A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117499 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetyYY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-9
กรี๊ดดดดดดด

ไม่ไหวแล้วเขินนนน

มาปูเสื่อรอออ ++++

eat2tea

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยๆๆ ชอบหมอปีย์มากๆเลยอ่ะ ดีใจที่หมอปีย์ความจำเป็นปกติ :o8:

ผมยังรอตอนต่อไปอยู่น่ะคับคุณเป็ด  :call:


ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด  เขียนทรายบอกรักอ่ะ  น่าร้ากกกกกกกกกกก 

อ่านแล้วมัน กวิ๊วกว๊าวววววววววว  :o8: :-[

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
อ้ายยย หมอน่ารักที่สุด เขินดิ้นนนนนเเล้ว

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
หมอน่ารักเกินนนนนนนนนน

BF-e

  • บุคคลทั่วไป
เเม้  น้ำตาลยังอาย..

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เย้ๆ หมอคนเดิมกลับมาแล้ว
แถมยังหยอดคำหวานเฉยๆได้อีกด้วย ^^

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
แทบไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผมจะยอมสยบให้กับคนอย่างหมอนั่น แล้วโดยเฉพาะมันเป็นผู้ชายด้วยแล้ว
แรงต้านอย่างมหาศาลเกิดขึ้นในใจ เมื่อแรก  ผมยังจำคำที่พี่หมอเคยสบประมาทผมไว้เมื่อครั้งที่เราทะเลาะกันเพราะเขาแย่งมุกของผมไปว่า “ปอหนีตัวตนของตัวเองไม่พ้นหรอก” เมื่อนึกถึงคำพูดและน้ำเสียงเหล่านั้น ยิ่งทำให้ผมไม่อยากให้สิ่งที่พี่หมอพูดเป็นจริง แต่ตอนนี้ เมื่อยิ่งใกล้ชิดกับหมอปีย์มากเท่าไหร่ ในใจก็เริ่มกร่อนลงเพราะความผูกพันและห่วงใยของหมอนั่น
ครั้งหนึ่งผมเคยมีรักอันดูดดื่มกับสตรีเพศ แต่แล้วสตรีนางนั้นก็ทำให้ผมผิดหวังแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เรารักเขาเท่าชีวิต แต่เขากลับรักเราไม่มากพอที่จะเลือกเราแล้วเมินเฉยกับเหตุผลหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มุกบอกว่า มันจำเป็น หลายต่อหลายครั้งที่ผู้หญิงมักมีเหตุผลมากมายเมื่อหมดรัก
แต่ผมเองไม่โทษเธอหรอก ใครๆก็ต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเองทั้งนั้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ผมเริ่มตระหนักแล้วว่า หากจะรักใครสักคนด้วยเหตุผลมากมายขนาดนั้น ผมว่า อยู่คนเดียวและรักตัวเองไปดีกว่า
ตอนนี้ผมยอมรับจริงๆว่าผมเริ่มมีจิตผูกพันรักใคร่หมอนั่นไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร รู้เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาหัวใจผมเหมือนจะบีบรัดเล็กลงๆเรื่อยๆ..................เหมือนกับหัวใจหมอนั่นมาเบียดพื้นที่เล็กๆในหัวใจ.....ของผม

ผมจะไม่โทษฟ้าดิน จะไม่โทษโชคชะตาที่พัดพาผมมาไกลถึงยุคที่ห่างจากเวลาปัจจุบันร้อยกว่าปี เพื่อมารักกับผู้ชายอีกคนที่อายุแก่กว่าผมร้อยกว่าปี
มันต้องมีเหตุผลสิ การย้อนเวลามาเพื่อให้รู้ตัวเองว่าเป็นเกย์ คงไม่ใช่เหตุผลใหญ่หรอก ผมเชื่ออย่างนั้น มันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ที่ผมอยู่ที่นี่ ได้มาเจอกับหมอปีย์ มันต้องมีอะไรมากกว่า   “การรักกัน”

“พ่ออัชย์” เสียงหมอปีย์เรียกผมอยู่เบื้องหน้า  “เกรงว่าคืนนี้เราจักต้องพักแรมที่นี่เสียกระมัง”


เราทั้งคู่มาหยุดพักอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่ทรุดโทรม มีเพียงศาลาเก่าๆทำด้วยไม้มุงด้วยกระเบื้องสีแดงเก่า ภายในศาลานั้นมีองค์พระประธานตั้งอยู่พร้อมแจกันดอกไม้ที่โรยรา ข้างๆศาลา มีกุฏิไม้เล็กๆเก่าทรุดโทรมอยู่หลังหนึ่ง นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกเลย
“หลวงพ่อขอรับ พวกเราพลัดถิ่นมา อยากจักขออาศัยพักแรมที่นี่สักคืนนะขอรับ” หมอปีย์คุกเข่าพนมมือไหว้พระที่ยืนอยู่เบื้องหน้า  ผมนั่งลงใกล้ๆเขา พระรูปนั้นมองมาที่ผม เรียกว่าจ้องเขม็งมาที่ผมจนผมรู้สึกอึดอัด
“น่าเวทนายิ่งนัก” จู่ๆ พระรูปนั้นก็พูดขึ้นมา พลางส่ายหัว ใบหน้าที่ดำกร้าน ริ้วรอยที่บ่งบอกให้รู้ว่าท่านแก่พรรษาเพียงใด จีวรที่ดูแทบไม่ออกว่าเคยเป็นสีเหลืองมาก่อน ยิ่งทำให้พระรูปนั้นดูขลัง และน่าเกรงขาม
“จัดที่จัดทางเอาเองเถิด”หลวงพ่อพูดก่อนจะเดินจากเราสองคนไป
“ทำไมต้องน่าเวทนาด้วยวะหมอ ชั้นเหมือนคนจรจัดมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมก้มลงมองสภาพตัวเอง
“ไม่ดอก บางทีท่านอาจเวทนาชะตากรรมของเราสองคนก็เป็นได้” หมอปีย์ยิ้ม




ผมจัดแจงปัดกวาดพื้นศาลาด้วยผ้าเก่าๆ พระรูปนั้นยกมุ้งเก่ามาให้เราพร้อมหมอน ผมนั่งยิ้มให้กับตัวเอง ลมอะไรหนอถึงพัดพาชีวิตคนอย่างผมมาตกระกำลำบากอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้หนักใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะผมเริ่มทำใจได้แล้วว่า ที่แท้คนเราสุดท้ายจะเหลือแค่อะไร
“เราขอไปอาบน้ำก่อนนะ เหนอะหนะเต็มที” หมอปีย์เดินมาบอก เขาหอบเสื้อผ้าที่ป้าหนูห่อมาให้ไปเปลี่ยนด้วย


ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอำไพ
“จะให้ชั้นอาบให้อีกมั๊ย” ผมแซว แต่กลับโดนหมอนั่นดุ บอกว่าให้สำรวมกริยาเสียหน่อย อยู่ในวัดในวา
“อะไรวะ แค่พูดเล่น”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เมื่อจัดที่หลับที่นอนเสร็จ ผมจึงถือโอกาสปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะหมู่บูชา กวาดขี้เถ้า เศษฝุ่น เศษทรายไปทิ้ง แล้ววิ่งไปเก็บดอกผักบุ้งทะเลมาปักแจกัน
“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดดลบันดาลให้ลูกช้างได้รู้เสียทีเถิดว่า เหตุใดลูกช้างถึงต้องมาติดอยู่ในภพภูมินี้” ผมนั่งคุกเข่าหลับตาด้วยจิตอันเป็นสมาธิ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์





“โยม” เสียงพระรูปนั้นทำผมสะดุ้งโหยง “ดอกไม้งามดี” ท่านชม ก่อนจะเดินมายืนใกล้
“วัดนี้ร้างผู้คนมานาน อาตมาเองจำวัดที่นี่ก็อาศัยชาวประมงแวะเวียนเอาสำรับมาให้พอประทังชีวิต ครั้นจักให้ทิ้งวัดนี้ไปก็กระไรอยู่ วัดที่ไม่มีพระ ไฉนเลยจักเรียกว่าวัดได้เต็มปาก จริงไหมโยม”
ผมยิ้มพยักหน้า
“โยมเองก็เหมือนกัน จิตผูกพันกับที่ใดที่หนึ่งก็ยากจักลืมเลือน แม้นจักเกิดกี่ภพกี่ชาติ จิตก็ยังผูกพัน”
“หมายความว่าไงครับ หลวงพ่อ”
“โยมเชื่อเรื่องเวรกรรมหรือไม่” หลวงพ่อถาม แต่ผมกลับไม่ตอบ
“คนเรามีเวรกรรมติดตัวมาแต่ชาติภพก่อนกันทุกคน จักมากจักน้อยตามแต่บุญทำกรรมแต่ง โยมเอง มิสงสัยดอกรึว่าเหตุใดจึงต้องมาร่อนเรพลัดที่นาคาที่อยู่่เป็นนกขมิ้นไร้รังอยู่เช่นนี้”
“หลวงพ่อรู้ หลวงพ่อรู้หรือครับ”
“อาตมาก็รู้ไปไม่มากกว่าที่โยมรู้ดอก” การสนทนาของเราทั้งคู่เป็นไปด้วยความสงบ ผมเงยหน้ามองหลวงพ่อ ขณะที่ท่านจ้องมองพระประธานไม่กระพริบตา
“ที่ที่โยมมามิไกลไปจากที่นี่เท่าใดดอก หากแต่ไม่มีใครสามารถเดินทางไปถึงได้แม้แต่อาตมาเอง ที่ที่โยมอยู่ เวลาที่โยมหายใจ วินาทีที่โยมกระพริบตาอยู่นี้ ยังมีภพภูมิอีกภพภูมิหนึ่งซ้อนอยู่ ไม่มีใครเห็นหรือสัมผัสมันได้ ภพภูมินั้นถูกกั้นเขตด้วยรั้วหนามแน่นหนาที่เรียกว่า “กาลเวลา”
หลวงพ่อเริ่มพูดอะไรเข้าใจยากขึ้น
“แต่โยม ซึ่งมีกรรมและแรงปรารถนาอันแรงกล้าสามารถผ่านรั้วหนามนั้นมาได้ อาตมาเองกลับประหลาดใจมิน้อย”
“หลวงพ่อรู้” เป็นอีกครั้งที่ผมพูดคำนี้ด้วยอาการขนลุกชัน
“กระผมย้อนอดีตมาได้อย่างไรขอรับ หลวงพ่อ”
“โยมรู้หรือไม่ว่าชื่อของโยมแปลว่าอันใด” ผมส่ายหน้า คุ้นๆว่าแม่เคยเล่าให้ฟังว่ายายหนูวาดตั้งให้ผม เพราะยายบอกว่ามีชายคนหนึ่งมาบอกว่าหากยายมีหลานชายคนโตให้ตั้งชื่อหลานว่า “อัชย์”
“อัชย์ แปลว่า ผู้อยู่เหนือกาลเวลา” หลวงพ่อพูดราวกับรู้จักผมมาก่อน ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกชื่อนี้ให้แก่หลวงพ่อฟังเลย
“เพราะดีใช่ไหม แต่ชีวิตโยมเกิดมาพร้อมปมปัญหามากมายที่ต้องแก้ เพราะฉะนั้นเหตุที่โยมกลับมาที่นี่ด้วยเหตุใด อาตมามิสามารถแพร่งพรายลิขิตได้ อาตมาบอกได้แต่เพียงว่า...............................”
สายลมพัดเอาใบโพธิ์หลุดปลิวมาอยู่ตรงหน้าผม
“มิใช่ทุกคนที่มีจิตผูกพันกับภพภูมิอดีตจะสามารถย้อนเวลากลับมาได้ ผู้ที่จักกลับมายังอดีตนี้ได้ จักต้องมีจิตปรารถนาอันแรงกล้า กาลเวลาที่สัมพันธ์ จิตของคนในอดีตที่โหยหา และที่สำคัญ จักต้องเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตอันใหญ่หลวง”
“เรื่องสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตเหรอครับ” ผมทำท่าครุ่นคิด ยิ่งหลวงพ่อพูดอธิบายมากเท่าไหร่ คำถามในใจก็เกิดมากขึ้นเท่านั้น
“อาตมาบอกได้เท่านี้แหละ โยม ชีวิตโยมที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโยมแล้ว”หลวงพ่อพูด ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินกลับกุฎิ
“อ้อ อาตมามีเรื่องจักเตือนโยมไว้อย่างนะ อย่าฝืนใจตนอีก มันมิใช่เรื่องผิดดอก ตรงกันข้าม ความรู้สึกที่โยมลังเลอยู่นั้น กลับจักช่วยชีวิตโยมในกาลต่อไป”  แล้วหลวงพ่อก็เดินหายลับไป

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
หลวงพ่อกั๊กอ่ะ
บอกให้หมดเลยสิคะ หนูอยากรู้ด้วยคนค่าาาาาาาาาาาาาาาา :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“เจ้าคุยอันใดกับหลวงพ่อรึ” หมอปีย์เดินสวนกับหลวงพ่อ ขณะที่ผมเองกำลังนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่หลวงพ่อพูด
“หลวงพ่อท่านพูดอะไรแปลกๆน่ะ หมอ “ เขาเอาผ้าผืนเก่าเช็ดหน้า
“ท่านพูดว่าชั้นมาจากที่ที่ใกล้มาก แต่กลับไม่มีใครไปถึง เหมือนท่านรู้ว่าชั้นมาจากอนาคตอย่างนั้นแหละ”
หมอปีย์แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด แววตาที่หรี่เล็กลงแสดงให้เห็นว่า เกิดคำถามขึ้นในใจของหมอนั่นเช่นกัน
“ถามจริงเหอะ” ผมหันหน้ามานั่งตรงข้ามหมอปีย์ มือทั้งสองจับเข่าเขาอย่างมั่นคง “นายยังไม่เชื่อชั้นอีกใช่มั๊ยเรื่องที่ชั้นมาจากอนาคต”
“เอ่อ อืม มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อน่ะพ่ออัชย์ เราเองก็มิใช่จะหัวสมัยเก่า แต่เรื่องนี้เห็นว่า........................”
“นี่นายเห็นตอนที่ชั้นหายไปตอนที่แดงเสียใช่มั๊ย นายเห็นใช่มั๊ย”
เขาพยักหน้าช้าๆ
“แล้วนายอธิบายมันได้รึเปล่าว่าทำไมชั้นถึงหายไปต่อหน้าต่อตานาย”
ครั้งนี้หมอนั่นกลับส่ายหน้า

ผมนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่

“หมอปีย์.......................ขอร้องหล่ะ เชื่อชั้นเถอะนะ เชื่อชั้นสักครั้งเถอะ ถ้านายไม่เชื่อชั้น ก็ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้ที่จะเชื่อชั้น”


แววตาของผมสื่ออาการวิงวอน น้ำเสียงที่ท้อแท้และสิ้นหวัง ทำให้หมอปีย์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเม้มริมฝีปากและพูดว่า
“เจ้าบอกเรามาสิว่า เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
เขาแสดงอาการตั้งใจฟัง
ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งฟังเป็นจังหวะถี่ๆแต่สม่ำเสมอ รับรู้ได้ถึงฟองคลื่นที่เลาะหาดทราย เสียงหริ่งไรไร จั๊กจั่นดังลั่นหาด ที่แห่งนี้มีเพียงแสงเทียนที่จุดไว้หน้าพระประธานเท่านั้นที่คอยให้แสงสว่าง
“ครั้งแรกที่ชั้นมาที่นี่ ชั้นมาด้วยความรู้สึกที่อยากจะหนีจากโลกที่ชั้นอยู่ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน ชั้นจึงมาหลบในห้องครัวเก่าซึ่งสมัยนายคือเรือนครัวบ้านคุณหญิงชั้น จากนั้นชั้นจำได้ลางๆว่าเปิดหนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆเล่มหนึ่ง แล้วเจอกระดาษแผ่นหนึ่ง”  ผมเว้นช่วงจังหวะ พยายามนึกถึงข้อความในกระดาษแผ่นนั้น แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“จากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว ข้าวของในห้องนั้นหล่นกระจัดกระจาย ตามมาด้วยเสียงนาฬิกาลูกตุ้มโบราณที่ตีดังกังวาน นี่ชั้นยังจำเสียงนั่นได้ดีเลยนะ” ผมเงยหน้าไปมองเขา “จากนั้นชั้นก็สลบไป มารู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่ที่เรือนคุณชั้น”
หมอปีย์นั่งฟังอย่างตั้งใจ
“และทุกครั้งที่ชั้นเฉียดตาย หรือรู้สึกเหมือนจะตาย ชั้นจะได้ยินเสียงนาฬิกาลูกตุ้มแกว่งไกวส่งเสียงดังอย่างเร่งเร้า เมื่อมันเงียบลงชั้นก็จะกลับมายังโลกปัจจุบันของชั้นทุกครั้ง”
“โลกปัจจุบัน โลกปัจจุบันของเจ้ามันโลกไหนกันรึ” หมอปีย์ถาม
“ก็โลกในปี พ.ศ 2553 ไง นายอยู่ในยุคของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ห้า  ส่วนชั้นมาจากยุคพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่เก้า”
หมอปีย์อ้าปากค้าง ราวกับว่าผมไม่เคยบอกข้อมูลนี้ให้เขาฟังมาก่อนอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่ผมพูดให้เขาฟังหลายต่อหลายครั้งแล้ว
“ ร้อยกว่าปีกระนั้นรึ”
“ใช่ร้อยกว่าปี เหมือนที่หลวงพ่อบอกไง ว่าชั้นมาจากที่ที่ใกล้มาก นั่นคือนับจากสถานที่ แต่ไม่อาจมีใครไปถึง นั่นนับจากเวลา แสดงว่าหลวงพ่อท่านรู้ว่าชั้นย้อนอดีตมา” ผมอธิบาย
“แล้วท่านพูดอันใดกับเจ้าอีก” 
ผมอยากจะเล่าทั้งหมดให้หมอปีย์ แต่เห็นว่าแค่นี้ก็เหลือเชื่อเกินที่จะรับได้สำหรับเขาแล้ว อีกอย่างหากบอกเรื่องราวหมด หมอนั่นก็ต้องรู้ว่าผมกำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่

“แค่นี้แหละ ไม่มีอะไร” ผมตัดบท “ นอนเถอะ ชั้นง่วงแล้ว”

ผมแทรกตัวเข้าไปในมุ้งหลังเก่า จีวรเก่าๆของหลวงพ่อถูกนำมาปูกันดินกันทราย หมอปีย์ตามเข้ามาเขานอนก่ายหน้าผากถอนหายใจ
“เรารู้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่หลวงพ่อพูดกับเจ้าอีก แต่หากเจ้ามิพึงใจจะเอ่ยถึงมัน เราก็มิบังคับ”
“ให้เวลาชั้นหน่อยเถอะนะหมอ เรื่องหลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับชั้นมันยากที่จะทำใจให้ยอมรับได้เหลือเกิน”
“รวมทั้งเรื่องของเราด้วยกระนั้นรึ”
หมอปีย์ไม่ต้องอธิบายขยายความใดๆว่าเรื่องของเราคืออะไร แต่ผมก็เข้าใจกระจ่างแจ้งว่าเขาหมายถึงอะไร
“มันยากเกินที่เจ้าจักทำใจรับได้ เราเข้าใจ เพราะเราก็เคยรู้สึกและเจ็บปวดกับมันมาก่อน เรามิรู้ดอกว่าโลกที่เจ้าจากมา ความรักมีกี่ประเภท แต่ในสมัยเรา ความรักจักเกิดขึ้นได้แต่ชายหญิงเท่านั้น หากเกินกว่านั้นเจ้าคงนึกไม่ถึงดอกว่าโทษมันจักเป็นเยี่ยงใด  แต่เรามิกลัวอันใดทั้งสิ้น พ่ออัชย์ เรามิกลัวอีกแล้ว เราขอตายเสียดีกว่า หากต้องอยู่โดยมิได้บอกรักคนที่ใจปรารถนา

ผมนิ่งฟังสิ่งที่อยู่ในใจหมอปีย์ น่าขันที่ต้องมานอนฟังคนที่แก่กว่าเรานับร้อยปี แถมยังอยู่ในกรอบในวัฒนธรรมที่ปิดกั้นทางความคิดและไม่ยอมรับ มาระบายความในใจอย่างเปิดเผย ในขณะที่ผมเองมาจากโลกปัจจุบันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปิดกว้างทางความคิดและการยอมรับมาก แต่กลับไม่กล้าที่จะเอ่ยความในใจ
“นายบอกว่าอยู่ในวัดให้สำรวมไม่ใช่เหรอ หมอ” ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง “เพราะฉะนั้น นอนกันเหอะว่ะ ชั้นง่วง” ผมหาวเสียงดังส่งสัญญาณให้รู้ว่าง่วงนอนและไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องใดๆ ก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้หมอปีย์
เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วง
ลมหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ
มือไม้เย็นเฉียบ
เสียงวิ้งๆดังขึ้นไม่ขาดสายในหู
กลืนน้ำลายไม่ลงคอ
ปั่นป่วนท้องน้อย
อาการเหล่านี้มันคืออาการอะไรกันแน่ มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนเลย จนกระทั่ง...........................ได้นอนใกล้หมอปีย์

LoveFoolJoao

  • บุคคลทั่วไป
^
^
จิ้ม อิอิ

ออฟไลน์ Loin_diciz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ใกล้ลงเอยกันแล้วสินะ หมอนี่น่ารักจริงๆ  o13 o13

ออฟไลน์ aum_15597

  • สายน้ำไม่หวนกลับ วันเวลาไม่หวนคืน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
หลวงพ่ออออออ รู้แต่ไม่บอกค้างในอารมณ์อย่างแรง :z3:
คุณอัชย์ค่ายอมรับซักที่ที่ชอบหมออ่ะ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
สายสัมพัันธ์เริ่มถักทอ ฮุฮู จะว่าไป ตั้งแต่'เจ้าบ้า' มาอยู่ที่นี่ ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอักฤษให้เป็นเรื่องเป็นราวเทา่ไหร่เลยนิ เรียนมาเสียของจริงๆฮะฮธ

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
หมอปีย์ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ใจรู้สึกเช่นไรก็พูดออกไปเช่่นนั้น
เหลือแต่พ่ออัชย์ที่จะยอมรับความรู้สึก จิตผูกพันของตนเองกับหมอปีย์เมื่อไหร่
กด+ พร้อมให้เป็ด  :3123: เอาใจช่วยหมอปีย์ พ่ออัชย์ ^^


ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
โหยยย หมอเท่ห์มากตอนนี้ พ่ออัชย์ก็เลิกลังเลซักทีนะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พ่ออัชย์อย่ามัวแต่ลังเลอยู่เลย หมอปีย์โปรยมาซะขนาดนี้แล้ว แม้กระทั่งหลวงพ่อก็พูดเป็นนัยๆใ้ห้แล้วนะ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
อ๊ากกกกก   หวั่นไหวซะแล้ววววว

พ่ออัชย์กับหมอปีย์น่ารักจังเลยยยย

คนเขียนสู้ๆน้าาา  ><

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
^

^

พ่ออัชย์รู้ใจตัวเองเร็วๆเหอะ

คนออ่านรอ ฉากนั้นอยู่น่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
สิ่งที่รอคอย มันใกล้เข้ามาแล้ววววว  :z1:

cotone

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ..ค้างเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่คู่นี้นี่น่ารักวันน่ารักคืนจริงจริ๊งงง

จะเกี่ยวข้องกับรศ.๑๑๒หรือเปล่าน้อ

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
พ่ออัชย์เลิกกลัวได้แล้ว เป้าหมายมีไว้พุ่งชนนะ

premkoe

  • บุคคลทั่วไป
ตอนต่อไปอยู่ไหนนน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คนอ่านลุ้นจนฉี่เหนียวแล้ว  :z1:

BF-e

  • บุคคลทั่วไป
 :a11: :m28:  หลวงพ่อขลังมากกก

wordpdf

  • บุคคลทั่วไป
หลวงพ่อยุอ่ะ 5555
อยากให้ทั้งสองพ่อกลับไปที่บ้านและเรื่อนคุณชั้นเร็วๆ จัง
รู้สึกว่าปมอะไรๆ อยู่ที่ัทั่น ที่สำคัญ อยากให้พ่ออัชย์ได้เรียนทำอาหารต่อแล้วอ่ะค่ะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
หลวงพ่อกั๊กจังเลย อยากรู้นะเนี่ย 55+
ตอนจบพ่ออัชย์ออกอาการเขินด้วย ><

ออฟไลน์ Mai.IcySakura

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อยากรู้จัง หน้าที่ที่พ่ออัชย์ต้องทำในภพนี้คืออะไรนะ

ถึงขั้นพามาย้อนอดีตได้เนี่ย คงจะยิ่งใหญ่น่าดู

ออฟไลน์ CheeTah

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ในที่สุดปมก้อเริ่มคลายออกมาแร้ว เย้ๆ เมื่อไรปอจะยอมรับสักที สงสารหมอปีย์จัง คนอ่านก้อลุนจนเหนื่อย ^^"

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด