งออกจากห้องหมอนั่นไปอย่างรวดเร็ว












“ไอ้หมอป้า ไอ้หมอ ไอ้หมอ....” ผมพยายามสรรหาคำในโลกมาด่ามันในขณะที่กำลังเดินไปเรือนหลังสวน แต่ก็ด่ามันไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คนบ้าอะไรวะ มาสารภาพรักกับผู้ชาย รู้ทั้งรู้ว่าเราเป็นผู้ชายยังจะมาจีบ
“เอ๊ หรือมันเห็นนมที่หน้าอกกู” ผมรีบจับหน้าอกตัวเอง
“ไอ้บ้าเอ้ย” เมื่อนึกถึงใบหน้าและแววตาตอนที่มันจะพูดตอนนั้น ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“น่ารักเหมือนกันน่ะมึงน่ะ ไอ้หมอปีย์” ผมยิ้ม



เรือนหลังสวนตอนนี้รกคลึ้มไปด้วยเถาวัลย์ต้นเล็บมือนางที่ไต่เลื้อยพันเกือบรอบเรือน อีกทั้งต้นตำลึงที่โตใบเข้มเข้มที่กำลังเลื้อยลอดราวกับจะพยายามชูต้นตรง ลูกตำลึงสีแดงสดนั้นดึงดูดเหล่านกกินผลไม้ให้เข้ามาจิกกิน
 สนนั้นดูเหมือนจะยุ่งมากถึงไม่มีเวลาตัดต้นไม้เลย
 แต่ถ้าไม่มีสน เรือนหลังนี้ก็คงไม่มีใครดูแล คนที่อยู่ในเรือนนี้ก็คงจะต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนเป็นที่รังเกียจอุจาดตาของคนทั่วไป
ต้องขอบคุณสน ที่เสียสละเพื่อคนอื่นถึงขนาดนี้
ลำไม้ไผ่ลำเดิมถูกวางพาดไปยังอีกฝั่ง ผมเดินทอดน่องข้ามไปอย่างชำนาญ ในมือถือของเล่นที่ซื้อมาจากงานภูเขาทอง ซื้อมาตั้งนานไม่มีเวลาจะเอามาให้ไอ้แดงมัน ป่านนี้มันคงชะเง้อคอมองหาผมจนคอแทบหักเสียแล้วละมั้ง
หลายวันมานี้สนเองก็หายไปเลยไม่มาให้ผมเห็นหน้า หลังจากวันที่ไปเมาแอ๋มาด้วยกัน โดนหมอนั่นเฆี่ยนไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง

ผมเดินผ่านเรือนหลังนั้นไป เพราะคิดว่าแดงคงไม่อยู่ที่เรือนหรอก อาจวิ่งเล่นอยู่แถวๆกอไผ่อย่างเคย
 นึกถึงแววตาของเด็กคนนี้แล้วทำให้ผมอิ่มใจไม่น้อย มีกำลังใจสู้ต่อทุกครั้งที่นึกถึงแดง เด็กตัวเล็กแค่นี้ แต่ต้องไม่มีพ่อมีแม่ คอยโอ๋เวลาร้องไห้  จะกินข้าวกินน้ำก็ต้องป้อนเอง อาบน้ำเอง โหยหาอ้อมกอดจากพ่อแม่ก็ไม่มี ได้แต่นั่งกอดเข่าจับเจ่าอยู่เดียวดาย ไม่มีแม้แต่เพื่อนจะเล่นด้วย โลกทั้งใบของแดงก็อยู่เพียงแค่เกาะกลางแม่น้ำและกอไผ่แห่งนี้เพียงเท่านั้น
แววตาที่แดงเหม่อมองออกไปนั้นมันไม่มีความหมายใดๆหรอก ผมรู้ว่ามันไม่มีอะไร เด็กขนาดนั้นจะไปรู้สึกอะไรได้ คงไม่เคยคิดถึงอนาคต ไม่เคยคิดว่าจะทำมาหากินยังไง คงไม่รู้จะคิดอะไร
นอกจากคำว่าเหงา ผมเองนั้นมักจะเรียกร้องอะไรที่มากเกินไป มากเกินความจำเป็นทั้งๆที่มีทุกอย่างไม่เคยขาด ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยไม่ได้อะไร แล้วดูเด็กคนนี้สิ เขาไม่มีอะไรเลยตั้งแต่เด็ก และยังไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องอะไรด้วย
ผมนับถือหัวใจดวงน้อยๆของเด็กคนที่ชื่อ เจ้าแดงนี้เสียจริงๆ
“แดง”
“ไอ้แดง”
“แดง” ผมตะโกนเรียกแดงทั่วบริเวณ
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆนอกจากเสียงลมพัดใบไผ่หวิวๆ
“แดง” ผมเดินอ้อมมาอีกฝั่งของกอไผ่ เผื่อว่าเจ้าแดงจะแอบหลับอยู่ แต่ก็ไม่พบ มีเพียงหลุมดินที่แดงขุดเป็นหลุมขนมครก บางหลุมยังมีดินที่ละลายน้ำทำเป็นแป้งอัดอยูเต็ม ข้างๆหลุมนั้นมีขนมครกจำลองถูกแคะวางอยู่เต็มไปหมด
“ไปไหนของมันนะ” ผมสงสัย ปกติแดงไม่เคยไปไหนไกลจากที่นี่
“หรือว่า.................จะไปเล่นอยู่ที่แปลงสมุนไพร” ผมหันหลังกลับเดินไปอีกฟากของเรือน ที่ที่สนขุดดินยกร่องปลูกพืชผักสมุนไพร
“แดง แดง” ปากก็ยังร้องตะโกนเรียกชื่อแดง
“แดง” แต่ไม่มีแม้วี่แววของแดงที่แปลงสมุนไพรแห่งนี้



“ลุงๆ เห็นเจ้าแดงมันมั๊ย” ผมเดินไปถามลุงแก่คนนึงที่นั่งมวนกลีบบัวแห้งเป็นมวนบุหรี่ก่อนจะจุดไฟสูบ
แกไม่ตอบอะไร เพียงแต่เบ้หน้าไปในเรือน
“อยู่ในเรือนเหรอลุง” แกพยักหน้า ผมจึงเดินกลับไปยังเรือน


ทุกครั้งที่มาเรือนหลังสวน สิ่งเดียวที่ผมไม่อยากทำมากที่สุดสำหรับที่นี่คือการ “เปิดประตู”
ทุกทีที่เปิดประตูเรือน ผมก็แทบจะหงายหลังล้มตึงไปเสียทุกครั้งด้วยกลิ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในนั้น ทั้งกลิ่นยา กลิ่นเลือดกลิ่นหนอง กลิ่นข้าวที่บูดเน่า กลิ่นผ้าเหม็นอับ กลิ่นเสื่อเก่าเก็บ และอีกหลายๆกลิ่น
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมต้องเบือนหน้าหนีที่ประตูเปิดออก ก่อนจะสูดหายใจเอาอากาศข้างนอกอีกครั้งและกลั้นหายใจเดินเข้าไปในเรือน
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คนป่วยนอนเรียงรายร้องครวญคราง
“อ้าวสน” ผมร้องทักเมื่อเห็นสนยืนบิดผ้าอยู่ที่หน้าต่าง แผ่นหลังของเขานั้นมีรอยเส้นเป็นทางยาวพาดผ่านหลายเส้น เขาหันมามองผมสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ชั้นมาหาไอ้แดงมันน่ะ เอาของเล่นมาฝากซื้อมาหลายวันแล้วไม่ได้ให้สักกะที” ผมยิ้ม แต่สนไม่มีสีหน้าใดๆตอบกลับเลย
“เป็นอะไรรึป่าว”ผมถามเมื่อเริ่มผิดสังเกตุ


“เจ้าแดงอาการไม่ค่อยดี” เขาตอบเพียงเท่านี้ มือไม้ผมก็อ่อนทันที แววตา สีหน้าและคำพูดของสนนั้นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“แดงอยู่ไหน” ผมถามอย่างร้อนใจ
“ตามข้ามาสิ”
สนถืออ่างน้ำพาผมเดินลัดเลาะแคร่ที่มีผู้ป่วยนอนเรียงรายอยู่ ผมไม่มองสิ่งใดเลยนอกจากทางข้างหน้า และสอดสายตามองหาแดงอย่างร้อนรน
 “แดง” ผมร้องเรียกชื่อแดง เมื่อเห็นร่างเล็กๆนั้นนอนหายใจหนักหน่วงอยู่บนแคร่ริมหน้าต่าง
“มันเพิ่งหลับไปเมื่อประเดี๋ยวนี้เอง ไข้ขึ้นสูง ชักหลายครา ท้องเดิน แลปวดตามข้อจนร้องไห้จ้า”
แค่ผมฟังสนเล่าอาการของแดงให้ฟัง หัวใจผมก็แทบสลาย ไม่อยากได้ยินแม้แต่คำว่า แดงไม่สบาย
“แล้วแดงจะเป็นยังไงมั่ง สน” ผมนั่งลงใกล้ๆร่างของแดงที่หลับตา คราบน้ำตายังเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง รอยเลือดยังเกรอะกรังอยู่ที่รูจมูกทั้งสองข้าง ตอนนี้หัวใจผมลีบเล็กเหลือเท่าเม็ดถั่วเขียว
“ข้าก็จนปัญญา แล้วเจ้าบ้าเอ๋ย เยียวยาไปตามอาการ จะประทังอยู่ได้กี่เพลายังมิรู้เลย” สีหน้าของเขาสลด
“ไอ้แดง เอ็งต้องไม่เป็นอะไรนะเว้ย” ผมกุมมือเล็กๆที่ลีบกุดของเด็กนั่นแน่น “พี่เอาของเล่นมาฝากนี่ไง เห็นมั๊ย ของเล่น” ผมชูของเล่นขึ้นมาแกว่งไปมาด้วยสติที่กระเจิดกระเจิง
“ตื่นขึ้นมาเล่นของเล่นด้วยกันนะเว้ย ไอ้แดง พี่ยังไม่ได้ซื้อช้างให้เอ็งเลย รอช้างพี่ก่อนสิ” น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ให้ตายเหอะ มันกระอักกระอ่วนไปหมด จะร้องไห้น้ำตาก็ไม่ไหล จะพูดเสียงก็สั่นเครือ จะยิ้มก็ฝืนยิ้มไม่ได้





เวลาผ่านไปนาน แดงยังคงนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาและความเจ็บปวด ผมเองนั้นอาสานั่งดูแดงแทนสนที่ต้องไปดูแลคนไข้คนอื่น ในใจภาวนาขอให้มันไม่เป็นอะไร ผมนึกถึงไปขนาดที่ว่า จะพาไอ้แดงกลับมารักษาที่กรุงเทพฯ ด้วยการพามันกระโดดน้ำ แต่เมื่อคิดถึงว่าถ้ามันไม่เป็นไปตามที่ผมคิดหล่ะ ผมไม่ฆ่าแดงมันด้วยความคิดบ้าๆแบบนี้เหรอ
“ช้าง” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเบาๆจากปากที่อ้าไม่ได้มากของแดง แดงลืมตาขึ้นและเห็นผมนั่งอยู่ข้างๆ แววตาของเขาดีใจที่ผมมาหาเสียที เขาไม่เรียกชื่อผม แต่กลับเรียกผมว่า “ช้าง”
“เฮ้ย แดง แดงตื่นแล้วเหรอ” ผมร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ช้าง” มันพร่ำแต่เรียกชื่อผม
“เดี๋ยวพี่เอามาให้ใหม่นะ ตอนนี้เอานี่ไปก่อนนะ” ผมยื่นลูกข่างสีสดที่ซื้อมาจากงานภูเขาทองให้แดง
“เอาไว้หายแล้วไปเล่นด้วยกันนะ” เด็กนั่นรับลูกข่างไปก่อนที่จะฝืนยิ้มให้ผม……………………
ยังอุตส่าห์ฝืนยิ้มให้ผม
“หิวมั๊ยแดง”
มันไม่พูด
 “เจ็บตรงไหนรึป่าว”
“ตรงนี้เจ็บมั๊ย” ผมจับมือเขา
“ตรงนี้หล่ะ”จับขาทั้งสองเขา
“หรือเจ็บตรงนี้” จับหน้า
แต่เขาไม่ตอบ
“หนาวมั๊ย”
“ห่มผ้ามั๊ย”
คำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบหลุดมาจากปากแดงเลย
“งั้นดื่มน้ำหน่อยนะ แดง” ผมหันไปหยิบขันน้ำ ก่อนจะประคองร่างเล็กๆนั้นให้ลุกขึ้น
แดงดื่มน้ำไปหลายอึกด้วยความกระหาย ผมมองดูเด็กนั่นด้วยความสงสาร บาปกรรมอันใดหนอถึงทำให้เด็กคนนี้ต้องประสบเคราะห์กรรมที่หนักหนาอย่างนี้
“เออะ เออะ” แดงไอออกมา ผมรีบเอามือลูบหลัง
 “เออะ เอะ เออะ”แต่มันก็ยังไม่หยุดไอ
แดงไอติดต่อกันและหนักขึ้นหนักขึ้น เขาไอจนตัวงอ พลางเอามือกุมท้อง
“เฮ้ยแดง เป็นอะไร แดง” ผมตื่นตกใจ รีบลูบหลังให้เขา ปากก็ตะโกนหาสน
“เออะ เออะ” ยิ่งหนักขึ้นหนักขึ้น  จนผมสีหน้าไม่ดี แดงงงอตัวเป็นหุ้งเขาดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ผมมัวแต่หันไปมองหาสน โดยไม่ทันได้สังเกตุแดง พอหันมาอีกที
“เลือด เลือดดดดดดดดด” แดงไอเป็นเลือดออกมา
“สน สน สน” ผมตะโกนเรียกชื่อสน สติผมขาดผึงทันทีที่เห็นเลือดจากปากและจมูกของแดง
“สน เลือด แดงเลือดออก สน”  สนวิ่งเข้ามาในขณะที่ผมโอบร่างที่ไอจนตัวสั่นของเด็กนั่นไว้
“ถอยไปก่อนเจ้าบ้า เลือดแดงจักทำให้เจ้าติดโรค” สนแทรกเข้ามาที่ร่างของแดง ที่ตอนนี้เขาเริ่มร้องไห้ ด้วยความเจ็บปวดและกลัว ตอนนั้นผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าแดงมันจะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงแค่ไหนผมก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เด็กคนนั้นยังทนได้ ทำไมผมจะทนไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะรับเอาความเจ็บปวดทรมานของเด็กนั่นมาที่ผมเสียด้วยซ้ำ
“สนเจ็บ ช้างเจ็บ” แดงพร่ำร้องออกมาแต่คำนี้ เขาคงหวาดกลัวและเจ็บปวดมาก ถึงร้องหาใครสักคนออกมา ทั้งๆที่เมื่อก่อนแดงไม่เคยร่ำร้องหาใครเลย
เขาคงกลัว.......................
มากกว่าที่ผมกลัวเป็นร้อยเท่า
“สนเจ็บ” เสียงเล็กๆที่โหยหวนของแดงแผดเข้าไปในสมอง กรีดหัวใจผมจนแทบจะขาดออกเป็นชิ้นๆ
“สนช่วยแดงด้วยสิวะ สน” ผมตะโกนเร่งเร้าให้เขาทำอะไรสักอย่าง

สนพยายามอย่างหนักที่จะช่วยแดง แต่เหมือนจะสุดความสามารถเขาเหมือนกัน
“เจ้าบ้า เฝ้าแดงไว้นะ เราจักไปตามคุณหลวง” แล้วเขาก็วิ่งออกไปจากเรือนอย่างรวดเร็วทิ้งผมให้อยู่เฝ้าแดงโดยลำพัง



“สนเจ็บ โอ้ย สนเจ็บ”
“แดง พี่อยู่นี่แดง ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวหมอปีย์มาแล้ว เดี๋ยวแดงก็หายไปวิ่งเล่นเหมือนเดิมแล้วนะเว้ย หมอปีย์มาแดงก็หายแล้ว นะแดง อดทนไว้นะ” น้ำตาผมเริ่มไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
แดงไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง คราวนี้มันเยอะมากกว่าครั้งก่อน เยอะจนหน้าอกของเขาแดงฉานไปด้วยเลือด เขาไออย่างแรงอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆหายใจยาวๆ แล้วก็หยุดไอในที่สุด
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” ไมรู้ใครกำมือใครแน่นกันแน่ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าผมจะติดโรคจากแดงหรือไม่ สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือ ผมจะไม่ให้แดงเป็นอะไรไปเด็ดขาด
“หายแน่นะ ช้าง” แดงถามเสียงแผ่วเบา
“หายสิ หายแน่ๆ” ผมฝืนยิ้มทั้งน้ำตา “หายแล้วพี่สัญญาจะพาแดงไปขี่ช้าง แต่แดงต้องหายนะ”
“หายๆ จะขี่ช้าง” เขาเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก ผมเดาเอาว่าความเจ็บปวดคงทุเลาไปแล้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ผมก็เริ่มเบาใจขึ้น
“จะเจ็บอีกมั๊ย กลัว” แดงถาม
“ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้ว เดี๋ยวหมอมาก็หาย” ผมยังคงปลอบเขา น้ำตายังคงนองหน้า แต่พยายามปาดน้ำตาและฝืนยิ้มให้แดงมีกำลังใจสู้
“ไม่ไอแล้ว เจ็บ จะขี่ช้าง” เขาพูดวนไปวนมาจนผมเผลอหัวเราะในความเดียงสา
“แดงเจ็บตรงไหนอีกมั๊ย” ผมถามเมื่อเห็นว่าเขาสามารถพูดได้มากขึ้น การไอครั้งนั้นคงจะช่วยขับพิษออกจากร่างเขาไปทำให้เขาค่อยๆทุเลา ผมเดาเอา
“เจ็บ เจ็บตรงนี้” เขาชี้ไปที่ท้อง ชี้ไปที่แขน ชี้ไปที่หัวและที่หน้าอกข้างซ้าย
“เดี๋ยวก็หายแล้วนะ” ผมยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน มือข้างหนึ่งวางบนอกข้างซ้ายของแดง
“จะหาย จะหาย จะขี่ช้าง” เขาพูด ผมรู้สึกโล่งใจแดงอาการเริ่มดีขึ้น



แววตาของแดงกลอกไปมาราวกับว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างบนเพดาน แววตาคู่นั่นดูโรยแรงและอ่อนล้า แต่แฝงไปด้วยพลังแห่งความหวัง
ผมนั่งมองเขาอยู่นิ่งๆ

แต่แล้ว!!!!

จู่ๆแดงก็หายใจอย่างแรงออกมา ก่อนที่เขาจะแอ่นหน้าอกขึ้น ดวงตาคู่เดิมเหลือกเห็นแต่ตาขาว

ก่อนที่เขาจะโยนตัวไออกมาอีกครั้งอย่างแรง

“อ๊ากกกกกกกกกกก”

“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
แดงตะโกนเรียกคำว่าแม่ออกมาทั้งๆที่ตลอดมาเขาไม่เคยพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินเลย เขาสูดหายใจรัวๆจนร่างเล็กๆนั้นแอ่นขึ้น ตาของเขาเหลือก ปากอ้ากว้าง มือทั้งสองจิกกำมือผมแน่น
.
.
.
.
.
.
.
.

และแล้วแดงก็ปล่อยลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา ปล่อยให้ร่างที่แบกความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสนั้น ทรุดร่วงลงมา
“แดง” ผมกระซิบเรียกชื่อเขา
“แดง” ยกมือของเด็กน้อยคนนั้นขึ้นมา แล้วปล่อยลงมา มือนั้นหงายแผ่ไม่มีอาการตอบสนองใดๆอีกเลย
“แดง” ผมหายใจอย่างเร็วและแรง
“แดง”ปากก็พร่ามชื่อของเขา ขาทั้งสองข้างยันร่างและถอยออกมาจากร่างไร้วิญญาณนั้น โลกทั้งโลกหยุดหมุน ใบไม้หยุดไหว สายลมหยุดพัด ผู้คนรอบๆข้างหายไป เรือนก็หายไป เตียงก็หายไป รอบข้างไม่มีใคร
 มีเพียงสีขาว ผม  และร่างของแดง
ขาทั้งสองข้างพาร่างอันไร้วิญญาณของผมเดินออกมาจากเรือน วิญญาณของผมหลุดลอยไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกนั้นของแดง ผมอ้าปากค้าง ตาเบิกโพรง น้ำตาไหลออกมาเหมือนไม่มีวันหยุด

“เจ้าบ้า” เสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อผม แต่ผมไม่เห็นเขา ผมเห็นแค่สีขาว
“เจ้าแดงเป็นเยี่ยงไรเล่าเจ้าบ้า” มือของเจ้าของเสียงนั้นเขย่าที่ร่างผม แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าตึกๆวิ่งเข้าไปในเรือน
ขาทั้งสองข้างยังคงพาร่างอันไร้วิญญาณของผมเดินต่อไป ต่อไป ต่อไป


“พ่ออัชย์” พลันผมได้ยินเสียงของใครอีกคน ใครอีกคนที่ผมคุ้นเคย
“พ่ออัชย์” และผมก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสที่เหมือนดึงวิญญาณผมกลับมา ใครคนนั้นกำลังแตะบ่าผม
“พ่ออัชย์” สีขาวที่อยู่รอบๆตัวผมจางหายไป ใบหน้าของชายแปลกหน้าคนนั้นเริ่มชัดเจน
“หมอ” ผมเรียกชื่อเขา เหมือนกับเรียกสติตัวเองที่ขาดผึงกลับมา
“หมอ” ชื่อหมอถูกเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือง ครั้งนี้น้ำตาผมไหลออกมาเป็นทาง


“เจ้าแดงตายแล้วหมอ เจ้าแดง” ผมทิ้งหัวที่หนักอึ้งของผมลงบนบ่าของเขา มือทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงที่จะยกขึ้นมาโอบกอดเขา ผมทำได้แค่ซบหน้าลงบนบ่าแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา  
“แดงตายแล้วหมอ...............................”

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
TT หนูแดงตายแล้ว
อัชย์ก็คิดซะว่าน้องไปสยามละกันนะ
พี่หมอปลอบด่วนนนนนนนนน

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
 :m15:
แบบนี้เจ้าบ้าจะได้ไม่มีห่วง

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
เสียน้ำตาทุกครั้งที่พูดถึงแดง :m15:

ออฟไลน์ O[]OVampire

  • เพียงเธอสบตา...แทบลืมหายใจ เพียงเธอ...จากไป...ตราบชั่วลมหายใจ ...ไม่ลืม
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-0
สงสารแดงจัง สงสารอัชย์ด้วยเพราะรู้สึกผูกพันกับแดงไม่น้อย
มีเรื่องน่ายินดีในตอนต้นแต่ตอนท้ายเศร้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
ฮึกๆ แดงน้อยตายแล้ว ทำไมไม่อยู่รอขี่ช้างก่อนหล่ะ
พ่ออัชย์จะพาไปขี่ช้างไง  :monkeysad:
ครึ่งตอนแรกก็นะ อ่านแล้วเขิน
ทำไมไม่ฟังให้จบ(ว่ะ)ไอบ้า
ให้หมอพูดแต่พอพูดจริงๆแล้วไม่ยอมฟัง

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
แงๆๆๆๆ จะร้องไห้ น่าสงสารเจ้าแดงยิ่งนัก
คงหมดเวรหมดกรรมเสียแล้วแหละ
อ่านตอนแรกยังหวานๆมาท้ายตอนดันเศร้า
ตอนหน้าขอหมอปรีย์ช่วยปลอบพ่ออัชด้วยนะจ๊ะ

รอตอนต่อไปค่ะ :sad11:

Sornpattra

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าเจ้าแดง
สงสารหมอปีย์ จัง

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
เห้อ ชีวิตก็ต้องมีเกิดมีตาย

แต่อ่านแล้วหดหู่มากเลยค่ะ

สงสารแดง

สงสารอัชย์

สงสารหมอปีย์ด้วย

เรื่องนี้เริ่มจะเศร้าแล้วนะนี่

ขอบคุณคุณเซ็งเป็ดนะคะ

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
 :m15:สงสารแดงคงทรมานมากเลย

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ไม่ไหว น้ำตาจะไหลตามอัชย์อยู่แล้ว  :sad4:
สะเทือนใจที่สุดเลยตอนนี้ ซิก...
หมอปีย์ปลอบด่วนเลยนะคะ
ส่วนคนโพส...
ขอตัวไปเช็ดน้ำตาก่อน (ขณะนี้มันเลอะเต็มหน้าไปหมดแล้ว)

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
เอาน่าอัชย์  ยังไม่กล้าฟัง  แต่ก็เหมือนรับรักเขาไปเต็มๆแล้วนี่นะ... :-[


แต่ตอนท้าย....เฮ้อ! 
:sad4: สงสารเจ้าแดง  อย่างน้อยก็พ้นความทรมานไปแล้วหมดเวรหมดกรรมซะที 
เหลือแต่คนข้างหลัง  ที่เสียใจ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ฮือๆๆ หนูแดง
ไปซะแล้ว
หมอช่วยปลอบเจ้าบ้าด้วยนะ

ออฟไลน์ Lacus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
แง  T________________T เศร้าง่่า..  สงสารแดง  แต่ก็ถือว่าไปสบายแล้วเนอะ

พ่ออัชย์นี่ไม่ไหวนะ หมออุตส่าห์จะบอกรักแล้ว ไม่ยอมฟัง...  แน้... กลัวใจตัวเองล่ะซิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด