“มันนานมากเลยเหรอที่เจ้าจากเราไป”
“นานสิหมอ นานมาก จนนายคาดไม่ถึงเลยหล่ะ”
เขาพยักหน้า
“แต่คราวนี้ ชั้นจะอยู่กับนายที่นี่ตลอดไปแล้วนะเว้ย ชั้นจะไม่กลับไปอีก”
หมอปีย์นิ่งไปจนผมอดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรเหรอหมอ”
“เปล่าๆ” เขารีบบอกปัด แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“หมอ โทษของชั้นมันหนักแค่ไหน ถึงขนาดต้องจำคุกเลยมั๊ย” ผมถาม
แต่หมอปีย์ก็ยังไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่จ้องหน้าผมแล้วแน่นิ่งไป
“หมอเป็นอะไรรึเปล่า”
“อ๋อ เปล่าดอก” เขาเหมือนสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา
“ช่างเถอะนะ พรุ่งนี้จักเป็นอย่างไรก็ช่าง คืนนี้เราขอนอนเป็นเพื่อนเจ้าที่นี่.....เป็นคืน...........”น้ำเสียงเขาขาดห้วง เสียงเรไรร้องระงม ผมแน่นิ่งไป เหมือนไม่แน่ใจในวันพรุ่งนี้
“นะ ยังไงก็เถอะ คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหน่อยก็แล้วกัน ชั้นน่ะกลัวผีจะตายไป” ผมฝืนยิ้ม
“ถึงคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้นอนกับนาย ก็ขอให้นายทำดีกับชั้นหน่อยก็แล้วกัน คืนหลังจากนี้ คืนที่ต้องนอนคนเดียวในคุก ชั้นจะได้นึกถึงมัน” ผมยิ้ม เหมือนน้ำตาจะไหล
หมอปีย์คว้าผมไปกอดแน่น ร่างเขากระตุกเป็นระยะ
“หมอ” ผมลูบหลังเขาเบาๆ
“ชั้นแค่ติดคุกเองนะหมอ ไม่ได้ตายซะหน่อย อย่ามาทำเป็นร้องไห้หน่อยเลย” ผมปลอบใจหมอ ซึ่งอันที่จริงน่าจะเรียกว่าปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
คืนนั้นอากาศร้อนอบอ้าว ผมจำได้ ผมขอร้องให้หมอปีย์พาไปอาบน้ำ เพราะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งวันพรุ่งนี้ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เลยต้องพร้อมไว้ก่อน
ครั้งแรกหมอปีย์ไม่เห็นด้วย เขาพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้ผมอาบน้ำบนเรือน แต่ผมรับปากเขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าผมจะไม่หนีเด็ดขาด เพราะไม่รู้จะหนีไปไหน
เขาถึงอนุญาต แต่ขอไปนั่งเฝ้าเป็นเพื่อน
“หมอ” ผมร้องเรียกเขาออกมาจากฉากไม้ที่กั้นระหว่างเรา “นายว่าพระจันทร์ข้างบนนู่นจะใจดีรึเปล่านะ” ผมถาม เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลตา
“ทำไมรึ”
“ก็ชั้นน่ะ ตอนที่จากนายไป ก็เอาแต่อธิษฐานกับพระจันทร์ขอให้ชั้นได้กลับมาหานายอีกครั้ง” ผมนึกย้อนวันที่ตัวเองต้องตื่นขึ้นมาในตอนดึกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและพบว่าโลกที่กำลังหายใจอยู่นั้น ไม่มีหมอปีย์
“แต่พระจันทร์ก็ไม่เคยให้สนใจฟังชั้นเลยนะ ทุกคืนชั้นจะพูดกับพระจันทร์ดวงเดิมนั้น และถามว่า นายจะมองพระจันทร์ดวงเดียวกับชั้นอยู่หรือเปล่า” ผมนึกขันตัวเองอยู่ในที
“แต่พระจันทร์ก็ไม่ตอบ ชั้นว่าใจร้ายมากกว่านะ ฮ่าๆๆ” แล้วผมก็หัวเราะในความโง่เขลาของตัวเอง
“แต่เจ้าก็ได้กลับมาแล้วมิใช่รึ จักใส่ความว่าพระจันทร์ใจร้ายมิได้แล้วนะ” หมอปีย์หัวเราะในลำคอ
“ที่พระจันทร์มิยอมให้ดั่งเจ้าประสงค์ มิยอมตอบข้อกังขาของเจ้า อาจจักมีเหตุผลก็ได้นะ” หมอปีย์หยุดพูด
“เหตุผลอะไร” ผมถามออกมา
“ก็เหตุผลที่ว่า พระจันทร์คงอยากให้เจ้า รู้ใจตนเองเสียที”
คำตอบของหมอปีย์ทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เวลา20 ปีในขณะนั้นได้ทำให้ผมแน่ใจแล้วว่า ผมรักเขาคนนี้มากแค่ไหน
“เราขอแต่งตัวให้เจ้า ได้หรือไม่”
ผมกลับมาอยู่ในห้องๆเดิม กุญแจถูกคล้องและลงกลอนอย่างแน่นหนาอีกครั้งโดยที่หมอยอมให้ตัวเองถูกขังอยู่กับผมด้วย
ผมถามเหตุผลเขาว่าทำไมถึงต้องมาอยู่กับผมในนี้ด้วย พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอีก
เขาตอบมาเพียงสั้นๆแค่ว่า
“ไม่อยากจากกันไปไหนอีกแล้ว แม้แต่วินาที”
เท่านี้ผมก็ไม่เซ้าซี้อะไร ปล่อยให้ห้องถูกลงกลอนและยินยอมถูกกักขังหากห้องนี้มีหมออยู่ด้วย
“ขอเราแต่งตัวให้เจ้านะ พ่ออัชย์” น้ำเสียงของหมอปีย์เศร้าสร้อย
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคอจีนสีขาวที่อบด้วยดอกปีบและเล็บมือนางจนมีกลิ่นหอมเย็น
หมอโอบผมไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง ทันทีที่หน้าอกของเขาสัมผัสแผ่นหลัง ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่เขามีให้ ความปลอดภัยและอุ่นใจที่ได้อยู่ใกล้เขา ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่กลัว
เสื้อถูกสวมอย่างช้าๆ เขาใช้มือค่อยๆลูบไล้ให้ผ้าแนบกับลำตัว ผมได้แต่ยืนแน่นิ่ง
“หมอ”
เสียงลมพัดใบมะม่วงไหวริกๆ
“ชั้นจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้วนะ”
...