A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117565 ครั้ง)

aj_yj

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นจนเอ็ดร้อยหวายบิดเกร็งไปหมด
หมอจรัสใจร้าย จะไล่พ่ออัทย์ไปได้ยังไง
นั้นเท่ากับว่ากระชากดวงใจหมอปีย์ออกจากตัวเลยนะ
ฮือออออออออออออ TT

ออฟไลน์ Oilsaoo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-3
เเล้วถ้าถูกไล่ออกจากเรือนจริงๆ
พ่ออัชย์จะไปอยู่ไหนล่ะเนี้ย หมอจรัสใจร้ายยย

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
ดีใจด้วยนะเจ้าบ้าที่คุณชั้นเริ่มเอ็นดูแล้ว
แต่แอบหวั่นใจว่าจะโดนไล่ออกจากบ้านมั้ยละนั่น :เฮ้อ:
มาอัพยาวจุใจมาก แต่ก็ยังไม่จบ :pig4:

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ

พ่ออัชย์พ่อต้องหนักแน่นแล้วก็เชื่อใจหมอปีย์นะพ่อนะ

มีแววจะได้กินมาม่า  ฮือๆๆ

+1 จ้าา

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาละน่า อย่างน้อยก็มีอีกคนละที่เชื่อว่า พ่ออัชย์มาจากอนาคต
ว่าแต่ พ่ออัชย์มาจากอนาคต ไม่คิดจะช่วยอะไรกับสยามในเวลานั้นเลยหรือไงจ๊ะ
+1 ให้คุณนนท์ ชิงร้อยชิงล้าน ผ่านไปหลายวันแล้วนะ :z2:
ปล. บทเสียตัวนี่ช่าง  :impress2:

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 :z3: อิ่มมาม่าไปนานเลย ฮือออออออออ

moonoi_sert

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:ไม่นะ พ่ออัชย์บอกรักหมอปีย์แล้ว และหมอปีย์ก้บอกรักพ่ออัชย์แล้ว ไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องพรากจากกันเลยอะ :m15:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


อ่านจุใจสุดเลยค่ะ

สงสารอัชย์จังเลย

ถ้าโดนไล่ไป จะไปอยู่ไหนนิ

ออฟไลน์ tartar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ในทีสุดก็ได้อ่าน ดีใจจัง

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
ถ้าพ่ออัชย์โดนไล่จากเรือนหมอจรัส คุณชั้นจะยอมให้อยู่ในเรือนด้วยมั้ยหนอ?

แต่มันก็คงลำบาก ขนาดหมอจรัสยังไม่กล้ารับไว้ แล้วคุณชั้นที่ทั้งเรือนมีแต่ผู้หญิง จะกล้ารับคนจรหมอนหมิ่นไว้ได้ยังไง

รอลุ้นต่อไป แต่ถ้าจบเศร้า ไม่ยอมนะ เค้าจะร้องไห้ด้วยแหละ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






cocorico

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนเริ่มจะเห็น ดราม่ามากลายๆ T^T

แต่ว่าขอบคุณมากนะค๊าา รอติดตามตอนต่อไปอย่างจดจ่อ คิดถึงหมอปีย์กับพ่ออัชย์มากกก ^^

MAKWAN

  • บุคคลทั่วไป

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้มากตรับหายไปนานกลับมาอ่านยังสนุเหมือนเดิมแต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่จะจบซะหล่ะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
พ่ออัชย์เกิดเรื่องอีกแล้ว :sad4:
อุตส่าห์ได้บอกความรู้สึกกันไปแล้ว ทำไมต้องมีเรื่องด้วย ทำไม :o12:

konan6688

  • บุคคลทั่วไป

MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
หวังว่าพ่ออัชย์คงไม่ได้บอกอะไรที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้นะ
โอ๊ย ไม่อยากให้จบเศร้าอ่ะ อย่านะขอร้อง
อยากเห็นพ่ออัชย์กับหมอปีย์มีความสุข

ออฟไลน์ คุณหมาหยอกไก่

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 877
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-2
กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

รออยู่นะเพคะ

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อยากจะบอกว่าค้างมากมายค่ะ มาอ่านตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ในที่สุด ...
สงสารเจ้าบ้าอะ ถ้าต้องถูกไล่ออกจากเรือนจริงๆ งั้นไปอยู่เรือนหนูวาดดีมั้ย

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“มาหลบอยู่ที่นี่เองรึ”  ผมเงยหน้าขึ้นมาจากกองใบไม้ที่สุมกันอยู่ข้างเท้า หมอปีย์นั่นเอง เขายืนเอามือไพล่หลังมองผมเหมือนกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผมมันน่ารื่นรมย์อย่างนั้นหล่ะ
“มาทำอะไรตรงนี้” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน
ผมไม่ตอบแต่ก้มหน้าลงเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเสวนากับมันอีก
“ไม่พอใจกระไรอีกรึ พ่อ” เขานั่งลงใกล้ๆ 

สายน้ำในลำคลองสงบนิ่ง ใสราวกับกระจก แต่ทันทีที่ใบไม้เหี่ยวร่วงหล่น น้ำนั้นก็พลันกระเพื่อมขึ้นเหมือนกำลังเต้นระบำ

“มันเปลี่ยนไปแล้วใช่มั๊ยหมอ”  ผมพูด
“ไหนนายบอกว่ามันจะไม่เปลี่ยนไง”
หมอปีย์เอียงคอ เขาคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนเสียหน่อย พ่ออัชย์ เราก็ยังคงเป็นเรา”
“เปลี่ยนสิ” ผมยังคงดื้อดึง
“อะไรกัน”
“ก็หมอจะไล่ชั้นไปอยู่ที่อื่น จะไม่ให้ชั้นอยู่ที่นี่อีกต่อไป นี่ไงที่เรียกว่าเปลี่ยน” ผมเงยหน้ามองหมอปีย์สายตาแข็งกร้าว
“ไล่เจ้าไปอยู่ที่อื่น?”
“ก็ใช่น่ะสิ ชั้นได้ยินที่หมอจรัสพูดหมดแล้ว”
“แต่...............”หมอปีย์พยายามจะอธิบายอะไรออกมา
“หมอไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
“เอ่อ เรา...............”
“ชั้นเข้าใจดี ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ฟังเรา................”
“ชั้นไปอยู่วัดเอาก็ได้”
“....................”
“วัดแถวนี้ คงมีที่ให้คนจรจัดอย่างชั้นได้ซุกหัวนอนบ้าง” แววตาผมเศร้าสร้อย
หมอปีย์ไม่พูดอะไรอีก เขาเอาแต่จ้องหน้าผม ก่อนเผยอยิ้มมุมปาก
“แล้วเจ้าจะไปวันไหนกัน”
ผมหันขวับไม่คิดว่าหมอปีย์จะสิ้นเยื่อใยขนาดนี้
“หมอ!!!”
“ไปวันไหน เราจักให้สนไปส่ง” เขายิ้ม เหมือนกับเปรมปรีที่ผมจะได้ไปจากชีวิตเขาเสียที
“ไปวันนี้เลยก็ได้” ผมกระชากตัวลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะก้าวขาเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันที่ขาข้างขวาจะก้าวตาม หมอปีย์ก็ดึงแขนผมไว้จนตัวเซ
“ทีหน้าทีหลังจักแอบฟังก็ฟังให้จบก่อนสิพ่อ” เขาอมยิ้ม
“อะไร” ผมหันไปมอง ก่อนจะดึงมือกลับ ไม่อยากให้ใครเห็นหมอนั่นจับมือผม “ปล่อยหมอ เดี๋ยวใครมาเห็น”
“ไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจักนั่งลงและฟังเราเสียก่อน”
“ปล่อยยยยยยยยย” ผมกระชากมืออย่างแรง เป็นจังหวะเดียวกันที่เขาก็ดึงมือผมเข้าไปหา แรงของเขาทำให้ผมถลาล้มลงบนร่างหมอนั่น
“ไอ้บ้า เดี๋ยวคนมาเห็น แทนที่กูจะต้องออกจากบ้านคนเดียว เดี๋ยวมึงก็ต้องออกไปด้วยหรอก”
ผมผลักตัวเองออกมาจากร่างของหมอ
“จะว่าอะไรก็ว่ามาสิ”




“หมอจรัสท่านอนุญาตให้เจ้าพักอยู่ที่เรือนนี้ดังเดิม”
“หา   ทำไม” ผมไม่เข้าใจ หมอจรัสนั้นดูจะไม่ชอบผมเอาเสียมากๆ แต่ทำไมถึงยอมให้ผมอยู่ต่อ
“ท่านคงมีเหตุผลของท่าน เอาเป็นว่าเจ้าก็มิต้องตีอกชกหัวจะหนีไปอาศัยวัดดอก อยู่ที่นี่ดังเดิมน่ะดีแล้ว”
หมอปีย์ยิ้ม ผมเองก็ยิ้ม  ยิ้มแฉ่งด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เราทั้งคู่นั่งอยู่ริมน้ำพักใหญ่ เรื่องราวมากมายที่เราเล่าสู่กันฟัง เหมือนกับว่ามันจะไม่มีวันที่เราจะหยุดพูด เมื่อจบเรื่องนั่น เรื่องใหม่ก็มาให้เราได้หัวเราะร่าต่อ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน หมอปีย์ก็เหมือนกัน ทันทีที่เราเปิดใจ ทุกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังกันอีก

“คิดถึงแดงนะหมอนะ” ผมพูดเมื่อตะวันเริ่มคล้อยลงต่ำทำให้เห็นเงาจากต้นลำพูฝั่งตรงข้ามพาดผ่านท้องน้ำที่สงบนิ่ง
“แดงไปสบายแล้ว ที่นี่เป็นเยี่ยงนี้แหละ ผู้คนมักล้มตายราวใบไม้ร่วง ในหน้าที่หมออย่างเรา การผูกพันกับใครมักเจ็บปวด เราจึงเลือกที่จักจดจำเขาไว้เพียงแค่สิ่งดีงาม ความอาลัยมิทำให้เราก้าวต่อไปได้”
“อืม มันก็จริง นายนี่ใจแข็งดีนะ” ผมว่า
“เจ้ามิรู้หรอกว่าแท้จริงแล้ว ใจเราเป็นเยี่ยงใด”


ผมขอนั่งที่ริมน้ำต่ออีกครู่ ในขณะที่หมอปีย์ขอตัวไปดูคนป่วยที่สวนหลังเรือน ความอิ่มเอมใจยังคงเต้นระริกอยู่ในใจ แต่เพียงเสี้ยวนึงของมันผมกลับรู้สึกว่า หมอจรัสต้องมีอะไรสักอย่างให้ผมทำแน่ๆ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่เก็บผมไว้หรอก

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“มาแต่เช้าเลยนะเจ้าบ้า” ป้าเมี้ยนบ่าวคนสนิทของคุณชั้นทักทายผมอย่างยิ้มแย้มซึ่งผิดปกติวิสัยที่แกเคยทำ อาจเป็นเพราะนายเริ่มเป็นมิตร บ่าวก็เลยต้องถูกจริตกับผมอย่างจำยอม
“วันนี้มีงานเหรอป้า” ผมถามเพราะเห็นบ่าวไพร่ขมักขะเม้นช่วยงานกันอย่างลนลานผิดปกติ
“วันนี้มีงานหม่อมวังใน คุณชั้นเธออาสาจักทำทองหยิบทองหยอดถวาย” ป้าเมี้ยนพูดพลางเอาผ้าขาวขัดไข่เป็ดจนสะอาด ผมนั่งลงมองหางานที่จะพอช่วยได้

“มานี่สิ เจ้าน่ะ” เสียงคุณชั้นดังออกมาจากมุมหนึ่งของเรือนครัว ผมเดินปรี่ไปหา
คุณชั้นกำลังเทน้ำตาลใส่กระทะทองเหลือง
“มาช่วยเราทางนี้” เธอว่า
“ขนมไทยแต่ดั้งเดิมนั้นมีเพียงแป้ง น้ำตาล และมะพร้าวเป็นหลัก พวก ขนมครก ขนมชั้น เปียกปูน ลูกชุบ ถั่วกวน เหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย”  คุณชั้นเอามือคลึงน้ำตาลในกระทะ
“ต่อมาในคราสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถึงได้มีการทำขนมเยี่ยงตะวันตก จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าโปรตุกีส กล่าวว่า ท้าวทองกีบม้า หรือ มารีกีมาร์ ภรรยาเจ้าพระยาวิชาเยนต์ซึ่งเป็นชาวโปรตุกีสเช่นกัน ภายหลังสามีนางถูกประหารชีวิตนางก็ได้รับเข้าทำงานในห้องครัวเป็นพนักงานกำกับเครื่องหวาน”
ผมนั่งฟังคุณชั้นเล่าเรื่องราวความเป็นมาของขนมอย่างสนใจ ในเนื้อหาเดียวกันนี้ หากผมนั่งฟังในห้องบรรยายจากอาจารย์ชาวฝรั่งเศสซึ่งรู้เรื่องอาหารไทยมากกว่าคนไทยอย่างผมเสียอีก ผมคงจะหาวไม่ต่ำกว่าสิบครั้งต่อนาทีเป็นแน่
แต่เรื่องราวที่ผ่านจากปากคุณชั้น คนในยุค รัชกาลที่ห้า กลับทำให้ผมซาบซึ้งและตื้นตันไปกับมัน
“ท้าวทองกีบม้านี้หละ ที่สอนชาวสยามให้ทำขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองโปร่ง ทองพลุ ขนมผิง ทองม้วน ขนมหม้อแกง  เมื่อขนมเหล่านี้ตกทอดรุ่นสู่รุ่น ชาวสยามเราซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องอาหารก็ได้ประยุกต์ขนมเหล่านี้ให้เข้ากับท้องถิ่นเราเอง จนขนมเหล่านี้ได้กลายเป็นขนมประจำชาติเราไปในที่สุด” เธอเล่าไปเตรียมงานไปอย่างคล่องแคล่ว
“สมัยเจ้ายังมีขนมเหล่านี้อีกหรือไม่” เธอถาม
“เอ่อ มีครับ แต่แพง แหะๆ แถมยังไม่ค่อยมีคนกินเพราะมันอ้วน”
คุณชั้นหันมามองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
บ่าวสองสามคนกำลังง่วนอยู่กับการแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง ไข่เป็ดฟองแล้วฟองเล่าถูกตอกจนเผยให้เห็นไข่แดงสีสดที่เรียกได้ว่าสดจริงๆ สีจัดจ้านมาก
คุณชั้นเองเมื่อใส่น้ำตาลลงกระทะแล้ว เธอจึงเอาเปลือกไข่ไก่ใส่ลงไปด้วยพร้อมขยำกับน้ำตาลจนเปลือกไข่แตกละเอียด
“คุณชั้นใส่เปลือกไข่ไปทำไมหรือครับ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ทำให้น้ำตาลทรายสะอาดและน้ำเชื่อมสีใส” เธอตอบก่อนจะยกกระทะตั้งไฟอีกครั้ง แล้วเทน้ำลอยดอกมะลิและใบเตยลงไปคนจนน้ำตาลละลาย
“สมัยผมขนมเหล่านี้หากินยากมากครับคุณชั้น หาที่อร่อยไม่ค่อยมี” ผมพูด ขณะที่ช่วยเธอคนน้ำตาลทรายในกระทะ
“ประเดี๋ยวเจ้าก็จักได้รู้ว่า ที่อร่อยนั่นน่ะ ยังมีให้กินอยู่ที่นี่” เธออมยิ้มน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอยิ้ม สำหรับคนรักอาหาร การทำอาหารคงทำให้มีความสุขไม่น้อย
ตอนนี้น้ำเชื่อมใสดีแล้ว เธอเทใส่ผ้าขาวบางก่อนจะกรองเอาเศษไข่และตะกอนออกจนได้น้ำเชื่อมใส่แจ๋ว
“ดูแล้วจำให้ได้ เรายังมิอยากให้ของเหล่านี้สูญหายไป” คุณชั้นย้ำ
“ครับ” ผมรับปากไปเพียงคำเดียวสั้นๆ แต่ในใจนั้นตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าหากมีโอกาสได้กลับบ้าน ผมจะเป็นผู้สืบทอดมันเอง
ความยุ่งยากของขนมไทยมากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ขั้นตอนต่างๆนอกจากจะต้องทำอย่างถูกต้องตามสูตรแล้ว ยังจะต้องมีความละเมียดละไมอีกด้วย

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผมเป็นลูกมือช่วยจับนู่นจับนี่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะจดจำเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่คุณชั้นไม่ได้ตั้งใจจะบอก อย่างเช่น คุณชั้นจะล้างมือทุกครั้งเวลาจับอาหาร หรือ มักจะใช้ผ้าขาวสะอาดซับขวบกะทะไม่ให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอีกด้วย
“ลองทำดูไหม” คุณชั้นหันมาเชื้อเชิญ ผมตาลุกวาว
“ใช้ช้อนตักไข่แล้วค่อยๆหย่อนลงไปในน้ำเชื่อมให้เป็นวงกลมแบบนี้นะ ไฟอย่าแรงประเดี๋ยวน้ำตาลจะไหม้ “ เธอทำให้ดูขณะที่บ่าวคนหนึ่งยกกระทะออกจากเตาเพื่อให้น้ำเชื่อมนิ่งไม่เดือดปุด
ผมรับช้อนจากมือเธอก่อนค่อยๆบรรจงตักไข่แดงที่ตีจนเข้ากันและมีเนื้อเนียนละเอียดเพราะกรองด้วยผ้าขาวบาง ไข่เป็ดสีส้มสดค่อยๆถูกวางในกระทะจนเต็ม จากนั้นจึงยกวางบนเตาอีกที
“ใช้ได้แล้ว ตักมาใส่ถ้วยตะไลแล้วจับจีบ ระวังร้อนมือจักพองเอา” เธอคอยกำชับอยู่ใกล้ๆ ผมทำตามอย่างคล่องแคล่ว เพราะมีพื้นมาบ้าง เธอเองก็มองด้วยความพอใจ
“ใช้ได้นะเจ้า” ผมยิ้มไม่หยุดทันทีที่เธอชมเบาๆ

เตาอีกเตาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถูกจุดขึ้นเพื่อเตรียมทำทองหยอด แต่สำหรับทองหยอดนั้นคนทำคือคำแก้ว ซึ่งท่าทางหล่อนจะดูภูมิใจไม่น้อยที่สามารถทำทองหยอดได้ก้าวหน้ากว่าผม

ทองหยิบถูกวางเรียงอย่างสวยงามในถาดทองเหลืองชะลุลาย คุณชั้นวางใจให้ผมทำ ในขณะที่เธอแวะเวียนไปดูคำแก้วทำทองหยอด
“อ้าว มาดูทางนี้” เสียงคุณชั้นเรียก “ทองหยอดนี่ก็ใช้ส่วนผสมเหมือนกับทองหยิบนะ เพียงแต่วิธีทำไม่เหมือนกัน ดูคำแก้วทำเอาแล้วกันนะ”  ว่าแล้วคุณชั้นก็เดินกลับไปดูทองหยิบที่กำลังจะเสร็จ
“ขอชั้นลองทำหน่อยสิ” ผมนั่งลงใกล้ๆคำแก้ว เธอหันมามองก่อนจะหลบตา
“งานแม่หญิง เจ้าจักรู้ไปทำไม”
อ๊าว!!!
“ทำไมหล่ะ งานผู้หญิงผู้ชายรู้ไม่ได้รึไง” ผมถามกลับ
“แม่หญิงรู้งานเยี่ยงนี้เพื่อออกเรือน แลปรนนิบัติสามี แล้วเจ้าหล่ะ” คำพูดที่เนิบนาบของคำแก้วนั้นฟังผิวเผินก็ไม่มีอะไร  แต่สำหรับผม น้ำเสียง ท่าทางแบบนั้น มันมากกว่านั้น
“ชั้นก็เรียนรู้เพื่อไปปรนนิบัติสามีเหมือนกัน ทำไมเหรอ” ผมตอกกลับอย่างลืมตัว เพราะนึกถึงว่าคำแก้วเป็นคู่หมั้นของหมอปีย์ก็อดแค้นเคืองในใจไม่ได้
คำแก้วหันขวับมามองผมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินผมพูดแบบนี้ แหงหล่ะ ผู้ชายยุคนั้นใครเขาจะกล้าพูด  แต่หล่อนคงลืมไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชายยุคนั้น ผมน่ะ มาจากยุคที่เกย์เฟื่องฟูนะเฟ้ย
“บัดสีบัดเถลิง เป็นผู้ชายพูดเยี่ยงนี้ได้กระไร ฟ้าผ่า ผู้ชายจะมีสามีได้จะได” เธอเริ่มลนลานพูดปนเหนือปนกลางมั่วไปหมด
“ทำไมจะเป็นไม่ได้”
“แล้วไผคือสามีเจ้า”
“ก็หมะ..................”ผมเกือบจะหลุดชื่อหมอปีย์ออกไปด้วยความคะนองปาก โชคดีที่ยั้งไว้ทัน
“อย่ารู้เลย เดี๋ยวคำแก้วจะช๊อกตาตั้งตกเก้าอี้คอหักตายไปก่อน” ผมตัดบท “ตกลงจะให้ทำมั๊ย”
คำแก้วไม่ตอบ แต่ลุกสะบัดตูดเดินออกไปหาคุณชั้นหน้าตาบูดบึ้ง ผมได้โอกาสจึงลองทำทองหยอดดูและพบว่ามันยากกว่าทองหยิบหลายเท่า เพราะถ้าไม่ชำนาญจริงๆจะหยอดไม่เป็นหยดน้ำ และไม่เท่ากันด้วย อีกทั้งไฟก็ต้องแรง น้ำเชื่อมต้องเดือดปุดๆเพราะจะได้ช่วยพยุงทองหยอดให้เป็นทรง

ผมขลุกอยู่หน้าเตาตั้งแต่เช้ายันบ่ายคล้อย กว่าจะเสร็จเล่นเอาหน้ามืด แต่เมื่อเสร็จแล้ว มองไปที่เราทำกลับรู้สึกภูมิใจอย่างประหลาด
ทองหยิบทองหยอดวางเรียงรายเต็มลานเหมือนทองคำระยิบระยับเหลืองอร่ามตา คุณชั้นโรยดอกมะลิตูมกับกุหลาบหนูสีแดงสดทำให้ตัดกันยิ่งงดงามมากขึ้นไปอีก
“อบเทียนหอมไว้สักคืน”
เธอบอก  ผมหน้าจ๋อยทันทีนึกว่าจะได้กินเลย แต่เหมือนคุณชั้นจะรู้ทัน เธอรีบพูดขึ้นมา
“จะเอาไปงานพรุ่งนี้ใช้ได้ แต่จะเอาไปกินเย็นนี้ค่อยมาเอา” เธอว่า ผมยิ้มอย่างอายๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อ่านเรื่องนี้จบ ได้สุตรทำขนม กับข้าวไปด้วย ชิมิ  :laugh:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2

เย็นวันนั้น คุณชั้นให้บ่าวหิ้วทองหยิบทองหยอดมาให้จานใหญ่ ผมเดินถือขึ้นมาบนเรือน พร้อมกลิ่นโชยอ่อนของดอกไม้และเทียนหอม เดินไปพลางกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ
“อะไรน่ะ พ่ออัชย์” เสียงหมอปีย์ทักมาแต่ไกล
“ขนม ฝีมือชั้น” ผมพยักหน้าภาคภูมิใจในฝีมือตัวเอง
“กระนั้นรึ เรานึกว่าฝีมือคุณชั้นเสียอีก” หมอปีย์หัวเราะ
“ดูถูก งั้นไม่ต้องกิน” ผมว่าพลางจะหันหลังกลับ
“เดี๋ยวสิพ่อ เราหยอกเล่น ไหนมาให้เราชิมหน่อย”
“อย่าเพิ่งสิวะ แบ่งให้หมอจรัสก่อน”
หมอปีย์ยิ้ม ก่อนจะเรียกบ่าวให้เอาจานมาให้แบ่ง
“พ่ออัชย์ เจ้าเอาไปให้หมอเองเถิด” เขายื่นจานขนมมาให้ผม
“ทำไมอ่ะ นายไปดิ ชั้นไม่กล้าหรอก”
“ไปเถิด”
หมอปีย์คะยั้นคะยออยู่นาน จนในที่สุดผมก็ต้องใจอ่อนยอมเอาขนมไปให้หมอจรัส

ในห้องที่เปิดหน้าต่างรับลม หนังสือวิชาการมากมายวางเกลื่อนไปหมด ผมยืนเก้เก้กังกังอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเคาะประตู จนหมอจรัสหันมาเอง
“เออ ผมเอาขนมมาให้ครับ”
“เข้ามาสิ”
ผมเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปในห้องหมอจรัส ภายในห้องนั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่เป็นระเบียบคือหนังสือ  หนังสืออยู่ทุกมุมห้องของหมอไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ใต้เตียงนอน
“พอดีผมไปช่วยคุณชั้นทำน่ะครับ เอ้ย ขอรับ” ผมชิงพูดก่อน แล้วรีบวางจานเพื่อจะได้ออกจากห้องไวไว
“อย่าเพิ่งไปสิ อยู่คุยกับเราก่อน” ผมหยุดกึกเหมือนต้องมนต์ นึกในใจตายแน่ๆกูคราวนี้
“นั่งสิ”
“ทองหยิบทองหยอดงั้นรึ” หมอจรัสว่าพลางใช้ไม้จิ้มทองหยอดพินิจพิเคราะห์แล้วใส่ปากเคี้ยว
“อื้ม ฝีมือคุณชั้นนี่อร่อยดีแท้ สงสัยต้องไหว้วานให้มาช่วยดูแลงานที่จักเกิดภายภาคหน้าเสียแล้วกระมัง”
“งานอะไรหรือครับ เอ้ย ขอรับ” ผมพูดแทรกขึ้นมาอย่างลืมตัว
หมอจรัสยิ้มอย่างเป็นมิตรช่างต่างจากหมอจรัสในวันนั้นอย่างสิ้นเชิง
“ไม่นานเจ้าก็จักได้รู้ เพราะงานนี้ก็ต้องพึ่งเจ้าด้วยเหมือนกัน เจ้าอัชย์” หมอจรัสยิ้มพลางหยิบทองหยิบใส่ปากและหันกลับไปอ่านหนังสือต่อไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
โชคดียังเข้าข้างผมอยู่บ้าง หมอจรัสให้ผมนอนในห้องของตัวเองต่อไปโดยไม่ต้องระเห็จไปนอนกับสนที่เรือนเล็กด้านหลัง สนนั้นแวะเวียนมาชวนผมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะดูเหมือนเขาเองจะรับรู้แล้วว่าผมอาจไม่ใช่เจ้าบ้าคนเดิมอีกต่อไป
งานของผมนอกจากไปช่วยคุณชั้นทำอาหารและขนมที่เรือนคุณชั้น ผมยังต้องช่วยหมอจรัสแปลเอกสารจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยอีกด้วย ซึ่งบางครั้งหมอจรัสก็ไม่สามารถหาคำภาษาไทยมาอธิบายศัพท์เฉพาะทางภาษาอังกฤษได้
ชีวิตสองภพของผมบัดนี้ดูเหมือนจะเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้น ผมโหยหาที่ที่จากมาน้อยลงอาจเป็นเพราะเวลาในการคิดถึงมันน้อยลงไปด้วย วันเวลาสำหรับที่นี่ผ่านไปเร็วมาก
คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับการเปิดตำราหาตัวยาที่ใช้รักษาโรคคุดทะราดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใครวะ”  ถึงแม้จะรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ผมก็ยังต้องถาม
“เราเอง” เสียงผู้อยู่เบื้องหลังบานประตูตอบ ผมยิ้ม ก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“มาทำไมป่านนี้วะ ดึกแล้ว” ผมทักเมื่อเปิดประตูเจอหน้าหมอปีย์ยิ้มหน้าเจื่อน
“เราเอ่อ  เรา” เขาหันซ้ายหันขวา   “เราอยากเข้าไปหาหนังสือในห้องเจ้า”
ผมยิ้มอย่างรู้ทัน หลบตัวเองให้เขาเข้ามาก่อนปิดประตู
“หมู่นี้เจ้ามิค่อยมีเวลา” เขานั่งลงบนเตียง
“อ้าว ก็คนมีการมีงานทำนี่นา ไม่เหมือนใครบางคน วันๆมีคู่หมั้นนั่งเฝ้าไม่ห่าง” ผมล้อหมอเล่นเรื่องคำแก้ว ที่มักจะแวะเวียนมาทักทายบ่อยครั้งขึ้น แต่จะอยู่ครั้งละไม่นาน เพราะสมัยก่อนหญิงสาวห้ามไปหาผู้ชายถึงเรือน
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เฝ้าเราเล่า”
“เรื่องอะไร ทำไมต้องเฝ้า” ผมนั่งลงบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิม ก่อนจะเปิดหนังสือหน้าเดิมที่ทำงานค้างไว้
“เจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้อยู่ร่ำไป” ผมไม่ได้หันไปมองเขาหรอก เพียงแต่รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงเขาดูเบาลงไป
“โอ๋ๆ น้อยใจเหรอ เอาน่า ชั้นไม่ได้ไม่สนใจนายเสียหน่อย เพียงแต่ไว้ใจ ชั้นรู้ว่านายไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก จริงมั๊ย” ผมเดินมานั่งใกล้ๆเขา
“จริง” หมอปีย์ตอบก่อนจะยิ้มราวเด็กอายุแปดขวบ ผมขยับตัวก่อนจะล้มตัวลงบรรจงวางหัวลงบนตักเขา
แสงเทียนจากมุมเสาสาดส่องมาที่ใบหน้าของหมอปีย์ ที่บัดนี้ก้มมองผมด้วยแววตาอันอ่อนโยน
“หมอ สิวขึ้นน่ะเนี๊ยะ” ผมเอามือแตะสิวเม็ดเล็กๆที่ขึ้นที่ปลายจมูกเขาอย่างเบามือ
“โอ้ย” แต่หมอนั่นเสือกร้องซะเสียงดัง
“หือ ไอ้หมอ อย่ามาทำสำออย ร้องยังกะผ่าริดสีดวง”
“ก็มันเจ็บนี่”
“เครียดอะไรรึเปล่าทำไมสิวขึ้น”
“อืม มีเรื่องกังวลใจ นี่ก็ใกล้เวลาที่เราจักต้องให้คำตอบหมอจรัสเรื่องงานแต่งระหว่างเรากับคำแก้วแล้ว แต่เรายัง.......”
บรรยากาศเงียบลงฉับพลัน เหมือนลมพัดกรุ่นๆหอบไอเย็นมาเมื่อครู่ดับวูบลงทันใด
ผมไม่พูดอะไร เพราะในใจนั้นจุกเหมือนโดนกระแทกอย่างแรง ความสุขที่เกิดขึ้นในช่วงหลังมานี้ ทำให้ผมหลงลืมวันเวลาที่มันควรจะเป็นจริงตามครรลองครองธรรม
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยหมอ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้วกับการที่ต้องฝืนอะไรที่มันยากที่จะฝืน” เสียงถอนหายใจของผมดังเล็ดลอดออกมาท่ามกลางความเงียบ
“เจ้าจักยอมแพ้รึ”
“ก็ถ้าโชคชะตามันกำหนดไว้ ชั้นจะทำอะไรได้”
“นี่มันมิใช่วิสัยของเจ้า”
“ชั้นเหนื่อยแล้วว่ะหมอ จริงๆ บางทีชั้นคิดว่าชั้นอาจคิดผิดก็ได้ที่เลือกทำตามใจตัวเอง” ผมลุกขึ้นนั่ง
“จะให้ชั้นบุกป่าฝ่าดง หรือทำอะไรโลดโผนโจนทะยาน บุกน้ำลุยไฟแค่ไหน ชั้นไม่เคยกลัว แต่การที่จะให้ฝืนธรรมชาติที่มันจะต้องเป็น ชั้นทำไม่ได้ว่ะ”
หมอปีย์นิ่งไปชั่วขณะ แววตาสั่นระริกด้วยน้ำที่คลอเบ้าตา
เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่แววตาเท่านั้นที่จับจ้องมาที่ผม
“พ่ออัชย์ อย่ายอมแพ้เถิด เราขอร้อง อย่ายอมแพ้ เราสู้คนเดียวไม่ได้ หากไม่มีเจ้าสู้อยู่เคียงข้างเรา”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
คืนนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ จะไปดูชิงร้อยชิงล้าน(เมื่อวานเผาหลอก วันนี้เผาจริง) อ่านให้สนุกนะครับ ใกล้จบแล้วหล่ะ อีกปีกว่าๆ :z13:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
 :monkeysad:  :เฮ้อ:
 :call: ไม่มาม่านะ

cocorico

  • บุคคลทั่วไป
พ่อเซ็งเป็ด เอาจริง อีกปีกว่าๆใช่ไหมคะ ฮิๆ ดีใจนะไม่ใช่อะไร

อยู่ด้วยกันอีกนานๆ ^o^

ออฟไลน์ www.maxdevil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หมอปีย์ พ่ออัชย์  สู้น่ะพ่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด