A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117336 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
ช๊อบ ชอบบ :กอด1: ชอบเรื่องนี้มาก
อยากให้จบมีความสุขจังเลย  :sad4: ถึงแม้ความหวังน้อยนิด
แง่ว แต่ยังหวังอยู่น๊า :L2:
-------------------
ตรง “หนูวาดยังอยู่ดีรึ สมัยเจ้า”
“อยู่ดีครับ ยายหนูวาดอายุยืน และก็แข็งแรงทีเดียว"
เรามึนตรงไหนไปรึเปล่าค๊า ทำไมรู้สึกเหมือนหนูวาดแก่ตายไปแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2011 00:52:41 โดย ๛゙★βra_11!☆゙ »

topsupparit

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเต้นระบำรอตบคำแก้ว  :z2:

eat2tea

  • บุคคลทั่วไป
ณ เพลานี้เรา dislike ให้คำแก้ว แต่ like ให้หมอปีย์กับพ่ออัชย์  :o8:

Ancier

  • บุคคลทั่วไป
ใคร ใค๊ร ใคร ใครนะมาขัดจังหวะ :m16: :seng2ped:

Zarch_Chabu_Chabu

  • บุคคลทั่วไป
รอนานแล้วนะพ่อ

ออฟไลน์ makokabba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ๊ากกก มันคืออ้ายอีตัวไหนมาขัดจังหวะเนี่ยยยย :fire: :beat:

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
อย่าจบแบบดราม่า นะขอเถอะ

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
มารอหมอปีย์กับพ่ออัชย์ จ้า

aj_yj

  • บุคคลทั่วไป
ปูเสื่อรอหมอปีย์กับพ่ออัทย์~~~

ออฟไลน์ looknamniiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
keep in touch ch ch   :fire: เบ่งพลังรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






topsupparit

  • บุคคลทั่วไป
ปูเสื่อรอตบคำแก้วววว ><

ออฟไลน์ sweetyYY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-9
 :m32:  แอบย่องมาถามพี่เป็ดว่า ถ้าเรื่องนี้จบจะมีตีพิมพ์ไหมคะ T^T

ถ้ามีก็ขอบันไซ อ๊ายยยยย หนูจะอุดหนุนเยอะๆเลยค่ะ  :กอด1:

Gallavardin_phen

  • บุคคลทั่วไป
 o13 o13 o13 o13
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกก

ออฟไลน์ Þrestigë

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ว๊ากกกกกกกกกกก ก

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2

 เสียงคำแก้วก็ดังขึ้นหน้าห้องที่ผมเปิดประตูเอาไว้เพราะไม่คิดว่าจะมีใครเดินมา เนื่องจากห้องหมอปีย์อยู่มุมสุด และที่สำคัญไม่คิดว่าหญิงสมัยก่อนจะกล้าขึ้นมาหาผู้ชายถึงห้องนอน
คำแก้วยืนตัวแข็งทื่อราวกับต้องคำสาปทันทีที่หล่อนเห็นผมกับหมอปีย์ สีหน้าของคำแก้วบรรยายไม่ถูกว่าเธอรู้สึกอย่างไร  ผมกับหมอปีย์เองก็เช่นกัน ในสถานการณ์เช่นนั้น ผมเป็นคนแรกที่ได้สติ กระโดดลุกจากเตียงออกให้ห่างจากหมอปีย์ให้ไกลที่สุด
“คำแก้ว” ผมเรียกชื่อเธอ พร้อมๆกับเรียกสติของหมอปีย์ด้วย
เมื่อเธอได้สติ คำแก้วหันไปหันมาระหว่างผมกับหมอปีย์ เหมือนกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า

เมื่อเธอหยุดหัน สำรับที่เธอถือมาด้วยก็ร่วงกราวลงกับพื้น เสียงเพล้งดังขึ้น แล้วคำแก้วก็วิ่งพรวดลงจากเรือนไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผม
“คำแก้ว” ผมตกใจกับภาพที่เห็น หันไปมองหน้าหมอปีย์ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยกว่าผม แต่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เขาเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย

และเป็นผมเองที่ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคำแก้ว คำแก้ววิ่งลงกระไดผ่านหน้าหนูวาดที่เดินตามมา หนูวาดเองงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มีอันใดกันรือเจ้าคะ” หนูวาดถาม ผมไม่ตอบได้แต่วิ่งตามคำแก้วไป แต่ไม่ทันเสียแล้ว เธอวิ่งหายกลับเรือนคุณชั้นไปแล้ว
“สน สน” ผมเรียกสน ที่เดินออกมาจากแปลงสมุนไพร “คำแก้วขึ้นมาบนเรือนได้ยังไง”
“อ้อ เธอบอกว่าจะเอาสำรับมาให้หมอปีย์น่ะ ข้าเห็นว่ายังมิค่ำมืด อีกอย่างคุณวาดก็มาด้วยจึงปล่อยให้เธอขึ้นไป”
ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความขัดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ผมจะให้สนรู้ได้อย่างไรเล่าว่า คำแก้วเดินขึ้นไปเห็นอะไร



“นายต้องทำอะไรสักอย่างนะ หมอ” ผมพูดหลังจากเดินกลับไปส่งหนูวาดที่เรือน และหวังว่าจะพบคำแก้วที่นั่น แต่เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง
“คำแก้วต้องรู้แล้วแน่ๆว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมเดินไปปิดประตูลงกลอน
“ช่างคำแก้วประไร บางทีเราว่านี่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกให้คำแก้วรู้ว่า เรามิอาจเป็นคู่ตุนาหงันที่ดีของเธอได้” หมอปีย์พูดน้ำเสียงราบเรียบ
“นายพูดอย่างนั้นไม่ได้นะหมอ” ผิดกับผมที่น้ำเสียงกระแทกกระทั้นมากขึ้น
“คำแก้วเป็นคู่หมั้นนายนะ อีกไม่นานหมอจะต้องแต่งงานกับเธอ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก พ่ออัชย์ เจ้าก็รู้ดี” เขาพยายามเก็บอาการหวาดกลัวอย่างสุดกำลัง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้หมอ ทีเรื่องของเรามันยังเป็นไปได้แล้วเลย ทั้งๆที่มันไม่ควรจะเป็น”  ผมกล้ำกลืนความเจ็บปวดก้อนสุดท้ายลงคอ ก่อนจะสูดลมหายใจเต็มที่
“หมอต้องไปหาคำแก้วแล้วปรับความเข้าใจกันซะ อย่าถามเหตุผล เพราะมันมีเหตุผลเดียวที่หมอต้องทำคือ คำแก้วเป็นคู่หมั้น และหมอต้องแต่งงานกับเธอ”
“แล้วเจ้าหล่ะ เจ้าจักเป็นอย่างไร” เขาเงยหน้าขึ้นมาถาม นัยน์ตาปวดร้าวจนผมรับรู้ได้
“ไม่ต้องห่วงชั้นหรอกหมอ อีกไม่นานชั้นก็จะต้องไป ไปโดยที่ไม่มีวันกลับมาหาหมออีก” ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมพูดจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ผมจะยังกลับภพภูมิตัวเองได้อีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว หากไม่ได้กลับไป ผมก็จะไปอยู่ที่อื่น ที่ที่ไกลจากเขา
“ทำไมเจ้าพูดเยี่ยงนั้น”
“เรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่ความฝันนะหมอ เหมือนที่นายเคยบอกชั้น ว่านายฝันเห็นชั้นทุกค่ำคืน ชั้นก็แค่คนในฝันของนาย  ไม่มีตัวตนจริงๆหรอก ตัวจริง ความจริง และอนาคตของนายคือคำแก้ว”
ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจผมอย่างฉับพลัน ผมมันเกิดขึ้นหลังจากที่คำแก้วเห็นเราสองคน ทันทีที่ผมเห็นหน้าคำแก้ว ความรู้สึกผิดได้ถาโถมเข้าใส่ราวกับน้ำป่า มันทำให้ตัวผมชาและรู้สึกรังเกียจตัวเอง ผมกลัว ยอมรับว่าผมกลัวเกินไปที่จะยอมรับความจริงได้

“ที่ผ่านมาเจ้าไม่คิดเยี่ยงเราเลยรึ”
.
.
.
.

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
คำถามจากหมอปีย์ทำให้ความเจ็บปวดที่ผมกล้ำกลืนอยู่ข้างในแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ผมคิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะตอบคำถามหมอปีย์


“ไม่”.............................
“ชั้นรู้แล้วหมอ ว่าที่ผ่านมาชั้นไม่ได้รู้สึกกับนายแบบนั้น ยิ่งได้มาเห็นแววตาของคำแก้วเมื่อครู่ ชั้นยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่า ชั้นไม่ได้..................รักนาย..........เลย” คำพูดติดขัดเป็นห้วงๆแสดงถึงอาการของคนกำลังจะขาดใจตาย
“พ่ออัชย์” น้ำใสๆเอ่อขึ้นมาจากตาหมอปีย์  มือผมสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องทำให้เขาต้องเจ็บปวดจนร่างแทบแหลกสลาย หัวใจของหมอปีย์ป่นปี้เพราะผมมากี่หน

แต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมรู้สึกว่าความเจ็บปวดที่มอบให้หมอปีย์ จะถูกต้องและสมควรเท่าครั้งนี้
“หากเจ้าต้องการเยี่ยงนั้นก็ได้ พ่ออัชย์ เราจักทำตามที่เจ้าบอกทุกอย่าง แต่อย่าคิดนะว่าที่เราทำ เป็นเพราะหัวใจเราสั่งการ หากเป็นเพราะน้ำคำของเจ้าต่างหากที่สั่งให้เราทำ และจงจำเอาไว้ว่า หากความเจ็บปวดทรมานที่จักเกิดขึ้นกับเราและคำแก้วต่อไปภายภาคหน้า หาได้เป็นความผิดของเราแต่เพียงผู้เดียวไม่  เจ้า พ่ออัชย์ คือคนที่ทำให้เราต้องเป็นเยี่ยงนั้น จำไว้”  หมอปีย์กัดริมฝีปากแน่นด้วยความคับแค้น ส่วนผมนั้นจุกอกจนแทบจะขาดใจทันทีที่หมอปีย์โยนก้อนหินแห่งความทุกข์ระทมมาให้ผมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

ผมไม่โทษเขาหรอก ที่เขาจะโทษผมแบบนั้น ผมสมควรได้รับมันแล้วหล่ะ
   “เจ้าออกไปเถิด เราอยากพักผ่อน” หมอปีย์ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ ผมลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง ก่อนจะเดินคอตกออกจากห้องพร้อมกับความรู้สึกผิดและหม่นหมองที่ประเดประดังเข้าใส่จนยืนแทบไม่อยู่


ดอกปีบสีขาวนวลร่วงหล่นเรี่ยรายอยู่บนพื้นหญ้าสีขาว ช่างงดงามราวใครจับวาง กลิ่นของมันก็หอมเย็นจับใจ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พายุในใจของผมสงบลงได้ แม้ท้องน้ำเบื้องหน้า ยอดลำพูฝากฝั่งกระนู่น หรือแม้แต่หิงห้อยที่สองแสงวูบวาบก็ไม่อาจทำให้ผมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นชั่วครู่นี้ได้
ผมใช้เวลานั่งไตร่ตรองสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำลงไป ทบทวนอีกครั้งเผื่อทว่าผมเกิดเปลี่ยนใจ ก็ยังอาจไปขอทาหมอปีย์ได้ทันท่วงที 
แต่ยิ่งคิดยิ่งทบทวน ก็ยิ่งพบว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป คือสิ่งที่ถูกต้องและสมควรที่สุดแล้ว ผมไม่อาจครอบครองหมอปีย์ไว้แต่เพียงผู้เดียวได้  แม้จะรักเขาหมดหัวใจมากเพียงใด
ณ สยาม วินาทีนี้ ผมยอมรับกับสายลม ท้องน้ำ แล้วดอกปีบ ตรงนี้เลยว่า ผมรักหมอปีย์หมดหัวใจโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา ภพสมัย หรือแม้แต่เพศก็ตาม
แต่ผมก็ไม่อาจทำตามใจได้ ยุคสมัยนี้ต่างกับยุคที่ผมจากมา เราจะอยู่กันอย่างไรในสภาพแบบนี้ หมอปีย์เป็นถึงหมอรักษาคน มีคนเคารพนับถือมากมาย อีกทั้งเรื่องพรรค์นี้ก็ไม่มีใครยอมรับ หากผมดื้อดึงที่จะยึดหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ก็จะเป็นการทำร้ายหมอ
เมื่อวันหนึ่งมาถึง วันที่ผมต้องจากภพนี้ไปอย่างถาวร หมอจะอยู่อย่างไรหากไม่มีผม ผมจะปล่อยให้เขาต้องทนอยู่กับความว่างเปล่าโดยมีคำพูดตราหน้าที่ผมทิ้งไว้ให้เขาว่า “เขาเป็นพวกผิดเพศ วิปริต” ได้อย่างนั้นหรือ
ผมทำไม่ได้
ยอมให้เขาเจ็บปวดและตัดใจเสียตอนนี้ ยังจะดีเสียกว่า
“นี่เราทำดีที่สุดแล้วใช่มั๊ย” ผมถามตัวเอง ไม่หวังให้ใครมาเข้าใจ  ผมรู้ว่าทางที่ผมเลือกนี้ ย่อมทำให้เราต้องเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แทนที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันให้คุ้มค่า แต่ผมกลับทำมันให้แย่ลง
แต่มันไม่มีทางไหนที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ระยะห่างระหว่างผมกับหมอปีย์ก็เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว ผมนึกว่าหมอจะเป็นฝ่ายทำใจยาก แต่เปล่าเลย เขากลับเป็นฝ่ายที่ดูจะเจ็บปวดน้อยที่สุด ส่วนคนที่ยังคงจมอยู่กับทุกข์ทรมานคงไม่พ้นผมนี่แหละ
หมอปีย์ปรับความเข้าใจระหว่างเขากับคำแก้วในวันรุ่งขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมเป็นแค่เพียงบ่าวที่มีหน้าที่มาดูแลยามไม่สบายเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
เมื่อผมได้ฟังเหตุผลที่เขาให้คำแก้วจากปากคำแก้วแบบนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดก็เท่าทวีคูณ ผมยิ้ม ยอมรับกับคำแก้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง แต่ในใจนั้น ใครจะมาเข้าใจ

ทุกเช้าเราเคยเดินออกมาทักทายหยอกล้อกัน กลับกลายเป็นอดีต
ต้นปีบริมน้ำที่เคยนั่งเล่าเรื่องราวที่เจอกันมา กลับว่างเปล่า
เรือนหลังสวนที่ผมเคยไปเยี่ยมคนป่วยกลับกลายเป็นที่หลบลี้หนีหน้าของหมอปีย์
คำคืนที่เรานั่งดูดาว
ยามเช้าที่เขามาคอยดักหน้าห้อง
หนทางที่เคยเป็นทางเดินของเราสอง
บัดนี้...................เหลือเพียงแค่ผมคนเดียว

ในยามที่เราพบหน้ากันมีเพียงช่วงทานข้าวสั้นๆเท่านั้น ซึ่งบางครั้งหมอปีย์ก็จะให้บ่าวยกสำรับไปให้เขาในห้อง หรือเรือนหลังสวน
บางวันผมแทบจะไม่เจอหน้าเขาเลย
เมื่อเหตุการณ์พลิกผันไปเช่นนั้น ผม ซึ่งเคยร้องขอไม่ให้หมอปีย์เปลี่ยนไปในวันนั้น มาวันนี้กลับเป็นคนทำทุกอย่างให้เปลี่ยนไปเสียเองและกลับทำใจไม่ได้ ผมร่ำร้องอยากกลับสู่เวลาปัจจุบันของผมทุกขณะจิต ไม่แม้แต่อยากจะอยู่บ้านหลังนั้นเพียงวินาที ทุกๆวันที่ผ่านพ้น ท่วมท้นไปด้วยความทุกข์ทรมาน
การที่เราต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ มันทรมานสิ้นดี คนเคยรัก เคยห่วงใย รู้สึกดีๆต่อกัน กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า ห่างเหิน หมางเมิน และไม่แยแส
ผมเคยสะดุดหกล้มที่ตีนบันได โดยที่หมอปีย์นั่งทำงานอยู่ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองว่าผมจะเป็นอะไรบ้าง เขาคงเกลียดผมจริงๆแล้วสิ




เย็นวันหนึ่งขณะที่ผมและหมอปีย์ถูกเรียกมาทานอาหารเย็นพร้อมๆกันเพื่อจะปรึกษาหารือเรื่องงานที่ใกล้เข้ามาทุกที
“คุณชั้น จัดรายการสำรับอาหารไว้พร้อมแล้วขอรับ พรุ่งนี้กระผมจะเอามาให้ดูนะขอรับ” ผมรายงานความคืบหน้าในส่วนของผม
ส่วนหมอปีย์ที่นั่งอีกฟากก็ได้แจ้งว่า เขาได้ออกจดหมายเชิญแพทย์หลวงประจำหัวเมืองต่างๆเรียบร้อยแล้ว
อาหารเย็นมื้อนั้นเป็นไปอย่างเงียบสงบ เหมือนทะเลที่ไม่มีคลื่น แต่นั่นกลับกลายเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า อีกไม่นานพายุกำลังจะถาโถมเข้ามา
หมอปีย์ก้มหน้าก้มตากิน ผมเองก็ไม่ต่างไปจากเขา
แต่แล้วจู่ๆหมอก็รวบช้อน หยิบน้ำมาดื่ม ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า
“หมอจรัสขอรับ กระผมมีเรื่องจักแจ้งน่ะขอรับ”
ผมเงยหน้าขึ้นมอง หมอจรัสเองก็วางช้อนก่อนจะตั้งใจฟัง
“กระผมคิดแล้วว่า หลังจากเสร็จงานในครานี้ กระผมจัก เอ่อ จักให้หมอจรัสเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหมั้นหมายคำแก้วนะขอรับ” หมอปีย์พูดโดยที่ไม่มองมาทางผมเลย เหมือนไม่มีผมนั่งอยู่ตรงนั้น
หมอจรัสพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่ผมกลับไม่ได้ยินอะไรเลย ในหูมีแต่เสียงวิ้งๆ สายตาก็พร่าจาง มองไม่เห็นว่าสีหน้าของหมอปีย์เป็นอย่างไรขณะนั้น

ผมจำอะไรไม่ได้อีกเลยหลังจากนั้น ความรู้สึกมันเหมือนโดนของแข็งฟาดเข้าที่ท้ายทอย รู้แต่เพียงว่า ผมลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะสำรับไปอย่างเลื่อนลอยโดยไม่ได้บอกกล่าวใคร  ก่อนจะปิดประตูห้องและขังตัวเองพร้อมทั้งความรู้สึกที่สับสนไว้ในนั้น



“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ดึกของคืนนั้น ผมเดินไปเคาะห้องหมอปีย์  นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผมไปหาหมอ ในใจผมแกว่งไปแกว่งมา มือทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งยังสั่นและกำแน่น  ผมไม่รู้ว่าผมควรจะมาหาหมอปีย์ดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ผมก็ได้มายืนอยู่หน้าห้องของเขา และเขากำลังจะเปิดประตู

“เจ้านั่นเอง มีอันใดรึ” สีหน้าเมินเฉยของเขา ทำให้ผมรู้สึกสมน้ำหน้าตัวเองอย่างบอกไม่ถูก นี่ไม่ใช่หรือคือสิ่งที่ผมอยากให้มันเป็น ไอ้ปอ มึงอยากให้มันเข้มแข็งไม่ใช่รึ  มันก็เข้มแข็งแล้วนี่ไง แล้วทำไมมึงถึงยังต้องเจ็บปวดมากมายขนาดนี้เล่า
“เอ่อ ชั้นจะมาแสดงความยินดี  ขอเข้าไปหน่อยได้มั๊ย”
หมอปีย์เปิดประตูออก และหลีกให้ผมเดินเข้าไป
“ชั้นดีใจนะที่ได้ฟังข่าวดีจากนาย...................วันนี้” ผมพูด “และชั้นก็หวังว่า นั่นมันจะเป็นความสุขที่แท้จริงสำหรับนาย หมอ”

หมอปีย์ไม่พูดอะไร

“ชั้นขอโทษนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ที่ชั้นเคยทำกับนายไว้”

เขายังคงไม่พูดอะไร
“นี่หมอ นายยังโกรธชั้นอยู่อีกเหรอ พูดอะไรบ้างสิ อย่าทำให้ชั้นต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้เลย” ผมร้องขอ.
.
.
.
.
.
“เราขอโทษ” หมอปีย์เอ่ยปากพูด “เรามิได้เจตนาจักให้เจ้าทุกข์  เพียงแต่....................”เขาตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูด
“หมอ ชั้นรู้เรื่องของเรามันทำให้นายต้องทรมาน ชั้นเองก็ทรมาน ที่ผ่านมา ชั้นนอนไม่หลับ และคิดอยู่ทุกวันว่าไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว  เพราะฉะนั้นชั้นมาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาขอร้อง ขอร้องให้นายยกโทษและเลิกหมางเมินกับชั้นแบบนั้นได้มั๊ยวะ ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่อย่างน้อย นายช่วยเห็นชั้นเป็น.....เพื่อน  เหมือนเดิมได้มั๊ย”
น้ำตาผมเริ่มเอ่อ น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ แต่ผมพยายามเก็บกลั้นมันไว้
“เราขอโทษนะพ่ออัชย์ เราไม่รู้จักทำตัวเยี่ยงไรเมื่อเจอเจ้า เรามิรู้ว่าเจ้าอยากให้เราเป็นอะไรกันแน่แล้ว การหมางเมินกับเจ้าใช่จะเป็นผลดีกับเรา ตรงกันข้ามมันกลับบั่นทอนเราให้ตายทั้งเป็น” เขากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะยิ้มออกมา
“วันนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าอยากให้เราเป็นเยี่ยงไร พ่ออัชย์ เรารู้แล้ว แต่เรายังยืนยันคำเดิมว่า...........เรายังรักเจ้าไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะภพนี้หรือภพไหน ชาตินี้เราบาปหนานัก มิอาจสมหวังในรักที่หมายปอง เราเข้าใจความหวังดีของเจ้าแล้ว พ่ออัชย์ หากเจ้าอยากให้เราเป็นเพื่อน เราก็จักเป็น  เราจักเป็นทุกอย่างที่เจ้าอยากให้เราเป็น พ่ออัชย์”
หมอปีย์น้ำตาเอ่อคลอเบ้า ผมเองก็กลั้นน้ำตาไว้เกือบไม่ไหว ความอัดอั้นตันใจที่เก็บมานาน วันนี้มันได้ทะลักออกมาจากความรู้สึกข้างในด้วยหัวใจที่หวังดีต่อผมบริสุทธิ์จริงๆของหมอปีย์
“งั้น ชั้นก็ขอแสดงความยินดีกับนายในฐานะเพื่อนได้มั๊ย” ผมยิ้ม
หมอปีย์พยักหน้า
“ยินดีด้วยนะหมอ ชั้นเอ่อ ชั้นขอกอดนายในฐานะเพื่อนหน่อยได้มั๊ย”
หมอปีย์เดินตรงมาหาผม พลางอ้าแขนกว้าง เราต่างคนต่างเก้เก้กังกัง อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสวมกอดกันอย่างหลวมๆ
“เรายังรักเจ้าเสมอนะ  พ่ออัชย์” หมอปีย์กระซิบข้างหู
ผมนั้นทำได้เพียงตบบ่าเขาเบาๆ และปล่อยให้น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ ไหลลงมาเปื้อนบ่าหมอปีย์

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ทำไมมันเศร้าเยี่ยงนี้ล่ะเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

e_new

  • บุคคลทั่วไป
ร้องไปแล้วน๊าา TT เอามาลงซ๊าา อย่าให้ค้่างจิ ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ทรมานทั้งปอ หมอ และคนอ่าน

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
   ความสัมพันธ์ระหว่าผมกับหมอปีย์เริ่มดีขึ้น แต่คงไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม บ่อยครั้งที่เขาเดินไปหาคำแก้วที่โรงครัว เพื่อจะเอาผ้าที่ซื้อมาจากย่านสำเพ็งไปฝากหล่อนโดยที่มีผมนั่งอยู่ คำแก้วมองมาที่ผมอย่างระแวดระวัง ส่วนผมเองก็ยิ้มให้หมอปีย์เพียงแค่คนรู้จักแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
คำแก้วเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้มีท่าทีใดๆต่อหมอปีย์จึงหันไปยิ้มแย้มโอภาปราศรัยกับหมอปีย์ตามปกติ
ในการพบหากันของหนุ่มสาวสมัยนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ต่อให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันแล้ว แต่การพบกันก็ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นเวลาที่หมอปีย์จะได้เจอคำแก้วก็มีเพียงช่วงที่ทำครัวเท่านั้น ซึ่งเวลานั้นก็ต้องมีผมอยู่ด้วย
        หากการที่ต้องเอามีดกรีดแขนตัวเองเจ็บปวดเพียงใด ก็เหมือนกับการต้องทนเห็นคนที่เรารักมีใจให้กับคนอื่นเช่นนั้น ผมต้องฝืนใจทนเห็นภาพเหล่านั้นเกือบทุกวัน ในครั้งแรก ใจเกือบทนไม่ไหวอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้น  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองหน้า คุณชั้น คุณยายหนูวาดซึ่งมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เรามาที่เรือนคุณชั้นเพื่อมาเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องอาหารไทยให้มากที่สุดไม่ใช่หรือ เรื่องอื่นปล่อยมันไปก่อนเถอะ


“หนูวาด”
“เจ้าคะ”
ผมพาหนูวาดมานั่งเล่นที่ใต้ต้นมะขามต้นเดิมที่บัดนี้ ออกดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอมเปรี้ยวเต็มต้น
“หนูวาดรักกระผมมั๊ยขอรับ”
หนูวาดเงยหน้ามามองผมด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ยิ้มให้ตามประสาเด็ก
“รักสิเจ้าคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหนูวาดถึงรัก......” หนูวาดลังเลว่าจะเรียกผมว่าอะไรดี
“เจ้าอัชย์  หนูวาดเรียกกระผมว่าเจ้าอัชย์ดังเดิมเถอะขอรับ” ผมขอให้ยายหนูวาดเรียกผมว่าเจ้าอัชย์เหมือนที่เคยเรียกตอนผมเป็นเด็กๆ
“เจ้าอัชย์” หนูวาดเอียงคอเล็กน้อย
“กระผมก็รักหนูวาดเหมือนกันนะขอรับ”  ผมดึงร่างของหนูวาดเข้ามานั่งบนตัก “หนูวาดเป็นเพียงญาติผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักเพียงคนเดียวที่นี่” เสียงเปรยดังขึ้นแผ่วเบาลอยไปตามลม
เธอยังคงเล่นดอกมะขามอย่างตั้งใจ โดยที่ไม่ได้สงสัยจะตั้งคำถามใดๆกับสิ่งที่ผมพูด
“หนูวาดขอรับ”
“เจ้าคะ” เธอแหงนหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าพริ้มเพรา ปากเรียวเล็กกระจับอมชมพู จมูกเชิดรั้น ดวงตาที่กลมโตนั้น ช่างเหมือนกับยายหนูวาดของผมไม่มีผิด
“กระผมขออะไรหนูวาดสักอย่างได้มั๊ยขอรับ” ผมกอดเธอแน่นขึ้น
“อะไรรึ”
“ในภายภาคหน้า หากคุณหนูวาดมีหลาน.................” ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง นึกย้อนไปว่ายายหนูวาดไม่มีลูกชายเลย มีเพียงหลานชายคนแรกคือผม
“หากคุณหนูวาดมีหลานชายคนแรก  กระผมขอให้หนูวาดตั้งชื่อหลานชายคนแรกนั้นว่า “อัชย์”ได้มั๊ยขอรับ”
ผมยิ้ม ในใจพองโต และขนลุกอย่างประหลาด คำพูดของแม่ที่เคยเล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่แม่คลอดผมนั้น  ยายหนูวาดเป็นคนขอตั้งชื่อหลานชายคนแรกด้วยตัวเองว่า “อัชย์” และให้เหตุผลว่า ท่านจำได้ลางเลือนว่าตอนที่ท่านเป็นเด็ก มีชายหนุ่มคนหนึ่งร้องขอให้ท่านตั้งชื่อหลานชายคนแรกว่าอัชย์  แม่ยังเล่าให้ผมฟังอีกว่า ยายจำได้ว่ายายถามผู้ชายคนนั้นว่า “อัชย์” แปลว่าอะไร แล้วชายแปลกหน้าคนนั้นก็ตอบว่า.................
....
...
...
..
“ชื่ออัชย์หรือเจ้าคะ  ชื่อเหมือนเจ้า เลย เจ้าอัชย์” หนูวาดยิ้มร่า ผมพยักหน้า
“แล้ว อัชย์แปลว่ากระไรกันหรือเจ้าคะ” เธอทำหน้าสงสัย
“อัชย์  แปลว่า  ผู้อยู่เหนือกาลเวลา ขอรับ”  ผมยิ้ม น้ำตาเอ่อคลอ พูดทุกคำที่แม่เคยเล่าให้ฟังถึงความหมายของคำว่าอัชย์ตามที่คุณยายหนูวาดเคยเล่า
ไม่น่าเชื่อ ว่าผู้ชายแปลกหน้าที่ทั้งยายหนูวาด แม่ และผม สงสัยมานาน นั่นก็คือ........ผมเอง

“รับปากผมสิขอรับ”
“เจ้าค่ะ หนูวาดรับปาก ว่าจะตั้งชื่อหลานชายคนแรกว่า อัชย์ ตามชื่อเจ้าอัชย์ พี่ชายที่หนูวาดรัก”

เราทั้งคู่หัวเราะร่า และนี่เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความสุขช่วงเดียวที่ผมมีในเวลานี้

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
พ่ออัชย์ ใกล้กลับไปเมืองไทยหรือยัง
อย่าให้ทุกอย่างค้างคาอยู่แบบนี้เลยนะ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เดี่ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคร๊าบบ ขอโทษด้วยที่ไม่ยอมจบสักกะที

e_new

  • บุคคลทั่วไป
อ่า~~~ TT^TT พรุ่งนี้กะได้ จะจบแบบไหนน๊าาา +1

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
มันปวดใจ

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เคืองหมอ แต่ต้องทำใจ ทางเลือกมีไม่มาก แถมไม่นานก็ต้องไป อึดอัด อยากตบคำแก้ว :m16:

ปล. อัชย์ตั้งชื่อให้ตัวเองซะงั้น

ออฟไลน์ celegana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตอนนี้ทำเราน้ำตาซึมไปเลยค่ะ สงสารทั้งหมอ และพ่ออัชย์ :m15: :m15:
อีกไม่นานสินะที่พ่ออัชย์จะต้องกลับโลกปัจจุบันแล้ว :o12:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ถ้าพ่ออัยช์ จะกลับโลกปัจจุบัน ลากเอาหมอปีย์กลับมาด้วย แอร๊ยยยส์
จบไม่แฮปปี้ จะจุดไฟเผ้ากระทู้นี้เลย  :fire:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด