A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1118267 ครั้ง)

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อย่างฮาอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

๓๖๔ + ๑ = ๓๖๕
ขอบคุณนะคะ คุณ เซ็งเป็ด


BlueFaith

  • บุคคลทั่วไป

ว้าวๆๆๆๆ มาต่อแล้ว ยังสนุกเหมือนเดิม

หมอปีย์เวอร์ชั่นความจำเสื่อมพอฟัดพอเหวี่ยงกับไอ้บ้าอัชย์เลยนะหมอ  :laugh:

มาอัพบ่อย ๆ นะคะ ชดเชยที่หายไปนาน  :laugh:

ออฟไลน์ ZomZaa^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
 :L2: มาเป็นกำลังใจให้คับ

eat2tea

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามผลงานมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุด สนุกมากๆคับ

ชอบหมอปีย์กับเจ้าบ้ามากๆเลยคับ ผมยังรอติดตามตอนต่อไปอยู่น่ะคับ  :call:

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
หมอปีย์งอแงยิ่งกว่าเจ้าบ้าแล้วนะ 555

cotone

  • บุคคลทั่วไป
ว่าเจ้าบ้าหนักแล้ว หมอปีย์หนักกว่า555

ออฟไลน์ celegana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
:mc4: เย้ๆๆๆ คุณเซ็งเป็ดกลับมาแล้วววววว

แถมจัดเต็มให้ขนาดนี้ รักตายเลยยยย >///<

หึหึ หมอปีย์หายเมื่อไหร่ เสร็จแน่ๆๆๆๆ 55555

ออฟไลน์ aum_15597

  • สายน้ำไม่หวนกลับ วันเวลาไม่หวนคืน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อยากอ่านต่อที่สุดดดดดดดดดดด~ :m17:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
โถ...พ่อหมอๆๆๆๆๆ
น่าสงสาร!!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
ได้อ่านแล้วคับ

ขอบคุณพี่มากนะคับ ที่ให้ความสุขกับพวกผม

บาย

ออฟไลน์ dragonnine

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-16
ตกลงความจำเสื่อมจริงเหรอ  :o12: :o12: :o12: :o12:

เรื่องมันจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้วนะ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ใจหนึ่งอยากให้หมอหายเร็วๆ
แต่อีกใจก็อยากให้เจ้าบ้าสำนึก โดนซะบ้าง

BF-e

  • บุคคลทั่วไป
โดนเข้าเเล้วไงงง 555

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผมกับหมอปีย์ติดที่อยู่เรือนนี้สี่วันแล้ว อาการภายนอกของหมอนั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ความทรงจำต่างๆของหมอปีย์ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมา ผมยังคงต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา อะไรๆที่เคยดีตอนนี้กลับกลายเป็นขัดหูขัดตาเขาไปหมด จากที่เคยเป็นคนที่ถูกเอาใจประคบประหงม บัดนี้ผมกลับถูกกระทำเยี่ยงทาส อาจเนื่องมาจากหมอปีย์คงถูกชงโคเป่าหุว่าผมเป็นทาสกระมัง เขาถึงทำกับผมอย่างนี้
“ป้าหนู ป้าว่าชั้นเหมือนทาสมากเลยเหรอ” ผมถามขณะที่ช่วยป้าหนูขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวเสียงดังแกรกๆ
“ทาสนะเว้ยไม่ใช่โรคเรื้อน จักได้ดูออกว่าผู้ใดเป็นมิเป็น แต่จักว่าก็ว่านะ รูปร่างผิวพรรณเอ็งก็ดูผุดผ่องผิดวิสัยคนเป็นบ่าวเป็นไพร่อยู่นา”
“เฮ้อ  เมื่อไหร่ชั้นจะไปจากที่นี่ได้เสียทีนะ” ผมเริ่มบ่น
“อดทนหน่อยสิวะ คิดให้รอบคอบให้จงดี ถูกจับได้คอเอ็งจะหลุดกระเด็นออกจากบ่ามิทันรู้ตัว”
“แต่ชั้นทนในสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะป้า ชั้นอยากไปจากที่นี่ ไปจากเรือนหลังนี้ ไปจากพระนคร ไปจากยุคสมัยนี้”
“เอ็งพล่ามอะไรของเอ็ง” ป้าหนูส่ายหัว “เร่งคั้นกะทิมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้ มันขี้หนูข้าเปื่อยหมดแล้ว”

ผมยกชามที่ใส่หัวกะทิขาวข้นไปให้ป้าหนู ก่อนจะถามแกว่าแกกำลังแกงอะไร
“แกงคั่วมันขี้หนูกับหมูสามชั้น ของโปรดพระยาท่าน” ป้าหนูบอก
“มันขี้หนูคืออะไรเหรอป้า” ผมถามขณะที่ค่อยๆเทกะทิลงใส่หม้อ
“มันขี้หนูก็เป็นมันประเภทหนึ่งที่มีแถวหัวเมืองปักษ์ใต้ คนพระนครอย่างเอ็งคงมิเคยกินดอก” ผมพยักหน้า
ป้าหนูใช้ทัพพีที่ทำจากกะลามะพร้าว ตักกะทิที่เดือดพล่านใส่ครกที่มีเครื่องแกงอยู่ หล่อนคนสองสามทีให้พริกแกงเข้ากับกะทิ แล้วยกครกเทลงหม้ออย่างชำนาญ ทันทีที่เครื่องแกงลงหม้อ กลิ่นหอมก็ฟุ้งขึ้นมาเตะจมูก
“หอมดีนะป้า”
“เออสิวะ ฝีมือแม่ครัวเรือนใหญ่อย่างข้าเสียอย่าง”ป้าหนูยิ้มอย่างภูมิใจ
“ทำยังไงถึงจะให้น้ำแกงสีจัดจ้านแบบนี้อ่ะป้า” ผมสงสัยขณะที่คนน้ำแกง
“เลือกพริกชี้ฟ้าแดงแห้งสิวะ ใส่ให้สีน้ำแกงสวยดูน่ากิน แต่ไม่เผ็ดนะเว้ย เอ็งต้องผสมพริกขี้หนูสวนแห้งไปด้วย”
“อ๋อ” ผมได้เคล็ดลับเพิ่มอีก
“แกงคั่วกะทิให้ดีต้องเคี่ยวให้กะทิแตกมันจำไว้ จักทำให้ยิ่งหอม กลมกล่อม ผิดกับขนมของหวาน อย่าให้กะทิแตกมันทีเดียวเชียว เขาจักหาว่าเจ้าทำกับข้าวมิเป็นสัปะรดเอาได้”


“เจ้าเส็งๆ” เสียงเรียกของบ่าวคนสนิทชงโควิ่งหน้าตาตื่นเรียกเส็ง ซึ่งตอนนี้ชื่อนี้กลายเป็นชื่อในวงการชั่วคราวไปแล้ว
“คุณชงโคให้หา” หล่อนหอบแฮ็กๆ
“อะไรอีกวะ” ผมทำหน้าหงุดหงิด อุตส่าห์อยากอยู่สงบเงียบๆในครัว
“ไปเถิด เจ้าเส็ง เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกดอก” ป้าหนูคงจับความผิดปกติครั้งนี้ได้ จึงเร่งเร้าให้ผมเดินตามบ่าวนางนั้นไป

ผมเดินสาวเท้ายาวๆตามบ่าวหญิงคนนั้นที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินด้วยท่าทีร้อนใจ พลางส่ายหัวด้วยความเอือมระอากับเจ้านายเรือนหลังนี้ การที่เกิดมาเป็นคนที่มีอำนาจ และใช้อำนาจเสียจนเคยตัว จนไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ตัวเองหากถอดหัวโขน และยศฐาที่นำหน้าชื่อ ก็แทบจะไม่ต่างจากบ่าวไพร่พวกนี้  น่าขัน ที่นับจากวันนั้นจึงถึงยุคผมสองร้อยกว่าปี ยังมีคนประเภทนี้เกลื่อนถนน.....................

เหงื่อไหลซึมแผ่นหลังในขณะที่ผมเดินมาถึงเรือนหลังใหญ่ บนเรือนมีเสียงเอะอะโวยวาย เสียงไม่ดังนักหรอก แต่รู้ว่ามันผิดวิสัยของเรือนหลังนี้
ผมกำลังจะก้าวขาขึ้นบันได ทันใดนั้น สายตาพลันเหลือบไปเห็น บ่าวผู้หญิงคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ใต้ถุนเรือน โดยมีจันทร์หญิงบ้านั่งยองๆอยู่ใกล้ๆ
ผมมองตามบ่าวคนนำทางเมื่อเห็นเธอเดินหายขึ้นเรือนไปก่อนแล้ว ผมจึงถือโอกาสเดินย่องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนั้น
“นี่ นี่” ผมละล้าละลังไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะร่างของหล่อนสั่นเทิ้มเหมือนคนจับไข้
“นี่ เป็นอะไร”
“แอ้ แอ้ แอ้ แอ้” เสียงจันทร์เงยหน้ามามองผมแววตาเบิกโพรงด้วยความตื่นตระหนก หล่อนโบกไม้โบกมือเป็นความหมายให้ผมมาดูหญิงคนนี้หน่อย
“เขาเป็นอะไรเหรอ” ผมถามจันทร์ แต่ก็เปล่าประโยชน์ จันทร์คงลืมไปแล้วกระมังว่าภาษาคนเขาพูดกันยังไง
ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“นี่”
เธอไม่ตอบ เอาแต่เขย่าตัวไปมา
“นี่” ผมชะโงกเข้าไปใกล้ๆ จนสุดท้ายคุกเข่าลง และจับไหล่บ่าวคนนั้นให้หันมา
“เฮ้ย!!!” ทันทีที่เธอหันมา ก็ทำให้ผมตกใจจนหงายหลัง ใบหน้าของบ่าวคนนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยกรีดเล็กๆคล้ายโดนของมีคมไม่ยาวมากกรีดทั่วไปหน้า มือของเธอนั้นกุมเข้าหากัน พร้อมทั้งแดงฉานไปด้วยเลือดสดๆ
“เลือดมาจากไหนกันมากมายขนาดนี้” ผมสงสัย พยายามมองไปที่มือที่บ่าวคนนั้นกุมแน่น และแล้วผมก็รู้ที่มาของเลือดที่ไหลราวกับน้ำป่านั้น................

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“คุณชงโค”
ผมเดินกระทืบเท้าตึงๆเดินขึ้นเรือนด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“อ้าวขึ้นมาแล้วรึ เจ้าเส็ง” หล่อนยังยิ้มหน้าระรื่น ทั้งๆที่ทำกับมนุษย์คนหนึ่งอย่างนั้นได้ลงคอ
“คุณทำอย่างนั้นได้ยังไง คุณทำได้ยังไง” ผมระเบิดอารมณ์ใส่หน้าชงโคอย่างหมดความอดทน
“ข้าทำอันใด” ชงโคตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องราว
“สิ่งที่คุณทำมันไม่กระทบจิตใจคุณเลยเหรอ”
“ทำอันใดกันเล่า เอ็งก็เล่ามาสิ” หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ หยิบขวดน้ำอบมาดมอย่างสบายอารมณ์
“ทำไมคุณถึงทำกับผู้หญิงคนนั้นราวกับเขาไม่ใช่คน คุณทำได้ยังไง” ผมกัดฟันกรอด กำหมัดทั้งสองข้างไว้เหมือนกับพยายามเก็บกักความคับแค้นใจเข้าไปข้างในร่าง
“อ้อ อิไพร่จัญไรนั่นรึ” หล่อนหัวเราะรื่น ริมฝีปากที่แสยะยิ้มนั้น มันน่ารังเกียจจนผมเมินหน้าหนี “ข้านึกว่าอันใด”
“คุณไม่ใส่ใจ ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเลยเหรอ” ผมเป็นผู้ชายที่ตอนนี้กลับกลายเป็นกำลังยืนชี้หน้าด่าผู้หญิง และรู้สึกด้อยค่ากว่าเพราะคำว่าชนชั้น
“ข้ามิเก็บมาเป็นอารมณ์ให้เช้าวันใหม่ของข้าหม่นหมองดอก เอ็งก็เหมือนกัน อินั่นมันเป็นแค่บ่าว เอ็งจะเก็บมาใส่ใจทำไมกันเล่า มานี่เถิด เรามีเรื่องให้.................” ชงโคยังไม่ทันพูดจบ ผมก็โพล่งตะโกนขึ้นมา
“ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์เหรอ การที่คุณกรีดหน้าเขาจนหน้าเละ แล้วยัง ยัง....” ผมแม้มปากแน่น ความเจ็บปวดแล่นมาจุกที่ลำคอ “แล้วยังตัดนิ้วของเขา  คุณยังอยากให้เช้าวันใหม่ของคุณสดใสอีกเหรอ  คุณทำได้ยังไง เขาก็คนเหมือนกับคุณนะ”
“ปั๊ก!!!” เสียงกระทบของของแข็งบางอย่างดังใกล้ๆหูผม จากนั้นผมจึงเซเล็กน้อย ครู่หนึ่งก็มีของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหน้าผากผม
ชงโคปาขวดน้ำอบใส่หัวผมอย่างแรง ทันทีที่ผมพูดจบ ความรู้สึกชาแผ่ซ่านทั่วใบหน้า เลือดสีแดงสดไหลลงมาลามคิ้ว ผมยกมือขึ้นแตะหน้าผาก
“อย่าเรียกอิขี้ข้านั่นว่า คน มันไม่ใช่คน พวกมันก็ไม่ใช่คน” หล่อนแผดเสียงดังลั่นห้องพลางกวาดมือชี้ไปที่บ่าวไพร่ที่ตอนนี้ก้มหน้างุด “พวกมันเป็นสมบัติของข้า ข้าจักทำเยี่ยงใด จะเผามันทั้งเป็น จะแล่เนื้อเอาเกลือทา จะหั่นเขนหั่นขาโยนให้สุนัข มันก็เรื่องของข้า ข้าย่อมทำได้ เพราะพวกมันเป็นสมบัติของข้า”
ป่วยการณ์ที่จะเรียกร้องสิทธิความเป็นคนจากพวกใจคออำมหิตเหล่านี้ ผมก้มหน้าสิ้นหวัง นึกถึงใบหน้าบ่าวผู้หญิงคนนั้นแล้วหดหู่ ไม่เคยคิดเคยฝันว่าที่เขาบอกว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน มันเป็นแบบนี้นี่เอง
“อิไพร่นั่นทำพ่ออัชย์(หมอปีย์)ของข้าเจ็บ ข้าสั่งให้มันหั่นเล็บให้พ่ออัชย์ แต่มันกลับทำให้พ่ออัชย์ของข้าเลือดออก ข้าจักต้องทำให้มันเลือดออกกว่าพ่ออัชย์ร้อยเท่า"”
ชงโคอธิบาย แต่คำอธิบายนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีกับหล่อนขึ้นมาเลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มความเกลียดชังในสตรีนางนี้เป็นทวีคูณ
“ไปทำแผลเสีย แล้วขึ้นมาหั่นเล็บให้พ่ออัชย์” เธอปรับเสียงพูดลงอย่างอัตโนมัติ เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเพียงหมอกควัน
ผมเดินตัวลีบเล็กลงเรือนไปพร้อมกับแบกความทุกข์ใจไว้หนักอึ้งเต็มสองบ่า

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2

“ชั้นจะพาหมอหนีคืนนี้” จู่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาในขณะที่ ป้าหนูกำลังบี้ๆสมุนไพรบางอย่างที่หน้าผากผม แกละมือทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะลากแขนผมมาไกลจากผู้คน
“เอ็งพูดอันใดออกมา” ป้าทำเสียงจุ๊ “ขี้ข้าเรือนนี้จะไปจากที่นี่ได้ในสภาพเดียวเท่านั้นคือ ศพ หรือเอ็งอยากเป็นศพ” ป้าหนูขู่
“ไม่รู้แหละ ยังไงชั้นก็ไม่อยู่แล้วไอ้บ้านโรคจิตหลังนี้ ชั้นจะหนีคืนนี้ ป้าจะช่วยหรือไม่มันก็เรื่องของป้า”
เมื่อป้าทนความดื้อดึงของผมไม่ไหว หล่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ภายนอกเสียงจันทร์หญิงบ้ากำลังนั่งโยกตัวครางฮือๆไปมาด้วยความหวาดกลัว
ป้าหนูเห็นว่าไม่สามรถทัดทานความตั้งใจของผมได้ ในที่สุดเธอจึงยินดีช่วย โดยการพาไปดูเส้นทางหนี ที่ลัดเลาะเข้าดงกล้วย ก่อนจะข้ามลำคลองและหายเข้าไปในป่ารกชัฏ
“มันจะโผล่ที่ไหนเหรอป้า” ผมเพ่งมองเข้าไปในป่ารก ไม่มีแสงสว่างเล็ดลอกออกมาจากปลายทาง
“ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นทางเดียวที่จักหนีออกไปจากเรือนนี้
"”เสื้อผ้า เสบียงข้าเอาไปซ่อนไว้ให้ที่ป่ากล้วยแล้วนะเว้ย เอ็งแวะไปเอา จำคำข้าไว้ หนีไปให้ไกลที่สุด หากเอ็งไม่ตายก็อย่าได้แวะพัก” ป้าหนูบอก

ผมเตรียมตัวทุกอย่าง ตัดสินใจแล้วว่าอย่างไรเสียก็จะไม่รอจนหมอนั่นหาย ผมจะพามันหนีไปเสียคืนนี้ หากเรายังมีบุญวาสนาก็คงจะพากันรอด แต่หากไม่เช่นนั้น ผมก็ยินดีจะตายเสียแต่ที่นี่
“ชั้นเชื่อนะป้า ว่าการที่ชั้นมาภพภูมินี้ มันต้องมีเหตุผลบางอย่างนำพามา เหตุผลนั้นมันต้องสำคัญมากด้วย เพราะฉะนั้น ชั้นไม่เชื่อหรอกว่า ชั้นจะมาตายเสียแต่ที่นี่” ผมเปรยกับป้าหนู ในขณะที่แกนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย
ข้างๆกันนั้นมีจันทร์นั่งกอดเข่าซบป้าหนูอยู่ไม่ห่าง
“ป้า” ผมเรียกสติแก รู้สึกถึงความหมายบางอย่างในแววตานั้น
“ใช่ว่าข้าจักอยากแก่ตายอยู่ที่เรือนหลังนี้เสียเมื่อไหร่” จู่ๆป้าหนูแกก็พูดขึ้นมา “ข้ามิรู้ว่าวันหนึ่งวันใด จักเป็นข้า ที่ถูกกุดนิ้ว กุดมือ หรือกุดหัว อยู่เรือนหลังนี้ข้าตายได้ทุกเพลา” น้ำเสียงของป้าหนูดูสิ้นหวัง
“ป้าก็หนีไปกับชั้นสิ ไปกันหมดนี่แหละ จันทร์ด้วยนะ นะไปด้วยกัน” ผมแสดงอาการกระตือรือร้น จันทร์พอได้ยินผมเรียกชื่อเธอก็แสดงท่าทางดีใจ
“หึ” ป้าหนูหัวเราะสั้นๆ แสดงอาการหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าห้องไป
เย็นย่ำของวันเดียวกันนั้น ผมทำกิจวัตรประจำวันเหมือนปกติ ทำงานในครัว ยกกับข้าวไปเตรียมบนเรือนใหญ่ ก่อนจะลงมานั่งรอที่เชิงบันไดให้พวกเขากินเสร็จ แล้วยกสำรับลงมาให้บ่าวผู้หญิงล้าง
ระหว่างนั้น ผมเหลือบมองหมอปีย์บ่อยๆ หมอนั่นดูเหมือนหุ่นยนต์ไร้จิตใจไปทุกขณะ แววตาไร้ชีวิต ความรู้สึก ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนไร้วิญญาณ สิ่งที่ชงโคพูดกรอกหู ฝังหัวเขาไว้นั่นคือ เขาเป็นสามีของหล่อนที่ถูกโจรปล้นทำให้ความจำเสื่อม หมอปีย์จึงไม่ขัดเขินเวลาชงโคปฏิบัติตนเหมือนภรรยาคนหนึ่ง แต่ในบางครั้งผมก็รู้สึกได้เองว่า เขาต่อต้านอยู่ในใจ
“เจ้าเส็ง” เสียงชงโคเรียก “นำพ่ออัชย์ไปอาบน้ำ แล้วพาขึ้นมาหาข้าที่ห้อง คืนนี้ข้าจักให้พ่ออัชย์นอนกับข้า”
ผมยิ้มแหยๆให้หล่อน แต่ในใจนึกแช่งชักหักกระดูก “ฝันไปเหอะ คืนนี้กอดหมอนข้างไปแล้วกันเว้ย กูจะพาหมอหนีไปให้พ้นจากเรือนเฮงซวยนี้” ผมนึกก่อนจะลากมือหมอปีย์ไปอาบน้ำ

วันนี้หมอนั่นดูเซื่องซึมผิดปกติ ทั้งๆที่ปกติมันจะโวยวายดื้อด้านไม่ยอมท่าเดียว  ใจผมนั้นหวังจะให้เขาดื้อแพ่งเหมือนวันก่อน เพราะจะได้ถ่วงเวลาให้มืดค่ำลงกว่านี้ แต่ตรงกันข้าม วันนี้หมอปีย์กลับเงียบเฉย
“โธ่เว้ย ไอ้หมอ ทีวันที่กูจะให้มึงบ้า มึงกลับไม่บ้า” ผมอยากจะตบกบาลสักป๊าบ แต่กลัวมันสู้
“เอาวะ มึงไม่ทำ กูทำเองก็ได้” ว่าแล้วก็จัดแจงให้หมอปีย์นั่งห่างๆ คอยดูผมเล่นละคร โดยการตักน้ำสาดไปทั่วบริเวณ พร้อมส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่คนเดียว
“ถ้ากูบ้า มึงต้องรับผิดชอบนะเว้ย” ผมหันไปมองหมอนั่นที่เอาแต่เหม่อลอย


ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดเข้าปกคลุม คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด จึงไม่มีแสงจันทร์นำทางเหมือนคืนก่อนๆ จะถือว่าเป็นโชคดีก็ได้ ที่ทำให้เราหนีได้สะดวก แต่ในทางกลับกัน ความมืดเช่นนี้ก็ทำให้เราลำบากไม่น้อย
“หมอ” ผมนั่งลงใกล้ๆหมอปีย์ ก่อนจะจับมือเขา
“จำชั้นให้ได้เสียทีเถอะ” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำใสๆคลอเบ้าตา ตอนนี้ผมโดดเดี่ยวเหลือเกิน ผมไม่อยากผจญชะตากรรมนี้คนเดียว หากหมอปีย์หายอย่างน้อยผมก็คงจะไม่ต้องรู้สึกอ้างว้างเช่นนี้


ผมนั่งจับมือหมอปีย์อยู่นาน นานจนรู้สึกว่าหมดเวลาที่จะมาคร่ำครวญอีกต่อไป ผมจับมือหมอปีย์ดึงให้เขาลุกขึ้น
“หมอ ชั้นว่าเราอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วนะ ไปเถอะ กลับบ้านกัน” สายตาที่ผมส่งไปให้หมอปีย์นั้นแรงกล้า ความตั้งใจที่ลุกโชนในแววตา ส่งไปถึงเขา เขามองหน้าผมก่อนจะยิ้มเพรา
“กลับบ้าน”
“ใช่ บ้านเราไง กลับบ้านเรากันเถอะ” ว่าพลางลากมือเขาค่อยเดินหลบออกมาจากท่าน้ำ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
ยัยชงโค!!!  :z6:
พี่เป็ด ทำไมเรื่องมันเริ่ม SM
ซะแล้วล่ะนั่น ฮ่าๆๆๆ :laugh:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
บริเวณเรือนใหญ่ เงียบสงัด มีเพียงเสียงนกตบยุงและจักจั่นที่ส่งเสียงร้องเป็นระยะๆ บ่าวไพร่ต่างพากันปิดไฟเข้านอน บนเรือนใหญ่นั้นมีแสงตะเกียงจากห้องพระยาและชงโคเล็ดลอดผ่านความมืด
ผมกับหมอปีย์ค่อยๆย่องลอดใต้ถุนเรือน เหนือหัวขึ้นไปเป็นห้องพระยา ถัดมาเป็นห้องชงโค
“นี่ พวกเอ็งไปตามเจ้าเส็งกับพ่ออัชย์สิ เห็นท่าจะอาบกันนานไปเสียแล้ว ค่ำมืดดึกดื่น” เสียงชงโคสั่งบ่าว ทำให้ผมหยุดกึกไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ตัดสินใจเร่งฝีเท้าจูงหมอปีย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากใต้ถุนเรือนให้เร็วที่สุด
......
......
.........
........
.....
....
......
“คุณชงโคเจ้าขา คุณชงโค”  เสียงบ่าวโหวกเหวกอยู่เบื้องหลัง “คุณอัชย์กับเจ้าเส็งหายไปเจ้าคะ”
แค่นั้นแหละ เรือนทั้งเรือนลุกโชนเป็นไฟ บ่าวไพร่ถูกเกณฑ์เรียกมาช่วยกันตามหาเราทั้งคู่ เสียงตีฆ้องร้องป่าวของบริวานพระยาบอกให้เตรียมปืนผาหน้าไม้ ได้ฟังแค่นี้ก็ทำให้ผมกับหมอปีย์เร่งฝีเท้ากันอย่างไม่คิดชีวิต
“หมอ หมอ ฟังชั้นนะ” ผมหอบแหกๆ ก่อนจะจับมือหมอปีย์ มองหน้าเขา “พวกนั้นจะตามมาฆ่าเรา เพราะฉะนั้น ชั้นจะพานายหนีไป ตามชั้นให้ทัน วิ่งให้สุดชีวิต เข้าใจมั๊ย”
หมอปีย์พยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะออกวิ่งไปพร้อมกันในความมืด


แสงคบเพลิงแวบวับนับสิบดวงอยู่เบื้องหลังเราทั้งคู่ ผมกับหมอปีย์วิ่งฝ่าดงกล้วยล้มลุกคลุกคลาน
“ทางนี้เว้ย ทางนี้” เสียงตะโกนไล่หลังพวกเรามา
“เร็วเข้าหมอ เร็วๆ เราต้องรีบไปเอาเสบียง” ผมพาหมอปีย์วิ่งไปตามทางที่ป้าหนูบอกว่าจะเอาเสบียงพร้อมเสื้อผ้ามาให้เรา เมื่อมาถึงจุดซ่อนเสบียง ผมตะกุยหาในกองใบตองแห้งแต่กลับไม่พบอะไรเลย
“หายไปไหนกันน่ะ” ผมสงสัย หันไปมองข้างหลัง แสงไฟคบเพลิงก็เข้ามาแล้ว แต่ถ้าเราหนีไปโดยที่ไม่มีเสบียงเลยมีหวังอดตายในป่าแน่ๆ
“โธ่เว้ย” ผมนั่งลงอย่างสิ้นหวัง

แต่แล้วเสียงย่ำเท้าของใครบางคนที่กำลังใกล้เข้ามาก็ทำให้ผมต้องเด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะจับมือหมอนั่นแน่น
“ป้าหนู”  แสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุสาดให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้นั้น หล่อนยื่นห่อผ้าสีมอซอให้ผม
“รับไว้แล้ววิ่งไปทางนี้” ป้าหนูชี้ไปตามทางรกทึบ พลางยื่นตะเกียงให้ผม
“แล้วป้าหล่ะ”
“ข้าจะคอยรั้งพวกมันไว้ให้ เจ้าเร่งฝีเท้าเข้าเถิด ประเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์”
ผมขอบคุณป้าหนู ก่อนจะให้สัญญาว่า ถ้ารอดออกไปได้จะกลับมารับป้าหนูไปอยู่ด้วย ไม่มีอาการใดๆแสดงออกมาทางสีหน้าของหล่อน นอกจากแววตาที่อาวรณ์และเหมือนกับป้าจะรู้ชะตากรรมตัวเองหลังจากที่ผมจากไป
“จำไว้ ไม่ว่าจะอย่างไร อย่าหยุดวิ่ง”
ผมตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอีกครั้ง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ไกลเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าป่ากล้วยนี่มันเหมือนไม่สิ้นสุดเสียที เราทั้งคู่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต มือข้างหนึ่งถือตะเกียง อีกข้างสะพายเสบียงไว้เบื้องหลัง โดยไม่ลืมจับมือหมอปีย์ไว้แน่น
กิ่งไม้ ขวากหนามทิ่มแทงตามร่างกาย แต่ความเจ็บปวดนั้นเล็กน้อยเกินกว่าจะมาสนใจ ผมยังคงวิ่ง วิ่ง และวิ่ง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากเบื้องหลัง

“ป้าหนู” ผมหยุดกึก อ้าปากค้างแน่ใจว่าเสียงนั้นต้องใช่เสียงกรีดร้องของป้าหนูแน่ๆ
ความลังเลเกิดขึ้นในใจ ผมอยากจะหันหลังกลับไปหาป้าหนู แต่อีกใจก็ยังจำคำที่หล่อนกำชับไว้ได้ จึงกัดฟันหลับตาลากมือหมอปีย์วิ่งต่อไป

ในที่สุดเราทั้งคู่ก็วิ่งมาถึงเขตลำคลองที่กั้นระหว่างเรือนของพระยาบริรักษ์กับป่ารกทึบ หมอปีย์สะบัดมือผม
“ไม่ได้นะเว้ย นายจะหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้นะ” ผมหันไปมอง แต่ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่แค่หมอปีย์คนเดียว ข้างหลังหมอปีย์ยังมีคนอื่นอีก
“ชงโค!!”
“ใช่ กูเอง ไอ้ทาสทุรยศ เสียแรงที่กูไว้ใจ” ชงโคยืนจังก้าในมือถือพัดไม้จันทน์ ข้างกายของหล่อนมีบ่าวรูปร่างกำยำถือดาบจ้องมาที่เราสองคน
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ” ผมหมดหนทางที่จะพูด
“พ่ออัชย์ กลับมาหาข้า” เสียงชงโคดูเด็ดขาดและน่าเกรงขาม เสียงนั้นทำให้หมอปีย์ถึงกับลังเล เขาก้าวขาออกไปหาชงโค
“หมอ อย่าไป” ผมร้อง
“หมอนี่ ไม่ใช่พ่ออัชย์ของเจ้า เขาคือหมอปีย์ หมอปีย์ของข้า!!!” ผีห่าซาตานตนใดดลใจให้ผมพูดออกไปเช่นนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ผมพูดไปแล้ว และเหมือนจะได้ผล คำพูดของผมเหมือนสะกิดใจของหมอปีย์ทำให้เขาถอยหลังมายืนชิดผม
“มัวยืนเซ่ออยู่ทำไมกันเล่า ไปลากคอพวกมันมาให้ข้า” ความอดทนของชงโคหมดลง หล่อนสั่งให้บ่าวสองคนนั้นเดินมาจับผม พวกเขาเดินตรงมาที่ผมในมือชี้ดาบมาที่เราทั้งคู่ ผมถอยหลังกรูด
“เธอไม่มีวันเอาหมอปีย์ไปได้หรอกชงโค คนอย่างเธอไม่มีวันที่ใครจะมอบหัวใจรักให้โดยสิโรราบ จำคำชั้นไว้ ว่าคนอย่างเธอ ไม่มีวันได้ความรักจากใคร”
เสียงกรีดร้องดังโหยหวนของชงโค ทำให้ผมรู้ว่าคำพูดที่ผมพูดออกไปกรีดแทงหัวใจเธอและทำให้เธอเจ็บปวดทรมานที่สุด
เธอสั่งให้บ่าวสองคนเร่งเข้ามาลากคอผม
ทั้งสองประชิดตัวเรามากขึ้น มากขึ้น
“แอ่ แอ่ แอ่” แต่แล้วจู่ๆจันทร์หญิงบ้าที่ตามเรามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กระโดดมาขวางเอาไว้ จันทร์กระโดดไปมาและโบกไม้โบกมือให้เราหนีไป
“จันทร์หลบไป หลบไป” ผมตะโกน แต่ไม่เป็นผล จันทร์ยังคงพยายามขวางทางพวกมันเอาไว้
“ถีบอีนี่ออกไปสิวะ” เสียงชงโคสั่ง จันทร์ถูกถีบกระเด็นออกมา แต่หล่อนยังคงวิ่งถลาเข้าไปขวางอีก
“หนอยแน่ คนบ้ามิอยู่ส่วนคนบ้า มึงวอนมือกูเสียนี่กระไร เพี๊ยะ!!” เสียงหลังมือของชงโคฟาดลงบนหน้าของจันทร์อย่างแรงจนเธอเซล้ม แต่จันทร์ยังคงลุกขึ้นได้ วิ่งถลาเข้าหาให้ชงโคตบอีกหลายฉาด
“อีบ้านี่ มึงอยากตายตามไอ้ชาติชั่วนั่นอีกคนใช่มั๊ย” ชงโคกัดฟันกรอด ก่อนจะถลาไปดึงดาบในมือของบ่าวผู้ชายหมายจะทำร้ายจันทร์ แต่จันทร์ว่องไวกว่า  หล่อนกระโดดรัดคอชงโค และกอดรัดฟัดเหวี่ยงชุลมุน
“โอ้ย อีบ้า มึงจักทำอะไร โอ้ย” ชงโคดิ้นพราด เธอถูกจันทร์รัดคอจนแน่น มือทั้งสองข้างฟาดใส่หน้าและหัวของจันทร์ไม่ยั้ง แต่จันทร์ก็ยังไม่ปล่อย
“ไอ้สองตัว มึงมาช่วยกูบัดเดี๋ยวนี้” ชงโคกระหืดกระหอบหายใจไม่ออก จันทร์นั้นรัดคอเธอจนแน่น
บ่าวสองคนละสายตาจากผมก่อนหันไปช่วยเจ้านายของมัน
ผมยืนตัวแข็งทื่อ ตกใจกับสิ่งที่เห็น พาลนึกไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร แต่แล้วในระหว่างที่ยืนตะลึงงันอยู่นั้น พลันมีมืออุ่นๆมาสัมผัสผมก่อนจะกระชากผมอย่างแรง
“ตูม!!!” หมอปีย์จับมือผมนั่นเอง เขากระชากมือผมกระโดดลงน้ำ ก่อนจะว่ายออกไป
ผมหันหลังมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับจันทร์
“จันทร์ จันทร์” จันทร์ถูกชายสองคนนั้นใช้ไม้ทุบตีเธอจนเลือดอาบ แต่เธอก็ยังไม่คลายมือจากชงโค

 ไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญใดๆออกมาจากปากของหญิงบ้าคนนั้น นอกจากแววตาที่มองมาที่ผม เธอคงอยากให้ผมเป็นอิสระ เหมือนที่ใจเธออยากเป็นอิสระ ถึงจันทร์จะบ้า บ้าเพราะถูกย่ำยี แต่เธอก็ยังรอคอยวันที่เธอจะเป็นอิสระ.......................จากโลกที่เลวร้ายนี่

“เอามานี่” ชงโคคว้าดาบในมือของบ่าวคนหนึ่งทันทีที่เธอหลุดมาได้ ก่อนจะแทงดาบผ่านร่างของจันทร์
“จันทร์!!!!!” ผมตะโกนสุดเสียง ร่างของหญิงบ้าค่อยทรุดลงกับพื้น และในที่สุด ร่างของจันทร์ก็แน่นิ่งในท่าคุกเข่า จันทร์เป็นอิสระแล้ว.................................

ออฟไลน์ aum_15597

  • สายน้ำไม่หวนกลับ วันเวลาไม่หวนคืน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ยัยชงโคโหดร้าย ทารุณ
เกิดชาติหน้าต้องเกิดเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์แน่ๆเลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ฮารุ

  • บุคคลทั่วไป
ชงโคโหดร้ายที่สุด โหยอย่าให้เจอแบบนี้มั้งนะ 
จะบ้าให้เหมือนจันทร์เลยคอยดู
 :z6: ขอถีบนังชงที 5555

ออฟไลน์ Mai.IcySakura

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ลงจบตอนยังหว่า...

ตอนนี้โหดอ่ะ แค่ให้ตัวเอกเราหนีได้ต้องมีคนตายถึงสองคนเชียว เศร้า T^T

ว่าแต่หมอมีสติลากพ่ออัชย์ลงน้ำด้วย ไม่ได้บ้าใช่มั้ย แกล้งใช่มั้ย ข้องมาก ฮ่าๆๆ

แต่รู้สึกดีนิดนึงนะ ให้อัชย์ทำอะไรเพื่อคนอื่นซะบ้าง หมอทำให้มาเยอะละ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวววว หมอปีย์ว่ายน้ำเป็นแล้วเรอะ
งั้นก็จำได้แล้วอ่ะดิ  :mc4:

 :beat: ยัยชงโค ยัยซาดิสต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2011 20:46:00 โดย Zymphoniz »

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
โหดอ่ะ ผู้หญิงอะไรดหดปานนี่ แต่ก็น่ะสมัยก่อน มองทาสเยี่ยงสัตว์ เหอ~ o6

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

chantana

  • บุคคลทั่วไป
 ยายชงโคนี่ถ้าจะไม่ตายดีแน่ ๆ :m31:

จะหนีรอดไหมหนอ :z3:

+ 1 ให้เซ็งเป็ดจ้า

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
ตื่นเต้นครบรสจริงๆขอบคุณครับ

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ชงโคเลวมาก ! ... อย่าว่าแต่ชาติหน้าเลย ชาตินี้ขอให้โดนบ่าวไพร่ในบ้านรุมสกรรมตายๆ ไปตามป้าหนูกับจันทร์เหอะ

ถ้าหมอปีย์มีสติขนาดพาอัชย์หนีได้ก็แปลว่าคงหายบ้าแล้วสิ  :impress2:
สงสัยเป็นเพราะอานุภาพคำพูดของพ่ออัชย์ละกระมัง 555555

หวังว่าหลังจากนี้ อัชย์คงไม่เสียใจจนกลายเป็นบ้าไปจริงๆนะ  :z3:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
เกียจชงโคคคคค  นรกส่งมาเกิดจริงๆ ขอให้จันทร์ไปสบายๆเกิดในภพภูมิใหม่ที่ดี

อยากจะก้านคอหมอปีร์แต่ก็ทำไม่ลง  :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด