A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1118261 ครั้ง)

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
• ในบ่ายแก่ๆของวันที่อากาศอบอ้าววันหนึ่ง ผมกำลังนั่งแปลงานเหมือนอย่างเดิม
นานๆครั้งถึงจะละสายตาจากกองหนังสือวิชาการที่หมอจรัสขนลงเรือสำเภามาจากอเมริกา
ทอดสายตามองออกไปนอกบ้านมองไปยังต้นตบะที่ออกดอกสีม่วงอยู่ไกลๆ เพื่อผ่อนคลายสายตา

ว้าย ต้นไม้โบราณ
ตะแบก   น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุลLagerstroemia วงศ์ Lythraceae
ผิวเปลือกเรียบล่อนเป็นสะเก็ด ดอกสีม่วง
เช่น ตะแบกนา (L. floribunda Jack).

๔๒๗ + ๑ = ๔๒๘
ขอบคุณนะคะ คุณ เซ็งเป็ด

/กิต. คาดหวังให้สิงห์เหนือ(คำแห้ว) ปะทะกับ เสือใต้(ชนโค) อย่างถึงพริกถึงขิง อิอิ
(เพิ่มเติมเมื่อ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2011 19:27:30 โดย kit »

ออฟไลน์ rainbowrozen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อ่านรวดเดียวหมดเลยค่ะ

มารอตอนจบด้วยคน

Mickii

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้ใกล้จะจบแ้ล้วหรอเนี้ย  ไม่อยากใ้ห้จบเลย

หลังๆ ทำไมมันเศร้าได้ถึงเพียงนี้กันนะ ไม่อยากเห็นหมอปีย์เป็นทุกข์เลย

ภพนี้ทั้งสองจะไม่สมหวังกันจิงๆ หรอ อ่านไปน้ำตานองหน้าเต็มไปหมด

ปวดใจแทนทั้งสองคนยิ่งนัก แล้วไหนจะมีสองพ่อลูกกลับมาป่วนอีก

ไหนจะคำแก้ว ถ้าทำเป็นเล่มบอกด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
  จบแบบนี้คนอ่านอาจตายด้าย เห้ย !! ตายได้ ไม่เอาแบบนี้นะหมอ~
น้ำตาไหลพรากและยิ้มได้ นั่นสิมันจะยิ้มแบบขื่นๆฝืนยิ้มหรือเปล่าก็ไม่รู้ TT

  เดาว่ามันอาจเกี่ยวกับปัจจุบัน เหตุการณ์ค่อยๆคลี่คลาย มีสัญญาณมาแล้ว
มาอัพไวๆนะคะ ปล.ขอบคุณมากเลยนะคะที่อัพตรงกับวันเกิด (คนแต่งคงไม่รู้)
ของขวัญวันเกิดปีนี้เี่ียี่ยมอีกแล้ว...

BF-e

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เช้าวันงาน ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เดินย่ำหญ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างตรงไปยังเรือนคุณชั้น แสงไฟลอดผ่านสุมทุมพุ่มไม้ออกมา แสดงให้เห็นว่าเรือนครัว ตอนนี้คงกำลังวุ่นวายกันอยู่
ความกังวลใจกำลังทำให้ผมรู้สึกสับสน เรื่องราวหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเรื่องหมอปีย์ เรื่องพระยาบริรักษ์ เรื่องการทำสำรับอาหารวันนี้ และที่สำคัญ เรื่องราวความฝันแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กำลังทำให้ผมกังวลใจเป็นอย่างมาก
พักหลังมานี้ ผมมีอาการแปลกๆไป ทุกครั้งที่เหม่อลอย ผมจะเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง ผมมองเห็นร่างของตัวเองยืนเหม่อแน่นิ่ง และทันทีที่หันหลัง มันก็เหมือนกับเหตุการณ์ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งซ้อนกันไปมา
มีครั้งที่ชัดเจนที่สุด นั่นก็คือครั้งที่ผมจะเดินออกมาจากห้องหมอปีย์ แล้วเขาคว้าข้อมือผม เพื่อจะขอร้องไม่ให้ผมไป
ผมไม่ได้ตอบคำถามของหมอปีย์ ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะผมรู้สึก และเห็นภาพตัวเองที่เคยทำแบบนี้ ซ้ำๆกันอยู่สองถึงสามครั้ง มันเหมือนการกรอภาพย้อนกลับไปมา สามครั้งยังไงยังงั้น

ผมรู้ก่อนหมอปีย์เสียอีกว่าเขาจะพูดอะไร จะทำอะไร แต่ผมฝืนมันไม่ได้
หรือในยามค่ำคืน ทันทีที่จะเคลิ้มหลับ ผมก็จะเห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และมันก็จะเป็นไปตามที่ฝันอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“เจ้าบ้า!!!”  เสียงป้าเมี้ยนเตือนสติ “เป็นอะไรไปอีกละเจ้า เดินเหม่อลอย ประเดี่ยวก็เหยียบเอาเตาไฟตีนไหม้กันพอดี”
“อ่อ เอ่อ ขอโทษครับ” ผมหันไปทางป้า ก่อนจะได้สติ และรู้ตัวอีกทีก็เห็นตัวเองยืนอยู่ตรงเรือนครัวที่ถูกสร้างเป็นเพิงชั่วคราวขึ้นมาเพื่อแยกออกจากเรือนครัวหลังเก่าซึ่งคุณชั้นใช้เป็นที่ทำอาหารส่วนของเธอ
“ของที่จักทำข้าเตรียมไว้ให้ตรงนั้นแล้ว เร่งมือเข้า งานจะเริ่มบ่ายนี้แล้ว”

ผมมองไปที่บนครัวเห็นหน่อไม้ตงลำอวบวางเรียงเป็นแพ อีกทั้งทะลายลูกตาล และเครื่องคาวต่างๆที่จะใช้ทำเมนูวางพร้อมใช้งาน
“งั้นเรามาทำแกงจืดไก่กับหน่อไม้ตงก่อนดีกว่า” ผมร้องบอกลูกมือ เพราะเห็นว่าอาหารชนิดนี้ทำไว้ก่อนได้ พอจะใช้ก็ค่อยอุ่นเอา
แกงจืดไก่หน่อไม้ตงนั้น คุณชั้นเคยสอนให้ทำเมื่อหลายวันก่อน ผมจำวิธีทำได้ดี เพราะไม่ยากเพียงแค่ใช้เวลาในการเคี่ยวเท่านั้น
“ป้าเมี้ยน” ผมร้องเรียกหาไก่ที่สับแล้ว บ่าวผู้หญิงคนหนึ่งยกไก่ที่สับและล้างสะอาดแล้วมาให้  ผมหยิบขึ้นมาดูว่าเขาสับเป็นชิ้นพอดีหรือไม่ เมื่อเห็นว่าใช้ได้แล้วจึงหันไปโขลกกระเทียมไทย รากผักชี พริกไทย และเกลือเม็ดจนละเอียดก่อนจะเอามาคลุกกับไก่ แล้วหมักไว้ชั่วครู่
ลูกมือคนอื่นๆกำลังขะมักเขม้นช่วยกันปอกหน่อไม้ตง หน่อไม้ที่ปอกเสร็จแล้วนั้นเนื้อขาวเนียน และมีกลิ่นหอมหวานโชยออกมาอ่อนๆ ผมจับหั่นตามขวางอย่างชำนาญ
เมื่อเสร็จแล้วจึงนำไปต้มรวมกับไก่ และเคี้ยวไปจนเนื้อเปื่อย เมื่อได้ที่จึงให้บ่าวช่วยกันเลาะกระดูกไก่ เอาแต่เนื้อก่อนจะเคี้ยวต่อไป

ระหว่างที่เคี้ยวไก่อยู่นั้น ผมก็หันไปทำกับข้าวอย่างที่สองอย่างคล่องแคล่ว การเป็นเชฟในร้านอาหารที่ผมเคยทำนั้น ต้องทำอย่างว่องไว แต่ต้องถูกต้องและอร่อย ทักษะเหล่านั้นช่วยผมได้มากในยามนี้ แต่ที่น่าจะสำคัญกว่านั้นก็คงจะเป็นความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากคุณชั้นนั่นเอง
“จักทำอะไรต่อ” ป้าเมี้ยนถาม

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผมมองดูเมนูแล้ว เห็นว่า อาหารอีกสองอย่างใช้เวลาไม่นานในการทำ ตอนนี้เหลือเวลาอีกนานกว่างานจะเริ่ม จึงยังไม่ลงมือทำ เพราะหากทำทิ้งไว้เกรงว่า อาหารจะเย็นชืดไม่น่ากินเสียก่อน


คุณชั้นวุ่นวายอยู่กับอาหารส่วนที่เหลือ ผมจึงอาสาเดินไปช่วยเป็นลูกมือของเธออีกแรง ทันทีที่เดินเข้าไปหา คำแก้วซึ่งกำลังนั่งเด็ดดอกขจรเงยหน้ามามองผม ก่อนจะก้มหน้าเหมือนพยายามปิดบังอะไรบางอย่าง
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจกับท่าทางแปลกๆของเธอมากนัก ยังคงอยู่ช่วยงานคุณชั้นต่อไปจนเกือบเที่ยงจึงขอตัวกลับมาทำอาหารส่วนที่เหลือของตัวเองเพราะกะเวลาไว้ว่าน่าจะพอดี

อาหารจานต่อไปที่ผมจะทำเป็นขนมหวาน นั่นคือลูกตาลลอยแก้ว ซึ่งสมัยนั้นลูกตาลคงหาได้ง่าย คุณชั้นคงเห็นถึงข้อดีข้อนี้จึงหยิบเมนูนี้มาให้แขกเหรื่อได้ลองทาน อีกอย่างหน้าร้อนๆแบบนี้ได้ทานลูกตาลลอยแก้ว คงจะชื่นใจน่าดู
ป้าเมี้ยนให้บ่าวผู้ชายผ่าลูกตาลแล้วแกะออกมา ส่วนบ่าวผู้หญิงก็ปอกเปลือกที่ขมของลูกตาลออกจนเห็นแต่เนื้อขาวๆ หนูวาดนั้นวิ่งมาแต่ไกลเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะทำขนมลูกตาล วิ่งมาถึงก็คว้าหมับเข้าปาก จนยายเมี้ยนต้องดุถึงหยุดกิน
“ก็หนูวาดชอบกินนี่นา” เธอยิ้มอย่างอายๆ
ผมหัวเราะก่อนจะหยิบน้ำลอยดอกไม้นานาชนิดที่คุณชั้นเธอเตรียมค้างคืนไว้มาเทใส่หม้อ ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว ตั้งไฟจนเดือด จากนั้นจึงใส่ลูกตาลที่หั่นไว้ รอเดือดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ
“เสร็จแล้วเหรอเจ้าคะ ง่ายจังเลย” หนูวาดยิ้ม
“ของหนูวาดน่ะ เดี๋ยวพี่ทำให้ใหม่ สูตรนี้รับรองอร่อยเด็ดกว่านี้อีกนะ”  ว่าแล้วผมก็เอาลูกตาลที่เหลือเก็บไว้ มาเทใส่ในน้ำกะทิสดที่ละลายน้ำตาลปีบกับเกลือจนรสออกหวานมัน และเค็ม ปะแล่มๆ ก่อนจะตั้งไฟให้พอร้อน เรียกได้ว่า ใช้แต่ของสดๆกันเลยทีเดียว
“อ้าว นี่ของหนูวาด” ผมยิ้มและยื่นให้หนูวาดที่ทำท่าตื่นเต้นเสียยกใหญ่
หนูวาดหยิบช้อนขึ้นมาตักก่อนจะชิม
“เจ้าอัชย์เจ้าคะ” หนูวาดอุทาน ปากเคี้ยวขนมตุ้ยๆ “อร่อยมากๆเลยเจ้าค่ะ อร่อยกว่าแบบนั้นเสียอีก” หนูวาดทำตาโตแก้มป่อง ก่อนจะวิ่งถือถ้วยไปหาคุณชั้น
“หนูวาดๆ ไปไหน จะเอาถ้วยขนมไปไหน” ผมตะโกนถาม แต่ไม่ทันเสียแล้ว หนูวาดถือถ้วยวิ่งหน้าตั้งไปหาคุณชั้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อไม่มีหนูวาดก็ไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวซักนู่นซักนี่ เห็นหนูวาดทีไรผมก็อดคิดถึงเจ้าแดงมันไม่ได้ซักที เด็กสองคนนี้มีอะไรที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือกำพร้าพ่อแม่เหมือนกัน
“แดง ถ้ายังอยู่แถวนี้มากินขนมนี้นะ” ผมวางกระทงบตองที่ใส่ขนมลูกตาลกะทิสดไว้ที่โคนต้นมะขาม ก่อนจะเอ่ยชื่อแดง


“อ้าวป้าเมี้ยน ได้เวลาทำยำญวนแล้วหล่ะ” ผมร้องขึ้น
ยำญวน เป็นยำที่ผมเองก็ไม่เคยเห็น หรือได้ยินชื่อมาก่อน ดูเหมือนกาลเวลาจะทำให้อาหารไทยหลายๆอย่างเลือนหายไปมากพอสมควร นี่ขนาดผมเรียนด้านอาหาร และที่บ้านก็เปิดร้านอาหารนะ ยังไม่รู้จักอาหารไทยอีกหลายชนิดเลย
การทำยำญวนนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพราะของถูกเตรียมไว้หมดแล้ว วิธีทำก็คือ นำหมูติดมันและหนังหมูมาลวกก่อนจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ลวกกุ้ง ลวกอกไก่แล้วฉีกเป็นฝอยๆ  เห็ดหูหนูก็หั่นพอดีคำ แตงกวาอ่อนไม่ปอกเปลือกหั่นขวาง หัวผักกาดสดฝานเหมือนแตงกวา ก่อนจะเอาไปขยำเกลือให้หายขื่น แห้วซอย เมล็ดแตงโม ใบสาระแน่ ไข่ต้ม ทั้งหมดวางเรียงกันในจานเดียวกัน ก่อนจะราดด้วยน้ำยำที่ประกอบด้วย พริกแดง กระเทียม รากผักชี และเกลือโขลกละเอียด ผสมน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำส้มละลายให้เข้ากัน เวลาจะรับทานก็แค่ตักใส่จานแล้วคลุก แค่นี้ก็อร่อยเด็ดแก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดี

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
สำรับของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมยืนมองมันอย่างภาคภูมิใจ ไก่ต้มหน่อไม้ตงก็กำลังเคี่ยวได้ที่ หมอใหญ่แบบนี้คงกินได้ไม่ต่ำกว่า 40คนแน่ๆ
ระหว่างที่ผมยืนภูมิใจอยู่กับอาหารฝีมือตัวเองนั้น คุณชั้นก็เดินมาข้างหลังพร้อมกับคำแก้ว และใครอีกคนที่ผมไม่อยากพบเจออีกเลยในชีวิตนี้
“เจ้าทำอะไรให้หนูวาดกิน” ผมหันไปมอง สีหน้าคุณชั้นดูตึงเครียด แต่คนที่ดูจะเครียดและตกใจกว่าผมคือ ชงโค เธอคงไม่คิดว่าจะเจอผมอยู่ที่เรือนหลังนี้
 ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้เรื่องลูกตาลกะทิสด
“เอ่อ ผม ผมแค่ ลองทำให้หนูวาดเธอชิมแค่นั้นเองขอรับ”
คุณชั้นมองหน้าผมด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้
ในใจเธอคงก่นด่าผมอยู่ในใจว่าเหตุใดถึงกล้าขัดคำสั่งเธอ ทำในสิ่งที่เธอไม่ได้สอน คำแก้วเองก็ยิ้มสะใจนิดๆอยู่มุมปาก ส่วนชงโคนั้นกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นรูป
“รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว จักเป็นไรไหม ถ้าเราจักให้เจ้าทำขนมลูกตาลใหม่ ตามแบบที่เจ้าทำ”
เมื่อพูดจบคุณชั้นก็ยิ้มด้วยความเกรงใจ ผมนั้นเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอก ส่วนสองคนนั้นหันไปมองหน้ากันอย่างผิดหวัง

 








ของในครัวที่จะใช้เสริฟถูกเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบบนชานเรือนคุณชั้น ของบางอย่างก็ตั้งอุ่นไฟเคี่ยวอยู่ ดอกไม้ บายศรีฝีมือวิจิตร ก็พร้อมทั้งหมดรอแค่ให้บ่าวไพร่ยกไปจัดเรียงก็เป็นอันเสร็จ
ผมยกถาดผลไม้ถาดใหญ่ที่แกะสลักอย่างสวยงามถาดสุดท้ายมาวาง ก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจแก้เมื่อย
“มาอยู่นี่เองรึ พ่อตัวดี” จู่ๆชงโคก็เดินมายืนอยู่ข้างหลัง ในมือถือพัดไม้จันทร์โบกไปมา
ผมยืนหันหลังให้หล่อน สูดหายใจเข้าอย่างแรงก่อนจะพ่นออกมาอย่างเหลืออด นี่ผมเลี่ยงหล่อนทุกวิถีทางแล้วนะ ยังจะตามมารังควานอีก
“ก็นี่มันบ้านกระผม จะทำตัวดีตัวเลวยังก็ทำในบ้านตัวเอง  อย่างน้อย กระผมก็ไม่ได้ไปทำตัวเลวในบ้านคนอื่นอย่างใครบางคน” ผมพูดด้วยความเอือมระอา
สีหน้าของชงโคเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดที่พลุ่งพล่านทันที หล่อนสะบัดพัดรวบเสียงดับพั่บ ก่อนจะบีบมันไว้แน่นและเม้มปากด้วยความโกรธ
“ปากดี จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว” จู่ๆชงโคก็โพล่งพูดเรื่องตายขึ้นมา
“ก็เอาสิ คนชั่วอย่างเธอคงทำอะไรได้ไม่ดีเท่ากับการฆ่าคนอย่างเลือดเย็นแล้วหล่ะ” ผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห
“มึง” ชงโคยกแขนขึ้นหมายจะฟาดหน้าผมด้วยพัด
.
.
.
“อ้าว มาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้เล่า ชงโค” เสียงคุณชั้นดังขึ้นมา “ยังไม่รีบไปแต่งตัวอีก แขกเหรื่อเริ่มมากันแล้วนะ”
ชงโคลดมือลงมาจับไว้ที่หน้าท้องเหมือนเดิม “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับไปยิ้มกับคุณชั้น
“เจ้าค่ะ จักไปประเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
บ่ายแก่ๆของวันนี้อากาศไม่ร้อนนักเพราะมีเมฆครึ้มคอยบังแสงแดด อีกทั้งได้ร่มไม้ช่วยอีกแรง  ผมเดินลัดเลาะมาตามทางเดินริมคลอง ในใจยังคุกรุ่นไปด้วยแรงโทสะที่มีต่อชงโค ตอนที่หล่อนเงื้อมือขึ้นมานั้น มือผมก็กำแน่นอยู่แล้ว ถ้าคุณชั้นมาช้าไปกว่านี้ ผมคงได้ชกหน้าผู้หญิงคนนั้นจนฟันบิ่นเป็นแน่
“อัชย์ มาอยู่เสียที่นี่เอง หมอจรัสให้หา เร่งไปอาบน้ำแต่งตัวเข้าเถิด” หมอปีย์เดินเข้ามาหา เขาแต่งตัวภูมิฐานอยู่ในชุดสูทสากล ผมมองเขาแล้วนึกยิ้มอยู่ในใจ เขายังคงดูดีมีมาดเสมอไม่ว่าจะอยู่ในชุดใด

หลังจากที่แยกกับหมอปีย์ ผมจึงแวบไปอาบน้ำที่หลังเรือน ก่อนจะขึ้นมาแต่งตัวและหยุดยืนอยู่หน้ากระจก
“นี่เราจริงๆเหรอ” ผมเปรยกับตัวเองเบาๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าตัวเองอย่างชัดเจนหลังจากที่ไม่เคยส่องกระจกเลยหลังจากมาอยู่ที่นี้
ใบหน้าคล้ำกร้านลงไปมาก อีกทั้งผิวพรรณก็ไม่ผุดผ่องเหมือนเดิม
“ฟึบ!!!” จู่ๆแสงวาบจากกระจกก็พุ่งเข้าตาผมจนต้องหลับตา แต่พอลืมตาขึ้นทุกอย่างก็เป็นปกติ
“เฮ้ย อะไรกัน” ผมตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แสงที่คล้ายไฟหน้ารถยนต์เมื่อกี้นี่มันคืออะไรกัน  ผมสะบัดหัวสองสามครั้งด้วยความไม่เข้าใจ แต่ไม่มีเวลาจะมาหาคำตอบในเรื่องนี้ ผมวิ่งไปหยิบชุดสูทมาใส่ เสร็จแล้วจึงเอาน้ำมันมาใส่ผมเซตให้ดูดีที่สุด

“มาแล้วรึ เรากำลังจักไปตามเจ้าอยู่พอดี” หมอปีย์ทักขณะที่ผมมายืนอยู่ข้างๆมองออกไปลานหน้าเรือน
“แขกเหรื่อมากันเยอะแล้วนี่” ผมมองออกไปยังชายหญิงฝรั่งคู่หนึ่งที่ยืนอยู่อย่างสง่างาม ฝ่ายชายนั้นมาในชุดทักซิโดสีดำ  เข้ากับหนวดที่โค้งพองาม ส่วนฝ่ายหญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นก็ดูสวยงามในชุดฟูฟ่อง
อีกมุมหนึ่งของลานก็มีอีกคู่ ยืนคุยกันอยู่
“ไปทำหน้าที่ของเจ้าสิ พ่ออัชย์” หมอปีย์กระทุ้งแขนผมเบาๆ
ณ ริมน้ำ หมอจรัสยืนคุยอยู่กับชายแก่คุ้นหน้าคนหนึ่งอย่างสนิทสนม ผมหรี่ตามองให้ชัดเจนขึ้น จนเมื่อชายแก่คนนั้นหันหน้ามา ผมถึงได้ร้องอุทานขึ้นมาเบาๆว่า
“พระยาบริรักษ์”
“ฟึ่บบบบบบบบบบบบ!!!”
ทันทีที่เอ่ยชื่อของพระยานั่น แสงสว่างวาบก็จ้าเข้ามาในตา แล้วภาพเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น
....................พระยาบริรักษ์กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในมือของเขาถือมีดที่เปื้อนไปด้วยเลือด และที่พื้นนั้นเอง ผมได้เห็นภาพหมอจรัสที่นอนฟุบอยู่กับพื้นที่นองไปด้วยเลือดแดงฉาน
“Excuse me. Where is the rest room”  เสียงของแหม่มฝรั่งคนหนึ่งกระชากผมจากภวังค์อันน่าสยดสยองนั้น ขนแขนยังลุกชันในขณะที่ตอบแหม่มผู้นั้นไป
“นี่มันอะไรกัน”  ผมเปรย

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ยิ่งเย็นแขกยิ่งมากันคึกคักมากขึ้น ทั้งหมอจรัส ผม หมอปีย์และสนต่างวุ่นวายอยู่กับการรับแขก และคอยอำนวยความสะดวก ส่วนพวกผู้หญิงนั้นไม่ว่าจะเป็นชงโค คำแก้ว หรือแม้แต่รำพึงซึ่งหมอปีย์เป็นคนเชิญมาช่วยรับแขก ต่างก็ช่วยทำหน้าที่ของตัวเอง
แขกที่มางานในคืนนี้ส่วนใหญ่เป็นแขกต่างบ้านต่างเมือง งานนี้จึงเป็นเหมือนงานแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเสียมากกว่า พวกหมอผู้ชายก็จะจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องวิวัฒนาการของโรคและการรักษา มีหมอชาวสเปนที่ประจำอยู่ที่หัวเมืองมะละกาเล่าให้ฟังถึงโรคประหลาดที่นั่น ที่อาการของโรคนั้นน่ากลัวและรุนแรง เขาเล่าให้ฟังว่าโรคนั้นจะเริ่มจากการที่ผู้ป่วยจะเริ่มมองอะไรไม่ชัด หกล้มบ่อย ควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนร่างกายไม่ใช่ของเรา จากนั้นก็จะเดินไม่ได้ ต้องนั่งอย่างเดียว อาการต่อไปก็คือ ขยับร่างกายไม่ได้ พูดไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด
ส่วนหมออีกคนที่มาจากอังกฤษก็เล่าว่าที่สิงคโปร์นั้นแพทย์แผนปัจจุบันนั้นก้าวหน้าไปมาก ด้วยเพราะสิงคโปร์ได้รับการช่วยเหลือและความรู้จากอังกฤษ หมอผู้นั้นเล่าอย่างภูมิใจ โดยไม่ลืมทิ้งทายว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชินาถ อลิซาเบธที่ 2
เมื่อพวกผู้ชายสุมหัวกันพูดถึงแต่เรื่องวิชาการ ฝ่ายภริยาที่เฝ้าติดตามก็แยกกลุ่มมานั่งคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่ ความสวยความงาม แฟชั่นเครื่องแต่งกาย อาภรณ์ที่กำลังได้รับความนิยม หนึ่งในผู้ที่ร่วมวงเสวนาด้วยก็คือ รำพึงนั่นเอง
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ผู้คนหนาตามากขึ้น แสงไฟถูกจุดขึ้นโดยรอบจนสว่างจ้า วงดนตรีไทยบรรเลงสลับกับวงสากล ให้บรรยากาศเหมือนมางานการ์ล่า ดินเนอร์ของพวกผู้ดีฝรั่งยังไงชอบกล
บ่าวไพร่ที่ทำหน้าที่ของตนหมดแล้วต่างแยกย้ายไปพักผ่อนที่หลังเรือน มีเพียงบางส่วนที่มาซุ่มแอบดูงานและพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นบรรดาแหม่มหัวทองแต่งชุดที่รัดเอวเสียจนกิ่ว แหม่มบางคนนึกพิเรนทร์เมื่อเห็นบ่าวผู้หญิงสุมหัวกันแอบมอง หล่อนเดินเข้าไปหาก่อนจะหมุนตัวจนกระโปรงบานเผยให้เห็นเนื้อใน
บ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันกรีดร้องด้วยความตกใจกลัว วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน สร้างความครื้นเครงให้กับบรรดาแหม่มเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
“ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้าจงเร่งไปบอกคุณชั้นให้ยกสำรับมาเถิด” หมอจรัสเดินมาหาผมซึ่งกำลังคุยกับฝรั่งจากอังกฤษอย่างออกรสถึงเรื่องราวที่เคยไปใช้ชีวิตที่ออสเตรเลีย
“I have to go.” ผมบอกก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า คราวหน้าจะกลับมาเล่าถึงการทำงานของเครื่องซักผ้าให้ฟัง

เรือนคุณชั้นมีบ่าวไพร่ผู้หญิงนั่งคอยอยู่แล้ว ส่วนคุณชั้นนั้นก็ได้เดินดูความเรียบร้อยอยู่บนเรือน
“คุณชั้นขอรับ หมอจรัสให้มาบอกว่า ให้ยกสำรับอาหารเย็นไปได้แล้วขอรับ” ผมบอก คุณชั้นหันไปพยักหน้าให้ป้าเมี้ยน ป้าแม้น สองพี่น้องช่วยกันดูแลจัดการเรื่องนี้ หนูวาดนั้นยืนอยู่ข้างๆคอยชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่าง คงอยากไปร่วมสนุกกับงานนี้เสียเต็มประดาแต่ถูกคุณชั้นห้ามไว้
“ไว้รอนางรำแสดงก่อนนะ หนูวาด ป้าจักพาไปดู” หนูวาดหน้าจ๋อยแต่ก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
ขบวนอาหารถูกยกมาวางตามโต๊ะต่างๆ อาหารเหล่านี้จัดมาเป็นชุดๆ แขกเหรื่อต่างนั่งประจำโต๊ะตามที่ตัวเองต้องการ อาหารก็จะถูกยกมาเสริฟเป็นจานๆ บ่าวบางคนมือสั่นตัวสั่นเมื่อเข้าใกล้ฝรั่ง จนสนเห็นเข้าจึงต้องอาสาเป็นคนยกสำรับมาเสริฟเอง
หมอจรัสนั่งร่วมโต๊ะกับฝรั่งอีกสามคู่ พร้อมกันนั้นข้างๆก็ยังมีพระยาบริรักษ์ที่แต่งตัวในชุดราชปะแตน ในมือถือซิกก้าไม่ยอมวาง
เมื่อดนตรีสากลจากการบรรเลงของฝรั่งที่หมอจรัสไปขอยืมตัวมาจากโบสถ์คริสต์ ดังขึ้น ทุกคนก็ต่างลงมือรับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า เสียงแหม่มบางคนถามสามีถึงอาหารว่าทำมาจากอะไรรสชาติเผ็ดหรือไม่ดังขึ้นอยู่เป็นระยะ
ผมจึงอาสาหมอจรัสเดินไปตามโต๊ะต่างๆเพื่อแนะนำอาหาร กรรมวิธีการทำ และส่วนประกอบ อีกทั้งรสชาติที่ล้ำลึก
“ที่บ้านยูกินเป็ดกันด้วยรึ” หมอฝรั่งคนหนึ่งถามเมื่อเห็นเมนูเป็ดตุ๋นส้มจีน ผมเข้าใจฝรั่งท่านนี้ดีเพราะตามธรรมเนียมของฝรั่งบางที่แล้วนั้นเป็ดก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงในสวนสัตว์เหมือนนกพิราบตามสนามหลวงบ้านเรา ไม่คิดว่าจะกินได้ แต่เมื่อฟังที่ผมบรรยายสรรพคุณและกรรมวิธีการทำพร้อมทั้งตักให้เขาชิม เขาก็ออกปากชมไม่หยุดปาก
ส่วนแหม่มจากโปรตุเกสอีกคนนั้นสนใจในแกงกะหรี่กุ้งสดแตงอ่อนเป็นพิเศษ เธอชื่นชมกลิ่นที่หอมเย้ายวนของเครื่องเทศและที่สำคัญฝีมือการแกะสลักแตงอ่อนอันประณีตของบ่าวเรือนคุณชั้น
“ชั้นแทบไม่อยากจะเคี้ยวมันเลย” เธอรำพึง
ผมเดินไปรอบๆบริเวณงานคอยอำนวยความสะดวกและให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยแก่พวกฝรั่ง  ภรรยาของหมอหลายท่านถึงขนาดออกปากขอร่ำเรียนอาหารไทยเลยทีเดียว นี่ยิ่งทำให้ผมภูมิใจยิ่งนัก
“ยูทำดอกไม้อันวิจิตรนี้จากมะละกอได้อย่างไร”
“สีม่วงงดงามนี้ได้มาจากสิ่งใด”
“ใบไม้ที่อยู่ในแกงนี้กินได้หรือไม่”
คำถามเหล่านี้ดังขึ้นเกือบทุกโต๊ะ จนผมวิ่งแทบไม่ทัน แต่ผมก็ภูมิใจที่พวกเขาเหล่านั้นให้ความสนใจและบอกว่าเขาไม่คิดว่าอาหารไทยจะอร่อยขนาดนี้
ในเวลาที่ทุกคนรับประทานอาหารนั้น มีผมเพียงคนเดียวที่เดินวุ่นไปรอบๆบริเวณ จนหมอจรัสกล่าวชมกับหมอปีย์ว่าไม่เสียแรงที่ให้ผมมาช่วยงาน
ฝรั่งโต๊ะแล้วโต๊ะเล่าที่กล่าวชื่นชมถึงรสชาติของอาหารไทย บางคนออกปากร้องอุทาน oh my gods ขึ้นมาก็มี พวกเขาเหล่านั้นล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาไม่เคยคิดว่าสยามจะมีอารยธรรมจนกระทั่งได้มาลิ้มลองอาหารไทย
ฟังแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้ ที่ถึงแม้ฝรั่งในยุคนั้นหลายๆคนจะดูถูกสยามเรื่องความล้าสมัย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติอาหารไทย ทัศนะคติแย่ๆของพวกเขาก็เปลี่ยนไปได้ในที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






อ๊บๆ

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มก่อนอ่าน  :z13: :z13:

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อเริ่มทานอาหารเย็นเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ที่โต๊ะเรามีหมอปีย์ สน และฝรั่งซึ่งเป็นลูกชายของหมอริชาร์ดกับภริยาที่ชื่อฟาติมะ นั่งอยู่ด้วย
“ฝีมือเจ้านี่เข้าขั้นทีเดียวนะ เจ้าอัชย์” สนเอ่ยปากชม ขณะกำลังเคี้ยวยำญวนอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยเหรอ สน” ผมถาม
“อื้อ”
“เดี๋ยวเราทำให้กินอีกเอามั๊ย ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ยังไม่ได้แสดงฝีมือ” ผมหัวเราะ และคงจะหัวเราะมีความสุขมากไปหน่อย ทำให้หมอปีย์มองค้อนขวับ
“รสชาติยังไม่ถูกปากเท่าไรนัก ขาดความจัดจ้าน”  จู่ๆ หมอปีย์ก็วิจารณ์ออกมาโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนทำ
“อ้าว ก็ทำให้ฝรั่งกินนี่นา” ผมว่า
“ฝรั่งกินแล้วกระไร ทำไมต้องเอาใจฝรั่ง”
“ก็เขาเป็นแขก อีกอย่างอาหารไทยแท้ๆรสก็ไม่ได้จัดมากซะหน่อย”
“ใช่ขอรับ หมอ กระผมว่ารสชาตินี่ก็ดีมากแล้วนะขอรับ”  สนพูดแทรกขึ้นมาโดยไม่รู้ชะตากรรม
“ใครขอความเห็นเจ้า อ้ายสน” หมอปีย์ตวาดแว๊ดขึ้นมาจนสนต้องรีบก้มหน้าก้มตากินงุดๆ
“ผิดจังหวะไปหน่อยวะสน ฮิๆ” ผมกระเซ้าสนก่อนจะหัวเราะคิกๆ
“หัวเราะอันใดของเจ้า” หมอปีย์เสียงแข็ง
“โอ้ย หมอเป็นอะไรของนาย ทำไมต้องดุดันขนาดนั้นด้วยวะ ดูสิ ไนเจล กลัวจนตัวสั่นแล้ว” ผมหมายถึงฝรั่งที่นั่งร่วมโต๊ะกับเราด้วย
หมอทำหน้ายู่ยี่อยู่พักหนึ่ง แต่พอไนเจลถามว่าคุยเรื่องอะไรกัน เขาถึงยิ้มและหันกลับมาคุยปกติ
แต่ยิ่งหมอปีย์มีท่าทางกระฟัดกระเฟียดแบบนั้น ผมกับสนซึ่งเห็นเป็นเรื่องสนุกจึงเอาใหญ่ ต่างพากันนั่งแซวหมอปีย์จนเป็นที่พอใจ
แขกเหรื่อเริ่มวางช้อน ซึ่งแสดงว่าพวกเขารับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอจรัสจึงให้เด็กไปบอกเหล่านางรำให้ออกมาแสดง
ทันทีที่เสียงปี่พาทย์บรรเลง เหล่าบรรดาแขกในงานต่างก็ลุกขึ้นชะเง้อดูด้วยความสนใจ และถามไถ่กันว่ามันคืออะไร หน้าที่นี้กลายเป็นหน้าที่ของรำพึง สน และหมอปีย์ที่คอยแนะนำ เพราะผมนั้นความรู้เรื่องนี้เป็นศูนย์

ชงโคกับคำแก้วนั้นนั่งคุยกระซิบกระซาบกันอยู่อย่างมีพิรุธ แต่ผมก็ปรามตัวเองว่าผมคงคิดมากไป คนที่ผมควรจะจับตาดูเป็นพิเศษน่าจะเป็นพระยาบริรักษ์เสียมากกว่า
แต่พระยานั่นก็ดูสงบนิ่งเกินกว่าจะมีอะไรให้จับผิด อาจเป็นเพราะเขาวางแผนร้ายมาดีเลยไม่หลุกหลิกให้เห็น ด้านชงโคกับคำแก้วนั้นดูเหมือนจะกำลังทุ่มเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ ชงโคยื่นบางอย่างให้คำแก้ว แต่เธอมัวแต่ส่ายหน้า ชงโคดึงมือเธอไว้ก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้สีหน้าคำแก้วดูอ่อนลงและยอมรับของในมือชงโคในที่สุด
 
แล้วจู่ๆคำแก้วก็ลุกขึ้นหันซ้ายหันขวาอย่างร้อนรน ก่อนจะเดินก้มหน้าหายไปในพุ่มโกสนข้างเรือน
“เจ้าอัชย์” สนเอามือมาแตะบ่าผม “หมอจรัสท่านสั่งให้ยกสำรับของว่างมาได้แล้ว”
ผมพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองหาคำแก้วอีกรอบแต่ไม่เห็นเธออีกแล้ว

ขนมถูกตักวางใส่ถาดทองเหลืองไว้เรียบร้อย โดยคุณชั้นจะให้แขกเลือกว่าจะรับเป็นน้อยหน่ากะทิ หรือจะเป็นลูกตาลกะทิสด แต่ขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปบอกบ่าวให้ยกสำรับ สายตาพลันเหลือบไปเห็นคำแก้วกำลังให้หนูวาดก้มๆเงยๆทำอะไรสักอย่างกับถาดขนมหวานถาดเล็ก
“ทำอะไรกันน่ะ” ผมตะโกนถาม
“เจ้าอัชย์” หนูวาดเงยหน้าขึ้นมา “ คำแก้วให้หนูวาด..................”
“ให้หนูวาดยกถาดไปนะสิ ไปกันเถอะหนูวาด ประเดี๋ยวคุณป้าจะเอ็ดเอา” คำแก้วรีบเอามือปิดปากหนูวาดก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาทันควัน พลางยกถาดขนมเดินจูงมือหนูวาดออกไป
ตอนนั้นผมไม่เอะใจอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะภาพที่เห็นเพียงแค่หนูวาดก้มลงหยิบถาดแค่นั้นเอง อาจไม่มีอะไรก็เป็นได้
คำแก้วร้องบอกให้บ่าวคนอื่นยกสำรับขนมตามไป ก่อนที่เธอจะถือถาดเล็กเดินนำหน้าไปก่อน
ผมกับสนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามหลังเธอไปอย่างเงียบ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เมื่อเราเดินมาถึงบริเวณที่จัดงาน การแสดงนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัยก็เดินทางมาถึงช่วงที่กำลังจะโยนพวงมาลัยให้เจ้าเงาะพอดิบพอดี คุณชั้นยืนมองอย่างสนใจใกล้ๆกับหนูวาดซึ่งเดินมาสมทบ ส่วนคำแก้วนั้นยื่นถาดให้ชงโคเป็นคนยกถาด หล่อนถือถาดไม่ยอมวางมือราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งถาดนั้นไป
  ผมกลับเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับหมอปีย์ และหมอจรัส ที่ตอนนี้ย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกันด้านหน้าเวที

เมื่อเรานั่งกันครบ หมอจรัสจึงให้สัญญาณยกสำรับอาหารหวาน โดยที่บ่าวจะเดินถือถาดมาโต๊ะละสองคน คนแรกถือถาดน้อยหน้ากะทิ อีกคนถือลูกตาลกะทิสด เพื่อให้แขกเลือก
ในขณะที่บ่าวคนอื่นกำลังเดินถือถาดให้แขกเลือกอาหารหวานอยู่นั้น ชงโคก็เดินมาที่เรา ก่อนจะหันไปบอกว่า
“หมอจรัสเจ้าคะ รับเป็นลูกตาลนะเจ้าคะ” น่าแปลกที่เธอไม่ถามความเห็นของหมอจรัส แต่ได้ยื่นถ้วยลูกตาล วางไว้หน้าหมอ
“ส่วนนี่ของเจ้า ก็ลูกตาลเหมือนกัน” ชงโคกระแทกเสียงใส่ผมแล้ววางถ้วยขนมโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์เลือก
 ก่อนจะหันไปฉอเลาะใส่หมอปีย์
“หมอปีย์เจ้าคะ น้อยหน่ากะทิเจ้าค่ะ อิชั้นเก็บไว้ให้หมอโดยเฉพาะนะเจ้าคะ”  ชงโคชม้ายชายตาให้หมอปีย์ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมและมองมาที่โต๊ะเราเป็นระยะๆ



“ของนายเป็นอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามสน
“น้อยหน่ากะทิ” เขาตอบ
“เฮ้ย แลกกับชั้นมั๊ย ของชั้นลูกตาลกะทิสด ฝีมือชั้นทำเองเลยนะ ไม่อยากกินฝีมือตัวเองว่ะ อยากลองกินฝีมือคุณชั้นดูบ้าง” ผมยิ้มก่อนจะดันถ้วยไปทางสน
“เอาสิ” สนกำลังจะเอื้อมมือมารับถ้วย
“ไม่ได้!!” แต่หมอปีย์ร้องปรามในลำคอ “เอามานี่” เขาบอกให้สนดึงถ้วยลูกตาลไปให้เขา
“เฮ้ย หมอ ชั้นให้สนนะเว้ย” ผมคำรามกลับไปเบาๆ
“ก็เราจักกินถ้วยนี้นี่”
“หมอนี่ เอ ก็ไปแลกกับคนอื่นสิวะ ทำเป็นเด็กไปได้”
“สนเอามาให้เรา”  หมอปีย์ออกคำสั่ง สนซึ่งหันซ้ายหันขวาจนคอจะเคล็ดในที่สุดก็ยอมทำตามที่หมอปีย์บอก
ทันทีที่เขารับถ้วยลูกตาลกะทิสด หมอปีย์หันมามองหน้าผมเล็กน้อย สายตาของเราสบกันชั่วครู่แต่ผมรู้สึกว่าการสบตากันครั้งนี้มันเนิ่นนานกว่าผมจะละสายตาจากเขาไปมองการแสดงที่อยู่ตรงหน้าได้

เสียงปี่พาทย์บรรเลงเพลงเป็นจังหวะเร่งเร้า ทำให้ภาพนางรจนาที่กำลังจะเสี่ยงพวงมาลัยนั้นยิ่งทวีความตื่นเต้นขึ้นไปอีก
นางรจนารำร่อนไปมา ทำท่าเงื้อมือจะโยนพวงมาลัยใส่แขกแต่ก็ดึงกลับ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่นางอิดเอื้อนแอ่นร่างไปมาตามจังหวะระนาดที่เร่งเร้า
ฝรั่งมังค่าต่างจับจ้องว่านางรจนาจะยอมโยนพวงมาลัยไปให้เจ้าเงาะตัวดำปี๋ ที่ทำท่ารำเก้กังดูน่าขันอยู่ใกล้ๆหรือไม่

ทันทีที่จังหวะปี่พาทย์บรรเลงเพลงมาจนถึงช่วงสุดท้าย เสียงระนาดหยุดลงกึก ทุกอย่างในบริเวณนั้นเงียบลงอย่างถนัดตา แขกเหรื่อรวมทั้งผมด้วยแทบจะหยุดหายใจ
นางรจนาค่อยๆง้างมือขึ้นก่อนจะโยนพวงมาลัยให้เจ้าเงาะในที่สุด

“เพล้ง!!!” แต่แล้วจู่ๆเสียงถ้วยแตกก็ดังขึ้นทำลายความเงียบและขลังของการแสดง ทุกคนต่างชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมหันกลับมาจากการแสดงตรงหน้า
และก็ต้องพบกับภาพหมอปีย์ที่บัดนี้ ล้มลงดิ้นทุรนทุรายก่อนฟุบแน่นิ่งกับพื้น

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
จบรึยังคะเนี่ย??
กลัวคั่นจังเลย  ToT

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!
อินังสองคนนั้นและไอ้เฒ่าชั่วแน่ๆที่เป็นคนทำ!!
จริงๆแล้วตั้งใจจะวางยาพ่ออัชช์ใช่มั๊ย
แต่หมอปีย์กลับมาโดนแทน
ไอ้พวกเชี่ยยยยยย!!  หึ๊ยยยยยยยยยยยยย   :z6:   :z6:

เมื่อไหร่อิชะนีทั้งสองจะหายไปจากเรื่องนี้ซะที  เกลียด!!   :m31:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2011 21:51:28 โดย PAAPAENG~ »

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผมนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งราวกับสิ่งที่เห็นมันเป็นภาพจากในละคร ในสมองสับสนว่านี่คือเรื่องจริงหรือฝัน ภาพหมอปีย์ที่นอนแน่นิ่งตรงหน้านั้นใช่เขาจริงหรือเปล่า
“หมอปีย์ขอรับ หมอปีย์”  เสียงสนตะโกนเรียกหมอพลางเขย่าตัว เขาเป็นคนแรกที่ถลาเข้าไปหาร่างของหมอ
“หมอถูกวางยา  หมอถูกวางยา!!” และเสียงตะโกนนี้ของสนนี่เองที่ทำให้ผมได้สติ ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด แต่ก็วิ่งไปหาร่างของหมอก่อนจะประคองเขาไหว
“หมอ หมอ”  เสียงตะโกนเรียกชื่อหมอ ดังแข่งกับเสียงหวีดร้องเส็งแซ่ ภาพหลังจากนั้นชุลมุนวุ่นวายไปหมด ผมเห็นภาพเหล่านั้นเป็นเพียงภาพเบลอๆ ขาดหายเป็นห้วงๆ เพราะมีเพียงภาพเดียวที่ชัดเจนคือภาพของหมอนี่นอนแน่นิ่งอยู่บนตักผม
“หมอ อย่าเป็นอะไรนะหมอ” เมื่อผมแน่ใจว่าคนที่นอนอยู่บนตักเป็นหมอ น้ำตาก็ไหลพรากจนเกินจะควบคุม มือทั้งสองข้างตบแก้มของหมอ พร้อมๆกับเขย่าตัว ปากก็ตะโกนเรียกชื่อเขาไม่ขาด
หมอถูกวางยา ใครวางยาหมอ สิ่งเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวผม แต่ในใจผมมีเพียงเสียงเดียวคือเสียงเรียกร้องให้หมอกลับมา ให้หมอไม่เป็นอะไร

“หลีก” มือของใครคนหนึ่งกระชากแขนผมอย่างแรง ก่อนจะดึงเอาร่างของหมอปีย์ไป
“จับตัวมันเลยเจ้าค่ะ มันผู้นี้แหละ เป็นผู้วางยาหมอ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนก้องอยู่ด้านหลัง แล้วหลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนที่มาจากไหนไม่รู้ต่างกรูเข้ามาจับแขนผมไว้ ผมดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ไม่ใช่เพราะต้องการหนี แต่เพียงแค่อยากเข้าไปหาหมอที่นอนอยู่ไม่ไกลเท่านั้น
แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่เข้าใจ ต่างช่วยกันฉุดยื้อ และจับผมกดลงกับพื้นพร้อมกับใช้เข่ากดท้ายทอยผมจนหายใจแทบไม่ออก
“ปล่อยกู ปล่อยกู กูจะไปหาหมอ ปล่อย!!” แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่ยอมแพ้ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีดิ้นรนพร้อมตะโกน จนน้ำลายกระเซ็นเหมือนหมาบ้า จากที่มีคนจับอยู่เพียงสองสามคน บัดนี้ผมรู้สึกว่า มีคนนับสิบกำลังทับร่างผมเอาไว้
“ปล่อยกูนะ กูจะไปหาหมอ ปล่อยกู”  น้ำตาที่ไหลเป็นทางทำให้ผมมองเห็นหมอปีย์เลือนรางเหลือเกิน เขายังคงไม่ได้สติ มีใครคนหนึ่งกำลังอุ้มร่างหมอปีย์ไป
“ปล่อยกู!!!” ผมกัดฟันกรอด สะบัดแขนออกจากการจับกุม และดิ้นพราดเหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก มือตะกุยพื้นดินเพื่อเป็นที่ยึดดึงร่างไปหาหมอจนเล็บฉีกกระจุย ปากก็ตะโกนร้องเรียกหาหมอ
“ปล่อยกูนะ!!”


“ไอ้ฆาตกร“ผั๊วะ!!” สิ้นเสียงนั้น สายตาของผมก็ค่อยๆลางเลือน สติค่อยหลุดลอย ลมหายใจค่อยๆแผ่วลง
“หมอ เอาหมอคืนมา” แล้วในที่สุดผมก็หมดสติไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
คืนนี้พอก่อนนะครับ แก๊งส์สามช่ามาถึงแล้ว ไปดูก่อนนะครับ อิๆ

annachang

  • บุคคลทั่วไป
อิคำแก้วววววววว!!!!! อินังโคถึกกกกกกกกกกกก!!!!  :z6: :z6:

แกคิดจะวางยาพ่ออัชย์สินะหมอปรีย์รับเคราะห์แทนสนไปซะงั้นแน่ะ เอายัย 2 ตัวนี้ไปถ่วงแม่น้ำเจ้าพระยาที  :m31:

หมอปรีย์อย่าเป็นอะไรนะ คุณชั้นช่วยพ่ออัชย์ด้วย :sad4:

ออฟไลน์ Oilsaoo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-3
อ๊ากก ค้าง
ค้างมากกก
พ่ออัชย์จะเป็นไงเนี้ยย

eat2tea

  • บุคคลทั่วไป
dislike ชงโคและคำแก้ว นางเลวที่สุด เลวมากจริงๆ บังอาจทำร้ายหมอปีย์ ใส่ร้ายป้ายสีพ่ออัชย์ :angry2:

ส่วนพระยาบริรักษ์ก็ไม่น่าไว้วางใจ จะมาไม้ไหนกันแน่

จะรออ่านตอนต่อไปน่ะคับพี่เป็ด +1 เป็นกำลังใจให้น่ะคับ  o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2011 21:55:57 โดย eat2tea »

อ๊บๆ

  • บุคคลทั่วไป
ใครทำร้ายหมอปีย์ กะพ่ออัชย์   ฆ่ามานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :beat: :beat: :beat:
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หมอปีย์ห้ามตายนะ พ่ออัชย์อย่าเป็นไรไปนะเว่ย !!!  :m15:

ค้างงงง มากเลยค่ะ โฮๆ รอตอนต่อไปนะคะ

Gallavardin_phen

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มมมมมมมมมมๆๆๆๆๆๆๆ

konan6688

  • บุคคลทั่วไป
อีชงโคชงกระบือ น่านักเชียว

parncrazy

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องก็ใกล้จะจบแล้ว 
ดูท่าจะสมหวังในภพนี้คงยาก  :sad4: :sad4: แต่ก้ยังหวังอยู่ลึกๆนะครับ

:: สงสารหมอปีย์  อย่าเป็นอะไรเลยนะ :seng2ped:


ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
โอ้ยยยย ค้างงงมากกกกกกกกก

MokGaLaKom

  • บุคคลทั่วไป
ตัดจบได้ทำร้ายจิตใจกันยิ่งนัก
อ๊ายยยย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
น้ำตาจะคลอแล้ว ไม่อยากให้จบเศร้าเลยอ่ะ อย่านะ ขอร้อง

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หมอหายไปกับแก๊งสามช่าซซะแล้ว

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ง่าาาาาาาาาาาาบีบหัวใจสุดๆ

Alphas

  • บุคคลทั่วไป
แอร้ยยยยย หมอปีย์อย่าเป็นอะไรนะ
พ่ออัชย์จะโดนอะไรบ้างเนี่ย
เครียดดดด :m31:

aj_yj

  • บุคคลทั่วไป
พี่เป็ดดดดด...แก๊งสามช่ามาแล้ว (ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย -_-)

หมอ! หมอออ!! หมอปีย์!!!!!  โฮววววววววววววววววววว  :o12:
หมออย่าเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ หมอเป็นอะไรไปอัชย์คงขาดใจตาย

ฉันรู้นะนังชงโคว่านี่เป็นฝีมือเจ้า! อันที่จริงแกจะฆ่าพ่ออัชย์ใช่หรือไม่!!  :z6:
นังผู้หญิงใจชั่ว ทำอย่างนี้ได้ยัง!!!  ชงโค คำแก้วววว!!!  :beat: :beat:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด