A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117211 ครั้ง)

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
แหนะๆ พ่ออัชย์ เริ่มมีหง มีหึง ยอมรับว่ารักหมอแล้วล่ะเซ่ อั๊ยๆๆ  :impress2:

จัดการนังชะนีแห้วให้หลาบจำเลยนะพ่อ ว่า หมอของข้า ใครอย่า(บังอาจ)แตะ  o18

MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยยัยกำแห้วจะตามอัชย์มาจากกทม.
นิสัยเหมือนนางร้ายในละครเลย

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
คำแก้วรู้จักฤทธิ์เดชเจ้าบ้าน้อยไปซะแล้ววววววว

พ่ออัชย์เค้าเหมือนนายเอกน้ำเน่าที่ไหนเล่า  รายนี้เค้าร้ายไม่หยอก ฮ่าๆๆ


ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เจ๊คำแก้วเนี้ยแรงผิดกับหญิงสมัยนั่นจิง  แต่ชายหลงยุคอย่าอ้าบบ้านั่น แรงกว่า ปลื้มมมมมมมมใจจริง

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
อะโด่ยัยคำแห้ว ทีแรกนึกว่าจะเรียบร้อย
แอบร้ายนะย่ะ อย่างนี้อีชั้น :z6: สั่งสอนเองคร่า :laugh:

ออฟไลน์ Namioto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-9
คำแก้วแรงอ่ะ


เล่นเจ๊แกเลยอัช เอาเลย   :z6:

@Kanda@

  • บุคคลทั่วไป
//พ่ออัชย์  o13
...ว่าแต่ พ่ออัชย์มาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วนะ เป็นห่วงว่าที่บ้าน(ปัจจุบัน)ของพ่อจะเกิดเรื่องจริงๆ

bow55

  • บุคคลทั่วไป
นังคำแก้ว แรด ตรบมาน

หนูปออออ ใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมมม

OuOkung

  • บุคคลทั่วไป
อ้ากกกก ยัยกำแห้ว เธอจะร้ายไปไหน!
แต่จะว่าไปกำแห้วร้ายแรงอีกก็ดีนะ จะได้เห็ยพ่ออัชย์หึง+แสดงความเป็นเจ้าของหมอปีย์แรงๆ (กว่านี้)
ดูท่าว่าไปเที่ยวทะเลครานี้ จักมิได้แค่ไปเที่ยวเสียเแล้ว
จักต้องมีอันใดแอบแฝงอยู่เป็นแน่ 55

cotone

  • บุคคลทั่วไป
คำแก้วแรงผิดมาดสาวเหนือเหวยยยย  o22 มาแบบนี้ก็ตบตีแย่งชิงกับคุณเธอได้แบบไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วล่ะ :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CheeTah

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
เง้อออ

เมื่อไรหมอปียืจะได้พูดคำนั้นซะทีน้าาาา

ลุ้นจนเหนื่อยยย :-[ :-[

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
คำแก้วร้ายมากโกหกไม่หลังหนูวาดฟ้องเลยเนอะ
อย่านี้อัชอย่าช้า แย่งหมอมาเลยไม่ต้องสงสาร

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คำแก้ว มารยาหลายเหลือขนาด
แต่ยังไงก็สู้พ่ออัชย์มิได้ดอกนาง
หมอปรีย์ก็นะรุกซะจริงพ่ออัชย์มิใจอ่อนก็ให้รู้ไป
แต่ก็นะปากแข็งจริงๆ 

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ I_ARMS

  • >*<
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ่านไปอ่านมา มาหลุดฮา ตรงกำแห้ว ฮ่าๆๆๆๆ

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :jul3:
ท่าจะจริง เรื่องเที่ยวของคนสมัยก่อน นึกถึงเมื่อตอนเด็กๆ
ไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว ไปแค่บางแสน ยังขนยังกะจะย้ายบ้าน 
หม้อกะทะไห ขนมนมเนย ผ้าห่มผ้าเช็ดตัว ฯลฯ เตรียมกันเป็นวัน
ปัจจุบันเหลือคนละกระเป๋า ไม่เกินชั่วโมงนอนตีพุงชายทะเลละ :laugh:

t-unseen

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มมีหึงแล้ว ฮ่าๆๆๆ :laugh:
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
คำแก้วนี่ร้ายจริงๆ :m16:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5

Smilelimsminy

  • บุคคลทั่วไป
หวาย.. มีหึงหวงกันเสียด้วยย
อย่าเป็นผู้ร้ายปากแข็งนักเลยพ่ออัชย์

 :impress2:





นังคำแก้ว  :beat:


ปล.อ่านเรื่องนี้แล้วหนูรู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษ  :z3:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   แหมๆๆ จริตเจ๊คำแก้วนี่ใช่ย่อยเลยนะเนี่ย




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
คำแก้วกล้าจัง...คนสมัยก่อนไม่น่ากล้าขนาดนี้ สารภาพมาซะดีๆว่าหลงยุคมาอีกคนใช่มะ555

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
พ่ออัช พ่อยังไม่มาอีกดอกหรือ

supery

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ามันไปลำบากขนาดนั้น คำแก้วคนเดียวจะตามไปไหวหรือ หรืิอจะยกครัวไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เกวียนลากค่อยๆพาเราแล่นผ่านถนนดินดานสีขาวที่ฝุ่นคละคลุ้ง ผมนั้นหงุดหงิดไม่น้อยที่ปกติขับรถยนต์ ไม่เคยต่ำกว่า 100 แต่ต้องให้มานั่งเกวียนที่วิ่งเร็วกว่าเต่าคลานนิดเดียวแถมยังโยกเยกๆไปมาชวนคลื่นไส้  บ่าวสองคนที่หมอปีย์พาไปด้วยนั้นนั่งอยู่ด้านหน้าคอยบังคับเกวียน ส่วนผมกับหมอปีย์นั้น นั่งอยู่ด้านใน
“หมอ กี่ชั่วโมงถึงน่ะ” ผมถามเมื่อเห็นว่าตั้งนานแล้วทำไมถึงยังไม่ถึงท่าเรือเสียที
“หนึ่งวัน” เขาตอบน้ำเสียงกลั้วในลำคอ
“อ๋อ ชั่วโมงเหรอ”
“หนึ่งวัน” เขาย้ำอีกครั้ง
“หนึ่งวัน!!!” ผมทำท่าตกใจ ทวนเขาพูดเขาอีกครั้ง เพราะไม่เชื่อหูตัวเองว่าเขาจะหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ
“อืม หนึ่งวัน” ดูเหมือนหมอนั่นก็ไม่เบื่อที่จะตอบ
“กลับ งั้นกลับ โอ้ย วันนึง จะบ้าเหรอตัวเธอว์ ไปชะอำวันนึง บ้ารึป่าว ชั้นขับรถไปไม่ถึงสามชั่วโมงก็ถึงแล้ว นี่วันครึ่งนี่ นายจะไปชะอำหรือจะไปชิคาโก้” ผมบ่นๆๆๆๆๆ
หมอปีย์ไม่พูดอะไร เขาคงชินกับความจู้จี้ขี้บ่นของผมไปเสียแล้ว
“กลับกันเหอะหมอ ชั้นไปไม่ไหวหรอก ตั้งวันนึงแน่ะ”
“เจ้าอยากกลับก็กลับไปคนเดียว เราหมายใจไว้แล้วว่าจักไป”
เอาละสิ เกวียนแล่นมาทางไหนก็ไม่รู้จะกลับเองได้ยังไง แววตาหมอปีย์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกแผนการเดินทางหฤโหดเพื่อไปตากอากาศได้
“แล้วเราจะไปกันยังไง” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจไปก็ไป แต่ก็ขอรู้ข้อมูลการเดินทางหน่อยแล้วกัน
“จำเป็นจักต้องโดยสารทางเรือ เหตุเพราะหลวงท่านทรงซ่อมแซมทางรถไฟสายใต้ ยังมิเปิดให้ใช้ เรือจักแล่นออกจากปากแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านแม่น้ำท่าจีนแลแม่กลอง  ยี่สาน เพชรบุรี แล้วจึงเข้าชะอำ”
ผมนั่งฟังที่หมปีย์อธิบายก็ต้องถอนหายใจดังเฮือกแล้ว เพราะฟังๆดูแล้วมันช่างลำบนเสียนี่กระไร
แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ลองสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเกี่ยวกับการเดินทางทางเรือ เพราะความทรงจำที่ไม่ดีที่ผมเคยจมน้ำในครั้งนั้นยังคงหลอกหลอนอยู่ ผมกลัวว่าหากตกน้ำจมน้ำไป หากไม่ตายเสีย ก็คงต้องกลับสู่ภพเดิม แล้วจะไม่ได้กับมาอีก

ในที่สุดเกวียนก็พาเรามาสู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเอาสายแก่ๆเกือบเที่ยง แต่ถึงจะใกล้เที่ยงแล้ว แต่แดดที่นี่ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะยังมีต้นไม้ต้นใหญ่ขึ้นหนาแน่นคอยดูดซับความร้อนเอาไว้ได้ หากเทียบกับยุคสมัยผม ที่บริเวณนี้คงเต็มไปด้วยตึกคอนกรีตสูงเบียดเสียดแข่งกันเป็นแน่
“เจ้าไปรอบนเรือก่อนเถิด ทางนี้เราจัดการเอง” เขาออกคำสั่งเสร็จสรรพ ผมก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว เดินตรงขึ้นเรือโดยสารที่นำไม้กระดานมาวางพาดเป็นบันไดขึ้นเรือ
เรือลำนี้เป็นเรือลำขนาดกลางมีหลังคาคอยบังแดดบังฝน ด้านในนั้นเป็นเครื่องยนต์ไอน้ำที่ใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง ผมเดินไปสำรวจดูรอบๆบริเวณ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ของเรือลำนี้ จะเป็นพ่อค้าจากหัวเมืองปักษ์ใต้เสียส่วนใหญ่ ที่นำเอาอาหารทะเลแปรรูป ผลหมากรากไม้ มาค้าขาย แล้วนำพวกข้าวสาร ผ้า ยาจีนกลับไป

“เป็นอย่างไรบ้างพ่ออัชย์” หมอปีย์เดินเหงื่อไหลขึ้นมาบนเรือ ผมจับจองที่นั่งกาบซ้ายของเรือไว้แล้ว
“จะให้เป็นยังไงหล่ะ นั่งเรือกันวันครึ่งคงสนุกหละมึงเอ้ย” ผมยังไม่อยากที่จะใช้ชีวิตตั้งเกือบวันบนเรือแคบๆอย่างนี้นี่นา
“อดทนเอาหน่อยเถิด ขากลับจักได้นั่งรถไฟกลับ” เขาปลอบโยนอย่างอบอุ่นก่อนจะนั่งลงหอบใกล้ๆ
เสียงเครื่องยนต์เรือดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากปล่องด้านท้ายเรือ ก่อนที่เรือจะค่อยๆขยับเสียงดังครืนๆ
“มันต้องเสียงดังขนาดนี้เลยเหรอ” ผมตะโกนถาม หมอปีย์พยักหน้า
“ก่อนจะถึงชะอำกูไม่หูดับซะก่อนเหรอนี่”

เรือแล่นไปอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่รีบไม่ร้อน น้ำทะเลที่ปากน้ำยังใสแจ๋ว ผมหันหลังกลับไปมองก็พบว่าที่ชายฝั่งนั้นเต็มไปด้วยต้นจากขึ้นหนาแน่นเขียวชะอุ่มไปหมด
ท่าเรือที่เรือแล่นจากมานั้นก็คับคั่งไปด้วยเรือขนาดต่างๆที่จอดเทียบท่ากันอยู่มากมาย ด้านบนฝั่งเป็นตลาดเล็กๆที่ขายของสด ที่เห็นได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นปลาทูตัวโตๆน่ากิน
ชาวบ้านละแวกนั้นดูจะมีอันจะกินมากกว่าชาวบ้านในแผ่นดินที่ลึกเข้าไปในพระนคร อาจเป็นเพราะบริเวณนั้นเป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญ บริเวณนั้นจึงดูจะเจริญกว่า

“เป็นอะไรไปหรือพ่ออัชย์ หน้าซีดเชียว” หมอปีย์ตะเบ็งเสียงถามแข่งกับเสียงเรือ ขณะที่ผมนั้นนั่งเหม่อมองออกไปนอกทะเล
“นายว่าเรือมันหมุนๆมั๊ย” ผมถาม
“ไม่นิ มันก็แล่นตรงตามปกติ”
“แต่เอ ทำไมชั้นเห็นมันหมุนยังไงไม่รู้”
“โธ่ เจ้าบ้าเอ้ย ท่าทางจะเมาเรือเสียแล้วกระมัง”
“ไม่หรอก เมาได้ยังไง ชั้นนั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น กะอีแค่เรือแค่นี้ จะเมาได้ยังไง”  ผมยังปากเก่งไม่เลิก
ตอนนั้นยังไม่คิดว่าตัวเองจะเมาเรือ ก็จะเมาเรือได้ยังไง เรือแล่นยังกับเต่าคลาน
“แต่สีหน้าเจ้ามิใคร่ดีเลยนะ” หมอปีย์แสดงความห่วงใย
“เหย เด็กๆน่า  ไม่ต้องห่วงหรอก นายจะไปไหนก็ไป” ผมโบกมือไล่
หมอปีย์คงเห็นว่าผมยังปากเก่งอยู่ คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ จึงลุกขึ้นเดินออกไปสำรวจเรือ แต่ก็หันหลังมามองผมเป็นระยะๆ
“สงสัยยังไม่กินข้าวเช้ามั้งเลยมึนหัว” ผมพยายามหาเหตุผลมาอธิบายอาการที่เกิดขึ้น
เรือแล่นห่างออกไปจากชายฝั่ง จนตอนนี้ผมมองไม่เห็นชายฝั่งอีกต่อไป มีเพียงน้ำทะเลเวิ้งว้าง ฟองคลื่นกระเซ็นซ่านขึ้นมาคล้ายฟองเบียร์ ผมเพียงแค่ก้มลงมองฟองเบียร์เหล่านั้นก็ทำให้เริ่มรู้สึกถึงรสชาติของเบียร์เยอรมันดีๆแล้ว รสชาติของมันขมเฟื่อนเมื่อแตะปลายลิ้นในรสสัมผัสแรก แต่พอแล่นผ่านลำคอไปแล้วกลับรู้สึกหวานเจื่อนๆกลั้วอยู่ในลำคอ และรสหวานในลำคอนี้นี่เองที่ทำให้เกิดอาการเมา
“เหมือนเมาเลยแฮะ” ผมนึกในใจ พลางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เห็นชาวบ้านนั่งเรียงรายไปตามลำเรือ บางคนให้นมลูก บางคนนั่งคุยกัน แต่ภาพที่ผมเห็นนั้นเลื่อนลอยยังไงชอบกล
“หมอไปไหนวะ” ผมนึกถึงหมอทันทีเพราะเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วจริงๆ
รอบข้างผมตอนนี้แกว่งไปแกว่งมาจนตาลาย อารมณ์เหมือนตอนเล่นเรือไวกิ้งครั้งแรกที่ดรีมเวิร์ลยังไงยังงั้นเลย มันหวิวๆ หายใจไม่ค่อยออก สายตาเริ่มพร่ามัวสอดส่ายหาหมอปีย์ที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน
“หมอ หมออยู่ไหน ชั้น....................ไม่สบาย” ผมพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนและพบว่าตัวเองแทบจะยืนไม่ไหว ขามันอ่อนแรงไปหมด มือทั้งสองข้างเกาะราวไปเรื่อย หรือว่านี่เราจะเมาเรือจริงๆ
“หมอ หมออยู่ไหน” ผมตะโกนเสียงแข่งกับเสียงเรือ ไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะมองยังไง
“หมอ!!!!”
หมอปีย์ซึ่งกำลังยืนหันหลังสั่งงานบ่าวผู้ชายที่ติดตามมาด้วยหันมามองผม ทันทีที่เห็นผม สีหน้าของเขาก็แสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาผมที่แทบจะพยุงตัวเองไว้ไม่อยู่
“พ่ออัชย์ หน้าเจ้าซีดเผือด เราว่าเจ้าคงเมาเรือเข้าเสียแล้ว” เขาพยุงผมนั่งลง
“คงยังงั้นแหละหมอ” ผมเกาหัวแกรกๆ ต้องยอมรับความจริง “ช่วยชั้นหน่อยสิ ชั้นไม่ไหวว่ะ จะอ๊วก”
“อ๊วก?? คืออันใด” เขาทำหน้าสงสัย
“ชั้นหมายถึงอาเจียนน่ะ”


หมอปีย์นั่งมองหน้าผมไม่มีทีท่าว่าจะช่วยอะไร
“เฮ้ย ทำอะไรสักอย่างสิวะ หมอ” ผมโวยวาย
“จักให้เราทำอันใด เมาเรือเยี่ยงนี้ก็ต้องทนเอา ไหนเจ้าบอกเราเองมิใช่รึว่ามิได้เมา เรื่องเด็กๆ” แน่ะ ยังจะมาย้อนกูอีก
“เฮ้ย ก็นายเป็นหมอนี่หว่า หมอก็ต้องรักษาคนสิวะ”
“เรามิใช่หมอเทวดา จักได้รักษาได้ทุกโรค”
ดูมันตอบ ไร้ความปราณีเสียจริง
“เฮ้ย ช่วยชั้นหน่อยสิหมอ ชั้นจะตายแล้วนะ” ผมเริ่มเหนื่อย น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง “จะตายแล้วนะ”
“มิมีผู้ใดเคยเมาเรือตายดอกพ่อ อย่าใจปลาซิวปลาสร้อยไปหน่อยเลย ประเดี๋ยวก็หาย ทนเอาหน่อย”
“ไอ่หมอแขกตี้  ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์เอาเสียเลยนะมึง เห็นคนป่วยจะตายยังไม่ช่วย” ผมยังโวยวายไม่เลิก ล้มตัวลงนอน
แต่พอนอนปุ๊บมันแน่นหน้าอกขึ้นมาทันทีจนหายใจไม่ออก เหมือนๆกับมีก้อนกลมๆหนักๆมาทับ และเรือก็ยิ่งโคลงเคลงหนักเข้าไปอีกจนผมทนไม่ไหว ลุกขึ้นนั่งตามเดิม
“มองไปไกลๆสิพ่อ อย่าก้มลงมาคลื่น จักยิ่งเมา” เขาแนะนำ แต่ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนั้นนอกจากอาการ วิ้งๆที่ดังตลอดเวลาในหู
“หมอ” ผมสะกิด
“หือ” เขาหันมามอง
“ชั้น  เออออออะ  จะ   อ๊วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
น้ำใสๆจากปากผมพุ่งปรี๊ดใส่หน้าอกหมอปีย์อย่างแรง ผมอาเจียนออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ๆ ผมสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
จริงจริ๊ง
 
“หมอ” ผมร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ เอามือเช็ดปาก และใบหน้าของตัวเอง  หมอปีย์แน่นิ่งไปเหมือนคนถูกสาป ทำหน้าตาเลิกกลั่ก ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเอามือที่เช็ดอ๊วกที่ปากนั่นแหละ เช็ดเสื้อ เช็ดหน้าเขา
“หมอ ชั้น ชั้น ขอโทษ” มือไม้สั่น ไม่คิดว่าจะรักมันมากถึงขนาดอ๊วกใส่หน้ากันเลยทีเดียว
“หมอพูดอะไรสักอย่างสิ” ผมยังคงเอามือปัดๆป่ายไปทั่วใบหน้าเขา
“เจ้าบ้า” เขากัดฟันกรอด “จักให้เราพูดว่ากระไร ขอบใจที่อาเจียนใส่หน้าเรากระนั้นรึ”...............
 
 
 
 
 
หมอปีย์ลุกเดินหายไปหลังจากที่ผมหวังดี ยกมือที่เต็มไปด้วยอ๊วกเช็ดหน้าให้เขาไป เขาเดินจากไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ผมนั่งคอพับเป็นปลาทูแม่กลอง รำพึงรำพันกับตัวเอง
“มันต้องเกลียดกูแล้วแน่ๆ ฮือๆ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 22:41:34 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เรือยังคงโคลงเคลงเหมือนเดิม  แต่โลกเหวี่ยงน้อยลง ผมหายใจหายคอโล่งขึ้น แต่ยังคงมึนหัวและรู้สึกหวิวๆในใจอยู่
เสียงคลื่นกระทบกาบเรือดังตึงๆ เสียงเด็กร้องไห้ เสียงชาวบ้านคุยกันจอแจไปหมด ผมยังคงนั่งฟุบอยู่ที่เดิมอย่างเดียวดาย.................
 



 
“เจ้าบ้า” มือของใครคนหนึ่งวางลงบนบ่าผม ไม่ใช่ใครหนึ่งที่ไหนหรอก
“หมอ” ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าหมอปีย์กลับมาในสภาพเหมือนเดิมก่อนที่จะถูกผมอ๊วกใส่
“หมอ หมอไม่โกรธชั้นใช่มั๊ย”
หมอปีย์ยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง “ไม่โกรธดอก เรามิเคยโกรธเจ้า แต่................” เขาเว้นวรรค “แต่อย่าทำแบบนี้บ่อยๆ เราจะพาลเมาอาเจียนเจ้าไปด้วย”
“หมอ T-T” ผมน้ำตาคลอซึ้งใจจริงๆ “ชั้นขอโทษ ก่อนจะโผเข้ากอดเอวหมอแน่นโดยลืมสนใจคนที่อยู่บนเรือนั่นด้วย
“เจ้าบ้า” หมอปีย์กระซิบกระซาบ “ทำอันใดของเจ้านั่น ดูเถิด ชาวบ้านชาวช่องเขาหัวร่อกันยกใหญ่แล้ว ปล่อยเรา” เขาแกะมือผมออก ในขณะที่ผมหันไปมองรอบๆข้าง
“อายด้วยเหรอ” ผมยิ้ม “สมัยชั้นเขาไม่ถือกันหรอกนะเรื่องแบบนี้นะ ผู้ชายทักทายกันแบบนี้เยอะแยะ”
“เรามิอายดอก หากเจ้ามิทำเยี่ยงนี้ในที่รโหฐาน ทีอยู่กับเราลำพัง ทำไมถึงมิกล้า” เขาสวน
ผมไม่ตอบ
 
“เราเอาสำรับมาให้ แล้วนี่น้ำ บ้วนปาก” เขายื่นลำไม้ไผ่ที่ถูกตัดเฉียงมาให้ผม ผมรับมาก่อนจะเทน้ำใส่ปากแล้วบ้วนลงทะเลไป
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้น ไม่ค่อยแน่นแล้ว แต่ยังมึนอยู่” ผมตอบก่อนจะแกะห่อใบบัวที่ข้างในมีข้าวสวยกับปลาดุกย่างและน้ำพริก
“งั้นกินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถิด เป็นเพราะยังมิมีอาหารตกถึงท้องกระมัง ถึงได้เมาเรือหนักเยี่ยงนี้” เขาว่าพลางนั่งลงใกล้ๆผม
“แล้วนายหล่ะ ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ” ผมถาม ไม่ได้เพราะเป็นห่วงหรอก แต่เพราะกลัวจะถูกอ๊วกใส่หน้าคืนตะหาก
“มิต้องเป็นห่วงเราดอก” เขายิ้ม “เราขอตัวไปดูคนไข้ที่ท้ายเรือก่อนนะ ท่าทางจะหนักกว่าเจ้ามากนัก” ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“หมอ ใครเป็นอะไร”
“ชาวบ้านถูกเงี่ยงปลาดุกทะเลตำน่ะ”






ตะวันเลยหัวผมไปแล้ว เรือยังคงแล่นมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่ถูกกำหนด ผมไม่รู้หรอกว่ามันใกล้จะถึงรึยัง เพราะมัวแต่นอนหมดแรงอยู่บนเรือ หลังจากการอาเจียนครั้งนั้น ผมก็ยังคงอาเจียนต่ออีกหลายครั้ง  จนหมดเรี่ยวหมดแรง ส่วนหมอปีย์นั้น หายไปตั้งแต่เอาข้าวมาให้ผมกินในครั้งนั้นแล้ว
ผมลุกขึ้นยืนโงนเงนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตั้งสติแล้วออกเดินทางตามหาหมอปีย์ ถึงเรือลำนี้จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ผู้คนที่เบียดเสียดแน่นกันอยู่บนเรือก็ทำให้การย่างก้าวแต่ละครั้งลำบากไม่ใช่น้อย

“หมอ” ผมร้องเรียก เมื่อเห็นหมอกำลังนั่งแกะผ้าขาวม้าที่พันเท้าชายคนหนึ่งออก
“คนนี้เหรอที่ถูกเงี่ยงปลาตำ” ผมไม่กล้ามองหน้าเขาชัดๆ ชายคนนั้นดูหน้าตาไม่น่าไว้วางใจยังไงชอบกล ไม่ใช่เพราะร่างกายที่ใหญ่โตกำยำของเขา ไม่ใช่เพราะหนวดเคราที่ขึ้นรกครึ้ม  แต่เป็นเพราะแววตา ที่ดูแข็งกร้าวและเหมือนไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นั่นตะหากเล่า
หมอปีย์ค่อยๆแกะผ้าออกมาอย่างเบามือ น้ำเลือด น้ำหนองที่เกาะเหนียวหนืดอยู่ที่ผ้านั้นทำผมต้องเมินหน้าหนี
เขาไม่มีท่าทางเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผมเสียอีกที่อดทนดูไม่ได้
หมอปีย์เอายาเม็ดกลมๆออกมาจากระเป๋าประจำตัวเขาสองสามเม็ดก่อนจะบดแล้วโปะไปที่แผล แล้วเอาผ้าขาวสะอาดพันทับไว้กันยาหลุดร่วง
“อีกมิเกินเย็นนี้แผลคงยุบ” เขาพูดอย่างอ่อนโยนเหมือนที่พูดกับคนป่วยทุกคนของเขา แต่แปลกที่ผมกลับรู้สึกว่าชายคนนั้นไม่ได้ซาบซึ้งอะไรเลย นอกจากมองหมอปีย์เหมือนเป็นเหยื่ออันโอชะในอาหารมื้อเย็น


“มานั่งทำอันใดอยู่ตรงนี้” หมอปีย์เดินตามผมมานั่งใกล้ๆ
“เมื่อไหร่จะถึงซะทีวะหมอ ชั้นอ๊วกจนจะหมดตัวอยู่แล้ว”
“ใกล้แล้วกระมัง นี่ก็บ่ายแก่ๆแล้ว เห็นบ่าวว่าจักถึงท่าเรือชะอำมิเกินค่ำ เหนื่อยมากไหม” เขาถาม น้ำเสียงที่ดูห่วงใยนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนผมรู้สึกว่าความเหนื่อยที่มีอยู่นั้น กลับหายเหนื่อยไปปลิดทิ้ง
“ไม่เหนื่อยหรอก แต่เบื่อ”
“เบื่อเราด้วยหรือ” เขาแหย่
“เออ โดยเฉพาะนาย”
หมอปีย์หน้าเจื่อนลงทันที
“ทำไมเล่า”
“ไม่รู้”
“ทำไม เจ้าบ้า เรามันน่าเบื่อมากเลยหรือ”
ผมไม่ตอบ
หมอนั่นก็ไม่เซ้าซี้ถามอีก แต่กลับนั่งหันหลังให้ผมไม่ยอมพูดจา

ผมเองก็ไม่อยากจะง้อมันสักเท่าไหร่  โธ่ รู้ก็รู้ว่าแค่ล้อเล่น จะมาโกรธอะไรนักหนา
“พระอาทิตย์ตกดินสวยดีนะหมอ ว่ามั๊ย”
“............................”ไม่ตอบ
“ชั้นไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกดินสวยขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ”
“...................................”
“เออ นี่ คนไข้นายเป็นยังไงมั่ง แผลแห้งรึยัง”
“....................................”
“หมอ”
“หมอ ชั้นคุยกับนายน่ะ ได้ยินมั๊ย”
“................................”
“ไอ้หมอ”
ผมกระชากแขนของหมอให้หันกลับมา และทันทีที่เขาหันหน้ามา ผมกลับเห็นดวงตาของเขาเอ่อไปด้วยน้ำใสๆ
“หมอเป็นอะไร ร้องไห้เหรอ” ผมถาม
“ปล่าว แค่แสบตาเท่านั้น” เขาขยี้ตา  “เจ้าพูดอะไรนะ” เขาถามเหมือนสิ่งที่ผมพูดไปไม่เข้าหูเลย
“เฮ้ย พูดมาตั้งเยอะนี่ไม่ได้ยินเลยเหรอ”
เขาส่ายหัวด็อกแด็ก
“ชั้นถามว่านายร้อยไห้เหรอ”
“เปล่าเสียหน่อย เราจักร้องไห้เรื่องอันใด เราแค่หาวนอนน้ำตาก็เลยไหล” เขาหาวออกมาอีกครั้ง
“อ๋อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าหมอนั่นแอบร้องไห้
“แล้วคนป่วยนายเป็นยังไงมั่ง” ผมถาม
“แผลคงจักแห้งแล้วกระมัง”
“ชั้นว่าเขาดู เอ่อ ไม่น่าไว้วางใจเลยอ่ะ” ผมนึกถึงหน้าผู้ชายคนนั้น
“เราเป็นหมอ เลือกรักษาคนไม่ได้ดอก อีกอย่างจะมองผู้ใดอย่ามองเพียงภายนอก ถึงหน้าตาเขาจะไม่น่าไว้วางใจ แต่ข้างในเขาอาจเป็นคนดีก็เป็นได้”
“เออ ขอโทษ ชั้นคงคิดมากไปเองแหละ นี่” ผมชี้ไปทางขวามือ “นั่นมันตลิ่งหรือเปล่า ที่เห็นไกลๆน่ะ” ผมตื่นเต้น
หมอปีย์เพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง
“ใช่ อีกไม่นานคงจักถึงชะอำ เห็นฝั่งมาไกลๆ บ้านเรือนละแวกนี้ทำจากไม้ไผ่เสียส่วนใหญ่ เราจำได้”
“เฮ้อ ในที่สุด” ผมบ่น “ก็ถึงเสียที”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 22:44:30 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ไม่แน่ใจว่าปาดหรือเปล่า

ถ้าไม่ปาดขอจิ้มทีนึง :z13: ถ้าปาดก็ขอโทษนะตะเอ๊ง


ปล.เจ้าบ้าของเราชอบทำให้หมอเสียใจอยู่เรื่อย ไม่มีหมอแล้วจะหนาว ชริ!  :z6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2011 22:21:52 โดย punchnaja »

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อยากมีแฟนเป็นหมอออออออ
จะอ่อนโยนไปไหนคะ หมอปรีย์
แล้วก็ถึงชะอำซะทีนะ

ตอนหน้าขอหวานๆค่ะ อย่าเพิ่งให้แม่นางคำแก้วมาเป็นกขคนะคะ

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
เจ้าบ้า บางครั้งก็พูดอะไรไม่คิดถึงใจหมอเลยนะ

จะ ซึน ไปถึงไหนคะ~!!! รอหมอตาย หรือว่าแต่งงานไปก่อนละค่อยมานั่งเสียใจก๋า~!!! :z3:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
น่าสงสารหมอ
นั่งน้ำตาตกในอีกแระ
เจ้าบ้านี่ นิสัย!

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เฮ้อ ชักเซ็งพ่ออัชย์ เดี๋ยวได้เจอ มคปด ฮ่วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด