A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1117045 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7

Gallavardin_phen

  • บุคคลทั่วไป
รออยู่นะค๊าบบบบบ
คิดถึงหมอปีย์กับเจ้าบ้า
 :call: :call: :call:

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:
รอดูว่า ผู้อยูเหนือกาลเวลาจะก้าวผ่านความรักไปได้อย่างไร  :m15:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ไม่อยากให้อัชย์แยกกับหมอปีย์เลยอ่ะ


ฮือๆๆๆ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: วิ่งน้ำตาไหลพรากออกนอกกระทู้

dantonykung

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากนะครับ กับนิยายดีๆๆแบบนี้ คุณเขียนได้ถึงอารมณ์มากเพราะการที่เอาความรักลักษณะนี้
ไปเล่าในยุคย้อยไปอีกร้อยกว่า ที่มีความเชื่อและค่านิยมไม่เหมือนสมัยปัจจุบัน ถึงเสร้าเพียงใด
ก็เขาใจความรู้สึกของตัวละครและต้องยอมรับ คุณความรู้สึกได้เหมือนจริงมาก
ขอบคุณมากมาย       :L2: :pig4:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
นั่งไล่อ่านตั้งแต่เมื่อวานจนถึงปัจจุบัน

ชอบหมอปีย์มากกก  บทจะหวานก็เล่นเอาซะตัวบิด

บทจะเศร้าก็เอาซะน้ำตาคลอ

สงสารหมอปีย์มากค่ะ ใจนึงก็ว่าอัชย์ทำถูก  แต่อีกใจก็คิดว่า น่าจะสู้ไปด้วยกัน

ดังหมอปีย์ว่า อย่าปล่อยให้หมอสู้คนเดียวเลย  TT

(อินจัด)

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สงสารทุกคน  แต่อัชย์ทำถูกแล้ว  ความรักคือการเสียสละ  ถ้่สังคมรับรู้  หมอจะไม่มีที่ยืน

เศร้าจัง

ออฟไลน์ Isuru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อย่าจบเศร้านะคะ อยากจะร้องไห้ ยังไงก็อยากให้พ่ออัชย์กับหมอปีย์อยู่คู่กัน
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






BF-e

  • บุคคลทั่วไป
 ทำใจเเละยอมรับมัน...

topsupparit

  • บุคคลทั่วไป
เดี่ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคร๊าบบ ขอโทษด้วยที่ไม่ยอมจบสักกะที

แต่งไปเรือ่ยๆๆ นานๆๆ ยาวๆๆ ไม่ต้องรีบจบหรอกคร๊าบบ

Gallavardin_phen

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารอ เช้าสายบ่ายเย็นนนนนนนนนนนน
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ makokabba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เหอเหอ ชักจะไม่อยากคิดถึงตอนจบแล้วสิ

Smilelimsminy

  • บุคคลทั่วไป
มีลางว่าจะจบเศร้า  :m15:
ม่ายน้าาาาาาาา

 :z6:

eat2tea

  • บุคคลทั่วไป
ข้ารู้สึกเศร้าจับใจยิ่งนัก รักของหมอปีย์และพ่ออัชย์ในภพนี้ มิอาจจะสมหวังอย่างนั้นรึ   :sad4:

ในเพลานี้เรารู้สึก drama ยิ่งนัก  :o12:

Gallavardin_phen

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ยิ่งงานเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ทุกคนทั้งเรือนหมอจรัส และเรือนคุณชั้นต่างก็ดูชุลมุนวุ่นวายกันเสียหมด ต่างคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง
บ่าวไพร่ส่วนหนึ่งจัดแต่งลานหน้าบ้านเป็นลานรับรอง โต๊ะแบบฝรั่งซึ่งค่อนข้างจะหายากในขณะนั้นถูกหมอจรัสสั่งมาจากหัวเมืองสิงคโปร์  กระถางดอกไม้ถูกจัดแต่งใหม่หมด อีกทั้งต้นไม้ก็ถูกตัดแต่งให้เป็นรูปทรงเลขาคณิต
ลานกว้างหน้าเรือนเป็นลานหญ้าโล่ง มีเพียงพื้นไม้ยกสูงขึ้นประมาณคืบนึงเท่านั้นที่เป็นเวทีสำหรับนางรำ
คุณชั้นเธอสั่งขอนางรำเหล่านี้จากวัง เธอบอกว่าคืนนั้นจะมีรำฉุยฉาย และรำนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัยเป็นการแสดงแบบไทย
บ่าวอีกส่วนก็รื้อจานชามสังคโลกลวดลายวิจิตรมาเช็ดถู อีกพวกก็เตรียมฟืน เตรียมไฟ เตรียมสำรับอาหารกับวุ่นวาย

หมอจรัสอยากให้งานนั้นคืนนั้นเป็นแบบฝรั่ง เขาจึงสั่งให้บ่าวไพร่ที่ไม่มีหน้าที่ใดๆอยู่แต่ในครัวและหลังเรือน  ส่วนคนที่ต้องคอยดูแลแขกเหรื่อก็ให้จัดหาเสื้อแสงมาใส่เสียให้เรียบร้อย
ผมกับสนนั้น หมอจรัสได้สั่งให้ช่างแหม่มชาวอังกฤษมาวัดตัวตัดชุดสูทแบบสากล

“พ่ออัชย์ เราจักออกไปธุระข้างนอก เจ้าไปกับเราหน่อยเถิด” หมอปีย์สีหน้าไม่สู้ดีนักจนผมผิดสังเกต
“มีอะไรหรือหมอ ชั้นต้องไปช่วยเรือนนู้นเตรียมของนะ”
“มาเถิด  เจ้าต้องไปรับชุดด้วยมิใช่รึ ออกไปกับเราจักได้ไม่เสียเที่ยว”
ผมเห็นทีท่าของหมอปีย์ร้อนรนเหมือนมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล จึงยินยอมนั่งรถลากออกไปกับเขา




“หมอมีอะไร” ผมนั่งติดกับเขา กลิ่นกายของเขายังเย้ายวนอยู่เหมือนเดิม แต่ผมต้องหักห้ามใจเพราะตอนนี้ สถานะเราได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เจ้าเคยบอกว่าตอนที่เราความจำเสื่อมที่ชะอำ เราพักอยู่ที่เรือนพระยาบริรักษ์ กับชงโคใช่หรือไม่”
จู่ๆ หมอก็ถามผมถึงชื่อคนเลวสองคนนี้ขึ้นมา ทำเอาผมแปลกใจ
“จำได้สิ มีอะไร” ผมถาม สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เราเห็นจดหมายเทียบเชิญที่หมอจรัสให้เราส่งมีชื่อ สองคนนั้นด้วย”
หมอปีย์พูดจบผมก็อ้าปากค้าง นึกว่าตัวเองหูฝาดฟังผิดไป
“จดหมายเชิญพระยาบริรักษ์กับชงโค!!”
“ใช่ เราจำไม่ผิดแน่”
“จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อสองคนนั้นไม่ได้เป็น.......”
“เป็นสิ พระยาบริรักษ์เคยเป็นหมอหลวงอยู่ที่พระนคร แต่ต้องระเห็จไปอยู่หัวเมืองชะอำเหตุเพราะถูกกล่าวหาว่าลักยาในท้องพระคลัง”
“แล้วไหนหมอจรัสบอกว่าจะเชิญเฉพาะแขกต่างบ้านต่างเมืองไง” ผมยังคงไม่อยากให้เรื่องมันเป็นไปตามที่ผมคิด ไม่อยากจะนึกเลยหากสองคนนั้นมาจริงๆจะเกิดอะไรขึ้น
“หมอท่านอยากตอบแทนการมีน้ำใจของพระยาบริรักษ์ เรื่องที่คอยดูแลรักษาเราตอนที่เราไม่สบาย”
“โธ่เว้ย” ผมถอนหายใจอย่างขัดใจ

และนิ่งไปครู่ใหญ่

“แต่คงไม่มีอะไรหรอกหมอ เราอยู่ที่นี่มีผู้คนมากมาย ไหนจะหมอจรัส ไหนจะคุณชั้น อีกอย่างที่นี่ก็เป็นถิ่นของเรา สองคนนั้นคงทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ผมแค่นยิ้ม พยายามนึกในทางที่ดีแต่ในใจนั้นเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างชอบมาพากล

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
รถลากพาเราทั้งคู่แล่นผ่านถนนเจริญกรุงมาจอดหน้าร้านตัดสูท ที่มีหุ่นวางอยู่หน้าร้าน ผมด้อมๆมองๆภายในร้าน พักหนึ่งก็มีหญิงสาวหน้าตาดีเดินออกมาต้อนรับในชุดลูกไม้ระบายสีเหลืองพลิ้วทันสมัย
“เชิญข้างในก่อนสิ หมอ” หญิงสาวคนนั้นยิ้มมาให้เราทั้งคู่ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมคุ้นเคยอย่างประหลาด
“รำพึง” และแล้วผมก็นึกออก รำพึงหญิงสาวที่บ้านของเธอทำน้ำอบนั่นเอง
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ  แต่งตัวแบบนี้ชั้นจำแทบไม่ได้” ผมร้องทัก
“เรามาเรียนตัดเสื้อกับแหม่จุรีที่นี่น่ะ” เธอตอบ แต่ชื่อแหม่มนั้นทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย
“อ่อ แหม่มจุรีเป็นชื่อสำหรับเธอที่นี่ แต่ชื่อจริงๆของเธอคือ มาดามจูลี่” หมอปีย์อธิบาย ผมจึงร้องอ๋อ


“สองคนนี้ยังคงตัวติดกันเช่นเดิมเชียวนะ ไปไหนก็ต้องเจออีกคน” รำพึงล้อ ผมหันไปมองหน้าหมอ หมอเองก็เช่นกัน และได้แต่แค่นยิ้มให้กันอย่างอายๆ
“แหม่มเตรียมชุดไว้แล้วหล่ะ” รำพึงว่า พลางเดินไปหยิบสูทที่แขวนอยู่มุมร้าน เธอเป็นหญิงสยามที่แตกต่างจากหญิงสยามทั่วไป ด้วยเพราะเธอค่อนข้างหัวสมัยใหม่เมื่อเทียบจากหญิงสมัยนั้น รำพึงทำงานนอกบ้าน สนใจแฟชั่น และพูดภาษาอังกฤษได้บ้างในขณะที่หญิงสมัยนั้นเป็นตรงข้ามกับรำพึงแทบทุกอย่าง
“ไม่ใส่ไม่ได้เหรอหมอ มันร้อน” ผมบอก
“ไม่ได้ หมอจรัสท่านเคร่งนัก พวกฝรั่งมังค่ามันชอบดูถูกชาวสยามเรานัก”
“นายจะไปเดือดร้อนทำไม หน้านายก็ไม่ได้เหมือนคนไทยสักหน่อย หน้าชั้นก็เหมือนคนจีน กลัวอะไร”
“เจ้านี่ เลิกดื้อดึงสักวันจักได้หรือไม่ ไปลองชุดเสียก่อน จักแก้ไขตรงไหนค่อยแจ้งรำพึง”
หมอปีย์ดุ ผมจึงยอมเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด ในใจแวบนึงยังนึกว่าหมอยังเป็นคนรักผมเหมือนเดิม แต่พออยู่ต่อหน้ากระจก ความจริงก็ปรากฏ

ผมใช้เวลาจัดชุดอยู่พักหนึ่ง มันไม่ยากหรอกสำหรับการใส่สูท และไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผมด้วย สมัยอยู่เมืองนอก ออกจะใส่บ่อย เพียงแต่การใส่สูทในสยามยุคที่ไม่มีแอร์นี้ ทำเอาเหงื่อซึมจนชุ่มหลังได้เหมือนกัน

“หมอ” ร่างที่ยืนอยู่ต่อหน้าหมอของผมถูกห่อหุ้มด้วยชุดสูทที่ตัดมาอย่างปราณีตพอดีตัว หมอปีย์เงยหน้ามามอง
สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ผมราวกับคนข้างหน้านั้นเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“เจ้าดูดีมากเลย พ่ออัชย์” เขายิ้ม
“อะไรหมอ อย่ามาจ้องกันแบบนี้สิวะ แค่ใส่สูทเอง” ผมเขิน
“ก็เจ้าดูแปลกตาไป ไม่เหมือนเจ้าบ้าคนก่อน”
“ชั้นเป็นชั้นคนเดิมนั่นแหละหมอ เพียงแค่ใส่สูทเข้าไปเอง”
“ไม่จริง เจ้ามิใช่พ่ออัชย์คนก่อน เจ้ามิใช่พ่ออัชย์ของเราอีกแล้ว”
แววตาของหมอปีย์เศร้าลงไปทันที เขาก้มหน้านิ่ง กำมือแน่น


“พอดีมั๊ย แหม่มแกมีฝีมือด้านนี้ทีเดียว ดูโก้ขึ้นโขเลย” รำพึงเดินเข้ามาได้จังหวะพอดี ก่อนจะยื่นอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็นของสนให้ผม
รำพึงทำลายความเงียบระหว่างผมกับหมอปีย์ได้ทันเวลา ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกขณะนั้น ระหว่างผมกับหมอยังมีเยื่อใยบางๆเชื่อมโยงถึงกันอยู่ ผมยังรู้สึกถึงมันได้




เราทั้งคู่ออกจากร้านมาในบ่ายแก่ๆ ไม่มีใครพูดอะไรถึงเรื่องในร้านอีกเลย หมอปีย์เองก็คงรู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นออกมา ส่วนผมเองก็กำลังอดทนที่จะไม่พูดอะไรบางอย่างในใจออกไปเช่นกัน

รถลากพาเรามาถึงเรือนหมอจรัส ผมขอตัวลงหน้าเรือนคุณชั้น ก่อนจะเดินเข้าเรือนไป
ณ ลานหน้าเรือน มีรถลากจอดเรียงอยู่สองคัน ผมมองขึ้นไปบนเรือนก็เห็นว่าคุณชั้นเธอมีแขก จึงเดินอ้อมไปเรือนครัว
“ป้า ใครมาน่ะ” ผมเดินไปถามป้าเมี้ยน
“แขกคุณชั้นเธอน่ะ มาจากหัวเมืองใต้”
“หัวเมืองใต้” ผมชะงักไปนิดหนึ่ง แต่คิดในแง่ดี
“คงไม่ใช่มั้ง” ก่อนจะส่ายหน้าทำเอาป้าเมี้ยนงง
“เป็นอะไรของเอ็ง มาเข้า เร่งมาช่วยข้า หายไปไหนมาทั้งวัน ไม่มีใครช่วยเลย” แกบ่นไปตามประสา

ผมเป็นลูกมือเตรียมงานช่วยป้าเมี้ยน มะพร้าวถูกปอกจนเหลือแต่เนื้อใน มะละกอ พริกเด็ดขั้ว ปอกหอม กระเทียม ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างครบครัน
ความวุ่นวายในครัวทำให้ผมลืมเวลา ลืมเรื่องหมอปีย์ ลืมเรื่องพระยาบ้านั่นเสียสนิท ตอนนี้คุณชั้นไว้วางใจให้ผมทำอะไรในครัวเองมากขึ้น บ่อยครั้งที่ผมเองเป็นฝ่ายสอนเทคนิคต่างๆให้ป้าเมี้ยน เช่น วิธีปอกกระเทียมอย่างรวดเร็ว โดนการใส่ในห่อผ้าขาว แล้วใช้ฝ่ามือบี้ เป็นต้น

“คุณชั้นมานู่นแล้ว เจ้าบ้า เร่งมือเข้า” ป้าเมี้ยนหันมาบอก ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นคุณชั้นและคำแก้วเดินตรงมาเรือนครัวกับใครบางคนที่คุ้นหน้า
“ใครวะคุ้นๆ” เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้าของหญิงสาวที่เดินคู่มากับคุณชั้นจึงชัดขึ้นและทำให้ผมถึงกับผงะ
“ชงโค” ผมกระโดดผลุงลงจากแคร่ จนข้าวของหล่น
“เป็นบ้าอะไรของเอ็งอีก” เสียงป้าเมี้ยนตะโกนด่าไล่หลังในขณะที่ผมวิ่งหายไปหลบหลังเรือนครัว
คุณชั้นพาชงโคเดินเข้ามาในครัว ส่วนผมนั้นแอบอยู่หลังกอกล้วยกอใหญ่ที่บังกายไว้อย่างมิดชิด  แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าชงโค ผู้หญิงที่ใจคอโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นจะมายืนอยู่ตรงหน้าผมตรงนี้ ผมจ้องมองหล่อนด้วยสายตาเคียดแค้น ภาพของป้าหนู กับจันทร์ที่ถูกหล่อนฆ่าอย่างไม่ปราณีแล่นผ่านเข้ามาในสมอง วินาทีนั้นผมแทบจะหมดความอดทนจนเกือบจะถลาออกไปบีบคอหล่อน
โชคยังดีที่ผมไม่ทำแบบนั้น เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องมันอาจเลวร้ายกว่าที่คิดก็ได้


คุณชั้นยืนพูดคุยกับชงโคที่เก็บจริตอันน่ารังเกียจไว้ได้อย่างแนบเนียน หล่อนหัวร่อต่อกระซิกกับคำแก้วอย่างสนิมสนมราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน ผมไม่ได้ยินทั้งหมดพูดกัน แต่ก็พอเดาออกว่าชงโคอาจต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือนหลังนี้อย่างแน่นอน

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“ป้า คุณชั้นพาใครมาน่ะ”  ผมค่อยๆย่องออกมาจากกอกล้วยหลังจากที่คุณชั้นพาชงโคคล้อยหลังไป
“ลูกสาวพระยาบริรักษ์จากหัวเมืองใต้ เธอจะมาดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือน”
“หึ” ผมแบะปาก นึกในใจ นังกุลานี่อ่ะนะ จะมาดูแลงานบ้านงานเรือน โธ่ ลำพังจะแต่งตัวตัวเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนยังทำไม่ได้เลย
“แล้วนี่เอ็งหายไปไหนมา คุณชั้นเธอให้หาแน่ะ”
“เหรอป้า” ผมกระโดดผลุงลงจากแคร่อย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมๆกับคำด่าตามหลังของป้าเมี้ยนที่หาว่าผมเป็นพวกลิงทโมนเสียสติ

ผมวิ่งมาหยุดที่หน้าเรือน มองรอบๆและเห็นว่ารถลากได้หายไปแล้ว แสดงว่าชงโคได้กลับไปแล้ว จึงค่อยเดินขึ้นบันไดเรือน

“มาแล้วรึ หายไปไหนมาหล่ะ” คุณชั้นนั่งเจียรใบตองโดยมีหนูวาดเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ
“อ๋อ เอ่อ ไป ไป ไปตัดใบตองนะขอรับ”
“นั่งสิ เรามีเรื่องจะหารือ”
ผมนั่งลงข้างล่าง คุณชั้นยื่นกระดาษสีซีดเซียวส่งมาให้ผม
“เจ้าดูรายการอาหารที่เราจักเสนอหลวงจรัสให้หน่อยเถิด ว่าพอใช้ได้รึไม่ เรามิรู้ว่าฝรั่งมังค่าจักกินจักอยู่เยี่ยงไร”
ผมรับกระดาษมาอ่าน
“รายการอาหาร มี๑. เป็ดตุ๋นส้มจีน
๒.แกงจืดไก่กับหน่อไม้ตง
๓.แกงกะหรี่กุ้งสดกับแตงอ่อน
๔.ยำญวน
๕.หมูหวาน
๖.กุ้งบงกช
ขนมหวานมี น้อยหน่าน้ำกะทิ ผลตาลลอยแก้ว และผลไม้ตามฤดูกาล
“เยอะจังเลยครับคุณชั้น” ผมเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
“ต้องทำเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ ของบางอย่างฝรั่งมันอาจชอบ บางอย่างอาจไม่ชอบ มีให้เลือกนั่นแหละดีเราขี้คร้านจักมากุมขมับกับพวกมันทีหลัง”  ดูท่าทางคุณชั้นเธอจะไม่ค่อยปลื้มฝรั่งเอาเสียเท่าไหร่
“น่าจะพอครับ เพราะเห็นหมอจรัสว่า จะมีแขกมาร่วมงานประสามยี่สิบ ถึงสามสิบคนนะครับ”
“อืม เห็นว่าจักพอดังเจ้าว่า เออ เจ้าอัชย์ สำรับมากโขขนาดนี้ เกรงว่าเราคนเดียวจักทำไม่ทัน อย่างไรเสีย เราขอให้เจ้าช่วยเป็นธุระทำสักสองสามอย่าง  เห็นเป็นอย่างไรบ้าง”

คุณชั้นยิ้ม แต่ผมกลับอึ้ง แต่ในใจนั้นพองโต ไม่คิดว่าจะได้การยอมรับและรับเกียรติจากคุณชั้นให้ปรุงอาหารสำหรับงานใหญ่เช่นนี้ ปากนั้นอยากจะบอกว่าไม่  แต่ใจนั้นลิงโลดอย่างทำใจจะขาด
“ว่าอย่างไรเล่า” คุณชั้นถามย้ำในขณะที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว
“ได้ครับได้  ยินดีครับ”
ผมตกปากรับคำมาในที่สุด ถึงจะไม่แน่ใจว่าจะทำมันออกมาดีหรือไม่แต่ ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่คุณชั้นเธอวางใจ
คุณชั้นมอบหมายให้ผมทำสำรับ สามอย่าง มี แกงจืดไก่กับหน่อไม่ไผ่ตง ยำญวน และ ผลตาลลอยแก้ว และมอบบ่าวให้คอยมาเป็นลูกมืออีกสามสี่คน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เย็นวันนั้นหลังจากอาหารมื้อเย็น ผมออกมาหาหมอปีย์ที่ศาลากลางเรือน หมอจรัสนั้นหมู่นี้ออกไปข้างนอกกับสนและกลับมาดึกดื่นแทบทุกคืน ทิ้งให้ผมกับหมอปีย์เฝ้าเรือนตามลำพัง
“หมอ ชั้นมีเรื่องไม่สบายใจ” ผมยืนกุมมือแน่น
“นั่งก่อนสิ มีเรื่องอันใดรึ” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากตำรา
“เรื่องชงโคกับพระยานั่นน่ะ” ผมนั่งลงตรงข้ามเขา คืนนี้ลมสงบนิ่ง ทำให้อากาศอ้าวขึ้นไปอีก หมอปีย์ใส่เสื้อจีนสีขาวบางพริ้วจนเห็นเนื้อใน ส่วนผมนั่นร้อนแทบทนไม่ไหวจึงต้องถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงผ้าแพร
“วันนี้ชงโคมาที่เรือนคุณชั้น” ผมบอก แต่สีหน้าหมอปีย์ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ ตรงกันข้าม สิ่งที่หมอปีย์บอกผมกลับมานั้น ทำให้ผมแปลกใจยิ่งกว่า
“วันนี้พระยาบริรักษ์ก็มาหาหมอจรัสเช่นกัน”
“หา!!!” ผมร้องหา ลั่นบ้าน เพราะยังจำคืนที่พระยาบริรักษ์บอกชงโคเรื่องที่จะฆ่าหมอจรัสเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจได้ดี
“มีอันใดรึ”
“อ๋อ เอ่อ ไม่มีอะไร” ผมเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับหมอ “แล้วพระยานั่นมาทำไมเหรอหมอ”
“เราก็ไม่รู้ดอก หมอเชิญแขกเข้าไปคุยในห้อง”
.
.
.
ผมนิ่งไม่พูดอะไร ในใจพยายามนึกถึงเหตุผลที่พระยาบริรักษ์มาที่นี่
“ร้อนมากหรือพ่อ” จู่ๆหมอปีย์ก็ถามขึ้นมา
“หา อ้อ เอ่อ ร้อนสิ มากด้วย”
“นั่งตากลมกับเราที่ชานเรือนสักประเดี๋ยวก็ได้ เผื่อจักคลายร้อนได้บ้าง” เขาเชื้อเชิญ ผมเห็นดีด้วยเพราะอยู่ในห้องนั้นอบอ้าวเหลือเกิน

เราสองคนนั่งเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ เพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไร หมอปีย์ก้มหน้าเขียนหนังสือ ส่วนผมก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน
“เล่มนี้อ่านเพลินดีนะหมอ” ผมเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขา เมื่ออ่านหนังสือเล่มนั้นผ่านไปสองหน้า
“ไหน” เขาพลิกหน้าปกมาดู “อ๋อ หนังสือ "Du Royaume de Siam"  แปลตามตัวว่า “ว่าด้วยราชอาณาจักรสยามของ เมอซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์นั่นเอง  เจ้าสนใจรึ”
“อืม อ่านเพลินดีนะ เพิ่งรู้ว่าเขามีแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย” เนื้อหาที่ผมอ่านนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ บ้านเมือง ความอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมที่แปลก ที่ผมอ่านผ่านสายตาของชาวตะวันตก สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมสนใจหนังสือเล่มนี้เป็นพิเศษ
“เอาไปอ่านคลายเบื่อสิ เราอ่านจบแล้ว” เขาว่า
“อืม” ผมก้มหน้าก้มตาอ่านต่อไป
.
.
.
.
.
.
“เจ้ามาอยู่ที่นี่เห็นจักหลายเพลา” หมอปีย์เป็นคนทำลายความเงียบ
“อ่อ ไม่รู้สิ ชั้นไม่เคยนับน่ะ”
“ประหลาดดี ที่คนเราจักเดินทางผ่านมาในอดีตได้โดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับ” เขาปิดหนังสือตำราดังปึก
“มีสิ ชั้นเชื่อว่ามี และชั้นก็รู้สึกว่าคำตอบมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว” ผมจ้องหน้าหมอปีย์



“นายเคยรู้สึกมั๊ยว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนเราเคยทำ เคยพูดแบบนี้มาแล้ว”
เขาไม่ตอบ แต่ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด
“ชั้นรู้สึก  และรู้สึกบ่อยขึ้นในพักหลังมานี้ ณ ตอนนี้ ชั้นก็ยังรู้สึกเลยว่าชั้นเคยทำแบบนี้พูดแบบนี้กับนายมาแล้ว  มันไม่แปลกเหรอ หมอ” ผมถามกลับ
“เจ้ากำลังจะบอกว่า มีสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่เจ้าจักกลับไปโลกของเจ้าแล้วกระนั้นรึ” หมอปีย์หรี่ตาลง
“ชั้นรู้สึกอย่างนั้นน่ะ”
“ฝืนมันไม่ได้เลยรึ”
“ไม่รู้สิ”
“แล้วเจ้าจักกลับมาอีกมั๊ย  จักกลับมาหาเราอีกมั๊ย”
“ไม่รู้”
.
.
.
.
.
.
“อย่าไปเลยนะ พ่ออัชย์”

ออฟไลน์ CheeTah

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
สงสารหมอปีย์

ออฟไลน์ sweetyYY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-9
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด จิ้มมมมมมมมมมม

ฮือออ ทำไมเรื่องหลังๆมันดูเศร้าขนาดนี้แหละ

แต่พ่ออัชย์ก็ต้องทำให้ถูกต้อง ก็เพราะรักหมาปีย์นี่เนอะ

โอ๊ยยยย เขินนน รอนะคะ *-*

Ps. หนูจะรอซื้อหนังสือออออออออ

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ไม่ไปแล้วหมอจะตอบแทนยังไง คำแก้วก็รอขึ้นแท่น อยู่ไปก็ชีช้ำ ปล่อยเขากลับน่ะดีแล้ว  :z3:

mybomkub

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ววว เย้ๆๆ ได้จิ้มคนแรก คิคิคิ

 :sad4: :sad4: :sad4:

กำ ไม่ทัน แง่

อ๊บๆ

  • บุคคลทั่วไป
ขออาบน้ำ ทำใจ ก่อนยังไม่กล้าอ่าน  กลัวดราม่า >.< :m15: เดี๋ยวมาอ่าน งิ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

Bball

  • บุคคลทั่วไป
ดราม่าอะไรเยี่ยงนี้หนอ~  :z3: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :z3: :z3: :z3:
มันมาแล้ว นังตัวร้ายยยยยยย  :z6: :z6:
สองคนนี้คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของหมอปีย์และพ่ออัชย์อีกครั้งหนึ่งใช่หรือไม่ ?
ทำไมต้องมาทำให้มันเศร้าด้วยว๊าาาาาาาาา  :m15:

Alphas

  • บุคคลทั่วไป
ใจคอไม่ดีเลยหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด